14

ตอนที่ 14

14

 

“หนามบอกพี่แกงไก่ให้แล้วค่ะ พี่กุลเข้าไปได้เลย เดี๋ยวพี่แกงไก่เขาปล่อยให้เข้าครัวไปคุยเอง ไม่ต้องห่วงนะคะ”

นันท์นพินบอกกุลสตรีที่โทร. มาบอกถึงความยุ่งยากและเยอะของพี่ชายเธอ ขนาดว่ากุลสตรีโทร. ไปหา พอทราบว่าจากใคร จะเจรจาเรื่องอะไร นัทธ์ก็ชิงวางสายใส่

“ข่าวลือว่าพี่เราสุภาพใจดี ใจเย็นนี่หลอกใช่ไหม ถามจริง” 

ที่กุลสตรีถามแบบนั้นเพราะตอนนี้อยู่หน้าครัว แล้วเสียงพี่ว้ากข้างในครัวนั่นก็คิดไม่ออกว่าจะมีใครกล้า นอกจากเจ้าของร้าน

“เดี๋ยวพี่กุลก็ทราบค่ะ” นันท์นพินหลุดหัวเราะเบาๆ ออกมา

“เฮ้อ!” กุลสตรีถอนหายใจ

“หนามเข้าเรียนก่อนนะคะ สู้ๆ นะคะพี่กุล”

นันท์นพินวางสาย ส่งข้อความบอกทีปกรว่าตนเองเข้าเรียนแล้ว อาจไม่ได้ดูโทรศัพท์ ยังไม่ได้เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า อีกคนก็ส่งข้อความกลับมา

Thee_pak : ส่งรูปที่เกิดเหตุมา

นันท์นพินยกโทรศัพท์เซลฟี่ แล้วส่งรูปให้อีกคนเดี๋ยวนั้นเลย

Ruenkunnam : {แนบรูป}

Thee_pak : น่ารัก

Ruenkunnam : น่ารักแล้วรักไหมล่ะ

หยอดคำถามก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า เตรียมเข้าเรียน ตอนแรกนันท์นพินก็พอรู้ว่าทีปกรคงไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับเธอขนาดนั้นหรอก ยิ่งไปเจอแม่เขามาแล้วยิ่งมั่นใจว่าความสัมพันธ์ง่อนแง่นมาก

พอเข้าห้องเรียน เพื่อนสาวสองนางก็นั่งขนาบข้างทันที ทั้งยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ราวจะบอกว่าแกเสร็จฉันแน่

“อะไรพวกแก นี่เวลาเรียน เรียนก่อนค่อยมาทำหน้าเหมือนนักสืบแบบนั้น” นันท์นพินบอกเพื่อน

“แกนี่มันเสือซุ่มจริงๆ ไอ้หนาม” จุรินทร์แขวะเพื่อน

“หมดชั่วโมงเรียนแกต้องเล่ามาให้หมด ก่อนพวกฉันจะอกแตกตาย อยากเผือก”

นันท์นพินเห็นมะปรางวิดีโอคอลมาแต่เช้าแล้ว แต่เพราะว่าทีปกรเป็นคนรับสาย เพื่อนสาวเลยวางสายไปแทบไม่ทัน 

และใช่! เมื่อวานทีปกรไปค้างกับเธอที่คอนโดอีกตามเคย บอกเธอว่ามีเรื่องต้องคุยด้วย

...

‘มีอะไรกับแม่ผมหรือ’ ตอนกลับถึงคอนโดทีปกรก็เปิดปากถาม

‘มีค่ะ’

ทีปกรยังมองนิ่งๆ รอให้เธอเอ่ยอะไรสักอย่างด้วย นานหนจะเห็นทัศนาไม่ชมชอบใครสักคน เพราะทัศนาเป็นคนอ่อนหวาน ใจดี และจะใจดีมากๆ ถ้ารู้ว่าคนคนนั้นเป็นสาวที่เขาคบด้วย เพราะท่านอยากให้เขาแต่งงานใหม่มีครอบครัวอีกสักครั้ง

