3

บทที่ 3

3

“จะจด...จริงๆ เหรอคะ” รสิกาถามเสียงสั่น

“จริง!” กันต์ตอบแบบกัดฟัน ดวงตาคมกริบมองมาด้วยสายตาที่ทำให้คนถูกมองต้องสะดุ้ง ก้มหน้างุด ตัวสั่นเทา คำปฏิเสธที่จดจ่อรอจะเอ่ยถูกกลืนหายเข้าไปในคออย่างขมขื่น

คนทั้งคู่อยู่บนรถตู้คันหนึ่ง เป็นรถตู้วีไอพีที่หรูหราที่สุดเท่าที่รสิกาเคยเห็นมา รถคันใหญ่ ภายในก็กว้างขวาง ตกแต่งอย่างหรูหราทั้งเบาะหนังขนาดใหญ่ปรับเอนนอนได้ มีที่วางขา แถมยังหมุนได้ จนเธอถูกปรับเบาะให้หมุนมาเผชิญหน้ากับเขาอยู่นี่ไง

รถจอดเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอ คนทั้งคู่อยู่ระหว่างการรอคอยให้ลูกน้องของกันต์เข้าไปติดต่อประสานงานให้มีการจัดเจ้าหน้าที่และห้องพิเศษให้อย่างเป็นส่วนตัว คุณลุงเสื้อสีน้ำเงินที่เขาเรียกว่า น้าวร’ บอกแบบนั้น รสิกาอดแอบเหลือบมองไปยังเสี้ยวหน้าบึ้งๆ ของคนที่อยู่ข้างๆ กันไม่ได้ เขามีรูปหน้าเรียว สันโค้งตรงโหนกแก้มและคางทำให้ดูเข้มขึ้น ดูเป็นผู้ชายกร้าวกระด้าง คิ้วเข้มขมวดนิดๆ แบบอารมณ์ไม่ดี ดวงตาคมวาวสีดำจัดใต้แพขนตาหนาที่หลุบต่ำปกปิกความรู้สึกอ่านไม่ออกเลยสักนิดว่าคิดอะไรอยู่

“ทะ...ทำไมคุณถึงต้องทำแบบนี้ให้ได้เลยล่ะคะ” รสิกาถามเสียงสั่นแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเขาตวัดมองมาตาขวาง

“ฉันว่าฉันก็บอกกับเธอไปแล้วนะ” เสียงคำรามดุดันบ่งบอกว่าถ้าเถียงเขาคงมีจุดจบที่ไม่สวยงามรออยู่

รสิกาจำต้องสงบปากสงบคำ ทั้งๆ ที่อยากจะบอกเสียเหลือเกินว่า ไอ้ที่เขาเอาแต่คำรามข่มขู่เธอมาตลอดครึ่งค่อนชั่วโมงมานี้ใช่คำตอบที่ไหนกัน...

นี่เขาเป็นนักร้องของวงดนตรีที่ชอบตั้งชื่อเพลงย้อนแย้งในตัวเองหรือไง แบบ...ประมาณ คำตอบที่ไม่ใช่คำตอบ’ อะไรแบบนี้

รสิกาถูกจับตัวมาอีกครั้งแล้ว ด้วยคนกลุ่มเดิม บอสขี้โมโหคนเดิม คราวนี้ไม่ได้ถูกทุบหัวให้สลบสวมถุงดำมาโผล่ที่โกดังร้างเหมือนครั้งก่อน แต่ถูกผู้ชายสามคน เชิญตัว มาขึ้นรถตู้...ในซอยเปลี่ยวในระหว่างที่เธอกำลังเดินผ่านตรอกเล็กๆ ตอนจะไปทำงานพิเศษ

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่เธอได้รับอนุญาตให้เลิกเร็วได้ หลังจากจัดการงานต่างๆ ที่สำนักงานทนายความเรียบร้อยแล้ว เธอจึงปิดออฟฟิศตั้งแต่ตอนบ่ายสองโมง กะว่าจะไปเดินเล่นซื้อของใช้บางอย่างที่ตลาดนัดใกล้ๆ ก่อนเข้าทำงานอีกกะหนึ่งเสียหน่อย แต่ก็ไปไม่ถึง

