1

ผู้ต้องสงสัย


ผู้ต้องสงสัย

 

 จิรัศยาเดินออกจากลิฟต์คอนโดส่วนตัว พร้อมฮัมเพลงด้วยความสบายอกสบายใจ พอถึงหน้าห้องยังไม่ทันสแกนลายนิ้วมือ จู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออกด้วยบุคคลที่น่าจะรออยู่นานแล้ว

 “เป็นไงบ้าง นายเตอะไรนั่นไม่สงสัยจริงๆ เหรอ” บุรัสกร เพื่อนรักที่คบหากันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยโผล่มาพร้อมกับคำถาม 

 จิรัศยาเดินเบียดไหล่เพื่อนเข้าไปยังห้องนั่งเล่น บรรจงวางกระเป๋าลงบนโต๊ะกลางแล้วหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาอย่างอ้อยอิ่ง ผิดกับคนเดินตามที่แทบจะเก็บอาการกระวนกระวายไม่อยู่ 

 “รีบเล่าหน่อยได้ไหม ฉันอยากรู้จะตายอยู่แล้ว”

 “ร้อนจัง อยากได้น้ำเย็นๆ สักแก้ว” จิรัศยาแสร้งเตะถ่วง 

 บุรัสกรวิ่งเข้าครัวไปทันใด ไม่กี่อึดใจก็กลับมาพร้อมแก้วน้ำ “รีบๆ ดื่มแล้วรีบๆ เล่ามาให้ละเอียดเลย ตอนแกโทร. มาบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อย ฉันไม่อยากจะเชื่อ”

 “ตอนแรกหมอนั่นก็ดูสงสัยอยู่ แต่พอฉันให้ดูหลักฐานก็ไม่ได้พูดอะไร”

 “ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”

 “ก็นี่ใคร ‘จิน จิรัศยา’ นักแสดงรางวัลดาวทองอวอร์ดสามปีซ้อนนะ ดูรางวัล...” เธอผายมือไปยังตู้โชว์ที่ตั้งถ้วยรางวัลด้านการแสดงไว้เต็มทุกชั้นตั้งแต่พื้นจดเพดาน

 “ย่ะ!” บุรัสกรย่นจมูกแล้วคว้ามือเพื่อนมากุม “ฉันรู้ว่าแกเก่ง แต่จู่ๆ เดินไปบอกว่าท้องแล้วนายเตอะไรนั่นก็เชื่องี้” เธอยังกังขา อาจจะเพราะมีอาชีพเป็นนักกฎหมาย เวลาทำอะไรต้องรัดกุม จึงไม่เชื่อว่าแผนเด็กๆ ที่จิรัศยากุขึ้นจะสำเร็จง่ายดายขนาดนั้น

 “ก็อาจจะเป็นเพราะเสน่ห์ของฉันด้วย” จิรัศยายกมือสะบัดผมแล้วกะพริบตาปริบๆ อย่างมีจริตจะก้าน

 “ก็จริง” พูดมาถึงขนาดนี้บุรัสกรก็ไม่มีอะไรจะแย้ง เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเพื่อนตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า แม้ชุดที่ใส่วันนี้จะเรียบง่ายเป็นเดรสสีดำพอดีตัว แต่เพราะหุ่นเอย ผิวพรรณเอย ใบหน้าเอย สวยหมดจดชนิดหาจุดด่างพร้อยไม่เจอ แถมยังเป็นสาวโสดสุดฮอตอันดับต้นๆ ของวงการที่ถูกโหวตให้เป็นสาวในฝันที่ชายหนุ่มถวิลหาอยู่หลายปีซ้อน

 “แบบนี้แกยิ่งต้องระวังตัวนะ ไปอยู่บ้านหมอนั่นไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากหน้ามืดลุกขึ้นมา...”

