1

แรกพบ...ไม่สบตา


บทที่ 1

แรกพบ...ไม่สบตา

 

ประตูรั้วสูงกว่าสามเมตรถูกเปิดออกด้วยระบบอัตโนมัติ รถยนต์อเนกประสงค์สีขาวสะอาดสะอ้านค่อยๆ แล่นตรงเข้าไปตามถนนที่ถูกขนาบด้วยแนวต้นไม้ใหญ่ ผ่านสวนอันร่มรื่นที่มีอาณาเขตกว้างไกลไปหยุดตรงหน้าตึกสามชั้นสไตล์อิตาลี ซึ่งเป็นวังเก่าอายุกว่าร้อยปีของราชสกุลคุณาบดินทร์    

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยดับเครื่องยนต์ก่อนจะก้าวลงไปเปิดท้ายรถ เป็นเวลาเดียวกับที่ประตูฝั่งซ้ายมือคนขับมีอีกหนึ่งหนุ่มก้าวตามลงมา

“สวัสดีค่ะ คุณหมึก คุณหมี” เสียงหวานๆ ดังแว่วมาจากทางห้องโถง ร่างสูงที่เพิ่งจะเปิดประตูรถหมาดๆ หันไปมองก็เห็นว่าเป็นสาวใช้ในวังที่คุ้นหน้าค่าตากันดี

“สวัสดีครับ พี่มะปราง” เขตชลยิ้มทักอย่างเป็นกันเองในตอนอีกฝ่ายลงบันไดหน้ามุขมาหา หล่อนสวมเสื้อคอบัวสีขาวกับผ้าถุงสำเร็จสีเขียวมะกอกไม่ต่างจากสาวใช้คนอื่นๆ แม้ว่าจะมีฐานะเป็นถึงคนสนิทของหม่อมราชวงศ์หญิงวัยหกสิบผู้ครอบครองวังเก่าหลังนี้ก็ตาม

“มาเยี่ยมคุณมดเหรอคะ” สาวใช้หมายถึงน้องสาวของสองหนุ่มที่แต่งงานมาเป็นสะใภ้คุณาบดินทร์ได้ปีกว่า

ก่อนหน้านี้หล่อนเพิ่งให้กำเนิดบุตรชายสักราวๆ สามสัปดาห์ ช่วงนี้บรรดาญาติสนิทมิตรสหายจึงทยอยกันมาเยี่ยมและรับขวัญเด็ก

“ครับ” เขตชลตอบรับตามตรง “เมื่อวานมดโทร.ไปอ้อนว่าคิดถึงแกงเขียวหวานฝีมือพ่อ ผมกับพี่หมีอยู่ว่างๆ ก็เลยเอามาฝากน่ะครับ แล้วก็...ถือโอกาสเอาผักผลไม้ปลอดสารพิษจากฟาร์มมาให้ด้วย”

ผู้มาเยือนพยักพเยิดไปยังพี่ใหญ่ของบ้านที่เพิ่งจะปิดท้ายรถหลังหยิบกระเช้าของฝากออกมา เขาเป็นดอกเตอร์หนุ่มวัยสามสิบห้าที่มีอาชีพหลักคืออาจารย์คณะเกษตรประจำมหาวิทยาลัย แต่เวลาเดียวกันก็ดูแลฟาร์มผักออร์แกนิกของครอบครัวด้วย

“นี่ถ้าคุณมดรู้ต้องดีใจแน่เลยค่ะ” มะปรางปลื้มแทนนายสาว รอจนกระทั่งเขตพนาหิ้วกระเช้ามาตรงหน้าแล้วจึงค่อยยื่นมือไปรับ “มาค่ะ...คุณหมี มะปรางเอาไปเก็บให้”

“ขอบคุณครับ” เขตพนาตอบรับสั้นๆ ตามประสาคนพูดน้อย ผิดกับน้องชายอย่างเขตชลที่ออกจะช่างเจรจามากกว่าสักหน่อย 

“แล้วนี่คุณหญิงอยู่หรือเปล่าครับ”

