บทที่ ๓

สมมุติฐาน

‘ข่าวด่วนประเด็นร้อนเช้านี้ คงจะหนีไม่พ้นคดีฆาตกรรมปริศนา คุณผู้ชมน่าจะยังจำกันได้กับคดีสะเทือนขวัญในช่วงสองเดือนมานี้ที่หญิงสาวสี่รายถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม ล่าสุดเมื่อคืนนี้โผล่อีกศพแล้วครับ ถือเป็นศพที่สี่แล้ว   เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทีมผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบบริเวณซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง พบศพหญิงสาวรายหนึ่งนอนเสียชีวิตในสภาพไม่สวมเสื้อผ้า มีรอยเขียวช้ำที่ลำคอ และพบบาดแผลฉกรรจ์ถูกฟันด้วยของมีคมที่บริเวณใบหน้าหลายแห่ง ตรวจสอบแล้วไม่พบบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตาย ขณะนี้ทางทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงกำลังเร่งสืบสวนและพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลว่าผู้ตายเป็นใครและมาจากไหน แต่ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรมต่อเนื่อง จากฝีมือฆาตกรรายเดียวกับที่เคยฆ่าหญิงสาวอีกสามรายก่อนหน้านี้ เพราะมีรูปแบบการเสียชีวิตที่คล้ายคลึงกัน คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของฆาตกรที่ได้รับฉายาว่า...’

“โนเฟซ” 

ตรัยคุณในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนซึ่งกำลังเดินเข้ามาในออฟฟิศชะงักฝีเท้า เขาหันมองตามเสียง และก็เห็นว่าเจ้าของเสียงคือ ดวงพร หรือป้าดวง พนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์ศูนย์บำบัดทางจิตเป็นคนกล่าวขึ้น ดวงตาแหลมคมภายใต้กรอบแว่นและมวยผมรวบตึงกำลังจ้องเขม็งมาทางตรัยคุณที่มาถึงที่ทำงานเป็นรายแรกๆ ในเช้าตรู่ของวันนี้ 

“พวกชาวเน็ตตั้งฉายาไอ้ฆาตกรต่อเนื่องไว้แบบนี้” 

“หรือครับ”

“ใช่ค่ะ ตั้งชื่อจากสภาพศพของเหยื่อที่ถูกพบ แบบว่า...” ดวงพรละสายตาจากตรัยคุณ หรือละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์ติดผนังที่อยู่ทางด้านหลังเขาซึ่งกำลังเสนอข่าวนี้ก็ไม่ทราบ 

“เหยื่อทุกรายถูกสับที่ใบหน้าจนเละเทะไม่เหลือชิ้นดี ชนิดที่มองไม่ออกเลยว่าเคยเป็นใครมาก่อน ดูผ่านๆ ก็ทำให้ดูเหมือนคนไม่มีหน้า ชาวเน็ตก็เลยตั้งชื่อให้ว่าโนเฟซ หรือคนไร้หน้าค่ะ” เธอกล่าวอย่างสยดสยองพลางชี้ที่ใบหน้าของตนเพื่อเป็นการประกอบการอธิบายไปด้วย 

“แต่พูดก็พูดเถอะ ป้าว่าไอ้หมอนี่มันก็เหี้ยมจริงๆ ฆ่าผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ได้ลงคอแบบนี้ ถ้าไม่เลวโดยสันดานก็คงมีปัญหาทางจิตขั้นรุนแรงแล้ว ถ้าจับมันมาบำบัดรักษาที่นี่ได้ก็คงดี แต่ทำแล้วจะหายหรือเปล่าก็ไม่รู้ อาจารย์คุณคิดว่ายังไงคะ”

“ถ้าถามว่าผมคิดยังไงน่ะหรือ” ตรัยคุณทำหน้าเหนื่อยใจ ก่อนจะเดินไปหยิบรีโมตแล้วกดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ทันที “ผมคิดว่าป้าดวงควรจะเลิกดูข่าวอะไรแบบนี้ได้แล้ว เปลี่ยนมาดูอะไรที่จรรโลงใจเพื่อสร้างพลังบวกให้ตัวเองในเช้าวันใหม่ดีกว่านะครับ”

ดวงพรยิ้มแหย เมื่อหน้าจอโทรทัศน์ถูกเปลี่ยนจากข่าวอาชญากรรมเป็นรายการออกกำลังกายยอดฮิตที่มีผู้สอนเป็นสาวสวยหุ่นดีและแข็งแรงคนหนึ่ง

‘ทำตามบิวตี้นะคะ สุดท้ายแล้วค่ะ...สุดท้ายของท่าเซตนี้ วันนี้แค่เบาๆ เท่านั้น!’

“คลิปน้องบิวตี้ ขนาดผู้ชายตัวโตยังขาสั่นพั่บๆ หมดสภาพเลย นับประสาอะไรกับป้าล่ะคะ ขืนทำตามป้าคงตายตั้งแต่ห้านาทีแรก ไม่ไหวแน่ๆ ค่ะ ป้าขอเสริมพลังบวกแบบอื่นอย่างการชงกาแฟให้อาจารย์แทนดีกว่า” ว่าแล้วดวงพรก็เดินออกจากเคาน์เตอร์เพื่อเตรียมจะไปยังส่วนหลังของออฟฟิศที่ถูกจัดพื้นที่เป็นห้องครัว แต่ตรัยคุณกลับโบกมือไปมา เป็นทำนองว่าไม่อยากรบกวนใครให้ยุ่งยาก เพราะนั่นไม่ใช่นิสัยของเขาอยู่แล้ว ต่อให้โดยทั่วไป ดวงพรจะถูกนักจิตวิทยาคนอื่นในออฟฟิศวานใช้ให้ชงกาแฟหรือจัดของว่างอยู่บ่อยๆ จนเป็นเรื่องปกติไปแล้วก็เถอะ

“ไม่เป็นไร ผมมีกาแฟแล้ว ป้าตามสบายเลยครับ”

“แต่การบริการอาจารย์ก็เป็นหนึ่งในเรื่องจรรโลงใจของป้านะคะ”

