บทที่ ๑

คนมีของ

 ‘เมียน้อยสี่ กิ๊กอีกเจ็ด อื้อหือ แสบใช่ย่อยนะคะเนี่ย ถ้าภรรยาที่บ้านลุงรู้ จะเกิดอะไรขึ้นกันนะ เพื่อสวัสดิภาพในชีวิตและความเป็นสุขของครอบครัว ค่าปิดปากที่วิวเสนอไปก็ไม่ได้แพงจนเกินควร จริงไหมค้า’ วันเวลายืดเสียงกวนๆ   ในขณะที่ลุงที่ว่าหน้าซีดเผือดไปแล้ว แม้จะไม่พอใจอย่างไร แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ไม่มีทางเลือก นอกจากยอมควักกระเป๋าจ่ายอย่างเสียไม่ได้

เมื่อเสียงข้อความในโทรศัพท์ดังกริ๊งขึ้น ก็เหมือนเป็นเสียงสวรรค์ หญิงสาวรีบคว้าโทรศัพท์มาตรวจสอบ จึงพบว่าเงินถูกโอนเข้าบัญชีเรียบร้อยครบถ้วน

‘อุ๊ย! เงินเข้าแล้ว ขอบคุณที่ใช้บริการนะคะลุงขา ต่อไปนี้สบายใจได้เลย วิวจะรูดซิปปากให้สนิท เก็บความลับของลุงไปตลอดชีวิต’ วันเวลาพูดกับชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แค่คำพูดยังไม่พอ เธอยังอุตส่าห์ทำท่าประกอบเป็นการรูดซิปปากตนเองอีกด้วย ซึ่งนั่นทำให้คุณลุงถึงกับหัวเสีย ไม่แม้แต่จะหันกลับมาโบกมือตอบให้เธอเลยตอนจะกลับ 

‘โชคดีนะคะ ขอให้สนุกกับการสับรางรถไฟ และอย่าลืมยืดอก พกถุงด้วย!’ วันเวลาร้องบอก เธอเดินมาส่งแขกที่หน้าร้านกาแฟซึ่งใช้เป็นจุดนัดพบ แต่แขกที่ว่าก็ไม่มีกะจิตกะใจบอกลา ได้แต่ฮึดฮัดแล้วกุลีกุจอขึ้นรถคันหรูจากไป แต่ก็นั่นละ เธอไม่ถือสาในความไร้มารยาทของเขาหรอก เพราะที่ผ่านมาลูกค้าของเธอทุกคนก็ล้วนไร้มารยาทกับเธอทั้งสิ้น เพราะไม่เคยมีใครเต็มใจมาเป็นลูกค้าตั้งแต่แรก แต่เธอบังคับให้พวกเขามาเป็นด้วย ‘ความสามารถพิเศษ’ ของเธอต่างหาก ดังนั้นถ้าอยากจะเกลียดหรือทำตัวไร้มารยาทใส่ก็ตามสบายเถอะ เพราะคนพวกนั้นก็แค่พยายามปกป้องตัวเองจากความกลัวที่เธอกุมความลับของพวกเขาอยู่ก็เท่านั้น

เมื่อส่งลูกค้าเสร็จ หญิงสาวจึงเดินกลับเข้ามาในร้าน เพื่อดื่มกาแฟที่ดื่มค้างอยู่ให้หมดแก้ว หลังจากนั้นจึงเรียกบริกรมาเช็กบิล ทว่าในตอนที่กำลังตรวจสอบบิลอยู่นั้น วันเวลาก็เผลอทำกระดาษหลุดมือ เธอรีบก้มลงไปใต้โต๊ะเพื่อจะเก็บ เป็นจังหวะเดียวกับที่บริกรสาวย่อตัวลงมาช่วยเก็บเช่นกัน ทำให้มือของทั้งสองแตะโดนกันโดยไม่ได้ตั้งใจ

‘อ๊ะ! ขอโทษค่ะ หนูจะเก็บให้พี่อยู่พอดี’

วันเวลาพยักหน้า เธอไม่ได้ถือสา แต่มีบางอย่างที่กวนใจเธออยู่เท่านั้นเองจึงต้องเอ่ยปากคุย

‘เสียใจด้วยนะคะเรื่องเจ้าโมจิ ไม่ต้องคิดมาก ที่จริงน้องไม่ได้หายไปไหน แค่ย้ายกลับดาวแมวไปเท่านั้นเอง น้องสุขสบายนอนพุงกลมอยู่บนนั้นแล้วค่ะ ดังนั้นเลิกแอบร้องไห้ตอนกลางคืนได้แล้วนะ พักผ่อนบ้าง เดี๋ยวร่างกายจะไม่ไหว’ 

พอได้ฟังอย่างนั้น บริกรสาวก็หน้าเหลอหลา ดูทั้งตกใจและประหลาดใจ

‘พี่รู้ได้ยังไงคะเนี่ยว่าหนูเพิ่งเสียโมจิไป’

‘พี่มีกุมารทองคอยกระซิบบอกมั้งคะ’ วันเวลาตอบติดตลก เธอหยิบธนบัตรวางบนถาดของบริกรก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ‘ไม่ต้องทอนนะคะ ที่เหลือพี่ให้ทิป เป็นค่าอาหารน้องๆ ที่ยังอยู่ เข้มแข็งนะคะ อย่างน้อยก็เพื่อเจ้าคากิกับมิกิ เจ้านายขนนุ่มที่ยังรอให้คุณทาสกลับไปดูแล’ กล่าวเสร็จวันเวลาก็เดินออกมาจากร้าน ปล่อยให้บริกรมองตามด้วยความซึ้งใจระคนงุนงง เพราะนึกไม่ออกเลยว่าเหตุใดลูกค้าสาวผู้นี้จึงรู้เรื่องสัตว์เลี้ยงของหล่อนด้วย

ถามว่าทำไมถึงรู้น่ะหรือ คำตอบของคำถามนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ เธอไม่ได้มีกุมารทองคอยกระซิบ แต่เธอ ‘มีของ’ ที่เหนือกว่านั้น นั่นก็คือสัมผัสพิเศษที่สามารถมองเห็นอดีตของคนอื่นได้ยามที่สัมผัสร่างกายของผู้อื่น เธอไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทว่าตั้งแต่จำความได้เธอก็มีความสามารถนี้ติดตัวแล้ว และเธอก็ใช้สัมผัสพิเศษนี้หารายได้เสริม โดยการฉกฉวยความลับและอดีตที่เป็นมุมมืดของผู้คน แล้วนำมันมาขายให้เจ้าตัวในราคางามๆ จะเรียกว่าแบล็กเมล์ก็ได้ แต่ตัวเธอกลับชอบเรียกมันว่า การใช้พรสวรรค์ให้เป็นประโยชน์มากกว่า 