“ออกไปงานการกุศลกับเพื่อนตั้งแต่เช้าแล้วละค่ะ ส่วนคุณชายก็ยังไม่กลับจากออฟฟิศ...” มะปรางพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายถามตามมารยาทในฐานะที่ราชนิกุลทั้งสองเป็นเจ้าของบ้านเท่านั้น “คุณมดอยู่กับคุณรุจในห้องนั่งเล่น คุณหมีกับคุณหมึกจะเข้าไปเองเลยไหมคะ หรือว่าจะรอที่ห้องรับแขกก่อน เดี๋ยวมะปรางไปเรียนคุณมดให้ค่ะ”

ยังไม่ทันที่เขตพนาจะได้ตอบคำถาม โทรศัพท์มือถือของเขตชลก็ส่งเสียงขัดจังหวะสนทนา

เมื่อเจ้าตัวล้วงมือเข้าไปหยิบอุปกรณ์สื่อสารในกระเป๋ากางเกงมาดูภาพหน้าจอ ชื่อของคนสนิทที่ทำงานอยู่ในรีสอร์ตย่านชานกรุงก็ปรากฏแก่สายตา

“พี่หมีกับมะปรางเข้าไปก่อนเลยก็ได้ครับ” เขาตัดบทพลางเลี่ยงไปรับสายอีกทาง “ว่าไง ณุ”  

“วันนี้คุณหมึกไม่เข้าออฟฟิศแล้วใช่ไหมครับ ผมจะขอคอนเฟิร์มเรื่องนัดสัมภาษณ์กับทีมงานนิตยสารที่ติดต่อมาวันก่อน” ภาณุกรอกเสียงมาตามสาย เป็นเวลาเดียวกับที่สองเท้าของเขตชลก้าวไปหยุดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ในสนามหญ้าหน้าวังคุณาบดินทร์

“นายบอกเขาแล้วใช่ไหม ฉันไม่ตอบเรื่องส่วนตัว”

“เรียบร้อยครับ” น้ำเสียงของเลขาฯ หนุ่มค่อนข้างผ่อนคลาย “ทางทีมงานยืนยันว่าไม่มีเรื่องคุณเชรีมาเอี่ยวจริงๆ ถ้าคุณหมึกสะดวก ผมนัดเขาเป็นวันพรุ่งนี้สิบโมงนะครับ”

“ได้” เขตชลมักเข้าไปตรวจงานที่รีสอร์ตช่วงเช้าเป็นประจำอยู่แล้ว ฉะนั้นช่วงสายๆ น่าจะพอมีเวลาเล็กน้อยในการให้สัมภาษณ์ ส่วนช่วงบ่ายเขามีนัดออกรอบกอล์ฟกับลูกค้า ซึ่งภาณุเองก็รู้ตารางงานเจ้านายอย่างดี ถึงได้ช่วยจัดสรรปันเวลาให้ทุกอย่างลงตัว

แต่ครั้นวางสายจากคนสนิท เขตชลก็อดถอนหายใจเล็กๆ ไม่ได้

นับตั้งแต่ตกเป็นข่าวรักกุ๊กกิ๊กกับดาราสาวชื่อดังระดับประเทศเมื่อหลายเดือนก่อน ความเป็นส่วนตัวของเขาก็ค่อยๆ ลดน้อยลงไป เขตชลรู้สึกได้ว่าตัวเองถูกสื่อต่างๆ จับจ้องมากขึ้น ซึ่งเขาไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะไม่ใช่คนสาธารณะ เหนือสิ่งอื่นใดคือความสัมพันธ์ระหว่างเขากับดาราสาวไม่ได้เป็นจริงอย่างที่ถูกตีข่าว แต่เบื้องลึกเบื้องหลังบางอย่างก็ยากเกินกว่าจะอธิบายให้คนภายนอกเข้าใจง่ายๆ เพราะฉะนั้นการปล่อยให้ทุกอย่างค่อยๆ เงียบไปจึงเป็นทางออกที่ดี