ดอกเตอร์หนุ่มคลายยิ้มกับอารมณ์ขันของดวงพร

“ขอบคุณครับ แต่ผมโอเค ป้าดวงไม่ได้ถูกจ้างมาเป็นแม่บ้านหรือเลขาฯ ไม่ต้องทำอะไรให้ผมหรอกครับ แค่ทำหน้าที่ของป้าก็พอ อีกไม่นานศูนย์ก็จะเปิดแล้ว เดี๋ยวคนไข้เข้ามาไม่เจอใครจะคอมเพลนเอาได้ ป้าดวงสแตนด์บายอยู่ตรงนี้ละดีแล้วครับ” พูดเสร็จตรัยคุณก็ค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าห้องทำงาน แม้เขาจะปิดประตูไปแล้ว แต่ดวงพรก็ยังเดินมาด้อมๆ มองๆ ที่กระจกหน้าห้องและยกมือยกไม้ขึ้นทำท่าเป็นเชิงบอกว่า หากเขาต้องการอะไรให้เรียกได้ทันที ซึ่งเขาก็ทำได้แต่ยิ้ม แล้วหมุนปิดมู่ลี่ที่บานกระจก ไม่ใช่เพียงกันสายตาจากป้าดวงพร แต่จากสายตาของพนักงานคนอื่นที่อาจจะโผล่มาแอบมองเขาแบบอยากรู้อยากเห็นอีกก็ได้ 

ก็ไม่รู้ทำไมคนส่วนใหญ่จึงอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเขานัก ตอนแรกก็คิดว่าเพราะเขาเป็นสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานที่ศูนย์บำบัดทางจิตแห่งนี้ แต่ปัจจุบันก็ผ่านมาแปดเดือนกว่าแล้ว จะเรียกว่าเขาเป็นสมาชิกใหม่ก็ไม่ใช่แล้วละ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องสนใจเขานักก็ได้ เพราะบางครั้งเขาก็อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว นั่งทำสมาธิ จัดระเบียบความคิดตัวเองก่อนเริ่มลงมือทำงานเหมือนกัน เพราะการบำบัด รักษา และฟื้นฟูจิตใจไม่ใช่งานง่ายๆ นักจิตวิทยาอย่างเขาจำเป็นต้องมีสมาธิ มีจิตใจที่ผ่องใสพร้อมรับฟังเรื่องราวของผู้มาใช้บริการและหาทางแก้ไขปัญหาให้แก่คนเหล่านั้น 

ตรัยคุณหยิบกาแฟกระป๋องที่พกมาด้วยทุกวันจากในกระเป๋าขึ้นมาดื่มแบบเคยชิน จะว่าเขาเป็นคนไม่ละเมียดละไมก็ได้ แต่เขาชอบความสะดวกสบายของกาแฟกระป๋อง รสชาติมันไม่แย่ อาจจะไม่เท่ากับร้านดังหรือกาแฟดริฟต์เองก็จริง แต่มันก็ประหยัดทั้งเงินและเวลา แถมยังสามารถควบคุมคุณภาพได้ง่ายด้วย กล่าวคือจะดื่มกี่ครั้งก็ง่ายและอร่อยเท่ากันโดยที่เขาไม่ต้องจำสูตรหรือเดินไปสั่งที่ร้านให้ลำบาก เขาอยากนำเวลาส่วนนี้มาใช้พัฒนาการทำงานมากกว่า เพราะยังมีหลายสิ่งที่เขาต้องปรับตัวจากการย้ายงานจากโรงพยาบาลรัฐบาลมาทำงานในศูนย์บำบัดของเอกชนเช่นนี้

เมื่อดื่มกาแฟเสร็จและโยนกระป๋องทิ้งแบบไม่สนใจว่ามันจะลงถังหรือไม่แล้ว นักจิตวิทยาหนุ่มจึงได้ฤกษ์ทำสมาธิก่อนเริ่มทำงาน ทว่าทำไปไม่กี่นาที โทรศัพท์มือถือก็สั่นขัดจังหวะก่อน เขาอยากทำเป็นไม่รับรู้ แต่เครื่องมือสื่อสารก็สั่นอยู่หลายครั้ง คาดว่าปลายสายคงจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ แน่ จนกว่าเขาจะกดรับ นักตื๊อมืออาชีพแบบนี้มีอยู่คนเดียว เคยคิดว่ายอมแพ้ไปตั้งแต่โดนเขาปฏิเสธในงานเลี้ยง ทว่าอีกฝ่ายพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ยอมแพ้ แค่หลบไปชาร์จแบตเพื่อกลับมาตื๊อใหม่ต่างหาก ซึ่งก็อย่างที่คาดเลย เมื่อตรัยคุณกดรับสาย รชต มือตื๊อเจ้าเก่าเจ้าเดิมก็โพล่งถามขึ้นทันที

“สวัสดีครับ อาจารย์เห็นข่าวเมื่อเช้าหรือยังครับ”

“เห็นแล้ว และฉันรู้ด้วยว่าแกโทร. มาทำไม เรย์” ชายหนุ่มตัดบทก่อนที่รชตจะเริ่มต้นประเด็นสนทนาด้วยซ้ำ นึกสงสัยในใจว่ารชตควรจะเปลี่ยนอาชีพจากนักนิติวิทยาศาสตร์ในทีมพิสูจน์หลักฐานเป็นเซลส์แมนท่าจะรุ่งกว่า เพราะสกิลการตื๊อระดับเหรียญทอง “ถ้าจะให้ฉันกลับไปช่วยทำคดีอีก ฉันยืนยันเหมือนเดิมว่าไม่”

“ต่อให้คดีนั้นจะเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องที่ทางการต้องการตัวมากที่สุดอย่างโนเฟซน่ะหรือครับ”

“ใช่ ฉันไม่สน”

“ต่อให้ไอ้สารเลวนั่นจะฆ่าเหยื่อไปสี่รายแล้ว และมันกำลังล่าเหยื่อในพื้นที่เราแล้วแท้ๆ ก็ไม่สนสักนิดหรือครับ” 

“ถามแบบนี้ แกต้องการคำตอบแบบไหน แกก็รู้นี่ว่าตั้งแต่วันที่ฉันเซ็นใบลาออกจากราชการ ฉันก็ตัดสินใจจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับคดีทุกรูปแบบ ตอนนี้ฉันมีความสุขดีกับงานใหม่ที่ศูนย์บำบัด”

“แน่ใจหรือครับว่ามีความสุข นี่ก็แปดเดือนมาแล้ว จนป่านนี้อาจารย์ยังต้องพยายามปรับตัวกับงานใหม่อยู่เลย ยอมรับเถอะครับว่างานใหม่มันไม่ใช่ตัวอาจารย์ มันขัดกับนิสัยและความถนัดของอาจารย์อย่างสิ้นเชิง ถ้างานมันใช่ มันเหมาะกับเราจริงๆ เราคงไม่ต้องพยายามมากขนาดนี้”

