1

ชีวิตคุณชายมาเฟีย


 

1

ชีวิตคุณชายมาเฟีย

 

            ภายในห้องทำงานหรูบนตึกแฝดคิงส์ตันกรุ๊ป ประเทศอิตาลี มีชายหนุ่มหน้าหวานสองสัญชาตินั่งทำหน้าเครียดอยู่เพราะกองเอกสารมากมายที่อยู่ตรงหน้า และไม่มีทีท่าว่ากองเหล่านั้นจะลดน้อยลงไป มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่มีแค่บนโต๊ะแต่ บนพื้นก็มีเอกสารกองจนเต็มพื้นที่ ทั้งที่อ่านแล้วและยังไม่ได้อ่าน

“ทำไมซีนต้องมาทำอะไรแบบนี้เนี่ย” คนหน้าเครียดถามพี่เลี้ยงจำเป็นอย่างไม่เข้าใจ เปิดเอกสารตรงหน้าดูก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะปิดแฟ้มแล้วเก็บมันไว้ที่เดิม

“เพราะเป็นคำสั่งของนายใหญ่ไงครับ”

ไมเคิลวัยห้าสิบตอบคนขี้สงสัย ไม่ได้สงสารนายน้อยของตนที่บัดนี้โตเป็นหนุ่มหล่อเต็มตัวแต่อย่างใด ออกจะถูกใจด้วยซ้ำเมื่อหนุ่มเจ้าสำราญถูกบังคับให้มาทำงานนั่งโต๊ะแบบนี้

“ไหนแด๊ดบอกให้ซีนมาทำงานไงครับ แต่ทำไมเอาเอกสารมากมายมาให้อ่านแบบนี้” ชายหนุ่มชี้ไปที่กองเอกสารทั้งบนโต๊ะและบนพื้นด้วยท่าทางแขยง เหมือนแผ่นกระดาษเหล่านั้นเป็นสิ่งที่รังเกียจยิ่ง

“ก่อนจะทำงานได้นายน้อยต้องอ่านทั้งหมดนี้ให้เข้าใจ” ไมเคิลชี้ไปบริเวณรอบห้องที่มีกองเอกสารวางอยู่

“แต่ซีนไม่อยากอ่าน” ชายหนุ่มกอดอก ไม่สนใจสิ่งที่คนเป็นลุงกำลังบอก ก่อนจะชี้ทางเลือกให้ “ซีนว่าลุงไปทำงานกับแด๊ดเหมือนเดิมเถอะ ไม่ก็เกษียณตัวเองไปอยู่บ้านกับคุณปู่คุณย่าดีกว่านะ หาเมียสาวๆ สวยๆ สักคนคอยปรนนิบัติรับใช้ แบบนี้ดูจะดีกว่าอีกนะฮะ”

ไมเคิลส่ายหัวให้หลานชาย ‘ซีโน่’ หรือ ‘โลเวล ณภัทร เบคเค็ตต์ คิงส์ตัน’ เป็นชายหนุ่มที่เขาดูแลมาตั้งแต่เจ้าตัวยังเป็นเด็กน้อยมาตามหาพ่อถึงอิตาลีเพียงลำพัง แม้ว่าจะถูกคนเป็นพ่อไล่ก็แล้ว ด่าก็แล้ว แต่โลเวลในตอนนั้นกลับไม่ย่อท้อ ทำทุกสิ่งให้นิคาโอคนเป็นพ่อยอมรับ กว่าจะผ่านวันเวลานั้นมาได้ ชายหนุ่มก็ผ่านอะไรมาหลายอย่างทั้งสุขและทุกข์

โลเวลเป็นลูกชายคนโตของนิคาโอและนิรดา ทุกคนจึงหวังพึ่งชายหนุ่มคนนี้ยามเขาโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวและพร้อมจะสืบทอดกิจการหลายหมื่นล้านของตระกูล ทว่าคนที่ถูกตั้งความหวังกลับมานั่งหน้างออยู่ตรงหน้ากองเอกสารในตอนนี้

หากไม่ถูกคนเป็นพ่อบังคับและยื่นคำขาด หากไม่มาทำงานจะถูกตัดชื่อออกจากกองมรดกทันที หากไม่เป็นเช่นนั้นโลเวลคงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้

“นายน้อยจะให้ผมรายงานคุณพ่อรึเปล่าครับ ว่าวันนี้ลูกชายที่น่ารักเรียนรู้งานไปถึงไหนแล้ว” ไมเคิลพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่คนฟังรู้ดีว่าพี่เลี้ยงกำลังขู่ และรู้เสียด้วยว่าเขาต้องยอมจำนนแต่โดยดี

“ซีนรู้ว่าซีนต้องทำงาน แต่ซีนก็บอกไว้แล้วนี่ว่ารออายุสามสิบก่อน” ชายหนุ่มหันมาต่อรองเมื่อค้านไปก็ไม่เป็นผล บางทีการเอาน้ำเย็นเข้าลูบอาจจะได้ผลมากกว่า

“อีกแค่ปีเดียวนายน้อยก็จะสามสิบแล้ว”

“อีกตั้งหนึ่งปีสามเดือนกับสิบสองวันต่างหากล่ะ” โลเวลแก้ให้ “ไม่เห็นต้องรีบไปไหนเลย แด๊ดก็ยังไม่แก่พอจะทำงานไม่ไหวเสียที่ไหน”

คนไม่อยากทำงานหาข้อแก้ตัวมากมายมาอ้าง แต่ไมเคิลกลับไม่คล้อยตาม

“แล้วระหว่างนี้นายน้อยจะทำอะไรครับ”

“ก็ทำงานของซีนไงลุง ซีนมีงานประจำของตัวเองนะจะบอกให้” ชายหนุ่มปลื้มปริ่มเมื่อพูดถึงงานที่ตนเองกำลังทำอยู่ แถมรายได้ยังมากเสียด้วย

