บทที่ ๑
ชายในฝัน
ในห้วงนิทรานั้น
มาลัยทองเห็นชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาช้าๆ ร่างสูงของเขาสวมสูททักซิโดสีขาวพอดีตัว ที่หน้าอกมีช่อดอกกล้วยไม้สีม่วงอันเป็นสีที่เธอชอบติดอยู่ นัยน์ตาคมเข้มจ้องมองเธอราวกับจะฉีกชุดเจ้าสาวที่มาลัยทองสวมใส่ให้ขาดออกเป็นชิ้นๆ หญิงสาวหน้าแดงระเรื่อ ใจเต้นตึ้กตั้กร้อนผ่าวทั่วใบหน้า มือที่ถือช่อดอกไม้ชุ่มเหงื่อ ผู้ชายคนนั้นค่อยๆ ประคองอุ้มเธอจนตัวลอย มาลัยทองได้กลิ่นน้ำหอมของบุรุษและลมหายใจที่สัมผัสแก้มแดง
ร่างของมาลัยทองถูกอุ้มผ่านประตูเข้ามาในห้องใหญ่ ก่อนที่เขาจะวางเธออย่างแผ่วเบาบนเตียงนุ่มที่โปรยด้วยกลีบดอกกุหลาบสีแดงสด แต่วินาทีนี้ใครจะไปสนใจล่ะ เพราะแม้จะเอียงหน้าติดชิดหมอนด้วยความเคอะเขิน แต่สมาธิของมาลัยทองดันไปจดจ่อกับเสียงปลดเข็มขัด หางตายังแลเห็นว่าเขากำลังปลดเปลื้องอาภรณ์ที่สวม แค่นี้หัวใจก็เต้นโครมครามจนต้องหลับตาปี๋
ไม่นานมือหยาบของเขาก็สัมผัสไหล่เธอแผ่วเบา แต่กลับทำให้ร่างบางสะท้าน และที่ร้ายแรงกว่านั้น ริมฝีปากของเขาที่จุมพิตลงบนลำคอไล่มาจนถึงเนินอก มันช่างมีอานุภาพร้ายแรงกว่าคมหอกของข้าศึกที่ปักลงกลางอุรา ทรมานเหมือนใจจะขาด แต่อีกด้านกลับพึงพอใจไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขาลากไล้ลิ้นพร้อมฝังคมเขี้ยวลงบนเนื้อนวล ไล่ลงมาจนถึงหน้าอกชูชัน มาลัยทองอยากกรีดร้อง แต่พยายามกัดฟันไม่ให้มีเสียงเล็ดลอดออกมา
ชายหนุ่มยิ้มอย่างผู้คุมเกมเมื่อเห็นเธอไร้เรี่ยวแรง มือของเขาราวกับมีเวทมนตร์ แค่แตะบนชุดเจ้าสาวมันก็หลุดออกได้ง่ายดาย
สองร่างเปลือยเปล่า มาลัยทองบิดตัวเอียงอายเมื่อถูกจ้องราวกับเป็นเหยื่ออันโอชะของหมาป่าที่หื่นกระหาย แสงจันทร์ลอดเข้ามาในห้อง ส่องให้เห็นหุ่นสูงของชายหนุ่ม ลำคอยาวและกล้ามเนื้อแกร่งพอประมาณ แต่ผิวพรรณของชายหนุ่มนี่สิ...ช่างขาวเนียนชวนสัมผัส กล้ามท้องเป็นลอนเล็กหกลูก
ชายหนุ่มประคองใบหน้าเธอขึ้นมา บรรจงจูบอย่างเร่าร้อน ชิวหาแลกเปลี่ยนแทบจะกลืนกินกัน เสียงหอบครางราวกับใช้ลมหายใจเป็นหนึ่งเดียว มือไม้ชายหนุ่มแสนซน ลูบไล้ไปทั่ว เนื้อสาวของเธอแทบไม่มีที่ใดที่เขายังไปไม่ถึง
“อย่า...ได้โปรด...” มาลัยทองร้องขอให้เขาเห็นใจในความทรมาน แต่ชายในฝันกลับยิ้มกระหยิ่ม
“กรี๊ดดด...”
เสียงร้องที่ดังลั่นบ้านทำมาลัยทองสะดุ้งตื่น วิมานฉิมพลีเมื่อครู่ล่มไปต่อหน้าต่อตา...