‘เรื่องอะไร’

‘ก็เรื่องทำอาหารไงคะ จะมีอะไรได้อีก’

ทีปกรยังไม่เชื่อคำตอบ เอาแต่จ้องมองนิ่งๆ แล้วถามย้ำมาอีก

‘ท่านไม่ได้พูดอะไรให้ไม่สบายใจใช่ไหม’

‘คงไม่มีอะไรทำให้หนามไม่สบายใจได้เท่าตอนนี้หรอก วันนี้แยกกันนอนไม่ได้หรือคะ’ เปลี่ยนประเด็นเครียดไปที่ประเด็นเครียดกว่าอย่างลื่นไหล และพอคิดว่าการร่วมเตียงจะไม่ธรรมดาอีกต่อไป หัวใจสาวก็เต้นโครมครามแทบกระเด็นกระดอนออกนอกทรวง

‘ได้’

‘ได้’ ในที่นี้ของทีปกรคือนอนใครนอนมัน แต่ในอ้อมกอดของเขาจนเช้าต่างหาก อย่างน้อยนันท์นพินก็ทราบว่าเขาจะไม่ทำอะไรเธอจนกว่าเธอจะหายเจ็บ ซึ่งก็ไม่ได้เจ็บปวดเรื้อรังขนาดนั้น เธอเพียงแค่ไม่ชินที่จะทำแบบนั้นทุกวัน ซึ่งก็บอกเขาไปตรงๆ แล้ว

‘ผมน่ากลัวสำหรับคุณหรือ’

‘ไม่ค่ะ’

แน่นอนว่าเซ็กซ์กับเขาเหมือนเปิดโลกทัศน์สำหรับเธอ ทุกครั้งที่มองเขา ใจก็สั่น หน้าก็แดง ตอนที่เจ้าของร่างสูงก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า ยกมือขึ้นเสยผมยาวสลวยไปป้ายหลัง แล้วไล้ปลายนิ้วกับใบหูน้อยๆ สองข้าง นันท์นพินก็สูดหายใจแรง

‘งั้นก็รีบๆ ชินกับผมซะทีสิ คุณมาจีบผม แต่ไม่อยากใกล้ชิดผม นี่ผมรู้สึกเสียหายนะเนี่ย’

คนฟังทำหน้ายุ่งเพราะเหตุผลของอีกคน ‘ก็หนามไม่ชินนี่นา’

‘ผมก็ไม่ชินที่มีแฟน แต่ผมก็จะพยายาม พยายามไปกับผมนะ’

เสียงกระซิบของเขาอยู่ใกล้มาก เสียงทุ้มนุ่มหูมาก นันท์นพินเลยจำต้องพยักหน้ารับ

คนใจลอยยิ่งคิดก็ยิ่งหน้าแดง จนเพื่อนสาวสองนางที่นั่งขนาบข้างเอาหัวไหล่กระแทกแรงๆ

...

“เหม็นกลิ่นคนมีความรักมาก” จุรินทร์บอก

“เวลาเรียนช่วยเอาแฟนฝากไว้ที่เคาน์เตอร์ฝากของด้านนอกด้วยค่ะ เพื่อนอิจฉา” มะปรางบอก

นั่นละนันท์นพินถึงเอาเรื่องของทีปกรออกจากสมองได้ หันมาสนใจเรื่องเรียนตรงหน้า แล้วก็ลืมเรื่องอื่นๆ มีเพียงเรื่องเรียนในสมอง

 

ความสุภาพ อ่อนโยน จริงใจ คือหัวใจหลักในการให้บริการของทางร้านเพียงพอดีบายเรือนคุณนัทธ์ แวะมารอรับบริการสิครับ แล้วคุณจะติดใจ

