ตอนที่ 6
วาระว่าที่ฯ
ศราวณะสงบปากสงบคำตั้งแต่กลับมาจากห้องน้ำ แม้ไม่เห็นคราบน้ำตา แต่จมูกกับตาแดงก่ำก็บอกชายหนุ่มได้เป็นอย่างดีว่าเธอหนีไปร้องไห้มา แชมเปญแก้วนั้นถูกเธอจัดการหมดภายในครั้งเดียว พอเขาอุทิศแก้วของตัวเองให้ เธอก็ยกซดหมดแก้วภายในเวลาไม่ถึงนาที
“วันหลังคุณไม่จำเป็นต้องหนีไปร้องไห้คนเดียวในห้องน้ำนะซาร่าห์ อกผมยังว่าง ไหล่ผมยังพร้อมให้คุณพักพิงเสมอ” ชายหนุ่มพึมพำพลางวาดมือมาโอบต้นแขนเนียนนุ่ม รั้งให้คนฟังเอนซบ ไม่แคร์ว่าสองผัวเมียที่นั่งห่างออกไปราวสิบเมตรยังมองมาไม่วางตา
“ฉันไม่อยากให้สองคนนั่นเห็นน้ำตาค่ะ” หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก “ทั้งที่เป็นคนสั่งการแท้ๆ แต่เขายังกล้ามาแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียของฉัน”
“เพราะหมอนั่นคือปีศาจในคราบมนุษย์ไงล่ะซาร่าห์” พอลเกยคางกับศีรษะคนฟัง “มันไม่แคร์หรอกว่าใครต้องเจ็บปวดหรือสูญเสีย มันอยากได้ใคร่ดี กระหายทุกอย่างจนหน้ามืดตามัว สนใจแค่ว่าทำอย่างไร ต้องใช้วิธีไหนถึงจะได้สิ่งที่ต้องการเร็วที่สุด มันทำทุกวิถีทางเพื่อก้าวขึ้นสู่ที่สูง เหยียบหัวคนอื่นเพื่อกอบโกยอำนาจ ชื่อเสียง เงินทอง”
“อำนาจ ชื่อเสียง เงินทอง มีแล้วจะมีความหมายอะไร ถ้ามันได้มาจากการเหยียบย่ำทำร้ายผู้อื่น ฉันเกลียดคนประเภทนี้ที่สุดค่ะ” มือบางขยุ้มชายเสื้อเบลเซอร์ของเขาระบายความแค้นใจ “เกลียด...อยากเห็นมันตายลงตรงหน้า ให้สาสมกับสิ่งที่มันทำกับเจและพี่ของฉัน”
“ชู่ ผมสัญญาว่ามันจะต้องชดใช้ให้พี่สาวกับพี่เขยของคุณแน่ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย สิ่งที่เราทำได้คืออยู่รอดูวันที่มันต้องชดใช้กรรม และทำให้เห็นว่ามันทำลายความสุขของเราไม่ได้” ชายหนุ่มลูบหลังปลอบโยนคนที่กำลังร้องไห้เงียบๆ อยู่กับต้นคอ
“ฉันรู้ค่ะว่ากฎแห่งกรรมมีจริง รู้ด้วยว่าทุกคนจะได้รับผลแห่งกรรมดีและกรรมชั่วภายในชาตินี้ แต่เวลาเห็นคนชั่วลอยนวลอย่างมีความสุข ฉันก็อดแค้นไม่ได้” เหตุการณ์วันนี้ทำให้เธอนึกถึงหนังหลายเรื่องที่ตัวเอกลุกขึ้นมาฟาดฟันกับคนชั่ว เพราะกฎหมายและกฏแห่งกรรมทำงานช้าเกินไป