พวกเขาเตรียมการมาเป็นอย่างดีจริงๆ รถตู้แล่นมาเทียบในจังหวะที่ปลอดคนจนหญิงสาวไม่อาจขัดขืน เมื่อชายสามคนเปิดประตูลงมาและเข้าล้อมปิดทางหนี พลางผายมือไปยังบนรถ หญิงสาวมองเข้าไปก็สบดวงตาคมดุคู่นั้นที่ทำเอาใจพลันสั่นระทึกตึ้กตั้กขึ้นมาในทันใด ตาคมดุที่ทอประกายดุร้ายหนักขึ้นกว่าครั้งก่อนอีก...ทำเอาเธอต้องหลุดคำถามออกมาว่า...

“ฉะ...ฉันไปช่วยชีวิตคุณพ่อคุณ...เข้าอีกแล้วเหรอคะ”

ก็...คราวที่แล้วที่เขาทำแบบนี้กับเธอ เขาให้เหตุผลไว้ว่าเธอไปช่วยชีวิตพ่อเขานี่นา...

“ขึ้นรถ!” เสียงตวาดดุดัน ดูโมโหหนักกว่าคราวที่แล้วอีก!

มีมือแข็งๆ ผลักหลังเธอจนเซ รสิกาจึงจำต้องก้าวเท้าตามแรงส่งนั้นขึ้นไป เพราะเล็งแล้วว่าอย่างไรก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะมีใครผ่านมาช่วยเธอได้นี่นา...

ฮือ...คุณตำรวจขา...ช่วยหนูด้วยยย!

“แต่งงานกับฉันนะ” กันต์เอ่ยออกมาดื้อๆ ดุๆ ด้วยสีหน้าโคตรไม่เต็มใจและไม่ขยายความอะไรทั้งนั้น

รสิกาตั้งท่าจะสั่นหน้า เตรียมอ้าปากจะปฏิเสธ แต่ก็ต้องชะงักค้าง เบิกตาโตขึ้นเสียก่อน เมื่อเห็นของที่เขาหยิบขึ้นมาวางกระแทกบนโต๊ะเล็กที่คั่นอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งคู่ โลหะมันวาวมีปากกระบอกและด้ามจับขนาดเหมาะมือผู้ชายนั้นทำเอารสิกากล้ำกลืนคำว่า ไม่’ ลงคอพร้อมน้ำลายแบบฝืดๆ สลับมองระหว่างดวงหน้าของผู้ชายหน้าบึ้งตึงที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับกระบอกปืนที่เขาเอามาวางไว้ตรงหน้า เหมือนเป็นเครื่องหมายว่า...ถ้าเธอปฏิเสธเขาละก็...นะ

“ค่ะ” รสิกาสะอื้นตอบคำพร้อมน้ำตาร่วงพรูพราย จนถูกนิ้วชี้หน้าพร้อมกับคำขู่เสียงเหี้ยม

“หยุดร้อง!” กันต์สั่งเสียงแข็งพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโหมดกล้องวิดีโอเตรียมบันทึกภาพเคลื่อนไหว “เดี๋ยวฉันจะถาม เธอก็ตอบว่าแต่งค่ะ ง่ายๆ สั้นๆ แค่นั้น เข้าใจไหม”

“ค่ะ...อะ...อะไรก็ได้ค่ะ ฮือ” รสิการับคำพลางปาดน้ำตาป้อยๆ 

“จะร้องไห้ทำไมเล่า!” กันต์ดุอย่างหัวเสีย

ตั้งแต่เจอผู้หญิงบีบน้ำตาใส่มาไม่เคยมีใครร้องไห้ได้น่าทุเรศเท่ายายนี่เลย เขาล้วงผ้าเช็ดหน้าออกจากอกเสื้อส่งให้ พลางตวัดสายตาคมดุใส่เหมือนเป็นความหมายว่าให้หยุดร้องเดี๋ยวนี้

รสิกาจ้องผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดรีดเสียเรียบกริบผืนนั้น กัดริมฝีปากกลั้นสะอื้นก่อนส่ายหน้าเบาๆ แล้วล้วงผ้าเช็ดหน้าลายการ์ตูนของตัวเองขึ้นมาใช้โดยไม่แม้จะแตะผ้าของเขา 

