4

พรหมลิขิต...หรือจะสู้ปลาดาวลิขิต!


 

ท้องฟ้าเบื้องบนกระจ่างใส เสียงคลื่นแว่วกระทบฝั่งอยู่ไกลๆ ทะเลดาวกำลังเดินผ่านสวนหย่อมในรีสอร์ตระดับห้าดาวบนเกาะแห่งหนึ่งมายังสำนักงานของผู้บริหาร และมันเป็นจังหวะเดียวกับที่เลขาฯ สาวใหญ่วัยสี่สิบต้นๆ เปิดประตูสำนักงานออกมา

                เลขาฯ ทำท่าจะร้องทัก ทะเลดาวก็รีบยกมือขึ้นแตะริมฝีปากเป็นสัญญาณห้ามส่งเสียง ความที่ต่างคุ้นหน้าค่าตากันมานาน อีกฝ่ายจึงเดาได้ไม่ยากว่าทะเลดาวคิดจะทำอะไร

                สาวใหญ่อมยิ้ม ปล่อยให้แขกไม่ได้รับเชิญก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่แจ้งผู้เป็นนายล่วงหน้า

                ชายหนุ่มวัยสามสิบเจ็ดในชุดลำลองสุภาพกำลังยืนหันหลังอยู่ริมหน้าต่าง มือถือโทรศัพท์คุยกับใครบางคนอยู่เพียงลำพัง เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องทำงานถูกปิดลงเบาๆ เขาก็ไม่ได้สนใจหันไปมองด้วยซ้ำ เพราะเข้าใจว่าเป็นเลขาฯ คนสนิทที่เพิ่งขอตัวเอาเอกสารออกไป 

                “ได้อยู่แล้ว รับรองพี่จะดูแลอย่างดีที่สุด”

                ทะเลดาวค่อยๆ ย่องไปยื่นด้านหลัง เป็นเวลาเดียวกับที่ชายหนุ่มวางสาย หล่อนจึงไม่รอช้าที่จะยกมือทั้งสองข้างขึ้นปิดตาเขาไว้

                “ใครน้า...”

                “เด็กไม่รู้จักโต” ชายหนุ่มยิ้มมุมปากน้อยๆ แต่เสียงราบเรียบนั้นกลับทำเอาทะเลดาวหน้างอง้ำ หมดอารมณ์เล่นสนุกในทันทีทันใด

                “พี่เม่นน่ะ ปลาดาวไม่ใช่เด็กๆ แล้วเสียหน่อย”

                “มีแต่เด็กๆ เท่านั้นแหละที่ยังเล่นอะไรแบบนี้” เหนือสมุทรหันกลับมาหา แววตามีประกายขบขันนิดๆ ยามเห็นน้องสาวหน้างอ แต่เวลาเดียวกันก็รู้ว่าหล่อนไม่ได้โกรธจริงๆ “แล้วนี่กลับมาเมื่อไร ทำไมไม่โทร.บอกล่วงหน้าสักหน่อย พี่จะได้ให้คนไปรับ”

                “ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิคะ” ทะเลดาวยิ้มกว้าง “อีกอย่างปลาดาวอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว จะไปไหนมาไหนไม่ต้องให้ใครคอยรับส่งหรอกค่ะ พี่เม่นน่ะ...ชอบทำเหมือนปลาดาวเป็นเด็กอยู่เรื่อย”

หญิงสาวค่อนว่านิดๆ ก่อนจะฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้

“ว่าแต่...เมื่อกี้คุยกับสาวที่ไหนอยู่คะ ท่าทางอารมณ์ดีเชียว หรือว่ากลับมาคราวนี้ปลาดาวจะได้พี่สะใภ้แล้ว”

“พี่เขยละสิไม่ว่า” เหนือสมุทรหัวเราะน้อยๆ ผิดกับหญิงสาวที่นอกจากหัวเราะไม่ออกแล้ว ยังกะพริบตาปริบๆ เหมือนไม่อยากเชื่อหู

                ท่าทีเหล่านั้นทำให้เหนือสมุทรส่ายหน้า เชื่อขนมกินได้เลยว่าต่อมวายในสมองหล่อนกำลังเริ่มทำงาน

                “อย่าเพิ่งคิดไปไกล พี่หมายถึงไข่มุก” เขาอธิบายเพิ่ม เพราะต่อให้เขาจะเป็นโสดมานานหลายปี แต่ก็ไม่ได้นิยมไม้ป่าเดียวกัน “ปลาดาวจำไข่มุกได้ใช่ไหม พี่เขากำลังจะแต่งงานเร็วๆ นี้แล้วนะ”

