2
นางฟ้าสนามบิน
เสียงเพลงยอดฮิตดังกระหึ่มคลับหรูไม่ได้ทำให้หญิงสาวลูกครึ่งไทย-อิตาลีหยุดจมอยู่กับความคิดมากมายภายในหัว อิตาลีเป็นประเทศของพ่อผู้ให้กำเนิด ผู้ที่เธอทั้งรักและไม่อยากเข้าใกล้พอกันๆ เขาเป็นผู้ชายที่มองลูกสาวเช่นเธอเป็นเพียงสินค้าชนิดหนึ่ง ไม่มีประโยชน์อะไรให้คนเป็นพ่อต้องภาคภูมิใจ
‘อาร์มันโด้ แคสเซียส’ ไม่ใช่คนดี ไม่เช่นนั้นคงไม่ติดคุกจนตัวตาย แม้ไม่ใช่คนดีและไม่ได้ทำทำหน้าที่พ่อเช่นครอบครัวอื่น แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารักท่านไม่แพ้ลูกคนไหน
สองปีแล้วที่อาร์มันโด้จากไป แต่ความเศร้าเสียใจยังเกาะกินอยู่ในใจทุกครั้งที่มาประเทศบ้านเกิดของคนเป็นพ่อ ‘อัยรดา’ เลือกกลับบ้านเกิดของมารดาทันทีที่เรื่องวุ่นวายจบสิ้น
แม้ว่าพี่สาวต่างมารดาจะอยากให้อยู่ที่นี่ต่อ แต่ก็ขัดไม่ได้เมื่อทุกอย่างเป็นความต้องการของเธอ และเพราะเขาคนนั้นเกลียดเธอจนไม่อยากมองหน้า การกลับไปอยู่ในที่ของตัวเองย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
การกลับมาประเทศที่เธอทั้งรักและเกลียดอีกครั้งไม่ใช่แค่ครบรอบวันตายของบิดา แต่เธอกลับมาทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้แก่ใครคนหนึ่ง เวลาที่ล่วงเลยมานาน หวังว่าความเกลียดที่มีอยู่ในใจของเขาจะลดลงไปด้วย
“เลิกเศร้าได้แล้วอัยรดา”
หญิงสาวบอกตัวเอง ลบรอยยิ้มเศร้านั้นทิ้งไป เหลือแค่รอยยิ้มสดใสที่แม่เธอมักบอกเสมอว่าทำให้โลกนี้สดใสขึ้น นั่งมองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตรงหน้าที่หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้มีปริมาณเท่าไร หนึ่งชั่วโมงผ่านไปก็ยังมีปริมาณเท่าเดิม
“ไม่น่าสั่งมาให้เปลืองเงินเลย”
ครอบครัวฝั่งบิดาร่ำรวยมหาศาล ทว่าแท้จริงแล้วเธอก็เป็นเพียงลูกแม่บ้านคนหนึ่ง ฐานะฝั่งมารดาก็ไม่ได้ร่ำรวยเงินทอง ประกอบเพียงอาชีพทำสวนอยู่ในจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย การใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ย่อมมีค่าสำหรับเธอเสมอ
เธอเลือกมาไนต์คลับแห่งนี้เพราะคิดว่าเสียงดังๆ ผู้คนมากมายจะทำให้เลิกจมดิ่งกับอดีตได้ ทว่าความจริงแล้วกลับไม่ใช่แบบนั้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดเธอก็ยังคงคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นอยู่เสมอยามกลับมาที่นี่
“เธอควรจะกลับเสียทีอัยรดา” หญิงสาวบอกตัวเอง ก่อนเดินตรงไปยังทางออก ซึ่งแม้จะมีคนเดินออกมามากมาย ทว่าจำนวนคนเดินเข้าก็มากไม่แพ้กัน
ถึงจะเติบโตที่ประเทศไทย แต่ที่นี่ก็ถือว่าเป็นประเทศเกิดและทุกๆ ปีก็มักมาอยู่กับพี่สาวในช่วงปิดเทอม การไปไหนมาไหนคนเดียวจึงไม่เป็นปัญหาต่อคนสองประเทศเช่นเธอ
อัยรดาเดินออกจากคลับตรงไปยังรถที่จอดอยู่ด้านนอก แต่สายตาก็ดันเหลือบเห็นใครคนหนึ่งที่เดินมาพร้อมกับเพื่อนชายอีกสองคน หญิงสาวเร่งฝีเท้าแต่ก็ไม่ทำให้เกิดพิรุธ ก่อนจะเข้าไปหลบที่มุมเสาต้นหนึ่งอย่างเฉียดฉิว
“มีอะไรหรือเปล่าวะซีน แกเป็นแบบนี้ตั้งแต่ที่บริษัทแล้วนะ”