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดีคัปเค้ก แต่บางทีเราต้องควบคุมความคิดตัวเอง” นิ้วเรียวยาวสอดประสานกับนิ้วเล็กของคนฟัง แล้วยกมือนุ่มขึ้นมาพรมจูบทีละนิ้ว “อย่าปล่อยให้ความคิดฝ่ายต่ำครอบงำคุณมาก มันจะทำให้จิตกับใจของคุณมัวหมอง”
คำสอนของเขาทำเอาหญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตา “ปรัชญาชีวิตของคุณอย่างกับพวกนักบวชเลยค่ะ”
“นักปรัชญา นักบวช นักพูด นักคิด นักจิตวิทยา นักศาสนา ล้วนมาจากรากเหง้าเดียวกัน”
“แล้วนอกจากนักการเงิน คุณเป็นนักอะไรอีกคะ หรือว่าทั้งหมดที่ไล่มา” นาทีนี้เธอยอมรับว่าการคุยกับเขาช่วยเรียกสติและลดความตึงเครียด
“อืม...น่าจะเป็นนักพูด นักคิด นักจิตวิทยา” ชายหนุ่มใช้นิ้วดันปลายคางเล็กขึ้นเล็กน้อย สบตาคมหวานเปื้อนน้ำตาด้วยแววตาลึกซึ้งระคนร้อนแรง “แต่ที่แน่ๆ ผมเป็นนักรัก”
ศราวณะหลุบตาลงต่ำ ไม่กล้ากระดุกกระดิกยามใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นโคโลญหอมกรุ่น เธอใจสั่นระรัวเมื่อปากร้อนแตะลงบนหน้าผาก เปลือกตา ก่อนที่พอลจะจูบซับน้ำตาออกจากพวงแก้มทั้งสองให้อย่างนุ่มนวล แนบเนียนจนมองเผินๆ เหมือนหนุ่มสาวที่กำลังจูบกอดพลอดรักกันอย่างหวานชื่น
ปฏิกิริยาของทั้งคู่ทำเอาโลแกนมองอย่างสนอกสนใจ
“มันหลงเด็กนั่นน่าดู”
เขาไม่แปลกใจที่นักการเงินหนุ่มทำท่าเหมือนจะกลืนกินสาวน้อยหน้าหวานคนนั้นนัก เพราะเธอมีเครื่องหน้าที่สวยสะดุดตาเหลือเกิน ดวงตาดำขลับที่มองเขาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ วับวาวราวกับนิลเนื้อดี แถมหุ่นที่สูงยาวเกินมาตรฐานสาวเอเชียก็เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้ง เรียกว่าเป็นสาวเอเชียที่สวยที่สุดที่เขาเคยเห็นมาก็คงไม่ไกลจากความเป็นจริงนัก
“ยังสดใหม่ก็งี้แหละค่ะ ไม่เกินสองเดือน พอลก็คงเปลี่ยนคนอย่างที่ผ่านมา” อแมนด้ากล่าวเสียงเหยียด
ถึงเซ็กซ์กับพอลจะดุเด็ดเผ็ดมัน แต่เธอก็ไม่เสียใจที่สุดท้ายเข้าพิธีวิวาห์กับโลแกน แม้สามีของเธอจะไม่สูงมาก หล่อไม่ได้เศษเสี้ยวของอีกฝ่าย แต่เขาคลั่งไคล้...รักและบูชาเธอเหนือผู้คนทั้งปวง ไม่ว่าเธออยากได้อะไร โลแกนจะสรรหามาให้แบบไม่ต้องให้ย้ำขอ สิ่งที่เขาทำจึงชดเชยสิ่งที่ขาดได้อย่างพอเหมาะพอดี
“โชคดีเหลือเกินที่มันไม่เคยยุ่งกับคุณ” โลแกนมองภรรยาด้วยประกายตาภาคภูมิใจ
