9

งอน



“กล้องวงจรปิดเสีย?” ภัทรพลขมวดคิ้วขณะเดินตามลูกน้องเข้ามาในห้องมอนิเตอร์ “ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วภาพที่บันทึกเอาไว้ล่ะ มีอะไรผิดปกติไหม ชัยวัฒน์”

“เสียเมื่อสามคืนก่อนครับ ภาพที่บันทึกไว้ก็หายไปหมด ระบบอาจจะรวนเพราะเพิ่งติดตั้งไม่นาน คงต้องไล่ตรวจสอบหาสาเหตุดูอีกที แต่...แต่ตอนนี้ก็กลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้วนะครับ”

ชัยวัฒน์กุลีกุจอกดปุ่มให้ภัทรพลดูภาพจากกล้องแต่ละกล้องเพื่อเป็นการยืนยัน

“แล้วทำไมถึงไม่โทร. แจ้งฉัน ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้ามีอะไรผิดปกติ ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ห้ามมองข้าม ให้โทร. หาฉันทันที”

“ขอโทษด้วยครับพี่ภัทร คืนนั้นพวกผมรู้ตัวกันตอนที่ดึกมากแล้ว” สีหน้าขึ้งเคียดของภัทรพลทำเอาชัยวัฒน์ต้องหลุบตาลงต่ำอย่างละอายใจ ใครจะกล้าพูดกันเล่าว่าตนเองกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ มัวแต่ล้อมวงดื่มเบียร์สังสรรค์กันอยู่ในห้องจนลืมหน้าที่ดูแลคุณหนูคนสวยของลิเอซองหนุ่มไปสนิทใจ “พอพวกผมรู้ก็รีบออกเดินตรวจรอบๆ ทันทีเลยครับ ไม่พบอะไรผิดปกติทั้งนั้น คุณลูกแก้วเองก็หลับไปนานมากแล้ว”

“แล้วเจ้าหน้าที่จากปารีสทั้งสองคนที่ฉันให้พวกแกจับตาดูไว้ล่ะ มีท่าทางแปลกๆ หรือผิดปกติบ้างหรือเปล่า”

ภัทรพลกลืนคำก่นด่านับร้อยนับพันกลับลงไปในลำคอ ในสถานการณ์เช่นนี้ความโกรธไม่ช่วยแก้ปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น ต้องตั้งสติเท่านั้น

“ไม่มีนะครับ” ชัยวัฒน์ทำท่านึก “อ้อ เมื่อวันสองวันก่อน สองคนนั้นพาคุณลูกแก้วออกไปซื้อของที่ซูเปอร์ในหมู่บ้านครับ แต่ขากลับคนที่ชื่อใบป่านกลับมากับคุณลูกแก้วสองคน ส่วนคนที่ชื่อนะโมหายไปตลอดบ่าย กว่าจะกลับมาก็ราวสองทุ่มได้”

เขากับเจ้าหน้าที่อีกคนเพิ่งกลับจากไปซื้อเบียร์ที่ร้านด้านนอกหมู่บ้าน จึงเห็นเจ้าหน้าที่อินเตอร์โพลรูปหล่อคนนั้นเดินเข้าประตูรั้วมาพอดี

“สองทุ่ม?”

“ครับ แต่...พวกผมเองก็ไม่ทราบว่าเขาไปไหน”

เสียงท้ายประโยคเบาลง ด้วยเกรงว่าจะถูกตำหนิที่ไม่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทั้งสองคนแล้วรายงานอย่างละเอียดตามคำสั่งของหัวหน้า เจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งมาประจำการในเซฟเฮาส์ทุกคนรู้ดีว่า นอกจากไอศิกาจะเป็นลูกสาวของพยานคนสำคัญอย่างภามแล้ว เธอยังเป็นหญิงในดวงใจของภัทรพลด้วย ชายหนุ่มย่อมต้องกำชับให้พวกเขาคอยดูแลเธอเป็นพิเศษ แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมต้องให้พวกเขาจับตามองผู้ชายที่ชื่อนะโมกับใบป่านด้วย ในเมื่อทั้งคู่เป็นถึงเจ้าหน้าที่ซึ่งสำนักงานใหญ่ที่ปารีสส่งตัวมาคุ้มครองหญิงสาวโดยตรง ซึ่งต้องผ่านการตรวจสอบจากทางนั้นมาเป็นอย่างดีแล้ว

“ครั้งนี้ช่างมันเถอะ แต่ครั้งหน้าอย่าให้คลาดสายตาอีกล่ะ อ้อ แล้วก็พยายามอาสาขับรถพาลูกแก้วไปซื้อของเองด้วย อย่าให้ไปกับสองคนนั้นบ่อยนัก”

ภัทรพลเริ่มหัวเสียที่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่วางระบบเอาไว้ ตารางงานที่กรุงเทพฯ แน่นมากเสียจนเขาแทบปลีกตัวมาดูแลไอศิกาบ่อยเท่าที่ใจคิดไม่ได้ ต่อให้กำชับคนอื่นให้ดูแลเธออย่างไรก็ไม่มีวันทำได้ดีเท่าที่ตัวเขาทำเองเป็นแน่

