2

วาระจนตรอก



 2

วาระจนตรอก

 

                “ผมบอกแล้วว่ามิสเตอร์ไวส์แมนเอาจริง คนอย่างเขาไม่เคยถอย เวลาอยากได้อะไรแล้วต้องได้” เจสันเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มๆ เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วทราบจากภรรยาที่ไปยืนรอรับว่าพอลส่งช่อกุหลาบแดงขนาดยักษ์มาให้น้องสาว

“แต่ตอนเราแต่งงาน เขาก็ถอยนี่คะ” ศศินารารับกุหลาบแดงช่อคล้ายกับที่เคยได้รับจากเขาทุกปีแล้วเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบสามีแทนคำขอบคุณ เธอไม่อยากอิจฉาน้องสาวเลย แต่ให้ตายเถอะ ช่อกุหลาบที่พอลส่งมาให้ศราวณะมันทำให้ช่อดอกไม้ที่สามีซื้อให้เธอกลายเป็นของเล่นเด็กไปเลย

                “ถอยเพราะคนของเราไม่ว่างน่ะสิ แต่เชื่อเถอะว่าภายในหกเดือนนี้ เขาต้องรุกจนได้น้องสาวของคุณเป็นแฟนแน่” พูดพลางหนุ่มใหญ่ร่างท้วมก็รวบร่างอ้อนแอ้นของภรรยาเข้ามาสวมกอดไว้หลวมๆ มองเธอในชุดเดรสแบบป้ายสีแดงด้วยประกายตาหื่นหิวระคนภูมิใจ “วันนี้คุณสวยเซ็กซี่มาก”

                “อยากให้สามีรักสามีหลงนี่คะ” คุณแม่ลูกหนึ่งที่ยังสวยตวัดแขนขึ้นโอบลำคอคนฟัง นัยน์ตาเรียวรีเจิดจ้าเปล่งประกายแห่งความสุข

                “ผมกลับบ้านตรงเวลาทุกวัน แถมยังเลิกไปไหนกับเพื่อนๆ เลิกไปตีกอล์ฟกับมิสเตอร์ไวส์แมน นี่ยังไม่ได้หมายความว่าทั้งรักทั้งหลงเมียอีกเหรอ” เจสันกล่าวกลั้วหัวเราะ

                “แต่ถึงจะอยู่บ้าน คุณก็สนใจอลิซมากกว่าฉันอยู่ดี” ศศินารากล่าวอย่างแง่งอน

                “โธ่ ที่รัก ผมทำแบบนั้นเพราะเห็นว่าคุณดูลูกทั้งวัน อยากให้คุณได้พักผ่อน หรือมีเวลาเป็นของตัวเองบ้างต่างหาก”

                “คุณละเลย ไม่ค่อยสนใจฉันตอนนอนด้วย นี่ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าคุณแอบมีบ้านเล็กบ้านน้อยไว้ที่ไหนหรือเปล่า” คุณแม่ยังสาวย่นจมูกใส่สามี

                “แจนจ๋า คุณไม่รู้หรอกว่าการเห็นหุ่นโคตรเซ็กซี่ของคุณแต่ละคืน มันทรมานใจขนาดไหน ถ้าทำได้ผมจะไม่ทำอย่างอื่นเลย นอกจากเมกเลิฟกับคุณทั้งวันทั้งคืน” ยังไม่รวมว่าบางครั้งพอเริ่มได้ไม่นาน ลูกสาวก็ร้องเรียกผ่านมอนิเตอร์ หลายต่อหลายครั้งที่เขากับภรรยาต้องหยุดกิจกรรมเข้าจังหวะกลางคัน จนพักหลังเขาเลือกที่จะอดใจรอวันเสาร์อาทิตย์แทน

                “อากาศดีเมื่อไร คุณต้องเริ่มไปฟิตเนสด้วย ถ้ายังปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้อ้วนถึงสามร้อยปอนด์ละก็ ฉันจะหาสามีใหม่” เธอคาดโทษก่อนจะร้องอุ๊ยเมื่อถูกสามียกขึ้นแนบกับประตูรถกระบะคันโตของเขา เธอเผยอปากรับจุมพิตดุดันของสามีด้วยจูบที่เร่าร้อนไม่แพ้กัน ครางสาแก่ใจยามเขาบีบเคล้นแก้มก้นหนักหน่วง ไฟสวาทที่โหยหาลุกพรึ่บท่วมโรงจอดรถ

เซ็กซ์จานด่วนกินเวลาเพียงสิบนาที แต่ก็ทำให้สองสามีภรรยาจูงมือกันเข้าบ้านอย่างกะหนุงกะหนิงราวกับยังอยู่ในช่วงฮันนีมูน

                “หิวหรือยัง ถ้าหิวพี่จะได้โทร. ไปสั่งพิซซา” ศศินาราถามน้องสาวที่กำลังเล่นอยู่กับหนูน้อยอลิซ

                “อืม อลิซหิวหรือยังคะ” ศราวณะถามหลานทั้งภาษาไทยและอังกฤษ

                “หิว” เด็กหญิงอลิซตอบกลับมาด้วยภาษาของบิดา นั่นทำให้ผู้เป็นมารดายิ้มเอ็นดูและคว้าโทรศัพท์บ้านมากดโทร. ออกเพื่อสั่งพิซซา หยิบเงินจำนวนหนึ่งมายื่นให้พี่เลี้ยงจำเป็น แล้วอุ้มบุตรสาวขึ้นมากอดไว้แนบอก

                “พี่ฝากอลิซด้วยนะดาว ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทร. หาพี่หรือเจได้ตลอด ไม่ต้องเกรงใจหรือคิดว่าจะรบกวนเวลาของเรา

                “พูดอย่างกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่อลิซอยู่กับดาวอย่างงั้นแหละ ยังไม่รู้อีกเหรอคะว่าดาวน่ะโปรฯ แล้ว” ศราวณะเอื้อมมือไปบีบแก้มยุ้ยของหลานสาวสุดรักสุดหวง

“หม่ามี้ หม่ามี้” แม่หนูน้อยประคองใบหน้ามารดาและเรียกซ้ำอย่างออดอ้อนเหมือนทุกครั้ง

