กัณฑ์นั้นไม่อยากพาเหมือนแพรกลับบ้านที่พวกเขาเคยใช้ชีวิตร่วมกัน เพราะเขายังกลัวผลกระทบทางจิตใจของภรรยา แต่วศินบอกว่าการได้อยู่ในที่ที่คุ้นเคยจะช่วยให้หญิงสาวฟื้นฟูความทรงจำได้ดีกว่า ถึงแม้เหตุการณ์ก่อนเสียความจำอาจเป็นเรื่องไม่น่าจำ แต่นายแพทย์หนุ่มกลับเห็นต่าง 

‘ก่อนแกจะทำเรื่องผิดกับน้องแพร แกเคยเป็นสามีที่ดีคนหนึ่ง ต่อให้แกละเลยน้องแพรไปบ้าง แต่แกก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ดี ไม่เคยนอกใจ ไม่เคยนอกลู่นอกทาง แล้วน้องแพรก็มีความทรงจำที่ดีกับแก ตลอดมาน้องบอกฉันแบบนั้น เชื่อฉันเถอะ ไม่มีที่ไหนจะดีเท่ากับบ้านหลังนั้น พาน้องกลับบ้านน้องเถอะ’

ตลอดการเดินทางเหมือนแพรหลับเป็นส่วนใหญ่ กัณฑ์เองก็กังวลถึงขั้นโทร. หาวศินจนได้คำตอบว่าเป็นเรื่องปกติของคนท้องเขาจึงคลายกังวล ปกติแล้วชายหนุ่มเป็นคนที่ขับรถค่อนข้างเร็ว แต่คราวนี้เขาขับอย่างช้าๆ เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนน้องซึ่งหลับยาวกระทั่งมาถึงหน้าหมู่บ้าน กัณฑ์เปิดกระจกทักพนักงานรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านเพื่อถามบางอย่าง 

“จัดการให้เรียบร้อยใช่มั้ย” 

“ครับ นักข่าวถูกไล่ไปหมดแล้วครับ ผมสั่งทุกคนให้ระวังเรื่องนี้แล้วครับ ต่อไปจะไม่ให้นักข่าวเข้าไปวุ่นวายที่บ้านคุณกัณฑ์อีกครับ ต้องขอโทษด้วย” กัณฑ์เอ่ยขอบคุณและมอบรางวัลให้ ซึ่งตอนแรกฝ่ายนั้นปฏิเสธว่าเป็นหน้าที่ แต่ชายหนุ่มก็บอกให้รับไว้และนำไปแบ่งกับคนอื่นๆ ถ้าอยากตอบแทนก็ช่วยดูเรื่องนี้ให้ 

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไม่ให้พวกเขาไปกวนคุณแพร” หัวหน้า รปภ. เอ่ยอย่างระมัดระวังแล้วหันไปเห็นว่าคนที่เขาคิดว่าหลับอยู่ดูจะรู้สึกตัวตื่นแล้ว “สวัสดีครับคุณแพร ขอโทษที่ทำให้ตื่นนะครับ”

เหมือนแพรยิ้มให้ เธอเห็น รปภ.มองที่แผลตรงหัวคิ้วเธอ 

“โชคดีนะครับที่คุณปลอดภัย คราวหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะครับ มันอันตราย” 

“แพรทำอะไรคะ” 

“ก็คุณขับรถ...”  หัวหน้า รปภ.จะคุยต่อ แต่กัณฑ์พูดแทรก “ขอบคุณนะครับ งั้นผมขอพาน้องแพรกลับไปพักก่อนนะ”

“เอ่อ ครับ...เชิญครับ” 

กัณฑ์เลื่อนกระจกขึ้นขณะขับรถออกจากจุดนั้น เหมือนแพรเอี้ยวตัวมองตาม รปภ. ตาละห้อย ก่อนหันมาหาคนที่เธอเดาได้ว่าเขาตัดบทสนทนา 

“ทำไมพี่กัณฑ์ทำอย่างนั้น”

“พี่ทำอะไร”

“ก็ลุงยามยังพูดไม่จบพี่ก็ตัดบท เสียมารยาทรู้มั้ยคะ” เธอว่าไม่ได้จริงจังนัก มองกลับไปบนถนน “เมื่อกี้ลุงคุยกับพี่กัณฑ์เรื่องนักข่าว พูดว่านักข่าวมากวนแพร กวนอะไรคะ”

กัณฑ์มีพิรุธเล็กน้อยกับคำถาม ก่อนจะเฉไฉ “แพรจำนักข่าวคนไหนได้บ้าง นึกชื่อออกมั้ย คนที่ดังๆ”

“ถามจริงเหรอคะ” เธอถามพาซื่อ ชายหนุ่มพยักหน้า “โหนกระแส หนุ่มกรรชัย เรื่องเล่าเช้านี้ คุณสรยุทธ คุณพุทธช่องอมรินทร์  มีหลายคนจำหน้าได้ แต่จำชื่อไม่ได้” 

“จำเรื่องพวกนี้ได้ แต่จำเรื่องใกล้ตัวไม่ได้เหรอ” ความคิดว่าคนตรงหน้าแกล้งความจำเสื่อมย้อนกลับมาบ้าง แต่ด้วยความที่พื้นฐานน้องเป็นคนซื่อๆ ก็ทำให้ลังเลอีก  “ทำไมล่ะ ทำไมจึงจำคนใกล้ตัวอย่างพี่ไม่ได้”