ก็อย่างที่รู้เศรษฐกิจยุคนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้ แม้เธอจะมีอาชีพหลักเป็นแม่ค้าออนไลน์ ขายสินค้าสารพัดสิ่งอยู่แล้ว แต่การมีอาชีพเสริมไว้ด้วยมันอุ่นใจกว่า รายได้ทางเดียวมันไม่พอหรอก เพราะในฐานะหัวหน้าครอบครัว เธอมีภาระต้องแบกรับเยอะจนหลังแทบจะหักอยู่รอมร่อ

หลังออกจากร้านกาแฟ วันเวลาก็เตรียมเดินทางไปพบกังสดาลต่อ วันนี้เธอมีนัดกับเพื่อนสนิท ตั้งใจจะไปนั่งดื่มในผับด้วยกัน เพราะด้วยอาชีพของกังสดาลทำให้หล่อนไม่ค่อยมีเวลามาสังสรรค์กับเธอเท่าไร ด้วยเพราะยุ่งอยู่กับคนไข้ ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่หายาก วันเวลาเลยนัดเพื่อนออกมาสนุกกัน แต่ระหว่างที่ขับรถไปยังสถานที่นัดหมาย ยังไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ กังสดาลก็ต่อสายหาเธอก่อน ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าเพื่อนจะโทร. มาเร่งให้รีบไปหาอีกตามเคย แต่ฟังจากน้ำเสียงร้อนรนแล้วกลับไม่ใช่

‘ยายวิว แกอยู่ที่ไหน ขับรถออกมาหรือยัง!’

‘อื้อ ขับอยู่ ฉันออกมาละ เพิ่งเสร็จธุระกับลูกค้า’

‘ลูกค้า?’

‘ก็ลูกค้า งานเสริมของฉันไง ทำเป็นงง’

‘อีกแล้ว เมื่อไรแกจะเลิกทำตัวเป็นมิจฉาชีพแบบนี้สักทีวะ ฉันไม่สบายใจเลย’ กังสดาลบ่น นอกจากมารดาของวันเวลาแล้วก็มีแค่กังสดาลนี่ละที่รู้เรื่องความสามารถพิเศษของเธอด้วย แต่ถึงรู้ก็ใช่ว่าจะเห็นด้วย หล่อนมักหาโอกาสเทศนาให้ฟังเสมอว่างานนี้มันไม่ดีหรือเสี่ยงอันตรายอย่างไร แต่วันเวลาก็ไม่เคยคล้อยตาม

‘ยายกั้ง แกหยุดเลยนะ ไม่ต้องเริ่มเทศน์ ชาติก่อนเป็นพระหรือไงถึงชอบเทศน์นัก ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าฉันไม่ใช่มิจฉาชีพ มิจฉาชีพไม่มีอุดมการณ์ ส่วนฉันไม่ใช่ ฉันมีอุดมการณ์ย่ะ’ คนถูกหาว่าเป็นมิจฉาชีพชี้แจง 

‘พูดไปเรื่อย อุดมการณ์อะไรของแก’

‘อุดมการณ์โรบินฮูดไง’

‘ปล้นคนรวย ช่วยคนจนน่ะนะ’ 

‘ใช่ ฉันปล้นอดีตจากคนรวยที่ทำตัวแย่ๆ เอาเงินมาช่วยคนจน’

‘งั้นหรือ ไหนล่ะคนจนที่แกว่า’

‘ฉันนี่ไง จะใครล่ะ จนกรอบจะตายแล้วเนี่ย!’ วันเวลาตอบพลางหัวเราะ ไม่สนใจเสียงถอนหายใจแบบเหนื่อยหน่ายของเพื่อนเลย ปล่อยให้กังสดาลเหนื่อยไปก่อนแล้วกัน เพราะอีกไม่นานเธอก็จะเลิกอาชีพนี้แล้ว วันเวลาตั้งใจแน่วแน่ว่าหลังจากแต่งงานกับแฟนหนุ่มและเปิดธุรกิจใหม่ด้วยกัน เธอจะเลิกอาชีพเสริมนี้อย่างถาวร ‘แล้วนี่แกโทร. มาทำไม ไปถึงแล้วหรือ รอแป๊บหนึ่งนะ ฉันกำลังไป’

‘เออๆ ไม่ต้องมาแล้ว ฉันว่าแกคงต้องยกเลิกนัดเราแล้วละ เพราะที่ฉันโทร. มา ฉันมีข่าวสำคัญจะบอกแก แต่ก่อนอื่นแกทำใจดีๆ นะเว้ย จอดรถเข้าข้างทางก่อนเพื่อความปลอดภัย!’

‘มีเรื่องอะไร แล้วทำไมฉันต้องจอดรถด้วย’

‘ก็เพราะสิ่งที่ฉันจะบอกทำให้แกช็อกแน่ๆ บอกให้จอดก็จอดเถอะน่า เร็วๆ!’ 

ตอนแรกวันเวลาไม่เชื่อ คิดว่าเพื่อนหาเรื่องมาอำ แต่ครั้นได้ยินน้ำเสียงจริงจังที่ย้ำหลายเที่ยวให้จอดรถ หญิงสาวเลยตัดสินใจทำตามที่เพื่อนแนะนำ พอจอดรถหลบเข้าข้างทางแล้ว เธอจึงกรอกเสียงถามปลายสาย

‘ฉันจอดรถแล้ว เอาละ ไหนบอกซิ แกมีเรื่องอะไรจะบอกฉัน’

กังสดาลเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดช้าชัด

‘ทำใจดีๆ นะ พี่เจมส์ของแกกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น!’

