9

บทที่ 9


 9

 

            ไฟทุกดวงในผับบาบิโลนถูกสั่งเปิดสว่างโร่ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาผับปิด เสียงโวยวายไม่พอใจของลูกค้าดังขึ้น ก่อนจะสงบอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนจังก้าล้อมวงสกัดไว้ เจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งกระจายตัวควบคุมปิดทางเข้าออก ส่วนภายในก็มีเสียงประกาศผ่านเครื่องเสียงบนเวที สั่งให้นักเที่ยวทุกคนอยู่ในความสงบ แยกกลุ่มชายหญิงออกไปยืนคนละฝั่ง

            ชินดนัยรีบสั่งให้มิลินพาพิราอรไปส่งที่คอนโด เพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากมีการตรวจค้น เธอควรเรียนรู้ทุกสถานการณ์ก็จริง แต่กรณีนี้มันหนักหนาเกินไป และเธอยังใหม่เกินกว่าจะใช้เล่ห์เหลี่ยมต่อรองกับใครได้ งานนี้คงไม่จบง่ายๆ หรอก ข้อหาอนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่ายี่สิบปีเข้ามาต้องโดนแน่ ยังไม่นับรวมเรื่องอื่นที่อาจจะร้ายแรงกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด

            เขาไม่อยากให้คุณหนูลูกพีชแสนดีของน้านันท์ต้องขึ้นโรงพักกลางดึก ถูกซักมากๆ เข้าจะพานท่องคาถาชนะมารใส่ร้อยเวรเอาได้ คาถาบทนี้เก็บไว้ท่องปราบเขาคนเดียวก็พอ การไม่มีเธออยู่จะทำให้เขาตัดสินใจง่ายขึ้น

            มิลินพยักหน้ารับคำสั่ง รีบอาศัยช่วงชุลมุนพาพิราอรหลบออกทางหลังผับได้ทันเวลา ก่อนที่ตำรวจจะไปปิดทางออกทางนั้น โดยมีสิทธาคอยช่วยเหลือ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผู้จัดการผับก็เดินกลับมายืนเยื้องอยู่ด้านหลังของชินดนัยที่กำลังเจรจากับตำรวจอย่างใจเย็น

            ชินดนัยควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ไม่โวยวายเกรี้ยวกราดฟาดงวงฟาดงาใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเคยผ่านเหตุการณ์อย่างนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อสิทธาเข้ามากระซิบว่ามิลินกำลังไปส่งพิราอรแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรให้กังวล เหลือแค่จัดการปัญหาเฉพาะหน้านี่ให้มันผ่านไปก็พอ

            เจ้าหน้าที่ประกาศแจ้งขอให้ทุกคนเตรียมบัตรประชาชนและตรวจหาสารเสพติด ชินดนัยกับพรรคพวกถอยออกมายืนอยู่รอบนอกอำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าหน้าที่ มองดูเหล่านักเที่ยวถูกเจ้าหน้าที่จับแบ่งเป็นกลุ่มย่อย เพราะกฎที่เข้มงวดและการตรวจค้นค่อนข้างละเอียด ชายหนุ่มจึงไม่ห่วง แต่ก็ใช่ว่าจะวางใจได้ บ่อยไปที่มีการตรวจพบเด็ก หนักหน่อยก็ตรวจพบอาวุธ หรือมีการเสพยา

            ดวงตาคมกริบของชินดนัยเหลือบมองทางกลุ่มสาวน้อยเพื่อนเที่ยวของชยิน จะมีปัญหาก็เพราะคนพวกนี้นี่ละ แอบอ้างถืออภิสิทธิ์สร้างความเดือดร้อน คอยดูเถอะถ้ามันทำอะไรที่ผิดกฎของผับนี้ละก็ เขาจะยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเลยทีเดียว ดูซิว่าไอ้หมอนั่นมันจะยังทำกร่างอยู่ไหม

            เวลาล่วงเข้าเช้าวันใหม่แต่ผับบาบิโลนวันนี้ยังคงมีแสงไฟส่องสว่างอยู่ ลูกค้าเกือบทั้งหมดถูกปล่อยตัวกลับบ้าน เพราะหลังจากตรวจบัตรประชาชนและตรวจหาสารเสพติดเสร็จสิ้นแล้วคนที่ไม่มีปัญหาก็กลับได้ ส่วนคนที่ตรวจเจอสารเสพติดก็เข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย จะเหลือแค่เพียงกลุ่มสาวน้อยเจ้าปัญหาห้าคนที่นั่งก้มหน้านิ่ง

            หัวหน้าชุดตรวจแจ้งกับชินดนัย “อายุต่ำกว่ายี่สิบปีนะครับ กลุ่มนี้ แถมยังดื่มเหล้าเมามาย แต่ผลตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติดครับ”

            ชยินที่ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ ทว่ายังคงยืนรั้งรออยู่ได้ยินเข้าก็เดินปรี่ตรงไปหาหน้าหัวหน้าชุดตรวจ พูดจาวางท่าใหญ่โต หวังแสดงอำนาจข่มให้อีกฝ่ายเกรง

            “น้องๆ เขามากับผม ไม่มีปัญหาหรอกหมวด ปล่อยกลับบ้านไปเถอะ แล้วเราค่อยคุยกันนอกรอบ”

            ชินดนัยหน้าเครียด เพราะคำต่อรองเข้าข่ายดูหมิ่นเจ้าพนักงานที่ไอ้ลูกไม่รู้จักพ่อพ่นมันออกมาโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองของสมองเลย มันน่าจะย้ายก้นออกไปจากบาบิโลนเสียตั้งแต่ตรวจสารเสพติดเสร็จแล้ว แต่มันกลับขออยู่ต่อแถมกางปีกปกป้องเด็กสาวกลุ่มนั้นอีก โง่ในโง่ก็ไอ้ชยินนี่ละ

            ชายหนุ่มปรายตาไปทางสิทธา ฝ่ายนั้นส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามให้สงวนท่าทีเอาไว้ก่อน เขาจึงได้แต่ยืนรอฟังว่าผู้หมวดรูปหล่อคนนั้นจะว่าอย่างไร แต่ฝ่ายนั้นกลับไม่สนใจชยินและหันกลับมาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงปกติ

            “กรณีนี้ทางบาบิโลนมีความผิดนะครับ”

            “นี่หมวดไม่ได้ฟังที่ผมพูดเหรอ ไม่เข้าใจตรงไหนครับ อยากไปคุยกับพ่อผมไหม คุณรู้ไหมว่าผมลูกใคร”

            ผู้หมวดหนุ่มมองหน้าคนพูดนิ่งๆ แล้วย้อนถามหน้าตาย “ถ้าตัวคุณยังไม่รู้ ผมเองก็จนใจครับ”

            คำพูดแสนสุภาพนั้นทำให้ทุกคนที่ได้ยินต้องรีบเบือนหน้าซ่อนรอยยิ้มสะใจไปทางอื่น ส่วนใหญ่ต่างพากันระอาใจกับคำพูดสิ้นคิดนั้น

            “ผมขอเชิญทั้งหมดไปที่ สน. ด้วยนะครับ” ร้อยตำรวจตรีสุระ หัวหน้าชุดตรวจค้นพยักหน้าให้ลูกน้องพาเด็กสาวทั้งห้าคนขึ้นรถ

            ชินดนัยกับพวกเดินตาม ส่วนชยินที่เหมือนโดนลูบเหลี่ยมส่งเสียงโวยวายขอตามไปสถานีตำรวจด้วย ผู้หมวดหนุ่มจึงเหยียดยิ้ม เลิกคิ้วมองอย่างท้าทาย

            “ระวังโดนข้อหาเมาแล้วขับด้วยนะครับ”

 

            กว่าการสอบปากคำลงบันทึกประจำวันจะเสร็จสิ้นก็แทบสว่างคาตา ชินดนัยเดินปิดปากหาวลงมาจากสถานีตำรวจพร้อมกับสิทธา ในขณะที่ชยินนั้นถูกคนของพ่อตามมาเอาตัวกลับไปแล้ว แถมยังช่วยไกล่เกลี่ยให้ด้วย เนื่องจากฝ่ายนั้นผิดเต็มประตูทั้งฝ่ากฎผับและฝืนกฎหมาย

            เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะชยินกับแก๊งสาวๆๆ ทั้งห้าคน ถ้าไอ้ลูกไม่รู้จักพ่อมันไม่เอาบัตรของตัวเองให้เด็กพวกนั้นใช้ผ่านทางวีไอพีเข้าไป ปัญหาก็คงไม่เกิด คิดแล้วยังโมโหไม่หาย โชคยังดีบาบิโลนไม่เคยมีคดีมาก่อน แม้ครั้งนี้จะผิดที่อนุญาตให้เยาวชนอายุต่ำกว่ายี่สิบปีเข้าไป ส่วนเรื่องยาเสพติดนั้นก็ถือว่ายังโชคดี แม้จะเจอปัสสาวะสีม่วง แต่กลับไม่พบยาเสพติดใด

            เจ้าหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือนกับผู้ที่รับผิดชอบผับซึ่งก็คือชินดนัย นี่ถ้าหากเจอยาเสพติดคงยุ่งยากกว่านี้ ยังดีทางผับได้ตรวจเข้มเตรียมพร้อมรับการสุ่มตรวจไว้แล้ว

            “ต่อไปประตูวีไอพีของผับเราคงต้องเปลี่ยนมาใช้ระบบสแกนม่านตาแล้วมั้งสิทธา จะได้หมดปัญหาบารมีพ่อบารมีแม่เสียที”

            “ผมว่าช่วยได้แค่ระยะสั้นๆ ครับ”

            “ไหนลองเสนอวิธีแก้ไขระยะยาวมาซิ”

            “ก็แค่ไม่ให้คนที่ไม่รู้ว่าพ่อตัวเองเป็นใครเข้าผับ” สิทธาตอบหน้าตาย

            ชายหนุ่มหัวเราะกับคำตอบของผู้จัดการมาดนิ่ง อันที่จริงสิทธาเป็นคนเข้มงวดและไม่เคยกล่าวล่วงเกินลูกค้าเลย ชยินนี่มันเลวหาที่เปรียบจริงๆ

            “จะสว่างแล้วนายกลับไปนอนพักเถอะ เหนื่อยเลยนะคืนนี้”

            “คุณชินเหนื่อยกว่าผมเสียอีก ท่าทางผู้หมวดคนนั้นไม่ธรรมดาเลยนะครับ ดูหน้าใจดี แต่จริงจังตรงเผง ไม่ไว้หน้า นี่ถ้านายชยินทำผิดสักนิด คงได้วัดกับท่านชยุตแน่”

            “รุ่นใหม่ไฟแรงก็งี้แหละ ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องไปคิดมากหรอก ทางใครทางมัน อาชีพอย่างเรามันเลี่ยงเขายาก ก็แค่ทำตัวเราให้สะอาดเท่านั้น”

            “ดีนะครับที่พาคุณพีชกลับเสียก่อน”

            “นั่นสิ ทางมิลินเป็นไงบ้างได้โทร. เช็กไหม”

            “รายนั้นส่งคุณพีชเสร็จก็ขับรถกลับถึงห้องเรียบร้อยแล้วครับ โทร. มาบอกตอนที่คุณชินนั่งคุยกับตำรวจ”

            “อืม...ดีแล้วละ หมดห่วงไป ถ้าขืนยังอยู่ผมคงโดนข้อหาพยายามฆ่าไอ้บ้านั่นแน่ หมั่นไส้มานานแล้ว ชอบมาตอแยกับพีช”

            สิทธายืนอึ้งกับคำตอบ คนพูดเสร็จก็เดินกลับรถขับออกไป จากท่าทางและน้ำเสียงดูเหมือนปัญหาเรื่องผับจะไม่สร้างความหงุดหงิดให้ชินดนัยได้มากเท่าเรื่องชยินให้ความสนใจและพยายามจีบพิราอร

            ผู้จัดการหนุ่มไม่อาจคาดเดาความรู้สึกของใครได้ แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าชินดนัยจริงจังกับพิราอรมากกว่าผู้หญิงคนอื่น เรื่องนี้คงต้องรายงานคุณนันท์ ส่วนเจ้านายจะจัดการหลานชายกับลูกเลี้ยงอย่างไรก็สุดแท้

 