“เมื่อวานผมก็อาสานะครับ แต่คุณลูกแก้วอยากไปกับคนที่ชื่อใบป่านมากกว่า เธอคงยังไม่ค่อยคุ้นกับพวกผมเท่าไหร่” ชัยวัฒน์โกหกครึ่งหนึ่ง ทั้งเขาและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าไอศิกาเป็นลูกสาวของอาชญากร ต่อให้เธอสวยน่ารักเพียงใด พวกเขาก็ไม่อยากลดเกียรติไปเดินตามก้นเธอต้อยๆ คอยถือตะกร้าจ่ายตลาดให้นักหรอก แค่อารักขาความปลอดภัยของเธอในเขตเซฟเฮาส์แห่งนี้ก็ถือว่าเสียศักดิ์ศรีของพวกตนมากแล้ว “อีกอย่างสองคนนั้นก็มือพระกาฬเชียวนะครับ น่าจะดูแลคุณลูกแก้วได้ดีกว่าพวกผมอีก”

แม้เหตุการณ์รุนแรงที่เจ้าหน้าที่หนุ่มจากปารีสทั้งสองคนก่อไว้จะถูกผู้ใหญ่ของบ้านเมืองตำหนิอย่างรุนแรง แต่ก็ทำให้ฝีมือของทั้งคู่เป็นที่ประจักษ์และโจษจันในหมู่เจ้าหน้าที่ชาวไทยเป็นอย่างมาก บางคนถึงขนาดพยายามสืบค้นประวัติของสองหนุ่มเพื่อดูว่าเคยสร้างชื่อในปฏิบัติการใดก่อนหน้านี้มาบ้าง แต่กลับพบว่าประวัติของพวกเขาถูกเข้ารหัสเป็นความลับ คนที่จะเปิดไฟล์ดูได้มีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสำนักงานใหญ่ในปารีสเท่านั้น

...และเจ้าที่ระดับสูงคนที่ว่าก็คือ...ฌอง-ปอล กุสโต...

“พวกเขาจะพาลูกแก้วไปเสี่ยงโดยไม่จำเป็นละไม่ว่า” ภัทรพลอึดอัดใจนักที่ต้องปิดเรื่องตัวตนที่แท้จริงของหวังหย่งเต๋อและเฉินกุ้ยเป็นความลับ แม้ ฌอง-ปอล กุสโต จะรับรองผ่านทางผู้ใหญ่อย่างหนักแน่นว่าทายาทแก๊งฮวงหลงและไป๋หู่จะไม่ก่อปัญหาอีก แต่ด้วยนิสัยขบถของทั้งสองคนแล้ว เขาสังหรณ์ว่าอีกไม่นานต้องเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นอีกเป็นแน่ “เอาเป็นว่าแกกับคนอื่นๆ ทำตามที่ฉันบอกก็แล้วกัน แล้วมีอะไรผิดปกติให้รีบรายงานฉันได้ตลอด 24 ชั่วโมง”

ชายหนุ่มตัดบทแล้วเดินออกจากห้องมอนิเตอร์ไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตอนแรกเขาคิดจะไปเคาะประตูห้องเรียกไอศิกา แต่เมื่อก้มดูนาฬิกาข้อมือที่เพิ่งชี้บอกเวลาเจ็ดนาฬิกาเศษ เขาจึงเดินเลี้ยวตรงไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้คนท่องหนังสือดึกรับประทานแทน

“อ้าว สวัสดีครับคุณภัทรพล”

น้ำเสียงราบเรียบที่ดังมาจากห้องครัวทำให้ลิเอซองหนุ่มชะงักเท้า เขายังไม่ได้ปรากฏตัวหน้าประตูด้วยซ้ำ แต่คนด้านในกลับรู้ว่าเป็นเขาอย่างนั้นหรือ

“จะรับอาหารเช้าด้วยกันไหมครับ”

ภัทรพลพูดไม่ออกเมื่อสาวเท้ามาถึงห้องครัวแล้วเห็นเฉินกุ้ยสวมผ้ากันเปื้อนยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ มือข้างหนึ่งถือกระทะที่บรรจุไข่คนสีเหลืองทองน่ารับประทาน ส่วนอีกมือถือตะหลิวด้วยมาดของพ่อครัวหัวป่าที่ดูอย่างไรก็ไม่เข้ากับเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่รีดเรียบจนกลีบโง้งและเส้นผมที่ใส่น้ำมันแต่งทรงจนเรียบแปล้สักนิด เจ้าของฉายาพญายมหน้านิ่งผู้นี้เหมาะกับการควงมีดหรือแกว่งปืนยิงเจาะกะโหลกคนเสียมากกว่า

“ไม่ละ ขอบคุณ”

ภัทรพลพูดแกนๆ ขณะเดินเข้ามาในห้องแล้วกวาดตามองจานอาหารเช้าที่จัดเรียงอย่างสวยงามหลายจานบนเคาน์เตอร์ด้วยความทึ่ง การจัดจานและสีสันดูน่ากินชนิดทำเอากระเพาะร้องโครกครากเลยทีเดียว

“กลัวใส่ยาพิษหรือไง”

เสียงเยาะหยันที่ดังมาจากมุมห้องเรียกให้ภัทรพลหันกลับไปมองด้วยแววตาเหนื่อยหน่าย ยียวนกวนประสาทไม่สนมารยาทสังคมแบบนี้มีอยู่คนเดียวนั่นละ...ไอ้หวังหย่งเต๋อ!

“ไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า ถ้าไอ้พี่ใบป่านขาคิดใส่ยาพิษจริงๆ คนที่ตายคนแรกก็คือน้องลูกแก้วของพี่นั่นละ เห็นสวาปามเกลี้ยงจานทุกที”

เฉินกุ้ยปรายตามองลูกพี่ใหญ่แล้วกระตุกมุมปากขึ้นจนเกือบคล้ายรอยยิ้ม ดูเหมือน...จะเคืองเรื่องที่ไอศิกาเรียกเขาว่าพี่ ในขณะที่ตนเองถูกสาวเจ้าฝากรักเป็นรอยห้านิ้วบนแก้มจริงๆ เสียด้วย เขาไม่จำเป็นต้องถามหาที่มาของรอยประทับนางทั้งห้า เพราะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสองตา น่าแปลก...ที่คุณชายน้อยผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีไม่อาละวาดฟาดหัวฟาดหางอย่างที่คิด แถมยังลอบเข้าไปลบภาพฉากรักรวมไปถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกบันทึกด้วยกล้องวงจรปิดจนหมดชนิดกู้คืนไม่ได้ ทั้งที่จะเก็บไว้ยั่วโทสะภัทรพลให้เต้นเร่าๆ ก็ยังได้ ถึงอย่างไรชายหนุ่มแสนดีผู้นี้ก็คงไม่มีวันยอมให้ใครเห็นภาพที่ทำให้ไอศิกาเสียหายเป็นอันขาดอยู่แล้ว

นี่ละที่น่าเป็นกังวล...ไม่รู้ว่าหย่งเต๋อมีแผนอะไรอยู่ในใจ...

“ลูกแก้วน่ะเหรอกินอาหารที่แกทำ”

ภัทรพลหลุบตามองอาหารบนเคาน์เตอร์แล้วรู้สึกใจสั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ มีอาหารทั้งหมดสามชุด ซึ่งพอจะเดาจากอาหารที่อยู่บนจานทางซ้ายสุดได้ว่าคงเป็นของไอศิกา เพราะเธอชอบกินไข่คนและขนมปังทาเนยโรยชีสแล้วปิ้งให้เกรียมมาก เห็นตัวผอมนิดเดียวแบบนั้นก็เถอะ กินขนมปังแบบนี้ได้สามแผ่นติดๆ กันเลยเชียว ชีสกลิ่นแรงพวกนี้สามารถกลบกลิ่นอื่นๆ ได้หมด อีกทั้งยังมีรสชาติเข้มข้นเพลินลิ้น หากเฉินกุ้ยคิดวางยาพิษหญิงสาวเพื่อล้างแค้นขึ้นมาจริงๆ กว่าเธอจะรู้ก็คงกลืนยาพิษเข้าไปเต็มท้องแล้ว!

“กินวันละสามมื้อเลยด้วย”

หย่งเต๋อเค้นเสียงลอดไรฟัน รู้สึกหมั่นไส้ ‘ไอ้ตี๋เล็ก’ เต็มแก่ เขาลากเก้าอี้ไปจนชิดหน้าต่างแล้วเลื่อนบานกระจกให้เปิดออก ก่อนจะล้วงมือไปหยิบบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงยีนขึ้นจุดสูบด้วยหน้าตาท่าทางไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ตั้งแต่เกิดเรื่องคืนนั้น ไอศิกาก็ไม่ชายตามองเขาแม้แต่แวบเดียว ต่อให้อยู่ในห้องเดียวกัน เธอก็ทำเหมือนเขาเป็นเพียงอากาศธาตุ ไร้ตัวตน ต่อให้เขาเรียกชื่อเธอตรงๆ เธอก็ทำเป็นหูทวนลม เดินหนีขึ้นชั้นบนแล้วขังตนเองอยู่ในนั้น จะลงมาก็เฉพาะเวลารับประทานอาหารที่เฉินกุ้ยอยู่ด้วยเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าไอ้ตัวดีเต็มใจเสียยิ่งกว่าอะไรที่จะเป็นก้างขวางคอชิ้นโต!