เหมือนฟ้าถล่มทลายลงมาอย่างไรอย่างนั้น วันเวลาอ้าปากค้าง ทั้งตกใจและงุนงงกับสิ่งที่ได้ยิน 

‘พูดเรื่องบ้าอะไรของแกวะ ล้อเล่นแบบนี้ไม่ขำเลยนะ’

‘ไม่ได้ล้อเล่น ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อ แต่ด้วยความขี้เผือกของฉัน ทำให้ฉันเห็นการ์ดเชิญมากับตาเลย วันพรุ่งนี้พี่เจมส์จะเข้าพิธีแต่งงานแล้วแก๊!’

คนได้รับข่าวร้ายอ้าปากค้าง หน้าซีดเผือด ตอนแรกเธอคิดว่าเพื่อนคงอำเล่น เพราะเมื่อวานเธอยังคุยโทรศัพท์กับเจนจบอยู่เลย เขาก็ดูปกติดี ไม่ได้แสดงพิรุธใดๆ แต่เมื่อกังสดาลยืนยันซ้ำๆ ว่าเห็นมากับตา พร้อมส่งหลักฐานเป็นรูปถ่ายการ์ดเชิญมาให้ดูด้วยทางข้อความ วันเวลาก็เปลี่ยนความคิด งานนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะนอกจากในการ์ดจะมีชื่อเจนจบปรากฏอยู่แล้ว ยังมีรูปถ่ายพรีเวดดิงสุดหวานชื่นของเขากับหญิงสาวอีกคนหราอยู่ในการ์ดด้วย ดูเหมือนว่าก่อนลงเวร กังสดาลจะบังเอิญไปเห็นการ์ดเชิญใบนี้อยู่กับแพทย์คนหนึ่งซึ่งเป็นแขกฝั่งเจ้าสาว

งามไส้แล้วไหมล่ะ เธอกำลังกลายร่างจากคนเป็นควายหรือเนี่ย! 

วันเวลาปากคอสั่นไปหมด สิ่งที่เธอนึกออกอย่างแรกหลังจากได้รับข่าวก็คือการโทรศัพท์ไปหาเจนจบ เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ได้รู้มาเป็นเรื่องจริง แต่อีกฝ่ายก็ไม่รับสาย ทำให้หญิงสาวต้องเปลี่ยนแผนการเดินทาง จากเดิมที่จะไปสังสรรค์กับกังสดาล เปลี่ยนเป็นมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านเจนจบเพื่อยืนยันความจริงแทน

แต่...เธอไปไม่ถึงจุดหมาย

ในวันนั้นเธอประสบอุบัติเหตุ ในระหว่างที่บ่ายหน้ารถไปยังบ้านของแฟนหนุ่มที่อยู่เขตปริมณฑล ขณะกำลังจอดติดไฟแดงอยู่ในแถวรถยาวเหยียดอยู่ที่สี่แยก ความซวยก็บังเกิด เป็นความซวยสองต่อเสียด้วย

ต่อแรกคือ รถคอนเทนเนอร์คันหนึ่งซึ่งคาดว่าคนขับคงหลับในฝ่าไฟแดงพุ่งเข้ามาชน แม้เธอจะไม่ได้โดนรถคอนเทนเนอร์ชนตรงๆ เพราะไม่ได้จอดติดไฟแดงเป็นคันแรกๆ แต่แรงปะทะของรถใหญ่ที่พุ่งเข้ามาทำให้รถของเธอถูกรถตู้อัลพาร์ดสีดำคันหน้าถอยอัดมาชนอย่างแรงเช่นกัน 

ต่อที่สองก็คือ ในขณะที่วันเวลาติดอยู่ในรถที่ถูกถอยมาชน ก็มีรถซิตี้สีขาวอีกคันซึ่งพุ่งมาจากไหนไม่รู้เสียหลัก หักมาชนท้ายรถของเธอเข้าเต็มๆ แรงชนทำให้ศีรษะของเธอกระแทกโดนกระจก ท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงกรีดร้องและกองเลือด ในนาทีนั้นเธอคิดว่าตนจะตายเสียแล้ว ตายแบบรวดเร็ว ตายแบบไม่ทันได้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ ในตอนที่ศีรษะของเธอกระแทกเข้ากับกระจก ทุกอย่างมืดดับไป ราวกับร่างกายกำลังจมดิ่งลงสู่ความมืดมิดอันเวิ้งว้าง 

อุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นอุบัติเหตุใหญ่ที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย วันเวลาเป็นหนึ่งในเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเช่นกัน แม้เธอจะรอดชีวิต ไม่เสียชีวิตคาที่เหมือนหญิงสาวในรถตู้คันหน้าเพราะโดนรถคอนเทนเนอร์ชนเต็มๆ หรือไม่ได้นอนเป็นผักเหมือนผู้โดยสารหนุ่มในรถคันหลัง แต่การที่รถของเธอซวยสองเด้ง เพราะโดนเสยทั้งหน้าและหลังเหมือนแซนด์วิชเละๆ ที่ถูกบีบเละคามือในเวลาไล่เลี่ยกัน ก็ไม่ใช่เรื่องดี เหตุการณ์นั้นทำให้เธอได้รับบาดเจ็บและสลบไม่รู้เรื่องรู้ราวไปหลายวัน

วันเวลาถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลซึ่งกังสดาลทำงานอยู่ และฟื้นคืนสติในอีกสามวันต่อมา สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากฟื้นก็คือการตามหาเจนจบ แต่มันสายเกินไปแล้ว เพราะตอนนี้เจนจบเข้าพิธีแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ไปเรียบร้อย ที่น่าโมโหก็คือเขาหลอกเอาเงินที่เธออุตส่าห์เก็บหอมรอมริบจากงานขายของออนไลน์อย่างสุจริตไปเป็นสินสอดสู่ขอผู้หญิงคนนั้นด้วย ครั้นจะไปลากคอมาคิดบัญชี ก็ไม่ทัน เพราะอดีตแฟนหนุ่มหนีหายเข้ากลีบเมฆไปพร้อมกับสาวคนใหม่แล้ว ทิ้งให้วันเวลาต้องอยู่กับความช้ำใจ นอกจากอนาคตที่วาดฝันไว้ว่าจะได้แต่งงานและมีธุรกิจใหม่ร่วมกับคนรักต้องมีอันต้องดับสูญ เธอยังสูญเสียเงินเก็บไปแทบทั้งหมดด้วย 