ครั้งแรกที่พบอแมนด้า เขาคิดว่าเธอเป็นสาวผมแดงทรงเสน่ห์ที่สุด เธอสวยแบบหาตัวจับยาก ฐานะทางสังคมและการศึกษาก็ไม่น้อยหน้าใครในนิวยอร์ก ดังนั้นหลังจากคบหากันเพียงสองเดือน เขาจึงไม่ลังเลที่จะคุกเข่าขอเธอแต่งงาน
“อย่าห่วงเลยค่ะยอดรัก ในสายตาของฉัน คุณหล่อเหลากว่าเขาหลายเท่า” มือขาวผ่องยื่นมาประคองใบหน้าสามี ดวงตาร้อนแรงส่งผ่านความรู้สึกไปยังดวงตาของอีกฝ่ายที่มองกลับมาในลักษณะเดียวกัน
“ในสายตาของผม คุณสวยน่าหลงใหลกว่าเทพีทุกองค์ แมนดี้” โลแกนจูบภรรยาดูดดื่มเนิ่นนาน
ศราวณะกับพอลใช้เวลาระหว่างการบินเกือบหกชั่วโมงไปกับการทำงานของตัวเอง บ่อยครั้งที่หญิงสาวเหลือบมองคนตัวโตซึ่งนั่งอยู่เบาะข้างกัน แล้วรีบหลบตาเพราะเขามักจะมองตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มยั่วเย้าเสมอ ราวกับมีสัมผัสพิเศษว่าเธอแอบมองเขาตอนไหน
โลแกนกับภรรยาขึ้นเครื่องลำเดียวกับทั้งคู่ ทว่าไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก กระทั่งเดินทางถึงลาสเวกัส แล้วรอรับกระเป๋าเดินทางที่สายพาน ทั้งคู่จึงจูงมือกันเดินเข้ามาหา
“ขอให้พวกคุณลักกี้อินเลิฟและก็ลักกี้อินเกมนะ” หนุ่มใหญ่อวยพรระหว่างที่คู่แข่งทางธุรกิจกำลังวุ่นวายโทรศัพท์ พอลเงยหน้าขึ้นมอง ขยิบตาพร้อมกับส่งยิ้มกว้าง
“ดูเหมือนคำอวยพรของคุณจะเป็นจริงนะโลแกน ผมเพิ่งได้รับข่าวดีสดๆ ร้อนๆ จากผู้ช่วยว่าเพิ่งชนะการประมูล” มือหนาโอบไหล่คนข้างกาย กดริมฝีปากลงบนขมับเธออย่างรักใคร่ “คืนนี้เปิดแชมเปญสักสองขวดฉลองกันนะ เลดี้ลัค”
“ยินดีกับชัยชนะของคุณด้วยนะคะ” อแมนด้ากอดแขนสามี เปรยเสียงหวานพร้อมโปรยยิ้มพิมพ์ใจ “กระเป๋ามาโน่นแล้ว ไปเถอะค่ะที่รัก”
พอลเหยียดยิ้มหยันเมื่อเห็นคู่อริเสียศูนย์ถึงขนาดต้องให้ภรรยาจูงกึ่งลาก ทริปนี้โลแกนคงหมดสนุกตั้งแต่ยังไม่ถึงห้องพัก ผิดกับเขาที่โชคเข้าข้างตั้งแต่เหยียบย่างมาถึงลาสเวกัส
“ทุกอย่างโอเคนะครับ” ซามูเอลถามเมื่อเข็นรถใส่กระเป๋าเดินทางมาหยุดอยู่ด้านหลัง
“มันยิ่งกว่าโอเคอีกแซม เราชนะประมูลแล้ว ไอ้จิ้งจอกนั่นโกรธจนเก็บอาการไม่อยู่เชียวละ ฉันลุ้นแทบแย่ว่าเส้นเลือดในสมองของมันจะแตกหรือเปล่า” นักการเงินหนุ่มหัวเราะหึๆ