                “จริงเหรอคะ” หญิงสาวตาวาว ตื่นเต้นยินดีไปกับพี่สาวข้างบ้านที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันแถวริมชายหาดมาตั้งแต่เด็กๆ แม้ตอนหลังจะไม่ค่อยได้เจอกัน เพราะอีกฝ่ายแยกไปเรียนต่ออยู่ต่างประเทศ หล่อนก็ยังไม่เคยลืมความสัมพันธ์อันแน่นแฟ่นในวัยเยาว์ และติดตามข่าวคราวของกันและกันอยู่บนเฟซบุ๊กเสมอ “แต่ไม่ยักเห็นพี่ไข่มุกโพสต์บอกอะไรในเฟซฯ เลยค่ะ”

                “เขาว่ามันฉุกละหุก เลยจะเชิญแค่เพื่อนๆ กับญาติสนิทไม่กี่คนเท่านั้น แล้วก็จะมาเช่าพื้นที่ในรีสอร์ตของเราจัดงาน แต่แขกหลายคนน่าจะมาจากที่อื่น เมื่อกี้เลยโทร.มาคอนเฟิร์มจำนวนห้องที่จะจองเอาไว้ให้แขกล่วงหน้า เพราะมันตรงกับเทศกาลปีใหม่พอดี”

                “แต่งวันปีใหม่เหรอคะ” ทะเลดาวขมวดคิ้วน้อยๆ แปลกใจว่าทำไมต้องจัดวันนั้นด้วย

                “เรื่องมันยาว เอาไว้พี่ค่อยเล่าให้ฟังดีกว่า ปลาดาวไปอยู่บ้านคุณเก้าเป็นยังไงบ้าง” เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาดื้อๆ เพราะห่วงความปลอดภัยน้องสาวมากกว่า “นายริทยังตามมาก่อกวนอีกหรือเปล่า”

                “ไม่แล้วละค่ะ เขาไม่รู้จักพี่เก้าด้วยซ้ำ”

ก่อนหน้านี้ทะเลดาวต้องย้ายออกจากคอนโดใกล้ๆ มหาวิทยาลัยกะทันหันก็เพราะถูกคุกคามโดยชายหนุ่มที่คุ้นหน้าค่าตากันมานาน เริงฤทธิ์เป็นลูกชายของผู้มีอิทธิพลบนเกาะ และตามตอแยหล่อนมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมัธยมปลายด้วยซ้ำ

แรกๆ ก็ยังไม่กล้าทำอะไรมาก เพราะเกรงใจบารมีของเหนือสมุทร ผิดกับช่วงหลังที่ชอบทำตัวล้ำเส้น ถึงขนาดตามสืบหาที่อยู่ของหล่อนในกรุงเทพฯ แล้วตามไปซื้อห้องอยู่ข้างๆ เพื่อที่จะได้แอบมองจากทางระเบียง บางครั้งก็ขอทำหน้าที่ไปรับไปส่งที่มหาวิทยาลัย แต่วิธีการที่ใช้กลับเหมือนพวกนักเลงหัวไม้ ยิ่งหล่อนปฏิเสธเท่าไร เขาก็ยิ่งอยากเอาชนะให้ได้เท่านั้น   

                เหนือสมุทรมีน้องสาวคนเดียวย่อมไม่อยากให้เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้น แล้วค่อยไปตามเอาผิดคนเกเรทีหลัง ต่อให้ระบบความปลอดภัยของคอนโดจะดีเยี่ยมแค่ไหน พอรู้ว่าเริงฤทธิ์ย้ายไปอยู่ห้องข้างๆ เขาจึงคิดจะส่งบอดีการ์ดไปคอยคุ้มกัน แต่หญิงสาวรู้สึกว่ามันเวอร์วังเกินเหตุ หล่อนไม่ใช่เจ้าหญิงหรือบุคคลสำคัญระดับประเทศ ไม่ชินกับการถูกจับตามองตลอดเวลา เหนือสมุทรถึงได้รับปากว่าจะไม่ทำอย่างนั้นหากหล่อนยอมไปอยู่ในความดูแลของหม่อมราชวงศ์หนุ่มเพื่อนสนิท

                “อีกอย่าง...บ้านพี่เก้าคนอยู่เยอะแยะ ต่อให้นายริทจะตามมาถูกจริงๆ ก็คงทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ”

                “ถึงอย่างนั้นก็อย่าเพิ่งวางใจ บอกตรงๆ พี่ไม่ไว้ใจคนอย่างมัน”

                “ค่า...พ่อ...” หญิงสาวแกล้งทอดเสียงประชด เพราะจริงๆ แล้วหล่อนไม่รู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายขนาดนั้น ยิ่งตอนนี้กลับมาอยู่บ้านที่ตราด ไม่มีทางเสียละที่เริงฤทธิ์จะกล้ามาวอแว ส่วนเทอมหน้าก็ฝึกงานแล้ว คงเข้ามหาวิทยาลัยแค่ไม่กี่วันเท่านั้น “รับรองว่าปลาดาวจะดูแลตัวเองอย่างดี ไม่ทำอะไรให้พ่อเป็นห่วงเลยค่ะ”