 “หยุด!” จิรัศยาตะครุบปากเพื่อนไว้ทันใด ไม่อยากได้ยินประโยคแสลงใจ “ฉันบอกไปว่าท้อง หมอนั่นคงไม่ลุกมาทำอะไรบ้าๆ หรอก”

 “อ้อ ไอ้ แอ้”

 แม้จะเป็นเสียงอู้อี้แต่จิรัศยาก็ฟังออกทุกคำ “ไม่มีทางย่ะ ฉันเตรียมตัวพร้อมมาก แกก็รู้ว่าฉันเคยเรียนมวย”

 บุรัสกรปัดมือออก ยกมือจิ้มไหล่คนมั่นใจอย่างหมั่นไส้ “เรียนแค่พื้นฐานเอาไปถ่ายละครไหม”

 “แค่นั้นก็เกินพอ นี่ฉันสั่งซื้ออุปกรณ์ป้องกันตัวมาเพิ่มด้วย ทั้งเครื่องชอร์ตไฟฟ้าเอย สเปรย์พริกไทยเอย ขืนหมอนั่นกล้าทำอะไร ฉันเอาตายแน่”

 บุรัสกรถอนหายใจแล้วจับใบหน้าเพื่อนให้หันมาสบตาอย่างจริงจัง “คิดดีแล้วใช่ไหมที่จะทำแบบนี้”

ก่อนหน้านี้เธอก็ถามซ้ำอยู่หลายรอบ หาเหตุผลมาแย้งแล้วแย้งอีกแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมฟัง ดื้อรั้นจะทำตามแผนการของตัวเอง

 จิรัศยานิ่งงัน ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แล้วมันมีทางออกอื่นหรือไง ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสือ”

 “เราไม่ได้ต้องการลูกเสือ เราแค่อยากสืบข่าว เอาเข้าจริง นายเตอาจไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเรนนี่ก็ได้”

 เรนนี่คือเพื่อนร่วมสังกัดของจิรัศยา ทั้งสองเริ่มสนิทสนมกันหลังจากได้ร่วมงานและรู้จักอุปนิสัยใจคอ เธอเป็นคนพาเรนนี่มารู้จักกับบุรัสกรซึ่งทั้งสองก็เข้ากันได้ดี ภายหลังเรนนี่สูญเสียบิดาซึ่งเป็นญาติคนสุดท้ายไปทั้งคู่จึงชักชวนให้มาอาศัยอยู่ร่วมกัน เพราะจิรัศยาอาศัยอยู่กับบุรัสกรเนื่องจากครอบครัวอยู่ต่างประเทศ ส่วนครอบครัวบุรัสกรอยู่ต่างจังหวัด จากนั้นสามสาวหาห้องตามความต้องการอยู่นานก็ได้คอนโดหรูที่อยู่ติดรถไฟฟ้าในราคาที่สมเหตุสมผลจึงเป็นรูมเมตกันตั้งแต่นั้นมา 

 “ฉันมั่นใจว่าต้องเกี่ยว อย่าลืมที่นักสืบบอกเรามาสิ” จิรัศยาอ้างอิงถึงนักสืบที่จ้างวานให้สืบหาข่าวซึ่งสิ่งที่ได้รู้ก็ทำให้ตกใจไม่น้อย นักสืบบอกว่าการหายตัวไปของเรนนี่น่าจะเกี่ยวข้องกับแก๊งควีนบี กรุ๊ปแชตลับที่โด่งดังที่สุดในขณะนี้ มีไว้สำหรับแลกเปลี่ยนคลิปและภาพลามกอนาจาร ซ้ำร้ายกว่านั้นคือทุกสามเดือนจะมีกิจกรรมโหวตสตาร์บี หรือหญิงสาวที่เหล่าสมาชิกต้องการเห็นภาพและคลิปลับมากที่สุด โดยอันดับหนึ่งถูกตั้งค่าหัวตามเรตการเปิดเผยร่างกาย เพราะฉะนั้นหากใครถูกโหวตเป็นสตาร์บีก็จะถูกคุกคามจากบรรดาสมาชิกอย่างหนัก ส่วนมากก็หนีไม่พ้นผู้มีชื่อเสียงในแวดวงบันเทิงทั้งนักแสดง นักร้อง นางแบบ เน็ตไอดอล ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำให้หญิงสาวหลายคนที่ถูกโหวตหายหน้าหายตาไปจากวงการ บางคนหวาดกลัวจนกลายเป็นโรคหวาดระแวงและซึมเศร้า บางส่วนหนีไปตั้งรกรากต่างประเทศเลยก็มี