โดมินิกอดเอ่ยปากถามไม่ได้ เพราะอาการเพื่อนเขาเหมือนเห็นเมียพาชู้มาเที่ยวกำเริบขึ้นอีกครั้ง หลังจากเป็นแบบนี้เมื่อตอนออกจากบริษัทมา ทว่าไอ้คนปากแข็งก็ตอบเพียงว่าไม่มีอะไร แต่ไอ้ท่าทางของมันบอกชัดๆ เลยว่ามีแน่ๆ
“นั่นสิครับ คุณโลเวลเห็นอะไรหรือครับ”
โคลด์เองก็สงสัยเช่นเดียวกับโดมินิก ขนาดตอนนี้เจ้านายหนุ่มยังเดินหาบางอย่างอยู่เลย ทั้งที่เมื่อครู่ก็เดินมาด้วยกันดีๆ อยู่ แต่พอจะเข้าไปในคลับกลับเดินออกมาตามหาอะไรบางอย่างเหมือนทำของหาย
“ไม่มีอะไรหรอก” ชายหนุ่มส่ายหน้าให้ความบ้าของตัวเอง
ตอนอยู่ที่บริษัทเขาคิดเป็นตุเป็นตะว่าตัวเองเจอผู้หญิงคนนั้น และเขาก็คิดว่าเพิ่งเห็นเธอเดินสวนออกมาจากไนต์คลับเมื่อครู่ แต่มันจะเป็นไปได้หรือ หญิงสาวจะอยู่ในสถานที่เดียวกันกับเขาได้ถึงสองครั้งสองคราเลยหรือ
บางทีสิ่งที่เขาคิดว่าเห็นอาจจะเป็นแค่จิตใต้สำนึกที่อยากพบเธออีกครั้ง จนกลายเป็นภาพหลอนขึ้นมา และไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรอยู่ก็จะเห็นภาพเธอวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
“ฉันคงตาฝาดไป” ไม่ใช่แค่บอกเพื่อน แต่เขากำลังบอกตัวเองด้วยว่าภาพที่เห็นมันก็แค่ภาพหลอนเท่านั้น
“ตาฝาดเห็นเมียพาชู้มาเที่ยวหรือไง” โดมินิกแขวะ
“เมียแกน่ะสิพาชู้มาเที่ยว” คนถูกแขวะตอบกลับ ทว่าก็ไม่สบอารมณ์เมื่อเพื่อนตัวดีตีรวนใส่
“ซันนี่ยังไม่กลับมาจากไทยนี่หว่า คงไม่มีเวลาพาชู้มาเที่ยวแบบนี้”
“ยายซันไม่ใช่เมียแกโว้ย” คนหวงน้องบอกจบก็เดินเข้าไปด้านใน ก่อนที่เขาจะหมั่นไส้เพื่อนจนบีบคอให้มันตายๆ ไปเสียก่อน
“ถูกของคุณโลเวลครับ คุณหนูไม่ใช่เมียของคุณโดมินิก” โคลด์ย้ำ ก่อนเดินตามผู้เป็นนายเข้าไป
“ทั้งน้องของแกไอ้ซีน แล้วก็คุณหนูของแกไอ้โคลด์ สุดท้ายก็เป็นเมียฉันโว้ย”
“ผมกำลังจะออกไปทำงานครับคุณโคลด์…ครับ ผมจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้แหละครับ…สวัสดีครับคุณโคลด์”
โลเวลตัดสายเลขาฯ หนุ่มที่โทร. มาปลุกตั้งแต่เช้า เพื่อให้เขาออกไปทำงานให้ทันเวลา เท่านั้นยังไม่พอ หนึ่งชั่วโมงผ่านไปลูกน้องผู้ตั้งใจทำงานอย่างเคร่งครัดก็โทร. มาเร่งอีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่าหากออกสายกว่านี้แม้แต่นาทีเดียวรถจะติดและอาจจะมาทำงานสาย ซึ่งจะต้องรายงานนายใหญ่ให้ทราบต่อไป
“ตกลงมันเป็นลูกน้องหรือเจ้าของบริษัทกันแน่วะ โทร. จิกยิ่งกว่าเมียซะอีก” ชายหนุ่มสบถใส่โทรศัพท์มือถือแล้วเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อ เปิดประตูเดินออกไปจากห้องโดยไม่เร่งรีบตามคำเตือนของเลขาฯ หนุ่ม
โลเวลแปลกใจเมื่อเห็นประตูห้องตรงข้ามซึ่งรู้มาว่ายังไม่มีคนเช่าปิดพร้อมๆ กับที่เขาเปิดประตูออกจากห้อง แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ เขาคิดว่าตัวเองเห็นภาพหลอนอีกครั้ง ภาพของหญิงสาวที่เขาเห็นในสนามบินวันนั้น
“มันจะเป็นไปได้ยังไงวะซีน”
ชายหนุ่มบอกตัวเอง ภาพที่เห็นคงเป็นภาพหลอนเช่นครั้งก่อนๆ และควรจะชินกับอาการนี้เสียที เพราะตั้งแต่พบหญิงสาวครั้งนั้น ทุกคืนเขาก็ฝันถึงเธอ แถมตอนตื่นก็ยังเห็นภาพเธอปรากฏอยู่รอบตัว จนไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือแค่คิดไปเอง