“แกอย่าชักใบให้เรือเสีย จะทำงานที่ไหนก็ต้องใช้ความพยายามเหมือนกันหมด”

“ไม่เหมือนครับ ที่อาจารย์กำลังทำนั่นเรียกว่าฝืน ฝืนทำ ฝืนพยายาม คนเราจะฝืนตัวเองไปได้สักกี่น้ำกันเชียว อย่าปฏิเสธตัวเองให้เหนื่อยเลย อาจารย์น่ะเหมาะกับการสอนหนังสือในโรงเรียนแพทย์และสืบสวนร่วมกับพวกผม ไม่ใช่มานั่งรับปรึกษาปัญหาชีวิตชาวบ้านแบบนี้ ถามใจตัวเองดูเถอะครับว่าอาจารย์มีความสุขจริงๆ หรือที่ต้องมารับฟังเรื่องไก่กาอย่างผัวมีเมียน้อย หมาตาย ติดเซ็กซ์ สอบตก หรือไดเอตไม่ได้ตามเป้า พูดตรงๆ มันโคตรจะไร้สาระเลย ผมเสียดายความสามารถของอาจารย์นะ อาจารย์ควรจะได้ทำงานที่เหมาะกับความสามารถของอาจารย์มากกว่านี้สิครับ”

ดอกเตอร์หนุ่มถอนหายใจอย่างเอือมระอา ก่อนจะตอกกลับแบบนิ่มๆ ทว่าชัดเจน

“ไม่ต้องมาเสียดายแทนฉัน เรย์ เพราะนี่ชีวิตฉัน ฉันเลือกหนทางให้ชีวิตตัวเองได้”

“โธ่ อาจารย์” 

“แล้วก็บอกอะไรไว้อย่าง ปัญหาไก่กาและโคตรจะไร้สาระในสายตาแกนั่นน่ะ มันไม่มีอยู่จริง ทุกคนที่ก้าวเข้ามาในศูนย์แห่งนี้ล้วนแล้วแต่มีปัญหา แล้วปัญหานั้นก็กระทบต่อจิตใจของพวกเขาด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มาบำบัดหรอก พวกเขามีความเครียด ต้องการที่พึ่งและที่ปรึกษา ไม่มีปัญหาใหญ่ ไม่มีปัญหาเล็ก ไม่มีปัญหาไหนมีสาระ หรือไม่มีสาระ ปัญหาก็คือปัญหา สำคัญเท่าเทียม และควรค่าแก่การเยียวยาเหมือนกันหมด และฉันก็ยินดีจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยช่วยเยียวยาปัญหาเหล่านั้นให้พวกเขาอย่างเต็มที่ด้วยสิ เข้าใจไว้ด้วยนะ” 

ระหว่างที่รชตขอโทษขอโพยกับสิ่งที่พูด ตรัยคุณก็ฉวยโอกาสนี้บอกลาและวางสายไป ก่อนวางสายก็ยังไม่วายย้ำอีกครั้งว่ารอบหน้าที่โทรศัพท์มา เขาหวังว่ารชตจะมีประเด็นอื่นนอกจากเรื่องตามตัวให้เขากลับไปร่วมทีมบ้าง  มิเช่นนั้นแล้วเขาคงไม่มีทางเลือก นอกจากบล็อกเบอร์ของรุ่นน้องอย่างเลี่ยงไม่ได้

เขารู้ว่าตนเสียมารยาท แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขาเหนื่อยกับการปฏิเสธเรื่องเดิมๆ เต็มที

จบจากสายกวนใจของรชต ตรัยคุณก็ทำงานตามปกติ ช่วงเช้าเขาให้คำปรึกษาคนไข้ไปสองราย จวบจนกระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าช่วงบ่าย ในขณะที่เขากำลังนั่งรอคนไข้ที่นัดกันไว้อีกรายเพื่อปิดจ๊อบของวันนี้ โทรศัพท์ของเขาก็มีข้อความเข้า เพียงแค่เห็นข้อความเขาก็ยิ้มได้ เพราะมันเป็นข้อความจากพี่สาวของเขา...ตุลยา

‘กำลังลองทำน้ำพริกสูตรเด็ดสูตรใหม่ ไปฝากน้องชายสุดที่รัก’

พร้อมกันนี้ตุลยายังแนบรูปภาพที่ตนสวมชุดผ้ากันเปื้อนกำลังเซลฟี่ยิ้มแฉ่งกับน้ำพริกในครกมาให้ดูด้วย เห็นแล้วก็ชวนคิดถึงบ้านที่ต่างจังหวัด เพราะฝีมือการทำน้ำพริกทุกชนิดของตุลยาอร่อยเหมือนรสมือของมารดาที่เสียชีวิตไปแล้วไม่มีผิด แต่ถึงจะรู้ว่าอร่อยแน่นอน แต่ตรัยคุณก็อดไม่ได้ที่จะพิมพ์แซว

‘ผมกินแล้วจะท้องเสียไหม’

ตุลยาไม่โกรธ แต่พิมพ์ตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดีไม่แพ้กัน

‘ไม่เสีย อย่างร้ายก็แค่ตาย’

‘งั้นผมคงต้องประกันชีวิตไว้แล้วละ’

‘โอเค อย่าลืมให้พี่เป็นผู้รับผลประโยชน์ด้วยนะ’

คนเป็นน้องหัวเราะ ตุลยาเป็นเช่นนี้เสมอ สดใสและมีอารมณ์ขัน บางครั้งเขาก็อยากให้ผู้หญิงน่ารักอย่างพี่สาวมีผู้ชายดีๆ สักคนคอยดูแล เพราะตั้งแต่มารดาเสียชีวิตและเขาได้ทุนไปเรียนเมืองนอกและกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ตุลยาก็ทำสวนอยู่ที่บ้านต่างจังหวัด ใช้ชีวิตสมถะเรียบง่ายเพียงคนเดียวมาตลอด แต่ทุกครั้งที่เขาถามพี่สาวถึงเรื่องแต่งงาน ตุลยาก็มักจะบ่ายเบี่ยงทำนองว่าเธอชอบใช้ชีวิตสวยๆ แบบนี้มากกว่า จนเขาแอบสงสัยว่าบางทีตุลยาอาจจะมีคนในใจแล้ว แต่เขินจนไม่ยอมบอกเขาก็ได้ เพราะเขาเองก็ไม่ได้กลับบ้านที่โน่นนานแล้ว อาจจะตกข่าวอะไรไป อย่างไรก็ตาม ตรัยคุณไม่อยากขัดเจตนารมณ์ของพี่สาวอยู่ดี ดังนั้นเมื่อเพื่อนๆ ของเขาพยายามฝากขายขนมจีบให้ตุลยาทีไร เขาก็จะเป็นแนวหน้ากล้าตาย คอยเทกระจาดขนมจีบเหล่านั้น จนโดนเพื่อนเขม่นจวนเจียนจะเลิกคบไปหลายรายแล้ว 