                “เพิ่งรู้ว่าพี่แก่ขนาดนั้น”  

                “ก็สามสิบเจ็ดแล้วนา... นี่ถ้าแต่งงานเร็วสักหน่อย ปลาดาวคงเป็นลูกสาวพี่เม่นได้แหละ” หญิงสาวชอบอกชอบใจ แม้รูปลักษณ์ภายนอกของเขาจะยังดูไม่แก่จริงๆ ก็ตาม

                “ก็ว่าไปเรื่อย แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง”

                “เรียบร้อยมาจากฝั่งโน้นแล้วค่ะ แต่ว่าเย็นนี้พี่เม่นต้องอยู่กินข้าวกับปลาดาวนะคะ เพราะว่าปลาดาวพาแขกคนสำคัญมาด้วย”

                “ใคร” เสียงเขาค่อนข้างห้วน หัวคิ้วขมวดมุ่นขึ้นมาทันที เพราะไม่บ่อยนักที่น้องสาวจะพาคนอื่นมาเที่ยวบ้านช่วงปิดเทอมแบบนี้

                “หน้าเข้มเชียว” ทะเลดาวขำ รู้ทันทีว่าพี่ชายแอบคิดไปถึงพวกหนุ่มๆ ที่มหาวิทยาลัย แต่ไหนแต่ไรเขาชอบพูดบ่อยๆ ว่าหากจะคบหาดูใจกับใครก็ให้ดูดีๆ เพราะคนสมัยนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้ ถ้ามีแฟนแล้วไม่ดีไปกว่าพี่ ชีวิตนี้ไม่ต้องมีดีกว่า “ไม่ใช่หนุ่มๆ ที่ไหนหรอกค่ะ แต่เป็นเจ้าขาต่างหาก พี่เม่นจำเจ้าขาได้ไหมคะ”

                “เจ้าขา?” เหนือสมุทรขมวดคิ้วน้อยๆ คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินชื่อนี้ แต่นึกไม่ออกว่าได้ยินที่ไหน

                “ไม่เจอกันแค่ปีกว่าๆ ทำเป็นลืม เจ้าขาก็เพื่อนสนิทปลาดาวไง พี่เม่นยังเคยไปกินข้าวด้วยตอนไปเยี่ยมปลาดาวที่คอนโดเลย”

                “อ้อ...” เขาเริ่มนึกออกเลาๆ “คนที่ตัวเล็กๆ แล้วก็ชอบวิ่งดุ๊กดิ๊กๆ นั่นน่ะเหรอ”

                “ดูพูดเข้า!” ทะเลดาวตีแขนเข้าให้ “เพื่อนปลาดาวไม่ใช่ลูกหมานะคะ ห้ามพูดแบบนี้ต่อหน้าเจ้าขาด้วย”

                “พี่ก็ไม่ได้คิดแบบนั้นเสียหน่อย แต่จำได้ว่าเขาชอบวิ่งดุ๊กดิ๊กๆ จริงๆ”

                “ยังจะย้ำอีก” ทะเลดาวถอนหายใจเล็กๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพื่อนสนิทหล่อนคนนี้ค่อนข้างกระตือรือร้นกับทุกๆ เรื่อง เว้นเพียงบางเรื่องเท่านั้นที่อืดอาดยืดยาดเหลือเกิน ทุกวันนี้พี่ชายหล่อนถึงไม่รู้เสียทีว่ามีคนแอบรักแอบฝันถึงอยู่บ่อยๆ    

“แล้วนี่เขาไปไหนเสียล่ะ” เหนือสมุทรมองไปทางประตูห้องทำงาน ไม่เห็นแม้เงาของสาวน้อยดุ๊กดิ๊กที่ทะเลดาวพูดถึง ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วหล่อนก็น่าจะมาทักทายเขาพร้อมทะเลดาวด้วย

                “เมาเรือน่ะค่ะ ปลาดาวให้คนหายาให้แล้ว ตอนนี้พักอยู่ที่ห้องรับรอง แต่เย็นนี้ปลาดาวว่าจะพาเจ้าขาไปกินข้าวที่แหลมชมทะเล พี่เม่นต้องเป็นเจ้ามือนะคะ” หญิงสาวกอดแขนเป็นนัยว่ามัดมือชก คนตัวโตกว่าจึงเห็นทีว่าคงปฏิเสธไม่ได้ และเขาเองก็ไม่อยากปฏิเสธอยู่แล้ว

                “อยากกินอะไรก็คิดเอาไว้เลยแล้วกัน เดี๋ยวพี่จองโต๊ะให้”

                “น่ารักที่สุดเลยค่ะ” ทะเลดาวยิ้มร่า ตามีประกายวิบวับ “งั้นเดี๋ยวปลาดาวขอตัวไปดูอาการเจ้าขาก่อนนะคะ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะดีขึ้นหรือยัง พี่เม่นสนใจไปด้วยกันไหมคะ”