                “หม่ามี้รักอลิซนะคะ รักมาก” ศศินาราพึมพำสลับกับพรมจูบดวงหน้ารูปหัวใจอย่างรักใคร่ ยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อแก้วตาดวงใจเลียนแบบด้วยการจูบหน้าผาก ตา จมูก แก้ม และปากของเธอบ้าง

                “หูย กับน้าดาวให้ได้แค่จูบแก้ม กับคุณแม่นี่จัดเต็มเหลือเกินนะ” คุณน้าคนสวยตัดพ้อด้วยแววตาเอ็นดู

                เมื่อเจสันอาบน้ำแต่งตัวใหม่ลงมาในชุดสูทเต็มยศ เขาก็ทั้งกอดทั้งหอมทั้งบอกรักลูกสาวตัวน้อย

                “ฝากอลิซด้วยนะดาว เขาเป็นแก้วตาดวงใจของเรา ผมหวังว่าคุณจะรักและเอ็นดูเขาเหมือนลูกของคุณเอง”

                “อย่าห่วงเลยค่ะ เขาก็เป็นแก้วตาดวงใจของฉันเหมือนกัน” หญิงสาวรับร่างที่หนักราวสิบห้ากิโลกรัมมาโอบอุ้มไว้อย่างทะนุถนอม ยังไม่ทันที่สองสามีภรรยาจะเดินถึงประตูที่เชื่อมกับโรงจอดรถ ออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น

                เจสันเดินไปเปิดแล้วเลิกคิ้วแสดงความประหลาดใจเมื่อเห็นน้องชายต่างมารดา

“แจนบอกว่าคืนนี้มีดินเนอร์เดตกับพี่ ผมก็เลยจะมาอยู่เป็นเพื่อนอลิซกับมิสดาว”

                “พร้อมกับกุหลาบแดงเนี่ยนะ เชื่อเขาเลย” พี่ชายยิ้มล้อเลียน ก่อนโน้มไปกระซิบพอให้ได้ยินกันสองคนว่า “กุหลาบของแกมันช่อเล็กไปนิดนะโจ ไม่เชื่อก็ไปดูกุหลาบแทนใจที่มิสเตอร์ไวส์แมนส่งมาเมื่อตอนบ่ายสิ

                “ฉันสั่งพิซซามาเผื่อคุณด้วยนะโจ แต่คุณสัญญาแล้วนะว่าถ้าน้องสาวของฉันหาวเมื่อไร คุณจะกลับทันที ห้ามผิดสัญญาเป็นอันขาด” ศศินาราทำทีเป็นขึงตาข่มขู่น้องชายของสามี

                “รู้แล้วน่า ไม่ต้องย้ำนักก็ได้ ผมไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์” โจเซฟขยิบตาขี้เล่นใส่พี่สะใภ้ “จะไปออกเดตกันไม่ใช่เหรอ รีบไปสิ”

                “โอเค ฝากดาวกับอลิซด้วย” เจสันพูดจบก็จูงมือภรรยาไปยังประตูเชื่อมสู่โรงจอดรถ

                “สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับ” โจเซฟมอบดอกไม้ให้สาวสวยเพียงหนึ่งเดียวของบ้านพลางสอดส่ายสายตาหาช่อดอกไม้ที่เจสันเอ่ยถึง พอเห็นก็ถึงกับใจแป้วเพราะขนาดของมันใหญ่โตมโหฬาร เหมือนผู้ให้จะประกาศให้ผู้รับและทุกคนเห็นถึงความรู้สึกที่มากับกุหลาบนับร้อย

                “ขอบคุณค่ะ ความจริงคุณไม่น่าลำบากซื้อมาเลย”

                “ไม่ลำบากเลยครับ เสียดายที่มันไม่ใหญ่ ไม่น่าประทับใจเท่ากับช่อของมิสเตอร์ไวส์แมน” สัญชาตญาณของผู้ชายเหมือนกันบอกว่า พอล ไวส์แมน เอาจริงกับสาวน้อยตรงหน้า และถ้ายังอยากก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ลูกน้องระดับกลางที่พยายามจะไต่ขึ้นสู่ที่สูงอย่างเขาก็ควรถอย

                “ขนาดไม่สำคัญหรอกค่ะ ฉันมองว่าคุณค่าของมันอยู่ที่จิตใจของผู้ให้มากกว่า” ศราวณะปลอบเขาเสียงอ่อน

                “ขอบคุณครับ แล้วมิสเตอร์ไวส์แมนไม่ชวนออกไปดินเนอร์หรือครับ หรือว่าชวนแล้วแต่คุณไปไม่ได้เพราะต้องเลี้ยงอลิซ” ชายหนุ่มขออุ้มหลานสาวที่อ้าแขนให้อย่างเต็มอกเต็มใจ

                “เปล่าค่ะ แต่ถึงชวน ฉันก็ไม่ไปหรอก” เขาอันตรายเกินกว่าที่เธอจะอยู่ใกล้อีก เสียดายที่เธอไม่ได้ตบใบหน้าหล่อๆ นั่นให้สาสมกับปัญหาสารพันที่เขาก่อ จะว่าไปเขาก็เหมือนมะเร็งที่แทรกซึมเข้ามาทำลายเซลล์ร่างกายของเธอ นอกจากจะทำให้อับอายขายหน้าคนในครอบครัวแล้ว ยังสร้างความร้าวฉานให้ชีวิตรักของเธอกับอธิปอีกต่างหาก แม้เธอกับแฟนหนุ่มจะยังคบหากันหลังจากนั้น แต่ทุกครั้งที่เธอทำอะไรให้ไม่พอใจ เขาเป็นต้องหยิบยกเอาเรื่องพอลขึ้นมาพูดแดกดัน สุดท้ายเธอก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวและถือโอกาสที่เขาจะมาเรียนที่อเมริกาเป็นข้ออ้างในการขอเลิก