“ไม่รู้สิคะ...แพรอาจจำไม่ได้ แต่แพรรู้สึกได้นะคะ แพรรู้ว่าตัวเองคิดถึงแม่ มีภาพของแม่แวบเข้ามาในหัวบ้าง หรือเรื่องของลูก แพรก็เห็นภาพตอนที่แพรรู้ว่าตัวเองท้อง ตอนที่ผลตรวจครรภ์ออก แพรจำได้ว่าดีใจมากที่มีเขา และแพรอยากจะบอกข่าวดีนี้กับแม่”

“แล้วพี่ล่ะ” กัณฑ์ต้องถามออกไป เมื่อเหมือนแพรไม่ยอมพูดเรื่องเขา “กับพี่แพรรู้สึกมั้ย”

“รู้สึกค่ะ” หญิงสาวบอกทำให้อีกฝ่ายยิ้ม “รู้สึกว่าพี่กัณฑ์เป็นพี่ชายมากกว่าสามี ไม่ใช่สิ พี่ชายนี่น่าจะเป็นพี่หมอวศิน พี่เขาให้ความรู้สึกว่าปกป้องแพรได้ พี่กัณฑ์ให้ความรู้สึกเหมือนพี่ชายข้างบ้านมากกว่า เหมือนคนรู้จัก แต่ไม่สนิทมาก แพรไม่ค่อยสนิทใจเวลาอยู่กับพี่กัณฑ์ แพรถึงไม่ให้พี่จูบแพร” 

“ที่บอกว่าถ้าจูบอีกจะตบ ก็ไม่ใช่พูดเล่นสิ” กัณฑ์พึมพำกับตัวเอง 

แต่เหมือนแพรก็ได้ยิน “กับบางคนเมื่อให้เวลากับตัวเอง แพรเห็นภาพชัดขึ้น แต่กับพี่กัณฑ์ ยิ่งเวลาผ่านไป แพรยิ่งรู้สึกว่าไม่รู้จักพี่กัณฑ์เลย ถ้าไม่เห็นหลักฐาน ไม่เห็นรูป ไม่เห็นทะเบียนสมรส แล้วก็ไม่มีคำยืนยันจากพี่หมอวศิน แพรก็ไม่อยากเชื่อว่าพ่อของลูกแพรจะเป็นพี่กัณฑ์” 

เหมือนแพรทอดสายตาไปข้างหน้าขณะร่ายยาว แม้ฟ้าจะเริ่มมืดแล้ว แต่แสงไฟก็ทำให้เห็นบรรยากาศตลอดสองข้างทางที่ประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม 

“แพรอำพี่เล่นอยู่ใช่มั้ยเนี่ย” กัณฑ์อดสงสัยไม่ได้จึงถามออกไป “เพราะแพรโกรธพี่ก็เลยอำพี่อยู่ใช่มั้ย” 

เหมือนแพรหันหน้ากลับมาหาคนที่ตั้งคำถาม กัณฑ์มองสบตาเธอแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะหันไปมองถนน แต่เธอก็รู้ว่าเขารอคำตอบจากเธออยู่ 

“แพรก็อยากทำอย่างนั้นอยู่ค่ะ เพราะมันคงดีกว่าการต้องมาอยู่ตรงนี้ ที่ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของตัวเองกับคนที่บอกว่าเป็นสามี” 

หลังคำพูดนั้นเหมือนแพรก็ไม่พูดอะไรออกมา กัณฑ์เองก็เงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนที่รถจะเลี้ยวเข้ามาใกล้ประตูหน้าบ้านที่ไม่ได้สูงมาก มองจากรถก็เห็นตัวบ้านหลังใหญ่ บ้านที่เป็นเรือนหอของทั้งคู่ 

“จำอะไรได้บ้างมั้ย” กัณฑ์เอ่ยถามเมื่อประตูรั้วอัตโนมัติเปิดออก สายตาเขาจับที่ใบหน้าของน้อง เฝ้าสังเกตท่าทีของเธอซึ่งมองตรงเข้าไปในบ้านด้วยแววตานิ่งๆ ก่อนจะหันมาส่ายหน้าให้เขา “ไม่เป็นไร จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” 

รถแล่นเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ก่อนจะหยุดลงตรงลานเทอร์เรซด้านหน้า ซึ่งมีรถอีโคคาร์คันเล็กจอดขวางอยู่ รถคันนี้เป็นของปราณี ผู้หญิงอีกคนที่ห่วงเหมือนแพรไม่ต่างจากกัณฑ์ แล้วเวลานี้เธอก็กำลังวิ่งออกมาจากบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่กัณฑ์เปิดประตูให้เหมือนแพรก้าวลงจากรถ 

“น้องแพร!” เพียงแค่เห็นเหมือนแพร คนที่ก้าวออกมาจากบ้านก็โผเข้ามากอดทันที ก่อนจะปล่อยโฮด้วยความโล่งใจ “ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้น้องแพรปลอดภัย ขอบคุณแม่ฝันที่คุ้มครองน้องแพร” 

คนถูกกอดค่อนข้างตกใจ แต่เธอก็กอดตอบปราณีโดยยังคงไม่พูดอะไร ปล่อยให้คนที่ร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาเปื้อนไปหมดร้องจนพอใจก่อนคลายอ้อมแขนออก 

เมื่อความห่วงและร้อนใจคลายลง ปราณีจึงมองเห็นว่ามีใครอีกคนยืนอยู่ข้างหลังเหมือนแพร ซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ 

“พี่กัณฑ์นี่ใครคะ” ยังไม่ทันที่เหมือนแพรจะได้คำตอบ เธอก็ต้องตกใจ เมื่ออยู่ๆ คนที่เธอกำลังถามว่าเป็นใครเดินตรงไปตบหน้ากัณฑ์ฉาดใหญ่จนเขาหน้าหัน 

“โชคดีของแกนะที่น้องแพรไม่เป็นอะไร!” 