                “พี่มีงานต้องเคลียร์ต่อ แต่ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมก็โทร.บอกพี่แล้วกัน”

                “โอเคค่ะ งั้นเย็นนี้เจอกัน”

                เหนือสมุทรมองตามหลังน้องสาวที่หมุนตัวกลับออกไปจากห้องทำงาน ดวงตาแวววาวด้วยความสุขที่เห็นว่าอีกฝ่ายอารมณ์ดีเหลือล้น แต่เวลาเดียวกันก็ยังอดห่วงเรื่องเริงฤทธิ์ไม่ได้ เพราะถึงขนาดที่ยอมลงทุนไปซื้อห้องอยู่ติดกับน้องสาวเขาในกรุงเทพฯ มันคงไม่ยอมให้การลงทุนนั้นเสียเปล่าแน่นอน

หวังก็แต่ว่าทะเลดาวกลับมาอยู่บ้านช่วงนี้คงไม่มีเรื่องวุ่นวายอะไรอีก เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าทำลายรอยยิ้มของหล่อน เขาไม่มีวันยอมปล่อยให้มันยิ้มออกอีกแน่!

- - - - - - - - - -

            ท้องฟ้าเหนือผืนทะเลสีครามประดับประดาไปด้วยแสงดาวระยิบระยับ ทะเลดาวกำลังจูงมือเพื่อนสาวคนสนิทมาตามทางเดินบนสะพานไม้เล็กๆ ของแหลมชมทะเล ซึ่งมีลักษณะเป็นร้านอาหารบนเนินเขาในเขตพื้นที่รีสอร์ตของหล่อน แต่ครั้นใกล้จะถึงซุ้มประตูเข้าร้านจริงๆ สองเท้าของอีกฝ่ายกลับหยุดชะงัก

                “เดี๋ยวๆ ปลาดาว เจ้าขาสั่งอาหารไปกินที่ห้องดีกว่านะ”

                “ทำไมล่ะ” ทะเลดาวหันกลับไปหาเพื่อนที่มีท่าทางประหม่า “อุตส่าห์ข้ามฝั่งมาเที่ยวเกาะทั้งที มีอย่างที่ไหนสั่งอาหารไปกินในห้อง เจ้าขาบ้าหรือบ้าเนี่ย” 

                “ก็... ปลาดาวบอกว่าพี่เม่นจะมากินด้วย”

                “แล้วไม่ดีเหรอ” ทะเลดาวยิ้ม ผิดกับอีกฝ่ายที่นอกจากยิ้มไม่ออกแล้วยังหน้าแดงระเรื่อ “ที่เจ้าขายอมข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงนี่ทั้งๆ ที่เมาเรือ ไม่ใช่เพราะว่าอยากเจอพี่เม่นหรือไง”

“ไอ้อยากน่ะมันก็อยาก แต่เจ้าขาไม่รู้จะคุยอะไร อีกอย่าง...พี่เม่นก็น่าจะอยากคุยกับปลาดาวมากกว่า เจ้าขาไม่อยากเป็นส่วนเกินหรือทำอะไรให้พี่เม่นรำคาญ เอาเป็นว่า...รอให้เจ้าขาอัพเลเวลเป็นพี่สะใภ้ปลาดาวก่อนค่อยกินละกัน” ว่าแล้วคนปอดแหกก็หมุนตัวกลับไปทางเก่า แต่ไม่ทันถึงสองก้าวก็ต้องชะงัก

“มัวแต่ป๊อดแบบนี้ ชาตินี้ทั้งชาติก็นกค่ะ”

เจ้าขาคอตก ถอนหายใจเล็กๆ อย่างยอมรับว่าระหว่างหล่อนกับเหนือสมุทรมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ เขาเป็นถึงผู้บริหารรีสอร์ตระดับห้าดาวบนเกาะแห่งนี้ ส่วนหล่อนเป็นเพียงนักศึกษาธรรมดาๆ ที่กรุงเทพฯ ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร หากไม่ใช่เพราะบังเอิญเป็นเพื่อนสนิทของทะเลดาว คงไม่มีวาสนาจะได้เดินเฉียดกันด้วยซ้ำ และบางทีคงเพราะรู้ดีแก่ใจแบบนี้ ถึงได้ไม่อาจหาญพอจะจีบเขาก่อน ทั้งๆ ที่แอบหลงรักเขามานานหลายปี

