4

ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งรักหมดใจ


4

ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งรักหมดใจ

 

‘เรามาทำความรู้จักกันอย่างจริงจังดีไหมครับ’

“…” อัยรดาอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำชวนที่ฟังเหมือนว่าตัวเองกำลังถูกใครสักคนขอเป็นแฟน แม้คำพูดจะไม่ตรงเป๊ะร้อยเปอร์เซ็นต์ ทว่าความหมายก็ใกล้เคียงกันมากจนไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง

“ให้โอกาสผมได้รู้จักคุณได้ไหมครับ” โลเวลพูดน้ำเสียงอ้อนวอน ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาพูดจาแบบนี้กับใคร หากไม่ติดว่าเพิ่งรู้จักกันไม่นาน เขาคงได้ขอหญิงสาวคบเป็นแฟนไปแล้ว

อัยรดารีบตั้งสติ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเอ่ยขึ้น “ตอนนี้เราก็รู้จักกันแล้วนี่คะ”

“คุณรู้ว่าผมหมายถึงรู้จักกันแบบไหน คุณอัยย์”

“โอเคค่ะ” หญิงสาวยกมือยอมแพ้ ชายหนุ่มคงไม่ยอมให้เธอนอกเรื่องเปลี่ยนประเด็น แม้สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ต้องการ แต่เมื่อเกิดขึ้นจริงกลับทำให้เธอมึนงงและสับสนไม่น้อย ทว่าก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีในระดับหนึ่ง

“โอเคค่ะนี่หมายความว่ายังไงครับ” ชายหนุ่มเร่งเอาคำตอบและลุ้นระทึกไปด้วยว่าหญิงสาวจะตัดสินใจแบบไหน จะไปต่อหรือพอแค่นี้

“เรามาทำความรู้จักกันค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้

“ถ้าเป็นไปได้ผมอยากข้ามขั้นและขอคุณเป็นแฟนเลยด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มยิ้มยินดี แม้จะยังไม่ได้คบหาดูใจกันเป็นกิจจะลักษณะ ทว่าการที่อัยรดาเปิดโอกาสให้เขาทำความรู้จักก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว “หรือเราจะเป็นแฟนกันเลยดีไหมครับ”

แม้ในใจจะอยากตอบว่า ‘ก็ดีสิคะ’ แต่เธอก็ทำไม่ได้ เพราะกลัวชายหนุ่มจะกลัวจนวิ่งหนีไปก่อนน่ะสิ จึงได้แต่ตอบแบบสงวนท่าที

“ค่อยเป็นค่อยไปก็ดีแล้วค่ะ เพราะถ้าคุณได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของฉัน คุณอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะคะ”

นี่คือสิ่งที่เธอกลัวและกังวลที่สุด โลเวลอาจจะชอบ ‘อัยรดา’ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชอบ ‘น้องดา’ ไปด้วย แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นคนคนเดียวกันก็เถอะ ได้แต่หวังว่าเมื่อถึงวันที่เธอบอกความจริงออกไป ความรู้สึกของชายหนุ่มที่มีในวันนี้จะยังคงอยู่เหมือนเดิม

“ผมเชื่อเสมอว่าสิ่งใดที่ผมได้ตัดสินใจเลือกแล้ว สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมเสมอ”

โลเวลมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่ใช่ และอาจจะเป็นคนสุดท้ายในชีวิตเขาก็ได้ หากเธอมีใจตรงกัน

“หวังว่าวันข้างหน้าคุณจะยังจำคำพูดวันนี้ของคุณได้”

“คุณอาจจะยังไม่เชื่อมั่นในตัวผม แต่เชื่อผมเถอะครับว่า หากคุณเลือกผมแล้ว คุณจะไม่ผิดหวังในการตัดสินใจครั้งนี้อย่างแน่นอน”

เขาไม่ได้โอ้อวดสรรพคุณที่มีของตัวเอง แต่หากเขาคิดจะหยุดอยู่ที่ใครจริงๆ ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคนที่โชคดีที่สุดเมื่อเธอยอมฝากชีวิตไว้กับคนอย่างเขา

“แต่คุณอาจจะผิดหวัง” หญิงสาวพูดกับตัวเองเสียงเบา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ พยายามจะไม่กังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่เธอควรจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เมื่อโลเวลยอมเดินเข้าหาเธอเองด้วยความเต็มใจแบบนี้ก็ควรใช้โอกาสที่มีให้คุ้มค่า

“คุณอัยย์ว่าอะไรนะครับ”

“คุณควรไปพักผ่อนได้แล้วค่ะ”

“โอเคครับ แล้วเจอกันนะครับ” ชายหนุ่มยังไม่ยอมปล่อยมือนุ่ม แถมยังยื่นหน้าไปหอมแก้มนุ่มด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้อัยรดาอย่างไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่ตนทำไปเมื่อครู่