เหมือนแพรเห็นเลือดที่ซึมออกจากมุมปากผู้ชายที่ไม่ได้ตอบโต้ใดๆ และยอมให้ผู้หญิงตรงหน้าทำเช่นนั้น ทั้งที่ถ้าจะไม่ยอมก็ได้ เพราะผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ไม่มีทางสู้แรงผู้ชายตัวใหญ่ได้ 

“ไม่ต้องห่วงนะคะน้องแพร” ผู้หญิงแปลกหน้าของเหมือนแพรหันกลับมายิ้มหวานให้เธอ “ไว้พี่ณีจะจัดการอบรมเจ้ากัณฑ์ให้น้องแพรเอง ไม่ต้องห่วงนะคะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ก็ยังจะอยู่ข้างน้องแพร...อะไร แกจะสะกิดฉันทำไมเจ้ากัณฑ์ หรือจะเอาอีกสักฉาด” 

“ใจเย็นพี่ณี...” กัณฑ์บอกพลางมองตาคนไม่ยอมเหมือนจะขอร้อง และเธอก็เหมือนจะไม่ยอมลงให้ โชคดีที่เหมือนแพรถามคำถามที่หยุดปราณีได้ในทันทีขึ้นมาเสียก่อน 

“พี่ณี? พี่ณีเป็นใครคะ พี่สาวของพี่กัณฑ์เหรอคะ” 

ปราณีอึ้งไปอึดใจหนึ่ง ยิ้มแหยๆ ให้คนถาม ก่อนจะหันมาทางกัณฑ์ “ที่ไอ้หมอวศินบอกว่าน้องความจำเสื่อมก็ไม่ใช่มุก...งั้นเหรอ”

 

ปราณีค่อนข้างตกใจและมีคำถามมากมายที่อยากจะถามจากกัณฑ์ แต่คงไม่สะดวกเมื่อเหมือนแพรยังยืนอยู่ตรงนี้ หญิงสาวจึงแนะนำตัวเอง ขณะช่วยประคองหญิงสาวเดินเข้าบ้าน แววตาที่เธอมองเหมือนแพรเต็มไปด้วยความสงสารระคนเวทนา ใจนึกอยากบีบคอคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้อย่างกัณฑ์ แต่คงไม่ใช่ตอนนี้  

“แม่พี่ณีเป็นพี่สาวแม่ของเจ้ากัณฑ์ อายุห่างกันปีนึง เราสนิทกันเพราะเป็นเด็กที่ยายเลี้ยงมาด้วยกัน   ก่อนที่เจ้ากัณฑ์จะย้ายกลับมาอยู่กับพ่อแม่เมื่อคุณยายเสีย แต่ครอบครัวเราต่างกันนะ บ้านเจ้ากัณฑ์เขามีอันจะกิน แต่บ้านพี่ณีลำบากกว่ามาก น้องแพรเข้าใจมั้ยคะที่พี่เล่า” 

“พี่สองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน” คำตอบของเหมือนแพรทำให้ปราณีรู้ว่าหญิงสาวเข้าใจความสัมพันธ์ “พี่สองคนดูสนิทกัน พี่กัณฑ์คงนับถือพี่ณีเหมือนพี่แท้ๆ”

“ทำไมคิดอย่างนั้นคะ” ปราณีถาม กัณฑ์ก็รอฟัง เพราะมันคือคำตอบที่ถูก หรือว่าน้องจะจำอะไรได้ 

“เพราะพี่ณีเป็นพี่สาวที่สั่งสอนน้องได้ แล้วน้องก็ฟังค่ะ ถ้าไม่สนิทและเชื่อฟังกันก็คงไม่ยอมให้พี่ณีตบค่ะ” คำพูดนั้นทำให้พี่ทั้งสองคนพยักหน้าหงึกๆ ในการวิเคราะห์อย่างมีเหตุมีผลของคนเสียความทรงจำ “แพรมีพี่น้องมั้ยคะ พี่น้องจริงๆ หรือลูกพี่ลูกน้องก็ได้”

“มีพี่สองคนค่ะ เป็นลูกคนละแม่” ปราณีตอบทันทีตามประสาคนปากเร็ว “แต่ไม่สนิทกับน้องแพรหรอกค่ะ แล้วเขาก็ไม่ชอบน้องแพรกับแม่ เพราะพ่อน้องแพรรักแม่น้องแพรมาก พี่ชายกับพี่สาวก็เลยไม่ค่อยชอบน้องแพร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะบ้านน้องแพรพ่อเป็นใหญ่...อะไรเจ้ากัณฑ์ จะสะกิดทำไมเนี่ย”

ตอนแรกปราณีไม่เข้าใจ แต่เมื่อกัณฑ์ชี้ให้ดูสีหน้าน้องก็เพิ่งนึกได้ แต่ก็ดูจะสายไป 

“แพรเป็นลูกเมียน้อยเหรอคะ” เหมือนแพรเอ่ยถาม แต่เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของปราณีเธอก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน รู้ว่ามันคงเป็นเรื่องที่พูดยาก เธอจึงถามไปเรื่องอื่น “แล้วพี่กัณฑ์มีพี่น้องท้องเดียวกันมั้ยคะ” 

“มีครับ” กัณฑ์ที่เดินขนาบตัวน้องมาเป็นฝ่ายตอบเธอ “พี่มีน้องสาวคนนึง”