รอยอาฆาตในดวงตาของกันต์ยิ่งหนักข้อขึ้นกว่าเดิมเมื่อถูกปฏิเสธ

ยายผู้หญิงคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าปฏิเสธเขา ในชีวิตเขาไม่เคยถูกผู้หญิงปฏิเสธมาก่อนเลยจริงๆ

แต่เมื่อคิดอีกที...แน่ละ ใครมันจะปฏิเสธเงินที่เขายื่นให้กันล่ะ ไม่ว่าจะเป็นเช็คเงินสดหรือบัตรเครดิต บรรดาผู้หญิงที่เขาคบหาอยู่พวกนั้นล้วนแล้วแต่ลิงโลดดีใจแทบกระโจนขึ้นมาจูบปากเขากันทั้งนั้น ไม่มีใครทำท่ารังเกียจรังงอนแบบยายนี่สักคน อ้อ...หรือเป็นเพราะว่า...ดวงตาคมดุหลุบต่ำลงสู่ผืนผ้าในมือ อาจเพราะมันไม่ใช่เช็คเงินสดก็เป็นได้ ยายนี่ถึงได้รังเกียจกันซะขนาดนี้!

กันต์แค่นเสียงฮึขึ้นจมูกพร้อมจิกสายตาหมิ่นแคลนหนักขึ้นไปอีกเมื่ออีกฝ่ายสั่งน้ำมูกใส่ผ้าลายการ์ตูนผืนเก่าบางนั้นอย่างไม่สงวนกิริยาสักนิด

อี๋ยยย...ยาย...ยายซกมกเอ๊ย!’

“รสิกา สุคนธ์รสา กรุณาแต่งงานกับผมได้ไหมครับ”

คำถามนั้นทำให้ผู้ถูกถามพยักหน้ารับพร้อมน้ำตาที่ร่วงพรูพรายลงมา 

“ค่ะ” เสียงตอบแผ่วเบานอกจากเจือสะอื้นแล้วยังแอบกัดฟันนิดหนึ่งด้วย

“จะ...ร้องไห้ทำไมเล่าโว้ย!” กันต์ตวาดเสียงดังราวฟ้าผ่าพลางตบโต๊ะปัง โต๊ะตัวเล็กที่อยู่คั่นกลางระหว่างทั้งคู่สะเทือนจนของบนโต๊ะกระดอนกุกกัก

“กะ...ก็ฉันกลัวนี่!” คนถูกขู่เข็ญคุกคามจนจิตหลุดไปแล้วตะโกนตอบกลับมาเคล้าเสียงสะอื้น 

ดวงตาหวั่นไหวของหญิงสาวหลุบลงมองที่โลหะมันวาวของอาวุธปืนที่อยู่บนโต๊ะ

“เอาใหม่!” เสียงคุกคามของกันต์ดึงให้รสิกาหลุดออกจากภวังค์สู่ความเป็นจริงหน้าโหด...แม้จะหล่อเหลา แต่ก็โหดเหลือเกิ๊น

“ฉันจะถาม...เธอตอบรับ คราวนี้ทำหน้าให้มันเต็มใจหน่อยเข้าใจไหม” ชายหนุ่มกะเกณฑ์และจบประโยคด้วยคำถามที่คนฟังอยากจะตอบว่า ไม่เข้าใจ’ เสียเหลือเกิน แต่ยังรักชีวิตและรู้พอจะพยักหน้าหงึกหนึ่งอย่างทุกข์ระทม

แล้วเขาก็ถามด้วยประโยคเดิม รสิกาตอบรับเบาๆ คราวนี้กลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลได้สำเร็จ

กันต์กดเล่นทวนคลิปที่เขาใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคำถามและคำตอบนั้นเอาไว้ ทำหน้าเบ้ให้สีหน้าเหยเกของรสิกา แต่เมื่อมองไปที่สีหน้าทุกข์ระทมของคนที่โดนรวบตัวขึ้นรถตู้มาให้เขาขู่เข็ญตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนแล้ว...