“นี่เป็นรางวัลสำหรับความน่ารักของคุณครับ” โลเวลไม่อยู่รอให้หญิงสาวบ่นกับการกระทำอันแสนฉวยโอกาสเมื่อครู่ รีบเปิดประตูเข้าห้องตัวเองไปอย่างรวดเร็ว ถึงคนที่นี่จะดูปกติกับเรื่องแบบนี้ แต่สำหรับผู้หญิงที่มาจากประเทศไทยคงไม่ใช่

“แก้มหอมเป็นบ้าเลยว่ะ” ชายหนุ่มพูดกับตัวเองทันทีที่ปิดประตูเสร็จ ใช้ชีวิตมาเกือบยี่สิบเก้าปี นอกจากแก้มแม่ฝันที่น่ารักของเขาแล้วก็ยังหาแก้มใครที่ให้ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้

ความหอม นุ่ม สดชื่น สบายใจ มีความสุข ผ่อนคลาย หรืออะไรต่างๆ อีกมาก ซึ่งเขาไม่สามารถนิยามความรู้สึกตอนนี้ออกมาเป็นคำพูดได้ รู้เพียงว่าแก้มนุ่มของเธอให้ความรู้สึกดีสุดๆ และเขาต้องหาโอกาสสัมผัสกับความรู้สึกดีๆ นี้เป็นครั้งที่สองแน่

โลเวลยกมือกุมหน้าอกข้างซ้ายตัวเองที่กำลังเต้นกระหน่ำอยู่ นี่ไม่ใช่อาการปกติแล้ว เพราะตั้งแต่ได้พบอัยรดาก็พบว่าเลือดเขาสูบฉีดดีเหลือเกิน

“อย่าบอกนะว่าแกหลงรักเขาเข้าแล้ว”

ชายหนุ่มทิ้งร่างสูงพิงประตู ทำตัวเหมือนคนหมดแรงจะยืน ทว่าใบหน้ากลับมีรอยยิ้มมีความสุข เมื่อนึกถึงหน้าหวานที่ช่วงหลังนี้มักแวะมาทักทายในฝันอยู่บ่อยๆ

“โอ๊ยๆ ทำไมเป็นคนใจง่ายแบบนี้ล่ะซีน”

โลเวลดีดดิ้น ยกมือปิดหน้าแสดงความเขินอายที่มีแค่ตัวเองที่รับรู้ ไม่มีใครคาดคิดว่ามาคุณชายมาเฟียคนนี้จะมีอารมณ์แบบนี้กับเขาด้วย แถมยังไม่มีลุคผู้ชายน่าเกรงขามของลูกชายมาเฟียใหญ่แห่งอิตาลีแม้แต่น้อย

“ถ้าแด๊ดนิคกับแม่ฝันรู้จะถูกดุไหมเนี่ย ที่ลูกชายแสนน่ารักใจง่ายแบบนี้”

ชายหนุ่มเดินออกห่างจากประตูที่พิงเมื่อครู่เข้าไปยังห้องนั่งเล่น ไม่ว่าจะมองโต๊ะ ตู้ เก้าอี้ ก็มีแต่ใบหน้าหวานของเจ้าของห้องตรงข้ามลอยอยู่เต็มไปหมด

“ดูท่าแกจะอาการหนักมากแล้วละซีน” เขาพูดกับตัวเอง แต่ขณะที่กำลังจะทิ้งตัวลงเอนกายบนโซฟาก็แทบร้องกรี๊ดออกมา

“ใช่ครับ คุณดูอาการหนักนะครับ” โคลด์ถามขึ้นเมื่อเห็นคนที่เขารอพบปรากฏตัว เขาเข้ามารอเจ้านายหนุ่มในห้องเมื่อสองชั่วโมงก่อน “ไม่ใช่อาการแกล้งป่วยนะครับ แต่เป็นอาการทางสมองเสียมากกว่า”

“นี่แกเข้ามาในห้องฉันได้ยังไงเนี่ย” อารมณ์ของคนมีความรักที่มองไปทางไหนก็มีแต่สีชมพูเต็มไปหมด ตอนนี้กลับถูกทาด้วยสีดำทึบทันทีที่เห็นร่างสูงของลูกน้องยืนพิงผนังทำหน้าบึ้งอยู่

“คุณโลเวลอย่าลืมสิครับว่าเจ้านายผมเป็นใคร”

“เออ เจ้านายแกใหญ่นี่ ใหญ่มากๆ เลยด้วย” ชายหนุ่มประชด เพราะคนที่โคลด์เอ่ยถึงน่ะคือบิดาบังเกิดเกล้าของเขานั่นเอง “ทำไมไม่สั่งให้แกย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับฉันเลยล่ะ จะอยู่คนละห้องให้มันสิ้นเปลืองไปทำไม”