ในชีวิตที่ผ่านมา เขาเคยพบกับผู้หญิงหลากหลายประเภท ทั้งใจเด็ดแบบแม่เขา อ่อนหวานแบบคุณน้าบัวบูชา ร้ายกาจประหนึ่งนางมารลี้มกโช้วอย่างอาหลิงหลิง และแสบสันชนิดพยัคฆ์นัยน์ตาเดียวของแก๊งไป๋หู่ต้องกราบอย่างเฉินเพ่ยเพ่ย แต่ไม่เคยเจอผู้หญิงที่โกรธได้สงบนิ่งเหมือนไอศิกามาก่อน หลังจากฟาดหน้าเขาไปหนึ่งที เธอก็แทบไม่แสดงปฏิกิริยาอื่นใดให้เขาเห็นอีกเลย

...ให้ตาย...ผู้หญิงแบบนี้นี่ละ รับมือได้ยากที่สุด...

“กฎข้อที่สาม ห้ามสูบบุหรี่ในบ้านโดยเฉพาะในห้องครัว ในคู่มือก็บอกไว้ ไม่ได้อ่านหรือไง”

ภัทรพลเดินตรงเข้าไปดึงบุหรี่จากมือของหย่งเต๋อก่อนจะขยี้ก้นกรองบนกรอบหน้าต่างแล้วขว้างทิ้งลงถังขยะ

“ไม่ได้อ่าน แล้วก็จะไม่อ่าน” หย่งเต๋อฉีกยิ้มกว้าง แต่ดวงตาวาวโรจน์น่าสะพรึง “นั่นเป็นคู่มือของพวกอินเตอร์โพล ผมไม่คิดว่าจำเป็นต้องอ่าน พี่จะทำอะไรผมได้”

ไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มยังจุดบุหรี่มวนใหม่ขึ้นสูบอย่างไม่สะทกสะท้าน เพียงแต่คราวนี้เขาลุกขึ้นยืนอวดเรือนกายใหญ่โตที่ข่มคนตรงหน้าให้รู้สึกคล้ายกำลังถูกสัตว์ร้ายข่มขู่คุกคาม ภัทรพลกัดกรามกรอด

“อย่าให้มันมากเกินไปนัก หวังหย่งเต๋อ เมอสิเออร์กุสโตสัญญากับทางผู้ใหญ่ของเราเป็นมั่นเหมาะแล้วว่าแกจะไม่ก่อเรื่องอีก และจะยอมทำตามกฎระเบียบของเราด้วย”

“ถ้างั้นก็ไปทวงสัญญาเมอสิเออร์กุสโตของคุณโน่น ผมไม่ได้สัญญาด้วยเสียหน่อย”

หย่งเต๋ออัดควันเข้าปอดแล้วพ่นใส่หน้าภัทรพลอย่างหยาบคายที่สุด เฉินกุ้ยมองภาพตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจนักจากนั้นจึงนั่งลงรับประทานอาหารเช้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ภัทรพลรู้ดีว่าเมื่อใดที่เขาเหวี่ยงหมัดซัดปากทายาทคนโตของฮวงหลง เฉินกุ้ยก็พร้อมจะขว้างมีดพุ่งเข้าปักหัวใจเขาจากด้านหลังทันที

“เมอสิเออร์กุสโตของฉัน? อย่าพูดให้ขำหน่อยเลย เราต่างก็รู้ดีว่าเมอสิเออร์กุสโตเลือกยืนข้างไหน และที่แน่ๆ ไม่ใช่ข้างพวกฉัน”

ภัทรพลสาวเท้าเข้าไปประชิดคนตัวโตเบื้องหน้าจนปลายเท้าแทบเกยกัน

“ก็ข้างพี่มันมีแต่พวกอินเตอร์โพลตอแหล คนฉลาดอย่างลุงฌอง-ปอลต้องดูออกอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร”

ชายหนุ่มนึกขำนักที่ใครต่อใครพากันใส่ความฌอง-ปอลสารพัดเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรับสินบนจากฮวงหลงและไป๋หู่ หรือเรื่องที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนมีตำแหน่งใหญ่โตได้เพียงนี้ก็เพราะอาชญากรที่เขาถือหางอยู่หว่านทรัพย์ซื้อตำแหน่งมาให้

เฮอะ...เหลวไหลสิ้นดี...

ฌอง-ปอลที่เขารู้จักเป็นคนเถรตรงที่สุดคนหนึ่งที่เขาเคยพบ เขาไม่เคยยอมรับของขวัญราคาแพงใดๆ จากพ่อของเขาหรือเฉินหมิงด้วยซ้ำไป ฉะนั้นเรื่องรับสินบนยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ที่เจริญก้าวหน้าได้ถึงเพียงนี้ก็เพราะเขาเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย พกลูกบ้าเกินร้อยไปปฏิบัติงานภาคสนามอยู่เสมอ ภาพลักษณ์ของเขาอาจดูแข็งกร้าวดุดัน แต่เขาเป็นคนที่มีหัวใจกว้างใหญ่เหมือนทะเล ความผิดเดียวของเจ้าหน้าที่อินเตอร์โพลผู้นี้คือซื่อสัตย์ต่อหัวใจตนเองมากเกินไป เขารู้ดีว่าทั้งฮวงหลงและไป๋หู่เป็นอาชญากรตัวเอ้ในบัญชีหนังหมาของอินเตอร์โพล ทว่าเขาก็มองเห็นหัวหน้าแก๊งทั้งสองคนเป็นคนมีเลือดมีเนื้อ รู้จักเจ็บปวดกับความสูญเสียและความทุกข์ที่ต้องยืนหยัดอยู่ในโลกมืดเพื่อบุคคลอันเป็นที่รักดุจแก้วตาดวงใจ 