ก็คงต้องยอมพอใจแค่นี้แหละ

“ทะ...ทำไมคุณต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยคะ คราวที่แล้วก็เอาชื่อฉันใส่ในทะเบียนสมรสไปแล้วไม่ใช่หรือไง” รสิกาตั้งคำถามแบบขลาดๆ แต่เต็มไปด้วยความสงสัยและพยายามหาเบาะแสว่าเขาจะเอาทะเบียนสมรสที่ใช้ไม่ได้ฉบับนั้นไปทำอะไรกันแน่

“มันใช้ไม่ได้ไง” กันต์ตอบเสียงหงุดหงิด แต่เล่นเอาคนฟังสะดุ้ง

รสิกาเบิกตากว้างสีหน้าซีดเผือดลง ทั้งงุนงงทั้งสับสนว่าเขารู้ได้อย่างไรว่า...ว่าเธอไปแจ้งความเพื่อทำให้เอกสารนั้นใช้ไม่ได้!

ดวงตาคมกริบมองความผิดปกติในสีหน้าอีกฝ่ายอย่างครุ่นคิด แต่ก็ไม่เอะใจอะไร เขารู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขี้ขลาดและขี้กลัวจนเอาแต่น้ำตาคลอและออกจะไร้สมองไปบ้าง จึงไม่ได้ใส่ใจกับท่าทีผิดปกตินั้นนัก เขากดส่งคลิปวิดีโอนั้นไปทางแชตและพิมพ์ข้อความบางอย่างกำกับไปอีกหลายประโยค

ไม่กี่นาทีต่อมาก็มีข้อความตอบกลับมา เป็นข้อความที่ทำเอาชายหนุ่มกัดฟันกรอด สีหน้าเดือดสุดๆ กับคำถามของคุณอารัณย์

ไหนทะเบียนสมรส

โว้ย!!!!

...

นั่นคือสาเหตุหลักที่ทำให้ทั้งคู่ต้องมาอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอ หลังจากหายเข้าไปติดต่อด้านในราวยี่สิบนาที ถาวรก็กลับมาเปิดประตูเชื้อเชิญทั้งคู่ลงไปยังห้องที่จัดเตรียมไว้ให้ 

ที่ว่าการอำเภอเป็นอาคารสองชั้นกึ่งตึกกึ่งไม้สไตล์โคโลเนียล สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้า แม้จะไม่ได้รับการบูรณะมากนัก แต่ก็ยังคงความสวยงามของสถาปัตยกรรมโบราณอายุร้อยกว่าปีที่ยังไม่ถูกกาลเวลากลืนกิน

แต่...แม้สถานที่จะสวยแค่ไหน แต่รสิกาก็ไม่ได้อยากเข้าไปทำธุรกรรมที่นี่ในวันนี้เลยให้ตายสิ หญิงสาวก้าวลงจากรถด้วยขาสั่นๆ เหลียวมองล่อกแล่กไปโดยรอบ

เผื่อ...เผื่อจะพบใครที่เธอพอจะขอความช่วยเหลือได้บ้าง แต่...ช่วงเวลาบ่ายจัดในวันทำงานวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่อำเภอช่างโล่งว่าง เคว้งคว้างสิ้นดี 

รสิกาก้าวขาสั่นๆ ตามกันต์ไปในตัวอาคาร ท่ามกลางการคุ้มกันแน่นหนา จากกลุ่มคนที่ประกอบไปด้วยคนของเขาในชุดสูทสีเทากับเหล่าชายท่าทางมีอายุหน่อยในเสื้อสีน้ำเงิน ล้อมกันต์กับรสิกาไว้ตรงกลางขณะพากันเดินไปยังห้องที่จัดเตรียมไว้

นี่...จะไม่มีใครให้เธอขอความช่วยเหลือได้เลยจริงๆ เหรอ รสิกาคิดอย่างท้อแท้

แต่แล้วที่สุดทางเดินก็มีเงาคนปรากฏ มีผู้ชายสองคนเดินสวนออกมา คนทางซ้ายเป็นชายร่างสูงใหญ่กำยำและคุ้นตา

นั่น!...สารวัตรพงศ์เผ่าเพื่อนคุณเอเธนส์ไม่ใช่หรือ!!