“โกงบ่อนพ่อตัวเอง และอีกหลายๆ บ่อนทั่วโลก นี่หรือครับงานประจำของนายน้อย” ไมเคิลพูดอย่างรู้ทัน สีหน้าเรียบนิ่งทำให้นายน้อยไม่กล้าเถียงสู้ “หรือว่าไปแข่งรถผิดกฎหมายกับพวกค้ายาล่ะครับ ทั้งที่สนามถูกกฎหมายของตัวเองก็มี”

“เอาซะพูดไม่ออกเลยไอ้ซีน” คนถูกรู้ทันพูดกับตัวเอง

“ผมรู้ว่างานประจำของนายน้อยมีเยอะ คงไม่ต้องให้ผมไล่เรียงทุกงานหรอกใช่ไหมครับ” ไมเคิลเลิกคิ้วถาม

“นั่นมันรายได้หลักซีนเลยนะ”

“ที่นี่ก็รายได้ดีเหมือนกันครับ มากกว่างานของนายน้อยหลายเท่านัก”

“แต่เป็นเงินแด๊ดนี่ ซีนอยากหาเงินด้วยตัวเองมากกว่า”

โลเวลแสดงอุดมการณ์ของตัวเองชัดเจน และตั้งมั่นไว้ว่าจะดำเนินการตามอุดมการณ์นี้จวบจนอายุสามสิบอย่างที่เรียนบิดามารดาไว้

“ตอนนี้นิคาโอก็แก่แล้ว นายน้อยควรจะช่วยแด๊ดทำงานได้แล้วนะครับ” ไมเคิลแนะนำ แต่ก็ต้องยกมือกุมขมับเมื่อสิ่งที่เขาพูดไม่ได้เข้าหูคนฟังแต่อย่างใด

“ลุงไปว่าแด๊ดแก่ระวังจะโดนไล่เตะเอานะ รายนั้นยิ่งไม่เคยยอมรับว่าตัวเองแก่ด้วยสิ” ชายหนุ่มบอกน้ำเสียงจริงจัง เพราะคนเป็นพ่อไม่เคยยอมรับว่าตัวเองแก่ แม้วัยจะล่วงเลยไปสี่สิบกว่าแล้วก็เถอะ

“ช่างนิคาโอเถอะ มาที่เรื่องนายดีกว่านะซีน”

คำว่า ‘นายน้อย’ หายไปแล้ว นั่นหมายความว่าไมเคิลเอาจริงเสียแล้ว คนถูกคุมความประพฤติจึงได้แต่กลอกตามองบน เพราะไม่สามารถปฏิเสธหรือหาข้อโต้แย้งได้อีกแล้ว

“ซีนยอมแล้วครับ ซีนจะเป็นทายาทสืบทอดกิจการของครอบครัว จะไม่ทำให้แด๊ดและทุกคนผิดหวัง” ชายหนุ่มกัดฟันพูดในท้ายประโยค “ลุงจะมาเป็นพี่เลี้ยงสอนงานซีนใช่ไหมฮะ”

เพราะไมเคิลเป็นอดีตเลขาฯ ของนิคาโอผู้เป็นพ่อและยังเป็นลูกบุญธรรมของนิคาซิโอปู่ของเขา ชายหนุ่มจึงคิดว่าคนเป็นลุงต้องเข้ามาช่วยสอนงานเขาเป็นแน่แท้ คิดแล้วก็อนาถใจยิ่งนักเมื่อต้องมานั่งโต๊ะทำงานแบบนี้

“นายน้อยไม่ต้องซาบซึ้งใจขนาดนั้นหรอกครับ”

“ซาบซึ้งมากๆ เลยละ” ชายหนุ่มประชด

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมแค่คอยดูแลอยู่ห่างๆ ส่วนคนที่จะสอนงานนายน้อยน่ะอีกคน”

“ใครหรือครับ” โลเวลยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง เพราะอย่างน้อยก็ไม่ใช่ไมเคิลผู้เคร่งในกฎระเบียบคนนี้ ถึงขนาดสอนงานเขาได้คงเก่งพอตัว “เก่งมากจนลุงไว้ใจเลยเหรอ”

“ผมเทรนเขามาเองกับมือ” ไมเคิลยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ เพราะคนคนนี้ถือว่าเป็นตัวแทนของเขาทุกอย่าง ไม่เคยผิดหวังกับศิษย์คนนี้สักครั้ง “เขาเป็นได้ทั้งเลขาฯ และบอดีการ์ดที่จะดูแลนายน้อย”

“คนเดียวครบครันว่างั้นเถอะ” พูดถึงสรรพคุณขนาดนี้ชักอยากเห็นตัวจริง คงมีอะไรดีไม่น้อย ไมเคิลถึงได้การันตีด้วยตัวเองแบบนี้

“หนึ่งในความภาคภูมิใจผมก็เขานี่แหละ”

“ทำไมซีนไม่เคยรู้จักเขา” โลเวลแปลกใจ ถึงขนาดไมเคยออกปากชื่นชมแบบนี้ แต่เขากลับไม่เคยเจอ

“ถ้านายน้อยสนใจเข้ามาบริษัทสักนิดคงได้เจอแล้วครับ” ไมเคิลอดจะแขวะไม่ได้ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือก็ร้อนใจ เพราะเลยเวลานัดกับเลขาฯ คนใหม่ของนายน้อยมาหลายนาทีแล้ว

“แล้วไหนล่ะครับ ศิษย์รักของลุง” โลเวลมองหาคนที่ว่านั่น

“เอ่อ…” ก็เพราะเหตุนี้แหละที่ทำให้เขากังวลเมื่อคนที่นัดไว้ยังมาไม่ถึงเสียที ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไป คนที่กำลังรออยู่ก็ปรากฏกายขึ้นราวกับนกรู้