หญิงสาวหอบเหนื่อย ก่อนจะตั้งสติและได้ยินเสียงกรีดร้องอีกครั้ง คราวนี้เธอจึงผุดลุกออกจากเตียงมุ่งไปยังห้องของมารดา
“แม่ เป็นอะไรหรือเปล่า” เธอเรียกและเคาะประตูห้องของชุติมา ลองหมุนลูกบิดก็พบว่าไม่ได้ล็อก เธอจึงรีบเปิดประตูเข้าไปและเปิดไฟ
แสงสว่างเผยให้เห็นหญิงวัยสี่สิบกว่ากำลังนั่งฟั่นเฟือนอยู่บนเตียง ผมเผ้ารุงรังก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้ มาลัยทองรีบเข้าไปประคองกอด
“แม่ ไม่เป็นอะไรนะ หนูอยู่นี่แล้ว”
ชุติมาโผกอดลูกสาว เป็นอีกครั้งที่เธอฝันร้ายเรื่องเดิมๆ นั่นคือการถูกสามีที่รักหักหลังอย่างเจ็บปวด แม้จะผ่านมานานเกือบยี่สิบปี แต่เวลาไม่ได้ช่วยให้มันจางหาย กลับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
จะให้ลืมได้อย่างไร ชุติมาและครอบครัวต้องล้มเหลวก็เพราะผู้ชายเลวๆ คนนั้นเพียงคนเดียว
“ถ้าเจอพ่อแกอีกครั้ง สัญญากับแม่ได้ไหมมาลัย ฆ่ามันเสีย” มารดาเสียงสั่น
มาลัยทองไม่ตอบคำถามนั้น เธอทำเพียงลูบหลังให้ชุติมาสงบ
“ปล่อยเขาไปเถอะค่ะแม่ อย่าไปฝังใจกับความแค้นนั้นเลย ตอนนี้คนที่ยังเจ็บปวดอาจจะเหลือเพียงแม่เท่านั้น ส่วนพ่อก็คงไม่คิดอะไร ทำไมแม่ต้องยอมล่ะคะ”
“ไม่มีทาง ชีวิตฉันต้องตกอับเพราะมันคนเดียว มันพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉัน ไอ้ผัวเฮงซวย” ชุติมายังพล่ามไม่หยุด นานทีเดียวกว่ามาลัยทองจะกล่อมให้คนแก่กว่านอนนิ่งบนเตียงได้
มาลัยทองปาดเหงื่อและรวบผมที่รุงรัง ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้ข้างเตียง เธออยากมั่นใจว่ามารดาจะไม่เพ้อในคืนนี้อีกแล้ว
“ยังไม่ไปนอนอีกเหรอ ฉันไม่เป็นไรแล้ว” ชุติมาพลิกตัวมาบอกพร้อมกับหยิบนาฬิกาที่หัวเตียงมาดู เข็มเดินไปหยุดที่ตีสองพอดีเป๊ะ
“แม่นอนเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงหนู”
ชุติมาพยักหน้า มองดูลูกสาวอีกครั้ง “แกมีเรื่องอะไรหรือเปล่า” สัญชาตญาณคนเป็นแม่มีหรือจะไม่รู้ความผิดปกติของลูกสาว
“คือ...หนูฝันอีกแล้วค่ะ”
“ฝัน...ฝันถึงผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอ” คนเป็นแม่ถามต่ออย่างไม่ตื่นเต้น เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกสาวบอกเล่านิมิตในนิทรา
“ใช่ค่ะ และครั้งนี้มันเลยเถิดถึงขั้นแต่งงาน และหนูก็...รู้สึกดี” มาลัยทองสารภาพ ฝันที่เกิดขึ้น ยามตื่นขึ้นมา เธอจดจำทั้งกลิ่นและเสียงของเขาได้ทุกอย่าง แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เคยจำได้ นั่นคือใบหน้าของเขา มันน่าตลกไหมล่ะ
ชุติมาหัวเราะลั่นห้องจนลูกสาวตกใจ
“มาลัย นี่อย่าบอกนะว่าแกจริงจังกับชายในฝันคนนี้ถึงขั้นอยากแต่งงาน จะบ้าตาย แม้แต่หน้าแกก็ยังจำไม่ได้ แต่กลับคิดว่าเขามีตัวตน” ชุติมาพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปหยิบน้ำในเหยือกบนโต๊ะมาเทดื่ม