                “แล้วไอ้ที่เจ้าขาอุตส่าห์แต่งสวยขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะอยากดูดีในสายตาพี่เม่นเหรอ” ทะเลดาวก้าวตามมาหยุดตรงหน้า ดวงตากลมโตพิศมองชุดกระโปรงสีหวานที่เพื่อนสวม ต่อด้วยมองใบหน้าน่ารักที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ทั้งที่ปรกติแล้วเจ้าขาแทบไม่แต่งหน้าด้วยซ้ำ อย่างมากก็แค่ทาลิปมัน การที่จะปัดแก้มกรีดอายไลเนอร์แบบนี้ต้องเป็นโอกาสสำคัญๆ เท่านั้น ซึ่งกว่าสามปีที่เรียนมาด้วยกัน ทะเลดาวคิดว่าตัวเองเคยเห็นแทบนับครั้งได้ “อีกนิดเดียวก็จะได้เจอกันแล้ว เจ้าขาอย่าปอดแหกไปหน่อยเลยน่า พี่เม่นอาจจะนิ่งๆ ไม่ค่อยยิ้ม ไม่ค่อยอะไรกับใคร แต่ที่จริงแล้วเขาใจดีมากนะ ถ้าเขารำคาญเจ้าขา...เขาไม่ตกลงมากินข้าวทั้งๆ ที่รู้ว่าเจ้าขาจะมาด้วยหรอก”

                “พี่เม่นรู้ด้วยเหรอ” เจ้าขาตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายเล็กๆ ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้า

“คราวนี้จะเข้าไปด้วยกันได้ยัง”

“ก็...” เจ้าขาอึกอัก ก้มลงจับปลายผมตัวเองมาม้วนพันนิ้วมือแก้เขิน “พอคิดว่าจะต้องเจอจริงๆ เจ้าขาก็ทำตัวไม่ถูกนี่นา”

                แม้ปากจะว่าอย่างนั้น แต่พอรู้ว่าเหนือสมุทรเต็มใจจะให้หล่อนนั่งร่วมโต๊ะดินเนอร์กับคนในครอบครัว เจ้าขาก็หมุนตัวเดินกลับไปทางเก่าง่ายๆ นึกไม่ถึงว่าจะชนกับใครบางคนเข้าอย่างจัง

                “อุ๊ย!” เจ้าขาอุทาน เกือบจะล้มหงายหลัง แต่นับว่ายังเคราะห์ดีที่อีกฝ่ายรวบกายเอาไว้ได้ แล้วพอเห็นใบหน้าเรียบนิ่งของเหนือสมุทรปรากฏใกล้ๆ เจ้าขาก็ถึงกับหน้าแดงเรื่อ กะพริบตาปริบๆ อย่างไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะอยู่ตรงนี้

                “ระวังหน่อยสิ”

                “เอ่อ...ขอโทษค่ะ” เจ้าขาละล่ำละลัก รีบถอยออกมาก้มหน้ามองพื้นเพราะไม่รู้เลยว่าเหนือสมุทรเดินออกมาจากร้านตั้งแต่เมื่อไร แล้วเขาจะได้ยินคำพูดของหล่อนก่อนหน้านี้ไหม

                โธ่เอ๋ย...หากเขาได้ยินจริงๆ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้อีกล่ะเจ้าขา

                “พี่เม่นมานานแล้วเหรอคะ” ทะเลดาวรู้ว่าเพื่อนเริ่มทำตัวไม่ถูกเลยช่วยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา หล่อนเองก็มัวแต่คุยจนไม่ทันสังเกตการมาของอีกฝ่ายเช่นกัน “นึกว่าพี่เม่นยังไม่เสร็จงานเสียอีก”

                “นานๆ เราจะกลับบ้านสักครั้ง พี่จะเห็นงานสำคัญกว่าได้ยังไง” ชายหนุ่มเคลียร์งานเสร็จได้พักใหญ่ๆ และมานั่งรออยู่ที่ร้านประมาณสิบนาทีได้ “ว่าแต่ปลาดาวกับเพื่อนทำไมไม่เข้าไป พี่เห็นยืนคุยอะไรกันอยู่ตรงนี้นานแล้ว มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”

                ประโยคสุดท้ายเขาหันมามองคนตรงหน้า เจ้าขาเลยอดใจเต้นโครมครามไม่ได้ เพราะไม่บ่อยนักที่เขาจะทำเหมือนห่วงใยหล่อนแบบนี้

                สติ... สติ... หล่อนพยายามเตือนตัวเองด้วยการหลุบตาลง ที่จริงแล้วเขาก็แค่ถามตามมารยาทเท่านั้นเอง ไม่น่าเชื่อเลยว่าแววตาเขาจะมีพลังทำลายล้างสูงขนาดนี้ มองแค่ไม่กี่วินาที หัวใจก็เหมือนจะละลายหายไปจากเนื้อตัว

                “มะ...ไม่มีค่ะ”

                “งั้นเราก็เข้าไปกันเลยดีกว่าไหม”

                เจ้าขาพยักหน้าหงึกๆ เหนือสมุทรจึงมองไปทางน้องสาวที่ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แล้วผายมือเชิญทั้งคู่ไปข้างในด้วยกัน  