แต่เขาโอเค...ตราบใดที่พี่สาวมีความสุขในการใช้ชีวิต เขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย เพราะหากไม่นับคนที่ ‘สาบสูญ’ ไปแล้ว ตุลยาก็เป็นครอบครัวคนเดียวที่เขายังเหลืออยู่ อะไรที่เธอทำแล้วรู้สึกดี เขาก็ไม่ขัด 

‘แล้วตกลงพี่ตุลจะมายังไง แน่ใจหรือว่าไม่อยากให้ผมไปรับ’ เขาพิมพ์ถามย้ำอีกรอบ ก่อนหน้านี้ที่คุยกันเขาอาสาจะไปรับพี่สาวถึงที่บ้าน แต่ตุลยาปฏิเสธ เพราะไม่อยากรบกวนให้เขาต้องลางาน จึงจะเดินทางมากรุงเทพฯ เองโดยรถโดยสารสาธารณะ

‘แน่ใจสิ พี่ไม่ใช่เด็กๆ ถึงต้องให้คอยมารับมาส่ง พี่ไปเองได้ หลับตาแค่แป๊บเดียวพี่ก็จะไปโผล่ที่บ้านเราเลย’

‘โผล่พร้อมว่าที่พี่เขยผมด้วยหรือเปล่า ที่ไม่อยากให้ผมไปรับเพราะเหตุนี้ใช่ไหม ผู้ชายมาส่ง?’

‘บ้า ว่าที่พี่เขยที่ไหน ไม่มีใครมาส่งพี่ทั้งนั้น’

‘ถ้ามี ก็บอกกันได้ พี่น้องกันไม่ต้องเขิน’

‘ไม่ได้เขิน แต่มันไม่มีจริงๆ พี่ว่าเรายังมีลุ้นมากกว่าพี่อีกนะ ไหนล่ะว่าที่น้องสะใภ้ของพี่’

‘ว่าที่น้องสะใภ้พี่ก็เซย์กู้ดบายผมไปตั้งแต่ปีก่อนแล้วไง ตอนนี้ผมโสด’

‘ก็ใช่ แอลลี่จากไปแล้ว ถึงคราวที่น้องชายพี่ต้องมูฟออนหาสาวใหม่เสียที’

‘ผมมูฟออนนานแล้วครับพี่ตุล ส่วนสาวใหม่...ถ้าผู้หญิงที่เกิดมาเพื่อผมมีอยู่จริง เดี๋ยวผมก็พบเธอเองครับ ว่าแต่พี่ตุลเถอะ เดินทางไกลคนเดียวไหวแน่หรือ ถ้าเปลี่ยนใจอยากให้ผมไปรับก็บอกได้นะ’

‘เห็นพี่เป็นคนโลเลหรือไง พี่ไม่เปลี่ยนใจอยู่แล้ว พี่ชอบเดินทางคนเดียว มันคล่องตัวและสะดวกกว่า ไปละ ต้องไปเตรียมตัวอีกหลายอย่าง แล้วเจอกันตอนสิ้นเดือน’

เมื่อจบการสนทนาทางข้อความกับพี่สาวแล้ว ตรัยคุณจึงกดปิดช่องแชตของตุลยาและตรวจสอบแชตกลุ่มของเพื่อนสมัยเรียนมัธยมเพราะเห็นมีจำนวนข้อความค้างอยู่เป็นร้อยข้อความ แต่พอกดเข้าไปดูก็นึกเสียใจอยู่ลึกๆ เพราะในห้องสนทนากำลังคุยถึงเรื่องที่เขาไม่อยากรับรู้มากที่สุด นั่นคือเรื่องของฆาตกรต่อเนื่องฉายาโนเฟซ ลำพังแต่ละคนสวมบทนักสืบโซเชียลวิเคราะห์ว่าฆาตกรเป็นใครก็ว่าหนักแล้ว แต่การที่มีเพื่อนคนหนึ่งแชร์รูปศพของเหยื่อรายล่าสุดมาด้วย ถึงแม้จะไม่เห็นหน้าเพราะมีผ้าคลุมปิดไว้ แต่ในส่วนร่างกายนั้นล่อนจ้อน เห็นอย่างนั้นตรัยคุณก็รู้สึกไม่สบายใจ

ความไม่สบายใจแรกก็คือเขานึกถึงคำเชิญชวนให้กลับไปร่วมทีมทำคดีของรชตขึ้นมา และความไม่สบายใจข้อที่สองก็คือการไม่ให้เกียรติผู้เสียชีวิต 

‘รบกวนลบรูปและเลิกแชร์อะไรแบบนี้เถอะครับ ทำไปเพื่ออะไร ช่วยนึกถึงใจและให้เกียรติผู้เสียชีวิตและครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย’

ตรัยคุณพิมพ์ข้อความตำหนิเพื่อนผู้แชร์รูป และก็บังเอิญที่ว่าคนถูกตำหนิเป็นแอดมินกลุ่มเสียด้วย ไม่รู้เพราะเสียหน้าหรือโกรธจัด ครั้นพอถูกทักท้วงเรื่องนี้ ฝ่ายนั้นก็ลบรูปภาพตามที่ร้องขอ แต่ยังไม่วายกดไล่เขาออกจากกลุ่มแชตด้วย

เวรจริงๆ

คนถูกเตะโด่งออกจากกลุ่มแชตถอนหายใจกับพฤติกรรมของเพื่อนผู้ไม่รู้จักโต ก่อนจะเก็บมือถือลงลิ้นชักโต๊ะทำงาน โดยพยายามลบภาพที่เห็นเมื่อครู่ออกจากสมองด้วย 