“แกท่าจะเป็นเอามากนะซีน”
คนเป็นเอามากยืนมองบานประตูตรงหน้า ก่อนจะตัดใจเดินไปยังลิฟต์เพื่อออกไปทำงาน ถ้าขืนช้ากว่านี้โคลด์คงได้มาตามถึงที่นี่ และเขารู้ว่าคนอย่างมันทำจริงแน่
ทางด้านอัยรดากำลังจะออกไปข้างนอก แต่ต้องรีบปิดประตูกลับเช่นเดิม เนื่องจากประตูห้องฝั่งตรงข้ามเกิดเปิดขึ้นมาพร้อมกันพอดิบพอดี ก่อนจะค่อยๆ แง้มประตูเปิดอีกครั้งเมื่อเห็นทางจอมอนิเตอร์ว่าคนหน้าห้องเดินจากไปแล้ว
หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ใครจะคิดว่าโลเวลจะเปิดประตูมาพร้อมกับเธอ ก่อนจะมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือเมื่อมีสายเข้ามา
“ว่ายังไงเดม่อน…ฉันกำลังจะออกไป”
อัยรดาบอกคนที่มีศักดิ์เป็นหลาน ทว่าคนเป็นหลานคนนี้กลับมองเธอเป็นน้องสาวเขาเสียมากกว่า ทั้งที่เจ้าตัวมีอายุแค่สิบหกปีด้วยซ้ำ
หากไปไหนมาไหนด้วยกันคงไม่แปลกที่คนจะมองว่าเธอเป็นน้องสาวหรือแฟนสาวของเดม่อน รายนั้นตัวสูงใหญ่เกินกว่าวัยรุ่นทั่วไป ส่วนเธอแม้จะมีอายุถึงยี่สิบห้าปีแล้ว ทว่าเชื้อสายเอเชียของฝั่งมารดาก็มีมากกว่าฝรั่งยุโรปของบิดา จึงตัวเล็กและดูเด็กกว่าอายุจริง
“ฉันอยู่ที่นี่ก็สบายดี นายไม่ต้องห่วงหรอก” อัยรดายิ้ม ดูท่าเดม่อนจะเป็นห่วงการเป็นอยู่ของเธอไม่น้อย
การเลือกอยู่อะพาร์ตเมนต์ของพี่สาวแทนการกลับไปอยู่ที่บ้านก็ไม่ลำบากมากนัก และเธอชอบที่จะอยู่ที่นี่มากกว่าบ้านหลังใหญ่นั้น คงเพราะบ้านหลังนั้นมีความทรงจำเกี่ยวกับแม่มากมาย การเดินกลับเข้าไปอีกครั้งจึงเหมือนรื้อความทรงจำในอดีตกลับมา พานทำให้เธอเสียน้ำตาทุกทีไป
เธอเองก็เพิ่งรู้เมื่อครู่นี้ว่าโลเวลอาศัยอยู่ที่นี่เช่นกัน จากที่ได้รับการบอกเล่ามาจากพี่สาว ชายหนุ่มเป็นพวกไม่อยู่ติดบ้าน เขาจะเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อยตามความพอใจ หรือตามที่อยู่ของคู่ขาสาวที่กำลังควงอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดีที่ตอนนี้โลเวลพอใจที่จะอยู่ในอะพาร์ตเมนต์เดียวกันกับเธอ
“ฉันจะวางสายแล้วนะ แล้วเจอกัน” อัยรดากดตัดสาย นึกถึงเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นถึงสามครั้งสามคราก็ยิ้มขัน การมาอิตาลีครั้งนี้คงมีเรื่องให้สนุกอีกเยอะ
หญิงสาวเดินตรงไปยังลิฟต์โดยไม่ได้รีบร้อนมากนัก ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มหวาน หวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีของเธอ ทว่าจังหวะที่เลี้ยวตรงมุมทางเดินเพื่อไปรอลิฟต์ก็ต้องตกใจจนเผลอปล่อยกุญแจรถร่วงตกพื้นเพราะได้ยินเสียงทุ้มที่เอ่ยทัก
“เจอกันอีกแล้วนะครับ”
“อุ๊ย! แม่ร่วง” อัยรดาอุทานออกมาด้วยความตกใจ รีบก้มเก็บกุญแจขึ้นมาเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะพยายามตั้งสติให้รับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้
ชายร่างสูงที่ยืนพิงผนังขยับตัวยืนตรง มองหน้าหวานที่ติดตาตรึงใจเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้ากัน