“ชื่ออะไรคะ” 

“ชื่อปิ่น...ปิ่นปัก” กัณฑ์เป็นฝ่ายบอก ทั้งเขาและปราณีเฝ้าสังเกตท่าทีของเหมือนแพรซึ่งเธอก็ยังไม่มีท่าทีว่าจำอะไรได้ ชายหนุ่มจึงเล่าต่อ “ปิ่นปักอายุห่างกับพี่ห้าปี แต่อายุเท่ากับน้องแพร” 

“แพรกับปิ่นอายุเท่าไหร่คะ” 

“ยี่สิบสามปี” กัณฑ์เป็นฝ่ายตอบ “เราแต่งงานกันหลังน้องแพรเรียนจบ แต่งงานกันมาปีกว่าแล้ว” 

“เรารู้จักกันได้ยังไงคะ” เหมือนแพรเอ่ยถาม ขณะเดินเข้ามาถึงห้องโถงของบ้าน มันทำให้กัณฑ์กังวล เพราะตรงนี้คือจุดที่เขาใช้คำพูดที่รุนแรงกับน้องจนเป็นเหตุให้เธอเป็นอย่างนี้ “ว่าไงคะพี่กัณฑ์ เรารู้จักกันได้ยังไงคะ พี่ณีรู้มั้ยคะ” เมื่อกัณฑ์ตอบช้า เธอจึงหันมาหาอีกคน 

“จะเรียกว่าพี่เป็นกามเทพก็ได้นะ เพราะทั้งสองคนรู้จักพี่ณีก็เลยได้เจอกันปิ๊งกัน” 

“ก่อนเจอแพร พี่กัณฑ์เคยรักคนอื่นมั้ยคะ” เหมือนแพรเอ่ยถาม เป็นคำถามที่ทำเอากัณฑ์และปราณีหันมาสบตากัน ก่อนจะหันกลับมาหาคนที่ยังมองตาแป๋วเหมือนจะเอาคำตอบจริงๆ “พี่กัณฑ์เคยมีแฟนอยู่ก่อนแพรใช่มั้ยคะ”

“มีครับ” กัณฑ์ตอบในที่สุด “น้องแพรจำอะไรได้เพิ่มเหรอ ทำไมถามพี่อย่างนั้น”

“ตอนที่พี่กัณฑ์พูดถึงร้านดอกไม้ แพรมีภาพหนึ่งผุดขึ้นในหัว แพรเห็นพี่กัณฑ์เดินมากับผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนแรกแพรนึกว่าเป็นตัวเอง แต่พอคิดดีๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่แพร พี่กัณฑ์มองผู้หญิงคนนั้นเหมือนรักมาก แพรมั่นใจว่าเธอคือคนที่พี่กัณฑ์รัก”

“ดาริน...” เป็นปราณีที่หลุดเสียง หันไปหากัณฑ์ “ต้องเป็นตอนที่แกพาดารินไปหาพี่ที่ร้านดอกไม้แน่เลย แต่นั่นก็น่าจะสามสี่ปีมาแล้วมั้ย ตอนนั้นแกยังไม่ได้คบกับน้องแพรนี่” 

กัณฑ์พยักหน้ายืนยัน แต่ดูเหมือนแพรจะไม่ได้สนใจคำตอบนั้นเท่าไรนัก เพราะในหัวเธอมีคำถามผุดขึ้นมา อย่าบอกนะว่าเธอไปแอบรักผู้ชายที่เขามีแฟนอยู่แล้ว สิ่งที่คิดได้ทำให้เหมือนแพรตกใจ เริ่มหายใจแรงอีกครั้ง แล้วมองไปรอบๆ ตัว จุดที่เธอยืนเหมือนจะกระตุ้นความทรงจำบางอย่าง เธอไม่เห็นภาพอะไร แต่มีเสียงหนึ่งดังชัดขึ้นในหัว

‘ได้ค่ะ...แพรจะตาย...ตายไปให้พ้นจากชีวิตพี่กัณฑ์’

เป็นเสียงของตัวเอง เบาหวิวจนสัมผัสได้ว่าเธอพูดมันออกมาด้วยความรู้สึกไหน 

‘ขอบคุณที่ทนกับแพรมาตลอด แต่พอแล้วนะคะ ต่อไปนี้ไม่ต้องทนแล้ว...ขอโทษที่การมีแพรทำให้พี่กัณฑ์เป็นทุกข์...แพรไม่เคยรู้เลย...แต่ตอนนี้แพรรู้แล้ว...ขอโทษ...ขอโทษนะคะ’

เหมือนแพรสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของตัวเองในวันนั้น 

เธอเจ็บปวด แม้ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร 

เจ็บปวดเพราะอะไร อะไรทำให้เธอต้องพูดอย่างนั้น 

“พี่กัณฑ์...ไม่ได้...อยากอยู่กับเราเหรอ ต้องทนอยู่กับเรา?” เหมือนแพรพึมพำ 

เสียงนั้นไม่ได้ดังพอจะให้ทั้งกัณฑ์และปราณีจับใจความได้ แต่ทั้งคู่รู้สึกได้ว่าหญิงสาวมีบางอย่างที่ผิดปกติไป โดยเฉพาะกัณฑ์รีบมาแตะแขนน้อง นั่นทำให้เธอสะดุ้ง เมื่อเงยหน้ามาเจอกัน แววตาที่เธอมองเขาก็เปลี่ยนไป กัณฑ์จำได้ว่ามันเป็นแววตาเดียวกับที่น้องมองเขาในวันนั้น... 