“แล้วรู้ได้ยังไงครับว่านายใหญ่ไม่สั่ง” โคลด์ถามกลับให้เจ้านายหนุ่มเครียดเล่นๆ ‘ทีใครทีมันก็แล้วกันนะครับ คุณชายมาเฟียที่รักของลูกน้อง’

“เฮ้ย! ถามจริง”

“จริงครับ” อีกฝ่ายตอบหน้าตาย สะใจนิดๆ เมื่อเห็นสีหน้าเหลอของโลเวล

“อย่าบอกนะว่าแกก็บ้าจี้ทำตามน่ะ”

“หรือผมควรจะทำตามคำสั่งนายใหญ่ดีครับ ดูท่าห้องคุณโลเวลก็น่าอยู่ดีนะครับ” เลขาฯ หนุ่มแสร้งมองสำรวจห้องหรูด้วยสายตาชื่นชอบ “แต่ผมเป็นคนดีและเห็นใจเพื่อนมนุษย์ จึงเลือกแค่อยู่ร่วมอะพาร์ตเมนต์เดียวกัน”

“โอ๊ย ไอ้คนดี ไอ้คนเห็นใจเพื่อนมนุษย์ ไอ้พ่อมหาจำเริญ”

“ทั้งหมดที่บอกมาหมายความว่าผมเป็นคนที่ดีมากใช่ไหมครับ” โคลด์รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังประชด แต่มันก็เท่านั้นเพราะเจ้านายหนุ่มคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้

เลขาฯ หนุ่มมองหน้าหล่อก็นึกขำ ถึงตอนนี้เขาก็ยังสงสัยว่าอนาคตโลเวลจะขึ้นเป็นใหญ่แทนนิคาโอ ดูแลอาณาจักรคิงส์ตันได้อย่างไร แล้วจะมีคนเกรงขามเขาอยู่หรือ ในเมื่อเจ้าตัวยังปฏิบัติตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโตอยู่แบบนี้ และคงเพราะแบบนี้ละมั้ง คนเป็นพ่อถึงส่งพี่เลี้ยงเช่นเขามาดูแล หรืออาจจะเรียกอีกอย่างว่าคุมประพฤติก็ไม่ผิดไปจากความจริงนัก

“ดีม้ากกก…” โลเวลลากเสียงยาว ถ้าไม่รู้ว่าประชดก็ให้มันรู้ไป

“มันน่าภูมิใจดีนะครับ” โคลด์ผู้ถูกประชดก็หาได้สนใจไม่ ยังคงแสดงสีหน้าภูมิใจไม่เสื่อมคลาย ก่อนจะหันไปพูดกับเจ้านายด้วยความจริงจัง “คุณโลเวลเองก็ควรต้องดีใจด้วยนะครับ ที่มีลูกน้องเป็นคนดีและน่ารักเหมือนผม”

“สาบานว่าแกไม่รู้ว่าฉันประชด”

“อ้าว คุณโลเวลประชดหรือครับเนี่ย ผมก็นึกว่าคุณชมเสียอีก” อีกฝ่ายแสดงสีหน้าตกใจได้อย่างแนบเนียน

“แกนี่มันตอแหลได้รางวัลออสการ์จริงๆ เลยเหอะโคลด์”

“นี่ชมหรือประชดครับ” ชายหนุ่มแสร้งถามด้วยท่าทางใสซื่อแสดงความไม่เข้าใจชัดเจน จนคนถูกถามได้แต่ดิ้นเร่าๆ เพราะสู้ฝีปากไม่ได้

“ประชด!”

“อ้าว ก็นึกว่าชมซะอีก”

“โอ๊ย! ไอ้ความเป็นต่อนี่มันต้องเป็นบทของพระเอกไม่ใช่เหรอวะ แล้วทำไมลูกน้องพระเอกอย่างแกแย่งซีนพระเอกแบบฉันตลอดเลย”

คนที่ตั้งตัวเองเป็นพระเอกหัวเสียเมื่อมีลูกน้องแต่เหมือนมีเจ้านายเพิ่มมาอีกคน ไม่ต้องบอกก็รับรู้ได้ว่าได้รับวิทยายุทธ์มาจากนิคาโอ คุณพ่อมาเฟียที่รักของเขาเอง

“บางทีพระเอกก็ไม่ได้ฉลาดทุกเรื่องเสมอไปนะครับ”

“รู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอกด่า”

“ก็นั่นแหละครับ ผมยังยืนยันคำเดิมว่าบางทีพระเอกก็ไม่ได้ฉลาดทุกเรื่องเสมอไป”

“แกบอกฉันหน่อยสิว่ามีเรื่องไหนบ้างที่พระเอกไม่ฉลาดเนี่ย”