โลเวลยังคงเชื่อว่าเขาไม่ได้ตาฝาด และมั่นใจว่าคนที่อยู่ในห้องฝั่งตรงข้ามจงใจปิดประตูทันทีที่เห็นหน้าเขา ทว่าก็ยังไม่มั่นใจเต็มร้อยว่าจะเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่เขาเจอหรือเปล่า จึงแสร้งเดินให้พ้นรัศมีห้องมาก่อน และมาดักรออยู่ตรงมุมที่ต้องเดินผ่านเพื่อไปรอลิฟต์
ชายหนุ่มตัดสินใจไม่พลาดนัก เพราะหลังจากนั้นไม่นานเจ้าของห้องฝั่งตรงข้ามก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมกับเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำด้วยความดีใจ
“เอ่อ…เราเคยเจอกันมาก่อนหรือคะ” อัยรดาแสร้งทำเป็นจำเขาไม่ได้ เมื่อสถานการณ์ที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว คงต้องเดินตามเกมของเขาไป และแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน
“นี่คุณจำผมไม่ได้เหรอ” โลเวลเสียเซลฟ์เล็กน้อยเมื่อไม่เป็นที่จดจำของหญิงสาว ก่อนจะเงยหน้ายิ้มสู้ อยากได้ก็ต้องหน้าด้านสู้หน่อยแล้วกัน
“ฉันขอโทษค่ะที่จำคุณไม่ได้” หญิงสาวแสดงสีหน้ารู้สึกผิด ยิ่งเห็นคนมั่นใจในตัวเองหน้าเสียก็พอใจ โลเวลไม่เคยเป็นฝ่ายวิ่งตามใคร เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายไล่ล่าเขาเอง อยากรู้นักว่าการล่าเหยื่อของชายหนุ่มจะน่าสนใจแค่ไหน
ใช่ว่าดูไม่ออกว่าเขาต้องการอะไรจากเธอ เพราะสายตาที่เปิดเผยออกมาอย่างโจ่งแจ้งนั่นเอง แต่ก็ถือว่าเจ๊ากันเพราะเธอก็มีบางอย่างที่ต้องการจากเขาเช่นกัน
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้บ่งบอกว่าไม่เป็นไร “ถึงวันนี้คุณจะจำผมไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ผมเชื่อว่าหลังจากนี้ไปคุณจะไม่มีวันลืมผมได้”
“ดูคุณมั่นใจนะคะ”
“ผมมั่นใจในสิ่งที่มันกำลังจะเกิดเสมอครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยความมั่นใจ ก่อนจะเอ่ยแนะนำตัวเองอย่างที่ไม่เคยทำต่อหน้าสตรีคนไหน เพราะพวกเธอเหล่านั้นต่างก็รู้จักเขาดี “ผมโลเวลครับ”
อัยรดายิ้มรับ ก่อนแนะนำตัวกลับโดยไม่ให้เสียมารยาท “ฉันอัยย์ อัยรดาค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ชายหนุ่มยื่นมือไปตรงหน้า
“เช่นกันค่ะ” หญิงสาวเอื้อมไปจับมือหนาที่ยื่นค้างรออยู่ ก่อนจะชักมือกลับทันทีเมื่อมือสัมผัสกัน
“คุณมาเที่ยวโรมหรือครับ” ชายหนุ่มชวนคุยระหว่างเดินไปยืนรอหน้าลิฟต์ แม้หญิงสาวจะไว้ท่าทีประมาณหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ดูเหมือนจะเข้าไม่ถึงเสียทีเดียว เรียกได้ว่าหญิงสาวรู้จักวางตัวเป็น เพื่อที่จะให้เสืออย่างเขาคลั่งจนพร้อมกระโจนใส่
“ก็ด้วยค่ะ” อัยรดาตอบแค่นั้น ไม่ได้ขยายความต่อ เธอรู้ว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนควรเล่นตัว หรือเวลาไหนควรใช้มารยาหญิง เนื่องจากได้รับการเทรนมาอย่างดีจากผู้เชี่ยวชาญและรู้จักชายตรงหน้าดี
“ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือหรืออยากมีไกด์ส่วนตัวก็เรียกผมได้นะครับ”