หากไม่ใช่เพราะบรรณาธิการนิตยสารฉบับนี้เป็นรุ่นน้องคนสนิทของภาณุ และตั้งใจทำคอลัมน์เกี่ยวกับการสร้างแรงบันดาลใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจริงๆ เนื่องจากชื่นชอบแนวคิดกรีน รีสอร์ต[1]ของเขา เขตชลคงปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ไปแล้ว  

ชายหนุ่มเก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋ากางเกงพร้อมปัดเรื่องไร้สาระออกจากสมอง ทว่าในขณะที่กำลังหมุนตัวกลับไปทางเก่า เสียงผิดปรกติบางอย่างก็แว่วมากระทบโสต

“โอ๊ย!”

ร่างสูงชะงัก รู้สึกว่าเสียงนั้นน่าจะมาจากสวนทางตะวันตกของบ้าน

เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด เขตชลจึงตัดสินใจก้าวไปสำรวจให้ชัด ก่อนจะเห็นร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งกำลังพยายามยืนทรงตัวอยู่บนกิ่งต้นมะม่วงริมรั้ว หล่อนถักผมเปียสองข้างชวนให้นึกถึงนักเรียนคอนแวนต์สมัยคุณแม่ยังสาว แต่ที่ดูต่างออกไปก็เห็นทีจะเป็นเสื้อยืดกับกางเกงยีนขาสั้นที่เจ้าตัวสวมใส่ แขนซ้ายห้อยตะกร้าสานใบเล็กๆ เอาไว้ในขณะที่มือข้างเดียวกันนั้นเกาะกอดลำต้นเพื่อเป็นหลักยึด

“มดบ้านี่... กินเองก็ไม่ได้แล้วยังจะหวงอีก” หล่อนสะบัดมือขวาเบาๆ พลางเอื้อมออกไปดึงผลมะม่วงที่ห้อยอยู่กลางดงมดด้านบนมาใส่ตะกร้า

เด็กที่ไหนกันนะ?

ตั้งแต่น้องสาวแต่งงานมาเป็นสะใภ้วังคุณาบดินทร์ เขตชลก็เข้าๆ ออกๆ วังหลังนี้หลายครั้ง เขาแน่ใจว่าไม่เคยเห็นสตรีคนไหนในวังปีนป่ายต้นไม้จนดูเหมือนลิงป่าแบบนี้มาก่อน อีกทั้งน้องเขยยังมีญาติผู้หญิงเพียงคนเดียวคือหม่อมราชวงศ์วัยหกสิบปี เพราะฉะนั้นเด็กสาวที่น่าจะยังไม่บรรลุนิติภาวะบนต้นมะม่วงไม่มีทางเป็นคนในตระกูลคุณาบดินทร์แน่

ครั้นคิดว่าเป็นสาวใช้ก็ไม่น่าใช่... สาวใช้ทุกคนในวังล้วนแต่สวมเครื่องแบบเหมือนกันไปหมด ทั้งนี้เป็นเพราะความมีระเบียบเรียบร้อยของผู้ปกครอง ยิ่งพิศมองใบหน้าเกลี้ยงเกลาของหล่อน เขตชลก็ค่อนข้างแน่ใจว่าหน้าตาน่าเอ็นดูแบบนี้ หากทำงานอยู่ที่นี่จริงๆ เขาต้องจำได้แน่

ทันใดนั้น แนวรั้วอัลลอยใกล้ๆ ต้นมะม่วงก็ทำให้ความคิดบางอย่างผุดวาบมาในสมอง

ร่างสูงราวร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรค่อยๆ ก้าวตรงไปใกล้หล่อน เงยหน้ามองคนตัวบางที่ยังคงสาละวนอยู่กับการเก็บผลไม้ ทั้งๆ ที่ในตะกร้าก็แทบจะไม่มีที่ว่างหลงเหลือ

“ขี้เสร็จแล้วเหรอลุง”