 

“แพรไม่เป็นไรค่ะ” เหมือนแพรบอกอย่างนั้น แต่ทั้งกัณฑ์และปราณีกลับเห็นว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น เธอหน้าซีดแล้วมีอาการตัวสั่นหอบหายใจแรง ขยับหนีมือของกัณฑ์อย่างเห็นได้ชัด เบี่ยงตัวมาอยู่ข้างๆ ปราณี “แพรแค่เหนื่อย แพรอยากพัก...พี่ณีแพรอยากพัก”

“เดี๋ยวพี่พาไปพักนะ” 

“ไม่!” ปฏิเสธเสียงดังพร้อมปัดมือที่กำลังจะมาสวมกอดเธอทิ้ง แต่เมื่อกัณฑ์ยังทำท่าจะฝืน เธอก็ขยับถอยหลังหนี “ไม่! ไม่! ไม่ต้องมายุ่งกับแพร ไม่ต้องมาทนกับแพร ไม่ต้องแล้ว ไม่ต้องมาทนกับแพรแล้ว...ไม่!”

เหมือนแพรกรีดร้อง ยกมืออุดหูตัวเอง เพราะเวลานี้เธอได้ยินเสียงของกัณฑ์ที่ทำให้เธอน้ำตาไหลพราก หลับตาลงราวกับกลัวว่าเธอจะเห็นสีหน้าเจ้าของเสียงนั้น

‘ปัญหาทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเพราะเธอ! ถ้าเธอตายซะทุกอย่างก็คงจบ! พ่อเธอก็ไม่ต้องไปบังคับคนอื่นให้ต้องเดือดร้อนมารับผิดชอบเธอ! ถ้าไม่มีเธอทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้ เข้าใจมั้ยเหมือนแพร เข้าใจมั้ย! เธอคือความยุ่งยากทั้งหมดในชีวิตทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอ!’ 

“น้องแพร...” กัณฑ์กลัวว่าน้องจะล้มเพราะเธอหลับหูหลับตาก้าวถอยหลัง จึงพยายามจะคว้าตัวเธอให้ได้ แต่ยิ่งทำให้เธอผวา กรีดร้อง และดิ้นหนี “น้องแพร...ใจเย็นๆ น้องแพรมองหน้าพี่ มองพี่”

“ไม่! ไม่รู้ แพรไม่รู้ แพรทำอะไร แพรทำอะไร...เกิดอะไรขึ้นกับแพร!”

“กัณฑ์หยุดก่อน กัณฑ์!” ปราณีตั้งสติได้ เธอเห็นว่าสิ่งที่เหมือนแพรกลัวและพยายามหนีคือกัณฑ์ ถ้าเขายังพูด ยังพยายามจะคว้าตัวน้องไว้ เธอก็จะยิ่งดิ้นหนี จึงรั้งตัวน้องชายออกมา “พี่จัดการเอง ถอยออกมาก่อน...ไปไหนก็ไป ไปก่อน น้องแพรกลัวแก!”

กัณฑ์อยากจะแย้งว่าจะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร แต่เมื่อมาย้อนคิดคำพูดที่น้องหลุดปากก่อนหน้านี้มันก็ฟังมีเหตุผล หรือว่าน้องจะจำเหตุการณ์วันนั้นได้ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็ควรจะรีบอธิบาย เขาจะไม่ปล่อยให้น้องเข้าใจว่าเขาอยากให้เธอไปตายจริงๆ 

“ไม่...ไม่เอาแบบนี้ แพรขอโทษ แพรไม่ได้อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะแพร แพรขอโทษ...อย่ามายุ่งกับแพร ไม่ต้องมายุ่งกับแพรก็ได้ พอแล้ว...ไม่ต้องมาทนกับแพรแล้ว...พอแล้ว...แพรพอแล้ว...” เหมือนแพรทรุดลงไปนั่งกับพื้นสะอื้นฮักๆ หลับตา ยกมือปิดหูตัวเอง เป็นภาพที่น่าเวทนา 

กัณฑ์อยากเข้าไปหา อยากไปดึงน้องมากอด แต่เขาก็คงทำไม่ได้เมื่อปราณีไม่ยอมให้เขาทำอย่างนั้น แล้วเพียงแค่เขาทำท่าคุกเข่าลงตรงหน้าน้อง เพียงแค่เธอลืมตามาเห็นก็ถอยหนีและร้องโฮอีก

“น้องแพร...” เป็นปราณีที่ไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าคนที่ขวัญผวาหวาดกลัวสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ 

กัณฑ์เฝ้ามองอยู่ห่างออกไป มองมือของปราณีที่ยื่นไปจับตัวน้อง เธอเพียงแค่สะดุ้ง แต่ไม่ผวาหนีเหมือนตอนเป็นมือเขา 

“น้องแพรคะ ใจเย็นๆ นะคะ นี่พี่ณีเอง พี่ณีจะไม่ให้เจ้ากัณฑ์ทำอะไรน้องแพรนะคะ” 

เหมือนแพรไม่ยอมเอามือออกจากการปิดหูตัวเอง ยังคงก้มหน้า หลับตาสะอื้น ไม่ยอมรับรู้อะไร ไม่ได้ฟังสิ่งที่เธอบอก ปราณีหันมามองน้องชายที่ยังคงอยู่ตรงนั้น เธอไล่เขาให้ไปที่อื่นก่อน แต่น้องก็ดื้อแค่ขยับห่างออกไปอีกสองสามก้าว 

“น้องแพรบอกพี่มา เจ้ากัณฑ์มันทำอะไรน้องแพร พี่จะจัดการให้” ปราณีตัดสินใจถาม “จำได้มั้ยคะว่าเจ้ากัณฑ์ทำอะไรน้องแพร บอกพี่เลยค่ะ พี่จะจัดการให้ พี่ทำได้จริงๆ นะคะ เดี๋ยวพี่จะ…”

“ไม่! ไม่ได้ทำอะไรแพร พี่กัณฑ์ไม่ได้ทำอะไรแพร...” 