- - - - - - - - - -

                บริเวณทิศตะวันตกของรีสอร์ตมีลักษณะเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล ร้านอาหารที่อยู่บนเนินใกล้ๆ กันจึงถูกออกแบบให้เป็นลานไม้กว้างๆ และมีโต๊ะสำหรับให้บริการเพียงยี่สิบโต๊ะเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเต็มทุกวัน ลูกค้าที่ต้องการมารับประทานอาหารพร้อมกับชมวิวในมุมนี้จึงต้องจองล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีซุ้มพิเศษสำหรับลูกค้าที่ชอบความเป็นส่วนตัวแยกขึ้นไปเหนือลานกว้างอีกสองซุ้ม ซึ่งหนึ่งในนั้นเหนือสมุทรจองเอาไว้ต้อนรับน้องสาวกับเพื่อน

                เมื่อก้าวขึ้นบันไดมาถึงซุ้มศาลาประดับม่านสีขาวข้างบน เจ้าขาก็ต้องตะลึงกับทัศนียภาพอันแสนสวยงามของชายฝั่งทะเลเบื้องล่าง เพราะนอกจากมองเห็นคลื่นกระทบหาดทรายขาวชัดกว่าลานกว้างด้านล่างแล้ว ยังปราศจากเสียงรบกวนจากลูกค้าโต๊ะอื่น

                “ถ้ามาก่อนพระอาทิตย์ตกก็จะได้เห็นวิวสองแบบ” เหนือสมุทรแนะนำพลางผายมือไปยังเบาะรองนั่ง ทะเลดาวจึงชวนเพื่อนไปด้วยกัน โดยหล่อนชิงเลือกนั่งเบาะด้านซ้ายเพื่อให้เจ้าขาได้นั่งเบาะตรงกลาง เบาะสุดท้ายทางขวาจึงตกเป็นของเหนือสมุทรไปโดยปริยาย    

                ไม่น่าเชื่อ...ลมทะเลจะพัดเอากลิ่นหอมสะอาดจากกายคนตัวโตที่เพิ่งนั่งลงหมาดๆ มากระทบปลายจมูก

เจ้าขาอดอยากรู้ไม่ได้ว่าเหนือสมุทรใช้น้ำหอมยี่ห้ออะไร ถึงได้เย้ายวนใจเพียงนี้ หรือแท้จริงแล้วเป็นตัวเขาเองที่มีเสน่ห์ แต่ครั้นเขาหันหน้ามาหาราวกับรู้ว่าถูกแอบมอง เจ้าขาก็รีบหลบตาวูบ

                “น่าเสียดายเหมือนกันนะคะ เจ้าขามาช้าไปหน่อยเลยไม่ทันเห็นวิวพระอาทิตย์ตก” หล่อนเฉไฉเบี่ยงความสนใจของเขา เพราะเกรงจะถูกจับได้ว่าแอบคิดอะไรไปไกลเกินเอื้อม

                “พรุ่งนี้ค่อยมาด้วยกันใหม่ก็ได้ เนอะพี่เม่นเนอะ” ทะเลดาวมิวายช่วยเปิดทางให้เพื่อน เจ้าขาจึงหน้าตาตื่น อดไม่ได้ที่จะแอบหยิกขาทะเลดาวเบาๆ เป็นการตักเตือนที่ออกตัวแรงเกิน “โอ๊ย!”

                “เป็นอะไร” เหนือสมุทรเห็นน้องสาวสะดุ้งก็อดเป็นห่วงไม่ได้

                “เอ่อ...เหน็บกินน่ะค่ะ” ทะเลดาวหัวเราะแห้งๆ อดไม่ได้ที่จะแอบมองคาดโทษเพื่อนตอนชายหนุ่มเผลอ หล่อนหรือก็อุตส่าห์อยากช่วยเป็นแม่สื่อแท้ๆ ยังมาทำร้ายร่างกายกันอีก

ทันใดนั้น บริกรสองคนช่วยกันยกสำรับอาหารขึ้นบันไดมาที่ซุ้ม สองสาวจึงอดหันไปมองไม่ได้

                “พี่เม่นสั่งเหรอคะ” ทะเลดาวแปลกใจเล็กๆ เพราะก่อนหน้านี้เหนือสมุทรมีงานต้องสะสางที่สำนักงาน แต่เอาเข้าจริงเจ้าของรีสอร์ตอย่างเขาจะให้เลขาฯ ช่วยจัดการล่วงหน้าก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

                “ปลาดาวกับเพื่อนจะได้ไม่ต้องรอนาน” 

                เจ้าขาอมยิ้ม รู้สึกดีที่มีหล่อนอยู่ในความหวังดีนั้นด้วย

                “ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูแนะนำของทางร้าน ถ้าอยากเพิ่มเติมอะไรก็สั่งได้เลยนะ” เหนือสมุทรหันมาคุยกับเจ้าขาด้วย คนตัวเล็กที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอเขาบ่อยๆ จึงยิ่งใจเต้นโครมคราม แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเขาแค่ทำหน้าที่ ‘เจ้าบ้าน’ ที่ดีก็ตาม