ชายหนุ่มผายมือให้หญิงสาวเข้าไปด้านในก่อนเมื่อลิฟต์มาพอดี รู้สึกทำตัวไม่ถูกเช่นกันเพราะไม่เคยมีใครหมางเมินใส่เช่นนี้ ถามคำ ตอบคำ แถมยังไม่คิดขยายความเสียด้วย
“ความคุณสำหรับน้ำใจนะคะ” หญิงสาวค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ส่งยิ้มให้เขาแล้วยืนนิ่งมองตัวลงที่นับถอยลงเรื่อยๆ จนถึงที่หมาย ก่อนเอ่ยลา “ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“เชิญครับ”
ชายหนุ่มมองคนร่างบางที่เดินตรงไปยังรถของตัวเองซึ่งจอดอยู่หน้าอะพาร์ตเมนต์ ก่อนขับออกไปโดยไม่ทิ้งสายตาหรือแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ดูต่างหน้า ช่างผิดไปจากผู้หญิงที่เคยพบเจอ
“ปกติต้องได้เบอร์แล้วนี่หว่า แต่ก็นั่นแหละ นี่มันไม่ปกตินี่” ชายหนุ่มปลอบใจตัวเอง เพราะถึงยังไงหญิงสาวก็หนีเขาไม่พ้นหรอก เพราะรู้ทั้งชื่อและที่อยู่ขนาดนี้
โลเวลเตรียมจะเดินไปที่รถเช่นกัน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อมีชายคนหนึ่งเดินมาขวางหน้าไว้
“เฮ้ย! มาได้ไงวะเนี่ย”
“คุณสายไปสิบห้านาทีนะครับคุณโลเวล”
“มัวแต่คุยกับนางฟ้าอยู่” ชายหนุ่มบอกอย่างไม่ใส่ใจ โยนกุญแจรถให้ลูกน้องหนุ่ม เมื่อมาแล้วก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์เสียหน่อย เขาจะได้นั่งนึกแผนการทำความรู้จักนางฟ้า
“แฮงเอาต์จากเมื่อคืนยังไม่หายเหรอครับ” โคลด์คว้ากุญแจรถมาถือไว้ เดินตรงไปยังรถเจ้านายที่จอดอยู่ไม่ไกล
“แกไม่เห็นผู้หญิงที่ลงมาพร้อมฉันเมื่อกี้เหรอ” โลเวลถามขณะเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อย
สารถีจำเป็นเดินเข้ามานั่งประจำที่ตัวเองแล้วออกรถ มองกระจกหลังยังเห็นผู้เป็นนายทำท่าเคลิ้มไม่หายจึงถามว่า “เธอสวยขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ตั้งแต่เจอเธอที่สนามบิน ฉันก็ไม่เคยลืมหน้าหวานๆ ของเธอเลย”
“แสดงว่าสวย” โคลด์สรุปให้ตัวเอง
“ไม่ใช่สวยธรรมดา แต่สวยมาก”
“แล้วยังไงครับ”
“ฉันอยากได้”
“ให้ผมไปบอกเธอให้ไหม” เลขาฯ หนุ่มเสนอให้อย่างมีน้ำใจ
“ระดับฉันไม่ต้องถึงมือนายหรอกโคลด์ งานนี้ฉันลุยเองเว้ย”
“งั้นก็แสดงว่าได้เบอร์มาแล้ว”
“ยังไม่ได้ขอ”
“แสดงว่าผู้หญิงเขาไม่ค่อยจะสนใจคุณเท่าไหร่นะครับ” โคลด์วิเคราะห์
ระดับโลเวลเจ้าของฉายาคุณชายมาเฟียให้ความสนใจเธอขนาดนี้ ทว่าเจ้าหล่อนกลับไม่แม้แต่จะให้ช่องทางการติดต่อไว้ ฉะนั้นจึงคิดได้สองทางคือ หญิงสาวฉลาดเลือก และโลเวลไม่น่าสนใจพอ
“แกดูถูกฉันเกินไปแล้ว โคลด์ เทรย์เวอร์”
“ผมพูดความจริงนะครับ จากที่ผ่านมาผู้หญิงที่คุณแสดงท่าทีสนใจ มีใครบ้างที่จะปฏิเสธคุณ” ชายหนุ่มยกตัวอย่าง และคำตอบที่ได้ก็ไม่ต่างจากที่คิดไว้สักเท่าไร
“ไม่มี”
“นั่นไงครับ แต่ผู้หญิงคนนี้เธอฉลาดเลือก”
“ผู้หญิงเขาแค่ไว้ท่าทีหรอก เดี๋ยวหยอดอีกหน่อยขี้คร้านจะติดฉันแจ”
ชายหนุ่มยกตัวอย่างจากประสบการณ์ที่เคยเจอ อาจจะมีเล่นตัวในช่วงแรก แต่สายตาพวกหล่อนก็บอกชัดว่าเตรียมจะกระโจนใส่เขาเช่นกัน แค่เล่นตัวเพื่ออัปราคาทั้งนั้น แม้ผู้หญิงที่เขาเจอคนนี้จะให้ความรู้สึกแปลกไป แต่เขาเชื่อว่าเธอเองก็พึงใจเขาไม่น้อยเช่นกัน
“ขอให้คุณโลเวลสมหวังครับ”