กังสดาลแนะนำให้วันเวลาแจ้งความ แต่เธอก็ไม่กล้าพออยู่ดี เพราะตนเองก็มีชนักติดหลัง ไม่ใช่คนดีบริสุทธิ์เช่นกัน จึงไม่อยากพัวพันกับตำรวจโดยไม่จำเป็น สุดท้ายจึงได้แต่เก็บความแค้นไว้ในใจ ที่จริงแล้วเรื่องเงินหรือเรื่องถูกสวมเขามันไม่ใช่ประเด็นหลักที่ทำให้เธอโกรธแค้นเจนจบเลย แต่เรื่องที่ทำให้เธอให้อภัยเขาไม่ได้ที่สุด คือเรื่องที่เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอสูญเสียสัมผัสพิเศษไปต่างหาก 

ไม่รู้ว่าทำไม แต่ตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุคราวนั้น วันเวลาก็สูญเสีย ‘เขา’ ไป

‘เขา’ ที่เธอกล่าวถึงเสมอ ไม่ใช่ผู้ชายที่ไหน แต่เป็นสรรพนามเรียกความสามารถพิเศษของเธอเอง ความสามารถในการมองเห็นอดีตของผู้คนซึ่งช่วยเธอทำมาหากินแบบนั้น เธออยากให้เกียรติด้วยการเรียกว่า ‘เขา’ มากกว่าที่จะเรียกว่า ‘มัน’ แต่ก็นั่นละ ถึงจะรักแค่ไหน ให้เกียรติแค่ไหน แต่สุดท้ายเธอก็สูญเสียเขาไปอยู่ดี เรื่องคงไม่ลงเอยแบบนี้หากเจนจบไม่ทรยศเธอ วันนั้นเธอควรจะได้เดินทางไปอีกเส้นทางเพื่อสังสรรค์กับกังสดาลตามแผน ไม่ใช่บ่ายหน้ารถไปหาเขาที่บ้าน เพื่อไปเจอกับอุบัติเหตุบ้าๆ จนเกือบตายที่สี่แยกนั่น

เรื่องซวยๆ ที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเจนจบคนเดียว!

วันเวลาได้แต่เก็บความแค้นไว้ ตลอดเวลาหลายเดือนมานี้เธอพยายามหาวิธีทำให้สัมผัสพิเศษนั้นกลับคืน โดยตั้งข้อสมมุติฐานที่ว่า หากเธอสูญเสียความสามารถไปเพราะการเฉียดตาย ถ้าเช่นนั้นเธอจะลองเฉียดตายอีกรอบ เพื่อให้ได้ทุกอย่างกลับคืนมา ทว่าไม่ว่าจะลองวิธีเสี่ยงตายอีกกี่สิบรอบ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี เธอยังไม่สามารถมองเห็นอดีตของใครได้เลย กระทั่งวันหนึ่งที่ได้รับสายจากกังสดาลว่าเจนจบกลับมาเมืองไทยแล้ว หญิงสาวจึงรีบร้อนไปชำระแค้นกับอดีตแฟนหนุ่ม ทว่าในงานปาร์ตีนั้นเองที่ทำให้เธอได้พบกับตรัยคุณ การโคจรมาพบพี่ชายข้างบ้านที่เป็นรักแรกก็ว่าน่าตกใจแล้ว แต่การที่คืนนั้นเธอได้รับความสามารถกลับคืนมาเสียดื้อๆ ทำให้เธอตกใจและงุนงงยิ่งกว่า

ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เธอพยายามลองทุกวิธีแทบเป็นแทบตาย แต่ก็ไม่มีวิธีใดที่จะสำเร็จ บทจะได้กลับคืน ก็ได้มาง่ายๆ เสียอย่างนั้น ข้อพิสูจน์แรกที่ยืนยันว่าความสามารถกลับมาแล้วก็คือการที่เธอเห็นภาพเหตุการณ์ในอดีตของตรัยคุณ และก็บังเอิญเหลือเกินที่เธอดันมาเห็นเหตุการณ์ที่เขาคงจะอายที่สุดด้วย เห็นได้จากอาการร้อนรนแทบบ้าของเขา ส่วนคนถูกถามก็ได้แต่ปิดปากเงียบ ไม่ยอมอธิบาย เรื่องอะไรที่เธอจะยอมแพร่งพรายความลับของเธอกันเล่า

“พี่ถามเธออยู่นะ วิว ทำไมไม่ตอบพี่”

เสียงเข้มๆ ของตรัยคุณทวงถามขึ้นมาอีก ดึงวันเวลาให้หลุดจากภวังค์ความคิด 

“แล้วพี่คิดว่าวิวรู้เรื่องนี้จากไหนล่ะคะ” หญิงสาวย้อนถามพลางเดาะลิ้นแบบกวนๆ “สงสัยวิวจะมีกุมารคอยกระซิบบอก”

“คิดว่ามันเป็นเรื่องตลกงั้นหรือ ตอบพี่มาดีๆ”

“ของบางอย่างน่ะ พูดไปก็คงไม่เชื่อ ดังนั้นปล่อยให้เป็นความลับต่อไปก็น่าจะดีกว่า” เธอกล่าวต่อยิ้มๆ ก่อนจะบุ้ยใบ้เป็นเชิงให้ตรัยคุณปล่อยตัวเธอ เห็นได้ชัดว่าเขาคงไม่พอใจนัก แต่ก็ต้องยอมปล่อยอย่างเสียไม่ได้ เพราะตอนนั้นเองมีแขกคนหนึ่งเรียกเขาพอดี

“ไม่บอกก็ไม่เป็นไร แต่อย่าคิดว่าตัวเองรู้เรื่องนี้ดีไปหน่อยเลย ที่สำคัญอย่าทำตัวน่ารังเกียจ คิดนำเรื่องนี้มาข่มขู่พี่เหมือนคนอื่นๆ เพราะพี่ไม่ใช่เหยื่อของเธอ รู้ไว้ด้วย” ชายหนุ่มเสยเส้นผมออกจากนัยน์ตาแบบติดแววหงุดหงิด ก่อนจะเดินจากไปสมทบกับแขกคนนั้น ทิ้งให้วันเวลาหน้าชาเล็กๆ เพราะถูกผู้ชายที่เคยแอบชอบตอกย้ำปมในใจ