            แยกจากสิทธาที่โรงพัก ชินดนัยก็ใช้เวลาขับรถไม่นานจนมาถึงคอนโด ชายหนุ่มเดินสะโหลสะเหลกลับถึงห้อง การเปิดประตูเพื่อจะพบว่ามีสาวสวยน่าปรารถนาคนหนึ่งกำลังใจจดใจจ่อรอคอยเขากลับห้องเป็นสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในความคิดเลยแม้แต่น้อย ทว่าตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว

            ชินดนัยถึงกับสะบัดหัว ยกมือขึ้นขยี้ตา พิราอรตัวเป็นๆ เนื้อหอมๆ นั่งรออยู่ในห้องเขาในเวลาที่ไม่ควรจะอยู่ เธอไม่รู้เลยสินะว่าการเปิดประตูมาเจอหน้ากัน ในอกของเขามันตื้นตันไปหมด

            ดวงตาคมกริบมองตรงไปยังใบหน้าเนียนสวย ชายหนุ่มเห็นคิ้วเรียวขมวด สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล พิราอรยืนขึ้นทันทีที่เห็นเขา เธอยังอยู่ในชุดเดิมที่ทำให้หัวใจเขากระตุกวูบ ชุดเดรสสั้นผ้าหนังเทียม ผิวขาวนวลเนียนน่าสัมผัส มีเชือกเส้นเล็กๆ ซ่อนปมเอาไว้หลังลำคอระหง คอเสื้อคว้านลึกอวดเนินอกอวบอิ่ม มองครั้งใดก็อยากเอื้อมมือไปกระชากให้ชุดนั้นมันขาดติดมือออกมา

            ความอ่อนเพลียเหนื่อยล้ากำลังถูกแทนที่ด้วยอารมณ์บางอย่าง เล่นมารอถึงในห้องอย่างนี้ ต่อให้นุ่งขาวห่มขาวเขาก็ยังหวั่นไหว พิราอรดูจะมีอิทธิพลมากเกินไปแล้ว

            “ทำไมยังไม่นอน” มายืนยั่วอย่างนี้ ถ้าอดใจไม่ไหวขึ้นมาก็ต้องโทษเธอนั่นละ

            “ฉันเป็นห่วงค่ะ เป็นไงบ้างคะ”

            “เรียบร้อยแล้ว ทางเราถูกเตือนให้เข้มงวดมากขึ้น อย่าให้ตรวจพบอีก ไม่งั้นจะโดนสั่งปิดผับและยึดใบอนุญาต คุณกลับไปห้องเถอะ ผมจะนอนแล้ว” ชินดนัยออกปากไล่ตรงๆ พลางถอดเสื้อนอกโยนส่งๆ ไปบนโต๊ะตรงหน้าเธอ แต่คนถูกไล่ยังอึกอักไม่ยอมขยับไปไหน

            ถ้าเป็นเวลาอื่นพิราอรคงสะบัดหน้ากลับห้องไม่สนใจ เล่นโผล่มาก็ไล่กันอย่างนี้ แต่เพราะรู้ว่าเขาต้องเจอกับอะไรมาบ้างจึงอยากช่วยเหลือแบ่งเบา ไม่อยากเอาเปรียบเขา ในเมื่อบาบิโลนก็เป็นของเธอ อย่างน้อยๆ ให้ได้ช่วยบ้างก็ยังดี เขากลับมาป่านนี้ก็คงจะเหนื่อยมาก ดวงตาดูโรยเพราะอดนอน

            หญิงสาวอยากช่วยโดยไม่รู้เลยว่าความมีน้ำใจกำลังจะนำภัยมาสู่ตนเอง

            “คุณหิวไหมคะ ฉันจะอุ่นอะไรร้อนๆ ให้กิน เสร็จแล้วจะได้อาบน้ำ นอนพัก” หญิงสาวถามขณะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อเห็นว่าเขาดึงชายเสื้อตัวในออกมาปลดกระดุมจนหมด สาบเสื้อแยกจากกัน เผยมัดกล้ามตึงแน่นตรงแผงอกและหน้าท้องเป็นลอน

            “เมื่อกี้ไม่หิว แต่ตอนนี้หิวแล้ว”

            “งั้นรอเดี๋ยวนะคะ ฉันจะอุ่นโจ๊กร้อนๆ ให้”

            “พีช...”

            ชินดนัยก้าวเข้าประชิดดึงร่างเธอมาแนบอก ก้มลงสบตากันในระยะใกล้ เปลวไฟปรารถนากำลังคุกรุ่นในตาคม ต้นขาเขาขยับเบียดชิด

            พิราอรยืนตัวแข็งทื่อ ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกเมื่อเขากระซิบเสียงพร่าข้างหู

            “ผมไม่อยากกินโจ๊ก และชุดของคุณก็เซ็กซี่เกินกว่าจะทำครัว” นิ้วของเขาป้วนเปี้ยนตรงปมเชือกที่ผูกยึดชุดสวยเอาไว้

            “คุณจะทำอะไรคะ”

            “ผมจะกินคุณ”

            พิราอรไม่มีโอกาสส่งเสียงห้าม เพราะขาดคำเขาก็ปิดปากเธอด้วยปากเขาทันที หญิงสาวสะท้านเยือกไปทั้งร่าง ครั้งนี้ชินดนัยจูบเหมือนกับคนใกล้ตายกระหายน้ำ ผ่านมาเจอแอ่งน้ำเย็นชื่นฉ่ำใจจึงตักตวงเอาไว้อย่างบ้าคลั่ง ลิ้นร้อนกวาดกระหวัดเกี่ยวรัดเร่งเร้า มือของเขาแก้ปมคลายเชือก ชุดสวยที่ยึดไว้เริ่มเลื่อนลงมาตามแรงดึง แต่หญิงสาวยังมือไวยึดมันเอาไว้ไม่ให้เลื่อนหลุด

            ชินดนัยไม่สนใจ เขาเปลี่ยนไปลูบไล้แผ่นหลัง เลื่อนลงต่ำตามแนวโค้งของช่วงเอวจนถึงสะโพกผาย กดให้มันแนบชิดบดอัดกับต้นขาแกร่ง บอกให้เธอรับรู้ ร่างกายทุกส่วนของเขาถูกความเย้ายวนไม่ประสากระตุ้นจนลุกฮือด้วยแรงปรารถนา

