12

ความถี่ของเราไม่ตรงกัน

๑๒ 

ความถี่ของเราไม่ตรงกัน

 

จิรัศยามาถึงบริษัทไนน์สตาร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ตอนสิบโมงเพื่อเตรียมตัวแถลงข่าวช่วงบ่าย หลังจากประชุมทำความเข้าใจและรับประทานมื้อกลางวันเสร็จก็เข้าไปแต่งหน้าทำผมและท่องสคริปต์ที่ทางบริษัทร่างให้ไปพลาง  

“ที่จินเปิดเผยความสัมพันธ์ต่อสาธารณะ...โอ๊ย” เธอสะดุ้งโหยงเมื่อช่างแต่งหน้าเผลอทิ้งน้ำหนักบริเวณปากที่เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันเมื่อคืน

“ขอโทษค่ะน้องจิน พี่หนักมือไปหน่อย” ช่างแต่งหน้าเอ่ยปาก ก่อนจะพิศมองอย่างใคร่รู้ และด้วยความสนิทสนมคุ้นเคยกันมานานจึงไม่ลังเลที่จะเอ่ยปากถาม “ว่าแต่ไปทำอะไรมาคะ ปากแตกแบบนี้พี่ว่าใช้ลิปกลบไปไม่น่าจะเนียน มันบวมด้วยค่ะ”

“แปรงฟันผิดท่านิดหน่อยค่ะ” แก้ตัวไปก็แก้มแดงไป ถึงจะไม่โรแมนติกแบบในซีรีส์ที่เคยผ่านตาแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหัวใจแอบเต้นแรง

“คราวหน้าระวังหน่อยนะคะ ดีที่วันนี้แค่งานแถลงข่าวถ้าเป็นงานถ่ายแบบหรือถ่ายละครคงแย่”

จิรัศยายิ้มแหยแล้วหันไปสนใจกับสคริปต์ ทว่าก็ไม่มีสมาธินักเมื่อช่างคนเดิมยังคงชวนคุยไม่หยุด

“พักนี้น้องจินดูแลตัวเองดีจังนะคะ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แก้มแดงระเรื่อเชียว”

 “หรือว่ามีคนดูแลดีก็ไม่รู้ มีแฟนก็ดีอย่างนี้อะเนาะ” เป็นประโยคแซวมาจากแขขวัญที่นั่งอยู่ในบริเวณนั้น โดยมีลูกคู่เป็นช่างทำผมและคอสตูมอีกสองสามคน

จิรัศยาเหลียวมองผู้จัดการส่วนตัว “พี่แขก็เอากับเขาด้วยเหรอคะ”

“แหม พี่ก็อยากรู้บ้างอะไรบ้าง”

“นี่พี่แขยังไม่เคยเจอคุณเตเหรอคะ” ประโยคจากช่างแต่งหน้าคนเดิมทำให้ทั้งห้องพากันหันมาสนใจด้วยแขขวัญตัวติดกับจิรัศยาเกือบตลอด เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้จักมักคุ้น

“รู้จักสิคะ!” แขขวัญแย้งเสียงหลง 

“คุณเตค่อนข้างเก็บตัวน่ะค่ะ ตอนแรกที่จินคบกับเขาก็ปิดพี่แขอยู่ตั้งนานเลยไม่ได้เจอกันบ่อย” จิรัศยากล่าวเสริมเพื่อไม่ให้มีพิรุธ 

“แต่ระยะหลังนี่คุ้นเคยกันแล้วค่ะ เมื่อวานตอนหิ้วขนมเข้าไปที่บริษัทยังคุยกันอยู่นานเชียว”

บรรดาคนฟังพยักหน้าแล้วหันไปทำหน้าที่ตัวเองตัว ส่วนแขขวัญกับจิรัศยาก็เหลือบมองกันแล้วผ่อนลมหายใจ ถ้าคนนอกรู้ว่าแขขวัญเพิ่งจะเจอเตวิชเป็นครั้งแรกเมื่อวานคงได้เมาท์กันใหญ่โต เผลอๆ อาจกระทบกับข่าวที่ตั้งใจปล่อยออกไป

“จะว่าไปแฟนน้องจินก็หล่อเหมือนดาราเลยนะคะ ทำงานอะไรเหรอคะ” คำถามเปิดประเด็นใหม่ยังดังมาจากบรรดาช่างแต่งหน้าทำผมอย่างต่อเนื่อง

“ทำด้านไอทีค่ะ” จิรัศยาลอบอมยิ้ม ภูมิใจไม่น้อยกับแฟน (ในนาม) ของตน

“แสดงว่าเป็นคนเก่ง”

“ได้ข่าวว่าสายงานนั้นเงินดีด้วยนะคะ”

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ” คนฟังยืดตัวขึ้นอีกนิด นึกย้อนไปถึงเรื่องที่เธอไปรบกวนการประชุมซึ่งมีค่าความเสียหายนับสิบล้าน คิดเล่นๆ ถ้าเตวิชทำสัญญากับบริษัทเหล่านั้นแค่เดือนละสี่ห้าโพรเจกต์ เธอก็ไม่ต้องทำงานทำการแล้ว แต่เอ๊ะ! เธอไม่ได้แต่งงานกับเขาจริงๆ นี่นา

รอยยิ้มบนหน้าค้างเติ่งไปในบัดดล ถึงเตวิชจะเก่งจะรวยแล้วไงถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ของเธอ...หรือว่าจะทำให้ใช่ดี?