ถามว่าทำไมต้องลบ ก็เพราะเขากลัวใจว่าภาพความโหดร้ายทารุณที่เกิดขึ้นกับเหยื่อจะทำให้เขาเกิดความสงสารจนยอมรับข้อเสนอของรชตอีก และใช่ หลังจากดูรูปเหยื่อแล้ว เขามีความคิดแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ จนเกือบจะต่อสายกลับไปหารชตอยู่แล้ว ในเมื่อเขาไม่อยากให้ตัวเองติดกับดักวนลูปปัญหาเดิมๆ ของตนเองอีก  เขาจึงต้องหาเรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจ ซึ่งเรื่องอื่นที่ว่าก็หนีไม่พ้นเรื่องงานนั่นเอง

นักจิตวิทยาหนุ่มกดอินเตอร์คอมบนโต๊ะเพื่อสนทนากับดวงพรที่ประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์ เขาอยากให้ดวงพรตรวจสอบว่าคนไข้รอบบ่ายที่นัดกันไว้มาถึงศูนย์หรือยัง ซึ่งดวงพรก็ตอบว่ายังไม่มา แต่ตอนนี้มีแขกรายหนึ่งมารอพบเขาอยู่ด้านนอก

“แขกหรือ ใครครับ”

“เป็นสุภาพสตรีท่านหนึ่งค่ะ ไว้ผมหน้าม้า มีลักยิ้มน่ารักเชียว เธอบอกว่าเธอเป็นคนที่ต่อให้อาจารย์เกลียดเธอยังไง เธอก็ยังรักอาจารย์เหมือนเดิมอยู่ดี เอ่อ...เธอว่ามาอย่างนี้จริงๆ นะคะ ป้าก็ไม่เก็ต” ดวงพรกล่าวเสริมต่อเมื่อเห็นว่าปลายสายเงียบไป “เอายังไงดีคะ อาจารย์รู้จักเธอหรือเปล่า จะให้เธอเข้าไปพบ หรือว่าจะให้ป้าปฏิเสธและส่งแขกดีคะ”

ตรัยคุณทำหน้าเมื่อย ที่เขาเงียบไปไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่เพราะคาดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะโผล่มาที่ทำงานเขาได้ แต่เอาเถอะในเมื่ออุตส่าห์มาถึงที่ และคนไข้ของเขาก็ยังมาไม่ถึง เขาจะให้โอกาสเธอก็ได้ อยากรู้เหมือนกันว่าเธอมีเรื่องอะไรถึงต้องการพบเขา 

“รู้จักครับป้า นั่นอดีตเด็กข้างบ้านผมเอง ให้เธอเข้ามาได้ครับ”

เหมือนฝันชัดๆ ที่ตรัยคุณยอมให้เธอได้พบอีกครั้ง เมื่อคุณป้าที่หน้าเคาน์เตอร์เดินนำเธอไปยังห้องทำงานส่วนตัวของชายหนุ่ม วันเวลาก็ดีใจแทบจะตีปีกพั่บๆ ตามเข้าไป ซึ่งก็เป็นสีหน้าตรงกันข้ามกับตรัยคุณที่นั่งรออยู่ในห้อง เพราะฝ่ายนั้นทำหน้าเฉยเมยเมื่อเห็นเธอโผล่เข้ามา ยังดีที่เขามีมารยาทพอที่จะผายมือให้แขกสาวนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าเขา

เมื่อวันเวลาหย่อนตัวลงนั่งยังไม่หายเมื่อยดี ก็โดนรุกถาม

“เธอหาออฟฟิศพี่เจอได้ยังไง”

“มีคนกระซิบบอกมาค่ะ”

“ใครกระซิบ กุมารทองที่เลี้ยงไว้อีกแล้วหรือไง”

หญิงสาวหัวเราะ ดูท่าเขาจะยังติดใจกับเรื่องกุมารทองไม่หาย

“คราวนี้ไม่ใช่ค่ะ รู้มาจากคนวงใน เห็นแบบนี้วิวก็พอจะมีเส้นสายในสมาคมศิษย์เก่าของพี่อยู่เหมือนกัน”

“งั้นหรือ ทำข้อมูลสมาชิกรั่วไหลไปถึงคนนอกง่ายๆ แบบนี้ ดูท่าพี่คงต้องลาออกจากสมาคมนั่นจริงๆ เสียแล้วสิ” ดอกเตอร์หนุ่มกล่าวอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะหันมองวันเวลาอย่างมีคำถาม “แล้วเธอมีเรื่องอะไรถึงมาหาพี่”

“วิวอยากจะ...”

“อ้อ ลืมบอกไป ช่วงบ่ายนี้พี่นัดคนไข้ไว้ ดังนั้นเธอมีเวลาห้านาทีสำหรับการพูดเรื่องที่ต้องการ เริ่มได้” ไม่เพียงแต่ตั้งกฎ แต่ชายหนุ่มยังเอื้อมมือไปกดนาฬิกาบนโต๊ะเพื่อจับเวลาอีก เห็นอย่างนั้นหญิงสาวก็ฉุนในใจ ทว่าก็ต้องข่มอารมณ์ไว้ เพราะเธอมีภารกิจต้องทำ

“ค่ะ แค่ห้านาทีก็ได้ พอดีว่าพี่คุณไม่ได้ให้เบอร์ติดต่อหรือที่อยู่กับวิวไว้ วิวเลยต้องถือวิสาสะขอมาจากคนอื่น แต่วิวขอยืนยันว่าวิวไม่ได้มีเจตนาร้าย วิวแค่อยากจะมาขอโทษพี่คุณค่ะ”

“ขอโทษ?”

“ใช่ค่ะ เรื่องในงานปาร์ตี วิวแสดงกิริยาเสียมารยาทกับพี่มาก วิวกลับไปคิดๆ ดูแล้ว รู้สึกละอายกับสิ่งที่ทำลงไปเลยอยากมาขอโทษพี่คุณค่ะ”

“เธอทำให้พี่แปลกใจนะ วิว”

“แปลกใจอะไรคะ”

“แปลกใจที่เธอมาพร้อมคำขอโทษ พี่ไม่ได้นึกภาพว่าเธอจะสำนึก พี่นึกว่าเธอจะมาหาพี่เพราะเหตุอื่น”

“เหตุอื่น?”