นายตำรวจหนุ่มอยู่ในชุดนอกเครื่องแบบเขามีแจ็กเกตสีดำคลุมทับเสื้อยืดสีเข้ม กางเกงยีนลำลอง และรองเท้าหุ้มข้อ เขาเดินมากับชายอีกคนที่เธอไม่คุ้นหน้า ตัวเตี้ยกว่า และท่าทางไม่ทะมัดทะแมงเท่าเขา แต่รสิกาไม่สนใจ หญิงสาวจ้องเป๋งไปยังชายหนุ่ม ส่งสารขอความช่วยเหลือไปทางสายตาที่มองแรงใส่ พลางอธิษฐานอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากเขาไปด้วย

แต่อนิจจา เขาคุยติดพันกับชายอีกคนและไม่ได้หันมาดูเลยว่ามีใครส่งสายตาเว้าวอนอยู่

โธ่...คุณแพนขา... รสิการ่ำร้องอยู่ในใจ ช่วยหันมาสนใจทางนี้หน่อย ช่วยหนูรัสด้วย ช่วยด้วยยย

ดวงหน้าที่หันมองตามนายตำรวจหนุ่มจนเหลียวหลังอยู่ๆ ก็ถูกรวบคางบังคับให้หันกลับมาสบสายตากับเจ้าของมือแข็งๆ ที่ถามด้วยน้ำเสียงดุดัน

“มองอะไร ไอ้หมอนั่นมันมีอะไรงั้นเรอะ” กันต์ถามเคืองๆ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่อยู่กับเขาแล้วยังมีแก่ใจหันไปมองผู้ชายอื่นแบบยายนี่มาก่อน

รสิกาสบสายตาคมดุด้วยใจระทึก เพราะมัวแต่พยายามขอความช่วยเหลือทางสายตาไปทางนายตำรวจเพื่อนสนิทเจ้านายเธอจึงเผลอเผยพิรุธจนคนข้างๆ เห็นถึงความผิดปกติ

...เอาละสิ!

ถ้า...ถ้าเขารู้ว่า...ว่าเธอพยายามจะขอความช่วยเหลือจากผู้พิทักษ์กฎหมายขึ้นมา

หญิงสาวกลืนน้ำลายฝืดคอขณะในหัวมีแต่ภาพปืนกระบอกที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กในรถลอยวนเวียนไปมา...ถ้าเขารู้ความคิดของเธอขึ้นมา

งือ...นางสาวรสิกาจะ...จะไม่กลายเป็นศพในข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์พรุ่งนี้เรอะ

“ขะ...เขาหล่อดีค่ะ ฉะ...ฉันเลยเผลอมองเพลินไปหน่อย” รสิกากัดฟันเฉไฉไปในอีกทาง

ต้อง...ต้องดึงความสนใจเขาไปในแนวอื่น แนวไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ความคิดว่าเธอกำลังขอความช่วยเหลือ

ในอำเภอเล็กๆ นี้นายตำรวจหนุ่มจัดว่าเป็นผู้ชายโสดงานดีที่ติดอันดับท็อปเทนในละแวก ด้วยหน้าตาที่หล่อคมเข้ม และฐานะทางบ้านที่จัดว่ารวยระดับอำเภอ เขาจึงเป็นหัวข้อสนทนาของสาวๆ เสมอมาจนรสิกาชักคล้อยตามและกลายเป็นภาพลักษณ์ฝังใจไปแล้วว่าเขาคือนิยามของคำว่า...หล่อ...เลยกลายมาเป็นเหตุผลแรกที่คิดออกมาได้

ดวงตาคมดุถลึงใส่เธอก่อนหันกลับไปมองชายร่างสูงที่เดินเลี้ยวไปตามระเบียงยาวๆ อีกทางหนึ่ง กันต์มองอย่างวิเคราะห์ไปที่ดวงหน้าคล้ามคมเข้มของไอ้หมอนั่น...ยายนี่ชอบคนแบบนั้นงั้นเหรอ

กันต์แค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเยาะหยัน “ฮึ ก็งั้นๆ แค่นี้ก็เรียกว่าหล่อได้แล้วเหรอ ไร้รสนิยมสิ้นดี”