หย่งเต๋อยังจำเรื่องเมื่อเจ็ดปีก่อนที่ฌอง-ปอลคว้าปืนจ่อหน้าเจ้าหน้าที่ซึ่งมียศสูงกว่าเพื่อนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นเพื่อไปช่วยเขากับพุดพิชญาที่ถูกแก๊งคนผิวสีบุกเข้ามาลักพาตัวไป ถ้าวันนั้นไม่ได้ความช่วยเหลือจากฌอง-ปอลและจวิ้นเจี๋ย เปี้ยนเหลี่ยนหวังก็คงสิ้นชื่อไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว

“แก...” ภัทรพลกำหมัดแน่น “แกนี่มัน...”

“พี่ภัทร”

เสียงเรียกของไอศิกาเป็นเหมือนระฆังช่วยที่ทำให้มวยคู่เอกที่กำลังจะเริ่มขึ้นยุติลงแต่เพียงเท่านั้น หย่งเต๋อหันไปมองดวงหน้าหวานละมุนที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ แล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างประหลาด ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องเลือกแต่งหน้าในวันที่ไอ้ภัทรพลมาด้วยวะ! แถมยังสวมเดรสแขนกุดสีชมพูยาวคลุมเข่าที่ขับผิวจนดูขาวผุดผาดไปทั้งตัวอีกต่างหาก

อย่าบอกนะว่าแต่งองค์ทรงเครื่องเสียสวยเพียงนี้เพราะมีนัดกับไอ้พี่ภัทร

“สวัสดีจ้ะลูกแก้ว” ภัทรพลพยายามปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถึงกระนั้นร่องรอยของพายุอารมณ์ยังคงปรากฏให้เห็นชัดผ่านทางแววตาอยู่ดี “โอ้โห วันนี้สวยจัง”

“สวัสดีค่ะพี่ภัทร มาเช้าจังเลย ลูกแก้วนึกว่าจะมาบ่ายๆ เสียอีก” ไอศิกากระพุ่มมือไหว้ภัทรพลพลางเหลือบตามองชายหนุ่มที่ยืนสูบบุหรี่อยู่เพียงแวบหนึ่ง ก่อนจะแสร้งทำเหมือนเขาไม่อยู่ในห้องนั้นด้วย ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ใบป่าน”

“พี่...พี่ใบป่าน?”

ภัทรพลงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อเห็นหญิงสาวเรียกเฉินกุ้ยด้วยคำเรียกแสดงความสนิทสนมพร้อมส่งยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน เขาหันไปหาหย่งเต๋อก็เห็นเจ้าตัวแบะปากทำหน้าตึงจนดูถมึงทึงน่ากลัว

“มากินข้าวเช้าเถอะครับ เดี๋ยวจะเย็นเสียหมด”

เฉินกุ้ยตีหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สมกับสายตาพิฆาตของผู้ชายสองคนที่มองเขากันเป็นตาเดียว โอเค...เขาอาจหน้าไม่หนาเท่าพี่หย่งเต๋อ แต่เรื่องตีหน้าตาย ไม่รู้ไม่ชี้นั้นเขากินขาด!

“ขอบคุณค่ะ ลูกแก้วขอยกไปกินที่ห้องนั่งเล่นนะคะ” แม้จะทำเหมือนผู้ชายอีกคนเป็นอากาศธาตุ แต่ก็โกหกตนเองไม่ได้ว่าอึดอัดกับดวงตาคมกล้าของเขาที่จ้องเธอเขม็งราวจะทะลุเข้าไปใต้ผิวหนังจนอยากจะหนีไปเสียให้พ้นๆ “คือ...ลูกแก้วอยากคุยเรื่องคุณพ่อกับพี่ภัทรน่ะค่ะ”

“ตามสบายครับ”

เฉินกุ้ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยพลางยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอคิดหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับหย่งเต๋อตรงๆ ซึ่งเขาเห็นด้วย การที่เธอไม่พยายามเข้ามาพัวพันกับทายาทฮวงหลง ปัญหาก็จะไม่เกิด และการทำงานของเขาก็จะง่ายขึ้น ฉะนั้นต่อให้เธอเดินลงนรกไปต่อหน้าแล้วงานในส่วนของเขาลุล่วงไปได้ด้วยดี เขาก็ไม่รั้งไว้ให้เสียเวลาหายใจหรอก