            “อย่าค่ะ”

            “คุณทำให้ผมทนไม่ไหวเองนะพีช ถ้าคุณคิดจะห้าม คุณก็ไม่ควรเข้ามาในห้องผมตั้งแต่แรก” เขากระซิบร้อนรน เสียงแหบพร่า ลมหายใจร้อนปะทะผิวหน้าแดงก่ำ ปากเขาแนบจูบลงมาอีก คราวนี้เรียกร้องเว้าวอนจนคนถูกจูบสั่นไปทั้งตัว

            ไม่ไหว ใกล้จะขาดใจแล้ว...หญิงสาวคิดอย่างทดท้อ หมดเรี่ยวแรงขัดขืน หลับตายอมจำนน และตอบสนองอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ มือที่เคยยึดชุดสวยไต่ขึ้นไปโอบรอบคอเขา โน้มใบหน้าคมสันลงมาเบียดชิดยิ่งกว่าเดิม

            ราวกับชินดนัยมีกำหนดเวลาของเขา ก่อนเธอจะขาดใจไปต่อหน้า ชายหนุ่มถอนจูบอ้อยอิ่ง เปลี่ยนมาซุกไซ้ซอกคอระหงแทน ทุกการสัมผัสลูบไล้สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้แก่หญิงสาว มันทั้งจั๊กจี้และซ่านสยิว

            ทว่าสิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่แบบนี้!

            ความคิดอันเด็ดเดี่ยวถูกสั่นคลอนจนพังทลาย เมื่อชายหนุ่มแกล้งขบเม้มเนื้ออ่อนบริเวณเนินอก พิราอรส่งเสียงครางออกมาอย่างวาบหวาม แต่แล้วร่างของเธอก็ถูกผลักออก

            “ออกไป”

            คนผลักหมุนกายหันหลังให้ ขณะที่เธอรีบลนลานดึงเชือกที่ยึดชุดสวยขึ้นมาผูกมือไม้สั่น

            “รีบกลับห้องคุณไปซะ ถ้าไม่อยากถูกผมจับกดลงบนพื้นตอนนี้” ชินดนัยสั่งเสียงเฉียบขาด หักห้ามใจไม่ให้หันกลับมามองเธอ ถ้าขืนยังจะยืนโง่ต่อไปละก็ สิบเดชทัตก็รั้งเขาไม่ได้ พิราอรจะต้องเป็นของเขา!

            พิราอรสั่นสะท้านไปด้วยความต้องการ แววตาหวานเยิ้ม ริมฝีปากแดงฉ่ำยั่วยวน เนินอกมีรอยแดงจากการดูดชิมลิ้มรสหวานของเนื้อสาว ทุกอย่างกำลังเดินมาสุดทาง แรงปรารถนาอัดแน่นจวนระเบิดแล้ว เขาเองก็คงกำลังฝืนใจเต็มที่ สังเกตได้จากไหล่กว้างที่สั่นไหว สองมือข้างกายกำแน่น หมดเวลาของเธอแล้ว ถ้ายังยื้อเขาก็จะไม่หยุดเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

            รีบไปซะพิราอร

            เสียงประตูปิดลงพร้อมกับความอดทนอดกลั้นที่จวนจะระเบิด ชายหนุ่มถอดเสื้อ ถอดกางเกงคลายความอึดอัดของร่างกาย ก่อนจะเตะมันไปส่งๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำ เปิดน้ำเย็นราดตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า ปลอบประโลมความเครียดขึงที่เรียกร้องฟ้องชัดว่ามันต้องการเธอเพียงใด

            ทำไมถึงโง่ปล่อยให้รอดไปได้ เขาไม่ผิดด้วยซ้ำในเมื่อเธอมารอถึงในห้อง ทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นยังไง แต่ก็ยังเสี่ยงมา ถ้าจะทำอะไรมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาไม่ใช่หรือ ทำไมเขาต้องเป็นฝ่ายที่ทนทรมานครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันบ้าบอแท้ๆ

            ตั้งแต่เมื่อไรกันที่เขาต้องทนเก็บความต้องการเอาไว้ อดทนอดกลั้นจนมันจวนจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ชินดนัยคนบาปทำตัวเป็นสมภารจำศีลรักษาพรหมจรรย์

            บ้าไปแล้ว เขาต้องบ้าแน่ๆ ที่ปล่อยให้พิราอรหลุดมือสร้างความทรมานมาจนถึงป่านนี้

            มันไม่ใช่เรื่องยากหากจะจับเธอกดลงกับพื้นแล้วแทรกกายบรรเลงเพลงรักจนเสร็จสิ้น ท่าทางโอนอ่อนยินยอมของเธอทำให้เขาคลั่ง พิราอรอ่อนหัดนัก แค่ถูกเขาเล้าโลมถูกจุด เธอก็อ่อนระทวยสิ้นท่า ไม่ขัดขืนปัดป้อง

            แต่สิ่งที่เขากังวลคือเหตุการณ์หลังจากนั้น บ้าชะมัด กับคนอื่นทำไมเขาไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากนอนกันเสร็จแล้วเจ้าหล่อนจะเป็นยังไง แต่ทำไมกับเธอ เขาต้องคิดมากมายอย่างนี้ คิดมากไปจนถึงว่าเธอจะมีชีวิตอย่างไรหลังจากนั้น เธอไม่ใช่คู่ขาที่เขาเคยมีความสัมพันธ์ด้วย กับพิราอรมันจะไม่จบเพียงแค่มีเซ็กซ์เสร็จแล้วก็ต่างคนต่างไป

            อีกหนึ่งเหตุผลที่เขายอมรับก็คือความรู้สึกผูกพันระหว่างกัน ในส่วนของเธอมันจะมีเกิดขึ้นไหมเขาไม่รู้ แต่สำหรับเขา...ผู้ถูกตราหน้าว่าเป็นคนบาปกลับมีความรู้สึกนั้นกับเธอ มันเป็นความอ่อนหวานที่เพียงแค่คิดถึงก็ยิ้มได้เหมือนคนบ้า มันมากเกินกว่าเคยมีให้ผู้หญิงคนไหน

            เขาไม่อยากจะเจาะจงเรียกความรู้สึกนั้นว่ายังไง รู้แค่ว่าสนใจ เป็นห่วงความรู้สึกของเธอ อยากทะนุถนอม ทำให้เธอมีความสุขอย่างที่สุดพร้อมๆ กับเขา

            รักเหรอ?