จนป่านนี้ตรัยคุณก็ยังไม่เลิกเกลียดเธออีก ใช่สิ ในความคิดของเขา เธอคงเป็นแค่มิจฉาชีพ เที่ยวหากินกับความลับในอดีตของคนอื่นอยู่ร่ำไป ซึ่งเธอก็เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ เพียงแต่เธอก็มีเหตุผลของตนเอง เหตุผล...ที่คนมีทุกอย่างเพียบพร้อมแบบตรัยคุณคงไม่มีวันเข้าใจ

วันเวลาถอนหายใจ เบนสายตากลับไปยังเจนจบ การกลับมาพบกับตรัยคุณอาจอยู่นอกเหนือแผนการ แต่สำหรับเจนจบ เธอจะทำให้ทุกอย่างอยู่ในแผนการตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก เมื่อหมายมั่นปั้นมือแล้วว่าวันนี้จะกระชากหน้ากากของเจนจบให้ได้ หญิงสาวจึงเดินปรี่ไปหาเขาแบบไม่เกรงกลัว เป็นอย่างที่คิด ตอนแรกเจนจบไม่ได้สังเกตเห็นเธอด้วยซ้ำเพราะมัวแต่สนุกกับงานเลี้ยงอยู่ ต่อเมื่อเธอเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเขา สีหน้าของอดีตแฟนหนุ่มจึงเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ดวงตาเบิกโพลงราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งก็คงใช่ เพราะหากเธอตายไปในอุบัติเหตุนั่น เธอก็จะกลายเป็นผีแฟนเก่าที่ตามมาขี่คอทวงแค้นเขาแบบไม่ยอมอโหสิกรรม

“พี่เจมส์!”

เห็นได้ชัดว่าเจนจบตกใจมากที่มาเจอวันเวลา แต่เขาก็พยายามรวบรวมสติ รีบโอบเอวของภรรยาเพื่อเดินหนีไปทางอื่น คงตั้งใจแล้วว่าจะทำเมินไปเสีย เหมือนว่าไม่รู้จักกัน หรืออย่างร้ายกว่าก็คือมองเธอเป็นอากาศธาตุ

“คิดจะชิ่งหนีอีกแล้วหรือคะ เป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า ทำไมถึงขี้ขลาด ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงล่ะ!”

เจนจบยังคงทำเป็นหูทวนลม ก้มหน้าก้มตาพาภรรยาออกไปจากที่ตรงนั้น แต่ภรรยาไม่ยอมไป หล่อนมองมาที่วันเวลาที ที่สามีทีอย่างสงสัย ดูไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับแผนการร้ายของเจนจบเลย

“คุณเจมส์ น้องผู้หญิงคนนี้เป็นใครคะ รู้จักกันหรือเปล่า”

“ไม่ครับ ไม่รู้จัก เธอคงจำคนผิด แก้มอย่าไปสนใจเลยนะ นี่ก็ดึกแล้ว ผมว่าเราน่าจะกลับกันดีกว่า” เจนจบชักชวน ไม่อาจปิดบังอาการลนลานได้เลย ซึ่งก็เข้าทางวันเวลา ในขณะที่เขาจะพาภรรยากลับที่พัก สาวผู้มาพร้อมความแค้นก็ตรงปรี่ไปขวาง

“คุณแก้ม ผู้ชายคนนี้ไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่คุณคิดหรอกนะคะ คุณน่ะตัดสินใจผิดแล้ว!” วันเวลาบอกกับหญิงสาวอีกคนอย่างสงสาร แล้วจึงหันมาจ้องเจนจบตาเขม็ง “ส่วนพี่เจมส์ จะบอกอะไรให้ไว้อย่าง พี่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกัน วิวไม่ว่า แต่ก่อนจะวิ่งหนีหางจุกตูด ช่วยจ่ายเงินคืนมาก่อนได้ไหมล่ะ!”

พอพูดถึงเรื่องเงิน ภรรยาเจนจบก็หน้าเหลอหลา ดูทั้งงุนงงทั้งตกใจ

“เงินอะไรกันคะ คุณเจมส์ น้องคนนี้เธอพูดถึงเรื่องอะไร”  

“บอกภรรยาพี่ไปสิคะว่าเงินอะไร!” วันเวลาเค้นเสียงน่ากลัว ยิ่งเห็นว่าเจนจบเอาแต่เงียบ เธอก็ยัวะจัด เดินหน้ารุกไล่เขาอย่างเอาเรื่อง “ทำไมเงียบ ทีอย่างนี้ล่ะทำเป็นปอดแหก เงียบเป็นเป่าสากเชียวนะคะ ถ้าไม่กล้าบอกเอง งั้นวิวบอกให้ก็ได้ เงินที่พี่ขโมยจากแฟนเก่าอย่างวิวเพื่อเอาไปสู่ขอผู้หญิงคนนี้มานั่นไง คืนมาเดี๋ยวนี้!”

สิ้นเสียงของวันเวลา ผู้คนในงานแถวนั้นก็หันมามองที่พวกเธอเป็นตาเดียว ก่อนที่จะเกิดเสียงซุบซิบเซ็งแซ่ แต่หญิงสาวหาได้สนใจไม่ จะมีอะไรต้องสนใจอีก คนที่ควรจะอายไม่ใช่เธอ แต่เป็นคนที่ทำผิดอย่างเจนจบต่างหาก

“พี่ไม่รู้หรอกว่าเงินก้อนนั้นสำคัญกับวิวแค่ไหน ไม่รักกันแล้วไม่ว่า จะทิ้งกันไปก็ไม่ว่า แต่อย่าทำกับวิวแบบนี้” มือที่ขยุ้มเสื้อของเจนจบสั่นเทา นัยน์ตาสวยแดงก่ำ ไม่ใช่เพียงแต่ความเจ็บใจ แต่ยังมีความผิดหวังที่ไว้ใจคนผิดอีกด้วย “เงินนั่นมาจากน้ำพักน้ำแรงของวิวทั้งนั้น วิวตั้งใจจะใช้มันเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ใช่...ชีวิตใหม่ที่ไม่มีพี่อีกแล้ว วิวยอมรับได้ แต่ชีวิตใหม่ที่ไม่มีเงิน วิวยอมรับไม่ได้ คืนเงินมาให้วิวเถอะ แล้วจากนั้นพี่จะไปมีความสุขกับใครก็เชิญ!”