                “พี่เม่นรับปากแล้วว่าจะเป็นเจ้ามือ” ทะเลดาวช่วยเสริม เป็นเวลาเดียวกับที่อาหารหน้าตาน่ารับประทานห้าอย่างถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะเสร็จเรียบร้อย เจ้าขาจึงลองมองดูคร่าวๆ

                “แค่นี้ก็น่าจะกินไม่หมดแล้ว ขอบคุณ...เอ่อ...พี่เม่นด้วยนะคะ” หล่อนหลุบตาลงมองโต๊ะยามเรียกชื่อเขา อดคิดไม่ได้ว่าที่จริงไม่จำเป็นต้องกินอะไรสักคำ หล่อนก็อิ่มจนสุขล้น แต่เมื่อทุกคนหยิบช้อนเพื่อเริ่มลงมือรับประทาน เจ้าขาก็ไม่อยากให้เหนือสมุทรสงสัย

หญิงสาวค่อยๆ ตักต้มยำกุ้งน้ำข้นในหม้อไฟมาใส่ถ้วยใบเล็กเพราะโปรดปรานกุ้งที่สุด ทว่าจู่ๆ ก็ต้องตกใจเพราะเสียงอุทานของทะเลดาว

“อุ๊ย!”

เจ้าขาหันไปมองอย่างไม่คิดไม่ฝัน แปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายหน้าบิดเบี้ยวเหยเก

“เหน็บกินอีกหรือไง”

เสียงเรียบๆ ของเหนือสมุทรทำเอาคนแกล้งเหน็บกินเมื่อครู่หน้าเหวอไปนิดหน่อย แต่เจ้าขาแน่ใจได้ว่าไม่ใช่ เพราะครั้งนี้หล่อนไม่ได้หยิกเพื่อนเลย

“เป็นอะไรหรือเปล่า ปลาดาว”

“เหมือนเมนส์จะมาเลย” ทะเลดาวเข้ามากระซิบ ก่อนจะหันไปหาพี่ชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม “ปลาดาวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ พี่เม่นกับเจ้าขากินกันก่อนได้เลย”

“เจ้าขาไปเป็นเพื่อนไหม” คนหวังดีอาสา “เผื่อว่ามาจริงๆ จะได้ช่วยหาผ้ายันตร์กันโลหิตให้”

“ไม่ต้องๆ ปลาดาวพกมาในกระเป๋า” ทะเลดาวปฏิเสธพลางหันไปหาพี่ชายอีกครั้ง “ฝากเจ้าขาด้วยนะคะ เดี๋ยวปลาดาวมา”

เหนือสมุทรพยักหน้าน้อยๆ ผิดกับเจ้าขาที่มองตามหลังเพื่อนลงบันไดไปอย่างทำตัวไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าจู่ๆ จะต้องอยู่กับชายหนุ่มตามลำพังแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงก็เริ่มคลับคล้ายคลับคลาว่าทะเลดาวเพิ่งบ่นปวดท้องประจำเดือนไปตอนช่วงสอบ เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะมีประจำเดือนอีก

แล้วกันสิ! แม่สื่อตัวดีเล่นหล่อนเข้าแล้วไงล่ะ

“ไม่กินเหรอครับ”

เสียงเรียบๆ ของชายในฝันดึงสติเจ้าขาให้หวนกลับคืนมาอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังประหม่าจนไม่รู้จะตอบอะไรได้มากกว่ายิ้มแห้งๆ แล้วก้มลงรับประทานอาหารค่ำต่อ

                กว่าหนึ่งนาทีที่ผ่านพ้นไปทำให้เจ้าขาเริ่มเกร็งเหลือเกิน ปรกติแล้วหล่อนมักเป็นฝ่ายชวนเพื่อนคุยเสมอ และไม่ชอบบรรยากาศเงียบๆ แบบนี้เลย แต่ครั้นจะชวนเขาคุยก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร แล้วหล่อนก็ไม่อยากให้เขารู้สึกอึดอัดเวลาอยู่กันตามลำพังด้วย

                “อาหารถูกปากไหมครับ”

                จู่ๆ ชายในฝันก็ชวนคุยเสียอย่างนั้น เจ้าขาเลยอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้

                “ค่ะ” หล่อนหลุบตามองกับข้าวมากมายบนโต๊ะ ที่จริงแล้วตั้งแต่มีเขานั่งกินอยู่ข้างๆ ลิ้นของหล่อนก็แทบไม่รับรู้รสชาติอะไรเลยสักนิด เพราะประสาทสัมผัสทั้งหมดไหลไปหลอมรวมอยู่แต่เรื่องของเขา “ปรกติพี่เม่นมากินข้าวที่นี่บ่อยไหมคะ”