“นี่...แกดูฉันนี่ รักและบูชาพ่อของแกขนาดนั้น ตอนแต่งงานก็วาดฝันสวยหรูว่าตัวเองช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก แล้วเป็นไงล่ะ จะบอกอะไรให้รู้นะ ผู้ชายในฝันมันไม่มีจริงหรอก โลกนี้มีแต่ซาตานเท่านั้นย่ะ”
ชุติมาหัวเราะร่วน แถมยังทำน้ำหกเรี่ยราด มาลัยทองส่ายหน้าก่อนจะเข้าไปช่วยเก็บและพามารดากลับมาที่เตียง
“จำเอาไว้นะมาลัย ถ้าแกอยู่คนเดียวได้ก็จงเป็นโสดไปเถอะ อย่าได้คิดฝากชีวิตไว้กับชายคนใดถ้าไม่อยากเป็นอย่างฉัน”
“หนูเข้าใจค่ะแม่” เธอตอบมารดาแล้วห่มผ้าให้ เมื่อเห็นว่าชุติมาหลับตาลงได้แล้วเธอจึงปิดไฟและออกจากห้องไป
แสงสีเหลืองนวลจากโคมไฟส่องทั่วห้อง มาลัยทองนั่งจับเจ่าอยู่ที่โต๊ะทำงาน ตื่นมากลางดึกแบบนี้จะให้กลับไปนอนหลับต่อก็คงยาก หญิงสาวยกมือเรียวขึ้นมาแตะริมฝีปากสีชมพู นึกถึงรสรักในความฝัน ช่างตราตรึงและละมุนในหัวใจยิ่งนัก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอฝันถึงห้วงภวังค์รักกับชายหนุ่มที่เธอไม่รู้จัก ตั้งแต่จำความได้ มาลัยทองก็พบเจอเขาในความฝันตลอด บางทีเกือบทุกคืน บางช่วงก็นานๆ ครั้ง แต่ไม่เคยขาดหาย เด็กหญิงมาลัยทองมีเขาเป็นทั้งเพื่อนเล่นและเพื่อนคุยคลายเหงา แต่คืนนี้แปลกหน่อยที่เธอกับหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นได้สมรสกันในความฝัน...อย่างดูดดื่ม
เด็กหญิงมาลัยทองเคยเล่าเรื่องฝันประหลาดให้ชุติมาฟัง แต่มารดามองว่าเธอฟุ้งซ่าน แถมบอกให้ลืมไปเสีย
มาลัยทองเคยเข้ารับการบำบัดทางจิตเรื่องความฝันประหลาด แต่แพทย์ก็ยืนยันว่าเด็กหญิงปกติดี ฝันนั้นอาจจะมาจากจิตใต้สำนึกที่มองไม่เห็น จะแสดงก็ต่อเมื่อไม่รู้สึกตัวเท่านั้น
หญิงสาวเผลอยิ้มเมื่อนึกถึงรสรักอันร้อนแรงของเขา ช่างเป็นห้วงนิทราที่แสนสุขเสียนี่กระไร เสียดายที่ต้องตื่นเพราะเสียงของมารดา
คนในบ้านนี้แปลกนัก ลูกสาวมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ในความฝัน แต่คนเป็นแม่กลับร้องไห้หากวันใดฝันร้ายเรื่องพ่อ
ชุติมาเป็นลูกสาวผู้ดีเก่า คุณทวดสืบทอดตำแหน่งขุนนางอะไรสักอย่างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ห้า อดีตมีทรัพย์สินและที่ดินอยู่ในเขตพระนครมากมาย ด้วยความที่เป็นคนสวยจึงมีชายหนุ่มมากมายหมายปอง แต่แล้วเธอกลับตกลงปลงใจกับนักแสดงหนุ่มนามโกวิทย์ ซึ่งเป็นพ่อของมาลัยทองนั่นเอง
ตอนที่สร้างครอบครัวด้วยกันใหม่ๆ ทุกอย่างยังดูราบรื่น จนกระทั่งมาลัยทองอายุได้เพียงหนึ่งขวบ ทั้งคู่ก็มีเรื่องทะเลาะกันจนถึงขั้นขอหย่าขาด เพราะชุติมาจับได้ว่าโกวิทย์แอบนอกใจไปมีความสัมพันธ์กับนักแสดงสาวลูกครึ่งอเมริกัน เมื่อเลิกกันเขาก็หนีไปแต่งงานกับภรรยาใหม่ที่ต่างประเทศ ที่เจ็บช้ำกว่านั้น สมบัติพัสถานที่เป็นของเก่าแก่ของตระกูลชุติมาก็ถูกโกวิทย์หอบไปขายจนเกือบหมด สร้างความเจ็บปวดให้เธอเป็นอย่างมาก ชุติมากลายเป็นคนอารมณ์ไม่ปกติ ครอบครัวที่เคยมีเงินมีทองก็เริ่มร่อยหรอ ยังดีที่มีธุรกิจร้านขายของเก่าของทิพย์ผู้เป็นแม่ย่านเวิ้งนครเกษมคอยโอบอุ้มเอาไว้ได้บ้าง