                โชคดีเหลือเกินที่เธอไม่ได้รักอธิปแบบมอบกายถวายหัว จึงไม่ได้คร่ำครวญหรือเสียน้ำตามากมายตอนเลิกรา เรื่องนี้มีเพียงเพื่อนสนิทในกลุ่มเท่านั้นที่รู้ว่าเธอคบเพราะความเกรงใจและทนลูกตื๊อไม่ไหว อธิปเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยที่เรียนคณะบริหาร เขาเป็นเพื่อนสนิทของลุงรหัส ซึ่งเล่าให้ฟังว่าอธิปถูกตาต้องใจเธอตั้งแต่แรกเห็น นอกจากตามจีบแล้ว เขายังคอยช่วยเหลือเธอในวิชาที่ถนัด แถมยังใจกว้างกับเพื่อนสนิททั้งกลุ่มของเธอ ด้วยเหตุนี้พอเขาสารภาพว่าชอบและขอคบในเทอมสุดท้ายของการเรียนปีสอง เธอจึงยอมตกลงตามแรงเชียร์ของเพื่อนๆ

                “ทำไมล่ะครับ ผู้หญิงทั้งนิวยอร์กอยากไปดินเนอร์กับมิสเตอร์ไวส์แมนทั้งนั้น และผมก็มั่นใจว่าผู้หญิงทั้งโลกก็คงอยากเดตกับเขาเหมือนกัน มีแต่คุณนี่แหละที่ไม่ยินดียินร้ายกับการที่เขาส่งดอกไม้มาให้” ปื้นคิ้วหนาของหนุ่มผมสีช็อกโกแลตเลิกขึ้นด้วยความฉงนสนเท่ห์

                “เขาไม่มีอะไรเสียหายหรอกค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่าเขากับฉันต่างกันเหมือนขั้วบวกขั้วลบ” ไม่ใช่แค่เรื่องความร่ำรวย แต่ไลฟ์สไตล์ของเธอกับเขายังต่างกันราวฟ้ากับเหว เขาคือพ่อยอดระเบียบ คุณชายอนามัยจ๋า ส่วนเธอเป็นที่รู้กันดีในครอบครัวและเพื่อนสนิทว่า ‘สวยแค่หน้า อย่าดูห้อง จะร้องจ้าก

                “แต่เวลาที่ขั้วบวกกับขั้วลบมาเจอกันก็มักสปาร์กจนเกิดกระแสไฟ ไม่ใช่เหรอครับ” โจเซฟแซ็วขำๆ

                “แย่จริง ฉันน่าจะเปรียบเทียบว่าเหมือนหมากับแมวมากกว่า” หญิงสาวแก้ตัวเป็นพัลวัน เธอนึกขอบคุณกริ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นแทรกบทสนทนา เพราะพอจ่ายเงินและเริ่มลงมือกินพิซซา บทสนทนาก็กลายเป็นเรื่องงานของเขาและเธอ ไม่มีชื่อของพอล ไวส์แมน โผล่มากวนใจอีก

                โจเซฟอยู่จนเกือบสามทุ่มจึงขอตัวกลับเพราะเห็นว่าศราวณะต้องพาหลานสาวขึ้นนอน เขาใจชื้นขึ้นมาเป็นกองเมื่อขอเบอร์โทรศัพท์มือถือแล้วเธอยอมให้แบบไม่อิดออด

                พาหลานเข้านอนเสร็จ ศราวณะก็อาบน้ำและโทรศัพท์กลับบ้านเพื่อคุยกับบุพการีเหมือนที่ผ่านมา ทว่าคืนนี้เธอคุยได้ไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องขอวางสายเพราะโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ตั้งใจว่าจะลงไปรับสายด้านล่าง แต่มือถือเจ้ากรรมกลับมีสายเรียกเข้าเสียก่อน

                “เบอร์ใคร” เรียวปากรูปกระจับพึมพำเมื่อเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่เอเรียโค้ดบอกว่าเป็นของนิวยอร์ก “เฮลโหล”

                “ซาร่าห์ นี่ผมเอง”

มีเพียงคนเดียวที่เรียกเธอว่า ‘ซาร่าห์’ และนั่นก็ทำให้เลือดในกายของเธอไหลไปรวมกันที่แก้มจนแดงเห่อ 
                “คะ คุณรู้เบอร์ของฉันได้ยังไง
คะ” นี่มันเบอร์มือถือที่เธอเพิ่งได้มาเมื่อไม่กี่วันก่อนเองนะ และเธอก็จำได้ว่ามีแต่คนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้

                “นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้ ซาร่าห์ มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเจและแจน

                “คะ...คุณหมายความว่ายังไง เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาคะ” ศราวณะย้ำถามเสียงสั่น ความง่วงงุนเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้งเพราะคำพูดสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความหมายเชิงลบของเขา

                “รถของเจประสบอุบัติเหตุ เจถูกยิง ส่วนแจนถูกลักพาตัวไป” เสียงเข้มย้ำตามสายมาอีกหนึ่งคำรบด้วยภาษาอังกฤษที่ช้าชัด

                “อะไรกัน ทำไมเจสันถึงถูกยิง แล้วใครลักพาตัวพี่สาวของฉันไปคะ” หญิงสาวรัวภาษาอังกฤษเร็วปรื๋อ

                “ตอนนี้ผมก็รู้พอๆ กับคุณนั่นแหละ ซาร่าห์ ผมกำลังจะไปโรงพยาบาล อยากให้ผมส่งคนไปรับคุณหรือเปล่า” คนถามเสียงอ่อนลงเมื่อนึกได้ว่าคนฟังคงกำลังขวัญเสีย

                “ฉัน...ฉันอยู่บ้านกับหลานสองคน และก็เพิ่งพาอลิซเข้านอนครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง” เพราะอยู่ต่างบ้านต่างเมือง เธอจึงไม่แน่ใจว่าควรจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเมืองริดจ์ฟิลด์ที่อยู่ตอนนี้ มันห่างจากนิวยอร์กซิตีกี่ไมล์และต้องใช้เวลาเดินทางนานขนาดไหน  

                “งั้นคุณรอฟังข่าวที่บ้าน ผมจะส่งคนไปอยู่เป็นเพื่อน โอเคไหม” พอลกล่าวเสียงเข้ม ได้ยินเสียงสั่นเครือบ่งบอกว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ เขาก็แทบจะสั่งให้คนขับรถพาไปที่นั่นแทนโรงพยาบาล