“เรื่องคุณชายมาเฟียมั้งครับ” โคลด์บอกยิ้มๆ

“นี่ไม่ใช่หลอกด่าแล้วละ นี่มันด่ากันซึ่งๆ หน้าแล้ว” โลเวลแยกเขี้ยวใส่ลูกน้องร่างยักษ์ “ถ้าด่ากันขนาดนี้ก็ไม่ต้องมานับถือฉันเป็นเจ้านายแล้วแหละ”

“ก็บอกแล้วไงครับว่าคุณโลเวลไม่ใช่เจ้านายผมโดยตรง”

“แต่เจ้านายโดยตรงของแกคือบิดาผู้ให้กำเนิดฉัน” ชายหนุ่มต่อให้

“ดูท่าเรื่องคุณชายมาเฟียพระเอกจะเริ่มฉลาดกับเขาขึ้นมาบ้างแล้ว”

“เฮอะ ทีใครทีมันก็แล้วกัน ถึงคราวฉันบ้าง จะเหยียบแกให้จมดินเลยคอยดู โคลด์ เทรย์เวอร์!”

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เป็นคราวของผม ผมก็เล่นงานคุณได้เหมือนกันใช่ไหมครับ” โคลด์ส่งยิ้มให้อย่างเป็นต่อ ซึ่งโลเวลได้แต่บอกตัวเองว่าเขาเกลียดรอยยิ้มนี้ชะมัด “กลับมาที่เรื่องลางานของคุณ”

“โอ๊ย ปวดท้องจัง ปวดมากๆ เลยละโคลด์ หรือไส้ติ่งจะแตกเนี่ย” โลเวลทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาว ยกมือกุมที่กลางหน้าท้องตัวเอง ดิ้นทุรนทุรายเหมือนเจ็บหนักก็ไม่ปาน

“แต่ไส้ติ่งไม่ได้อยู่กลางหน้าท้องนะครับ” โคลด์ยืนมองนิ่ง

“มันก็เจ็บรวมๆ นั่นแหละ” อีกฝ่ายย้ายมือที่กุมกลางท้องมากุมที่ท้องด้านซ้าย ลำตัวบิดงอด้วยความเจ็บปวด “เนี่ย เจ็บมากเลย ถ้าไส้ติ่งแตก ฉันจะติดเชื้อในกระแสเลือดตายหรือเปล่า”

“แต่ไส้ติ่งมันอยู่ฝั่งขวานะครับ”

“อ๊ะ…”

เสียงที่กำลังจะร้องโอ๊ยกลับเปล่งไม่ออก พอๆ กับลำตัวที่บิดงอในตอนแรกก็ชะงักค้าง ก่อนที่ชายหนุ่มจะลุกขึ้นนั่งเช่นเดิม มองไปที่ลูกน้องหนุ่มผู้รู้ทันตลอดอย่างเซ็งๆ

“ความจริงคือคุณไม่ได้ป่วย”

“อือ”

“แล้วคุณลาป่วยทำไมครับ”

“นายรู้ไหมโคลด์ นิคาโอยังไม่เคยซักฟอกฉันขนาดนี้เลย”

“อยากให้นายใหญ่เป็นคนถามเองไหมครับ ผมจะได้เรียนท่านว่าวันนี้คุณไม่ไปทำงานเพราะมัวแต่ติดสาว” เลขาฯ หนุ่มยื่นข้อเสนอให้

“แกก็รู้นี่ จะถามให้ได้อะไรขึ้นมา”

“สิ่งที่ได้มาคุ้มกับที่โดดงานหรือเปล่าครับ”

“แน่นอนว่าคุ้มค่ามาก” ชายหนุ่มยิ้มพอใจเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ “พูดถึงแล้วก็อยากไปเคาะห้องเสียตอนนี้เลย ถ้าไม่ติดที่เพิ่งแยกจากกันเมื่อกี้อ่านะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็รออีกสักสองชั่วโมงค่อยไปเคาะใหม่”

“ผู้หญิงเขาจะไม่อึดอัดเหรอ”

“ก็อาจจะนะครับ” โคลด์พยักหน้าเห็นด้วยกับเหตุผลที่โลเวลให้มา “แต่ของแบบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้นะครับ บางทีผู้หญิงเขาอาจจะรอให้คุณโลเวลไปเคาะห้องอยู่ก็ได้”

“ถึงยังไงก็ดูเสี่ยง ถ้าเขาเกิดรำคาญขึ้นมาฉันจะไม่อกเดาะเหรอ”

“เพิ่งรู้นะครับว่าเสือผู้หญิงแบบคุณจะกลัวอกเดาะ”

“ความกลัวมันไม่เข้าใครออกใครหรอกน่า”

“ถ้าอย่างนั้นไปทำงานกับผมดีไหมครับ” โคลด์เสนอทางออกให้ แต่ดูเหมือนเจ้านายหนุ่มจะยอมเสี่ยงแทนที่จะไปทำงานที่แสนน่าเบื่อกับเขา “จะได้ไม่ต้องอยู่กับความเสี่ยงและความกลัวไงครับ”