“ขอโทษนะครับ พอดีหาที่จอดรถยากมากเลยสายไปหน่อย” คนมาใหม่ค้อมศีรษะให้เจ้านายทั้งสอง ก่อนจะยืนตัวตรงถ่างขาเท่ากับช่วงไหล่และประสานมือไว้ข้างหน้าหลวมๆ

“นี่ใครฮะ”

โลเวลมองคนมาใหม่สลับกับไมเคิล เพราะอยู่ๆ ชายผู้นี้ก็เข้ามาเสียเฉยๆ ทว่าไม่ต้องรอให้ไมเคิลอธิบายเมื่อคนมาใหม่แนะนำตัวเองเสร็จสรรพ

“ผม ‘โคลด์ เทรย์เวอร์’ จะมาเป็นเลขาฯ นายน้อยและควบตำแหน่งบอดีการ์ดส่วนตัวด้วยครับ”

โลเวลสำรวจคนที่จะมาเป็นเลขาฯ ควบตำแหน่งบอดีการ์ดส่วนตัวด้วยความพึงพอใจพอประมาณ รูปร่างชายหนุ่มสมบุกสมบันเหมาะดีกับหน้าที่ หน้าตาก็ถือว่าใช้ได้ แต่ก็ยังน้อยกว่าเขาอยู่พอสมควร ถือว่างานดีพอตัว

“วันแรกก็สายเลยนะครับลุง ศิษย์รักลุงเนี่ย” โลเวลหันไปเล่นงานไมเคิลบ้างเพราะโฆษณาชายหนุ่มผู้นี้ไว้เยอะ ซึ่งคนเป็นลุงก็ได้แต่ยิ้มแหยส่งให้ และไม่ลืมส่งสายตาคาดโทษไปให้ศิษย์รัก

“ส่วนนาย” โลเวลชี้ไปที่คนมาใหม่ แสดงสีหน้าจริงจัง “อย่าเรียกฉันว่านายน้อย เพราะฉันอยู่ในวัยเจริญพันธุ์แล้ว เรียกฉันว่าโลเวล หรือเรียกซีนอย่างที่พ่อฉันเรียกก็ได้ ดูดีกว่านายน้อยเยอะ”

“แต่ไมเคิลก็ยังเรียกคุณว่านายน้อยนะครับ ผมเองก็ควรเรียกคุณว่านายน้อยเหมือนกัน”

“แกจะสงสัยอะไรมากมายวะ ให้เรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ” ชายหนุ่มทำเสียงจึ๊กจั๊ก ตกลงใครเป็นเจ้านายมันกันแน่ ชักไม่แน่ใจ “หรือแกอยากตกงานวะโคลด์”

“ครับคุณโลเวล” โคลด์ตอบรับแต่โดยดี เกือบหลุดยิ้มเมื่อเจ้านายคนใหม่สะดุดกองเอกสารระหว่างเดินตรงมาหาเขา ทว่าก็ต้องรีบกระแอมไอเก็บเสียงไว้เมื่อไมเคิลส่งสายตาห้ามปราม

“สักวันฉันคงล้มหัวฟาดพื้นตาย” คนเดินสะดุดระบายอารมณ์กับกองเอกสาร “น่าขายหน้าชะมัด ถ้าแกยังไม่หยุดขำ ฉันไล่แกออกแน่โคลด์”

คนถูกขู่รีบทำหน้าขรึมทันที วาดภาพไว้ว่าเจ้านายหนุ่มคนใหม่ต้องโหด ดิบ เถื่อน เหมือนคนเป็นพ่อ ทว่าสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้ากลับไม่เข้าเค้าลูกชายมาเฟียแม้แต่นิดเดียว ดูเหมือนเด็กหนุ่มวัยคึกคะนองเสียมากกว่า

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบอ่านให้เสร็จนะครับ มีอะไรปรึกษาโคลด์ได้เลย” ไมเคิลบอกก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานของตัวเอง แม้จะอยู่ในวัยเลยเกษียณแล้ว แต่เขาก็ยังอยากทำงาน ดีกว่าอยู่บ้านเบื่อๆ ไปวันๆ

“คุณโลเวลมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” โคลด์มองเจ้านายหนุ่มด้วยความแปลกใจ เพราะโลเวลเอาแต่เดินกอดอกรอบตัวเขา แตะนั่นจิ้มนี่จนสุดท้ายเขาก็สะดุ้งเมื่อโดนบีบเข้าที่ก้น

“เฮ้ย! ทำอะไรวะคุณซีน” เลขาฯ สะดุ้งเมื่อถูกประชิดตัวจากทางด้านหลัง มองเจ้านายหนุ่มด้วยท่าทีหวาดๆ ข่าวทุกสำนักทุกช่องทางต่างบอกว่าคนตรงหน้าคือแคซะโนวาตัวพ่อ เพราะเล่นเปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าในแต่ละวัน แต่การกระทำเมื่อครู่เริ่มทำให้เขาคิดว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่แสดงออกต่อหน้าสื่ออาจจะเพื่อปิดบังตัวตนที่แท้จริงก็ได้ ทว่าความคิดทุกอย่างต้องยุติเมื่อคนเป็นนายอธิบาย

“แค่พิสูจน์ดูว่านายแมนจริงหรือเปล่า เกิดวันดีคืนดีทนต่อเสน่ห์อันมากล้นจนเกินพอดีของฉันไม่ไหว ปลุกปล้ำฉันทำสามีขึ้นมาฉันจะทำยังไง ฉันยังอยากมีเมียอยู่นะเว้ย”

“แต่ไม่ต้องบีบจริงจังขนาดนั้นก็ได้มั้งครับ” ชายหนุ่มแย้ง ยังรู้สึกเสียวสันหลังอยู่เลย แม้ว่าคนลงมือจะยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ก็ตาม ก่อนจะยืนยันอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจังปนประชด “และคุณไม่ต้องกลัวว่าจะตกเป็นสามีผมหรอกครับ ผมยังชอบผู้หญิงอยู่”