“น้องจิน!”

“คะ?” คนโดนเรียกเงอะงะ เพราะมัวแต่จมอยู่กับความคิดตัวเอง

“เป็นอะไรคะ ดูใจลอยๆ”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เมื่อกี้พี่ๆ ถามว่าไงนะคะ”

“พี่ถามว่าน้องจินไปเจอกับแฟนที่ไหน แล้วคบกันได้ยังไง”

“เอ่อ คือ...” จิรัศยาไม่ทันจะตอบอะไร จู่ๆ ชานนท์ก็เดินเข้ามาทำให้ทุกคนพลอยเงียบไปโดยปริยาย

ชานนท์ลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ จิรัศยาซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณพากันแปลกใจ เพราะปกติเขาจะรักษาระยะห่างและเกรงใจสายตาเพื่อนร่วมงานโดยเฉพาะพนักงานภายใน แม้บางครั้งจะดูใส่ใจจิรัศยาเป็นพิเศษแต่ก็ไม่เคยโจ่งแจ้งเช่นนี้

“จำสคริปต์ได้หมดหรือยังครับ”

“คิดว่าจำได้นะคะ”

“ดีแล้ว เวลาอยู่ต่อหน้านักข่าวจะได้ไม่ตื่นเต้น”

“ค่ะ” จิรัศยาอดเหล่มองไม่ได้ หรือเขาคิดว่าเผยความในใจกับเธอแล้วทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากเดิม

“ปากจินไปโดนอะไรมา” ชานนท์ไม่ถามเปล่า ยังยื่นมือเข้ามาใกล้จนเกือบจะแตะโดนริมฝีปากอยู่แล้ว ดีที่จิรัศยาเบี่ยงตัวหนี มือเขาเลยค้างอยู่อย่างนั้นส่วนผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ก็จ้องกันตาไม่กะพริบ

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ว่าแต่พี่นนท์มีธุระอะไรหรือเปล่า นี่ห้องพักส่วนตัวของจินนะคะ อยู่นานไม่น่าเหมาะ”

ชานนท์ดึงมือกลับ รู้สึกไม่ดีเล็กน้อยที่จิรัศยาหมางเมิน “พี่มาให้กำลังใจจิน พอดีตอนบ่ายที่มีธุระต้องไปจัดการ”

“พี่นนท์ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ จินไม่ใช่เด็กใหม่เสียหน่อย”

ชานนท์ยังคงนั่งมองคนที่หันไปกำชับกำชาช่างแต่งหน้าทำผมให้ช่วยเก็บรายละเอียดเพิ่มเติมโดยไม่สนใจอะไรตน สคริปต์ในมือนั่นก็อีก เหมือนถือไม่ได้ใส่ใจจะจำเท่าไหร่เหมือนมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว

“งั้นพี่ไปก่อนนะครับ ตั้งใจทำงานล่ะ”

“เอ่อ...ค่ะ” จิรัศยาเหลือบมองมือที่ยื่นมาจับศีรษะแบบไม่ปี่มีขลุ่ย กระทั่งชานนท์เดินออกจากห้องไป

“คุณนนท์ดูแปลกๆ นะคะ”

ช่างแต่งหน้าคนเดิมยังแสดงความคิดเห็น แถมยังหันมองเธออย่างต้องการค้นหาอะไรสักอย่าง จิรัศยาได้แต่ยิ้มเจื่อน เอาจริงๆ ก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งเดาไม่ถูกและไม่อยากเดา

 

การแถลงข่าวผ่านไปด้วยดี จิรัศยาอาศัยประสบการณ์ตอบคำถามนักข่าวอย่างฉะฉาน แม้บางส่วนจะกล่าวเกินจริงไปบ้าง เช่นบอกว่าเตวิชเป็นคนเข้ามาจีบและเขากับเธอก็รู้จักกันมานานก่อนจะขยับสถานะ ใส่สีตีไข่ไปอีกหน่อยว่าเขาเป็นคนขอให้เธอไปอยู่ด้วย เพราะว่าไม่ค่อยมีเวลาได้เจอกันจึงอยากศึกษานิสัยใจคอกันให้มากขึ้น

“รายการไหนอยากลองไปเยี่ยมบ้านเรา สามารถติดต่อมาได้นะคะ” เธอทิ้งท้ายให้น่าสนใจก่อนจะจบการแถลงข่าวอย่างสวยงาม 

พอกลับเข้าห้องพักจิรัศยาก็แทบหมดแรง หยิบน้ำมะนาวโซดาที่แขขวัญยื่นให้มาจิบแก้กระหาย ระหว่างนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาเช็กข่าวไปพลางว่าผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเท่าที่อ่านรวมๆ ก็ถือว่าเป็นไปตามที่คิด มีบ้างที่ต่อว่าการอยู่ก่อนแต่งไม่เหมาะสมแต่ส่วนมากแสดงความยินดีแถมยังชมว่าแฟนหนุ่มของเธอดูหล่อเซอร์ดีอีกด้วย