เขตขลชมวดคิ้วน้อยๆ กวาดตามองรอบๆ ไม่เห็นใครจึงเดาว่าสาวน้อยคงได้ยินเสียงฝีเท้าเขา แล้วทึกทักเอาเองว่าเป็น ‘ลุง’ ที่มาด้วยกัน เพราะมัวแต่สนใจพวงมะม่วงที่ห้อยโตงเตงอยู่บนต้นมากกว่าจะก้มลงมามองดูคู่สนทนา

“เปล่า ไม่ได้ขี้”

เสียงห้วนๆ นั้นทำเอาหญิงสาวชะงัก ไม่คุ้นว่าเป็นเสียงคนรู้จัก แล้วพอหันลงไปมองเท่านั้น แววตาคมๆ ของชายหนุ่มที่ยืนจ้องขึ้นมาก็ทำเอาหล่อนถึงกับเบิกตากว้าง เป็นจังหวะเดียวกับที่มดแดงบนกิ่งมะม่วงไต่มากัดมืออีกครั้ง ความตกใจจึงทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งวาบ เผลอปล่อยมือที่ยึดกึ่งมะม่วงเอาไว้ทันที

“เฮ้ย!” หญิงสาวอุทาน พยายามจะเอื้อมมือไปคว้ากิ่งอันแข็งแรงอีกครั้งแต่ไม่ทันเสียแล้ว “กรี๊ด!”

ดวงตาคมเบิกกว้าง ถลันไปช่วยรับร่างน้อยที่พลัดตกลงมาตามสัญชาตญาณ แต่เพราะเหตุการณ์ค่อนข้างฉุกละหุก พอรวบรับตัวเอาไว้ได้ แรงกระแทกจึงทำให้ชายหนุ่มเสียหลักล้มลงไปบนสนามหญ้าโดยมีหล่อนติดมาในอ้อมแขนด้วยกัน 

ตุบ!

“โอ๊ย...” เขตชลสูดปากเบาๆ รู้สึกเจ็บสะบักหลังนิดหน่อย ในขณะที่หญิงสาวเองก็จุกไม่น้อย แต่ครั้นลืมตาขึ้นเห็นว่าตัวเองล้มทับอยู่บนตัวเขา อีกทั้งใบหน้ายังอยู่ห่างกันไม่ถึงครึ่งคืบ ความเจ็บก็หายไปหมดเกลี้ยงเพราะมันถูกแทนที่ด้วยความตกใจ ยิ่งเห็นเขาลืมตาขึ้นมองมาบ้าง ดวงตาที่สบประสานกันนั้นก็ทำเอาคนตัวบางหน้าร้อนวูบวาบ ไม่เคยนอนทับผู้ชายอย่างแนบสนิทชิดเชื้อขนาดนี้มาก่อน

หล่อนลุกพรวดออกไป ความอายทำให้ยังคิดอะไรไม่ออก แล้วพอเหลือบเห็นมะม่วงในตะกร้าสานใบเล็กกระดอนหล่นออกมาตามพื้นหญ้าเกือบหมด คนอุตส่าห์ตั้งใจปีนขึ้นไปเก็บลงมาจึงไม่รอช้าที่จะไปสำรวจดูรอยช้ำตามผล

“แทนที่จะห่วงคน ยังห่วงมะม่วงอีก” ชายหนุ่มประคองกายลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดนิดๆ ยามมองท่าทีของหล่อน

ทะเลดาวหันกลับไปหาเขาทันควัน เพิ่งฉุกคิดได้ว่าเขาคงเจ็บตัวที่รับน้ำหนักหล่อนแบบนั้น แต่เท่าที่สังเกตดูเบื้องต้นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

“ขอบคุณนะคะที่ช่วย คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”

“ไม่เป็นไร” เขตชลคิดว่าตัวเองยังเคราะห์ดีที่กระดูกกระเดี้ยไม่หัก อาจเพราะเขาชอบเล่นกีฬาต่อยมวยเป็นประจำด้วย เลยพอจะรู้อยู่บ้างว่าเวลาเสียหลักล้มควรเอาส่วนไหนของร่างกายลงเพื่อจะได้เป็นอันตรายน้อยที่สุด “ว่าแต่เธอเป็นใคร ทำไมถึงเข้ามาเก็บมะม่วงในนี้ได้”