แต่แทนที่เจนจบจะรู้สึกผิด เขากลับไม่รู้สึกรู้สาเลย เห็นได้จากการโต้กลับมาของเขา พร้อมกับการผลักอดีตแฟนสาวอย่างแรง คาดว่าคงจะหมดความอดทนแล้วกับการถูกโจมตีฝ่ายเดียว

“เงินอะไร อย่ามาพูดพล่อยๆ นะ ไม่เห็นจะรู้เรื่อง!”

“พี่เจมส์!”

“อย่ามาเรียกชื่อผม อย่าทำเป็นเหมือนว่าเรารู้จักกัน เพราะเราไม่เคยรู้จักกันเลย!” เขาตีมึนใส่แบบหน้าไม่อาย ใช้มือจัดสูทที่ยับย่นจากเหตุการณ์เมื่อครู่อย่างอารมณ์เสีย “ตอนแรกก็ว่าจะปล่อยเรื่องไร้สาระนี่ไปแล้วเชียว แต่ดูเหมือนยิ่งปล่อยก็ยิ่งเลอะเทอะ หยุดทำอะไรบ้าๆ บอๆ ให้ภรรยาผมกับคนอื่นต้องเข้าใจผิดได้แล้ว ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน”

สิ่งที่เจนจบกล่าวบ่งบอกชัดว่าไม่ได้รู้สึกผิดกับเรื่องที่ทำเลยสักนิด ไม่รู้ว่าเธอเคยคบกับคนน่ารังเกียจขนาดนี้ไปได้อย่างไร

“โอ้โห วิวละยอมพี่เลย ก็ไม่ได้คิดว่าพี่จะสำนึกอยู่แล้ว แต่ก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าพี่จะหน้าด้านหน้าทนได้ขนาดนี้ ก็ว่าจะไม่พูดเยอะแล้วนะ แต่พี่รู้ตัวบ้างไหมว่าทำลายชีวิตวิวแค่ไหน พี่ขโมยสิ่งสำคัญของวิวไป ทั้งเงิน ทั้งงาน ทั้งแพลนในอนาคต ไม่เหลืออะไรสักอย่าง ที่วิวเกือบตายก็เป็นเพราะพี่เหมือนกัน และเพราะเรื่องนั้นทำให้วิวต้องเสีย ‘เขา’ ไปด้วย วิวซวยทั้งขึ้นทั้งล่อง แล้วยังมีหน้ามาด่าว่าวิวทำอะไรบ้าๆ บอๆ อีกงั้นหรือ กล้าพูดได้ยังไง ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนทำผิด วิวมีหลักฐานนะ หลักฐานการโอนเงินครั้งนั้นก็มี!”  

“เหอะ เหลวไหล ของแบบนั้นใครจะตัดต่อขึ้นมาก็ได้ ถ้าคิดว่าผมทำผิด ทำลายชีวิตคุณด้วยการหลอกขโมยเงินไปจากคุณจริงละก็ งั้นก็ไปแจ้งความสิ!”

วันเวลาสะอึกเมื่อถูกจี้จุดอ่อนเข้าอย่างจัง แม้เจนจบจะไม่รู้ความลับเรื่องสัมผัสพิเศษ แต่เขารู้เรื่องงานเสริมของเธอด้วย จึงรู้ดีว่าคนที่มีชนักติดหลังอย่างเธอไม่กล้าแจ้งความเอาผิดเขา เลยกล้าท้าทายเช่นนี้ 

“ถ้าเรื่องที่คุณพูดปาวๆ อยู่เป็นเรื่องจริง งั้นก็หอบเอาหลักฐานที่คุณกล่าวอ้างนั่นไปแจ้งตำรวจจับผมเลย ไปสิ...เว้นเสียแต่ว่าคุณไม่กล้า!”

“อย่ามาใช้ลูกไม้นี้ พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าวิวดำเนินคดีกับพี่ไม่ได้” 

“ทำไมถึงไม่ได้ อ๋อ ก็เพราะคุณรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก คุณมันก็แค่เด็กเลี้ยงแกะไง!” อดีตแฟนหนุ่มยิ้มร้าย ส่วนคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้แต่กัดฟันกรอด “ไปให้พ้นหน้าผมได้แล้ว ถ้าไม่รีบไป ผมอาจจะเปลี่ยนใจเอาเรื่องคุณก็ได้ เพราะสิ่งที่คุณใส่ความผมเมื่อกี้ทำให้ผมเสียหายมาก นี่ผมฟ้องหมิ่นประมาทคุณได้เลยนะ!”

เสียหายหรือ...เธอต่างหากที่เสียหายเพราะการกระทำชั่วๆ ของเขาน่ะ! 

วันเวลาอยากจะตอกกลับไป แต่การ์ดเข้ามาล็อกตัวเธอเอาไว้ และหิ้วปีกหญิงสาวออกไปจากงาน ไม่สนใจแม้ว่าเธอจะขัดขืนอย่างไร ครั้นคล้อยหลังสาวเจ้าไป ทุกอย่างจึงกลับมาอยู่ในความสงบ กลุ่มไทยมุงพากันสลายตัว ส่วนภรรยาของเจนจบที่ตอนแรกยังคาใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เมื่อถูกเจนจบป้อคำหวานแล้ว หล่อนก็เลือกเชื่อใจสามีและลืมสิ่งที่คนแปลกหน้าอย่างวันเวลาพูดไปโดยสิ้นเชิง ก่อนจะกลับไปสนุกกับงานเลี้ยงต่อเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น จะมีก็แต่เพียงชายหนุ่มอีกคนที่มองเหตุการณ์เมื่อครู่โดยตลอด ที่ยังไม่ลืมสิ่งที่วันเวลาพูด

“เหมือนจะเกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้นนะนั่น อาจารย์จะตามเธอไปไหมครับ” คู่สนทนาที่กำลังดื่มแชมเปญกับตรัยคุณเอ่ยถาม เขาชื่อรชต เป็นหนุ่มตี๋ ร่างสูง ทว่าผอมบาง นัยน์ตาติดแววรั้น รชตสังเกตเห็นว่าตรัยคุณมองหญิงสาวคนนั้นอยู่นานแล้วก็เลยอดไม่ได้ที่จะถามแบบแซว “ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าเธอจะเป็นแขกของอาจารย์นี่นา”

“จะเรียกว่าแขกก็ไม่เชิง เธอก็แค่จับพลัดจับผลูมีการ์ดเชิญของฉันก็เท่านั้น”

 “อ้าว ยังไงกัน”

“เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าฉันไม่มีหน้าที่อะไรต้องไปตามเธอ” 

“อาจารย์ละก็ ใจร้ายเกินไปไหมครับเนี่ย”

“ถ้าแกรู้วีรกรรมที่ผ่านมาของเธอ แกอาจจะไม่พูดอย่างนี้ก็ได้ เรย์”

 “อาจารย์พูดเหมือนว่ารู้จักเธอดี”

“ใช่ ฉันรู้จักเธอดี อย่างน้อยก็เมื่อก่อน แต่ก็นั่นละ บางครั้งฉันก็รู้สึกเสียใจที่มันเป็นแบบนั้น เพราะถ้าฉันไม่รู้จักเธอดี ป่านนี้ฉันอาจจะรู้สึก ‘ดี’ ต่อเธอมากกว่านี้ก็ได้”

“เอ...ยังไงหรือครับ”

“ช่างมันเถอะเรย์ อธิบายไปก็เท่านั้น สรุปว่าฉันจะไม่ไปตามผู้หญิงคนนั้นก็แล้วกัน เพราะอะไรรู้ไหม เพราะฉันเชื่อในกฎแห่งกรรมอย่างหนึ่ง แกเคยได้ยินไหมเรื่องกรรมตามสนอง” ดอกเตอร์หนุ่มพูดพลางยกแชมเปญขึ้นดื่มด้วยดวงตาพริบพราย “บาปใครทำ กรรมใครก่อก็รับไป ใครเคยทำอะไรไม่ดีไว้ ก็โดนทำไม่ดีอย่างนั้นกลับเหมือนกัน กฎแห่งกรรมมันก็ยุติธรรมดีนะ”

รชตคงไม่ได้เข้าใจสิ่งที่ตรัยคุณพูดเลย เห็นได้จากสีหน้ายิ้มแย้มไม่รู้เรื่องรู้ราวของเขา ครั้นหัวเราะสนุกพอหอมปากหอมคอแล้ว ฝ่ายนั้นจึงเข้าประเด็นสำคัญซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักของการดึงตรัยคุณมาสนทนาด้วย

“ว่าแต่เรื่องนั้น อาจารย์จะไม่ลองคิดใหม่หรือครับ”

“หมายถึง...”

“ครับ ผมหมายถึงเรื่องคดี” 

กล่าวถึง ‘เรื่องคดี’ ทีไร ตรัยคุณก็ลำบากใจทุกที ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าฝ่ายทางการต้องการให้เขามาช่วยเรื่องคดีอีกแล้ว ถึงขนาดส่งคนมาเจรจาหลายครั้ง แต่เขาก็ปฏิเสธเรื่อยมา นึกไม่ถึงว่าในงานเลี้ยงศิษย์เก่าแบบนี้ รชตจะใช้สิทธิพิเศษของการเป็นนักเรียนเก่าเข้ามาในงานเพื่อมาตามตื๊อเขาด้วยเรื่องเดิมๆ เขาก็หลงคิดว่าอีกฝ่ายจะอยากสังสรรค์กับเขาในฐานะรุ่นน้องที่จบจากสถาบันเดียวกันเสียอีก

“นี่ตกลงที่เรียกฉันมาคุย ไม่ใช่เพราะอยากดื่มด้วย แต่เพราะเรื่องนี้งั้นหรือ แผนสูงจริงนะ”

“ผมเปล่าแผนสูงนะครับ ผมอยากดื่มกับอาจารย์จริงๆ และก็อยากคุยกับอาจารย์ด้วย แบบว่าในฐานะรุ่นน้องและอดีตเพื่อนร่วมงาน” รชตออกตัว เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธ ใครก็รู้ว่าไม่ควรทำให้ตรัยคุณโกรธ เพราะนั่นหมายถึงหายนะ “ท่านผู้กำกับอยากให้อาจารย์ลองคิดทบทวนใหม่ โอเค ผมรู้ว่าอาจารย์ลาออกจากราชการมาสักพักหนึ่งแล้ว” เขาพูดต่อเมื่อเห็นว่าดอกเตอร์หนุ่มตั้งท่าจะแย้ง “แต่ครั้งนี้คดีมันโหดหินมาก พวกเราทุกคนในทีมต้องการความช่วยเหลือจากอาจารย์จริงๆ เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาไง ใครๆ ก็รู้ อาจารย์น่ะมือหนึ่งที่สุดในวงการ”

“พูดเกินไป ยังมีคนที่เก่งกว่าฉันอีกตั้งมากมาย ทำไมไม่ลองหาคนอื่นดูล่ะ”

“ใครจะเก่งผมไม่ทราบ ที่ผมทราบก็คือพวกเราทำงานเข้าขากันได้ดีที่สุด อีกอย่างก็ไม่ต้องเปลืองแรงเทรนงานให้คนใหม่ด้วย มันเสียเวลาและสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ กว่าอะไรๆ จะเข้าที่เข้าทางก็คงไม่ทันกาลแล้ว ไอ้บ้านั่นคงทำเรื่องชั่วๆ ไปถึงไหนต่อไหน ผู้กำกับเลยอยากขอให้อาจารย์ช่วยลองคิดดูใหม่น่ะครับ”

คนถูกขอร้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ฉันเข้าใจเหตุผลนะ แต่ฉันก็มีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อยากกลับไปรับงานอีกเหมือนกัน”

“ผมทราบครับว่าอาจารย์มีเหตุผลส่วนตัว ผมเองก็ไม่อยากจะตื๊อให้รำคาญ แต่พวกเราในทีมคิดถึงอาจารย์จริงๆ อย่างที่ผู้กำกับเองก็พูดตลอดไงว่าถ้ามีอาจารย์รวมอยู่ในทีมด้วย เราจะเป็นทีมที่เพอร์เฟกต์ที่สุด ไม่ว่าคดีอะไรก็สามารถปิดได้ทั้งนั้น อยากจะดูรายละเอียดคดีนี้หน่อยไหมครับ เผื่อว่าอาจารย์จะเปลี่ยนใจ มันเป็นคดีใหญ่เกี่ยวกับ...” รชตตั้งท่าจะส่งไฟล์ข้อมูลบางส่วนในแท็บเล็ตให้ดู แต่ดอกเตอร์หนุ่มกลับเป็นฝ่ายผลักมือของหนุ่มรุ่นน้องออกไป พร้อมปฏิเสธด้วยน้ำเสียงกร้าวแข็ง จนแม้แต่คู่สนทนาก็สะดุ้ง 

“เอามันออกไป เรย์ ฉันไม่อยากดู ไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอะไรอีกแล้ว แกอยากให้ชีวิตฉันพังนักหรือไง!” 