โฆษณาโพรโมตร้านเพียงพอดีบายเรือนคุณนัทธ์ กับเจ้าของร้านสวมเสื้อม่อฮ่อม ผมยาวสลวยถูกรวบตรึงเอาไว้ด้านหลัง เปิดดวงหน้าขาวใส ดูหล่อและหวานล้ำ ดูสวยกว่าผู้หญิงด้วยกันเสียอีก คือจุดขายของร้าน นอกจากรสชาติอาหารที่อร่อยเลิศ และตำนานของตำรับที่เอามาทำในครัวก็คือเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความหล่อ ใจดี สุภาพของเจ้าของร้าน

แต่สิ่งที่กุลสตรีเห็นตรงหน้าตอนนี้หลังจากพบคนชื่อแกงไก่ เด็กของนันท์นพินที่เอาเสื้อกันเปื้อนให้สวมทับ พร้อมให้เก็บผมเอาไว้ในหมวก แล้วส่งมาเผชิญเคราะห์กรรมในครัวคือ...

“มึงย่างกุ้งหรือมึงจะเผากุ้ง กูถามจริง แบบนี้เอาไปให้ใครแดก”

กุลสตรีสะอึก ยอมรับว่าเคยเป็นแฟนคลับของนัทธ์มาก่อน จนเมื่อกี้นี้เพิ่งยื่นใบลาออกไปอย่างด่วนจี๋ หญิงสาวยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายวิดีโอเจ้าของร้านเอาไว้แทบจะทันที

“เฮ้ย! ใครแกะสลักผักตรงนี้ บอกแล้วว่าแกะน้ำเต้ามันต้องแตะน้ำตลอด ไม่งั้นมันจะดำ แล้วใครจะแดก”

‘สองแดก’ ที่น่าสะพรึงหูดังมา

“ใครจัดจาน มึงจะให้คนแดกหรือเอาไปให้วัว ผักมาเสียล้นจานแบบนี้ ผักแพงจะตายห่า ประหยัดให้กูหน่อยสิโว้ย”

‘นี่คือครูพี่นัทธ์จริงสิเออ ไหนล่ะความสุภาพ อ่อนโยน ใจดี ใจเย็น หลอกลวงผู้บริโภคชัดๆ’

กุลสตรีเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเมื่อเจอคำว่า ‘แดก’ เกลื่อนกระจายทั่วครัว โชคดีที่ครัวห่างจากเรือนของลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหาร เข้าใจแล้วว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ เพราะความปากหมาของเจ้าของร้านนี่เอง

“เอ้า! มายืนทำหน้าสวยๆ อะไรตรงนี้”

นัทธ์หรี่ตามองคนที่ยืนอึ้งตะลึงอยู่ตรงทางเข้าประตู ตอนแรกเขากำลังจะเดินเลยผ่าน แต่แล้วก็ย้อนกลับมากอดอกมองอีกคนใหม่

“ในครัวกูมีคนสวยแบบนี้ด้วยหรือวะ เฮ้ย! รับเด็กใหม่ด้วยหรือวะ กูบอกว่าให้ประหยัดๆ ไง ใครจ้างมา”

โน้มหน้าลงต่ำ ไม่คิดว่าจะมีคนสวยที่แต่งหน้าได้เรียบกริบแบบนี้ในครัวของเขา ส่วนมากลูกมือแทบทุกคนจะหน้ามัน หัวยุ่งเพราะกฎห้ามแต่งหน้าของที่ร้าน

กุลสตรียืนนิ่งตะลึง เมื่อเห็นอีกคนก้มหน้าลงต่ำมาจ้องมองก็สะดุ้งจนแทบลืมหายใจ

ครูพี่นัทธ์หน้าตาดีจริงๆ มิน่าสาวๆ ถึงร่ำร้องหา

“เอ่อ...ฉันคือกุลสตรีจากแบรนด์เสื้อ KO ที่ติดต่อมาหาคุณไงคะ”

“เชี่ย!” ทันทีที่กุลสตรีแนะนำตัวเสร็จ นัทธ์ก็สบถออกมาทันที ลนลานลูบผม เช็ดเสื้อ ปรับสีหน้ามาเป็นสุภาพ แบบว่าหลอกลวงที่สุดเท่าที่กุลสตรีเคยเห็นมา