มาลัยทองเรียนจบด้านประวัติศาสตร์ มีความฝันอยากเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย แต่เมื่อครอบครัวอยู่ในสภาวะไม่ปกติ เธอจึงจำเป็นต้องรับหน้าที่สืบทอดกิจการของตระกูล คอยดูแลทุกอย่างภายในร้าน ส่วนมารดาสามวันดีสี่วันไข้ เอาแน่เอานอนไม่ได้ แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ยังดีหน่อยที่ทุกครั้งยามหลับตา เธอจะได้พบเจอใครคนหนึ่งที่ทำให้เธอมีความสุข แม้จะไม่รู้จักกันก็ตาม
“อะไรนะคะ ยกเลิกสินค้า”
หญิงสาวตะโกนลั่น จนทุกคนในคอฟฟีชอปของโรงแรมดังต่างหันมามองด้วยความตกใจ
“ได้ยังไงโรเบิร์ต คุณนัดให้ฉันส่งของวันนี้ ทางเราก็เตรียมไว้หมดแล้ว อยู่ดีๆ จะยกเลิกง่ายๆ แบบนี้น่ะเหรอ” มาลัยทองบ่นและด่าเป็นภาษาอังกฤษผ่านโทรศัพท์อีกยกใหญ่ ก่อนจะวางหูและถอนหายใจแรง
บ้าจริง อุตส่าห์รีบมาก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง หวังจะมารับเช็คจากนักธุรกิจอังกฤษที่ตกลงซื้อตู้ไม้เก่าแก่สมัยรัชกาลที่ห้า เธอเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมทั้งรถที่จะขนส่งไปที่ท่าเรือ แรงงานคน รวมถึงค่ามัดจำในการดำเนินการต่างๆ แต่อยู่ๆ อีตาฝรั่งนั่นดันขอยกเลิกหน้าด้านๆ มันน่าเจ็บใจชะมัด
คงเพราะฝันหวานอาบยาพิษเมื่อคืนที่ทำให้เธอตื่นสาย ต้องรีบแต่งตัวลวกๆ เสื้อเชิ้ตกางเกงยีน แถมยังสวมแว่นตาหนาเตอะเป็นยายเพิ้ง หน้าตาซีดเซียวไม่ได้แต่งแต้มเครื่องสำอางใดๆ เหตุนี้กระมังเลยทำให้ทุกอย่างไม่สวยงามเหมือนที่ควรจะเป็น
ยังดีหน่อยที่พอจะยึดเงินมัดจำของทางนั้นไว้ได้ แต่หักกลบลบหนี้กับเงินที่ออกไปก่อนก็ได้ส่วนต่างมาไม่กี่พัน
มาลัยทองสูดลมหายใจลึก เรียกสติให้มาช่วยดับความโมโห มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นทิวทัศน์งดงามของตึกสูง คอฟฟีชอปแห่งนี้อยู่ในตัวโรงแรมระดับห้าดาว เธอเลือกสถานที่นัดเจรจาให้เหมาะสมกับลูกค้าที่เป็นนักธุรกิจเมืองผู้ดี แต่อีกฝ่ายกลับหักหลังกันเสียดื้อๆ
เมื่ออารมณ์เย็นลง หญิงสาวจึงยกถ้วยกาแฟดำขึ้นจิบ แต่แล้วมือเจ้ากรรมดันจับถ้วยกาแฟไม่นิ่ง ทำให้มันร่วงหล่น
“ว้าย!”
คนในร้านหันมาดูสาวมอซออีกครั้ง คราวนี้เสื้อเชิ้ตสีขาวมีรอยกาแฟดำเป็นทางยาว ยังดีที่ถ้วยกาแฟร่วงบนโต๊ะไม่ตกพื้นแตก
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ” บริกรที่อยู่ใกล้หันมาถามด้วยความเป็นห่วง
มาลัยทองยกมือเป็นเชิงว่าเธอไม่เป็นไร ก่อนจะลุกขึ้นหยิบสัมภาระเดินออกไปห้องน้ำเพื่อทำความสะอาด วันนี้นอกจากติดต่อธุรกิจไม่ได้ยังโดนกาแฟหกใส่อีก ซวยซ้ำซวยซ้อน
ขณะเดินผ่านโต๊ะของชายหญิงคู่หนึ่ง มาลัยทองก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะข้อมือเล็กถูกจับไว้ หันไปมองก็พบหนุ่มหน้าตาดีในชุดสูทราคาแพงกำลังคว้าข้อมือเธอ หญิงสาวพยายามคิดทบทวน แต่จนแล้วจนรอดนึกอย่างไรเธอก็ไม่รู้จักเขา
“เอ่อ...คือ...”