แม้จะตลบหลังอีกฝ่ายด้วยการยื่นซองประมูลสองซอง แต่เขากับไคลน์ก็ลุ้นจนหืดขึ้นคอ เพราะกลัวฝ่ายตรงข้ามจะมีแผนสำรอง ทว่าโลแกนกับโดมินิกชะล่าใจเกินไป สองคนนั่นยังคิดจะเอาชนะเขาด้วยเกมเดิม เพียงแต่คราวนี้เลือกประมูลสูงกว่าด้วยหนึ่งนิกเกิล
ยกนี้เขาชนะ แต่ยกต่อๆ ไปก็ประมาทไม่ได้อยู่ดี
“คุณคิดว่าอแมนด้ารู้เรื่องการกระทำชั่วๆ ของเขาไหมคะ” ศราวณะเหลือบมองสาวผมแดงเป็นครั้งสุดท้าย
“ผมไม่แน่ใจ แต่ถ้าไม่รู้ก็ถือว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารมาก”
“ค่ะ แต่งงานกับคนผิด คิดจนตัวตาย”
คนฟังฉีกยิ้มกว้าง “แต่งกับผม คุณจะสุขบรมไปจนตาย”
“สุขบรมหรือโดนโทรมจนตายกันแน่” หญิงสาวตอบเขาไปแบบนั้น แต่มันเป็นการตอบด้วยภาษาไทย เพราะขืนแปลเป็นอังกฤษ เขาคงแก้ลำด้วยคำที่ทำให้เธอหน้าม้านด้วยความอายระคนเก้อเขิน
“พูดภาษาอังกฤษ ซาร่าห์” ตาคมหรี่มองอย่างไม่วางใจ
“เสียใจค่ะ ประโยคนี้ฉันคิดภาษาอังกฤษไม่ออก” เธอลอยหน้าลอยตา แจกยิ้มยียวนกวนประสาทให้คนตัวใหญ่ขณะเดินเคียงเขาตามหลังบอดีการ์ดไปยังประตูทางออก
เมื่อถึงโถงต้อนรับ คนขับรถที่มารออยู่ก็กุลีกุจอช่วยซามูเอลยกกระเป๋าขึ้นรถลีมูซีนคันยาวสีดำ ก้าวขึ้นไปนั่งตอนหลังปุ๊บ เธอก็เห็นขวดแชมเปญแช่ถังน้ำแข็งพร้อมแก้วทรงสูงแชมเปญสองใบปั๊บ แล้วคนที่ก้าวตามขึ้นมาก็เปิดเครื่องดื่มราคาแพงทันทีที่รถเคลื่อนตัว
“คุณทำอย่างนี้ประจำเหรอคะ”
“หมายถึง?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย
“ก็พาสาวๆ บินมาเที่ยว นั่งลีโม และก็เปิดแชมเปญบริการอย่างนี้” หญิงสาวถามแบบไม่อ้อมค้อม ระหว่างที่รับแก้วแชมเปญจากมือคนฟัง
“ก็เป็นบางครั้ง ผมไม่ค่อยมีเวลาว่างพาสาวๆ เที่ยวนักหรอก ปกติมีแต่สั่งให้พวกเธอไปหาที่เพนต์เฮาส์” พอลชนแก้วเครื่องดื่มของตัวเองกับของเธอ
“อ้อ!” คำว่า ‘I see’ เป็นภาษาอังกฤษที่หลุดจากปากอิ่ม ทำเอาเขาหรี่ตาลงเชิงค้นคว้า หรือจับผิด เธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
“คุณกำลังไม่พอใจเรื่องที่มีสาวๆ ไปหาผมที่เพนต์เฮาส์หรือเปล่าก๊อดเดส” ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเบาะ เหยียดยิ้มคล้ายกำลังพอใจกับปฏิกิริยาของว่าที่ภรรยา