“ผมครูพี่นัทธ์ครับ มีอะไรให้รับใช้”

“เก๊กสุภาพไม่ทันแล้วไหมคุณ ฉันเห็นหมดแล้ว”

คำทักทายที่สวนกลับมาทำเอานัทธ์เท้าสะเอวก่อนจะหันหน้าไปด้านข้างครู่หนึ่ง พอหันกลับมาอีกครั้ง ดวงหน้าที่เคยสุภาพอ่อนโยนก็เรียบเฉย

“แล้วมีอะไร คนไม่รับสายก็น่าจะรู้ว่าไม่อยากคุย มาหาที่นี่ก็เหมือนเดิม จะดันทุรังไปทำไม”

นัทธ์กอดอก พิงสะโพกที่เคาน์เตอร์ด้านหลัง มองอีกฝ่ายอย่างพิจารณามากขึ้น เสียดายที่เขาดันเผยธาตุแท้ออกไปให้อีกฝ่ายเห็นเสียแล้ว สวยๆ แบบนี้หว่านเสน่ห์สักหน่อย พูดหวานสักนิด ก็ตกหลุมมาเป็นลูกศิษย์เขาทั้งนั้น

“ก็สวยดีนี่คุณ ไม่น่าไม่มีสมอง”

“ฮะ?”

กุลสตรีถึงกับอึ้งกิมกี่ มองอีกฝ่ายอย่างเหยียดๆ อยากจะล้วงคออาเจียนขนมหวานร้านดังของเขาออกมากองตรงนี้จริงๆ

“ขอโทษ! ฉันสวยด้วย มีสมองด้วย แถมวาจาก็ไพเราะกว่าคุณมาก”

“จะสวย จะมีสมอง จะวาจาไพเราะ อะไรก็เหมือนกันนั่นแหละคุณ ไม่มีมารยาทเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่เข้ามาในเขตหวงห้ามหรอก มองไม่เห็นป้ายข้างนอกหรือไง คนนอกห้ามเข้า!” นัทธ์ย้ำประโยคท้ายทีละคำ

กุลสตรีไม่เคยเสียหน้ามาก่อน ยิ่งตอนที่นัทธ์หันหน้าไปสนใจอาหารที่ลูกมือทำกันวุ่นๆ อยู่ในครัว เสียงตะโกนก็ดังต่อเนื่องขึ้นอีกครั้ง เธอก็เริ่มออกเดินตามเข้าไปในครัวที่แม้จะดูยุ่งเหยิงวุ่นวายขนาดไหน แต่ข้าวของกลับวางเป็นระเบียบ พื้นในครัวสะอาดมากๆ และคนที่ทำเสียงดังในครัวนี้ก็มีเพียงคนเดียว คือเขา นอกนั้นทำงานเงียบกริบมาก

“ไม่มาจะได้คุยกับคุณไหมเล่า”

“เจอกันข้างนอก หน้าสวยแบบนี้ ผมก็คงคุยหรอก แต่คุณดื้อดึงเข้าครัวผม”

เธอพลาดไปแล้วไง ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกด้วย แต่มาขนาดนี้มีหรือจะกลับไปมือเปล่า

“แต่ฉันมีเรื่องด่วน ต้องการให้คุณอนุญาต”

“ไม่ว่าง ไม่มีเวลา แหกตาดูด้วยว่าผมทำอะไรอยู่ตอนนี้”

บอกแล้วเดินเฉียดอีกคนที่เข้ามายืนงุนงงอยู่ในครัวเขา พร้อมตะโกนบอกลูกน้องให้ไปดูอาหารที่ออกจากครัว 

กุลสตรีคิดว่าหมดหนทาง แต่ดีที่เธอมีไม้เด็ด

‘มึงย่างกุ้งหรือเผากุ้ง กูถามจริง แบบนี้เอาไปให้ใครแดก’

‘เฮ้ย! ใครแกะสลักผักตรงนี้ บอกแล้วว่าแกะน้ำเต้ามันต้องแตะน้ำตลอด ไม่งั้นมันจะดำ แล้วใครจะแดก’