            ไม่รู้...เขาจำได้ว่าเคยถามเธอแล้วครั้งหนึ่ง ชินดนัยสะบัดศีรษะแรงๆ ใต้สายน้ำ เขากำลังจะเป็นบ้าเพราะความต้องการผู้หญิงคนหนึ่ง ความคิดขัดแย้งหักล้างกันไม่หยุดหย่อน

            เขายังไม่รักเธอหรอก ก็คงแค่อยากได้ตามประสานั่นละจึงสนใจเธอมากเป็นพิเศษ แต่เขาก็ชอบเธอจนต้องยอมรับกับน้านันท์ว่าชอบ เขาอยากได้เธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเธอมานั่งทำการบ้านในผับ มันเป็นความรู้สึกค้างคาใจว่าอยากได้แล้วยังไม่ได้นั่นเอง

            ถ้ารักเธอ เขาจะไปกอดจูบกับผู้หญิงอื่นได้เหรอ แต่เขาก็ไม่ได้นอนกับใครนานแล้วนะ อีกใจหนึ่งยังคิดเหตุผลมาแย้ง

            ใช่...มันต้องเป็นเพราะเหตุผลนี้ เขาไม่ได้ระบายความต้องการกับใคร มันก็เลยเก็บกดจนความคิดสับสนวุ่นวาย ตอนที่อยู่ภูเก็ตมีผู้หญิงมากมายเสนอตัวให้นับไม่ถ้วน แต่พอมาอยู่นี่เขายังไม่ได้นอนกับใครเลย เต็มที่ก็แค่กอดจูบลูบคลำกันในผับ แล้วผละออกมาเพราะต้องพาพิราอรกลับห้อง

            ใช่ๆ มันต้องเป็นเพราะเหตุผลนี้ละ เขาเคร่งเครียดเกินไป ไม่ได้ระบายความต้องการออก เขาแค่อยากครอบครองเนื้อตัวหอมกรุ่น อยากได้ยินเสียงครางกระเส่า เขาแค่อยากได้ เขายังไม่ได้รักเธอ

            ชายหนุ่มเอามือลูบหน้าอย่างสับสนคิดไม่ตก เพื่อยืนยันความคิดที่ถูกต้อง พรุ่งนี้เขาจะลองพิสูจน์ดูสักตั้ง

 

            ข่าวการตรวจค้นผับบาบิโลนทราบความถึงบ้านธุวพร เดชทัตและพัชนันท์กังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น อยากทราบผลการตรวจค้นว่าจบลงอย่างไร เจ้าพ่อสถานบันเทิงชื่อดังจึงสั่งให้ภรรยาโทร. เรียกลูกสาวและหลานชายมาคุยกันที่บ้าน ถือโอกาสกินข้าวเย็นด้วยกันเสียเลย เพราะตั้งแต่หนุ่มสาวเข้าไปจัดการดูแลผับ ทั้งคู่ก็ไม่ค่อยได้แวะมาที่บ้าน

            ตกเย็นพิราอรก็เป็นฝ่ายมาถึงก่อน เดชทัตนั่งมองลูกสาวจากในสวน นึกโล่งใจที่เห็นลูกขับรถมาเอง ไม่ได้มาพร้อมกับชินดนัยอย่างครั้งก่อน ความหวาดระแวงที่เคยมีก็พอคลายลง และไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่คิด

            “ฉันกำลังนึกอยู่เลยว่าถ้าลูกพีชมากับนายชินอีก ฉันจะทำยังไงดี เห็นขับรถมาเองแบบนี้ค่อยโล่งอกหน่อย” ภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ เปรยขึ้นได้ตรงใจเผง

            “คุณกลัวอะไรอยู่เหรอ” ดูเหมือนพัชนันท์ก็มีความคิดไม่ต่างจากเขา เพียงแค่ภรรยาเลือกจะพูดระบายออกมาแทนที่จะนึกห่วงเงียบๆ อย่างเขา

            “ผู้หญิงดีๆ ที่ต้องมาอยู่ใกล้นายชิน ฉันก็กลัวแทนทั้งนั้นละค่ะ” พัชนันท์ลดเสียงเบาลง เพราะพิราอรกำลังเดินเข้ามาหา สีหน้าเครียดขรึมเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม

            “สวัสดีค่ะคุณพ่อ น้านันท์ มาเดินออกกำลังกายกันเหรอคะ”

            “พ่อเห็นแดดอ่อนก็เลยชวนน้านันท์เขามาเดินรับลมเล่นกันน่ะลูก นั่งก่อนสิ เป็นไงบ้าง เริ่มงานมาสักระยะแล้ว สนุกไหม มีอะไรติดขัดหรือเปล่า”

            “ก็ดีค่ะพ่อ”

            พิราอรยิ้มเนือยๆ กำลังจะอ้าปากเล่า เสียงรถของชินดนัยก็แล่นเข้ามา ก่อนจะเบรกเสียงดังจอดข้างๆ รถของเธอ หญิงสาวได้ยินเสียงแม่เลี้ยงถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมทำสีหน้าเบื่อหน่าย

            “มันจะขับมาจอดดีๆ เหมือนคนอื่นไม่ได้หรือไงไอ้หลานคนนี้ ลูกพีชยังไม่ต้องรีบเล่าหรอกลูก รอพี่เลี้ยงหนูก่อนเถอะ แต่งตัวหล่อเหมือนพร้อมออกล่าเหยื่อสาวสำหรับคืนนี้เลย”

            หญิงสาวยิ้มนิดๆ เหลือบมองชายหนุ่มแวบหนึ่ง นึกเห็นด้วยกับแม่เลี้ยง วันนี้ชินดนัยดูหล่อร้ายกว่าทุกวัน การเตรียมการบางอย่างของเขา ทำให้เธอเชื่อหมดใจว่าคืนนี้เขาจะออกล่าจริงๆ