                “ค่ะๆ ฉันจะอยู่นี่และรอสายของคุณ” มือสั่นเทาปาดน้ำตาออกจากแก้มของตัวเองลวกๆ “นี่เบอร์มือถือของคุณหรือเปล่าคะ ถ้าใช่ ฉันจะได้โทร. หา เผื่อคุณหายเงียบไปนาน”

                “คุณจะโทร. หาผมกี่ครั้ง หรือตอนกี่โมงก็ได้ซาร่าห์ ผมรอสายของคุณเสมอ” พอลปลอบน้ำเสียงนุ่มนวล อยากให้เธออุ่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาไม่มีวันหนีหายและปล่อยให้เธอเผชิญกับชะตากรรมเลวร้ายตามลำพัง

                ศราวณะร้องไห้สะอึกสะอื้นปิ่มว่าจะขาดใจ เธอไม่เคยเจอเรื่องน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนในชีวิต หญิงสาวมั่นใจว่าเจสันไม่ใช่มาเฟียหรือบุคคลที่ควรจะมีศัตรูคู่อาฆาต พี่เขยของเธอเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษที่หาได้ยากยิ่งในสังคมปัจจุบัน ส่วนพี่สาวก็เป็นภรรยาที่น่ารัก เป็นแม่ที่ทุ่มเทเพื่อลูก มันไม่ยุติธรรมที่เรื่องเลวร้ายทำนองนี้จะเกิดขึ้นกับคนดีอย่างทั้งคู่   

                “หยุดร้องไห้และพยายามข่มตาให้หลับบ้างเถอะซาร่าห์” ชายหนุ่มสำทับเสียงอ่อนก่อนวางสาย 

                “ไคลน์บอกว่าเจเสียชีวิตแล้วครับ” ซามูเอล หรือแซม บอดีการ์ดหมายเลขหนึ่งที่ทำงานกับเขามาหลายปีรายงานด้วยสีหน้าเครียดจัด

                “ได้เบาะแสเพิ่มเติมหรือยังว่าใครยิง เรื่องลักพาตัวแจนด้วย” กรามของนักการเงินหนุ่มวัยสามสิบสองบดเข้าหากันจนเส้นเลือดบริเวณนั้นปูดโปนเมื่อคนฟังส่ายหน้า “สองคนนั่นไม่น่าจะมีศัตรูที่ไหน”

                “ครับ ไคลน์คิดว่าคงเกี่ยวกับเรื่องงาน ช่วงนี้เราขัดผลประโยชน์ของโลแกนหลายอย่าง”

                “ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมมันต้องให้คนลักพาตัวแจนไป มันแปลกๆ” ปื้นคิ้วหนาย่นเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก

                “ครับ มันแปลกมาก” คนพูดขบปากล่างของตัวเองอย่างใช้ความคิด “ผมอยากคิดว่าเป็นการฆาตกรรมผิดตัว แต่คิดอย่างไรก็ไม่ใช่ เพราะถ้ายิงผิดตัว ทำไมคนลงมือต้องตามยิงซ้ำจนกระสุนหมดแม็ก ถ้าจะบอกว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ เพราะทั้งกระเป๋าสตางค์ของเจและกระเป๋าถือของแจนยังตกอยู่ในรถที่เกิดเหตุ”

                “คนตายน่ะเราคงทำอะไรไม่ได้ แต่คนเป็นนี่สิ” เขากำลังคิดถึงศราวณะที่กำลังเคว้งคว้าง รวมถึงสงสารหนูน้อยอลิซที่จู่ๆ ต้องขาดทั้งพ่อและแม่แบบกะทันหัน

                “ทำไมไม่เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสเสียล่ะครับ คุณเป็นพ่อทูนหัวของอลิซไม่ใช่เหรอ” มุมปากของคนพูดกดลึกขณะสบตาสีน้ำทะเลของเจ้านายผ่านกระจกมองหลัง

                “นี่ไม่ใช่เวลาของการจีบสาว แซม”

                ขนาดไม่จีบยังสั่งให้ขับรถพามาดูหลังคาบ้านแทบทุกวัน ถ้าจีบจะขนาดไหนวะเนี่ย ซามูเอลแอบเถียงเจ้านายสุดหล่อในอก ขณะยิ้มแหย ตอบกลับเสียงอ่อยว่า

                “ขอโทษครับ ผมพูดแบบนั้นเพราะหวังดี เห็นว่าคุณรอคอยคุณซาร่าห์มาหลายปี”

เท่าที่เขารู้เพิ่มเติมจากไคลน์ ผู้ช่วยส่วนตัวของพอล เจ้านายหนุ่มผู้นี้หลงใหลใฝ่ฝันในตัวสาวน้อยศราวณะมาตั้งแต่กลับจากงานแต่งของเจสันที่เมืองไทยเมื่อสี่ปีก่อน จากนั้นก็สั่งให้ไคลน์จัดหาสาวเอเชียหรือสาวเลือดผสมเอเชียมาให้ระบายความร้อนรุ่ม ทว่าก็ไม่มีสักรายที่สามารถทำให้มหาเศรษฐีแสนเพอร์เฟกต์ผู้นี้พึงพอใจได้นานเกินสองเดือน

ในแวดวงธุรกิจด้านธนาคาร การลงทุน และอสังหาริมทรัพย์ พอลมีชื่อเสียงด้านความเป็นหนุ่มเลือดร้อน กล้าได้กล้าเสีย กล้าชนกล้าเสี่ยง มันจึงแปลกที่พอมาถึงเรื่องผู้หญิงที่หมายปองแล้วเขาใจเย็นเป็นกบจำศีล ทั้งที่ความจริงเป็นพยัคฆ์ที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวชัดๆ 

                “ฉันก็ไม่มายด์ที่จะรอจนกว่างานศพของเจเรียบร้อย และรู้อะไรคืบหน้าเกี่ยวกับการหายตัวไปของแจนก่อน” พอลหยิบกล่องมะฮอกกานีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อยมาเปิด หยิบซิการ์ราคาแพงออกมาถือ โดยมีบอดีการ์ดหน้าคมเข้มคว้าซิการ์คัตเตอร์ออกมาตัดปลายและจุดไม้ขีดไฟบริการให้แบบไม่ต้องสั่ง