เหมือนแพรรีบคว้าแขนปราณีดึงไว้ เหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะไปเล่นงานกัณฑ์อย่างที่บอก เธอส่ายหน้าทั้งที่ยังสะอื้นฮักๆ มองปราณีอย่างขอร้อง เธอพยายามจะพูด แต่ก็พูดไม่ออก เพราะสะอื้นแรงจนพูดไม่ไหว ในขณะที่ปราณีเห็นน้องหันหน้าไปหาผู้ชายที่คุกเข่าอยู่ไม่ไกล 

แววตาที่เหมือนแพรใช้มองไม่ใช่แววตาของคนที่เกลียดกัน เป็นแววตาที่สะท้อนความเจ็บปวดเสียใจ ซึ่งตัวน้องชายเองก็คงรู้สึกแย่กับสิ่งที่น้องเป็นอยู่ เหมือนกับที่เธอรู้ว่า เหมือนแพรกำลังรู้สึกแย่กับคำพูดที่เขาไม่ได้ตั้งใจและไม่ได้เป็นจริงสักนิด แต่น้องกลับเชื่อไปแล้วว่ามันคือความจริง 

“พี่กัณฑ์ไม่ได้ทำอะไรแพร...แล้วไม่เอาแล้วนะ ไม่เอาแล้วนะ ไม่ต้องให้ใครบังคับพี่กัณฑ์...ไม่ต้องให้ใครบังคับพี่กัณฑ์มาอยู่กับแพร! แพรไม่ต้องการ! ไม่ต้องการให้คนที่ไม่รักแพรอยู่กับแพร! ไม่ต้องบังคับพี่กัณฑ์ ไม่ต้องให้พี่กัณฑ์มาทนอยู่กับแพร!”

 “พี่ไม่ได้ทน...ไม่ได้ทนอยู่กับน้องแพร” กัณฑ์พยายามจะบอก แต่เพียงแค่เขาเอ่ยปาก เหมือนแพรก็แสดงออกเหมือนเจ็บปวดกับคำปฏิเสธนั้น 

“พอแล้ว! ไม่ว่าตลอดมาจะมีใครบังคับพี่กัณฑ์ ต่อไปนี้พอแล้ว...พี่กัณฑ์ไม่ต้องมายุ่งกับแพร! แพรจะหย่าให้! แพรจะออกไปจากชีวิตพี่กัณฑ์!” 

 

คำว่า ‘หย่า’ และ ‘ไปให้พ้นจากชีวิต’ ไม่ได้สะเทือนใจแค่กับกัณฑ์เท่านั้น เพราะเวลานี้เหมือนแพรก็รู้สึกปวดร้าวไม่ต่างกัน นั่นคือสิ่งที่ปราณีเห็น เธอรู้สึกสงสารคนทั้งคู่ คนหนึ่งกำลังสับสนตื่นกลัวกับความจริงที่จำได้ปะติดปะต่อ ในขณะที่อีกคนก็เสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป 

“แพรไม่เอาแบบนี้ ไม่รักแพรแล้วมาทนอยู่กับแพรทำไม ใครบังคับพี่กัณฑ์ให้มาอยู่กับแพร บอกแพรสิ แพรจะไปคุย ไปบอกเขาว่าแพรไม่ได้ต้องการแบบนี้ ไม่ได้อยากให้ใครต้องมาทนอยู่กับแพร” เหมือนแพรสะอื้นฮักๆ เมื่อเธอไม่ได้คำตอบจากกัณฑ์จึงหันหน้ามาหาอีกคนที่อยู่ข้างๆ 

“พี่ณี พี่ณีบังคับพี่กัณฑ์เหรอคะ ใครบังคับพี่กัณฑ์ให้อยู่กับแพร” 

“น้องแพร...ใจเย็นๆ นะคะ” ปราณีดึงน้องเข้ามากอดในขณะใช้สายตาห้ามกัณฑ์ไม่ให้เข้ามาหาน้อง “ใจเย็นๆ นะคะ น้องแพรกำลังสับสนนะ ไม่มีใครบังคับกัณฑ์ให้แต่งงานกับน้องแพร อะไรทำให้น้องแพรคิดอย่างนั้นคะ”

“แพรได้ยิน...แพรจำได้ว่าพี่กัณฑ์บอกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะแพร แพรไม่รู้ว่าเรื่องอะไร ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พี่กัณฑ์ดูโกรธ พี่กัณฑ์ตวาดแพรเสียงดัง แพรไม่รู้ว่าทำไมพี่กัณฑ์โกรธแพร แพรจำไม่ได้ แต่แพรรู้ว่าแพรกลัว กลัวพี่กัณฑ์ที่โกรธแพร...โกรธที่แพรเป็นตัวปัญหา” 