            มิน่าถึงได้เตรียมพร้อมนัก เมื่อเช้าหลังวางสายจากแม่เลี้ยง เขาก็โทร. เข้ามาถาม จึงได้รู้ว่าถูกสั่งให้เข้าไปรายงานผลเรื่องการตรวจค้นผับ พิราอรนึกแปลกใจตอนเขาถามว่าเธอขับรถไปเองได้ไหม และพอเธอตอบว่าได้ เขาก็บอกให้เธอไปบ้านธุวพรก่อนได้เลยโดยไม่ต้องรอ แม้จะสงสัยขึ้นมาครามครัน แต่เธอก็ไม่ได้ถามเหตุผล บางทีเขาอาจจะนึกอยากทำธุระส่วนตัวขึ้นมาอย่างที่เธอเคยพูดไว้ก็ได้

            อันที่จริงมันก็แปลกๆ ตั้งแต่เขาโทร. มาแล้ว ปกติเป็นต้องวิ่งแจ้นมาเคาะประตูอ้อนขอนั่นนี่ จนเธอรู้สึกผิดที่หลงคิดว่าเขาขโมยคีย์การ์ดไป

            การไม่ต้องเผชิญหน้ากันหลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อคืนมาหมาดๆ ทำให้พิราอรโล่งใจเสียด้วยซ้ำ เธอเองทำหน้าไม่ถูกหรอก สีหน้าที่เต็มไปด้วยความต้องการของเขายังติดตา รอยจูบ รอยสัมผัสจากฝ่ามือร้อนผ่าวที่ลูบไล้เนื้อตัว ไม่เจอกันเป็นดีที่สุด ถึงจะหนีไม่พ้น แต่ก็พอยืดเวลาทำใจได้อีกสักชั่วโมงสองชั่วโมง

            “สวัสดีครับน้าเดช สวัสดีครับน้านันท์คนสวย”

            “คงสวยน้อยกว่าสาวๆ ของแกมั้ง”

            ชายหนุ่มยิ้มชอบใจ เหลือบตามองไปทางพิราอรนิดหนึ่งแล้วพยักหน้ายอมรับ “น้าสวยน้อยกว่าครับ แต่น้าแซ่บมากกว่ามาก”

            คนไม่แซ่บนั่งคอแข็ง ถูกค่อนขอดซึ่งหน้าอย่างนี้ก็นึกหมั่นไส้คนพูดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ลองให้เธอแซ่บขึ้นมาเถอะ เขานั่นละที่จะร้องขอชีวิต

            “นั่งก่อนสิชิน เป็นไงบ้างล่ะ น้ากำลังถามลูกพีช พอดีเราก็มาถึง ก็ดีจะได้คุยพร้อมๆ กันไปเลย”

            “คุณพ่อฟังจากคุณชินเถอะค่ะ เพราะว่าพีชเองก็ไม่ทราบรายละเอียดเหมือนกัน”

            “อ้าว!” สามีภรรยาอุทานพร้อมกัน ก่อนหันไปทางคุณชินของลูกพีช

            “พอดีผมเห็นว่ามันจะยุ่งยากกับพีชมากเกินไปครับ เลยให้มิลินพากลับคอนโดก่อน ส่วนผลการตรวจค้นไม่มีอะไรต้องห่วงครับ เจอฉี่ม่วง แต่ไม่เจอยาเสพติด แล้วก็เจอแต่เด็กอายุไม่ถึงยี่สิบปีห้าคน”

            “โชคดีนะที่ไม่เจอยาเสพติด มันเลยยังพอมีทางออกให้เราหลายทาง ตรวจเจอกี่คน”

            “สามคนครับ เขารับว่าเสพก่อนออกมาเที่ยว”

            เดชทัตพยักหน้ารับรู้ “แล้วเด็กล่ะ เข้าไปได้ยังไง ไม่ได้ตรวจบัตรเหรอ ก็รู้นี่นาว่าจะมีการสุ่มตรวจ”

            ชินดนัยถอนหายใจก่อนตอบน้าเขย “ทางผับเราทราบดีครับ เพียงแต่ครั้งนี้จะโยนความผิดมาให้เราทั้งหมดมันก็ไม่ใช่ น้าเดชเคยผ่านหูเรื่องลูกชายของท่านชยุตบ้างไหมครับ”

            “แสบอยู่นะ คนเป็นพ่อตามเก็บกวาดให้แทบไม่ไหว คุณนันท์น่าจะเคยเห็นบ้าง” เดชทัตหันไปทางภรรยา

            “วางท่ากร่างอย่างกับพ่อมันเป็นนายก ไอ้เด็กไม่มีสัมมาคารวะ”

            “น้านันท์ด่าได้ตรงใจพีชเลยค่ะ”

            “อ้าว ลูกพีชก็เคยเจอด้วยเหรอลูก”

            “เคยค่ะ”

            “นั่นละครับตัวการ” ชินดนัยช่วยสรุปให้

            “แล้วมาเกี่ยวอะไรกับเรา” พัชนันท์เอ่ยถาม

            ขณะที่พิราอรยังนั่งนิ่งเป็นผู้ฟังที่ดีแล้วก็เกือบจะสำลักน้ำลายตัวเองกับคำตอบห้วนๆ ของชินดนัย

            “ก็มันมาจีบลูกพีช”

            หญิงสาวกระแอมสองสามครั้งก่อนแก้ “เขาแค่ชวนดื่มด้วยเฉยๆ ค่ะ”

            เดชทัตหัวเราะกับคำตอบของลูกสาว แล้วสั่งให้ชินดนัยเล่าต่อ “ไหนเล่ามาให้หมดซิ เรื่องมันเป็นยังไง”

            “มันจีบลูกพีชไม่ได้ มันก็โทร. เรียกเด็กเอ๊าะๆ มาแก้ขัด แล้วเอาบัตรวีไอพีของผับเราให้เด็กพวกนั้นใช้ผ่านประตูเข้ามา ก็คงจะเป็นวันมหามงคลของผับเราด้วยครับ พวกนั้นเข้ามานั่งได้แป๊บเดียว ตำรวจก็ตามเข้ามา”

            “ไกล่เกลี่ยกันได้ก็ดีแล้ว คราวหลังต้องระวังหน่อยแล้วกัน ถ้าเรื่องมันบานปลาย ถึงขั้นยึดใบอนุญาตเราจะลำบาก”