“หนูมากกว่านะคะที่ควรถาม คุณเข้ามาที่นี่ได้ยังไง”

“แต่ฉันถามเธอก่อน” เขตชลผูกคิ้วนิ่วหน้า ไม่ชอบเอาเสียเลยที่ถูกย้อน ทั้งๆ ที่เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าหล่อนหลายปี “หรือที่ไม่ยอมบอกก็เพราะแอบลักลอบเข้ามา”

ข้อกล่าวหานั้นทำเอาทะเลดาวเหวอ กะพริบตาปริบๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ

“นี่คุณหาว่าหนูแอบเข้ามาขโมยมะม่วงเหรอ”  

“ก็ถ้าไม่ใช่ ทำไมถึงไม่ตอบคำถามฉันดีๆ ล่ะว่าเธอชื่ออะไร ใครอนุญาตให้เข้ามาที่นี่”

“หนูอยู่ที่นี่”

น้ำเสียงของหล่อนหนักแน่น ดวงตามีประกายขุ่นมัวเล็กน้อย เพราะไม่ชอบเอาเสียเลยที่จู่ๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมย ทว่าชายหนุ่มกลับยังคงมองหล่อนเหมือนไม่ปักใจเชื่อ

“ฉันเข้าออกที่นี่ประจำ ไม่เคยเห็นเธอในวังเสียที” เขาละสายตาจากเสื้อผ้าที่ดูเหมือนชุดอยู่บ้านของวัยรุ่นทั่วไป และไม่ใช่เครื่องแบบสาวใช้ในวังแน่ “แต่งตัวก็ประหลาด แถมยังปีนต้นไม้เหมือนลิงเหมือนค่าง ถ้าเชื่อว่าเธอทำงานอยู่ในวังก็ออกลูกเป็นไข่”

ทะเลดาวเม้มริมฝีปากเข้ากันเล็กๆ ดวงตาวาววับอย่างไม่สบอารมณ์ ผู้ชายตรงหน้าไม่เพียงกล่าวหาว่าหล่อนเป็นหัวขโมยเท่านั้น แต่ยังหาว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะ เป็นลิงเป็นค่างอีกด้วย

ปากร้าย! แอบค่อนว่าในใจแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหลุบตามองนิ้วก้อยเขาที่เท้าอยู่กับพื้นสนามหญ้า หากมันกระดกขึ้นมาสักหน่อย หล่อนคงได้คิดว่าเขาเป็นเกย์แหงๆ

“ในเมื่อไม่คิดจะเชื่อก็ไม่มีความจำเป็นต้องถามหรอกค่ะ” เห็นแก่ที่ช่วยรับหล่อนเอาไว้เมื่อครู่ ทะเลดาวจึงไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย

หล่อนเลือกจบปัญหาด้วยการหันไปเก็บมะม่วงที่หล่นอยู่อย่างกระจัดกระจายมาใส่ตะกร้าให้ครบ ก่อนจะลุกไปหน้าตาเฉย โดยไม่รู้สักนิดว่ากำลังกวนน้ำให้ขุ่น เพราะเขาอุตส่าห์ช่วยหล่อนแท้ๆ แต่ยังคุยกันไม่ทันรู้เรื่องก็สะบัดหน้าใส่เสียอย่างนั้น เขตชลไม่รอช้าที่จะลุกพรวดตามไปคว้ามือหล่อนไว้

“คุณ!” ทะเลดาวสะดุ้ง หันขวับมามองเขาอย่างตกอกตกใจ แต่เขาก็ไม่พูดอะไรนอกจากลากหล่อนให้ตามไปทางหน้าวังด้วยกัน “จะพาหนูไปไหน ปล่อยนะ!”