                “ผมสั่งให้คนของเราจับตาความเคลื่อนไหวของโลแกนกับคนสนิทของมันแล้วครับ”

                “ดี ฉันมั่นใจว่าพวกนั้นจะต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” เขาปล่อยควันหอมฉุยของซิการ์ราคาแพงออกจากโพรงปากอย่างอ้อยอิ่ง

                “แล้วงานของเจล่ะครับ คุณจะให้ใครดูแลแทน” สีหน้าของคนถามไม่สู้ดีนัก

                เจสันคือหัวหอกของการผลักดันให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของพอลประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งภายในระยะเวลาเพียงเจ็ดปี เขาคุมกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์ในเครือไวส์แมนกรุ๊ป รับผิดชอบด้านการซื้อ ขาย และปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ วิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของตลาด รวมถึงประมูลอสังหาริมทรัพย์มูลค่าสูงในรัฐนิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ ฟิลาเดลเฟีย และคอนเนตทิคัต            

                “ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ แซม แต่ฉันไม่มีทางเลือก นอกจากให้โจเซฟขึ้นมาทำแทนเขา หมอนั่นอาจเก่งสู้พี่ชายไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็รู้จักระบบของเราดีกว่าคนนอก ฉันจะให้ไคลน์เสนองานของเจให้หมอนั่นทำ โดยมีข้อแม้ว่าถ้าอยากรักษาตำแหน่งใหม่ไว้ เขาจะต้องปรับปรุงตัวและทุ่มเทให้งานขึ้นอีกหลายเท่า ไม่งั้นเราก็จำเป็นต้องหาคนที่มีศักยภาพสูงกว่ามาทำแทน

                “หมอนั่นจีบคุณซาร่าห์อยู่นะครับ” ซามูเอลเตือนเพราะกลัวจะเกิดการกินแหนงแคลงใจระหว่างสองหนุ่ม

                “แค่ฉันเรียกเข้าไปถามสักครั้ง โจก็ไม่กล้ายุ่งกับซาร่าห์แล้ว” คนพูดเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมเข้มของบอดีการ์ดหมายเลขหนึ่งด้วยแววตาครุ่นคิด “จากนี้ไปให้เรียกซาร่าห์ว่ามิส”

                “ครับ ขอโทษครับ” ...ที่ล้ำเส้น กล้าเรียกชื่อผู้หญิงในอนาคตของนายจ้างอย่างสนิทสนม

                “ไม่ต้องขอโทษหรอก นายคือหนึ่งในคนสนิทที่ฉันไว้ใจมาก ฉันแค่ไม่อยากให้คนอื่นๆ ได้ยินนายเรียกคุณซาร่าห์แบบนั้นแล้วเรียกตาม” แม้เขาจะไม่ค่อยถือตัวกับบริวารทุกคน แต่ก็ไม่เคยอนุญาตให้ใครก้าวล้ำจนขาดความยำเกรง นั่นคือสิ่งที่แซมกับทุกคนตระหนักกันดี

               

                พอลเดินทางไปถึงโรงพยาบาลเพื่อดูศพของคนสนิทด้วยหัวใจหดหู่ เมื่อเห็นบุพการีของเจสันร้องไห้ปิ่มจะขาดใจกับการสูญเสียบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน เขาก็ให้คำมั่นสัญญากับทั้งคู่ว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อลากตัวคนผิดมารับโทษให้ได้

                โจเซฟเดินทางไปถึงโรงพยาบาลในเวลาไล่เลี่ยกัน แม้จะไม่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแบบคนอื่น แต่ก็เห็นได้ชัดว่าผ่านการร้องไห้มาบ้าง ครอบครัวของผู้ตายตัดสินใจทำการชันสูตรศพ และยืนยันจะทำพิธีทางศาสนาภายในเจ็ดวัน

พอลเสนอตัวรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยจะให้ผู้ช่วยส่วนตัวกับเลขานุการเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างและคอยรายงานความคืบหน้า เขาคุยกับตำรวจสองคนที่ตามมาโรงพยาบาลกว่าสิบนาทีก็ขอตัวกลับ

นักการเงินหนุ่มไม่ได้สั่งให้คนขับรถพากลับคฤหาสน์หรือเพนต์เฮาส์ แต่สั่งให้มุ่งหน้าไปบ้านของผู้ตายแทน เขาถึงที่หมายตอนใกล้เที่ยงคืน พ่นลมหายใจร้อนๆ ออกมาด้วยความโล่งใจที่เห็นรถเก๋งสีแดงของไปเปอร์ เลขานุการซึ่งเขาสั่งให้มาอยู่เป็นเพื่อนศราวณะ จอดอยู่หน้าโรงจอด

มือหนาเคาะประตูเพียงสองครั้ง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาในอารามร้อนรน แม้จะไม่เห็นหน้าเจ้าของฝีเท้า แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าคงเป็นสาวไทยหน้าหวาน อยากเห็นหน้าเธอใจแทบขาด ทว่านาทีนี้เขากลับอยากให้ระยะทางระหว่างประตูกับทางเดินด้านในห่างกันกว่านี้สักหนึ่งไมล์   

                “เป็นยังไงบ้างคะ” ศราวณะแหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคายด้วยประกายตาเปี่ยมความหวัง แต่ความหมองหม่นระคนปวดร้าวในดวงตาคมก็ดับฝันของเธอทันที น้ำตาที่แห้งมานานนับชั่วโมงไหลทะลักออกมาแสดงความโศกาอาดูรอีกระลอก

                “ซาร่าห์...” พอลรวบร่างสั่นสะท้านเข้ามาแนบอก กอดแนบแน่นเหมือนอยากให้เธอกลืนเป็นเนื้อเดียวกับเขา อยากให้ความแข็งแกร่งของตัวเองส่งผ่านไปถึงหัวใจของเธอ “ผมเสียใจจริงๆ เจตายก่อนที่ผมจะถึงโรงพยาบาล