“ดีจ้ะ พี่ก็มีเรื่องจะคุยกับลูกแก้วเยอะเลย” ภัทรพลเดินมาหาหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม “ทั้งเรื่องคุณลุงภามแล้วก็เรื่องแม่บ้านด้วย อีกสองสามวัน พี่จะส่งแม่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อนลูกแก้วนะจ๊ะ จะได้มีคนดูแลเรื่องอาหารการกินให้ช่วงอ่านหนังสือสอบ รบกวนคนอื่นมาเยอะแล้ว พี่เกรงใจเขา”

“ก็ไม่ถือว่ารบกวนหรอก ผมต้องทำให้พี่นะโมหรือไม่ก็ทำกินเองอยู่แล้ว”

เฉินกุ้ยลอบแสยะยิ้มเย็นชา ภัทรพลไม่ได้เกรงใจ ‘เขา’ หรอก แต่กลัวเขาจะวางยาพิษแม่สาวน้อยคนนี้จริงๆ ต่างหาก

“พี่ใบป่านทำอาหารเก่งมากค่ะพี่ภัทร ลูกแก้วเสียอีกที่ทำอะไรไม่เป็นเลย แค่หั่นผักสลัด มีดยังบาดเลย”

หญิงสาวชูนิ้วที่มีปลาสเตอร์ยาแปะอยู่ให้ภัทรพลดู ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วรีบคว้ามือของเธอมามองใกล้ๆ

“เจ็บมากหรือเปล่า ทำไมไม่มีใครบอกพี่เลยว่าลูกแก้วได้รับบาดเจ็บ”

“อู๊ย แค่มีดบาด ทำอย่างกับถูกอีโต้สับนิ้วด้วนไปได้”

หย่งเต๋อแขวะเข้าให้ หมั่นไส้ท่าทางห่วงใยจนออกนอกหน้าของภัทรพลจริงๆ พับผ่า

“ลูกแก้วว่าเราไปคุยกันที่ห้องนั่งเล่นเถอะค่ะ”

ไอศิกาหน้าตึง ไม่ยอมหันไปมองคนพูดแม้แต่แวบเดียว แต่ใช่ว่าเธอจะไม่เห็นเขาเสียหน่อย เธอเห็นผู้ชายหยาบคายคนนี้ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในครัวแล้ว แสงแดดยามเช้าส่องผ่านควันบุหรี่ที่โอบล้อมตัวเขาไว้ ทำให้คนที่สวมเสื้อยืดขนาดพอดีตัวและกางเกงยีนสีเข้มเหมือนหลุดออกมาจากพวกโปสเตอร์ยุค 90 สมัย ริเวอร์ ฟีนิกซ์ และ คีอานู รีฟ ยังครองแผงนิตยสารหนังสือวัยรุ่นไม่มีผิด เป็นช่วงเวลาที่ห่างไกลจากยุคของเธออยู่มากจึงดูมีเสน่ห์ดึงดูด ทว่า...สัมผัสแตะต้องไม่ได้ เหมือนผู้ชายที่ชื่อนะโมนี่ละ เป็นภาพงดงามตื่นตาตื่นใจยามมองไกลๆ แต่เมื่อได้สัมผัสใกล้ชิด กลับ...ไม่สวยงามอย่างที่คิด

ที่ร้ายที่สุดคือ เขา...‘สัมผัส’ เธออย่างใกล้ชิดเกินไปในแบบที่เธอไม่มีวันให้อภัย!

“เป็นคุณหนูที่ใจแข็งกว่าที่คิดเยอะเชียว” เฉินกุ้ยหัวเราะเสียงต่ำอยู่ในลำคอเมื่อหญิงสาวและลิเอซองหนุ่มออกจากห้องครัวไปแล้ว “ผมว่าพี่อย่าไปยุ่งกับเธอดีกว่า งานจบ เรากับเธอก็เดินกันคนละทางอยู่ดี”

“มันจะจบเมื่อฉันบอกให้จบ แล้วตอนจบฉันก็จะเป็นคนกำหนดเองว่าจะจบแบบไหน”

หย่งเต๋อระบายควันบุหรี่สีหม่นออกจากจมูก เขาเดินมาหยิบแก้วกาแฟดำบนเคาน์เตอร์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว แล้วเดินออกจากห้องครัวไปอีกคนโดยไม่แตะต้องอาหารเช้าในจาน

“เสียของจริงจริ๊ง”

พ่อครัวจำเป็นเลื่อนจานว่างเปล่าของตนไปด้านข้างแล้วเริ่มกินอาหารของลูกพี่ใหญ่ต่อทันทีด้วยชินเสียแล้ว เวลาอารมณ์ไม่ดี ต่อให้เป็นอาหารฝีมือพริมาผู้เป็นย่าหรือกวินทร์ผู้เป็นตา คุณชายน้อยก็ไม่แตะ เฉินกุ้ยมองออกแต่แรกแล้วว่าอารมณ์ของหย่งเต๋อไม่ค่อยโสภานัก จึงทำอาหารในปริมาณน้อยกว่าปกติครึ่งหนึ่ง เมื่อต้องเก็บกวาดแทนคนเจ้าอารมณ์จะได้ไม่จุกลิ้นปี่นัก

...ครืด...