‘ใครจัดจาน มึงจะให้คนแดกหรือเอาไปให้วัว ผักมาเสียล้นจานแบบนี้ ผักแพงจะตายห่า ประหยัดให้กูหน่อยสิโว้ย’

วิดีโอที่กุลสตรีบันทึกไว้ก่อนหน้านี้ถูกเปิดเสียงดังลั่นครัว ทำเอาทุกคนที่วุ่นวายอยู่ในครัวเมื่อครู่หยุดชะงัก ต่างเงยหน้ามองยอดฝีมือที่เข้ามาปราบเชฟโหดของพวกตนได้ถึงที่

“ลืมบอกคุณไปว่าลูกศิษย์ครูพี่นัทธ์เป็นเพื่อนๆ ของฉันทั้งนั้น ไม่รู้พวกเขารู้ไหมน้า...ว่าครูของตัวเองหยาบคายได้ขนาดนี้”

“คุณกล้าหรือ”

นัทธ์ก้าวพรวดเข้ามาทำท่าจะยื้อแย่งโทรศัพท์จากอีกคน แต่กุลสตรีเตรียมพร้อมไว้ก่อน เลยรีบยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋า กอดอกวางท่าเป็นต่อขึ้นมาทันที

“มีอะไรที่ฉันต้องไม่กล้า ฉันไม่มีอะไรจะเสียนี่”

สีหน้าเป็นต่อของกุลสตรีที่นัทธ์กำลังจ้องมองตอนนี้ทำไมมันทำให้เขาตื่นเต้นขนาดนี้ ไม่เคยมีใครทำให้หัวใจตายด้านของเขาตื่นตัวได้ขนาดนี้ อาจจะเพราะมีคนหลงใหลหน้าตา ภาพลักษณ์ที่เขาเอามาเป็นจุดขายมากจนเขาชาชิน

“งั้นเชิญทางนั้น”

ผายมือเชิญอีกคนไปที่ทำงาน ก่อนสั่งงานแม่ครัวเบอร์สองและสามให้ทำหน้าที่อย่าให้ขาดตกบกพร่อง ก่อนจะออกไปคุยกับกุลสตรี

“ว่ามา คุณมีอะไรจะคุยกับผม”

“เข้าเรื่องเลยนะคุณ คุณยุ่ง ฉันก็ยุ่งเหมือนกัน”

กุลสตรีทิ้งกายลงนั่ง ไขว้ขาอวดเรียวขาสวย ไม่แคร์ที่กระโปรงจะมีรอยแหวกขึ้นไปจนเห็นขาอ่อนสีขาวอิ่มน้ำ เป็นนัทธ์เสียเองที่แคร์ และสายตาก็จับจ้องมองความสวยนั้นไม่ลดละ

“จะคุยงานก็ช่วยอย่าอ่อยผม ขาขาวๆ ผมก็ชอบมองอยู่หรอก แต่ถ้าคุยงานก็ช่วยสุภาพนิดหนึ่ง สมองของผมแยกเรื่องงานกับเซ็กซ์ไม่ค่อยออกเสียด้วยสิ”

“คุณนี่ปากเสียไม่พอ ยังออกจะลามกด้วยนะ”

กุลสตรีเปลี่ยนท่านั่งให้เรียบร้อย มือจับรอยแยกของกระโปรง ครูพี่นัทธเจ้าของร้านขนมหวานที่เธอชอบคงไม่มีอะไรเกินความคาดหมายของเธออีกแล้ว ไม่ใช่ผู้ชายดีเลิศที่หลุดออกมาจากหนังสืออีกแล้ว ก็แค่คนธรรมดานี่เอง ปากหมาบางครั้ง ลามกบ้างบางครา

“เจอคนสวยๆ ผมก็ตื่นตัวบ้างแหละคุณ มีอะไรก็ว่าไปสิ”