                หญิงสาวระเบิดร้องไห้โฮกับอกกว้าง นี่คือสิ่งที่เธอหวาดกลัวมาหลายชั่วโมง เฝ้าภาวนาขอให้พระพุทธ พระแม่ธรณี พระผู้เป็นเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสากลโลกช่วยยื้อชีวิตของพี่เขย แต่คำวิงวอนทั้งมวลกลับถูกหมางเมิน

“แล้วพี่สาวของฉัน พี่จันทร์เป็นไงบ้างคะ ได้เบาะแสอะไรหรือยัง คนร้ายติดต่อมาบ้างไหม” ใบหน้านองน้ำตาแหงนขึ้นมองเขาอีกครั้ง แล้วทำนบน้ำตาก็พังทลายหนักกว่าเดิมเมื่อเขาส่ายหน้าแทนการตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา 

                “ผมเชื่อว่าแจนยังมีชีวิตอยู่ ผมรู้จักคนใหญ่คนโตในเอฟบีไอ เราจะไม่หยุดตามหาพี่สาวของคุณ” คนพูดดึงผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าพาสเทลจากกระเป๋าด้านในของเสื้อสูทมาซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน “เข้าไปคุยต่อข้างในเถอะ ผมไม่อยากให้คุณโดนลมหนาวจนล้มป่วย”

                ชายหนุ่มโอบกึ่งประคองร่างสมส่วนเข้าไปข้างใน โดยมีซามูเอลกับคนขับรถตามเข้ามาเงียบๆ 

“เธอดูแลซาร่าห์ประสาอะไรฮึไปป์ ทำไมปล่อยให้ร้องไห้จนตาบวมขนาดนี้” พอลแยกเขี้ยวใส่เลขานุการิณีซึ่งทำหน้ามุ่ย ไม่อนาทรร้อนใจต่อคำตำหนิแกมบ่น

                “ฉันเป็นเลขาฯ นะคะ ไม่ใช่คอมเมเดียน ฉันมีปัญญาแค่ปลอบใจและคอยรับฟังเท่านั้นแหละ” ไปเปอร์ สาวสวยผมแดงวัยยี่สิบแปดทำปากยื่นใส่เจ้านายสุดหล่อ

ตั้งแต่จำความได้ เธอกับฝาแฝดและบิดาก็อยู่คฤหาสน์หลังนั้นมาตลอด พอเจ้าของเก่าขายต่อให้พอลเมื่อเจ็ดปีก่อน เขาก็จ้างบิดาของเธอให้ทำหน้าที่บัตเลอร์ต่อ แม้นายหนุ่มผู้นี้จะแวะไปค้างที่คฤหาสน์เพียงสัปดาห์ละหนึ่งหรือสองครั้ง แต่ก็ใจกว้างกับทุกคนมาก

พอลดูแลเรื่องค่าเทอมให้เธอกับเปปเปอร์ โดยไม่มีการบังคับว่าเรียนจบแล้วจะต้องทำงานชดใช้เขา เธอเลือกเรียนปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ ส่วนคู่แฝดเลือกเข้าเรียนที่สถาบันการทำอาหารของอเมริกาที่ไฮด์พาร์ก ซึ่งเป็นสถาบันการทำอาหารที่เก่าแก่ที่สุดของอเมริกา มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับระดับสากล

หญิงสาวบอกพอลอย่างตรงไปตรงมาว่าต้องการทำงานกับไวส์แมนคอร์ปฯ หลังเรียนจบ และเขาก็ตอบตกลงแบบไม่เสียเวลาคิด ส่วนเปปเปอร์เลือกทำงานที่คฤหาสน์ไวส์แมน พอลแปลกใจพอสมควรกับการตัดสินใจนั้น แต่พอเห็นบุคลิกขี้อายและไม่ชอบเข้าสังคมของเปปเปอร์ ซึ่งตรงข้ามกับบุคลิกของเธออย่างสิ้นเชิง เขาก็ไฟเขียวให้ทำงาน โดยจ่ายค่าตัวให้สูงพอๆ กับเชฟที่ทำงานในภัตตาคารห้าดาวของนิวยอร์กซิตี 

                ความใจดีและใจกว้างของ พอล ไวส์แมน มักจะทำให้ชาร์ลี บิดาของเธอวนเวียนพูดกรอกหูบ่อยๆ ว่าเขาเป็นต้นแบบเจ้านายที่ดีซึ่งหาได้ยากมากในสังคมปัจจุบัน เธอเห็นด้วยกับบิดาเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็แอบเถียง เวลาที่พอลลุกขึ้นมาทำตัวเป็นจอมเผด็จการอย่างเช่นที่ทำกับเธอคืนนี้ นักการเงินหนุ่มสั่งให้เธอมานั่งเฝ้าแม่สาวไทยหน้าหวาน โดยไม่สนว่ายังไม่ได้อาบน้ำหรือกินข้าวเย็นเลยสักคำ โชคดีที่มาถึงแล้วศราวณะได้ยินเสียงท้องเธอร้อง จึงเสนอพิซซาที่ยังเหลืออยู่

“ในเมื่อคุณอยู่นี่แล้ว ฉันกลับคฤหาสน์ได้แล้วใช่ไหมคะ”

                “คุณไปเปอร์อยู่ต่อไม่ได้เหรอคะ ฉัน...เอ่อ...คือ ฉันไม่มีเพื่อนผู้หญิงเลย” ศราวณะชิงตอบด้วยแววตาเว้าวอน รู้ว่ากำลังเห็นแก่ตัวที่อยากรั้งอีกฝ่ายไว้ ทว่าเธอก็ไม่อยากอยู่ตามลำพังกับชายฉกรรจ์สามคนนัก

                “อย่าห่วงเลย ไปป์จะอยู่นี่ต่อตามความต้องการของคุณ แต่คุณอาจต้องให้เขายืมเสื้อผ้าใส่หลังอาบน้ำนะ ไปป์เตี้ยกว่าคุณหลายนิ้ว น่าจะใส่เสื้อผ้าคุณได้” พอลเอ่ยหลังจากสังเกตเห็นว่าเลขาฯ คนเก่งยังอยู่ในชุดที่สวมไปทำงาน