เธอพยายามจะสะบัดแขน แต่ชายหนุ่มไม่สนใจ ยังจับมาลัยทองไว้แน่น ทว่าสายตากลับจับจ้องสาวสวยที่นั่งตรงข้าม
“คุณเป็นใครคะ คือ...เรารู้จักกันหรือเปล่า” มาลัยทองถาม แต่หนุ่มหล่อคนนั้นก็ยังไม่ปล่อย
“ในเมื่อคุณมองผมเป็นคนระดับล่าง ไม่ได้สูงศักดิ์เหมือนคุณ ผมก็จะขอคบกับผู้หญิงธรรมดาดีกว่า” ชายหนุ่มพูดกับคนร่วมโต๊ะ
มาลัยทองยังงงเป็นไก่ตาแตก
หญิงสาวที่นั่งอยู่ยิ้มเยาะ ช้อนตามองหน้ามาลัยทองอย่างดูถูก “อย่างเช่นแม่นี่น่ะเหรอ”
“ใช่” ชายหนุ่มยืนยัน
“เดี๋ยวนะ พวกคุณคุยอะไรกัน” สาวมอซอพยายามหาจังหวะแทรกการสนทนา
ชายหนุ่มร่างสูงลุกขึ้น เขาสูงกว่าเธอ ใบหน้านั้นหล่อเหล่าเอาการ คิ้วเข้มพาดเฉียงได้องศาอยู่เหนือดวงตาวาววับ ริมฝีปากสีสดได้รูปนั้นอีกเล่า มาลัยทองหัวใจเต้นตึ้กตั้ก ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“คุณรู้จักผมหรือเปล่า” เขาถามยายเพิ้งอย่างเธอ
มาลัยทองคุ้นหน้าเขาอยู่พอประมาณ แต่อาการประหม่าทำให้ตอบไปเพียงว่า “ไม่นะ”
สาวมาดดีที่นั่งอยู่ยิ้มมุมปาก มองดูการกระทำของเขาต่อ
“ผม ชวิน จินตนาศักดิ์ มหาเศรษฐีพันล้านไงล่ะ”
ใช่แล้ว เธอเคยเห็นเขาในข่าวสังคมไฮโซ
เขาเอ่ยต่อด้วยแววตาจริงจัง “จะว่าอะไรหรือเปล่าถ้าหาก...ผมจะขอชวนคุณออกเดตตอนนี้ เวลานี้”
“อะไรนะ” ตานี่จะบ้าหรือไง ดูชุดที่เธอใส่ ทรงผม และหน้าตาเธอก่อนสิยะ แถมกาแฟที่เลอะเสื้อก็ยังไม่ได้ล้าง
“ถ้าคุณยอมไปกับผม แค่กินข้าว ผมยอมจ่ายให้คุณห้าแสน”
สาวแว่นชะงักเมื่ออยู่ดีๆ ก็โดนยื่นข้อเสนอแปลกๆ กลิ่นน้ำหอมบุรุษจากตัวเขาโชยมาเตะจมูก
“และหากคุณยอมเอาใจผมตลอดการเดต ผมสัญญาว่าคุณจะมีเงินใช้มากมายกว่าที่ทั้งชีวิตคุณจะหาได้” เขาเอียงหน้ากระซิบใกล้หูจนหญิงสาวจั๊กจี้ “ถ้ายอมเป็นของผมด้วย ตกลงไหม”
เผียะ!
สมองสั่งมือให้ตบหน้าเขาอย่างรวดเร็ว กลุ่มชายหนุ่มชุดดำที่อยู่ข้างๆ โต๊ะรีบลุกขึ้นมากระชากตัวมาลัยทองให้ออกห่างจากตัวเขา หญิงสาวสะบัดแขน หนุ่มหล่อยกมือเป็นเชิงไม่ให้คนอื่นมายุ่ง
“จะบ้าหรือไงคุณ ฉันไม่ใช่อีตัวนะที่จะมาถามซื้อตอนเดินผ่าน” มาลัยทองชักสีหน้าแล้วเดินจากไปทันทีท่ามกลางความตกใจของชายหนุ่มและหญิงสาวที่นั่งอยู่
“มือหนักไม่ใช่เล่น” ชวินบ่นพึมพำ จนกระทั่งมีเสียงหัวเราะดังจากหญิงสาวที่มาด้วยกัน
“เป็นไงล่ะวิน คงคิดว่าเงินของคุณจะซื้อได้ทุกอย่างสิ” ดาราจันทร์เอ่ยก่อนจะหยิบกระเป๋าขึ้นมา “บางทีการจะทำให้ผู้หญิงหลงเสน่ห์มันก็ต้องใช้เวลา อย่าคิดว่าฉันและอีกหลายคนเป็นเหมือนผู้หญิงที่คุณเคยเกลือกกลั้วสิ”
“เธอก็แค่ตกใจ ถ้ามีเวลาอีกหน่อย มีเหรอที่ยายเฉิ่มเมื่อกี้จะไม่ยอมไปนอนกับผม” เขาท้าทาย
“ไร้สาระน่าวิน คุณจะยอมลดตัวไปมีอะไรกับผู้หญิงไร้ราคาแบบนั้นเหรอ” เธอถาม “อ้อ อย่างว่า ก็พวกคุณมันระดับเดียวกันนี่เนาะ” แววตาของสาวผมสั้นเปี่ยมล้นไปด้วยการดูถูก