“อาจารย์”

ตรัยคุณต้องรีบปฏิเสธ เพราะหากเขาได้ดูรายละเอียดคดีหรือเห็นรูปของผู้เคราะห์ร้าย เขาอาจใจอ่อนแล้วยอมกลับมารับงานอีกก็ได้ สุดท้ายแล้วเขาก็จะวนเวียนกลับมาสู่จุดเดิม ไม่เดินไปข้างหน้าเสียที ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ 

“ขอโทษนะ ฉันใจร้อนไปหน่อย” ชายหนุ่มถอนหายใจ ตบที่บ่ารุ่นน้อง “แต่อย่างที่ฉันเคยพูดเสมอ บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่เพอร์เฟกต์ ขนาดฆาตกรที่วางแผนมาอย่างดีก็ยังเผลอทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เราตามได้เสมอเลย ดังนั้นถ้าทีมจะขาดฉันไปสักคน ก็ไม่เป็นไร เพราะทีมยังสามารถเดินต่อไปได้ด้วยการหาคนอื่นมาแทนก็แค่นั้น เพราะงั้นฝากขอโทษผู้กำกับด้วย ฝากเรียนท่านว่าฉันไม่เปลี่ยนใจ”

คนไม่เปลี่ยนใจกล่าวเด็ดขาด และหลังจากนั้นแม้เขาจะอยู่ดื่มกับรชตต่ออีกสักครู่หนึ่ง แต่รุ่นน้องก็ทำหน้าเจื่อนๆ ไม่กล้าขอร้องเขาด้วยเรื่องเดิมๆ อีก ก่อนงานเลี้ยงจะเลิกเล็กน้อย เขาก็ขอตัวออกมา ที่รีบออกมาไม่ใช่เพราะอยากจะไปสนุกต่อที่อื่น แต่เขาอยากรีบกลับบ้าน 

ใช่...ตั้งแต่ลาออกจากงานเก่า เขาก็พยายามที่จะกลับบ้านให้เร็วและตรงเวลาทุกวัน และก็โชคดีที่วันนี้ความพยายามของเขาสำเร็จ เพราะเขาสามารถกลับถึงบ้านโดยไม่เกินเคอร์ฟิวที่ตนกำหนด

ชายหนุ่มกดรหัส ก่อนจะผลักประตูเข้าไปในบ้าน เขาไม่ได้สนใจถอดรองเท้าให้ถูกที่ถูกทางด้วยซ้ำ เพียงถอดมันไว้ที่โถงทางเข้า แล้วใช้เท้าข้างหนึ่งเตะมันไปกองรวมกับรองเท้าคู่อื่นๆ แบบไม่มีเวลาจะสนใจกับความเป็นระเบียบเรียบร้อย จากนั้นจึงตรงดิ่งไปหยิบขวดน้ำเย็นออกมาดื่มให้สดชื่น แล้วกลับมาเอนหลังพักที่โซฟา 

ให้ตายสิ งานสังสรรค์แบบนี้ทำให้เขาหมดพลังงานจริงๆ ไหนจะเรื่องที่เขาโดนตื๊อจากรชตให้กลับไปร่วมทีมทำคดี ไหนจะเรื่องที่เขาโคจรมาพบเด็กข้างบ้านอย่างวันเวลาอีก รวมๆ แล้วมันทำให้เขาปวดหัวไปหมด โดยเฉพาะเรื่องวันเวลา เขาไม่เคยคิดว่าจะได้กลับมาพบเธออีกด้วยซ้ำ เคยคิดว่าช่วงที่ห่างกันไปจะทำให้เธอเปลี่ยนแปลงตนเอง แต่ดูจากเหตุการณ์วันนี้แล้ว เขาคงคิดผิด เพราะวันเวลาก็ยังเป็นคนเดิม ไม่ได้ปรับปรุงอะไรขึ้นเลย

ดอกเตอร์หนุ่มผ่อนลมหายใจ ปวดหัวหนึบๆ จึงใช้ปลายนิ้วนวดคลึงขมับแล้วหลับตาลง เขาเพิ่งจะพักสายตาไปได้เพียงไม่กี่นาที โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างตัวก็สั่นเพื่อบอกให้รู้ว่ามีข้อความเข้า เป็นข้อความจาก ‘มาวิน’ นักเทคนิคการแพทย์หนุ่ม เพื่อนสนิท ผู้มีนิสัยเพลย์บอยเป็นนิจของเขานั่นเอง

‘ไอ้คุณ กูดีลเด็กแจ่มๆ ให้มึงได้แล้วนะ’ ไม่เพียงแต่พูดเปล่า แต่มาวินยังอุตส่าห์ส่งคลิปวิดีโอของสาวสวยคนหนึ่งที่กำลังวาดลวดลายยั่วยวนอยู่บนเตียงให้ดูเพื่อประกอบการพิจารณาอีก ‘คนนี้ลีลาเด็ด สะอาด แถมบริการดี กูคัดสรรมาให้แบบสุดๆ มึงยังคอนเฟิร์มตามนัดเดิมใช่ไหม’

ตรัยคุณนิ่งไปราวกับกำลังชั่งใจอยู่ ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ตอบกลับไป

‘คอนเฟิร์ม’

‘เออ งั้นเดี๋ยวกูส่งคอนแทกต์เด็กให้’

‘ไม่เป็นไร ยิ่งมีคอนแทกต์ก็ยิ่งวุ่นวายเปล่าๆ แค่นอนด้วยกันครั้งสองครั้ง ไม่จำเป็นต้องทำความรู้จักกันมากมาย มึงแค่ช่วยเป็นคนกลาง นัดแนะเธอมาพบกูตามเดิมก็พอ ขอบใจ’

ตรัยคุณจบการสนทนาทางข้อความกับเพื่อนไว้แค่นั้น เขารู้ว่าการให้มาวินช่วยหาสาวไซด์ไลน์มาปรนเปรอสวาท ไม่ใช่ไลฟ์สไตล์ของเขาเลย แต่ทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อเขามีเหตุผลจำเป็นที่ต้องทำ! 


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น