“ฉันไม่ใช่ก๊อดเดส!” ศราวณะถลึงตาใส่คนหลงตัวเอง แค่ปล่อยให้เขากอดหอมต่อหน้าโลแกนกับภรรยา มันก็มากพอแล้ว เธอไม่คิดจะหาเหาใส่หัวตัวเองให้คันกะโหลกอีกหรอก เพียงแค่รู้สึกสะอิดสะเอียนกับพฤติกรรมเรียกใช้บริการสาวๆ ราวกับหนุ่มไทยที่โทร. เรียกสาวไซด์ไลน์ หรือพวกบ้านเล็กบ้านน้อยที่เลี้ยงไว้เท่านั้นเอง
“แล้วฉันก็ไม่แคร์ด้วยว่าคุณจะเรียกผู้หญิงกี่ร้อยคนไปบำรุงบำเรอความสุขที่เพนต์เฮาส์ เพราะมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉัน หน้าที่ของฉันมีเพียงอย่างเดียวคือเลี้ยงอลิซค่ะ”
“ถึงแม้ผมจะโปรดปรานกามกีฬา แต่ก็ไม่ได้มั่วขนาดที่คุณคิดหรอกซาร่าห์” นักการเงินหนุ่มตอบเสียงยานคาง แล้วกระดกแชมเปญที่เหลือขึ้นดื่มจนหมด “ผมเลือกผู้หญิงที่จะขึ้นเตียงด้วยเสมอ และที่ผ่านมาผมก็เพิ่งนอนกับผู้หญิงแค่ 48 คนเท่านั้น”
“สี่สิบแปดคน!” หญิงสาวอุทานลั่น เบ้าตาแทบถลนกับตัวเลขดังกล่าว เขาเลือกใช้คำพูดได้ผิดมหันต์เชียวละ ที่ถูกต้องคือเขานอนกับผู้หญิงมาแล้ว ‘ตั้ง’ สี่สิบแปดคนต่างหาก สมควรขึ้นแท่นรับตำแหน่ง ‘ชายงามเมืองแห่งมหานครนิวยอร์ก’ เสียเหลือเกิน
ยิ่งคิดก็ยิ่งขนลุกซู่ นี่เธอหลุดเข้ามาอยู่ในซีรีส์เซ็กซ์แอนด์เดอะซิตีหรือเปล่าเนี่ย
“อย่าห่วงเลย ผมไม่เคยประมาท ป้องกันทุกครั้ง ตรวจสุขภาพทุกหกเดือน” พอลเล่าหวังให้เธอคลายความกังวล
“โชคดีจริงๆ ค่ะที่คุณเกิดเป็นผู้ชาย” ถ้าเป็นผู้หญิงคงต้องทำรีแพร์หลายรอบแล้วมั้งเนี่ย คิดแล้วก็สยองจนผดเล็กๆ ผุดขึ้นตามท่อนแขนของเธอ
“ผมก็คิดว่าตัวเองโชคดีมาก” ดวงตาคู่คมจ้องคนฟังอย่างมีความหมาย วันนี้ศราวณะแต่งตัวในชุดไปรเวต สวมกางเกงสแล็กส์ทรงทันสมัยกับเบลเซอร์โทนสีน้ำตาลอ่อน เสื้อตัวในเป็นสีขาว สวมรองเท้าส้นเข็มปลายแหลมสีน้ำตาล ดูสวยเฉี่ยวและหรูดูแพง สมกับที่เขาทุ่มเงินไปกับการเปลี่ยนลุคเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า และเครื่องประดับนับแสนเหรียญ
ศราวณะฟังคำตอบแล้วถึงกับเผลอค้อน นี่เขาไม่เข้าใจจริงๆ เหรอว่าเธอแค่พูดประชดประชัน เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นสาวโชคร้ายที่สุดในปฐพี เนื่องจากต้องมาอยู่ใกล้หนุ่มที่ข้างนอกสุกใสแต่ข้างในเป็นโพรง ไม่ใช่โพรงธรรมดา เขาคือโพรงที่น่ากลัวว่าจะเต็มไปด้วยเชื้อโรค!