“ขอบคุณ” ชายหนุ่มบอกเสียงสะบัด
คำอวยพรของโคลด์นั้นมันคือคำท้าทายดีๆ นี่เอง เฮอะ…ถึงลูกน้องหนุ่มไม่ท้าเขาก็พร้อมเข้าพุ่งชนอยู่แล้ว ก็ดูผลลัพธ์ที่จะได้สิ ทั้งขาว สวย เอกซ์ อึ๋ม เรียกได้ว่าสวรรค์ของผู้ชายชัดๆ
“ว่าแต่ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้า”
“ผมยังไม่ได้บอกคุณโลเวลหรือครับว่าผมอยู่ที่นี่”
“นี่กะจะเป็นเงาตามตัวจริงๆ เลยใช่ไหม” โลเวลทำหน้าเซ็ง ไม่คิดว่าคนเป็นพ่อจะทำกันถึงขนาดนี้ คนเป็นลูกเช่นเขาจะทำอะไรได้นอกจากต้องทำใจยอมรับ
คฤหาสน์แคสเซียส
“สวัสดีค่ะมาดาม” อัยรดายกมือไหว้มาดามคิงส์ตัน หรือ ‘นิรดา ณิชกุล’ มารดาของผู้ชายที่เธอเพิ่งเจอไปก่อนหน้านี้ และยิ้มให้เมื่อท่านกางแขนออกรออ้อมกอดจากเธอ ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ปล่อยให้ท่านรอนาน เข้าไปสวมกอดท่านด้วยความรักและเคารพไม่แพ้คนเป็นพี่
มาดามนิรดาอายุไล่เลี่ยกับริฮานน่าพี่สาวเธอ แถมทั้งสองยังเป็นสะใภ้ของบ้านคิงส์ตันไม่ต่างกัน ทุกครั้งที่มาเยี่ยมเยียนพี่สาวก็มักมีท่านเป็นแขกของที่บ้านอยู่เสมอ ความรักที่นิรดามอบให้อบอุ่นเช่นเดียวกับความรักของมารดาที่ล่วงลับไปแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเองก็รู้สึกอบอุ่นและอุ่นใจทุกครั้งที่ได้รับอ้อมกอดนี้
“แม่ไม่ได้เจอน้องดานานแค่ไหนแล้วนะ” นิรดาเอ่ยถามทั้งที่ยังไม่ยอมปล่อยให้คนรุ่นลูกได้เป็นอิสระ
“เกือบหกเดือนค่ะ”
“ดูสิ ไม่เจอกันนาน หนูดูคล้ำขึ้นรึเปล่า” นิรดาดันคนตัวเล็กออก สำรวจร่างบางพร้อมลูบสัมผัสผิวเนียนที่ดูคล้ำแดดลงไปกว่าครั้งก่อนที่เจอกัน
นิรดาพบหญิงสาวตรงหน้าเมื่อหลายปีก่อน คราแรกเพราะสงสารเด็กหญิงตัวเล็กที่สูญเสียแม่ไปคนหนึ่งแล้วคนเป็นพ่อต้องมาติดคุก แม้อาร์มันโด้จะเคยทำไม่ดีกับเธอและครอบครัวไว้ ทว่าเด็กหญิงอัยรดาในตอนนั้นช่างน่าสงสารนัก
เวลาผ่านไปความสงสารที่มีก็กลายเป็นความรักเสมือนแม่คนหนึ่งที่มีต่อลูก ยิ่งรู้ว่าเด็กหญิงผอมแห้งในวันนั้นเติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่งในวันนี้และรู้สึกเช่นไรกับลูกชายคนโตของเธอก็ยิ่งรักหญิงสาวมากขึ้น หวังว่าความน่ารักในตัวอัยรดาจะทำให้โลเวลหลงรักได้ไม่ยาก
“ก่อนมาน้องดาช่วยคุณตาลงผลไม้มาค่ะ เลยคล้ำแดดไปหน่อย” หญิงสาวเล่าให้ฟังด้วยความสนุก
ปกติอัยรดาอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะต้องเรียนหนังสือ แต่ยามว่างหญิงสาวก็มักขับรถไปยังบ้านสวนที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงไม่มาก และทุกครั้งที่ได้ไปเยือนก็รู้สึกสนุกไปกับมันได้ทุกครั้ง
แม้คนเป็นแม่จะอายุสั้น ทว่าคุณตาคุณยายของเธอก็ยังคงแข็งแรงดี สวนผลไม้ที่มีเกือบร้อยไร่ท่านทั้งสองก็ดูแลด้วยตัวเองพร้อมกับคนงานจำนวนหนึ่ง
“เดี๋ยววันหลังเราไปสปากันนะคะ”
“ได้ค่ะมาดาม” อัยรดายิ้มรับ
“บอกแล้วไงให้เรียกแม่ เด็กคนนี้นี่” นิรดาเอ็ดคนไม่เคยทำตามเสียงเขียว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอบอุ่นตามมา “เรียกแม่ฝันแบบที่พี่ภัทรเรียกสิลูก”