            “ครับน้า”

            “แล้วเป็นไงบ้างลูกสาวน้า พอจะเป็นงานบ้างยัง”

            “ถ้าไม่นับเรื่องเมื่อคืนก็ถือว่าเรียนรู้ได้เร็วครับ” น้ำเสียงชายหนุ่มราบเรียบ แต่แววตาลึกซึ้งกินนัย

            พิราอรเบือนหน้าหลบไปทางอื่น รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ราวกับจะจับไข้กับสายตานั้น ไอ้ที่ว่าเรียนรู้ได้เร็วนี่มันเรื่องไหนกันแน่

            “ลูกพีชหัวไวอย่างนี้ อีกไม่นานแกก็คงได้กลับภูเก็ตแล้วละ” พัชนันท์แกล้งว่า เพราะสังเกตเห็นหนุ่มสาวมีพิรุธแปลกๆ ดูลูกเลี้ยงจะไม่ค่อยสบตาหลานชายเธอเลย

            “น้านันท์นี่ใจร้ายจัง ยังไม่ทันเสร็จศึกก็เตรียมจะเนรเทศขุนพลแล้ว”

            “สงสารสาทิต งานคงจะยุ่ง”

            “ผมไม่อยู่คอยปราม หมอนั่นมันชอบใจจะตาย”

            “ก็ยังไม่ต้องไปไหนหรอก อยู่สอนงานแม่ทัพไปก่อนเถอะ ท่านขุนพล ทางนั้นสาทิตน่าจะจัดการได้ แต่ระวังเรื่องข่าวไว้บ้างก็ดี ยุคนี้มันเร็วจะพาเสียชื่อเปล่าๆ อย่าเล่นสนุกจนเพลิน” เดชทัตรู้ดีว่ายังไม่ถึงเวลา

            “ครับ หมอนั่นคงดีใจมากที่จะได้ลากฝรั่งกร่างๆ ไปซัดหลังผับโดยไม่มีใครห้าม”

            “คนหนุ่มๆ มักเลือดร้อน เป็นธรรมดา น้าเองตอนรุ่นๆ ก็มีเรื่องกับเขาแทบทุกวัน” เดชทัตเล่ายิ้มๆ ก่อนหันไปถามลูกสาว “เป็นไงลูก นั่งเงียบเลย หิวข้าวหรือยัง”

            “ป่านนี้ในครัวคงตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว ฉันว่าพวกเราย้ายเข้าข้างในกันดีกว่าค่ะ” พัชนันท์ชักชวน ก่อนทั้งหมดจะเดินกลับเข้าไปยังห้องรับประทานอาหาร

            มื้อค่ำของบ้านธุวพรเริ่มไวกว่าปกติ เพราะทั้งลูกและหลานเจ้าของบ้านจะต้องไปทำงานกันต่อ บทสนทนาบนโต๊ะยังคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับผับบาบิโลน แม้ชินดนัยจะผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว ทว่าบางครั้งเดชทัตก็ไม่ลืมถามความคิดเห็นของลูกสาว

            พิราอรแม้จะยังเป็นมือใหม่ แต่เธอได้พี่เลี้ยงดี เป็นการเป็นงาน จึงมีความคิดปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมานำเสนอให้พ่อได้แนะนำ ถึงจะเป็นเรื่องงาน แต่พ่อลูกก็ได้คุยกันมากกว่าในยามปกติ รอยยิ้มประดับใบหน้าของเดชทัตไม่เคยจางหาย ความสุขเล็กๆ ของเจ้าพ่อสถานบันเทิงก็คือการได้แลกเปลี่ยนความคิดกับลูกสาวที่คนเป็นพ่อหวาดหวั่นเกรงว่าลูกจะหนีไปบวชชี เห็นพิราอรก้าวหน้ามากอย่างนี้เขาก็พอวางใจ

            ค่ำวันนั้นหนุ่มสาวล่ำลาเดชทัตและพัชนันท์ ก่อนจะเดินกันมาที่รถ ระหว่างทางชินดนัยลอบสังเกตแฟชั่นไปผับของพิราอร

            คืนนี้เป็นชุดเดรสคอเต่าแขนกุด ชุดสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย ถึงจะไม่เปิดเผยเนื้อหนังมังสามากนัก แต่สัดส่วนโค้งเว้าเข้ารูปพอดีของชุดสวยตัวนั้นก็ยังคงความน่าปรารถนาเอาไว้อย่างเข้มข้น ขณะที่กำลังใช้สายตาโลมเลียมเบื้องหลังอย่างเพลิดเพลิน จู่ๆ เธอก็หันขวับกลับมา ทำเอาลมหายใจเขาสะดุด ทำหน้าไม่ถูก จึงแกล้งถามเธอก่อน

            “มีอะไรเหรอ”

            พิราอรหลงลืมความตั้งใจที่จะถามทันทีที่เห็นแววหื่นกระหายในดวงตาคู่คม หญิงสาวหน้าแดงระเรื่อ สั่นหน้าปฏิเสธ

            “ไม่มีอะไรค่ะ” แล้วเธอก็ก้าวยาวๆ ขึ้นรถ ขับออกไป

            ไม่นานพิราอรก็ถึงผับ ชินดนัยขับตามมาจอดรถไม่ไกลนัก ก่อนจะลงจากรถ ชวนเธอเข้าผับพร้อมกัน หญิงสาวเอียงคอมองคนข้างๆ อย่างแปลกใจ ทำไมเขาถึงดูกระตือรือร้นนัก

            คืนนี้ผับดูเงียบเหงาทั้งที่เป็นคืนวันเสาร์ เนื่องจากการตรวจค้นของตำรวจเมื่อคืน หลายคนจึงเปลี่ยนใจไปใช้สถานบันเทิงอื่นชั่วคราว

            “คืนนี้สงสัยแขกซูเปอร์วีไอพีของเราจะไม่มาแฮะ” เสียงทุ้มดังมาจากข้างกาย

            “แต่สาวๆ ก็ยังเยอะอยู่นะคะ”

            “แบบนี้แหละที่ผมต้องการ”

            พิราอรขัดหูกับน้ำเสียงร่าเริงนั้น เธอกับชินดนัยเดินไปที่บาร์เครื่องดื่ม เก้าอี้หน้าบาร์ของริคาร์โดมีสาวๆ นั่งอยู่เต็ม ทำไมวันนี้ลูกค้าผู้หญิงเยอะจัง