ตาเขายังวนเวียนแถวกระโปรงที่แหวกออก แม้กุลสตรีจะใช้มือเรียวกุมกำรอยแยกตรงนั้นแล้ว

“คือฉันจะจัดงานแฟชั่นโชว์ในอาทิตย์นี้ ฉันชอบน้องหนาม น้องสาวของคุณมากๆ อยากติดต่อให้ไปเดินแบบชุดฟินาเล่ให้หน่อย ฉันถามน้องเขาแล้ว น้องเขาให้มาถามคุณ ถ้าคุณตอบตกลง เขาจะยอมเดินให้”

“ค่าตัวล่ะ”

“ตามมาตรฐานเหล่าเซเลบคนดังค่ะ” 

กุลสตรีแทบมองบนใส่ความงกของนัทธ์ แต่รู้สึกคุ้นๆ ว่าแม่หนูนามก็ออกจะงกๆ แบบนี้ คงถอดแบบพี่ชายมานี่เอง

“ตกลง แต่มีข้อแม้ว่าของว่างในงานต้องเป็นของทางร้านผม”

“เช็กตารางตัวเองบ้างนะคะ ฉันให้คนมาติดต่อเอาไว้ และทำสัญญากันไปแล้วด้วย ทำผ่านโรงแรมของคุณทัศนา”

นัทธ์เลิกคิ้วนิดหนึ่ง คิดเพียงจะขัดขวางอีกฝ่ายไปงั้นๆ ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะทำสัญญาจองร้านเขาไปแล้ว

“ผมจะทราบไหม พวกสาวๆ สวยๆ เขาไม่ค่อยอยากจะทานอาหารหวานหรอก ยิ่งงานแฟชั่นโชว์คงไม่ชอบเอาขนมหวานเข้าไป”

“ฉันนี่แฟนคลับขนมหวานร้านคุณเลยนะคะ เอ้อ แฟนขนมนะคะ ไม่ใช่แฟนเจ้าของร้าน แล้วจริงๆ ตามงานแฟชั่นโชว์ดังๆ เขามีพวกช็อกโกแลตบาร์ด้วยซ้ำ ฉันรู้สึกว่ายังสู้ร้านขนมคุณไม่ได้เลย ร้านคุณอร่อยกว่า สวยกว่า แถมเข้าคอนเซปต์คอลเล็กชันแฟชั่นโชว์ของฉันด้วย”

นัทธ์ไม่เคยชอบสิ่งที่ตนเองทำตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะต้องใช้หนี้ สืบทอดร้านอาหารไทยโบราณของต้นตระกูล และเลี้ยงน้องละก็ เขาไม่มีทางผันตัวมาเป็นพ่อครัวแน่ๆ แต่พอฟังกุลสตรีเอ่ยด้วยสีหน้าที่บอกเขาว่าเธอชื่นชอบขนมหวานของเขาจริงๆ เขาก็อดเกิดอาการภูมิใจนิดๆ ไม่ได้

“อาหารคาวร้านผมก็แซ่บนะคุณ ว่างๆ ก็มาลองสิ”

“น้องหนามโฆษณาอยู่ค่ะ ว่างๆ ฉันต้องมาลองแน่ สรุปคุณอนุญาตแล้วนะ ฉันจะได้นัดน้องหนามมาหัดเดินแบบวันนี้”

แน่นอนว่าเรื่องน้องไม่เข้าหูเท่านานหนจะเจอคนที่คุยถูกคอและสร้างแรงบันดาลใจมากมายแบบนี้ ในหัวของนัทธ์เหมือนมีเม็ดสีระเบิดพร่างจนตาพร่าลาย มือเขาร้อนฉ่าคล้ายกับมีความรู้สึก หลังจากมันเหมือนไม่รับรู้อะไรอีกตอนที่สูญเสียพ่อกับแม่ไป ตอนนั้นเขาเหมือนหมดสิ้นทุกอย่าง ไม่มีความรู้สึกอะไรไปเลย

“ฉันกลับเลยนะคุณ”