“การลงทุนมีความเสี่ยงน่า และสิ่งที่ลงทุนมันก็คุ้มค่ามาก”

“แสดงว่าเลือกที่จะไปเคาะประตูห้องสาว?” เลขาฯ หนุ่มถามผู้เป็นนายอีกครั้งเป็นการยืนยันคำตอบ เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้องจึงเอ่ยต่อ “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวแล้วกันครับ”

“นายนี่ขยันทำงานจริงๆ นะเนี่ย รับรองสิ้นปีรับโบนัสเต็มๆ”

“เปล่าครับ ผมไม่ได้ไปทำงาน” โคลด์แก้ความเข้าใจผิดให้ ก่อนจะพูดด้วยความรู้สึกผิด ทว่าความรู้สึกจริงๆ กลับไม่ใช่ “ผมคงลืมบอกคุณไปว่า วันนี้ผมเองก็ลาป่วยเหมือนกัน”

 

อัยรดานั่งไม่ติดมาร่วมสองชั่วโมง เธอเดินวนไปมารอบห้องอย่างต้องการใช้ความคิด หลังจากโลเวลพูดประโยคเชิงขอศึกษาดูใจกันเธอก็เริ่มคิดว่าควรจะบอกความจริงกับเขาไปดีหรือไม่ว่าตนเป็นใคร หรือควรจะรอเวลาไปอีกสักพักเพื่อซึมซับความสุขนี้ไปอีกหน่อย เผื่อว่าวันข้างหน้าเธออาจไม่มีโอกาสได้สัมผัส แต่นั่นก็เท่ากับว่าหลอกลวงคนที่รัก แม้การมาอิตาลีครั้งนี้จุดหมายหลักคือทำให้โลเวลยอมรับเธอให้ได้ก็ตาม

หญิงสาวเดินมาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาว ได้แต่ถอนหายใจออกมาเพราะตัดสินใจไม่ได้ ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็มีทั้งความสุขและผิดหวังรออยู่

“เฮ้อ…ถ้าฉันขอเลือกเห็นแก่ตัวจะผิดมากหรือเปล่านะ”

เธอผ่อนลมหายใจออกมา มองหน้าจอโทรทัศน์ขนาดห้าสิบนิ้วดำสนิทตรงหน้าแล้วหยิบรีโมตขึ้นมากดเปิด อย่างน้อยคงช่วยให้เธอหยุดคิดเรื่องโลเวลไปสักพัก

อ๊อด! อ๊อด!

“ใครกันนะ” อัยรดามองไปที่ประตู ก่อนจะลุกออกไปดูว่าเป็นใคร และภาพที่ปรากฏบนหน้าจอก็คือผู้ชายคนเดิมที่มาเมื่อเช้านี้ “มีธุระอะไรหรือเปล่านะ”

หญิงสาวเปิดประตูออกก็เจอคนหล่อที่รีบยิ้มประจบ ชักเริ่มรู้สึกหวั่นๆ กับอาการของเขาเสียแล้วสิ

“มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“ผมหิวครับ”

“หืม” เธอผงะเมื่อได้ยินคำตอบของเขา ในเมื่อหิวแล้วทำไมต้องมาบอกกัน ควรจะหาอะไรกินเพื่อบรรเทาความหิวไม่ใช่หรอกหรือ “แล้วยังไงคะ”  

“ผมมาขอข้าวกินครับ” โลเวลเอาความหน้าด้านเข้าสู้ ยิ่งเห็นสายตาระแวดระวังของเธอ เขาก็ยิ่งต้องแสดงความจริงใจให้หญิงสาวรู้ว่าเขามันเป็นพวกไม่มีพิษมีภัยอะไร ออกจะน่ารักและน่าเลี้ยงดู

“แต่เราเพิ่งทานกันมาเองนะคะ” หญิงสาวยกนาฬิกาบนข้อมือขึ้นมาดู เพราะนี่ก็เพิ่งเลยเวลาที่กินข้าวกันมาแค่สองชั่วโมงเศษเอง “แล้วนี่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หายดีแล้วหรือคะ”

อัยรดาสังเกตเสื้อผ้าที่ไม่ใช่ชุดเดิม จึงเดาว่าเขาคงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใหม่

“ค่อยยังชั่วแล้วครับ” ชายหนุ่มแสดงออกอย่างแนบเนียน ยกมือกุมท้องด้วยท่าทางน่าสงสาร “ตั้งแต่แยกกันผมก็เข้าไปกินยานอนพัก ตื่นมาก็รู้สึกหิว แต่ในตู้เย็นไม่มีอะไรให้กินเลย ก็เลย…”