“อือ ก็หล่อจริงแหละ” คนอ่านข่าวหัวเราะคิก มีคนขุดคุ้ยประวัติเตวิชค่อนข้างเยอะ รูปภาพตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันว่อนเต็มเน็ต มีคนอ้างว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องทั้งสมัยมัธยม สมัยมหา’ลัยหรือแม้กระทั่งปัจจุบันที่บอกเคยร่วมงานกับเขา ซึ่งพอเริ่มเยอะจิรัศยาก็เริ่มยิ้มไม่ออก ‘เธอจะโดนด่าไหมเนี่ย’ แค่คิดก็ขนลุก ได้แต่ภาวนาว่าคนไม่สนใจข่าวสารวงการบันเทิงจะไม่เห็น

“หรือควรจะบอกดี เผื่อลดโทษได้กึ่งหนึ่ง” เธอคิดหนัก เพราะวีรกรรมของเตวิชที่ผ่านมาใช่จะปิดบังอะไรได้ ระหว่างที่กำลังไตร่ตรองก็มีข้อความของบุรัสกรเข้ามา แรกๆ ก็ยินดีที่การแถลงข่าวผ่านพ้นไปด้วยดี ก่อนจะบ่นเรื่องงานที่วันนี้เข้าอบรมทั้งวัน ตบท้ายด้วยคำถามที่ทำเอาคนอารมณ์ดีตาลุก

‘แกอ่านสัญญาหรือยัง แล้วไอ้คุณนนท์ว่ายังไงบ้าง’

“สัญญา...สัญญาอะไร แล้วพี่นนท์เกี่ยวอะไรด้วย” มือพิมพ์ไปตามประโยคที่พึมพำ พอบุรัสกรถามว่ายังไม่ได้อ่านข้อความที่เธอส่งไปตั้งแต่เมื่อคืนเหรอ จิรัศยาก็เพิ่งนึกได้ว่าตั้งใจจะอ่านตอนออกจากบ้านแต่พอกดเปิดแชตแขขวัญก็ชวนคุยเรื่องงานจนลืมไปเสียสนิท

จิรัศยาบอกเพื่อนไปสั้นๆ ว่า ‘ยัง’ ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปด้านบน พอทราบเรื่องทั้งหมดก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งกาย นี่แสดงว่าชานนท์รู้เรื่องสัญญาทั้งหมดแล้วแต่กลับไม่พูดอะไรเลย

“พี่นนท์อยู่ไหนคะ” เธอหันไปถามแขขวัญ ที่วนเวียนอยู่แถวๆ นั้น

“เห็นว่าออกไปทำธุระนะคะ”

“ที่ไหนคะ” ลางสังหรณ์ส่งสัญญาณเตือนอย่างรุนแรง ชานนท์คงไม่ได้ไปจัดการเรื่องสัญญาแทนเธอหรอกนะ

“ไม่ทราบค่ะ” แขขวัญตอบด้วยความฉงน พนักงานตัวเล็กๆ อย่างเธอจะไปรู้ตารางงานผู้บริหารได้อย่างไร “น้องจินจะไปไหนคะ”

“ไปบริษัทคุณเตค่ะ”

“คะ? ไป...” แขขวัญไม่ทันถาม นักแสดงในความดูแลก็วิ่งปร๋อออกไป เธอจึงรีบคว้ากระเป๋าตามไปติดๆ ด้วยได้รับคำกำชับกำชามาจากหัวหน้าว่าห้ามปล่อยให้จิรัศยาก่อเรื่องหรือทำอะไรตามใจจนขัดกฎบริษัทอีกเด็ดขาด

“น้องจินรอพี่ด้วยค่ะ!”

 

จิรัศยาพยายามโทร. หาทั้งเตวิชทั้งชานนท์แต่ก็ไม่มีใครรับสายจึงทำให้ยิ่งร้อนใจ ดีที่การจราจรยามนี้ยังไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน เพียงสี่สิบนาทีรถแวนคันหรูก็มาจอดหน้าบริษัทไอทีเฟิร์ส

“พี่แขกลับไปก่อนได้เลยนะคะ ไม่ต้องรอ” จิรัศยาหันบอกผู้จัดการส่วนตัว ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปภายในซึ่งประชาสัมพันธ์สาวก็ยิ้มแย้มทักทายอย่างกระตือรือร้น

“สวัสดีค่ะคุณจิน”

“สวัสดีค่ะ คุณเตอยู่ไหมคะ”

“อยู่ค่ะ แต่...คุณจินคะ คุณจิน!”

จิรัศยาไม่รอฟังจนจบอีกเช่นเคย เธอวิ่งขึ้นบันไดผ่านชั้นสอง ชั้นสามอย่างไม่ทักทายใคร รีบเดินดุ่มๆ ไปที่ห้องของเตวิชที่รอบนี้ไม่ได้เปิดมู่ลี่ไว้ดังเช่นคราวก่อน แต่พอเปิดประตูกลับไม่พบใครจึงหันไปถามพนักงานที่อยู่แถวนั้น

“คุณเตไปไหนคะ”

“อยู่ห้องประชุมด้านบนครับ”

“ห้องไหนคะ”

“เหมือนจะมีตติงรูมสาม แต่ว่า...”