ลีมูซีนคันยาวพาเธอกับเขามาถึงที่พักสุดหรูซึ่งพอลขยายความให้ฟังแบบคร่าวๆ ว่า เป็นที่พักสำหรับแขกวีไอพีที่อยากอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติและต้องการความเป็นส่วนตัวสูงสุดของไวส์โฮเต็ล โรงแรมห้าดาวที่มีทั้งกาสิโน แหล่งชอปปิง สถานบันเทิงเริงรมย์แบบครบวงจร ทั้งบาร์ ร้านอาหาร และไนต์คลับ ซึ่งน้องชายของเขาเป็นเจ้าของ
“เราจะได้เจอคุณแพ็กซ์ไหมคะ” ดวงตาคู่งามเป็นประกายเมื่อเอ่ยชื่อแพ็กซ์ หรือแพ็กซ์ตัน ซึ่งนอกจากจะเป็นเจ้าของไวส์โฮเต็ลแล้ว ยังเป็นดาราฮอลลีวูดชื่อดังที่เล่นหนังเรื่องใดเป็นต้องทำรายได้ถล่มทลาย ฝีไม้ลายมือการแสดงของแพ็กซ์ตันเป็นที่ยอมรับของผู้ชมและคนในวงการบันเทิง เพราะกวาดโกลเด้นโกลบอะวอร์ดและออสการ์มาหลายรางวัล ไม่ว่าจะเล่นหนังแอกชัน โรแมนติกคอเมดี สืบสวนสอบสวน พีเรียด หรือดรามา แพ็กซ์ตันล้วนตีบทแตกกระจุย เป็นหนึ่งในดาราเพียงไม่กี่คนที่ศราวณะคิดว่าเล่นได้ดีทุกบท
“คุณอยากเจอไอ้ตัวแสบขนาดนั้นเลยเรอะ” พอลเริ่มไม่สบอารมณ์ เขานั่งอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่เธอกลับไม่เคยมอง แล้วแววตาวิบวับแบบนั้น...ในขณะที่ไอ้น้องชายตัวแสบ ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไร แต่เธอกลับทำท่าเหมือนหลงใหลได้ปลื้มแบบสุดๆ
ยิ่งคิดก็ยิ่งหึง ยิ่งหึงก็ยิ่งพาล ยกเลิกนัดดินเนอร์กับไอ้แพ็กซ์คืนพรุ่งนี้เสียดีไหม
“แหมคุณ เขาเป็นดาราฮอลลีวูดที่ดังและก็ฮอตสุดๆ ของยุคนี้นะคะ ถ้าฉันบอกว่าไม่ตื่นเต้นไม่อยากเจอ ก็คงจะเป็นการโกหกคำโต ถ้าฉันได้ถ่ายรูปคู่ ได้ลายเซ็นของคุณแพ็กซ์ละก็ ฉันจะเอาไปใส่กรอบแขวนไว้บนผนังห้องนอน” ศราวณะยืดอกรับด้วยแววตาชวนฝัน
“ผมไม่อนุญาต!” นักการเงินหนุ่มตวาดเสียจนคนขับรถที่เพิ่งเปิดประตูให้ถึงกับทำหน้าเลิ่กลั่ก รีบถอยออกไปยืนตัวลีบอยู่หลังซามูเอล
“คุณพักอยู่ในคฤหาสน์ของผม ถ้าจะแขวนรูปผู้ชายสักคนไว้ในห้องนอนก็ต้องเป็นรูปผมเท่านั้น”
“ถ้ามีรูปคุณในห้องนอน ฉันคงนอนผวาทุกคืนค่ะ ฮึ่ย!” หญิงสาวสวนกลับก่อนก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าเซ็งจัด ยิ่งเห็นบอดีการ์ดหน้าเข้มยืนยิ้มเหมือนเห็นว่าการทุ่มเถียงระหว่างเธอกับเจ้านายเป็นเรื่องตลก เธอก็ยิ่งพาลถึงขนาดกล้าตวัดสายตาเขียวปั้ดใส่เขา