“มาขอข้าวทานที่ห้องฉัน” หญิงสาวต่อให้ พินิจหน้าหล่อที่ยังดูสดชื่นเป็นปกติ ไม่ได้ดูอ่อนเพลียหรือเหมือนคนป่วยแม้แต่น้อย คงไม่พ้นที่เธอจะโดนต้มจนเปื่อยเสียแล้ว

“หวังว่าคุณอัยย์จะไม่ใจร้ายนะครับ” ชายหนุ่มทำตาปริบๆ “ว่าแต่คุณอัยย์ทำอะไรอยู่ครับ”

โลเวลมองเข้าไปในห้องเห็นโทรทัศน์จอใหญ่กำลังเปิดอยู่ เดาว่าหญิงสาวคงกำลังดูหนัง

“ดูหนังค่ะ”

“พอดีเลยครับ ผมเองก็กำลังอยากดูหนังอยู่พอดี” ชายหนุ่มถือวิสาสะเดินเข้ามาในห้องของหญิงสาวด้วยความหน้าด้าน เมื่อเจ้าของห้องไม่ห้ามจึงเดินไปนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ทันที “ดูหนังจบค่อยทานข้าวก็แล้วกันเนอะ”

โลเวลสรุปเองเสร็จสรรพ ตบที่ว่างข้างกายให้หญิงสาวนั่งลง ซึ่งเธอก็ยอมทำตามแต่โดยดี ทว่าก็เว้นระยะห่างไว้พอสมควร เขาเองก็ไม่มีปัญหาอะไร ดีกว่าเธอไล่เขาออกจากห้องเป็นไหนๆ

“ออกตัวไว้ก่อนนะคะ ของสดฉันมีไม่มาก คงปรุงอาหารได้แค่สองสามอย่าง”

“ไม่เป็นไรครับ ผมกินง่ายอยู่ง่ายอยู่แล้ว แค่คุณอัยย์เมตตาผมก็ดีใจมากแล้ว” ชายหนุ่มบอกด้วยความซาบซึ้ง “ว่าแต่คุณอัยย์มาอยู่โรมนานไหมครับ”

ถ้ารู้กำหนดวันเวลาที่แน่นอนว่าเธอจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน เขาจะได้จัดตารางมาจีบเธอได้ถูก หากใกล้ถึงกำหนดกลับแล้วจะได้รีบรุก แต่หากยังอีกนานก็จะค่อยๆ ไปตามสเตปต่อไป

“จนกว่าจะเสร็จธุระค่ะ” หญิงสาวบอกกว้างๆ เพราะไม่รู้แน่ชัดว่าสิ่งที่กำลังทำจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหน “แต่ก็คงอีกสักพักใหญ่ๆ ค่ะ”

“ถ้าคุณอัยย์อยากไปที่ไหนเป็นพิเศษบอกผมได้เลยนะครับ ผมยินดีช่วยอำนวยความสะดวก”

“ขอบคุณค่ะ” อัยรดายิ้มขอบคุณ จากที่คิดจะมาจีบเขา กลายเป็นมาให้ถูกเขาจีบซะงั้น

“ยินดีครับ”

“เราดูหนังกันดีกว่านะคะ เรื่องเดินไปไกลแล้ว”

เพราะทนต่อเสน่ห์ที่เขาขยันส่งให้ไม่ไหวอีกต่อไปเธอจึงพยายามเปลี่ยนเรื่อง ยิ่งตาหวานๆ ที่เขาตั้งใจส่งให้ด้วยแล้ว เธอก็ยิ่งเกินจะทน พยายามบอกตัวเองให้รับมือกับเสน่ห์ที่ล้นเหลือของเขาให้ได้ แต่ก็เกินจะรับมือไหว หากเป็นแบบนี้ต่อไปคงเป็นเธอเองที่จะเป็นฝ่ายรุกฆาตแทน

โลเวลเองก็พยายามตั้งใจดูหนังอย่างที่เธอบอก ทว่าก็ไม่สามารถจดจ่ออยู่ที่ตัวละครได้ เพราะจิตใจอันอกุศลทำให้เขาคิดไปถึงแต่เรื่องอย่างว่า ก็มีอย่างที่ไหนล่ะ ที่เขาอยู่ร่วมห้องกับสาวสวยสองต่อสองแล้วจะไม่มีกิจกรรมเข้าจังหวะ มีอย่างที่ไหนที่ต้องมานั่งดูหนังโดยไม่ได้ทำอย่างอื่น

ยิ่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ลอยมาจากตัวสาวสวยยิ่งปลุกอารมณ์ด้านนั้นให้ตื่นโดยง่าย ตาจ้องมองไปที่หน้าจอโทรทัศน์ก็จริง แต่บอกเลยว่าไม่ใช่แค่เขาดูหนังไม่รู้เรื่อง ทว่าแม้แต่ชื่อเรื่องเขาก็ยังไม่รู้