“ก็หาทางแบล็กเมล์พี่เหมือนที่เธอทำกับคนอื่นไง” ตรัยคุณตอบตามตรง ตรงเสียจนวันเวลาก็ทำหน้าแทบไม่ถูก ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมพลาดที่จะขยี้ปมที่เขารังเกียจเลย “พี่ไม่รู้หรอกนะว่าเธอใช้เล่ห์กลหรือวิธีไหนถึงรู้ความลับของคนอื่นได้ แต่ลำพังพี่ไม่แจ้งจับเธอก็ดีโขแล้ว เธอควรจะรู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่ถูกต้อง ถ้าเลิกได้ก็เลิก ไปทำมาหากินสุจริตซะ หรือถ้าเลิกไม่ได้ อย่างน้อยพี่ก็หวังว่าเธอจะไม่ทำให้พี่ต้องตกเป็นหนึ่งในเหยื่อของเธอ”

ชาติก่อนเป็นพระหรือคะ คุณพี่ สอนเก่ง! 

ก่อนจะออกความเห็นหรือเทศนา ตรัยคุณรู้อะไรเกี่ยวกับชีวิตเธอบ้าง คิดว่าเธอไม่พยายามทำอาชีพสุจริตหรืออย่างไร เธอทำจนร่างจะแหลกอยู่แล้ว แต่บางครั้งชีวิตคนเราก็มีปัจจัยที่เลี่ยงไม่ได้ มันทำให้เธอต้องหาทางเอาชีวิตรอด และในการมีชีวิตรอดนั้น เธอก็พยายามหาวิธีที่ส่งผลกระทบต่อคนอื่นน้อยที่สุดแล้ว อย่างน้อยก็ต่อคนดีๆ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยเอาเปรียบหรือหาผลประโยชน์จากคนดีเลยสักครั้ง

แต่อธิบายไป ตรัยคุณก็คงไม่ฟัง เหมือนที่เขาทำมาตลอดตั้งแต่บังเอิญรู้เรื่องมาจากคนในหมู่บ้านว่าเธอมีรายได้จากการขายความลับคนอื่นนั่นละ ตั้งแต่วันที่เขารู้เรื่องนั้น เขาก็ทำตัวเปลี่ยนไป จากที่เคยยิ้มแย้มพูดคุยกันทุกวัน เขาก็ทำสีหน้าบอกบุญไม่รับและพยายามตีตัวออกหาก เธอรู้ว่าเขาทำอย่างนี้ทำไม เพราะเขาเกลียดอาชีพเสริมของเธอน่ะสิ ดังนั้นเธอจะปล่อยให้เขาคิดต่อไปว่าเธอเป็นคนหน้าสวยใจเสียแบบนี้ละดีแล้ว เขาอยากจะคิดอะไร ก็เอาที่สบายใจ เพราะเขาไม่ได้เป็นเธอ ไม่ได้รู้ความยากลำบากของเธอเลย อยากจะพูดอย่างไรก็พูดได้ 

เธอเจ็บจนชินแล้ว กับการโดนรักแรกตั้งแง่รังเกียจ จะโดนต่อไปอีกหน่อยก็คงไม่เป็นไร

“แล้วตกลงพี่คุณรับคำขอโทษจากวิวไหมคะ” หญิงสาวถามต่อด้วยรอยยิ้ม แม้รอยยิ้มจะเจื่อนลงไปบ้างตามกระแสอารมณ์ดิ่งๆ เมื่อครู่ก็ตาม “วิวสำนึกแล้วจริงๆ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม”

ตรัยคุณไม่ตอบอะไร เขาเอาแต่กอดอกและจ้องมองเธอนิ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่

“ถ้ามัวแต่เงียบ วิวจะทึกทักเอาเองว่าพี่ยกโทษให้วิวแล้วนะ” หญิงสาวเอ่ย พลางชำเลืองมองที่นาฬิกาจับเวลา ตอนนี้เธอเหลือเวลาเพียงหนึ่งนาที “ช่วยพูดอะไรสักอย่างทีเถอะ อย่างน้อยก่อนที่วิวจะโดนไล่ออกจากห้อง วิวก็ควรจะได้ฟังอะไรจากพี่บ้าง”

“ก็ได้ สิ่งที่พี่จะพูดก็คือ พี่ลืมเรื่องในงานปาร์ตีไปหมดแล้ว”

นั่นเป็นคำตอบที่วันเวลาไม่ได้คาดหมายมาก่อน มันทำให้เธออึ้งและเมื่อตั้งสติได้เธอก็ถามต่อให้แน่ใจ

“หมายความว่าพี่รับคำขอโทษจากวิวแล้วใช่ไหมคะ”

ชายหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะกล่าวต่อ

“ไม่ใช่แค่วิว แต่พี่ก็ต้องขอโทษเธอเหมือนกัน เรื่องที่เกิดขึ้นในงานปาร์ตีพี่ก็มีส่วนผิดด้วย พี่พูดจาไม่ระวังเอง”

“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว ว่าแต่ถ้ารับคำขอโทษกันแล้วแบบนี้ งั้นต่อไปเราคงเริ่มต้นกันใหม่ได้ใช่ไหม” วันเวลาถามอย่างมีหวัง อย่างไรเสียถ้าตรัยคุณเป็นปัจจัยในการได้ความสามารถพิเศษคืนมา เธอก็อยากจะญาติดีกับเขา

“ต้องถามก่อนว่าเริ่มต้นใหม่ที่ว่าหมายถึงอะไร ถ้าเริ่มต้นใหม่ที่ว่าหมายถึงการกลับไปมีความสัมพันธ์แบบสนิทสนมตามประสาอดีตเพื่อนบ้าน พี่ต้องขอคิดดูก่อน”

“อ้าว ทำไมล่ะคะ”

“เพราะการเริ่มต้นใหม่มันไม่เหมือนกับการรับคำขอโทษ วันนี้พี่รับแค่คำขอโทษกับเรื่องบาดหมางที่เกิดขึ้นในงานปาร์ตี แต่ถ้าจะให้มาเริ่มใหม่ แค่เดินมาขอเฉยๆ คงให้ไม่ได้ การเริ่มต้นใหม่มันสำคัญ ดังนั้นเธอต้องแสดงให้พี่เห็นว่าเธอพร้อมจะเริ่มต้นใหม่แล้วจริงๆ”

“แล้ววิวต้องทำยังไง”