“นี่นามบัตรผม ผมรับทำอาหารนอกสถานที่ด้วยนะ ถ้าเบื่อๆ คุณโทร. เรียกผมไปทำอาหารได้ทุกเวลา”

“จริงหรือคะ”

ไม่จริง

ทุกวันนี้นัทธ์ยุ่งจนแทบไม่มีเวลาหายใจหายคออยู่แล้ว เพียงแต่ต้องมีเวลาสำหรับคนถูกใจที่นานหนจะหล่นลงมาต่อหน้าต่อตาแบบนี้ น้องสาวนี่รู้ใจจริงๆ ส่งหญิงมาให้ถึงในครัว

 

นันท์นพินมองเพื่อนร่วมชะตากรรมสี่ห้านางที่ถูกกุลสตีทาบทามมาเดินแบบให้พร้อมๆ กับเธอ รับรู้ว่าต่างเป็นเซเลบ คนมีชื่อเสียง บ้างก็เป็นลูกท่านหลานเธอ มีเธอคนเดียวที่โนเนมสุดๆ

ตั้งแต่ที่กุลสตรีแนะนำให้รู้จักครูสอนเดินแบบ เธอและคนอื่นต้องยืนตัวตรงติดกับผนังให้หลังตรง คอตั้ง ก้นงอน ขายืด

“เพราะไม่มีเวลามากนัก ดังนั้นจำอารมณ์ตอนยืนชิดผนังไว้ว่าเราต้องยืดและตรงให้ได้แบบนี้ หายใจทางปากจ้ะลูก แอ่นหลังพิงผนังอีก แล้วจำไว้”

“นี่ยืนมาสองชั่วโมงแล้ว จำได้แล้วไหมครู” สาวสวยคนหนึ่งเอ่ยแย้ง ซึ่งนันท์นพินเห็นด้วย นี่คิดว่าถูกดัดจนปวดหลัง ปวดน่อง ปวดต้นคอไปหมดแล้ว

“หล่อนทนสิยะ วันฟิตติงชุด จัดบล็อกกิงจะได้ไม่อายเขา มีแต่นางแบบมืออาชีพที่พอมาถึงก็เดินฟาดๆ งามๆ มืออาชีพทั้งนั้น เราจะได้ไม่ไปเป็นภาระเขามาก พวกหล่อนน่ะงานดี แต่ก็เดินให้มันปังด้วย อย่ามาเสียชื่อฉัน”

เพราะนันท์นพินให้เวลาฝึกเดินแค่วันละสี่ชั่วโมงเป็นเวลาสามวัน วันแรกเลยเป็นการซ้อมยืนบนรองเท้าให้ชินและลองเดินดู

“ขาตึงๆ เอนตัวไปข้างหลัง เดินๆ”

เสียงครูฝึกที่เดินนำขบวนร้องบอก ขณะที่สาวๆ พาขายาวเรียวลากรองเท้าส้นสูงไปตามพื้นสตูดิโอ สร้างเสียงรองเท้ากระแทกพื้นอยู่เกือบสองชั่วโมง ก่อนที่ครูจะปล่อยตัว

“ไงคะครู เด็กๆ ของกุลพอไหวไหม”

“ต้องดูอีกทีพรุ่งนี้ วันนี้ก็สอนเต็มอัตรากันแล้ว พวกหล่อนรีบกลับไปนอนเลยนะ หน้าจะได้ฉ่ำๆ”

“สอนหนักขนาดนี้จะฉ่ำได้อีกหรือคะ ถามจริง” นันท์นพินยกกระเป๋าขึ้นสะพายหลังหยิบเสื้อคลุมมาสวมทับชุดออกกำลังกายแนบเนื้อ ซึ่งเป็นกางเกงเลกกิงขายาวกับเสื้อกล้ามแนบเนื้อ อวดทุกสัดส่วน

“หล่อนไม่พักสามวันก็ยังสวยย่ะ ได้ดีเอ็นเอเดียวกับพี่มาสิ”