                ศราวณะยิ้มแหยให้สาวผมแดง “ถ้าคุณไม่ถือนะคะไปเปอร์

                “ไม่เลยค่ะ ฉันเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้” ไปเปอร์โบกไม้โบกมือประกอบ

                “งั้นคุณพาไปป์ขึ้นไปอาบน้ำเถอะ ผมจะรออยู่นี่ เราจะได้คุยเรื่องเจกับแจนต่อ” ชายหนุ่มสรุปสั้นๆ ขณะทรุดตัวลงบนโซฟาหนานุ่ม เขามองสองสาวหายลับตาขึ้นชั้นบนจึงผงกศีรษะส่งสัญญาณบางอย่างให้บอดีการ์ดกับคนขับรถ ทั้งคู่ค้อมศีรษะรับคำสั่งอย่างรู้ใจ ก่อนจะอันตรธานไปจากห้องรับแขก เหลือเพียงเขาที่นั่งเอกเขนกอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

                หญิงสาวขึ้นไปไม่นานก็กลับลงมา เธอเลือกนั่งโซฟาคนละตัวกับเขา ฟังสิ่งที่พอลถ่ายทอดให้ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ บางขณะเธอถามถึงสิ่งคาใจในยามที่เขาเว้นช่วงให้ และพอลก็ตอบคำถามทุกข้ออย่างใจเย็น 

                “ถ้าคุณมั่นใจว่าคนทำคือคู่แข่งทางธุรกิจ ไม่ใช่เพราะการขัดแย้งเรื่องส่วนตัว ทำไมไม่ให้ตำรวจลากคอพวกนั้นเข้าคุกเลยละคะ” ศราวณะเอ่ยเสียงเฉียบ

ตำรวจต้องสืบสาวราวเรื่องกับทางโน้นแน่ซาร่าห์ แต่การจะลากคอใครเข้าคุก มันต้องมีหลักฐานมัดตัวเสียก่อน แล้วผมก็ไม่คิดด้วยว่าทางนั้นจะโง่ ยอมปล่อยให้หางโผล่ให้ทางเราหรือตำรวจเห็นง่ายๆ โลแกนอายุมากกว่าผมหลายปี เขาเส้นใหญ่ มีอิทธิพลเอาเรื่อง และมีทีมนักกฎหมายกับผู้ช่วยที่เก่งฉกาจมาก

                “แสดงว่าพี่เขยของฉันจะตายเปล่าและพี่สาวของฉันก็จะหายไปเหมือนไม่มีตัวตนบนโลกนี้น่ะเหรอคะ ฉันคิดว่าอเมริกาจะดีกว่าเมืองไทยเสียอีก” ตาดำขลับวาววับอย่างคนไม่ยอมคน

                “ช่วงนี้เราคงต้องแกล้งทำเฉยและปล่อยให้ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของตำรวจ เพราะพวกมันคงระวังตัวแจ ผมอยากให้พวกมันชะล่าใจ คิดว่าเรากับตำรวจและเอฟบีไอหาเบาะแสอะไรไม่ได้ แล้วเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง นั่นแหละจะเป็นโอกาสเหมาะที่เราจะเดินหมาก”

                “รวมถึงเรื่องพี่สาวของฉันด้วยเหรอคะ คุณรู้ไหมว่าฉันยังไม่กล้าโทร. กลับไปเล่าให้ที่บ้านฟังเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจและพี่จันทร์” น้ำใสๆ ไหลลงอาบแก้มขาวผ่องอีกครั้ง การหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของศศินารา จะว่าไปก็ชวนให้อกสั่นขวัญแขวนไม่แพ้การตายของเจสัน เพราะไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า แล้วหากยังหายใจอยู่จะถูกทรมานหรือทำร้ายร่างกายไหม เพียงแค่คิดว่าเวลานี้พี่สาวอาจกำลังกรีดร้องขอความช่วยเหลือและถูกเหยียบย่ำขืนใจ เธอก็เจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจแล้ว

“พรุ่งนี้ค่อยบอกพวกเขาก็ได้ ผมคิดว่าตอนนี้คุณควรพยายามข่มตาให้หลับ ไม่งั้นพรุ่งนี้จะไม่มีแรงดูแลอลิซนะ”

                “เกิดเรื่องขนาดนี้ ฉันนอนไม่หลับหรอกค่ะ” ศราวณะเอ่ยเสียงเครือ ก่อนฝืนยิ้มอ่อนให้ลูกน้องสองคนของเขาที่เธอจำหนึ่งในสองได้เพราะเพิ่งเจอเมื่อช่วงบ่าย

                “จิบไวน์อาจจะช่วยได้” พอลแนะนำด้วยความห่วงหาอาทร

                “ฉันดื่มไปสองแก้วกับคุณไปเปอร์แล้วค่ะ” คนพูดบุ้ยใบ้ไปทางเคาน์เตอร์กลางห้องครัวที่มีขวดไวน์กับแก้วสองใบวางอยู่ 

                “เอายานอนหลับไหมครับมิส” ซามูเอลเสนอทางเลือกใหม่อย่างสุภาพ เขาเห็นสาวไทยมีทีท่ากังขา แต่เมื่อนายหนุ่มพยักหน้าในเชิงอนุญาตก็ล้วงกระปุกใส่ยานอนหลับเล็กๆ ออกจากกระเป๋าด้านในเสื้อสูทมาเปิดฝาแล้วส่งให้

                “มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิดหรอกซาร่าห์ แค่ช่วยให้คุณหลับเท่านั้น” พอลกล่าวเมื่อหยิบยาเม็ดเล็กๆ มายื่นให้

                “หลานของฉัน...”