“ใช่ และคอยดู ผมจะพาผู้หญิงคนนั้นมาให้คุณรู้จัก ในฐานะแฟน” เขาเอ่ยพร้อมกับส่งสายตาคมกริบ
ดาราจันทร์หุบยิ้ม แล้วสะบัดหน้าลุกออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย
หนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามาหาชวินอย่างเป็นห่วง “เป็นอะไรหรือเปล่าครับนาย”
“ไม่เป็นไร เออนี่ เอก นายช่วยไปหาข้อมูลยายเพิ้งที่กล้าตบหน้าฉันเมื่อกี้ให้ทีว่าเป็นใคร มาจากไหน ฉันต้องการข้อมูลเร็วที่สุด”
“ครับนาย” เอกลิขิตรับคำ เขาเป็นดั่งมือขวาของชวิน เป็นตั้งแต่บอดีการ์ดยันเลขาฯ ส่วนตัว
หนุ่มหล่อเดินออกจากห้องนั้นอย่างหัวเสีย ใบหน้ายังชาเพราะฝีมือของผู้หญิงไร้เสน่ห์คนนั้น
ซวยชะมัด เพราะต้องการประชดดาราจันทร์แท้ๆ ถึงต้องโดนตบฟรีๆ ก่อนหน้านี้แม่สาวไฮโซโทรศัพท์มานัดเจอเขา โดยให้เหตุผลว่าต้องการเจรจาธุรกิจ
แน่ละสิ...หลังจาก ชวิน จินตนาศักดิ์ คนนี้ประมูลเกาะทางใต้ของมัลดีฟส์ได้ ใครๆ ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ก็อยากขอคุยด้วย เกาะไข่มุกซึ่งอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่งดงามและบริสุทธิ์แถมยังเดินทางเข้าไปได้สะดวก ดาราจันทร์จึงเสนอขอร่วมหุ้นสร้างรีสอร์ตบนเกาะโดยนัดจิบกาแฟพูดคุยกับเขานอกรอบ
ความจริงเขาก็ยินดีอยู่แล้ว เพราะเห็นว่าหญิงสาวหน้าตาสะสวยแถมการพูดการจาก็ดูดี เขาเคยเจอดาราจันทร์ก็บ่อย หญิงสาวรับช่วงทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อจากบิดา
‘คุณมีเกาะ ฉันมีธุรกิจก่อสร้าง แบบนี้มันก็ลงตัวเห็นๆ จะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะขอร่วมลงทุนธุรกิจสร้างรีสอร์ตบนเกาะด้วย’
‘ผมยินดี’ ชวินตอบรับ ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเอง ชวินเข้าใจว่าดาราจันทร์ก็แอบมีใจให้เขา แต่หลังจากลองเอ่ยคำหวานเป็นเชิงชวนไปเที่ยวดูเกาะด้วยกัน ดาราจันทร์กลับตอกหน้าเขาจนเสียหน้า
‘ฉันมาเจรจาธุรกิจ ไม่ได้อยากออกเดตกับคุณ อีกอย่างอย่าลืมว่าเรามันคนละชั้น คุณไม่เหมือนพวกฉัน’
‘ไม่เหมือนนี่คือยังไงหรือครับ’
‘อย่าคิดว่ามีเงินแล้วมันจะลบการเป็นคนจนในวัยเด็กของคุณได้สิวิน’
ราวกับสะกิดแผลแห้งให้อักเสบอีกครั้ง แม้ชายหนุ่มจะร่ำรวยเป็นเศรษฐีระดับต้นๆ ของประเทศ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่มีวันเป็นได้ คือการเป็นผู้ลากมากดีอย่างที่หญิงสาวสร้างกำแพงไว้
ยิ่งคิดยิ่งแค้น...คอยดู คนต้อยต่ำอย่างไอ้ชวินคนนี้แหละ จะลากผู้หญิงคนไหนในโลกนี้มานอนด้วยก็ได้ ยกเว้นแม่ดาราจันทร์จอมยโสนั่น
ขณะเดินออกจากโรงแรมกำลังจะกลับ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาก็ไปสะดุดกับหญิงสาวที่เดินผ่าน ชายหนุ่มชะงักและตัดสินใจเดินตามไปทันที หญิงสาวตรงไปยังลานจอดรถ ก่อนจะหยุดบ่นพึมพำที่รถญี่ปุ่นราคาถูก