            “ไงริค คืนนี้สาวตรึมเลยนะ ถึงว่าผสมเหล้าไปยิ้มไป”

            “ธรรมดาของคนหน้าตาดีก็งี้แหละบอส คืนนี้ดื่มอะไรดีครับ” ริคาร์โดถามหญิงสาว ก่อนนำเสนอ “ถ้าคิดไม่ออกคืนนี้ผมมีค็อกเทลสูตรใหม่แนะนำ อยากลองดูไหมครับ”

            “ขอเป็นม็อกเทลอย่างเดิมดีกว่า แกจะมอมเธอแต่หัวค่ำไม่ได้นะ คืนนี้ขับรถมาเองด้วย”

            “ถ้าไม่มีใครไปส่ง ผมก็ว่างนะครับ สำหรับคุณพีชผมยิ่งกว่าเต็มใจบริการ”

            “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันดื่มได้ คุณริคลองทำให้ชิมดูหน่อยเถอะค่ะ”

            “งั้นขอให้ฉันด้วย”

            พิราอรหันไปมองคนข้างๆ อย่างไม่เชื่อหู เธอรู้ว่าชินดนัยดื่มเครื่องดื่มได้ทุกชนิด แต่ไม่เคยได้ยินเขาสั่งค็อกเทลเลยสักครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นวิสกี้เสียมากกว่า ริคาร์โดเองก็คงแปลกใจไม่ต่างกัน แต่เมื่อทั้งคู่มองตามสายตาของชินดนัยแล้วจึงพบคำตอบ

            “เราก็นึกว่าบอสจะให้เกียรติชิม ที่แท้ก็มีแผน” ริคาร์โดเริ่มลงมือผสมเครื่องดื่ม

            พิราอรยังสนใจหญิงสาวที่กำลังส่งสายตาเชิญชวนให้ชินดนัยอยู่ แม้จะเคยเห็นเขากอดจูบผู้หญิงอื่น แต่เขาก็ไม่เคยทำในตอนที่เธออยู่ด้วยเลย หรือเขาจะสนใจเจ้าหล่อนจริงๆ ความคิดที่ว่ามีคนสักคนน่าสนใจกว่าตัวเอง มันทำให้เธอหงุดหงิด ผู้หญิงกลุ่มนั้นสวยแซ่บตามรสนิยมของเขา หนึ่งในกลุ่มนั้นคือดาราสาวที่กำลังได้รับความนิยม ทว่ามีชายหนุ่มนั่งเคียงข้างแล้ว จะเหลือก็แต่ผู้หญิงคนนั้นที่ขยันเมียงมองมาทางนี้บ่อยๆ

            เกมนี้คงไม่มีใครถูกล่า น่าจะเป็นการสมประโยชน์ทั้งสองฝ่ายมากกว่า

            “พีช พีช คุณพีชครับ!”

            “คะ...คะ”

            “ทางนั้นมีแต่สาวๆ ไม่น่าสนใจหรอก ปล่อยบอสมองคนเดียวเถอะ ส่วนคุณก็มองหน้าผมไปพลางๆ ก่อน” ริคาร์โดยิ้มกว้างพลางยื่นแก้วเครื่องดื่มสีสวยให้ บนปากแก้วมีเลมอนฝานบางๆ ประดับอยู่ “ลองชิมดูครับว่ารสชาติผ่านไหม ผมตั้งชื่อมันว่า พริตตี้พีช”

            “ริค...” ชินดนัยลากเสียงยานคาง ละสายตาจากกลุ่มสาวๆ ที่เล็งไว้ กลับมามองเตือนบาร์เทนเดอร์หน้าหล่อ ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ “ไม่รู้จักจำนะว่าห้ามจีบเจ้านาย”

            “ก็เห็นคืนนี้คุณมีเป้าหมายใหม่แล้วผมเลยอยากช่วยดูแลคุณพีชบ้าง”

            พิราอรยิ้มขำหน้าตาอ้อนๆ ของริคาร์โด เธอรู้ว่าเขาแกล้งหยอกเล่น จึงไม่คิดอะไรมาก ทุกคืนถ้าเดินผ่านบาร์เขาก็หยอดมุกหวานแบบนี้ทุกครั้ง เธอไม่ได้รู้สึกอะไรเลยนอกจากขบขัน

            “ฉันดูแลตัวเองได้ค่ะ” หญิงสาวยกแก้วพริตตี้พีชขึ้นดื่ม ก่อนจะยู่หน้าน้อยๆ “ดูเหมือนแอลกอฮอล์จะแรงไปหน่อยนะคะ ต้องลองถามคนอื่นดูเพิ่ม เพราะพีชไม่ค่อยสันทัดเลยบอกได้แค่นี้ค่ะ”

            “ไหนขอผมชิมบ้าง” ชินดนัยไม่รอให้เจ้าของอนุญาตก็คว้าแก้วของพิราอรดื่ม แล้วหันไปมองริคาร์โด

            “ไปแย่งคุณพีชทำไม เอ้า! แก้วนี้ของคุณ” บาร์เทนเดอร์หนุ่มเลื่อนแก้วให้แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาคาดโทษของชินดนัย ก็แค่เพิ่มชอตในเครื่องดื่มของพิราอรแค่นั้นทำเป็นมองตาเขียว

            “ถ้าไม่อยากย้ายไปผสมเหล้าหลังผับก็อย่าเพิ่มชอตให้พีชอีก” ชายหนุ่มคว้าแก้วของตัวเองมาถือไว้ บอกให้หญิงสาวขึ้นไปรอบนห้อง “คุณขึ้นไปบนห้องเถอะ ข้างล่างนี้ผมดูต่อเอง คืนนี้คนไม่มาก ถ้าอยากกลับก่อนก็ได้ อย่าให้ดึกนัก ขับรถคนเดียวมันอันตราย”

            “แล้วนั่นจะไปไหน” ริคาร์โดถามได้ตรงใจพิราอรยิ่งนัก ทว่าคำตอบของชินดนัยก็สร้างความขัดใจให้เธอได้มากเช่นกัน

            “ธุระส่วนตัว!”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น