“ขอบคุณค่ะ” จิรัศยาไม่รอฟังจนจบอีกเช่นเคย แขขวัญที่ขัดคำสั่งเดินตามมาห่างๆ จึงได้แต่ขอโทษขอโพยตามหลัง ด้วยกลัวจะเป็นข่าวว่านักแสดงในความดูแลไร้มารยาท

ส่วนจิรัศยาเมื่อทราบพิกัดแน่นอนก็ขึ้นไปชั้นสี่กวาดมองเพียงครู่ก็เห็นห้องเป้าหมาย เธอทะเล่อทะล่าเข้าไปด้วยความใจร้อน แล้วพอเปิดประตูก็พบคนที่เธอต้องการตัวจริงๆ 

“จิน!”

ชานนท์ดูตกใจที่เห็นเธอ ฝ่ายเตวิชได้แต่หันมามองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก รู้แต่ว่าน่ากลัวชะมัด

“พี่นนท์มาทำอะไรคะ” ถามออกไปด้วยใจระทึก ภาวนาว่าขออย่าให้เป็นดั่งที่คิดเลย

“พี่ว่าปิดประตูก่อนดีกว่าไหม” ชานนท์เตือนกลายๆ 

จิรัศยาทำตาม มิหนำซ้ำยังกดล็อกอย่างแน่นหนาแล้วเดินไปยืนหัวโต๊ะระหว่างผู้ชายทั้งสองคน สายตาตาจ้องชานนท์เขม็ง “บอกมาค่ะ ว่ามาทำอะไร”

“มาคุยเรื่องสัญญาแทนจินไง”

“ว่าไงนะคะ!” คำภาวนาไม่เป็นผลเลยจริงๆ จิรัศยาฟังแล้วก็หันมองเตวิชขวับ “จินไม่ได้...”

“เราคุยกันเสร็จแล้ว คุณเตก็เซ็นเอกสารเรียบร้อย” ชานนท์เลื่อนแผ่นกระดาษที่มีลายเซ็นของเตวิชให้ดู แต่จิรัศยาไม่สนใจจะฟังเสียแล้ว สายตาจ้องอยู่กับปฎิกิริยาของอีกคนที่เอาแต่จ้องหน้าจอแลปทอปโดยไม่เอ่ยอะไร

ชานนท์ลุกขึ้นแถมยังคว้าแขนเธอ “เรื่องทางนี้เรียบร้อยแล้ว เรากลับกันเถอะ”

“พี่นนท์กลับไปก่อนเถอะค่ะ จินยังมีเรื่องต้องคุยกับคุณเต”

“งั้นพี่อยู่ด้วยดีกว่า ยังไงพี่ก็เป็นพยาน”

จิรัศยาบัดมือชานนท์ออกอย่างมีมารยาท มองคนที่ถือวิสาสะทำเกินหน้าที่อย่างไม่พอใจนัก “เรื่องส่วนตัวค่ะ”

ชานนท์หน้าเจื่อนไปถนัดตา แต่กระนั้นก็ยังสู้ไม่ถอย “แต่จินเป็นนักแสดงในสังกัด...”

“พี่นนท์คะ ขอเวลาส่วนตัวให้จินด้วยค่ะ”

คำพูดบวกน้ำเสียงแข็งๆ เช่นนี้ชานนท์เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก บ่งบอกได้เลยว่าสภาวะอารมณ์ของจิรัศยาไม่ปกติเลยสักนิด

“ก็ได้ครับ ถ้ามีอะไรก็ติดต่อพี่ได้ตลอดนะ”

จิรัศยาไม่กล่าวอะไร พอชานนท์เดินไปที่ประตูจึงตามไปด้วย “พี่แขกลับได้เลยนะคะ” เธอย้ำกับผู้จัดการส่วนตัวที่ตามมายืนอยู่หน้าห้องแล้วปิดประตูลง 

“จินไม่ได้บอกให้พี่นนท์มา” เธอออกตัว ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าสัญญาจะล่วงรู้ถึงบุคคลอื่นนอกจากบุรัสกร “จินให้ยายเบนซ์ช่วยร่างสัญญาและก็เพิ่งเห็นหลังงานแถลงข่าวนี่เอง ยายเบนซ์บอกเมื่อคืนพี่นนท์ไปที่คอนโดเลยบังเอิญเห็นเข้า”

เตวิชยังเงียบ ไม่แม้แต่จะหันมาสนใจเลยสักนิด จิรัศยาจึงเดินไปยืนข้างๆ แล้วคว้าแขนเขาให้หันมา

“คุณฟังอยู่หรือเปล่า”

ใบหน้าเขาเรียบนิ่ง ดวงตาคมจ้องมาเสียจนจิรัศยาแอบหวาดหวั่น

“จินพูดความจริงนะ”

“อือ” เขาบอกแค่นั้นแล้วหันไปสนใจหน้าจอแลปทอปต่อ 

แค่นี้! จิรัศยาคิ้วขมวด เขาจะเอายังไงกับเธอกันแน่ “นี่คุณ!”