“ค่ะแม่ฝัน” อัยรดาทำตามอย่างว่าง่าย รู้สึกขอบคุณผู้หญิงตรงหน้าไม่น้อยที่เอ็นดูเธอเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง รวมถึงพี่สาวต่างมารดาที่ไม่เคยมองเธอเป็นน้อง แต่กลับมองเธอเหมือนลูกสาว
“สองแม่ลูกทางนั้นน่ะ มาทานข้าวกันได้แล้ว”
ริฮานน่าที่ลงมือทำอาหารต้อนรับน้องสาวเพียงคนเดียวด้วยตัวเองกวักมือเรียก เมื่อสองหนุ่มใหญ่นิคาโอกับไมลีย์นั่งคอยท่าอยู่ที่โต๊ะเรียบร้อย
“ไปทานข้าวกันเถอะลูก” นิรดาจูงมืออัยรดาเดินเข้าไปด้านในห้องอาหาร ตลอดทางเดินสองสาวต่างวัยก็มีเรื่องราวมากมายระหว่างที่ไม่ได้เจอกันมาเล่าสู่กันฟัง จนคนที่เห็นภาพความน่ารักนี้อดแซ็วไม่ได้
“ตั้งแต่มาถึงคุณยังไม่สนใจผมเลยนะที่รัก”
นิคาโอโอดใส่ภรรยา ตั้งแต่มาถึงบ้านแคสเซียสเธอก็เอาแต่ขลุกอยู่กับริฮานน่า ปล่อยให้เขานั่งอยู่กับไมลีย์โดยไม่คิดจะสนใจ มันก็ไม่ได้น่าเบื่อหรอกที่ต้องนั่งคุยกับพี่ชายซึ่งไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกัน ทว่าการไม่มีร่างนุ่มนิ่มคอยวนเวียนอยู่ข้างกายก็ทำให้เหมือนขาดบางอย่างไป
“ฉันสนใจคุณตลอดเวลาอยู่แล้วค่ะนิค” นิรดาหันไปตอบสามี ก่อนจะหันมาคุยกับหญิงสาวรุ่นลูกที่เธอมีเรื่องมากมายอยากถามไถ่ “น้องดาเจอพี่ภัทรหรือยังลูก”
“ยังเลยค่ะ” หญิงสาวปด เพราะหากตอบว่าเจอกันแล้ว แถมโลเวลจำเธอไม่ได้ คงมีคำถามอีกมากมายตามมา ไม่ใช่แค่จากนิรดา ทว่าจากทุกคนบนโต๊ะอาหารต่างหาก
“ให้แม่นัดพี่ภัทรให้ไหม เราจะได้ทำความรู้จักกันไว้” นิรดาออกตัวเต็มที่
เธอพร้อมทำทุกอย่างให้ได้อัยรดามาเป็นลูกสะใภ้ หากลูกชายตัวแสบของเธอได้เจอน้องดา ความแรดเรื่องผู้หญิงที่มีอยู่ในตัวโลเวลอาจจะลดลงไปบ้าง
ไม่รู้เพราะนิสัยส่วนตัวหรือได้คนเป็นพ่อมาเต็มๆ โลเวลถึงเจ้าสำราญยิ่งนัก ไม่มีวันไหนที่ชายหนุ่มจะไม่ตกเป็นข่าวกับผู้หญิง
“พี่เขาคงไม่อยากเจอน้องดาหรอกค่ะ” หญิงสาวบอกเสียงเศร้า
ทุกคนในที่นี้ก็รู้ว่าโลเวลไม่ชอบหน้าเธอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร หากมีเธออยู่ที่ใดเขาก็มักหลีกเลี่ยงเสมอ เช่นวันนี้…
“วันนี้พี่เขาติดงานเลยไม่ว่างมา น้องดาอย่าเสียใจเลยนะลูก” นิรดาแก้ตัวแทนลูกชาย ทั้งที่ความจริงโลเวลไม่ได้ติดงานหรือธุระอะไร ทว่าชายหนุ่มมักมีข้ออ้างที่จะไม่มาบ้านหลังนี้เสมอ
“น้องดาไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เราทานข้าวกันดีกว่านะคะ”
อัยรดายิ้มร่าเริง ไม่ให้ทุกคนต้องเป็นห่วง รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้มีงานอะไรอย่างที่มารดาเขาต้องการช่วย ทว่าก็ไม่แปลกใจนักที่เขาจะไม่ยอมมาที่นี่ เพราะทุกคนรู้ดีว่าโลเวลไม่เคยให้อภัยกับสิ่งที่อาร์มันโด้ทำไว้ แม้ตอนนี้ชายคนนั้นจะลาจากโลกไปแล้วก็ตาม
“นั่นสิที่รัก อย่าเพิ่งชวนน้องดาคุยสิ อย่าลืมว่าวันนี้คุณมีเวลาทั้งวัน”
“ก็ได้ค่ะ” อัยรดายิ้มให้ทุกคน ลงมือจัดการกับอาหารน่ากินตรงหน้า ทว่าก็ต้องตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว และรู้ได้ทันทีว่าเจ้าของอ้อมกอดนี้เป็นใคร
“เดม่อนคิดถึงอัยย์ที่สุดเลย”