“ไม่ยากเลย แค่เลิกแบล็กเมล์คนอื่น เลิกทำอาชีพไม่สุจริตนั่นแบบถาวร แสดงให้พี่เห็นว่าเธอพร้อมจะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น แล้วพี่จะยอมรับเรื่องการเริ่มต้นใหม่ของเรา”

วันเวลาอ้าปากค้างเมื่อได้ฟังข้อเสนอ ความลำบากใจพุ่งตีรวนในอก ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากเลิกอาชีพนี้ ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดจะเลิกแล้วจริงๆ ตั้งใจว่าจะนำเงินเก็บไปลงทุนทำธุรกิจใหม่แล้วกลับตัวกลับใจเสีย แต่ก็ดันถูกเจนจบเชิดเงินทั้ง

หมดหนีไปเสียก่อน แผนการของเธอพังจนหมดสิ้น และตอนนี้เธอต้องมาเริ่มนับหนึ่งใหม่

“ว่าไง ทำให้พี่ได้ไหม”

คนถูกถามขบริมฝีปากอย่างกระอักกระอ่วน นึกถึงภาระทางบ้าน ทั้งค่าใช้จ่ายในการดูแลมารดาที่ป่วย และเงินทุนหมุนเวียนในการขายของออนไลน์ที่ลูกผีลูกคนเหลือเกินแล้ว เธอคงไม่สามารถตอบเป็นอื่นได้

“ขอโทษค่ะ วิวยังเลิกทำตอนนี้ไม่ได้”

ตรัยคุณถอนหายใจอย่างผิดหวัง ใช้มือข้างหนึ่งเสยเส้นผมออกจากดวงตา เป็นท่าทีที่เขาชอบทำเสมอเวลามีอะไรไม่ได้ดั่งใจหรือรู้สึกหงุดหงิด

“น่าเสียดาย ถ้างั้นวันนี้พี่คงรับได้แค่คำขอโทษ แต่เรายังกลับไปเริ่มต้นใหม่กันไม่ได้หรอก” ตรัยคุณว่า ก่อนที่นาฬิกาจับเวลาจะส่งเสียงเตือนขึ้นมาพอดี “หมดเวลาแล้ว วิว” เขาผายมือไปยังประตู “พี่ไม่ได้ไปส่งนะ”

หญิงสาวพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร แต่แทนที่เธอจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปดีๆ เธอกลับหมุนตัวกลับมาทางเจ้าของห้องอีกครั้ง 

“ก่อนจะไป วิวขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ มาจับมือกันหน่อย”

“จับมือหรือ”

“ค่ะ ไหนๆ พี่คุณก็รับคำขอโทษจากวิวแล้ว มาจับมือแสดงการสงบศึกกัน ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่แทนการเริ่มต้นใหม่หรอกค่ะ อันนั้นวิวรู้ว่าพี่ยังให้วิวไม่ได้” หญิงสาวเสริมต่อเมื่อเห็นสีหน้ามีคำถามของอีกฝ่าย “ก็แค่สัญลักษณ์ว่าเราจะลืมเรื่องไม่ดีในงานปาร์ตีวันนั้นไป พอจะทำให้วิวได้ไหม”

หัวใจของหญิงสาวก็เต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง และเธอก็คิดว่าหัวใจของเธอคงจะกระดอนออกมานอกอกแน่ๆ เมื่อตรัยคุณพยักหน้าและยื่นมือมา วันเวลาเป็นฝ่ายคว้ามือของเขามาจับไว้แน่น

ฝ่ามือของเขาไม่ได้นุ่มนิ่ม แต่มีความแข็งแรง ทั้งสากและหยาบกร้าน เรียกว่าน้องๆ กระดาษทราย จับแล้วไม่ได้รู้สึกชวนฝันเลย ทว่าไม่รู้ทำไม เธอกลับชอบที่จะได้สัมผัสมือของเขามาก อาจเพราะในตอนที่เธอบีบมือเขากลับเพื่อเป็นการตอบรับนั้น ภาพและเสียงในอดีตที่ผุดวาบในความคิด เป็นภาพของตัวเขาและเธอในอดีตสมัยอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด

ภาพในวันวานเมื่อครั้งที่พี่คุณยังเป็นคนดีคนเดิม เป็นพี่ชายข้างบ้านที่คอยช่วยเหลือและแบ่งปันสิ่งต่างๆ ให้กัน เธอมัวแต่นึกถึงวันเก่าๆ อันแสนหวานนี้ จนทำให้เกือบจะลืมไปแล้วว่าเธอหาโอกาสจับมือเขาเพื่อพิสูจน์ว่าสมมุติฐานที่ตั้งไว้เป็นจริงหรือไม่

“ขอบคุณนะคะ พี่คุณ แล้วพบกันใหม่” หญิงสาวบอกลา เธอค้อมศีรษะเล็กน้อย แล้วผลุบหายไปจากห้อง 

อีกนิดเดียว...เธอจะได้รู้แล้วว่าตรัยคุณเป็นปัจจัยที่เธอตามหาหรือไม่

วันเวลารู้สึกตื่นเต้น เมื่อออกมาจากห้องของตรัยคุณแล้ว เธอก็ไม่รอช้า รีบปรี่ไปพิสูจน์สมมุติฐานทันที โดยใช้คุณป้าที่เฝ้าเคาน์เตอร์เป็นเครื่องมือทดลองว่าได้ผลหรือไม่

“คุยธุระเสร็จแล้วหรือคะ” ดวงพรชะโงกหน้ามาถามจากเคาน์เตอร์ เมื่อเห็นวันเวลาเดินออกมา

“ค่ะ เสร็จแล้ว ขอบคุณป้าที่เป็นธุระให้หนู ถ้าไม่ได้ป้าช่วย ป่านนี้หนูคงไม่ได้คุยกับพี่คุณ” ไม่เพียงแต่พูดเปล่า แต่หญิงสาวยังรวบมือของคนสูงวัยมาแนบหน้าอย่างซาบซึ้งใจไปด้วย เห็นท่าทีอย่างนี้ดวงพรก็งงเป็นไก่ตาแตก เฝ้าแต่ออกตัวว่าหล่อนไม่ได้ช่วยอะไรเลย ที่ทำไปก็เป็นหน้าที่อยู่แล้ว จะมีก็แต่เพียงตัววันเวลาที่รู้ว่าเหตุใดตนต้องทำถึงขนาดนี้ เพราะการทดสอบสมมุติฐานนั่นไงล่ะ

ขออนุญาตละลาบละล้วงนะคะป้าขา ไมได้อยากทำอย่างนี้เลย แต่มันจำเป็น!