“โอ๊ย...หายไปไหนนี่ วันนี้ฉันยังซวยไม่พออีกเหรอ” มาลัยทองปาดเหงื่อที่ผุดพราวเต็มหน้า กุญแจรถเจ้ากรรมในกระเป๋าตัวเองก็ดันหายากหาเย็น
ชวินยิ้มมุมปาก ดีใจเหมือนได้เจอโจทก์เก่า เขาล้วงกระเป๋ากางเกงและเดินปรี่เข้าไปหา
“ว่าไงคุณป้า รถเสียเหรอครับ”
มาลัยทองหันไปมอง หนุ่มหล่อมารยาทแย่ที่คอฟฟีชอปนั่นเอง คราวนี้เดินเข้ามาหาพร้อมสมุนตามหลังอีกสี่คน เธอถอนหายใจที่เห็นหน้าเขา ดีหน่อยที่หากุญแจรถในกระเป๋าได้พอดี
“ฉันอายุยังไม่ถึงสามสิบ ไม่ต้องให้เกียรติฉันให้เป็นพี่แม่คุณ” เธอตอกกลับจนชายหนุ่มสะดุ้งโหยง
“นี่คุณ” ชวินชักสีหน้า แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังยั่วเขาก็รีบปรับตัวให้เป็นปกติ “คุณนี่กล้ามากนะที่ปฏิเสธคนอย่างผม”
มาลัยทองยิ้มเยาะก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“คิดว่าตัวเองหล่อมากสินะ ถึงเข้าใจว่าโลกนี้มีแค่เงินและไอ้จ้อนของคุณก็ซื้อผู้หญิงทั้งโลกได้แล้ว ถ้าคิดแบบนั้นเว้นฉันไว้คนหนึ่งบนโลกใบนี้ละกันนะ เพราะฉันมีศักดิ์ศรีพอ”
กลับเป็นชวินที่หลุดหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไรไม่ทราบ” หญิงสาวมองตาเขียว
“กำลังมองหาศักดิ์ศรีคุณอยู่น่ะสิครับ คุณผู้หญิง” เขายักไหล่และมองเธอตั้งแต่หัวจดเท้า “แต่เท่าที่ดูแล้วมันคงจะซ่อนอยู่ลึกพอสมควร เพราะผมเห็นแค่มนุษย์ป้าคนหนึ่ง ผมยุ่งๆ ใส่แว่นหนา หน้าซีดเป็นไก่ต้ม แต่งเนื้อแต่งตัวก็นึกว่าหลุดมาจากยุคแปดศูนย์ กำลังวุ่นวายอยู่หน้ารถญี่ปุ่นราคาถูก”
มาลัยทองอ้าปากค้าง...อีตานี่ปากจัดชะมัด หน้าตาเหมือนเทพบุตรแต่ตัวจริงซาตานต้องเรียกพี่
“นี่คือการจีบผู้หญิงของคุณเหรอคะคุณชวิน ขอโทษนะที่ฉันมองว่ามันเป็นการดูถูกผู้หญิงซึ่งเป็นเพศเดียวกับแม่คุณอย่างมาก อย่าคิดว่าตัวเองรวยล้นฟ้าแล้วจะจับผู้หญิงคนไหนก็ได้ อ้อ ถ้ามีอารมณ์ขนาดนั้น ฉันแนะนำให้เดินไปจับสี่ขาแถวหน้าโรงแรมเอา คงช่วยคุณระบายได้” มาลัยทองบ่นยาว
ชายหนุ่มอ้าปากค้างเพราะเถียงไม่ทัน แต่จะถอยหนีก็ไม่มีทางเสียหรอก คนอย่างเขาแพ้ไม่เป็น
“คิดว่าคำด่าแค่นี้จะทำให้ผมถอยงั้นเหรอ”
หญิงสาวถอนหายใจแรง “ขอโทษนะ ไม่ทราบว่าคุณยังต้องการอะไรจากฉันอีก”
“ก็ออกเดตกับผม” ชวินยังต้องการชัยชนะ
“แล้วจบลงบนเตียง?” เธอถามย้ำ
เขาพยักหน้า “ก็ถ้าคุณยอมลดศักดิ์ศรีที่มีบนใบหน้าจืดๆ ของคุณ”
คราวนี้คู่สนทนาหยุดนิ่งก่อนจะเผยรอยยิ้มหวานบาดใจ จะว่าไปแม่นี่ถ้าไม่ทำหน้าบึ้งก็พอดูได้
“ฉันขอตอนนี้เลยได้ไหมสองล้าน” เธอท้าทาย
“ได้สิ” ชวินรับคำ
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามฉันมาสิ” มาลัยทองยื่นหน้ากระซิบ แถมยังดึงปกเสื้อสูทของเขาให้หลบไปในมุมมืดของลานจอดรถ เหล่าบอดีการ์ดที่กำลังจะเดินตามถูกเขายกมือห้ามให้หยุดตรงนั้น
ชวินยิ้มกริ่มเมื่ออยู่ในที่ลับตา เห็นหรือยัง แค่มีเงิน จะมีอะไรกับผู้หญิงคนไหนก็ได้...