“ปล่อยน้องดาก่อนเถอะเจ้าเดม่อน ก่อนที่น้าเราจะสำลักข้าวเสียก่อน”
ไมลีย์เอ่ยเตือนลูกชายวัยสิบหกที่โผล่พรวดเข้ามากอดอัยรดาจนทำให้หญิงสาวตกใจเกือบสำลัก
คนถูกปรามยอมทำตามแต่โดยดี ทิ้งตัวนั่งลงข้างคนเป็นน้าที่เขามองว่าเป็นน้องสาวคนเล็กเสียมากกว่า เพราะอัยรดาดูบอบบางยิ่งนัก และเขาก็พร้อมจะปกป้องเธอ
“ทำไมอัยย์มาถึงแล้วไม่ขึ้นไปเรียกเค้าล่ะ” เดม่อนมักเรียกหญิงสาวด้วยชื่อใหม่ ไม่เหมือนกับคนอื่นที่ยังเรียกว่าน้องดาติดปาก
“แม่ก็ให้คนไปเรียกแล้วนี่” ริฮานน่าส่ายหัวให้ลูกชายที่วันนี้แต่งตัวนานเป็นพิเศษ
“พอลลี่ไปเรียกลงมาทานข้าว แต่ไม่ได้บอกว่าอัยย์มาแล้วเสียหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ทานข้าวกันเถอะ ฉันหิวจนแสบท้องไปหมดแล้วเนี่ย” อัยรดาบอก
“ถ้าอย่างนั้นก็ทานกันเถอะ” เด็กหนุ่มกระตือรือร้นเพราะไม่อยากให้น้าสาวทนหิว ก่อนจะชวนคุยต่อเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มกิน “วันนี้เราไปเที่ยวกันนะอัยย์”
“เสียใจจ้ะเดม่อน เพราะวันนี้แม่ฝันจองตัวน้องดาแล้ว” นิรดาบอกอย่างผู้เหนือกว่า “มาทีหลังก็รอคิวไปนะคะหนุ่มน้อย หรือจะให้แม่ฝันเรียกเจ้าซีน่อนให้” เธอเสนอทางเลือกให้ ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายหน้า
“ผมขออยู่กับแม่ฝันกับอัยย์ดีกว่า”
“แต่วันนี้มีเทสรถมาใหม่ที่สนามนะเดม่อน ลูกไม่อยากไปเหรอ” นิรดาเอาเรื่องที่เด็กหนุ่มชอบมาล่อ แต่เดม่อนก็ยังส่ายหัวเหมือนเดิม
“ผมไปเทสวันหลังก็ได้ อยากอยู่กับอัยย์มากกว่า”
“งั้นก็ตามใจ แต่อย่ามาบ่นว่าเบื่อก็แล้วกัน เพราะผู้หญิงเขาจะคุยกัน”
“ไม่มีปัญหาครับ”
“เรานี่ทำตัวเหมือนน้องดาเป็นแฟนเข้าทุกทีแล้วนะเจ้าเดม่อน” ริฮานน่าเอ่ยแซ็วอย่างไม่จริงจังนัก เพราะลูกชายเธอติดน้าสาวแจ ทุกครั้งที่อัยรดากลับมาเยี่ยมเยียนก็จะมีเดม่อนคอยเป็นองครักษ์ตามติดไปทุกฝีก้าว
“มี้คิดมากไปแล้ว ผมแค่กลัวว่าอัยย์จะเหงา เพราะไม่มีเพื่อนอยู่ที่นี่ต่างหาก” เดม่อนรีบแก้ตัว มือที่บีบกันแน่นอยู่ใต้โต๊ะค่อยๆ คลายออก เมื่อทุกคนส่ายหน้าอย่างไม่ติดใจอะไร
“เราก็อย่าหวงน้องดามากไป เดี๋ยวจะไม่มีใครกล้ามาจีบ ไม่อยากอุ้มหลานรึไง”
“ไม่อยากฮะ” เดม่อนตอบโดยไม่ต้องคิด ก่อนจะตักอาหารไทยที่มารดาร่ำเรียนมาจากแม่ฝันใส่จานอัยรดาด้วยความใส่ใจ “กินเยอะๆ นะอัยย์ จะได้โตไวๆ”
“นายนั่นแหละที่ควรกินเยอะๆ” อัยรดาตักกับข้าวใส่จานของเดม่อนบ้าง
“ทั้งสองคนนั่นแหละที่ควรจะกินเยอะๆ”
ริฮานน่าห้ามทัพของทั้งสองที่แย่งกันตักอาหารใส่จานของอีกฝ่าย ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีๆ ทั้งสองก็ยังเล่นกันเหมือนตอนเด็กไม่มีเปลี่ยน
น้องสาวที่เธอเป็นห่วงโตขึ้นเป็นสาวสวยสะพรั่งไม่แพ้คนแม่ ทว่าแววตาเศร้าสร้อยที่ไม่ว่ากี่ครั้งที่เจอก็ไม่เคยจางหาย ได้แต่หวังว่าสักวันน้องสาวคนนี้จะใช้ชีวิตโดยไม่ยึดติดกับอดีตอีก
และคนคนเดียวที่สามารถช่วยอัยรดาได้คือผู้ชายที่อยู่ในใจเธอมาตลอดสิบกว่าปี หวังว่าเวลาที่ผ่านมานานจะทำให้โลเวลลืมความแค้นในใจไปเสียที อัยรดาเองก็จะได้ปลดปล่อยตัวเองจากความแค้นนั้นด้วย
ความคิดเห็น |
---|