“พูดไปก้นนายนี่ก็แข็งใช้ได้เลยนะ” โลเวลทำท่าประกอบจนโคลด์ขนลุกซู่ “ฉันล้อเล่นเว้ย แกนี่ตัวใหญ่ซะเปล่า โอ๋ๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมา” ชายหนุ่มลูบหลังเลขาฯ คนใหม่อย่างปลอบโยนปนขำ

“ก้นคุณซีนก็เด้งดีนะครับ” โคลด์เอื้อมมือไปบีบก้นเจ้านายคืนบ้าง ก่อนปล่อยมือออกแล้วยืนนิ่งเช่นเดิม ส่งสายตาบอกว่าทีใครทีมันก็แล้วกัน ทว่ากลับผิดคาดเมื่อคิดว่าเจ้านายหนุ่มจะโวย หรือคาดโทษเพราะเขาเป็นเพียงลูกน้องที่ริอ่านแกล้งคนเป็นนาย แต่ชายหนุ่มทำเพียงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเขาเสียนี่

“ใช่ไหมล่ะ ไม่อยากจะพูดว่าฉันน่ะสมบูรณ์แบบทุกสัดส่วนเชียวละ” โลเวลอวดอ้าง แต่เขาไม่ได้เป็นคนพูดเองเสียเมื่อไร เพราะใครๆ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่เคยร่วมเตียงกันมา ไม่มีใครที่จะพูดถึงเขาในทางที่ไม่ดี ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้รับฉายา ‘คุณชายมาเฟีย’ ผู้เพียบพร้อมหรอก และเพราะโลเวลเกิดมาเพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือชาติตระกูล ทำให้เขาได้รับสมญานามนี้ไปครองจากสื่อหลายๆ สำนัก

“ครับ ผมไม่ปฏิเสธ”

แค่รูปลักษณ์ภายนอกของเจ้านายหนุ่มก็คงไม่มีใครกล้าเถียง แม้รูปหน้าจะหวานซึ่งได้รับมรดกมาจากมารดาที่เป็นสาวเอเชีย ทว่าโลเวลก็ยังค่อนไปทางผู้เป็นพ่อที่มีเชื้อสายทางตะวันตกเต็มตัว เมื่อทุกองค์ประกอบรวมกันคงไม่มีใครกล้าปฏิเสธชายหนุ่มผู้นี้ได้ เพราะสาวๆ ต่างจ้องกันตาเป็นมัน

“พูดแล้วก็ขอพิสูจน์ก้นนายอีกครั้งนะโคลด์” โลเวลไม่ได้พูดเปล่า ชายหนุ่มกระโดดเข้าหาเลขาฯ คนใหม่อย่างนึกถูกชะตา ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่ก้นแข็งของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าลูกน้องคนใหม่ของเขาจะไม่ได้เกรงกลัวบารมีคุณชายมาเฟียสักเท่าไร เมื่อโคลด์เองก็เอื้อมมือมาบีบก้นเขาคืนเช่นกัน

“คิดว่าทำได้ฝ่ายเดียวหรือไง”

“นายนี่หุ่นใช้ได้เลยนะ”

“คิดอะไรกับผมหรือเปล่าเนี่ย”

“คิดว่านายก็หล่อใช้ได้เลยนะ”

“หึย ขนลุก”

พวกเขายังยื้อแย่งเพื่อจะสัมผัสก้นของอีกฝ่าย ภาพที่เห็นคือสองหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างใกล้เคียงกัน ยืนกอดกันโดยมือของแต่ละฝ่ายเอื้อมไปสัมผัสก้นของอีกคน และภาพนั้นเองที่ทำให้คนมาใหม่ต้องกะพริบตาอยู่หลายที สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นภาพของคนจริงๆ หรือแค่ตาฝาดไป

“เอ่อ…ฉันมาขัดจังหวะอะไรแกหรือเปล่าวะซีน” ชายหนุ่มผู้มาใหม่เอ่ยถามเพื่อนรัก แต่ตายังจ้องไปที่มือของเพื่อนซึ่งตะปบอยู่บนสะโพกหนุ่มหล่ออีกคนอยู่ “ถ้าแกไม่สะดวก ฉันมาใหม่ก็ได้นะ”

‘โดมินิก ฮาเกน’ เตรียมจะเดินออกจากห้องเพื่อน แต่ก็ถูกโลเวลห้ามไว้เสียก่อน

“แกจะรีบไปไหนวะดอม ลืมรึไงว่าเรามีนัดกินกันเย็นนี้”

โลเวลปล่อยโคลด์ให้เป็นอิสระ เดินมาโอบบ่าเพื่อนพาไปนั่งบนโซฟารับแขกภายในห้อง ซึ่งแทบหาที่นั่งไม่ได้เพราะทั้งโต๊ะและโซฟาถูกจับจองด้วยเอกสาร

“แกเปลี่ยนรสนิยมตั้งแต่เมื่อไหร่วะซีน” โดมินิกมองเพื่อนสลับกับหนุ่มคู่ขาด้วยความสงสัย “นี่แกทิ้งนมขาวๆ อวบๆ มาชอบนมล่ำๆ แบบนี้ตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย”

“ฉันยังชอบผู้หญิงเว้ย” คนถูกเข้าใจผิดแก้ตัว

“แต่ที่ฉันเห็นมันไม่ใช่” โดมินิกเองก็เถียงขาดใจ

“แค่เจ้านายลูกน้องเล่นกันน่า ใช่ไหมโคลด์” โลเวลหันไปขอตัวช่วยยืนยัน แต่กลายเป็นช่วยให้เข้าใจผิดยิ่งกว่าเดิมเสียนี่