พอลไม่ถือสากับท่าทางปั้นปึ่งกึ่งแง่งอนของอีกฝ่าย เขาก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าเรียบเฉย ผายมือเชิญให้เธอตามหลังพนักงานเข้าไปในที่พักแบบวิลลาซึ่งมีรั้วรอบขอบชิด
เพียงก้าวเข้าสู่ด้านใน ศราวณะก็รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในพระราชวังของกษัตริย์ทางยุโรป การตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นบ่งบอกถึงรสนิยมอันเลิศหรูของผู้เป็นเจ้าของและนักออกแบบตกแต่งภายใน ถ้าพอลบอกว่าเขาเป็นคนเสนอไอเดียและเลือกเฟอร์นิเจอร์ของที่นี่เองทุกชิ้น เธอก็คงไม่แปลกใจเลยแม้สักกระผีก เนื่องจากว่าที่สามีติดหรูเสียเหลือเกิน
วิลลาหลังนี้มี สองห้องนอน สามห้องน้ำ โถงใหญ่ตรงกลางเป็นทั้งห้องนั่งเล่น ห้องดนตรีและห้องรับประทานอาหาร ผนังด้านหลังทั้งหมดเป็นประตูเลื่อนติดกระจก มองออกไปจะเป็นวิวพาโนรามาของสระว่ายน้ำส่วนตัว สวนหย่อมที่ดารดาษด้วยแมกไม้หลากสี มีต้นปาล์มให้ร่มเงา และมีชุดเก้าอี้หวายสองเซตอยู่หน้าเตาผิง
“ถูกใจหรือเปล่า” พอลกล่าวทำลายความเงียบหลังจากพนักงานกลับไป
“ฉันเป็นคนเรื่องง่าย แค่มีเตียงนอน มีห้องน้ำในตัว ไม่มีแมลงสาบวิ่งพล่าน พักที่ไหนก็ถูกใจทั้งนั้นแหละค่ะ ฉันขอนอนห้องเล็กนะคะ เตียงนอนห้องมาสเตอร์กว้างมาก คุณกับแซมจะได้นอนกันสบายๆ”
คำพูดนั้นส่งผลให้คนฟังนิ่วหน้า ส่วนซามูเอลรีบเสออกไปเดินเล่นที่สวนด้านหลัง พอเดินไปหยุดอยู่ข้างน้ำตกจำลอง เมื่อนึกถึงสีหน้าบอกบุญไม่รับของเจ้านายสุดหล่อ บอดีการ์ดหนุ่มก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้น
คิดแล้วก็สงสารพอลชะมัด เพราะตั้งแต่ทำงานกับนายจ้างมา เขาเพิ่งเคยเห็นผู้หญิงที่หนีการขึ้นเตียงกับสุดหล่อแบบสุดฤทธิ์สุดเดชก็คราวนี้ละ ไม่รู้เจ้านายของเขาจะแก้เกมอย่างไร เพราะเหตุผลหลักที่เจาะจงจะพักวิลลาแบบสองห้องนอน คืออยากร่วมเตียงเคียงหมอนกับว่าที่เจ้าสาว
“ถ้าคุณนอนห้องเล็ก หมอนั่นก็ต้องอาศัยโซฟานอน เพราะผมไม่นอนร่วมเตียงกับบอดีการ์ดแน่” โซฟาหลุยส์ตัวที่เขานั่งสั้นเกินกว่าช่วงขาของซามูเอลเป็นฟุต เธอจะใจร้ายใจดำกับคนในปกครองก็ให้มันรู้ไป
“โอเค ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” การยอมรับของเธอทำเอาคนแผนสูงยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นก็เหือดหายเมื่อประโยคถัดมาดังขึ้น “คุณนอนห้องใหญ่ ส่วนแซมนอนห้องเล็ก ฉันจะนอนโซฟาเอง”