คน ไร้รสนิยม ถึงกับอึ้งตะลึงตาค้าง อ้าปากค้างไปทันทีเมื่อจู่ๆ ก็ถูกประณามซะแบบว่า...นึกอยากถามเขาอยู่เหมือนกันว่า หน้าตาแบบไหนถึงเรียกได้ว่ามีรสนิยมที่ดีกันล่ะ

แต่ก็...ช่างเหอะ

มัวแต่คิดงงงันรสิกาก็ถูกพาเข้ามายังห้องที่จัดเตรียมไว้อย่างไม่รู้ตัวเลยสักนิด ห้องเล็กนั้นเหมือนเป็นห้องรับรองห้องหนึ่งของที่นี่ จัดแต่งสถานที่ด้วยของโบราณสวยๆ เต็มไปหมด บนโต๊ะเล็กสไตล์วินเทจมีทะเบียนสมรสวางรอให้เซ็นชื่ออยู่บนนั้น เมื่อไล่สายตาขึ้นมาก็เจอกับเจ้าหน้าที่อำเภอที่หน้าตาไม่คุ้นเลย

ฮือ...ทำไมถึงไม่มีคนรู้จักให้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเลยสักนิดหนึ่งเล่า

เจ้าหน้าที่เอ่ยทักทายพอเป็นพิธีก่อนขอดูเอกสารต่างๆ จนเมื่อถูกถามไปถึงทะเบียนบ้าน นัยน์ตารสิกาก็สว่างวาบ

จริงสิ การจดทะเบียนสมรสต้องใช้บัตรประชาชนกับทะเบียนบ้านนี่นา บัตรประชาชนเธอถูกยึดไปและยื่นให้เจ้าหน้าที่แล้ว แต่ทะเบียนบ้านนั้น...รสิกาเกือบยิ้มทั้งน้ำตา เตรียมตัวจะรีบส่ายหน้าแล้ว แต่กันต์ก็ชิงพูดขึ้นก่อน

“ไม่ต้องใช้ทะเบียนบ้านไม่ได้เหรอครับ” เสียงห้วนห้าวทรงอำนาจนั้นมาพร้อมสีหน้าไม่สบอารมณ์

เจ้าหน้าที่อำเภอก้มมองบัตรประชาชนของรสิกา เมื่อพบว่าเป็นคนในพื้นที่เขาจึงพยักหน้า

“ถ้าไม่มีการย้ายทะเบียนก็ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ครับ”

ม่ายยย...ใช้สิ ใช้เถอะ ใช้สักนิดหนึ่งเหอะ นะ...นะ...

“เอ่อ...คุณสองคน...เต็มใจแต่งงานกันใช่ไหมครับ ฮ่าๆๆ” เจ้าหน้าที่อำเภอหนุ่มหันมาเห็นสีหน้าเหยเกของรสิกาพอดีเลยปล่อยมุกพร้อมหัวเราะใส่อย่างอารมณ์ดี แต่ไม่รู้ทำไมหนุ่มหน้าบึ้งกับสาวหน้าเหยเกตรงหน้าถึงไม่ขำด้วยสักนิด

รสิกาสั่นหน้าไปทีก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นพยักหน้าหงึกๆ เพราะต้นแขนถูกมือแข็งๆ บีบแรงคล้ายจะกระตุ้นเตือน 

เตือน...ให้จดจำถึงข้อความที่เขาข่มขู่ไว้ตอนยังไม่ลงจากรถ

ถ้าเธอยังไม่อยากตายจงให้ความร่วมมือเสียดีๆ

ขณะที่จดปากกาเซ็นชื่อลงไปด้วยลายมือสั่นๆ ในหัวของหญิงสาวก็เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ทางกฎหมายว่าทำอย่างไร ทะเบียนสมรสฉบับนี้จึงจะเป็นโมฆะ การทำงานอยู่ในสำนักงานกฎหมายมาหลายปีแม้ไม่ใช่นักกฎหมาย แต่ก็ทำให้รสิกามีความรู้เรื่องกฎหมายมาตราต่างๆ รวมถึงบรรดากรณีศึกษาของลูกความเจ้านายที่มีความหลากหลายสารพัดจนน่าประหลาดใจ