“ไม่รู้สิครับ” โคลด์ไหวไหล่ไม่รู้ไม่ชี้

“คอยดูเถอะ ฉันจะให้ไมเคิลหักเงินเดือนแก” เมื่ออีกฝ่ายยังรวนอยู่เขาจึงเอาเรื่องเงินเข้าขู่ แม้ตัวเองจะเป็นฝ่ายเริ่มก็เถอะ

“ผมรับเงินเดือนจากนายใหญ่”

“ฉันจะฟ้องแด๊ด”

“ผมก็จะฟ้องเหมือนกันว่าคุณโลเวลจะโดดงาน ไม่ตั้งใจทำงาน เอาแต่แกล้งคนอื่น แถมยังข่มขู่ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งมันผิดกฎหมายนะครับ”

“ตกลงแกเป็นเจ้านายฉัน หรือฉันเป็นเจ้านายแกวะ ไม่มีความเกรงกลัวกันสักนิด”

“ไม่ใช่ทั้งสองอย่างครับ” โคลด์ตอบน้ำเสียงปกติ ก่อนจะขยายความ “ผมเป็นลูกน้องของนายใหญ่ครับ เพราะฉะนั้นคุณโลเวลเองก็ไม่ใช่เจ้านายโดยตรงของผม และผมก็ไม่ใช่ลูกน้องโดยตรงของคุณ”

“ฉันว่าแกกับลูกน้องคนใหม่เข้ากันได้ดีใช้ได้” โดมินิกยิ้มขัน ไม่บ่อยนักที่จะเห็นคนกล้ารวนใส่คุณชายมาเฟียแห่งคิงส์ตันกรุ๊ป ดูท่าคนที่นิคาโอเลือกมาคุมเจ้าลูกชายตัวแสบจะทำงานคุ้มค่าจ้างไม่เบา

“เข้ากันได้ดีกับผีน่ะสิ” โลเวลสะบัดหน้าหนี “เสียดายที่เราอุตส่าห์ชื่นชม”

“งานนี้แกกระดิกตัวยากแน่ พ่อแกเล่นส่งคนมาคุมขนาดนี้”

โดมินิกพอจะเดาอนาคตของเพื่อนออก สิ่งที่เคยทำด้วยกันในช่วงที่ผ่านมาเส้นทางคงไม่ค่อยอำนวยสักเท่าไรแล้ว

“แล้วยังไงวะ” โลเวลไม่ใส่ใจ

การที่เขายอมมาทำงานนั่งโต๊ะก็ถือว่าทำตามคำขอแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เคยทำมาแต่ครั้งก่อนๆ จะเลิกละไป หากเรารู้จักแบ่งเวลาที่มีให้เป็น

“ฉันว่าแกคงไม่ได้มาหาฉันก่อนเวลาเป็นชั่วโมงเพราะคิดถึงเพื่อนหรอกใช่ไหม”

“ของมาถึงแล้วนะเว้ย” โดมินิกไม่ปฏิเสธว่าการที่บุกมาถึงห้องทำงานเพื่อนในเวลางานและก่อนเวลานัดเป็นชั่วโมงแบบนี้เพราะมีเรื่องสำคัญ

“เฮนเนสซี เวนอม จีที”

“ถูกต้องนะคร้าบ”

สองหนุ่มแท็กมือกันด้วยความถูกใจ ก่อนจะส่งยิ้มให้กันตาเป็นประกายเมื่อรู้ความคิดของอีกฝ่ายดี รถรุ่นนี้ถือว่าผลิตสู่ท้องตลาดน้อยมาก แต่โดมินิกก็สามารถสรรหามาจนได้

“แกหามาได้ไงวะ” ชายหนุ่มถามด้วยความตื่นเต้น เรียกได้ว่ารถรุ่นนี้เป็นความใฝ่ฝันของคนชอบความเร็วที่อยากได้มาครอบครอง และตอนนี้สิ่งที่หวังก็เป็นจริง

“แกลืมแล้วเหรอว่าเพื่อนแกทำธุรกิจอะไร”

“ลืมไปว่าบ้านแกขายรถ” ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ “คืนนี้เราไปลองเลยไหมดอม เดี๋ยวใช้สนามที่บ้านฉันได้เลย”

“ยังก่อนเพื่อน อย่าลืมว่าคืนนี้เรามีนัดไปส่องสาว”

“แล้วตอนนี้เฮนเนสซีของฉันอยู่ที่ไหนวะ”

“โกดังบ้านฉัน”

โดมินิกส่ายหัว ตาของเพื่อนเขาเป็นประกายยามพูดถึงเรื่องรถ โลเวลเป็นพวกชอบความเร็ว การสะสมรถสมรรถนะสูงก็เป็นอีกหนึ่งในกิจกรรมที่ชายหนุ่มชื่นชอบเป็นพิเศษ และอาจจะเป็นไปตามกรรมพันธุ์เพราะนิคาโอเองก็ชอบกิจกรรมนี้ไม่แพ้กัน ทว่ารถที่เจ้าตัวใช้งานจริงๆ กลับไม่ใช่รถหรูที่สะสมไว้ในโกดัง เป็นเพียงรถสัญชาติเยอรมันราคาไม่ถึงแสนยูโร

“เราไปดูกันเลยไหม อยากลูบอยากสัมผัสจะแย่อยู่แล้ว” คนตื่นเต้นทำท่าทางประกอบคำพูด ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินคำพูดของเลขาฯ คนใหม่

“เหลืออีกสามชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน ฉะนั้นตอนนี้คุณโลเวลก็ทำงานไปก่อนนะครับ” โคลด์ส่งยิ้มอ่อนให้ ก่อนจะกลับมานิ่งขรึมเช่นเดิม