“ไม่ใช่เลย น้องแพรไม่เคยเป็นปัญหาของใคร” ปราณีปาดน้ำตาให้น้อง “พี่รู้ว่าน้องแพรกำลังเสียใจ สับสนที่ตัวเองยังจำอะไรไม่ได้ แต่พี่ยังไม่อยากให้น้องแพรตัดสินเจ้ากัณฑ์ในตอนนี้นะ ให้เวลากัณฑ์หน่อย เมื่อน้องแพรจำทุกอย่างได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างน้องแพรกับน้องชายพี่ ถึงตอนนั้นถ้าน้องแพรจะทำอย่างที่พูดวันนี้ จะหย่ากับเจ้ากัณฑ์พี่ก็จะไม่ห้ามเลย” 

เหมือนแพรดูสงบลง ปราณีจึงประคองน้องให้ลุกขึ้นยืน 

“พี่ไม่ได้อยู่ด้วยในวันที่เกิดเรื่อง แต่ตลอดมาสิ่งที่พี่ได้ยินจากปากน้องแพรคือกัณฑ์เป็นสามีที่ดี ดูแลน้องแพรดี น้องแพรบอกว่ารักพี่กัณฑ์ ชอบที่จะอยู่กับพี่กัณฑ์ แล้วพี่ก็รู้ว่าเจ้ากัณฑ์ก็มีความสุขกับการได้อยู่กับน้องแพร พี่เป็นสาวโสดก็จริง แต่พี่ดูออกหรอกนะ ถ้าเจ้ากัณฑ์ถูกบังคับให้มาใช้ชีวิตอยู่กับน้องแพร มันก็ต้องแสดงออกให้เห็นบ้างสิ” 

“แต่แพรเห็น เห็นว่าพี่กัณฑ์รู้สึกอย่างนั้น แพรรู้ว่าพี่กัณฑ์โกรธแพร เกลียดแพร แพรไม่เห็นว่าพี่กัณฑ์รักแพรเลย ในบ้านนี้แพรเห็นแต่เรื่องที่พี่กัณฑ์...เกลียดแพร”

กัณฑ์พูดไม่ออก เขาอยากจะบอกว่าเขาไม่ได้เกลียดน้อง ไม่เคยเกลียด แต่รู้ว่าถ้าพูดอะไรออกไปตอนนี้มีแต่จะตอกย้ำให้น้องต่อต้าน เมื่อเธอยังไม่พร้อมจะรับฟังเขา 

“ก็เพราะน้องแพรยังจำไม่ได้ไงคะ” ปราณีพยายามช่วยน้องชาย รู้ว่าห่างออกไปน้องชายแอบมองอยู่ “รอให้จำได้ก่อน ถึงตอนนั้นก็ยังไม่สายที่น้องแพรจะหย่ากับเจ้ากัณฑ์นะ แล้วอีกอย่างตอนนี้น้องแพรท้องอยู่นะ ถ้าไม่เห็นแก่เจ้ากัณฑ์ ก็เห็นแก่ลูกนะ หลานพี่ณีจำเป็นต้องมีพ่อนะคะ”

หลังคำพูดของปราณี เหมือนแพรก้มมองท้องตัวเอง พลางยกมือแตะท้อง เธอครุ่นคิดครู่หนึ่ง ท่ามกลางกัณฑ์ที่ยังมองน้องไม่วางตา คาดหวังว่าเธอจะให้โอกาสเขา ซึ่งเวลานี้น้องหันหน้ามามองเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ 

“ขอโอกาสให้พี่นะครับ” กัณฑ์บอกน้องอย่างระมัดระวัง เพียงเขาจะขยับเข้าหา น้องก็ทำท่าจะถอยออกห่าง เธอไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้ นั่นทำให้เขาเสียใจ แต่ก็รู้ว่าความเสียใจของเขาเทียบไม่ได้กับสิ่งที่น้องต้องเผชิญ “พี่จะยอมทำตามความต้องการน้องแพรทุกอย่าง แต่อย่าเพิ่งตัดสินพี่เลยนะ อย่าบอกว่าจะหย่า อย่าบอกว่าจะไปจากชีวิตพี่เลยนะน้องแพร” 

เหมือนแพรยังคงไม่ให้คำตอบ เธอมองตากัณฑ์เหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่างในนั้นอยู่ครู่ใหญ่ อยู่ๆ ก็เป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีเสียเอง เพราะการมองตาคมคู่นั้นทำให้เธอใจอ่อน แต่สิ่งที่ยังก้องอยู่ในหัวเธอคือคำพูดที่ทำให้ใจเจ็บ หลอกหลอนให้เธอไม่หลงลืมว่า ผู้ชายคนนี้อยู่กับเธอเพราะถูกบังคับ คำถามที่ตามมาคือใครกันที่บังคับเขา 

พ่อ? 

บางสิ่งแวบเข้ามาในความคิด เสียงที่ก้องในหัวดังขึ้นอีกครั้งทำให้เหมือนแพรจับใจความประโยคได้มากขึ้น ภาพที่เธอถือที่ตรวจการตั้งครรภ์รีบลงบันไดมาเมื่อรู้ว่าสามีของเธอกลับมาถึงบ้าน ภาพที่เธอลุ้นอย่างเต็มที่หวังเซอร์ไพรส์พี่ จะบอกข่าวดีที่เธอคิดว่าพี่จะต้องดีใจ แล้วภาพก็ตัดไป 

ภาพที่เธอเห็นต่อมาคือสีหน้าพี่ที่ไม่ได้ดีใจอย่างที่เธอคาดหวัง 

พี่ไม่ได้มีความสุขกับข่าวดีที่เธอบอกอย่างนั้นหรือ 

ไม่ใช่สิ เธอยังไม่ได้บอกพี่ด้วยซ้ำ มีเรื่องอื่นเกิดขึ้นก่อน 

เรื่องอะไร 

‘ปัญหาทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเพราะเธอ! ถ้าเธอตายซะทุกอย่างก็คงจบ! พ่อเธอก็ไม่ต้องไปบังคับคนอื่นให้ต้องเดือดร้อนมารับผิดชอบเธอ! ถ้าไม่มีเธอทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้ เข้าใจมั้ยเหมือนแพร เข้าใจมั้ย! เธอคือความยุ่งยากทั้งหมดในชีวิตทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอ!’