หญิงสาวเฝ้าขอโทษขอโพยในใจ ยามที่สัมผัสมือของดวงพร เธอก็เห็นภาพอดีตของหล่อนแล่นวาบในความคิด ทั้งภาพและเสียงชัดเจนและยาวนาน แม้จะไม่ได้เยอะและนานเหมือนที่เธอเคยทำได้ แต่ก็เยอะและนานกว่าตอนที่เธอสัมผัสตัวของพยาบาลคู่ปรับของกังสดาล

ทั้งหมดนี้แปลว่า มันได้ผล...ความสามารถของเธอจะกลับมาใช้ได้ดีเมื่อได้สัมผัสตัวตรัยคุณงั้นหรือ สมมุติฐานเรื่องปัจจัยนั่นเป็นจริงสินะ!

 “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ดวงพรถาม เมื่อจู่ๆ วันเวลาก็เหม่อลอยไป จมอยู่ในภวังค์ความคิดอะไรสักอย่าง

“เปล่าค่ะ หนูไม่เป็นไร สบายดีม้ากมาก!” เธอเน้นเสียงหนักแน่น ทั้งตื่นเต้นและดีใจจนเก็บอาการแทบไม่อยู่ “สวนดอกไม้ที่บ้านป้าสวยมากๆ โดยเฉพาะดอกกุหลาบกับมะลิคือเดอะเบสต์เลย ป้าดูแลเองทั้งหมดหรือคะ”

ดวงพรเลิกคิ้ว แม้จะรู้สึกประหลาดใจว่าเหตุใดหญิงสาวคนนี้จึงรู้เรื่องสวนดอกไม้ที่บ้านหล่อนด้วย แต่ก็ยังอุตส่าห์ตอบคำถาม 

“ค่ะ โดยส่วนใหญ่ดูแลเอง แต่ก็มีจ้างเด็กมาช่วยบ้างเป็นบางครั้งเวลาป้าไม่อยู่ ป้าชอบปลูกต้นไม้เป็นงานอดิเรก โดยเฉพาะพวกดอกไม้นี่ชอบมากเป็นพิเศษ เลยปลูกเอาไว้เยอะเลย”

“เก่งจังค่ะ ขนาดมีลูกตั้งสาม หลานเล็กๆ อีกเจ็ดที่ต้องเลี้ยงดู ยังแบ่งเวลามาดูแลต้นไม้ดอกไม้ได้ หนูนับถือป้าจริงๆ พยายามต่อไปนะคะ หลานแต่ละคนซนใช่ย่อย โดยเฉพาะคนเล็กที่ชื่อน้องไตตั้น แสบมากเว่อร์ หัวจะปวดแทนป้า  อย่าท้อถอยนะ หนูเป็นกำลังใจให้” หญิงสาวเอ่ยให้กำลังใจพร้อมยกมือขึ้นสองข้างเป็นเชิงบอกให้ดวงพรสู้ๆ

“ขอบคุณนะคะ”

“เรียกหนูว่าวิวเถอะค่ะ ต่อไปนี้หนูคงต้องมาที่นี่บ่อยๆ และคงมีเรื่องที่ต้องรบกวนให้ป้าช่วยอีกเยอะ ดังนั้นเป็นกันเอง สบายๆ ดีกว่าค่ะ”

ยังไม่ทันที่ดวงพรจะได้ถามว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องเกี่ยวกับเธอได้อย่างไร หรือว่ารู้มาจากตรัยคุณ วันเวลาก็เข้าประเด็นที่อยากให้ช่วยทันที

“ป้าคะ หนูอยากขอความเห็น ถ้าหนูอยากจะพบพี่คุณอีก หนูต้องทำยังไง”

“หืม? ยังไงกันคะ”

“คือต่อให้หนูมาที่นี่บ่อย แต่ถ้าพี่คุณเขาไม่ยอมพบหนูอีกก็เปล่าประโยชน์   มีวิธีไหนไหมที่จะทำให้หนูได้เจอพี่เขาบ่อยๆ เท่าที่จะเป็นไปได้”

“ป้าก็ไม่ทราบนะคะว่าพวกคุณมีปัญหาอะไรกัน แต่ถ้าคุณวิวอยากจะพบอาจารย์บ่อยๆ มันก็มีวิธีอยู่”

“วิธีอะไรหรือคะ”

“เป็นคนไข้ค่ะ” ดวงพรพรชี้ทางสว่าง “ในฐานะ ‘พี่คุณ’ เขาอาจจะปฏิเสธที่จะพบใครก็ได้เพราะนั่นเป็นสิทธิ์ของเขา แต่ถ้าในฐานะ ‘อาจารย์คุณ’ นักจิตวิทยาของศูนย์บำบัดแห่งนี้ละก็ เขาปฏิเสธไม่ได้ค่ะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่กับคนไข้”

วันเวลาอยากจะหอมแก้มป้าดวงพรสักหน ตอนนี้เธอพบข้ออ้าง เอ๊ย วิธีแก้ปัญหาให้ตรัยคุณยอมพบเธอบ่อยๆ แล้วสิ

“ถ้างั้นหนูขอลงทะเบียนเป็นคนไข้ตอนนี้เลยค่ะ”

“ลงได้ต่อเมื่อคุณวิวมีปัญหาที่ต้องการบำบัดและปรึกษาจริงๆ นะคะ” ดวงพรย้ำข้อสำคัญ ซึ่งวันเวลาก็พยักหน้ายืนยันว่าเธอมีปัญหาจริงๆ

“จริงสิคะ ชีวิตหนูมีปัญหาร้อยแปดพันเก้า ทั้งโดนแฟนหลอกเท ขายของก็จะเจ๊งไม่เจ๊งแหล่ แถมต้องดูแลแม่ที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์อีก มีความเครียดสะสมสุดๆ ปล่อยไว้คงเป็นปัญหาเรื้อรังแน่ หนูเลยอยากจะขอรับการบำบัดจากนักจิตวิทยามืออาชีพ ขอระบุชื่อนักจิตวิทยาที่ไว้ใจเลยได้ไหมคะ” หญิงสาวยิ้มอย่างมีแผน 

“หนูขอบำบัดกับอาจารย์ตรัยคุณ คนนี้คนเดียวเท่านั้น ไม่ทราบว่าลงคิวนัดเร็วที่สุดได้ตอนไหนคะ”


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น