เรนนี่เคยมาปรึกษาเรื่องถูกโหวตเป็นสตาร์บี แต่ตอนนั้นพวกเธอไม่ได้คิดอะไรมาก เนื่องจากนักแสดงกับการถูกแอบถ่ายเป็นของคู่กันจึงแค่บอกให้ระวังตัว และอาจเพราะความนิ่งนอนใจนี้เองที่ทำให้เรนนี่หายตัวไป หลังจากติดต่อเรนนี่ไม่ได้ร่วมอาทิตย์ จิรัศยาจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับบริษัทไนน์สตาร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งเป็นต้นสังกัด แต่กลับไม่มีใครสนใจ บอกเพียงเรนนี่ขอลาพักร้อนไว้สามเดือน เธอไม่เชื่อจึงตัดสินใจจ้างนักสืบจนพบว่าบุคคลที่น่าสงสัยที่สุดก็คือเตวิช เพราะอยู่กับเรนนี่เป็นคนสุดท้าย อีกทั้งประวัติที่ผ่านมาก็ชวนให้สงสัย 

เตวิชเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีปล่อยภาพและคลิปอนาจารแฟนสาวเมื่อเกือบสิบปีก่อน และเคยมีคลิปหลุดกับนักแสดงสาวเมลินี แม้จะถูกกล่าวถึงในวงแคบๆ แต่ก็ทำให้เจ้าหล่อนต้องออกจากวงการบันเทิงไป จากข้อมูลทั้งหมดทำให้จิรัศยาเชื่อว่าหมอนี่ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเรนนี่แน่ๆ 

 “แกมั่นใจอย่างนั้นเพราะอยากให้ตัวเองสบายใจต่างหาก ไอ้คุณนนท์ก็น่าสงสัยไม่แพ้กัน” บุรัสกรดักคอ เหตุก็เพราะงานสุดท้ายที่ทางบริษัทรับให้เรนนี่มาจากชานนท์ ผู้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายดูแลศิลปินโดยตรง

 “พี่นนท์ไม่เกี่ยวหรอก” จิรัศยาบอกอ้อมแอ้ม นอกจากชานนท์จะเป็นเจ้านายแล้ว ยังเป็นบุคคลที่เธอแอบหลงใหลได้ปลื้มมาหลายปี แต่ด้วยอาชีพของเธอและเขาก็เป็นถึงบุตรชายคนเดียวของชมนาด กรรมการผู้จัดการไนน์สตาร์ เอนเตอร์เทนเมนต์ บริษัทผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ภาพยนตร์ และจัดหานักแสดงรายใหญ่ แม้จะมีความสนิทสนมมักคุ้นกันมาก แต่ในเมื่อเขาไม่เคยเอ่ยปากเรื่องสถานะเธอก็ไม่กล้าถาม ความสัมพันธ์เลยดูครึ่งๆ กลางๆ 

 “ลำเอียง!” บุรัสกรเคยเจอชานนท์อยู่หลายครั้ง เอาจริงๆ ก็หมั่นไส้เป็นทุนเดิมด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นหนุ่มไฮโซสุดฮอต ไปมาหาสู่จิรัศยาอย่างเปิดเผย ออกงานด้วยกันนับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยให้ความมั่นใจใดๆ กลับทำตัวเป็นหนุ่มโสดมีข่าวกับดาราและไฮโซอีกมากหน้าหลายตา 

 “พี่นนท์รู้จักเรนนี่มาหลายปี คงไม่คิดร้ายหรอก”

 “ก็ไม่แน่ แกก็รู้นี่ว่าห้องแชตนั่นมีสมาชิกตั้งหลายหมื่นคน คงครอบคลุมแทบจะทุกวงการนั่นแหละ อีกอย่างสตาร์บีที่ถูกโหวตทุกรอบก็เป็นคนในวงการบันเทิงทั้งนั้น คนที่จะเข้าถึงตัวได้คงไม่ใช่นายเอนายบีหรอก”