ภาพที่กัณฑ์ระเบิดอารมณ์ใส่เธอปรากฏขึ้นชัดเจน ในขณะที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้นอกจากมองหน้าพี่ สะอื้นไห้ ช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้า แล้วภาพต่อมาที่เห็นคือกัณฑ์ผลักเธอออกห่างและเบือนหน้าหนีเธอราวกับเกลียดชังกัน 

‘พี่...พี่กัณฑ์...พี่กัณฑ์คะ’

‘พอก่อนแพร...’

‘พี่กัณฑ์...’

‘บอกว่าพอก่อนไง...พี่ยังไม่อยากฟังอะไรตอนนี้...เอาเป็นว่าพี่จะหาทางอื่นเอง จะหาทางช่วยดารินกับปิ่นด้วยวิธีอื่นเอง พี่ผิดเองที่คาดหวังกับแพรมากเกินไป พี่ควรรู้อยู่แล้วว่าน้องแพรเป็นยังไง’

นี่สินะสาเหตุของการถูกต่อว่า เพราะคนที่ชื่อ ‘ปิ่นและดาริน’ พี่กัณฑ์ต้องการช่วยคนทั้งสองจึงคาดหวังว่าเธอจะช่วยได้ แต่ในเมื่อเธอทำไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นโทษที่พี่ได้พิพากษาเธอ... 

“น้องแพร...” กัณฑ์เรียกเมื่อน้องนิ่งไป “น้องแพรครับ” 

เสียงนั้นทำให้เธอหลุดจากภวังค์อดีตที่เริ่มจำได้ เหมือนแพรมีคำถามมากมายที่ต้องหาคำตอบ และผู้ชายตรงหน้าเธอในเวลานี้น่าจะตอบได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ไหวแล้ว เธอรับมือไม่ไหว แทบจะคุมสติไว้ไม่อยู่ ทั้งหมดเป็นเพราะผู้ชายคนนี้ คนที่เธอปักใจเชื่อไปแล้วว่าเขาไม่ได้รักเธอ เขาทนอยู่กับเธอก็เพราะถูกพ่อของเธอบังคับ จะด้วยเหตุผลอะไรเธอยังจดจำไม่ได้ และดูเหมือนเธอในอดีตจะไม่กล้าจัดการกับมัน 

แต่ไม่ใช่วันนี้ 

วันที่เธอพร้อมจะรับทุกอย่างไว้กับตัว 

จะไม่ยอมให้ใครต้องมาทนอยู่กับเธอ 

เธอไม่ต้องการสามีที่ไม่ได้รักเธอ!

“พี่ณี...” เหมือนแพรไม่ตอบสิ่งที่กัณฑ์รอคอย แต่หันหน้ามาหาปราณี “แพรเหนื่อย แพรอยากพักค่ะ” 

“โอเคจ้ะ” ปราณีอยากช่วยน้องชาย แต่เวลานี้ผู้หญิงตรงหน้าคงต้องการพัก “กัณฑ์ มาพาน้องไปพักสิ” 

“ไม่เอาพี่กัณฑ์...” คำพูดนั้นยืนยันชัดว่าเวลานี้กัณฑ์ตกที่นั่งลำบากแล้วจริงๆ “ไม่ต้องบอกให้เขามาดูแลแพร...แพรไม่อยากโดนพูดใส่หน้าแบบนั้นอีก...แพรไม่อยากโดนรังเกียจแบบนั้นอีก” เหมือนแพรกัดฟันกลั้นสะอื้น 

“พี่ไม่ได้...ไม่ได้รังเกียจน้องแพร...ไม่เคยเลย”  เขารู้ว่าคำพูดที่หลุดปากไปเลวร้ายและรุนแรง แต่ไม่คิดว่ามันจะทำให้คนฟังรู้สึกแย่ได้ขนาดนี้... 

“เจ้ากัณฑ์...” ในน้ำเสียงสะบัดของเหมือนแพรเต็มไปด้วยความโกรธ น้อยใจ และเสียใจ ความรู้สึกสองอย่างหลังเกิดขึ้นได้เพราะน้องสัมผัสได้ถึงความรักที่เคยมี เหมือนแพรยังคงรักกัณฑ์ เพราะถ้าไม่รู้สึกว่ารักมาก คงไม่เจ็บมากขนาดนี้

“พี่ณี...” เหมือนแพรเร่งเร้า เขย่าแขนคนที่จะช่วยพาเธอไปจากตรงนี้ได้ 

“โอเคจ้ะ งั้นเดี๋ยวพี่พาน้องแพรไปพักนะ” ปราณีประคองเหมือนแพรเพื่อจะพาขึ้นข้างบน แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันมาหาน้องชาย ขยับปากบอกเบาๆ “ไม่ต้องห่วง พี่จะดูน้องให้...”

กัณฑ์ได้แต่มองตามน้องไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าวระคนสมน้ำหน้าตัวเอง...

นี่คือผลของสิ่งที่เขาพลั้งปากไป เขาต้องยอมรับและอยู่กับมัน

แต่สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นคือน้องที่ไม่ได้มีความผิดกลับต้องมาเป็นคนที่เจ็บปวดที่สุด! 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น