“ถ้าฉันจะไปใครก็ห้ามฉันไม่ได้หรอกโคลด์” ชายหนุ่มไม่สนใจคำสั่งแกมบังคับของเลขาฯ หนุ่ม “ไปกันเถอะดอม ฉันอยากเจอลูกฉันแล้วว่ะ รับรองว่าคืนนี้ไม่พลาดนัดของเราแน่นอน”

“ก็ได้วะ” โดมินิกลุกขึ้น ไม่ลืมตบบ่าโคลด์ด้วยความเข้าใจ “ทำงานกับไอ้คุณชายต้องทำใจหน่อยนะ เรื่องเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง หัวดื้อไม่ฟังใครเป็นที่สอง ส่วนอย่างที่สามสี่จะค่อยๆ ตามมาเอง”

“ผมลาออกตอนนี้ยังทันไหม”

โดมินิกไม่ตอบ แต่เดินตามเพื่อนซึ่งล่วงหน้าออกไปก่อนแล้ว

“เราไปรอที่สนามเลย ฉันให้คนขนไปรอแล้ว” ชายหนุ่มชูโทรศัพท์ขึ้นให้เห็นคนที่ตนเพิ่งคุยด้วยเมื่อครู่นี้

“ไม่มีใครรู้ใจฉันเท่าแกแล้วว่ะดอม” ชายหนุ่มยิ้มปลาบปลื้ม เพราะโดมินิกถือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทและรู้ใจเขาเป็นที่สุด และยังชอบอะไรเหมือนๆ กัน โดยเฉพาะงานประจำที่พวกเขาเข้าขากันเป็นอย่างดี

“ฉันไม่ขออะไรแกมากหรอกซีน” ชายหนุ่มอีกคนยิ้มกรุ้มกริ่ม เมื่อโลเวลเห็นรอยยิ้มนั้นก็ทำหน้าเบื่อหน่าย เพราะความต้องการของโดมินิกมีอยู่แค่ไม่กี่เรื่อง

“ยายซันเพิ่งอยู่เกรดสิบ โดมินิกเพื่อนรัก ซึ่งก็คืออายุสิบห้าปี แกกำลังคิดจะพรากผู้เยาว์” 

‘ซัน’ หรือ ‘อลีนา’ น้องสาวคนเล็กของโลเวล รายนั้นเรียกได้ว่าได้มารดามาเต็มๆ แม้จะเป็นลูกครึ่ง ทว่าก็ค่อนไปทางเอเชียเสียมากกว่า ซึ่งมันดันไปตรงกับความชอบของเพื่อนรักเขาเสียนี่ แม้อลีนาจะมีอายุเพียงสิบห้า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเผยความสวยออกมาตั้งแต่ยังเป็นสาวไม่เต็มตัวด้วยซ้ำ

“ฉันยังไม่ทำอะไรซันนี่หรอกน่า ขอแค่แกอย่าขวางตอนฉันจะรุกก็แค่นั้น”

“ฉันจะดีใจหรือสงสารน้องสาวฉันดีวะดอม ที่เสือผู้หญิงอย่างแกคิดจะจริงจังกับน้องสาวฉันเนี่ย”

โลเวลพูดอย่างเหนื่อยหน่าย คิดว่าโดมินิกแค่ถูกใจในความน่ารักของอลีนา แต่ผ่านมาสามปีแล้วเพื่อนเขาก็ยังทำตัวเป็นโลลิคอนไม่หาย แถมดูท่าจะไม่มีทางหายจากอาการนี้ง่ายๆ

“ซันนี่เรียนจบเมื่อไหร่ แกเตรียมรับขวัญน้องเขยได้เลยเพื่อน”

“แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงวะ” โลเวลพูดน้ำเสียงหาเรื่อง เพราะความหมายของโดมินิกคล้ายจะจับน้องสาวเขาทำเมียทันทีที่ยายอลีนาเรียนจบปริญญาตรีอย่างนั้นแหละ

“ฉันจะจับน้องแกทำเมียทันทีที่ซันนี่เรียนจบ” อีกฝ่ายบอกในสิ่งที่ตนเองตั้งใจ โดยไม่เกรงใจว่าคนตรงหน้าที่เขายืนคุยด้วยในตอนนี้คือพี่ชายแท้ๆ ของผู้หญิงที่ตนหมายปอง

เขาตกหลุมความน่ารักของอลีนาทันทีในวันที่เห็นเธอไปเชียร์พี่ชายข้างสนามแข่งรถ ตอนนั้นเด็กหญิงมีวัยแค่สิบสองปี ทว่าเขากลับไม่เคยลืมรอยยิ้มสดใสที่เธอมอบให้เขาในวันนั้นเลย

เคยสงสัยว่าทำไมคนหนุ่มวัยฉกรรจ์เช่นเขาถึงได้หลงเสน่ห์ไม่ประสาของเด็กหญิงได้ แต่ผ่านมาสามปีแล้วก็ไม่สามารถตัดเธอไปจากสมองส่วนลึกได้

กาลเวลาเปลี่ยนไป ความสวยความน่ารักของอลีนากลับยิ่งเพิ่มขึ้น จนเขามั่นใจว่าตัวเองคงเป็นพวกโลลิคอนอย่างที่เพื่อนกล่าวหาแน่ๆ และตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าคนที่เหมาะจะยืนเคียงข้างเขาคือน้องสาวของเพื่อนคนนี้ไม่มีทางพลาด

“แกคิดว่าพี่ชายอย่างฉันจะยอมเหรอฮะ” โลเวลส่งสายตาไม่เป็นมิตรไปให้

“ถ้าไม่บอกว่าแกคือซีนเพื่อนฉัน ฉันคงคิดว่าแกคือเจ้าออพติมัสหรือไม่ก็ป๋าไซแน่ๆ ยิ่งไอ้ท่าขู่ฟ่ออยู่เนี่ย ไซบีเรียนฮัสกีชัดๆ”

“ไอ้โลลิคอนเอ๊ย”

แม้จะเป็นเพื่อนรักที่รู้ใจกันเกือบทุกเรื่อง คอยช่วยเหลือกันยามอีกฝ่ายเจอปัญหา แต่เมื่อพูดถึงเรื่องอลีนาเขาก็พร้อมเป็นศัตรูกับโดมินิกทันทีไม่ว่าจะกรณีใดๆ ยิ่งฝ่ายนั้นตั้งมั่นจะจับน้องสาวเขาทำเมียทันทีที่เรียนจบด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องคุยกัน ใครยอมยกให้ก็บ้าเต็มทนแล้ว 

“ลิฟต์มาแล้วครับ”

“เฮ้ย!”