“คุณจะรับเป็นเงินสดหรือเช็ค” เขาถาม
มาลัยทองยกนิ้วชี้มาแตะริมฝีปากเขาพร้อมกับส่ายหน้า
“แค่ได้มีอะไรกับคุณ ฉันก็ถือว่าคุ้มแล้ว” เธอเอ่ยพร้อมกับยื่นหน้าจนชิดติดแก้มเขา
ชายหนุ่มหลับตาเคลิ้ม จังหวะนั้นเอง แม่สาวดวงซวยก็ตัดสินใจกระทุ้งเข่าใส่หว่างขาเขาเต็มแรง
“อ๊าก!”
ชายหนุ่มร้องด้วยความจุก แต่มาลัยทองกลับร้องดังกว่า มือก็ปลดกระดุมเสื้อของตนออก
“กรี๊ด! ช่วยด้วยค่า”
เสียงนั้นดังพอให้ รปภ. ที่เธอสังเกตตั้งแต่แรกว่าต้องได้ยินเสียงร้องของเธอวิ่งเข้ามาหา ทีมบอดีการ์ดของชายหนุ่มตามมาติดๆ
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณผู้หญิง”
“ฮือๆ ฉันโดนผู้ชายใจทรามคนนี้ล่วงเกิน ทำมิดีมิร้ายค่ะ” มาลัยทองใช้โควตามารยาหญิงบีบน้ำตาสร้างภาพ
ชวินอ้าปากค้าง พยายามจะเถียง แต่ฤทธิ์เข่าทลายกล่องดวงใจยังทำให้จุกพูดไม่ได้
ยามแก่ไม่รอช้า หยิบวิทยุสื่อสารที่เอวเรียกเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ให้มาทันที เอกลิขิตเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าห้าม
“หยุดนะลุง นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิดอะไร”
ชายชราในเครื่องแบบถาม ก่อนที่เพื่อนร่วมงานที่ดูแลอยู่รอบๆ จะกรูกันมายังที่เกิดเหตุ ทีมบอดีการ์ดของชวินก็ไม่ยอม รีบเข้าประคองและอารักขาไม่ให้ใครมาจับตัวเจ้านายได้
“เขาลวงฉันมาในที่ลับแล้วพยายามจะข่มขืนฉัน”
ชวินชี้หน้า แค้นหญิงสาวเป็นที่สุด...ไม่น่าเชื่อว่ายายป้าหน้าจืดจะมีพิษสงร้ายกาจถึงเพียงนี้
กว่าเอกลิขิตและฝ่ายรักษาความปลอดภัยของโรงแรมจะเคลียร์กันได้ก็เสียเวลาไปเกือบชั่วโมง แน่นอนว่ามาลัยทองอาศัยจังหวะนั้นขับรถหนีไปแล้ว
“เธอแค่แกล้งเจ้านายผม เลยสร้างเรื่องขึ้นมา และพวกคุณก็เห็นว่าเจ้านายผมถูกทำร้ายนะ พวกคุณน่าจะรู้ ผู้ชายโดนแบบนี้มันเจ็บปวดแค่ไหน”
เอกลิขิตอธิบายหน้าเศร้าแถมยังผายมือให้คนของโรงแรมเข้าใจ มีเพียงเจ้านายที่มองตาเขียว
“พอได้แล้วไอ้เอก เอ็งจะย้ำให้เขาฟังทำไมวะ”
เจ้านายเสียฟอร์มชุดใหญ่ เร่งเร้าให้บอดีการ์ดปิดประตูรถทันที
ชวินกำมือแน่นด้วยความโกรธ ใช่ว่าไม่เคยโดนผู้หญิงคนอื่นแกล้ง แต่ระดับเขามีแต่ดาราหรือไม่ก็นางงามนางแบบการันตีเท่านั้น แล้วยายหน้าจืดนี่เป็นใคร ทำไมถึงไม่ยอมสยบต่อหนุ่มหล่อที่แสนเพอร์เฟกต์เช่นเขา แถมยังทำร้ายน้องชายของเขาได้อย่างคนไม่มีหัวใจ
ยายปีศาจ...
“ตกลงนายจะยังให้ผมหาข้อมูลผู้หญิงคนนี้อยู่หรือเปล่าครับ” เอกลิขิตถามลองเชิง เพราะมองอย่างไรการปะทะกันของคู่นี้ก็คงไม่ทำให้ชวินพิศมัยเธอแน่
“หาสิ เอาให้ได้มากที่สุด คอยดู ฉันจะทำให้ยายนี่สยบแทบเท้าฉันให้ได้” เขาประกาศกร้าว ก่อนจะสั่งให้คนขับออกรถไปอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น |
---|