เธอเข้าไปเซ้าซี้อีก แต่ก่อนอื่นก็เหลียวมองหน้าจอเสียก่อนว่าเขากำลังประชุมอะไรอยู่หรือไม่ พอเห็นว่าไม่ จึงเข้าไปยืนขวางเสียดื้อๆ ทำให้เตวิชต้องเลื่อนเก้าอี้ถอยหลังเพื่อให้มีระยะห่าง 

“พี่นนท์บอกอะไรคุณบ้าง” คนถามยกมือกอดอก ถ้าไม่ได้คำตอบที่พอใจจะไม่ปล่อยให้เขาได้ทำงานแน่นอน

“บอกว่าคุณมอบหมายให้เขามาเซ็นสัญญา”

“จินเปล่า!”

“ผมเชื่อคุณ”

“จินไม่รู้...คะ?” เขาตั้งหน้าตั้งตาอธิบายเป็นอันชะงัก เมื่ออีกฝ่ายยอมเชื่ออย่างง่ายดาย “คุณเชื่อจริงๆ เหรอ”

“ครับ ให้ผมทำงานได้หรือยัง” เตวิชเลื่อนเก้าอี้เข้าไปแล้วใช้แขนดันสะโพกคนยืนขวางให้หลบพ้นทาง

“คุณไม่ได้เชื่อ คุณแค่รำคาญ” เห็นเขายังนิ่งคล้ายยอมรับกลายๆ จิรัศยาจึงควันออกหู ไม่มีใครกล้าเมินเธอขนาดนี้เลย “คุณเต...ว้าย!”

คนตั้งใจกระชากแขนเป็นอันต้องวืดเมื่ออีกฝ่ายยกแขนหนี จึงเสียหลักหงายหลัง 

จิรัศยาคิดว่าความเจ็บมาเยือนเป็นแน่จึงหลับตาปี๋ แต่พอผ่านไปครู่กลับไม่เจ็บอย่างที่คิดจึงลืมตาก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักของเตวิช 

นี่เขา...รับเธอไว้เหรอ

จิรัศยาผินมองก็พบว่าสายตาเขาอยู่ที่ประตู จึงหันตามบ้าง

“ขอโทษค่ะ อัยเคาะประตูแล้ว” หญิงสาวชุดดำกล่าว ก่อนจะเดินเอาเอกสารมาวางให้บนโต๊ะหน้าตาเฉย “รบกวนพี่เตเซ็นเอกสารหน่อยค่ะ อัยต้องเอาไปให้ฝ่ายบัญชีจัดการต่อ”

เตวิชเอื้อมไปเซ็นทั้งๆ ที่จิรัศยายังอยู่บนตัก แถมสองมือของเธอตอนนี้ก็คล้องอยู่ที่ต้นคอเขาอีกต่างหาก ซึ่งพอเสร็จธุระหญิงสาวชื่ออัยก็คว้าเอกสารเดินออกไปพร้อมปิดประตูให้เรียบร้อย

‘นี่มัน...อะไรกัน’ จิรัศยายังต้งตัวไม่ทัน ละสายตาจากประตูมาที่เตวิชอีกตั้ง

“จะนั่งแบบนี้อีกนานไหม” เท่านั้นแหละ เธอจึงผุดลุกขึ้นทันใด แต่ก็คงเร็วเกินไปถึงได้เสียหลักอีกรอบ ทว่ามือหนาก็ยังคว้าไว้ได้ทัน 

ตึกๆๆ...เสียงหัวใจเธอเต้นแรงอีกแล้ว จิรัศยาประสานสายตากับคนที่จ้องมองเธออยู่เช่นกัน 

“ระวังด้วย”

พอเธอยืนได้มั่นคงเขาจึงคลายมือ “ขะ...ขอบคุณ”  จิรัศยาเสเดินไปนั่งเก้าอี้อีกฝั่ง ยกมือเกาต้นคอ ด้วยความรู้สึกแปลกๆ

“เรื่องสัญญา...” เธอยังไม่แคล้ววกมาเรื่องนี้ ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มาที่นี่ 

“ก็ตามนั้นแหละ ผมไม่ขัดอะไร เงื่อนไขก็ชัดเจนดี”

“ค่ะ ส่วนเรื่องพี่นนท์...”

“คุณเป็นคนบอกเองว่าถ้าใครผิดข้อสัญญาต้องชดเชยสิบเท่า” เตวิชว่าพลาง หันไปสบตาคนที่นั่งมองอยู่ “คุณคงไม่ยอมเสียเงินให้ผมง่ายๆ หรอก”

‘ดูพูดเข้า มันใช่ประเด็นไหม’ จิรัศยาหน้ามุ่ย น้อยใจเล็กน้อยที่เขาดูไม่สนใจเธอเลย “แล้วพี่นนท์ไม่พูดอะไรอย่างอื่นเลยเหรอคะ” ชานนท์ส่งสัญญาณมาตั้งแต่ต้นว่าไม่ชอบเตวิช บอกกระทั่งเขาไม่ใช่คนดีอย่างที่เห็นจึงยากจะเชื่อว่าเขาจะมาจัดการแค่เรื่องสัญญา

“บอก”