 จิรัศยาอยากจะเถียงแต่ก็เถียงไม่ออก เพราะเคยสอบถามชานนท์เป็นการส่วนตัวอยู่เหมือนกัน แต่คำตอบที่ได้ก็เหมือนที่ได้จากบริษัทว่าเรนนี่ขอลาพักร้อนเพราะฉะนั้นจะเงียบหายไปก็ไม่แปลก แถมยังกล่าวหาว่าเธอคิดมาก ที่เรนนี่ไม่ติดต่อใครอาจแค่อยากพักผ่อนให้เต็มที่...เธอพยายามเชื่อตามนั้น แต่ผ่านไปวันแล้ววันเล่าก็ยังไม่สามารถติดต่อเรนนี่ได้จึงอดทนต่อไปไม่ไหว แอบจ้างนักสืบหาข่าวแล้วเอาข้อมูลที่ได้ไปปรึกษาผู้จัดการส่วนตัวของเรนนี่ซึ่งก็พาเธอไปหาชยา รองกรรมการบริษัทอีกที ซึ่งท่านก็แนะนำคมกฤษ ซึ่งเป็นนายตำรวจมาให้ คุยกันไปมาจึงได้รู้ว่าเป็นรุ่นพี่ของบุรัสกร ความไว้วางใจจึงมากขึ้น 

คมกฤษบอกว่าหลักฐานที่มีไม่เพียงพอ เรื่องที่เรนนี่ตกเป็นสตาร์บีก็เป็นแค่คำบอกเล่าจากนักสืบเพราะพวกเธอไม่สามารถเข้าถึงกรุ๊ปลับนี้ได้เอง จึงได้แต่บอกให้ใจเย็น ทางตำรวจจะช่วยสืบอีกทาง แต่จากผลงานที่ผ่านๆ มาก็ทำให้สองสาวทนรอเฉยๆ ไม่ไหวจึงพุ่งเป้าหมายไปที่เตวิชทันที 

ตอนแรกจิรัศยาตั้งใจเข้าไปสมัครงานที่บริษัท แต่ประเมินดูแล้วคิดว่าไม่น่ารอด เพราะนอกจากเธอจะมีชื่อเสียงแล้ว ธุรกิจที่ฝ่ายนั้นทำเธอก็ไม่รู้จักเอาเสียเลย จะอาสาเป็นพรีเซนเตอร์ก็รู้มาว่าเป็นสายงานเฉพาะทาง อาศัยผลงานกับคอนเนกชันมากกว่าทำการตลาดโดยบุคคลที่มีชื่อเสียง จะปลอมไปเป็นคนใช้ในบ้านหรือที่บริษัทเธอก็ไม่ยอมเหน็ดเหนื่อยขนาดนั้นแน่ๆ จะจ้างนกต่อทำแทนก็ไม่ไว้ใจ เพราะการหายตัวไปของเรนนี่ยังเป็นความลับ สุดท้ายจึงเน้นเจาะจุดอ่อนของเตวิชในเรื่องผู้หญิงแทน แต่จะเข้าไปเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบนับหนึ่งก็ช้าเกิน จึงกุเรื่องท้องและใช้ความสามารถพิเศษด้านการแสดงเข้าช่วย

“ประวัตินายเตก็สืบแล้ว ทำไมไม่ลองสืบฝ่ายไอ้คุณนนท์บ้างล่ะ บางที...”

“ฉันรู้จักพี่นนท์ดี เขาไม่ใช่คนแบบนั้น!”

เจอเพื่อนแหวขึ้นมาบุรัสกรก็ขยับไปโอบไหล่ แล้วพูดอย่างเป็นกลาง “คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ฉันเข้าใจความรู้สึกแก แต่แกก็ต้องนึกถึงเรนนี่ด้วย นี่หายตัวไปจะเป็นเดือนแล้ว ถ้าเราทิ้งประเด็นใดประเด็นหนึ่งไป เรนนี่ก็อาจจะเป็นอันตรายก็ได้”

จิรัศยานิ่งงันไปอีกหน ถ้าให้เลือกระหว่างความเชื่อใจที่มีต่อชานนท์กับความปลอดภัยของเพื่อน เธอก็คงลังเลไม่ได้

“เอาเป็นว่าเพื่อความสบายใจของแกและความยุติธรรม ฉันจะเป็นคนจัดการเรื่องไอ้คุณนนท์เอง”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ ถึงฉันจะไม่ชอบหน้าหมอนั่น แต่จะไม่ลำเอียงแน่นอน”

จิรัศยาสบตาบุรัสกรอย่างไม่เชื่อใจนัก แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า เพราะหากตัวเองจัดการก็คงหาเหตุผลร้อยแปดมาเข้าข้างคนที่เธอชอบอยู่ดี

“แกจะทำยังไง”

“ไม่อ้างว่าท้องเหมือนแกก็แล้วกัน”

“ยายเบนซ์!”