ชายหนุ่มพยายามกำหนดลมหายใจเข้าออกให้สม่ำเสมอ หายใจเข้าก็ท่องว่า ‘พุท’ หายใจออกท่องว่า ‘โธ’ ‘พุท-โธ’ แต่ให้ตายเถอะ มันไม่ได้ผลเอาเสียเลย พยายามระงับอารมณ์หื่นไม่รู้เวล่ำเวลาของตัวเองก็ยิ่งยาก เพราะเรื่องอย่างว่าเขาไม่เคยขาด ยิ่งห่างหายมาหลายวันก็ยิ่งเกินจะควบคุม

โลเวลหันไปมองคนหน้าหวานที่ตั้งใจดูหนังโดยไม่สนใจเขาก็รู้สึกผิดที่คิดไม่ดีกับเธอ แต่จะโทษความหื่นของเขาอย่างเดียวก็ไม่ถูก เพราะเธอต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ที่สวยจนทำให้ผู้ชายอย่างเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้

‘เขาอุตส่าห์ไว้ใจแกนะซีน แกอย่าทำให้เขาผิดหวังเชียว’

ชายหนุ่มเตือนตัวเองในใจ ก่อนจะเบี่ยงเบนความสนใจตัวเองไปที่หนัง ตั้งใจดูให้รู้เรื่องให้ได้

 

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป

โลเวลไม่ได้สนใจหนังที่กำลังขึ้นเครดิตอยู่แต่อย่างใด เพราะตอนนี้สิ่งที่กำลังดึงดูดเขาให้ขันปนเอ็นดูจนไม่สามารถละสายตาได้คือร่างบางที่กำลังนั่งกอดหมอนสัปหงกอยู่

ชายหนุ่มยกมือทั้งสองขึ้นเท้าคางมองความน่ารักตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ ใบหน้ากระจ่างใสอ่อนวัยกว่าอายุจริง คิ้วเรียวโก่งสวยดั่งคันศรไม่ต้องแต่งเติม ดวงตากลมโตยามปกติปิดแนบสนิทเพราะเจ้าตัวกำลังหลับ จมูกโด่งเล็กน่ารักรับกับริมฝีปากบางสีชมพูหวาน ใบหน้าเรียวยาวรูปไข่ยิ่งทำให้องค์ประกอบที่เป็นเธอดูน่ารักไปเสียทุกอย่าง

“โตมาสวยขนาดนี้ ตอนเด็กคงน่ารักมาก” ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง มองหน้าหวานตรงหน้าอย่างไม่รู้จักเบื่อ “ตกลงนี่ดูหนังหรือให้หนังดูกันแน่”

เขานึกอยากยื่นมือไปบีบแก้มนุ่มด้วยความมันเขี้ยวเสียจริงๆ แต่ก็กลัวว่าเจ้าของแก้มจะรู้สึกตัวเสียก่อน จึงได้แต่ยื่นมือไปใกล้ๆ ทว่าก็ต้องรีบชักมือกลับเมื่อร่างบางเอนเข้ามาหาเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับไปนั่งตัวตรงเช่นเดิม

“ทำไมน่ารักแบบนี้เนี่ย”

โลเวลส่ายหัวเมื่อเห็นภาพตรงหน้าที่รบกวนอัตราการเต้นของหัวใจเขาเสียย่อยยับ ทว่าก็ต้องนั่งตัวเกร็งเมื่อร่างบางที่เขานั่งจ้องมาร่วมชั่วโมงล้มลงนอนมาทางเขา และไม่รู้เพราะพระเจ้าเข้าข้างเขาเกินไปหรือเปล่า เมื่อหัวทุยหนุนบนตักเขาได้อย่างพอดิบพอดี จนชายหนุ่มไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวหญิงสาวจะตื่น

หลังจากอัยรดาเอนตัวลงนอนหญิงสาวก็ปรับท่านอนของตัวเองให้สบายขึ้น ก่อนจะหลับนิ่งเช่นเดิม แต่คนที่ไม่เหมือนเดิมคือเจ้าของตักแกร่ง

โลเวลถอนหายใจออกมาเมื่อเจ้าของร่างบางปรับท่านอนจนพอใจแล้ว ชายหนุ่มค่อยๆ เกลี่ยเส้นผมสลวยที่ปรกหน้าหวานออก หญิงสาวนอนตะแคงข้างหันหน้าไปทางจอโทรทัศน์ เสมือนคู่รักที่กำลังนอนหนุนตักกันดูหนังรักด้วยความโรแมนติก หากหน้าจอที่กำลังเปิดอยู่ไม่ได้ขึ้น ‘End Credit’

แม้จะมองเห็นแค่เสี้ยวหน้าหวาน แต่เธอก็ยังทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปได้อยู่ดี