                “ส่วนใหญ่จะกินที่สำนักงานหรือไม่ก็ที่บ้านมากกว่า แต่ถ้าปลาดาวกลับมา เขาก็ชอบชวนมาที่นี่ประจำ”

                เจ้าขาพยักหน้าหงึกๆ พอจะรู้ว่าเหนือสมุทรรักน้องสาวมาก อาจเพราะทะเลดาวเสียบุพการีไปตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ พี่ชายคนนี้ก็เลยกลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง กว่าสามปีที่เรียนอยู่สาขาวิชาเดียวกัน เจ้าขาก็เลยมักได้ยินทะเลดาวชมพี่ชายให้ฟังบ่อยๆ 

                “ว่าแต่เราฝึกงานที่ไหน”

                “รีสอร์ตแถวๆ ชานเมืองค่ะ ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไร”

                “ที่เดียวกับปลาดาว?” เหนือสมุทรเลิกคิ้ว ก่อนจะเห็นหล่อนพยักหน้าน้อยๆ “ที่จริงที่นี่มีเด็กฝึกงานมาจากกรุงเทพฯ ทุกปี เธอกับปลาดาวน่าจะเลือกที่นี่”

                หัวใจของเจ้าขาพองโต แก้มใสแดงเรื่อเมื่อรู้สึกเหมือนเขาชวนให้มาอยู่ใกล้ๆ

                ใจเย็นไว้ก่อนเจ้าขา... เขาไม่ได้ชวนหล่อนจริงๆ เสียหน่อย แต่ก็แค่อยากให้ทะเลดาวมาอยู่ใกล้หูใกล้ตาต่างหาก หล่อนเองก็รู้อยู่เต็มอกไม่ใช่หรือว่าช่วงนี้เพื่อนสาวคนสวยกำลังถูกลูกชายผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นคุกคาม

                “พี่เม่นคงเป็นห่วงปลาดาว”

                “ใช่” เขาพยักหน้าน้อยๆ ราวกับจะตอกย้ำว่าหล่อนเข้าใจไม่ผิด “ฉันมีน้องสาวคนเดียว ยังไงก็ต้องห่วงอยู่แล้ว เธอก็น่าจะรู้...ปลาดาวมีอะไรไม่ค่อยบอกคนทางบ้าน ถ้าคนรู้จักฉันไม่บังเอิญเห็นนายริทไปตอแยปลาดาวที่คอนโด ฉันก็คงไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ”

                “ปลาดาวก็แค่คิดว่าดูแลตัวเองได้ เพราะช่วงที่เกิดเรื่อง เจ้าขาก็ไปนอนเป็นเพื่อนที่คอนโดค่ะ” หญิงสาวไม่อยากให้เขาทุกข์ใจมากนัก “พี่เม่นไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ บ้านเจ้าขาเป็นค่ายมวย ถ้าใครมารังแกปลาดาวนะ เจ้าขาจะปกป้องให้เอง”

หญิงสาวเสนอตัวพลางยกกำปั้นขึ้นอย่างมุ่งมั่น แต่พอเห็นเหนือสมุทรมองด้วยสีหน้านิ่งๆ ความเก้อเขินก็ทำเอาเจ้าขาหัวเราะกลบเกลื่อน

“ไม่ขำเนอะ” คนตัวเล็กค่อยๆ เอามือลงมาวางบนตัก ดวงตากลมโตมีประกายไหววูบอย่างอดอายไม่ได้ที่เผลอทำอะไรเปิ่นๆ ลงไป

“ขอบใจนะ”

เจ้าขาหันกลับไปมองอย่างไม่อยากเชื่อหู ไม่แน่ใจว่าอุปาทานไปเองหรือไม่ ถึงได้รู้สึกราวกับแววตาเขากำลังยิ้มน้อยๆ ทั้งๆ ที่ริมฝีปากไม่ได้ยิ้มด้วย

“ปลาดาวโชคดีมากที่มีเพื่อนน่ารักๆ อย่างเธอ”

น่ารักหรือ... หัวใจดวงน้อยๆ คล้ายจะลอยละล่องไปไกล หรือบางทีอาจจะไม่ไกลเท่าไร เพราะมันลอยไปอยู่ในมือเขานี่เอง

“กินข้าวเถอะ ปล่อยให้โกรกลมทะเลนานๆ เดี๋ยวไม่อร่อย” เหนือสมุทรชักชวนพลางตักกับข้าวอีกครั้ง เจ้าขาพยักหน้าหงึกๆ และไม่รอช้าที่จะลงมือรับประทานด้วยกัน

บิดาของหล่อนชอบพูดบ่อยๆ ว่าภรรยาที่ดีควรจะเป็นช้างเท้าหลัง... เพราะฉะนั้นสามีในอนาคตว่าอย่างไร เจ้าขาก็ว่าอย่างนั้นแหละ!

- - - - - - - - - -

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น