“เอาน่า ฉันก็มีแผนของตัวเอง แกจัดการนายเตไปเถอะ แสดงให้เนียนล่ะ เกิดถูกจับได้ละก็ได้โดนแฉยับแน่” แค่คิดบุรัสกรก็ขนพองสยองเกล้า ถ้าเป็นข่าวหน้าหนึ่งคงกระทบอาชีพของจิรัศยาเต็มๆ

“ไม่มีทาง ฉันหาหลักฐานได้ก่อนความแตกแน่นอน”

ความมั่นใจเกินพอดีทำให้บุรัสกรได้แต่กลืนน้ำลาย ภาวนาให้นายเตวิชอะไรนั่นไอคิวต่ำๆ อีคิวน้อยๆ หรือไม่ก็ยุ่งจนลืมระวังตัว แผนของจิรัศยาจะได้ลุล่วงด้วยดี

“ฉันกินข้าวเที่ยงมาแล้ว ขอไปพักก่อน เดี๋ยวเย็นๆ ค่อยออกไปหาอะไรกินกัน ถือเป็นการฉลองล่วงหน้า”

บุรัสกรพยักหน้าเนือยๆ ยังรู้สึกว่าเรื่องราวมันไม่น่าง่ายขนาดนั้น แต่เธอก็ตักเตือนเท่าที่พอจะทำได้แล้ว ในเมื่อจิรัศยาไม่เปลี่ยนใจก็คงทำได้แค่ช่วยเหลืออยู่ห่างๆ คิดได้ดังนั้นจึงคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาคมกฤษ 

 “สวัสดีค่ะ เบนซ์โทร. มาอัปเดตเรื่องเรนนี่ค่ะ” เธอเล่าทุกอย่างโดยละเอียด เพราะแผนการดังกล่าวอีกฝ่ายก็มีส่วนร่วมมาตั้งแต่ต้น และเป็นตัวตั้งตัวตีในการช่วยทำหลักฐานเท็จให้จิรัศยา แถมออกตัวพร้อมช่วยทุกสถานการณ์ จึงถือว่าพวกเธอไม่ได้สู้กันอย่างโดดเดี่ยวเกินไป 

ยังไม่ทันวางสายจากรุ่นพี่ คนที่บอกว่าจะเข้าไปพักผ่อนก็วิ่งกระหืดกระหอบออกมาหน้าตาตื่น พร้อมแต่งตัวชุดใหม่

“นี่แก...จะไปไหน”

“มีประชุมน่ะสิ ฉันลืมไปเลย ดีนะพี่นนท์โทร. มาเตือน” จิรัศยาเปิดตู้รองเท้าด้วยความเร่งรีบ “เรื่องนัดตอนเย็นขอแคนเซิลก่อนนะ ไม่รู้ประชุมเสร็จกี่โมง”

“อือ ขับรถดีๆ ล่ะ”

“ไปละ บ๊ายบาย”

บุรัสกรมองจนคนเร่งรีบวิ่งออกจากห้องไปแล้วถอนหายใจ ถ้าชานนท์เป็นต้นเหตุหลักของการหายตัวไปของเรนนี่จริงๆ คนที่ต้องเสียใจมากคงไม่พ้นจิรัศยา 

“ฉันจะช่วยภาวนาให้ไอ้คุณนนท์ไม่เกี่ยวก็แล้วกัน”

“ว่าไงนะเบนซ์”

เสียงของคนในสายทำให้บุรัสกรต้องรีบปฏิเสธ 

“ไม่มีอะไรค่ะพี่กฤษ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ ถ้ามีความคืบหน้าเบนซ์จะติดต่อไปค่ะ”

เธอวางสายแล้วเบนสายตาไปยังกรอบรูปที่แขวนอยู่บนผนัง เป็นรูปภาพของเธอ จิรัศยา และเรนนี่ตอนไปพักผ่อนต่างประเทศด้วยกัน ไม่น่าเชื่อเลยว่าโชคชะตาจะนำพาหญิงสาวที่มีรอยยิ้มสดใสไปเผชิญกับเรื่องราวดำมืดที่น่าหวาดหวั่นขนาดนี้

“แกหายไปอยู่ไหนนะ เรนนี่”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น