นันท์นพินแทบมองบน ความหล่อของพี่ชายเธอดังไกลทุกวงการจริงๆ ก่อนจะยกมือไหว้ลาครูและกุลสตรี แล้วเดินตามเพื่อนๆ อีกสี่นางออกไป และเพิ่งได้หยิบโทรศัพท์ออกมาดู เห็นเบอร์ของทีปกรที่โทร. มา

“ตายละ ลืมบอกคุณทีปไปเลยว่ามาซ้อมเดินแบบ”

เลื่อนดูรายชื่อติดต่ออื่นๆ เห็นมีคนจากร้านเรือคุณนัทธ์ และข้อความจากพี่ชาย ซึ่งเป็นสิ่งที่นันท์นพินตกใจมากๆ

Ruenkunnut : พี่ขอลดตารางทำงานลงสักหน่อยได้ไหม

ตั้งแต่นัทธ์ผันตัวมาเป็นพ่อครัวเต็มตัว นันท์นพินไม่เคยเห็นสักครั้งที่พี่จะอยากหยุดงาน พี่บอกเสมอว่างานคือเงิน การยิ่งรับงานเยอะ นั่นหมายความว่าเงินยิ่งเยอะตามไปด้วย

อ่านข้อความที่ช่างดูเหลือเชื่อแล้ว นันท์นพินก็รีบโทร. หาแกงไก่ ผู้ช่วยพี่ชายทันที

“พี่เขาเป็นอะไรไปคะพี่แกงไก่ ส่งข้อความมาขอลดตารางงาน ตัวเองรับงานเองแท้ๆ พอลดตาราง มาให้หนามจัดการให้”

“วันนี้คุณนัทธ์ทิ้งครัวไปตั้งแต่เที่ยง ขาดสอน จนตอนนี้ยังอยู่ในห้องทำงานด้านล่าง ไม่ยอมให้ใครเข้าไปเลยค่ะ แกงไก่ไปเคาะประตูหลายครั้งแล้ว”

“งั้นเดี๋ยวหนามไปนะคะ”

วางสายแล้วมองเวลาที่หน้าจอ ตอนนี้เที่ยงคืนไปแล้ว สาวๆ มีรถส่วนตัวกัน แต่ไม่มีคนผ่านทางที่นันท์นพินจะไป โชคดีที่กุลสตรีผ่านทางนั้น เลยอาสามาส่งนันท์นพินที่บ้าน

“เดี๋ยวให้พี่เข้าไปบอกพี่ชายเราให้ไหมว่าวันนี้กลับดึกเพราะอะไร”

“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่กุล ทุกทีหนามค้างคอนโด ไม่ได้กลับเรือนคุณนัทธ์มาสักพักแล้ว”

“อ้าว! ที่เรือนคุณนัทธ์ร่มรื่นน่าอยู่ ทำไมน้องหนามไปอยู่ป่าคอนกรีตล่ะ”

“ช่วงก่อนมีพวกมาตามตื๊อที่ร้าน พี่เขาเลยไม่อยากให้หนามกลับมาที่บ้าน และตั้งแต่ไม่ออกทีวี ตอนนี้อะไรๆ ก็คลี่คลายไปแล้ว”

กุลสตรีหันมามองคนข้างกายที่นั่งเรียบร้อยก้มหน้าอ่านข้อความผ่านโทรศัพท์ไม่หยุดหย่อน ต้องยอมรับว่านันท์นพินสวยจริงๆ ขนาดครูสอนเดินแบบยังเอ่ยปากขอจากเธอ

            ...

‘ขอมาเป็นเด็กในสังกัดได้ไหม งานดีแบบนี้’

‘ดีลยากค่ะคนนี้’

...

ไหนจะด่านทีปกร ไหนจะด่านนัทธ์อีก หินทั้งนั้น

“แล้ววันนี้กลับบ้านหรือคอนโดล่ะคะ”

“กลับบ้านค่ะ พี่แกงไก่ว่าพี่นัทธ์ดูท่าทางแปลกๆ เก็บตัวอยู่ในห้องตั้งแต่บ่ายแล้ว”

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น