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย”

สองหนุ่มตกใจเล็กน้อยเมื่อถูกขัดความคิดเสียเฉยๆ แถมโคลด์ที่หุ่นล่ำบึ้กยังใช้วิชาตัวเบาที่มารู้เดินตามมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคือเลขาฯ เตือนว่าลิฟต์มาถึงแล้ว

“นายไม่ต้องตามมาหรอกโคลด์ ฉันมีธุระกับเพื่อน” โลเวลบอกขณะเดินเข้าไปในลิฟต์ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เข้าหูเจ้าของชื่อ

“งานของผมคือติดตามคุณโลเวลไปทุกที่ครับ” ชายหนุ่มบอกหน้าที่ตัวเอง เดินตามเข้าไปในลิฟต์ก่อนกดปิดโดยไม่ให้เจ้านายปฏิเสธได้อีก

“แกมาเป็นเลขาฯ หรือมาเป็นเงาตามตัวฉันกันแน่วะ” รู้ว่าปฏิเสธโคลด์ไม่ได้ และเจ้าตัวคงไม่ยอมให้หน้าที่ตัวเองบกพร่องแน่ ทว่าการได้แขวะอีกฝ่ายก็ทำให้อารมณ์ดีไม่น้อย

“ลืมบอดีการ์ดส่วนตัวอีกอย่างด้วยนะครับ” คนถูกแขวะไม่สนใจ

“ว่าแต่ซันนี่ของฉันกลับมาจากเมืองไทยยังวะซีน”

คนถูกตราหน้าว่าเป็นโลลิคอนยังไม่จบเรื่องที่คุยค้างกันไว้ก่อนหน้านี้ โดมินิกไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเขาอย่างไร เพราะคนเดียวที่เขาสนใจคืออลีนาเท่านั้น

“ยัง” คนถูกถามไม่เต็มใจตอบสักเท่าไร

“ทำไมยังไม่กลับวะ ไหนแกบอกว่าเจ้าซีมันกลับมาแล้วนี่ ทำไมซันนี่ของฉันถึงยังไม่กลับ”

คนขี้สงสัยพูดถึง ‘ซีน่อน อลาโน่’ น้องชายของเพื่อน เพราะอลีนาเดินทางไปเมืองไทยพร้อมกับซีน่อน แต่ตอนนี้หนุ่มวัยสิบหกปีกลับมาถึงอิตาลีแล้ว ทว่าแม่นางฟ้าน้อยของเขากลับไม่ได้เดินทางมาด้วย

“แกนี่เป็นเอามากนะ โดมินิก ฮาเกน” โลเวลส่ายหัวอีกครั้ง “แกจะสามสิบแล้วนะดอม น้องฉันเพิ่งสิบห้า แกไม่คิดว่าน้องฉันเด็กเกินไปสำหรับแกหรือไง”

“อีกหกปีน้องแกเรียนจบ เท่ากับว่าซันนี่อายุยี่สิบเอ็ด ส่วนฉันอายุสามสิบห้าไม่ขาดไม่เกิน ไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาตรงไหน” ชายหนุ่มแจกแจงให้คนที่พยายามขัดขวางฟัง

“ถ้ายายซันมันยอม ฉันจะไปทำอะไรได้วะ” โลเวลรู้ดีว่าเรื่องแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้ อยู่ที่ความพอใจของคนสองคน พี่ชายเช่นเขาคงได้แต่มองอยู่ห่างๆ ด้วยความเป็นห่วง “ถ้าแกคิดว่ารับมือยายตัวแสบของบ้านได้ก็ลองดูแล้วกัน”

“แกไม่รู้เหรอ ฉันอยากปราบพยศน้องสาวแกจะตาย” คนได้รับไฟเขียวยิ้ม ก่อนจะวกกลับมายังเรื่องที่สงสัยอีกครั้ง “ตกลงทำไมซันนี่ถึงยังไม่กลับอิตาลี”

“ติดใจหนุ่มอยู่ที่เมืองไทยมั้ง”

“ไอ้ซีน!”

“ก็มันจริงนี่หว่า รายนั้นชอบประเทศไทยจะตาย ขอแด๊ดอยู่ว่าอยากย้ายไปเรียนเมืองไทย”

“พ่อแกก็ยอมเหรอวะ” อีกฝ่ายทำหน้าสลด ถ้านิคาโอยอมตามใจลูกสาว เขาคงไม่ได้เห็นหน้าหวานอีกหลายปี ก่อนจะยิ้มได้เมื่อได้ยินคำตอบเพื่อน

“แกคิดว่าพ่อฉันจะยอมเหรอ ลูกรักอยู่ไกลสายตาแบบนั้นคงได้เป็นบ้ากันพอดี”

ด้วยความที่อลีนาเป็นผู้หญิง แถมยังเป็นนางฟ้าตัวน้อยของบ้าน ทุกคนจึงเป็นห่วงมากกว่าใครเพื่อน แม้อยากไปอยู่ที่ประเทศไทยแค่ไหน แต่นิคาโอคงไม่ยอมปล่อยง่ายๆ

“ฉันรักว่าที่พ่อตาฉันก็ตรงนี้แหละ”