                “พวกผมกับไปเปอร์จะดูแลอลิซให้เอง คุณไม่ต้องห่วง” เขาสำทับพร้อมกับหยิบแก้วน้ำจากมือคนขับรถมาให้

                ศราวณะสบตาคมอย่างชั่งใจ สุดท้ายก็ยอมรับทั้งยากับแก้วน้ำจากมือเขา ถึงเธอจะอยากถอยห่างพอลเพียงใด แต่นาทีนี้เขาคือที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียวสำหรับเธอกับหลาน 

                ชายหนุ่มปิดการสนทนาและหยิบรีโมตโทรทัศน์มาเปิดสารคดีสัตว์โลก ทำทีเป็นให้ความสนใจกับมันประหนึ่งเป็นหนุ่มรักสัตว์ จนกระทั่งคนที่นั่งคอตั้งหลังตรงตอนแรกผล็อยหลับจึงหันไปอมยิ้มเจ้าเล่ห์กับซามูเอล เขารอจนกระทั่งไปเปอร์ลงมาชั้นล่าง จึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้มลงช้อนร่างอ่อนปวกเปียกของคนหลับขึ้นสู่วงแขน แล้วพยักพเยิดให้อีกฝ่ายนำทางขึ้นชั้นบน

                “เธอนอนกับซาร่าห์นี่แหละ ฉันให้เขากินยานอนหลับ น่าจะนอนยาวถึงเช้า ถ้าอลิซร้องกลางดึก ช่วยดูแทนหน่อยก็แล้วกัน”

                “ค่ะ แต่พรุ่งนี้ฉันคงต้องเข้างานเลตนะคะ เพราะต้องกลับไปเอาชุดที่คฤหาสน์”

                “พรุ่งนี้เธอไม่ต้องทำงาน อยู่เป็นเพื่อนซาร่าห์ก็พอ”

                “หูย... ซาร่าห์ช่างเป็นเทพธิดาลงมาโปรดฉันจริง” ไปเปอร์ทำตาชวนฝัน กระวีกระวาดดึงผ้าห่มกับผ้าคลุมเตียงออกให้เจ้านายวางคนหลับลง

“มิส!” ตาคมดุตวัดมองคนฟังอย่างจริงจัง

                “ค่ะ มิส!” หญิงสาวทำคอย่นเมื่อรู้ตัวว่าก้าวล้ำความเป็นกันเองที่อีกฝ่ายอนญาต “คุณจะจูบราตรีสวัสดิ์มิสก็ได้นะคะ ฉันสัญญาว่าจะไม่พูดอะไร”

                พอลทั้งหมั่นไส้ทั้งเอ็นดูในคำแนะนำของลูกน้องสาวที่หมุนตัวยืนหันหลังให้เขากับคนหลับอย่างรู้งาน แม้จะไม่คิดล่วงเกินศราวณะในคราแรก แต่พอไปเปอร์พูด ปีศาจในกายก็ร้องแรกแหกกระเชอให้ทำตาม

                ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลหลุบลงมองใบหน้าอ่อนเยาว์ของสาวที่ซุกอยู่ในหัวใจมาหลายปี เธอคือ ‘รักแรกพบ’ ที่ในชีวิตเขาไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัส ในอดีตเคยหัวเราะเยาะอย่างไร้ศรัทธาในคำคำนั้นด้วยซ้ำไป หลายสิ่งหลายอย่างพยายามบอกเขาตั้งแต่เจอกันว่าศราวณะไม่ใช่ของเขา แต่ใจเขามันกลับดื้อแพ่งมาตลอด การหลับนอนกับดาราและนักร้องฮอลลีวูด สาวสวยไฮโซ หรือแม้กระทั่งสาวเชื้อสายเอเชียที่สั่งให้มือขวาหามาให้ ไม่ได้ช่วยให้เขาลืมเลือนสาวน้อยคนนี้จากใจ มันคล้ายกับเธอได้ฝังรากแก้วที่ไม่มีวันตายลงกลางหัวใจเขา

                ครั้งแรกที่เจอกัน เขาคิดว่าศราวณะสวยน่ารัก มีรอยยิ้มหวานจับใจ เสียงของเธอไพเราะดั่งเสียงของระฆังแห่งมหาวิหารเซนต์แพททริคในนิวยอร์กซิตี วันนี้เธอสวยสะพรั่ง เหมือนกุหลาบที่เบ่งบานเต็มที่ และส่งกลิ่นหอมหวาน ยั่วยวนให้ภมรอย่างเขาคลั่งไคล้

“ฝันดีนะซาร่าห์” พอลก้มลงกระซิบเบาแสนเบา แล้วกดริมฝีปากลงบนเรียวปากสีชมพูระเรื่อเนิ่นนานเหมือนไม่อยากผละออก นานเหลือเกินที่เขาคิดถึงริมฝีปากนี้ คิดถึงและจินตนาการทุกครั้งที่หลับนอนกับคนอื่นว่ากำลังจูบเธอ แต่ไม่มีปากของใครให้ความรู้สึกลึกซึ้งอ่อนหวานเท่าปากรูปกระจับนี้

                เขาเคยพยายามไม่ใส่ใจสาวน้อยศราวณะตอนที่รู้ว่าเธอมีแฟน แล้วแฟนก็หึงหวงมากตั้งแต่เห็นหน้าเขา ไม่เคยถือโทษโกรธหมอนั่น เพราะยอมรับว่าคิดไม่ซื่อจริง พอเห็นอธิปทำตัวเป็นเงาตามตัวของเธอตลอดงานแต่งงานของศศินารากับเจสัน ก็ยิ่งรู้สึกหึงหวง หึงทั้งที่ไม่มีสิทธิ์ เขาได้แต่มองทั้งคู่อยู่ห่างๆ แสร้งใจกล้าหน้าด้านขอเธอเต้นรำเพราะหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ และเมื่อคนเป็นแฟนมาขอทวงสิทธิ์คืน ก็ได้แต่กินเหล้าย้อมใจ เฝ้ารอกระทั่งศราวณะออกไปเดินเล่นข้างนอก จึงตามออกไปปล้นจูบอย่างจาบจ้วง

                ผลของการจูบแฟนคนอื่นคือหมัดลุ่นๆ กระแทกเข้าที่หน้าสองครั้ง ก่อนที่เขาจะหยุดการประทุษร้ายด้วยการถีบหนุ่มไทยกระเด็นออกห่าง แต่ยังไม่ทันจะได้เอาคืนมากกว่านั้น ศราวณะก็หวีดร้องสั่งให้ทั้งเขากับอธิปหยุด เธอชี้นิ้วสั่งให้เขาออกไปจากที่นั่นทั้งน้ำตา ก่อนจะลากแฟนไปอีกทาง ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของไทยมุงหลายชีวิต 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น