หญิงสาวพยายามยื้อยุด ไม่ยอมให้ความร่วมไม้ร่วมมือใดๆ แล้วก้มลงกัดมืออีกฝ่าย

“โอ๊ย!” เขตชลถึงคราวได้สะดุ้งบ้าง คนตัวเล็กกว่าเลยไม่รอช้าที่จะอาศัยโอกาสนั้นรีบหนีไป แต่เพียงแค่กลับหลังหันได้ไม่ถึงครึ่งก้าว เขาก็ตามมารวบกายหล่อนไว้ได้ “จะหนีไปไหน ฮึ!”

“ปล่อยนะ คนบ้า!”

“เธอน่ะสิบ้า! ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องกลัวด้วย” ชายหนุ่มเข่นเขี้ยว หมายจะเอาตัวไปให้เจ้าของบ้านสอบสวน หากทว่าการที่เขามากอดรัดเสียแน่นก็ไม่ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษดีๆ พึงกระทำเลย หล่อนพยายามดิ้นรนขัดขืนจนแข้งขาพันกับเขาแล้วพากันล้มโครมลงบนสนามหญ้าอีกครั้ง “ว้าย!”

“เฮ้ย!”

ตุบ!

ทั้งสองกลิ้งไปคนละทางบนพื้น คนตัวเล็กกว่าจึงไม่รอช้าที่จะถือโอกาสนั้นรีบลุกขึ้นวิ่งหนี แต่เขตชลก็ตามไปคว้าร่างหล่อนจนล้มลงมาในอ้อมแขนอีกครั้ง ทั้งยังไม่ทันระวังจนเผลอไปจับโดนหน้าอกหล่อนเข้าพอดี

ขณะที่เขากำลังสงสัยว่าเหตุใดชายโครงถึงนุ่มนิ่มเกินกว่าเหตุ ทะเลดาวก็หน้าแดงแปร้ดเพราะไม่อยากเชื่อเลยว่าจะต้องมาถูกคนแปลกหน้าจับนม

“คนฉวยโอกาส!”

“พี่หมึก! ปลาดาว!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางเดินด้านขวา เมื่อคนทั้งสองหันไปมองก็เห็นว่าเป็นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีหวานกำลังก้าวลงบันไดห้องนั่งเล่นมา โดยมีเขตพนาตามหลังมาติดๆ แล้วพอเห็นมือของเขตชลกุมเนินอกหญิงสาวอยู่บนสนามหญ้า ดวงตาของเขตพนาก็เบิกกว้างอย่างตกตะลึง

“เฮ้ย! มือ”

เขตชลสะดุ้ง รีบเอามือออกจากหน้าอกคนในอ้อมแขนทันที เป็นเวลาเดียวกับที่ทะเลดาวเองก็เพิ่งเรียกสติกลับคืนมาได้จึงถองศอกใส่เขาอย่างแรง แล้วลนลานลุกพรวดไปหลบหลังกุมาริกา

“พี่มด! ช่วยปลาดาวด้วย ไอ้หื่นนี่มันจับนมปลาดาวค่ะ” เป็นข้อกล่าวหาที่ทำเอาเขตชลได้แต่นั่งหน้าเหลอไปชั่วขณะ เพราะไม่คิดว่าจู่ๆ จะกลายเป็น ‘ไอ้หื่น’ เสียได้

คนถูกใส่ร้ายไม่รอช้าที่จะรีบลุกขึ้นยืน ดวงตาคมเหลือบมองเด็กสาวผมเปียอย่างคาดโทษ

“ทำคุณบูชาโทษชัดๆ”

“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ” กุมาริกาเปิดฉากไต่สวนทั้งคู่ในฐานะคนกลาง ไม่อยากเชื่อว่าพี่ชายคนรองของหล่อนจะหน้ามืดถึงขั้นลวนลามเด็กในวังได้ แต่เวลาเดียวกันก็เห็นเองกับตาว่าเมื่อครู่นี้เขตชลจับหน้าอกทะเลดาวจริงๆ

“เด็กนี่ตกลงมาจากต้นมะม่วง พี่เลยช่วยรับเอาไว้ แต่พอถามว่าเป็นใครก็ไม่ยอมบอก ท่าทางลับๆ ล่อๆ ไม่น่าไว้ใจ พี่ก็เลยจะพาไปหามดในห้องนั่งเล่น”