“อะไรคะ” จิรัศยาถามอย่างลุ้นๆ 

เตวิชละสายตาจากจอหันไปสบตา “บอกว่าคุณเป็นแฟนเขา”

“คะ?” จิรัศยาแทบไม่เชื่อหู นึกไม่ถึงว่าชานนท์จะมาไม้นี้ แรงใช่เล่นเลย

“บอกว่าคุณเกรงใจผม เลยส่งเขามาเจรจาเรื่องสัญญา”

“จินเปล่า!” จิรัศยายืนยันขันแข็งอยู่บ้านเขาทุกวันจะมาเกรงใจอะไรตอนนี้ ‘ไม่มีทาง’

“บอกว่าที่คุณวางแผนเข้าหาผมตั้งมากมาย ก็เพราะต้องการพิสูจน์ว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเพื่อนคุณ”

“กะ...ก็ไม่ใช่ทั้งหมด จินต้องการช่วยเรนนี่จริงๆ” ประโยคนี้จำเป็นต้องเบาเสียงลง สำหรับเธอเรนนี่มาอันดับหนึ่ง แต่ ณ เวลานั้นก็อยากให้ชานนท์พ้นข้อกล่าวหาด้วย

 “แล้วเขาก็บอกว่าที่คุณเลือกผม เพราะไม่มีทางจะตกหลุมรักผม”

“ไม่ใช่สักหน่อย!” จบประโยคทั้งห้องก็เงียบกริบ จิรัศยากะพริบตาปริบๆ มองคนเอื้อนเอ่ยเมื่อครู่ที่ยังจ้องตาเธอเขม็ง “แล้วตกลงคุณเป็นแฟนเขาหรือเปล่า”

“ปละ...เปล่า”

“เคยคบไหม”

“ไม่เคย”

“แล้วต่อไปจะคบไหม”

เจอคำถามนี้จิรัศยาก็อึ้งไปชั่วอึดใจ “เรื่องของอนาคตใครจะไปรู้ล่ะ” เตวิชนิ่งไปเหมือนกัน ก่อนจะพยักหน้าแล้วหันไปสนใจหน้าจอแลปทอป อีกคนเลยร้อนรนแปลกๆ “แต่ระหว่างคบกับคุณ จินไม่นอกใจแน่นอน”

คนฟังเหลือบมองด้วยสายตาแวววาว ก่อนจะ ‘อือ’ สั้นๆ อีกเช่นเคย

 “เอ่อ...จินไม่กวนคุณแล้ว” อยู่ไม่ได้แล้ว...จิรัศยาหน้าแดง ใจสั่นหวิวๆ นี่เธอพูดอะไรออกไป ‘คบ’ เหรอ เรื่องระหว่างเรามันผลประโยชน์ล้วนๆ 

เตวิชมองคนที่ผลุนผลันออกไปด้วยสายตาไหวระริก ละมือจากเมาท์ไปคว้าสัญญาขึ้นมากวาดตาดูอีกครั้งก่อนจะวางลงบนคีย์บอร์ดแล้วปิดหน้าจอลง หิ้วทั้งหมดแล้วลุกขึ้นฮัมเพลงเดินลงไปห้องทำงานของตัวเอง

“พี่เตดูอารมณ์ดีจังนะครับ”

“ตอนขึ้นไปกับตอนลงมาดูต่างกันเลยนะครับ”

เป็นเสียงแซวจากบรรดาลูกน้องตัวแสบที่ชะเง้อชะแง้มองอย่างสนอกสนใจ ด้วยความที่เป็นองค์กรขนาดย่อมและเตวิชก็ไม่ใช่คนถือเนื้อถือตัว ช่วงเวลาโพรเจกต์งานเร่งๆ ก็ลงไปคลุกคลีตีโมงกันประจำจึงค่อนข้างสนิทชิดเชื้อ

เตวิชตีสีหน้าขึง หันมองคนแซวรายตัว “อยากกินอะไรสั่งเลย เดี๋ยวฉันจ่ายเอง”

ความใจดีแบบนี้จะมีเฉพาะช่วงปิดงานหรือเทศกาลสำคัญประจำปีเท่านั้น พนักงานทั้งชั้นสามจึงปรบมือกันเกรียวแล้วหันไปถกเถียงเมนูยามบ่ายที่อยากกิน

จิรัศยาที่นั่งอยู่ในห้องทำงานเตวิชโผล่หน้ามามองแบบงงๆ แล้วก็ยิ่งงงหนักเมื่อทุกคนพากันหันมาขอบใจเธอกันยกใหญ่

“มาหาพวกเราบ่อยๆ นะครับคุณจิน”

จิรัศยายิ้มตอบอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว มองตามคนที่เดินสวนเข้ามาอย่างต้องการคำตอบ “ดีใจอะไรกันเหรอคะ”

“พวกเขาดีใจที่ผมมีแฟนน่ะ”

คนฟังอ้าปากค้าง ในความคิดบอกให้แย้งแต่ปากกลับไม่ทำตามเสียอย่างนั้น จึงยืนหันซ้ายหันขวาเก้ๆ กังๆ แล้วตัดสินใจเดินไปที่ประตู

“จะไปไหน”