“แกนั่นแหละตัวดี เตรียมรับมือคุณพ่อมาเฟียให้ดีเถอะ รายนั้นหวงอลีนายังกับอะไรดี”

“ไม่ต้องห่วงเพื่อนรัก คนนี้รักจริงหวังแต่ง แม้ต้องพยายามแค่ไหน ฉันก็สู้ไม่ถอยโว้ย”

“ให้มันจริงเถอะ”

โลเวลอดจะดูแคลนเพื่อนไม่ได้ ไม่ใช่ดูถูกความรักของอีกฝ่าย แต่คนมากรักอย่างโดมินิกหรือจะยอมหยุดอยู่ที่ใครง่ายๆ เพราะเพื่อนหนุ่มก็ไม่ต่างจากเขาเท่าใดนัก ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องยึดติดกับใครคนใดคนหนึ่งย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ

ชายหนุ่มนึกไปถึงน้องสาว ได้แต่หวังว่าอลีนาจะมองข้ามความสมบูรณ์แบบของโดมินิกไป เห็นมันเป็นเพียงเพื่อนสนิทพี่ชายคงจะดีไม่น้อย เขาไม่รู้ว่าเพื่อนจะเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อใครสักคนที่ปากบอกว่ารักได้หรือไม่ หากคำตอบคือไม่ได้ คนที่จะเสียใจอาจเป็นน้องสาวที่เขารักที่สุดก็ได้

ทว่าจังหวะที่เดินออกมาจากลิฟต์ กลับมีใบหน้าใครบางคนที่คุ้นตาผ่านสายตาไปเข้าลิฟต์ตัวข้างๆ แถมกลิ่นที่ผ่านจมูกไปเมื่อครู่บอกเขาว่าไม่ผิดตัวแน่

โลเวลไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยนาน วิ่งไปกดปุ่มเปิดลิฟต์ตัวเมื่อครู่ให้เปิดออก ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อลิฟต์โดยสารขึ้นไปยังชั้นต่อไปเรียบร้อย

“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณโลเวล” โคลด์เข้ามาถาม เพราะอยู่ๆ เจ้านายหนุ่มก็วิ่งไปกดเปิดลิฟต์ตัวข้างๆ 

“นั่นสิซีน แกเป็นอะไร”

“เปล่า ไม่มีอะไร” โลเวลปฏิเสธ แต่ก็คิดว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดแน่ที่เห็นผู้หญิงคนนั้น คนที่เขาเจอในสนามบินตอนไปรับอลาโน่เมื่อวันก่อน

เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงได้จำหน้าหญิงสาวได้แม่นทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก ไม่ใช่แค่ใบหน้าหวานติดตาของเธอ แต่กลิ่นกายหอมกรุ่นของเจ้าหล่อนก็ยังติดอยู่ที่ปลายจมูกเขา ทว่าหากเป็นเธอจริงดั่งที่คิด แล้วเหตุใดสาวเจ้าถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ คิงส์ตันกรุ๊ปไม่ใช่ที่ที่ใครจะเข้าออกกันได้ง่ายๆ

“ทำเอาซะฉันนึกว่าแกเห็นเมียตัวเองพาชู้ขึ้นโรงแรม”

“ฉันยังไม่มีเมีย และไม่คิดจะมีในเวลาอันใกล้นี้” ชายหนุ่มบอกเพื่อนน้ำเสียงจริงจัง สลัดศีรษะไล่สิ่งที่สงสัยเกี่ยวกับหญิงสาวปริศนาทิ้งไป ก่อนเดินไปยังหน้าตึกที่มีเจ้าหน้าที่นำรถมาจอดคอยอยู่ ซึ่งหน้าที่ขับคงไม่พ้นโคลด์ผู้ติดตามชนิดเงาเขายังต้องชิดซ้าย

“ทำไมฉันอยากมีเมียใจจะขาด”

“ไอ้โลลิคอน” โลเวลพูดจบก็กระแทกประตูปิดด้วยความไม่พอใจเพื่อน ก่อนที่จะวกกลับไปคิดเรื่องของหญิงสาวอีกครั้ง

 

ทางด้านหญิงสาวปริศนาที่โลเวลเอ่ยถึงยกมือทาบหน้าอกตัวเองแล้วปล่อยลมออกจากปากด้วยความโล่งอก ไม่คิดว่าการเข้ามาหาพี่สาวต่างมารดาซึ่งมีธุระอยู่ที่คิงส์ตันกรุ๊ปในวันนี้จะเจอแจ็กพอตเข้าอย่างจัง

ความบังเอิญเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่เลือกเวลาและสถานที่ และมันก็เกิดขึ้นกับเธอถึงสองครั้งสองครา รอบแรกที่สนามบิน รอบที่สองคือที่แห่งนี้ ทว่าเธอก็สามารถเอาตัวรอดได้อย่างเฉียดฉิว

“น้องดายังไม่พร้อมเจอพี่ภัทรตอนนี้” หญิงสาวเอ่ยบอกคนที่อยู่ในใจเธอมาแสนนาน แม้ชายหนุ่มจะไม่มีโอกาสได้ยิน ก่อนที่ริมฝีปากบางจะค่อยๆ แย้มยิ้มออกมาอย่างนึกสนุก “แต่อีกไม่นานหรอกค่ะ พี่ภัทรจะได้เห็นหน้าน้องดาทุกวัน แม้มันจะเป็นสิ่งที่พี่ภัทรไม่ต้องการก็ตาม”

น้องดาที่เคยอ่อนแอ น้องดาที่เคยยอมแพ้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะน้องดาคนนี้กำลังมาทำตามสัญญา

‘ถ้าพี่ยังไม่มีแฟน โตขึ้นเราแต่งงานกันนะ’

‘น้องดาสัญญาว่าจะสวย และเป็นเจ้าสาวของพี่ภัทร’

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น