ถ้าเธอไม่มีจุดมุ่งหมายจะเป็นทนายเพื่อต่อยอดความรู้ที่มีอยู่นี่นะ หญิงสาวกะว่าจะไปทำอาชีพเขียนนิยายขายซึ่งเป็นเป้าหมายรองลงมา เพราะพลอตจากเรื่องจริงที่ผ่านหูผ่านตามาตลอดหลายปีนี้มากมายเหลือเกิน

อา...จำได้แล้ว เคยมีกรณีหนึ่งที่การจดทะเบียนสมรสถูกทำให้เป็นโมฆะเพราะ...

“เซ็นเข้าไปเร็วๆ เข้า” กันต์เอ่ยเสียงเรียบ แต่แฝงความกดดันไว้เต็มเปี่ยม ดึงสติของคนที่เหม่อลอยกลับมาที่การกดปากกาให้อักษรโย้เย้นั้นถูกเขียนครบจบสมบูรณ์เสียที

รสิกาเม้มปากขณะถอนมือออกมาช้าๆ รู้สึกว่าอาจไม่สามารถทำอะไรกับเอกสารแผ่นนั้นได้แล้ว

...แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละน่า!

คนคิดสูดจมูก เก็บงำประกายดื้อรั้นในแววตาไว้อย่างมิดชิด ยืนก้มหน้านิ่งเหมือนยอมรับชะตากรรมโดยดุษณี 

ฉับพลันเธอก็คิดถึงมันออกมาได้ ‘Signal for Help’ ท่ายกมือขึ้นโดยหันฝ่ามือออกพับนิ้วโป้งนิ้วเข้ามาและต่อด้วยการกำอีกสี่นิ้วกุมนิ้วโป้งไว้ มันคือท่าสัญญาณมือขอความช่วยเหลือแบบสากลไงล่ะ เป็นท่าที่เอาไว้ใช้สำหรับเวลาที่โดนคุกคามและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือโดนข่มขู่จนไม่อาจร้องขอความช่วยเหลือได้ตรงๆ นี่แหละคือสัญญาณลับที่ช่วยเหลือผู้หญิงมากมาย...

รสิกายังไม่ทันทดลองยกมือขึ้นมาทำท่าทางที่คิดไว้ก็ถูกกระชากแขนให้เดินตามกันต์ออกไปโดยไม่ทันได้ร่ำลา

ระหว่างที่เธอมัวแต่ไตร่ตรองอยู่นั้น กันต์ก็เสร็จธุระของเขาแล้วและกำลังพับใบทะเบียนสมรสนั้น ทำท่าจะพับสี่ทบแบบง่ายๆ ลวกๆ จนลูกน้องเขาต้องเข้ามาดึงไปรีดให้เรียบก่อนเก็บใส่ซองแข็งที่เตรียมมาพลางบ่นงึมงำเหมือนจะบอกว่า

“เอกสารสำคัญต้องเก็บไว้ให้ดีหน่อยสิครับคุณกันต์”

รสิกาถูกกระชากตัวปลิวให้เดินตาม ส่วนสัญญาณขอความช่วยเหลือนั่นน่ะเหรอ...เอาแค่ซอยเท้าให้ทันโดยไม่สะดุดโดนลากไปกับพื้นทั้งๆ ที่ล้มคว่ำก็บุญแล้ว ใครมันจะไปมีปัญญาแสดงท่าทางเหล่านั้นออกมาได้

“อ้าว! นั่น หนูรัสไม่ใช่เหรอ” เสียงทักทายห้าวๆ ดังขึ้นพร้อมกับการเร่งก้าวเข้ามาขวางหน้าไว้ทำให้กันต์ต้องหยุดฝีเท้าลงในที่สุด

ชายหนุ่มมองคนตรงหน้า ก่อนเลื่อนสายตาเย็นชาจับไปที่รสิกาเหมือนจะถาม  หนูรัส? และการกล่าวหาในสายตานั่นเหมือนจะประณามไปในตัวว่า...ไอ้หมอนี่มันผู้ชายคนที่เธอเคยบอกว่าหล่อจนเผลอมองเพลิน มองตามกลับหลังนั่นไม่ใช่เรอะ!?