โลเวลยกมือไล้แก้มนุ่มลื่นมืออย่างห้ามใจไม่อยู่ ผิวขาวเนียนละเอียดของเธอทำให้เขาไม่สามารถหยุดมือที่กำลังสัมผัสเครื่องหน้าเธอได้

ถึงจะมาอยู่ที่อิตาลีตั้งแต่ผู้ให้กำเนิดทั้งสองตกลงกันได้ แถมคู่ควงที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็เป็นสาวตะวันตกเกือบทั้งสิ้น น้อยนักที่จะได้พบปะกับสาวเอเชีย ทว่าแท้จริงแล้วรสนิยมเรื่องผู้หญิงของเขากับนิคาโอกลับเหมือนกัน เขาชอบผู้หญิงเอเชีย ยิ่งเหมือนมารดาผู้ให้กำเนิดมากเท่าไรก็ยิ่งดี

ตัวเล็กน่ารักน่าทะนุถนอมนั้นคือองค์ประกอบภายนอกที่เขาชื่นชอบ และใช่ว่าผู้หญิงแบบที่ชอบจะหายากดังงมเข็มในมหาสมุทร แต่เปล่าเลย ผู้หญิงแบบที่เขาชอบมีให้เห็นอยู่ทั่วไป ทว่ากลับไม่มีผู้หญิงคนไหนให้ความรู้สึกรุนแรงเท่ากับเธอคนนี้

เขาไม่รู้ว่าตัวเองหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนี้ที่ตรงไหน อาจจะเป็นจมูกโด่งรั้นที่น่าปราบพยศ ริมฝีปากบางเล็กสีหวานน่าลิ้มลอง หุ่นไซซ์เอส ทว่าดูบางอย่างกับไซซ์เอ็กซ์เอ็กซ์แอล หรือจะเป็นดวงตาหวานที่มีความเศร้าซ่อนอยู่ภายในเขาก็ไม่ทราบได้ รู้เพียงแค่ว่าทุกอย่างที่เป็นเธอทำให้เขาอยากจะหยุดทุกอย่างอยู่ที่เธอคนเดียว

แม้จะเพิ่งเจอกันได้ไม่นาน แต่ความรู้สึกบางอย่างบอกเขาว่ารู้จักเธอมาเนิ่นนาน และการพบกันอีกครั้งเพื่อเป็นการเริ่มต้นกันใหม่ระหว่างเรา

โลเวลล้วงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมา ก่อนจะกดเข้าไปที่แอปพลิเคชันถ่ายภาพ เพราะอยากเก็บภาพแสนประทับใจนี้ไว้ดูยามคิดถึง

ชายหนุ่มถ่ายภาพไปชุดใหญ่จนพอใจและจะเก็บโทรศัพท์มือถือ ทว่าเสียงเตือนว่ามีคนโทร. เข้าดังขึ้นพอดิบพอดี และคนที่โทร. เข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นไอ้เพื่อนโลลิคอนของเขานั่นเอง

โลเวลกดปิดเสียงเพราะยังไม่อยากให้อัยรดาตื่น แต่ก็เหมือนไม่ทันเสียแล้วเมื่อหญิงสาวทำท่าว่าจะรู้สึกตัว แถมยังควานมือเหมือนหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะกระจ่างเมื่อสาวเจ้าคว้ามาที่มือของเขาซึ่งถือโทรศัพท์ที่กำลังมีคนโทร. อยู่ จากนั้นก็สไลด์หน้าจอรับโดยอัตโนมัติตามสัญชาตญาณอีกด้วย ขณะเดียวกันก็ยกขึ้นแนบหูทันที

“สวัสดีค่ะ อัยรดาพูดค่ะ” อัยรดากรอกเสียงหวานลงไปเมื่อนำโทรศัพท์มาแนบที่หูแล้ว อยากก่นด่าคนที่โทร. มารบกวนเวลานอนก็ทำไม่ได้ ทว่าเสียงทุ้มที่ดังมาตามสายทำให้คนที่หลับตาลืมตาโพลงขึ้นมาทันที

“นี่เธอเป็นใคร มารับโทรศัพท์ไอ้ซีนได้ยังไง หรือเธอเป็นผู้หญิงคนใหม่ของมัน แต่ก็ไม่น่าจะใช่เพราะเพื่อนฉันจำศีลอยู่ หรือเธอไปรูดทรัพย์มันมาเนี่ย ปกติมันเป็นคนหวงโทรศัพท์จะตาย ไม่มีทางปล่อยให้ใครหน้าไหนก็ไม่รู้มายุ่งของส่วนตัวของมันแน่ บอกฉันมาซะดีๆ ว่าขโมยมาใช่ไหม…”

เสียงพล่ามของปลายสายยังไม่หยุด แต่ลมหายใจเธอสะดุดไปเรียบร้อยแล้ว

‘ซวยแล้วไงยายอัยย์ รับโทรศัพท์ผิดเครื่องหรือเนี่ย!’

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น