โทรศัพท์มือถือที่เปิดเป็นระบบสั่นไว้ในกระเป๋ากางเกงเต้นเร่าเตือนว่ามีสายเข้า เฉินกุ้ยเหลือบตามองกล้องวงจรปิดครู่หนึ่งแล้วตีหน้านิ่งสนิท ไม่แสดงพิรุธใดๆ ก่อนจะเสทำเป็นลุกไปเปิดตู้เย็นซึ่งเป็นมุมอับที่กล้องไม่สามารถจับภาพได้ยามที่ฝาตู้เย็นเปิดออก เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างว่องไว ด้วยคิดว่าเป็นบิดาที่โทรศัพท์มาสอบถามความคืบหน้าของ ‘เรื่อง’ ที่สั่งให้เขา ‘จัดการ’ เมื่อสามคืนก่อน แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเป็นวิดีโอคอลจาก...เหม่ยอิง!

หัวใจของชายหนุ่มเต้นรัว รีบกดรับสายอย่างลิงโลด ตั้งแต่จากกันวันนั้น เขาก็พยายามติดต่อหญิงสาวหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็กดตัดสายทุกครั้งจนเขาแทบบ้า จึงอดดีใจไม่ได้เมื่อเธอเป็นฝ่ายติดต่อวิดีโอคอลมาหาเขาเองแต่เช้าตรู่เช่นนี้

“สวัสดีครับ คุณเหม่ยอิง”

ภาพของหญิงสาวสวยที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้ไอเย็นจากตู้เย็นกลายเป็นลมอุ่นๆ ในฤดูใบไม้ผลิไปเสียเฉยๆ ถึงแม้สีหน้าของเธอจะยังคงบึ้งตึงอยู่ก็ตามที เธอสวมเสื้อคลุมอาบน้ำผ้าไหมสีน้ำเงินเข้ม ขับให้ผิวที่ขาวจัดอยู่แล้วยิ่งดูกระจ่างตามากขึ้นไปอีก

‘เธอตัดสินใจถอนตัวจากเรื่องนี้ตามที่ฉันบอกแล้วหรือยัง’

เหม่ยอิงตอบคำทักทายของชายหนุ่มด้วยภาษามือ เฉินกุ้ยยิ้มเจื่อนแล้วส่ายหน้า รู้ว่าอีกเดี๋ยวหญิงสาวรุ่นพี่คงกดตัดสายทิ้งเช่นทุกครั้งที่ทะเลาะกัน

“คุณก็รู้ว่าผมทำไม่ได้”

‘ทำไม่ได้หรือไม่คิดจะทำ’ มือของเหม่ยอิงขยับรัวเร็วอย่างโกรธเกรี้ยว ดวงตาของเธอแดงก่ำและมีหยาดน้ำตารื้นขึ้นมาคลอ ‘ไหนบอกว่าฉันสำคัญ ไหนบอกว่าไม่ว่าฉันขออะไรก็จะให้ทุกอย่าง เว้นแต่ดาวกับเดือน ที่จริงแล้วเธอก็แค่โกหกฉันใช่ไหม อากุ้ย’

“คุณสำคัญสำหรับผมเสมอ แต่ผมทิ้งพี่หย่งเต๋อให้เผชิญเรื่องนี้คนเดียวไม่ได้ คุณก็น่าจะรู้ว่าสิ่งที่คุณขอ ไม่ต่างอะไรกับการบอกให้ผมทรยศฮวงหลงเลย”

‘เธอเป็นไป๋หู่นะอากุ้ย ไม่ใช่ฮวงหลง’ เหม่ยอิงจ้องใบหน้าของชายหนุ่มด้วยแววตาตัดพ้อ ‘ฉันไม่ได้บอกให้เธอทรยศใคร แต่ให้ถอยออกมา เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอกับเปี้ยนเหลี่ยนหวังจะจัดการกันตามลำพังได้’

“เรื่องนั้นผมรู้ แต่นี่คือการตัดสินใจของพี่หย่งเต๋อ ผม...คุณเหม่ยอิง!” เฉินกุ้ยอ้าปากค้างเมื่อหญิงสาวที่อยู่ในจอโทรศัพท์ปลดเสื้อคลุมอาบน้ำลงจนกายท่อนบนเปลือยเปล่า เผยให้เห็นรูปร่างสมบูรณ์แบบราวรูปสลักหยกชัดถนัดตา “นี่...นี่คุณทำอะไรของคุณ!”

ความรู้สึกตื่นตะลึงในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวเมื่อเหม่ยอิงค่อยๆ เดินถอยหลังห่างออกไป ทำให้เขาเห็นชัดว่าเธออยู่ในห้องครัว ซึ่งหมายความว่าเธอกำลังเตรียมอาหารเช้าให้อัณณ์อยู่ และเขาอาจเดินเข้ามาเห็นภาพเย้ายวนนี้ได้ทุกวินาที!