“แล้วต้องจับนมด้วยเหรอ”

เสียงเรียบๆ ของเขตพนาทำเอาคนมีชนักติดหลังหน้าร้อน หูแดงระเรื่อเพราะไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่ามือจะพลาดไปโดน

“ไอ้หื่น”

เลวฉิบเป๋ง! โดนเด็กด่ายังไม่เจ็บเท่าไร มันเจ็บกระดองใจตรงพี่ชายตัวเอง ‘ขยี้’ ซ้ำนี่แหละ

“มันเป็นอุบัติเหตุ” เขตชลแก้ น้ำเสียงหงุดหงิดนิดๆ เช่นเดียวกับสีหน้า เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองคาดโทษเด็กแสบที่ทำให้เขากลายเป็นผู้ต้องหาอีกครั้ง “จับไปยังไม่รู้เลยว่านม แต่ถ้าล่วงเกินก็ขอโทษแล้วกัน”

ทะเลดาวหน้าร้อน มองคนตัวโตที่ดูหมิ่นกันหน้าตาเฉยแล้วอดอยากข่วนหน้าสักทีสองทีไม่ได้ แต่เห็นแก่ที่เขาช่วยรับหล่อนจากต้นไม้จริงๆ และเมื่อครู่นี้ก็น่าจะไม่ได้ตั้งใจจริงๆ จึงไม่อยากติดใจเอาความ อย่างไรเสียเขาก็ยังพอมีจิตสำนึกในการขอโทษอยู่บ้าง

“ว่าแต่...มดรู้จักด้วยเหรอ” เขตชลพยักพเยิดไปยังเด็กสาวที่ยังหลบอยู่หลังอีกฝ่าย เชื่อแล้วว่าไม่ได้แอบลักลอบเข้ามาแต่ก็ยังอดอยากรู้ไม่ได้อยู่ดี 

“ปลาดาว เป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทคุณเก้าน่ะค่ะ” หล่อนหมายถึงหม่อมราชวงศ์หนุ่มผู้เป็นสามี “มีเหตุสุดวิสัยนิดหน่อย ปลาดาวก็เลยมาพักอยู่ที่นี่ชั่วคราว”

“ที่จริงปลาดาวก็บอกเขาแล้วนะคะ แต่เขาไม่เชื่อเอง”
                “ท่าทางลับๆ ล่อๆ ใครจะไปเชื่อเธอลง” เขตชลสวน ยอมรับว่าหล่อนบอกแล้วจริงๆ เรื่องที่อาศัยอยู่ในวังคุณาบดินทร์หลังนี้ แต่เขาไม่เคยเห็นหล่อนมาก่อนสักครั้ง ทั้งๆ ที่แวะเวียนมาหากุมาริกาเสมอ ใครจะไปทันคิดเล่าว่าเป็นน้องสาวเพื่อนสนิทคุณชาย 

“ปลาดาวเพิ่งมาอยู่ได้สองวันเองค่ะ” กุมาริกาถือโอกาสแนะนำยิ้มๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าทั้งสองแค่เข้าใจผิดกันเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง “ปลาดาวจ๊ะ...นี่พี่หมึก พี่ชายของพี่เอง” 

“อะไรนะคะ” ทะเลดาวอึกอัก มองหน้ากุมาริกาสลับกับชายหนุ่มคู่กรณีอย่างไม่คิดไม่ฝัน คราวนี้เขตชลก็เลยสบโอกาสยักคิ้วข้างหนึ่งเพื่อเย้ยหล่อนบ้าง เพราะด้วยสถานะ ‘พี่ชายเจ้าของบ้าน’ ก็ย่อมมีภาษีดีกว่า ‘ผู้อาศัย’ อย่างหล่อนอยู่แล้ว