“คะ...คุณแพน สวัสดีค่ะ” รสิกายกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้า

สารวัตรพงศ์เผ่ากวาดตาวูบหนึ่งก็เห็นถึงความผิดปกติได้ไม่ยาก ผู้ชายตัวโตๆ เป็นฝูงที่ยืนรุมล้อมอยู่รอบๆ รสิกานั้น...มองอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นคนธรรมดาไปได้ ไม่ว่าจะเป็นพวกที่สวมชุดสูทสีเทาเนี้ยบท่าทางเหมือนบอดีการ์ดมืออาชีพ หรือพวกคนในชุดสีน้ำเงิน และที่สำคัญคือ...ผู้ชายที่ยืนอยู่กลางวงและกุมต้นแขนของรสิกาไว้ หมอนั่นส่งรังสีอันตรายออกมาชัดแจ้ง 

พงศ์เผ่ากวาดตามองรสิกาคร่าวๆ ไปรอบหนึ่งก็พบสีหน้าพะอืดพะอมของหญิงสาวและสายตาเว้าวอนเป็นพิเศษจากสายตาที่เหมือนเด็กหลงทาง

“หนูรัส...โอเคไหม มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า” สารวัตรพงศ์เผ่าถาม พยายามทำสีหน้ายิ้มๆ ผ่อนคลายคล้ายไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกันธรรมดา แต่ท่าทางขยับมือขยับขามีความระมัดระวังขึ้นมาหลายส่วน

“คุณแพนคะ...คือ...” รสิกาอึกอัก พยายามหาวิธีส่งสารขอความช่วยเหลือออกไป

“คงไม่มีอะไรให้ต้องช่วยหรอกครับ” กันต์ตัดบทเสียงห้วน ตัดการปฏิสัมพันธ์ของทั้งคู่ โดยการก้าวออกมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ยืนขวางระหว่างรสิกากับชายตรงหน้าเอาไว้ 

บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมจึงรู้สึกขุ่นใจที่รสิกาพยายามส่งสายตาให้คนอื่น...คนอื่นที่เป็นผู้ชาย...ผู้ชายที่เธอบอกออกมาว่า...หน้าตาดีจนต้องมองเหลียวหลัง

Shit!

ใครใช้ให้หล่อนมองผู้ชายอื่น ใครใช้ให้หล่อนชมว่ามันหน้าตาดี และ...ใครใช้ให้ไอ้หมอนี่ส่งสายตาห่วงใยใส่ผู้หญิงของเขา!

เดี๋ยวสิ...

กันต์ขมวดคิ้วมุ่นกับความคิดที่ผุดพุ่งขึ้นในสมอง

“คุณเป็นใครหรือครับ” สารวัตรพงศ์เผ่าเลิกคิ้วถามชายหนุ่มที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้า

“อยากรู้ว่าคนอื่นเป็นใครโดยไม่แนะนำตัวเองก่อน...” กันต์เอ่ยเสียงหยัน บิดปากเยาะๆ “ท่าทางสถาบันการศึกษานายคงไม่เน้นเรื่องมารยาทสากลสักเท่าไรเลยใช่ไหม”

อา...รสิกาพลันกระจ่างแจ้งแก่ใจดุจบรรลุธรรมแบบเซนโดยฉับพลัน ราวกับได้ยินเสียงระฆังแห่งการตื่นรู้ลั่นกิ๊งงง...อยู่ในสมอง

กันต์...เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ทำท่าทางไร้มารยาท แถมยังปากเสียใส่แต่กับเธอ...เขาเป็นอย่างนี้กับทุกคนเลยยย

คุณพระ!

นี่...เขาถูกเลี้ยงดูมายังไงกัน ถึงโตมาด้วยนิสัยแบบนี้แล้วยังไม่ถูกรุมสหบาทาจนพิกลพิการไปเสียก่อน

ในความสงสัยของรสิกากลับมีความคาดหวังซ่อนอยู่...เหมือน...ไม่อยากให้อีกฝ่ายรอดมาได้เท่าไร...

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น