‘เธอจะสนใจทำไม ในเมื่อเธอเลือกเปี้ยนเหลี่ยนหวังมากกว่าฉัน’

ใบหน้าของเหม่ยอิงเริ่มเป็นสีชมพูเข้มและไล่ลามไปยังผิวกายส่วนอื่นๆ ด้วยความกระดากอาย ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมดึงสาบเสื้อคลุมขึ้นปกปิดเนื้อตัวอยู่ดี เฉินกุ้ยนึกอยากแหวกหน้าจอแล้วพุ่งเข้าไปหาอะไรพันเนื้อตัวของหญิงสาวแล้วยัดลงไปในหีบ จากนั้นก็ขุดดินฝังเสียเลย คนอื่นจะได้ไม่ต้องเห็นความงามของเธออีก!

“ผมไม่ได้เลือกพี่หย่งเต๋อมากกว่าคุณ แต่นี่คือหน้าที่ของผม” ลำคอของชายหนุ่มแทบแห้งเป็นผงเมื่อเห็นผิวขาวผ่องล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้า ภาพครั้งที่เขาเคยแนบริมฝีปากทิ้งรอยจุมพิตไว้บนกายเธอผุดวาบขึ้นมาในความทรงจำจนเขาแทบคลั่ง “สวมเสื้อคลุมเถอะครับคุณเหม่ยอิง เชื่อผม อย่าทำแบบนี้...”

“เหม่ยอิง”

เสียงของอัณณ์ที่ดังลอดเข้ามาในลำโพงทำเอาเฉินกุ้ยหน้าชา เลือดในกายเดือดปุดๆ จนไอหนาวเย็นจากตู้เย็นที่เพิ่งเปลี่ยนเป็นลมในฤดูใบไม้ผลิเมื่อครู่กลายเป็นไอร้อนจากนรกโลกันตร์ไปในพริบตา

“สวมเสื้อคลุมเถอะครับ คุณเหม่ยอิง”

เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน แค่นึกว่าผู้ชายอื่นจะเห็นเธอในสภาพนี้ หัวใจของเขาก็แทบระเบิด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับนางฟ้าในฝันผู้เป็นรักแรกของเขากันแน่ เธอเป็นผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน เจ้าน้ำตา ไม่ใช่แม่ลูกแมวยั่วประสาทอย่างพุดพิชญาเสียหน่อย รายนั้นแสบเรียกแม่ พร้อมทำทุกวิถีทางให้จวิ้นเจี๋ยแทบทึ้งผมตนเองอย่างคลุ้มคลั่ง

‘ทำไมฉันต้องฟังเธอด้วย ฉันเตือนเธอ เธอยังไม่ฟังฉันเลย’ มือที่ขยับแทนภาษาพูดของหญิงสาวสั่นระริก ทว่าเฉินกุ้ยโกรธเกินกว่าจะมองเห็นความหวาดหวั่นระคนอับอายของเธอ ‘ถ้าเธอไม่ถอนตัว ก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก’

“คุณกำลังทำตัวไร้เหตุผลมาก” เฉินกุ้ยขบกรามแน่นจนขึ้นนูนเป็นสัน เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด “ผมบอกให้คุณสวมเสื้อคลุมซะ! คุณเป็นน้องพี่เจี๋ย เป็นน้องสาวของพยัคฆ์นัยน์ตาเดียวของไป๋หู่นะ คุณควร...”

‘แล้วไง’ เหม่ยอิงรวนกลับโดยไม่รอให้เขาพูดจบประโยค ‘เธออย่าคิดเองเออเองว่าฉันต้องเป็นแบบไหนสิ เฉินกุ้ย ฉันอาจไม่ได้ดีเลิศเลออย่างที่เธอคิดก็ได้ เรื่องที่ฉันทำกับเธอ...ฉันก็ทำกับคนอื่นได้ เธอไม่ได้เป็นเจ้าของฉัน และตอนนี้เธอก็เลือกคนอื่นมากกว่าฉัน ฉะนั้นต่อจากนี้ต่างคนต่างอยู่ เธออยากทำอะไรก็เรื่องของเธอ ส่วนฉันก็จะทำอย่างที่อยากทำ!’

พูดจบเหม่ยอิงก็กดปุ่มตัดสายวิดีโอคอลทิ้งโดยไม่สนใจสีหน้าเกรี้ยวกราดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

“เหอเหม่ยอิง!”

เฉินกุ้ยหน้าแดงก่ำ โกรธจนหูอื้อตาลาย แทบหยิบโทรศัพท์ที่หน้าจอค้างอยู่ที่ภาพเรือนร่างขาวผุดผาดของหญิงสาวมาหักทิ้งเป็นชิ้นๆ แค่คิดว่าป่านนี้เธอคงจัดตัวเองใส่จานแทนอาหารเช้าให้อัณณ์ไปแล้วก็แทบบ้า เขาตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วเดินกระแทกเท้าปึงๆ ออกจากห้องครัวด้วยสีหน้าเหมือนอยากจะฆ่าคนเต็มแก่

ได้...ในเมื่อโตจนป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักวิธีสวมเสื้อผ้า เขาก็จะไปสอนให้เองถึงที่!

 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น