“สั่งของกิน ก็คุณเลี้ยงทั้งที” ว่าแล้วก็ผลุบออกไป เธอคิดว่าเวลานี้อยู่กับลูกน้องเขาดีกว่าอยู่กับเขาเสียอีก คนอะไรไม่พูดไม่จาแต่ขยันส่งสายตามาให้ใจสั่นอยู่นั่น

 

“ขอบคุณคุณนนท์มากนะคะที่ให้พี่ติดรถมาด้วย”

แขขวัญจับผมทัดหู หันไปส่งตาหวานให้สารถีกิตติมศักดิ์

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะกลับบริษัทพอดี”

“อย่างนั้นก็เถอะค่ะ เกรงใจจัง” แขขวัญเพิ่งมีโอกาสได้นั่งรถของชานนท์เป็นครั้งแรก หลังจากพนันขันต่อกับเพื่อนๆ ในแวดวงผู้จัดการนักแสดงมานานว่าใครจะได้รับสิทธิ์นั้น

“แล้วมากันยังไงครับ ทำไมไม่ให้รถที่บริษัทมาส่ง” ชานนท์ซักถาม โดยปกติแล้วนักแสดงจะมีรถส่วนตัวที่บริษัทเตรียมไว้ให้

“คุณจินให้กลับไปแล้วค่ะ” แขขวัญยังฉีกยิ้มกว้าง ที่จริงไม่ใช่แค่คนขับหรอกเธอเองจิรัศยาก็บอกให้กลับตั้งแต่แรกแต่เธอดื้อดึงที่จะวิ่งตามไปต่างหาก ใครจะอยากพลาดช็อตเด็ดกัน

เห็นชานนท์ไม่พูดอะไรต่อ แขขวัญจึงหาเรื่องชวนคุย “ไม่ยักรู้ว่าคุณนนท์รู้จักบริษัทแฟนคุณจินด้วยนะคะ”

“แฟน?”

“ค่ะ คุณจินเรียกคุณเตว่าแฟนทุกคำเลย คลั่งรักน่าดู”

ไม่มีความเห็นใดๆ จากสารถี คนเมาท์เพลินเลยยิ่งมันปาก “คุณนนท์เห็นมือคุณจินไหมคะ ใส่แหวนด้วย เสียดายที่แขไม่ทันเห็นมือคุณเต”

ชานนท์ย้อนคิดไปถึงตอนที่นั่งคุยกับเตวิชร่วมชั่วโมง เขาเห็นชัดว่าหมอนั่นก็ใส่แหวน

“คุณนนท์เห็นไหมคะ”

“ไม่ทันสังเกตครับ” ชานนท์ตัดบท ไม่อยากนึกถึงให้แสลงใจ พยายามบอกตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็แค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น

“แต่แขสังเกตได้อย่างหนึ่งนะคะ ปากคุณแตก็มีแผลเหมือนกัน คู่นี้นี่รุนแรงจริงๆ” แขขวัญหัวเราะคิกแค่จินตนาการก็ใจสั่น คนละอารมณ์กับคนฟังที่จู่ๆ ตบไฟเลี้ยวเข้าจอดริมทางเท้าแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“คุณแขกลับบริษัทเองนะครับ พอดีผมเพิ่งนึกได้ว่าต้องไปทำธุระที่หนึ่ง”

“คะ?”

“ขอโทษด้วยครับ”

แขขวัญไม่ทันได้คำอธิบาย ประตูฝั่งที่ตนนั่งก็ถูกปลดล็อกจึงจำต้องลงมาแบบงงๆ พอปิดประตูลงรถคันหรูก็แล่นหายไปกับการจราจรบนท้องถนนทันที

“อะไรของเขาวะ” คนโดนทิ้งเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะโบกรถสาธารณะ ตอนแรกว่าจะกลับบริษัทแต่ถูกทิ้งเสียขนาดนี้ เธอกลับบ้านไปนอนดีกว่า

 

บุรัสกรมาถึงคอนโดพร้อมข้าวของเต็มไม้เต็มมือ เหตุเพราะวันนี้จิรัศยาส่งข้อความมาบอกว่าจะกลับมาค้างที่คอนโดจึงต้องเตรียมเสบียงให้พร้อม แถมวันนี้เธอไม่ได้ขับรถไปทำงานเพราะมีสัมมนานอกสถานที่ซึ่งเป็นโซนการจราจรติดขัดจึงเลือกใช้บริการรถไฟฟ้า พอเลิกจึงแวะซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าและเรียกแท็กซี่มาอีกต่อหนึ่ง

“โอ๊ย แขนฉัน!” เธอบ่นอุบขณะพยายามยกมือที่เต็มไปด้วยของกินกดเปิดประตูลิฟต์ ยังดีที่วินาทีต่อมาก็มีพระเอกขี่ม้าขาวยื่นมาช่วยกดให้ “ขอบคุณค่ะ”

เธอยิ้มหวานส่งให้เป็นการตอบแทน แต่พอเห็นว่าเป็นใครดวงตากลับเบิกกว้างแทน “คุณ! มาได้ยังไงเนี่ย”

ชานนท์ไม่ตอบ กลับยื่นมือไปช่วยคนหิ้วของพะรุงพะรังแทน

“มาทำไมบ่อยๆ ก็บอกแล้วไงว่ายายจินไม่อยู่”