“ส่วนนี่ก็พี่หมี...พี่ชายคนโตจ้ะ” กุมาริกาหันไปแนะนำเขตพนาด้วย เพราะเห็นว่าไหนๆ ก็เจอกันครบแล้ว หญิงสาวที่เป็นเพียงผู้อาศัยจึงอดไม่ได้ที่จะยกมือไหว้เขา

“สวัสดีค่ะพี่หมี” แล้วก็หันไปหาเขตชลโดยไม่ได้เอามือลง “คุณหมึก”

เขตชลนิ่ง ประกายตาเจืออารมณ์ขุ่นเคืองนิดๆ ที่หล่อนประกาศชัดว่าไม่ต้องการสนิทสนมกับเขา แล้วไม่ทันมีใครได้พูดอะไร เด็กสาวก็หันไปยิ้มหวานกับกุมาริกา

“ปลาดาวขอตัวก่อนดีกว่านะคะ พี่มดจะได้มีเวลาเทกแคร์ญาติๆ”

สาวรุ่นพี่พยักหน้าน้อยๆ ทะเลดาวก็หมุนตัวไปทางหน้าบ้าน โดยไม่รู้สักนิดว่าพอคล้อยหลังไปแล้ว เขตพนาก็หันไปหาน้องชายคนรองด้วยแววตาวิบวับ

“ฉันเพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาจับโจรด้วยการจับนม”

“ถ้าจะขยี้ขนาดนี้ ไม่เกิดเป็นเครื่องซักผ้าเลยละ!” เขตชลค่อนแคะ อดไม่ได้ที่จะหันไปหาน้องสาวคนเล็กของบ้านที่อายุต่างกับพี่ๆ เกือบรอบและกำลังหัวเราะคิกคัก “นี่ก็อีกคน...ชอบจริงๆ เลยเวลาเห็นพี่ตัวเองตีกันเนี่ย”

“มดรู้หรอกว่าพี่หมีกับพี่หมึกรักกันจะตาย ไปค่ะ...ไปหาคุณรุจกันดีกว่า” ว่าแล้วกุมาริกาก็เข้ามายืนตรงกลางพลางควงแขนพี่ชายคนละข้างเพื่อสงบศึกย่อมๆ ในครอบครัว “ตั้งใจมาเยี่ยมหลานไม่ใช่เหรอคะ มดรู้หรอกน่าพี่หมึกไม่ชอบเด็กวัยนี้ ไม่ได้ตั้งใจล่วงเกินปลาดาวอยู่แล้ว ใครจะไปเหมือนพี่หมีล่ะเนอะ...เด็กมัธยมแท้ๆ ยังตีตราจองได้ลง”

ประโยคหลังหล่อนหันไปแกล้งแซวพี่ชายคนโต เขตพนาจึงกระแอมไอค็อกแค็ก

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว” เสียงเรียบๆ นั้นทำเอากุมาริกาขำ พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจแต่งงานกับเด็กสาวอายุสิบแปด ทั้งที่ตัวเองอายุปาเข้าไปสามสิบห้าแล้ว แต่หลายเดือนก่อนมันเกิดขึ้นเพราะความจำเป็นบางอย่าง และตอนนี้ทั้งสองก็เป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียวกันดี

“แบบนี้แหละ โบราณถึงมีคำกล่าวที่ว่า...ความผิดคนอื่นเท่าขุนเขา ความผิดตัวเราเท่าเส้นผม” เขตชลสบโอกาสเอาคืนพี่ชายบ้าง เพราะเขาไม่ได้มีรสนิยมชอบเด็กเหมือนอีกฝ่าย โดยเฉพาะเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ยังเล่นซนเหมือนลิงป่าแบบนั้นยิ่งไม่มีทาง

ถ้าคนอย่างเขตชลจะมีเมีย...ชาตินี้จะไม่มีเมียเด็กแน่นอน!

- - - - - - - - - - -

 

[1] Green Resort คือ สถานประกอบการด้านที่พักแรม ซึ่งมีการจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดี มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา และพัฒนาท้องถิ่น อันเป็นการเสริมสร้างการดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสีเขียวตามแนวทางอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืน

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น