“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

“กับฉัน...” บุรัสกรยังคงฉงน แต่แขกผู้มาเยือนก็ไม่ให้คำตอบใด พอประตูลิฟต์เปิดก็เดินนำเข้าไปด้านในก่อนเธอเสียอีก 

“ไปสิ”

คนโดนเร่งตามมาแบบงงๆ พอกดชั้นที่ต้องการก็หันไปเค้นถาม “มีอะไร! นี่คุณหาเรื่องให้ฉันไม่เว้นวันเลยนะ เมื่อวานก็แอบเอาสัญญาไป ฉันเกือบโดนยายจินกินหัวรู้หรือเปล่า”

“จินโกรธเหรอ”

“ก็ใช่สิ!” บุรัสกรตอบเสียงดังฟังชัด จนคนฟังหน้าม้านไปถนัดตา “อย่ามาทำหน้าแบบนี้นะ ผิดก็ว่าไปตามผิด” สาวนักกฎหมายเด็ดขาดและเสียงดังฟังชัด

“คุณว่า จินชอบนายเตไหม”

บุรัสกรอยากจะแดกดันแต่พอเห็นสีหน้าก็ทำร้ายไม่ลง 

“ไม่รู้” ตอบกลางๆ ไปก็แล้วกัน เพราะจิรัศยาก็ไม่ได้บอกอะไรมาก แต่ที่สังเกตได้ชัดคือเดี๋ยวนี้พูดถึงเตวิชตลอด

ประตูลิฟต์เปิดพอดี เธอจึงเดินนำไปที่ห้องโดยมีชานนท์ถือของตามมาส่งถึงข้างใน 

“คุณเป็นอะไรกันแน่เนี่ย” บุรัสกรวางแก้วน้ำให้แขกที่นั่งยังคงหน้าหงอย ท่าทีแตกต่างจากที่ผ่านๆ มา

“ผมสารภาพรักกับจินแล้ว” คนฟังไม่มีท่าทีแปลกใจ ชานนท์จึงเดาได้ว่าจิรัศยาคงเล่าให้ฟังเช่นกัน “แต่จินไม่มีท่าทีอะไรเลย”

‘แล้วฉันควรตอบยังไงเนี่ย’ บุรัสกรรำพึงในใจ 

“คุณคงสมน้ำหน้าผมอีกคนใช่ไหม”

“ดูชัดขนาดนั้นเลยเหรอ” บุรัสกรหลุดปากด้วยความเป็นคนตรงเป็นทุนเดิม ที่ผ่านมาเขาปล่อยให้เพื่อนเธอละเมอเพ้อพก รอคอยมาตั้งนาน พอตัวเองเป็นฝ่ายรอบ้างกลับทนไม่ไหว

“คุณเคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘ความถี่ของเราไม่ตรงกัน’ ไหม” เธอนั่งลงข้างๆ นึกไปถึงบทความร้อยแปดที่เคยอ่านผ่านตา “การที่ยายจินส่งสัญญาณหาคุณมาตั้งหลายปีแต่คุณกลับไม่เคยสัมผัสได้ พอคุณส่งสัญญาณกลับไปบ้าง คนรับก็อาจหมุนไปคลื่นความถี่อื่นแล้ว ความรักที่ดี ต้องถูกที่ ถูกเวลา และถูกคน”

“คุณจะบอกว่าผมกับจินอาจไม่ได้เกิดมาคู่กันงั้นสิ”

“ก็ไม่ขนาดนั้น” บุรัสกรแย้ง “แค่อาจไม่ใช่จังหวะที่เหมาะของคุณสองคน”

“แล้วผมต้องทำยังไง”

“รอ” สายตาที่มองมาราวตัดพ้อทำให้บุรัสกรยืนยันอีกครั้ง “โอกาสของคุณมีตั้งหลายปีแต่เป็นคุณที่เมินเฉย เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือรอ ซึ่งฉันก็บอกไม่ได้หรอกนะว่าจะสมหวังหรือเปล่า แต่คุณทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้หรอก เพราะตอนนี้คนที่มีสิทธิ์เลือกคือยายจิน”

ชานนท์เถียงไม่ออกสักคำ เขานั่งนิ่งอยู่นานก่อนจะลุกยืนขึ้น “ผมกลับละ”

“อยู่ก่อนสิ ยายจินว่าจะกลับมาค้างที่นี่”

ชานนท์ลังเลอยู่ครู่ก็ตัดสินใจปฏิเสธ “คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจินโกรธผมเรื่องสัญญา ผมไม่อยู่ให้เธอเจอหน้าจะดีกว่า”

“คุณกับคุณเตมีปัญหากันเหรอ”

คำถามกะทันหันทำให้ชานนท์ชะงัก 

“ไม่มีอะไรหรอก ผมกลับละ”

เขาเลือกไม่ขุดคุ้ยอดีตเพราะมีแต่จะทำเรื่องแย่ลง สิ่งเดียวที่ต้องการตอนนี้คือทำอย่างไรก็ได้ให้จิรัศยาเลือกเขา ไม่ใช่เตวิช!

 


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น