“อย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก ซาร่าห์ พรุ่งนี้เราสองคนก็แต่งงานกันแล้ว” ชายหนุ่มปรามเสียงเข้ม
“คนเรื่องยากคือคุณค่ะ มิสเตอร์ไวส์แมน ไม่ใช่ฉัน! ในข้อตกลงก็ระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแล้วว่าเราจะไม่มีอะไรกันและคุณก็จะไม่ฝืนใจฉัน” เธอมั่นใจว่าเป็นคนเรื่องง่าย คนในครอบครัวและผองเพื่อนต่างการันตีว่าเธอเป็นผู้หญิงง่ายๆ กินง่าย อยู่ง่าย คุยง่าย เข้าใจง่าย เรื่องเดียวที่เธอไม่เคยง่าย คือการหลับนอนกับผู้ชาย ยิ่งผู้ชายที่การันตีความหื่นของตัวเองด้วยการนอนกับผู้หญิงมาแล้วถึงสี่สิบแปดคนอย่างเขา เธอยิ่งต้องระวังตัว
“ไม่ต้องห่วงหรอกว่านอนเตียงเดียวกันแล้วผมจะปล้ำคุณ ผมไม่เคยคิดจะมีเซ็กซ์กับคนที่ไม่เต็มใจ เพราะถึงมีไปมันก็ไม่สนุก เอาเป็นว่าเรานอนห้องนอนใหญ่ด้วยกัน แล้วถ้าเกิดจู่ๆ ผมอยากมีเซ็กซ์ขึ้นมา ผมจะขึ้นไปล่าสาวๆ ในกาสิโนหรือไนต์คลับมานอนด้วยเอง โอเค้”
แววจริงจังแสนเข้มข้นในแววตาของเขาทำเอาศราวณะจ้องตอบเพียงไม่กี่วินาทีก่อนเมินหลบ มาอีหรอบนี้เธอจะมีปัญญาเซย์โนได้อย่างไร
“ได้ค่ะ ขออย่างเดียว ถ้าคุณจะไปหิ้วสาวๆ ก็กรุณาเปิดห้องใหม่หรือไม่ก็ไปห้องหล่อน ฉันไม่อยากเห็น ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น” แค่คิดก็ขนลุก ถ้าต้องเห็นแบบจะจะ มีหวังเธอขวัญผวาไปตลอดชีวิต
“ไม่มีปัญหา ผมก็ไม่เคยคิดจะพามานอนห้องเดียวกับคุณอยู่แล้ว รู้ว่าอย่างไรคุณก็คงไม่สนใจจะร่วมทรีซั่ม” นัยน์ตาเฉียบไหวระริกล้อเลียนคนฟังซึ่งหน้าแดงเถือกขึ้นมาทันทีทันใด
มันแย่ชะมัดที่ศราวณะคิดว่าเขาเป็นพวกขาดเซ็กซ์ไม่ได้ เธอไม่สังเกตเอาเสียเลยว่าตั้งแต่อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน เขาก็กลับมานอนคฤหาสน์ทุกคืน บางวันงานยุ่งมากเสียจนคนสนิทกับบอดีการ์ดแนะนำให้พักที่เพนต์เฮาส์ แต่เขาก็ตะบี้ตะบันที่จะกลับคฤหาสน์ เพราะกลัวศราวณะจะคิดว่าไปนอนกับคนอื่น
“ถูกค่ะ ฉันชอบแบบวันออนวัน ไม่นิยมเซ็กซ์แบบโรคจิตวิตถาร” หญิงสาวดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้หลุยส์สีครีมอ่อน เขาหน้านิ่งมากเวลาพูดเรื่องทรีซั่ม แสดงว่าเคยทำมาแล้วใช่มั้ย อี๊…นอกจากมั่วแล้วยังพิสดารอีก คิดแล้วขนลุก
“ผมไม่คิดว่าพวกที่ชอบทรีซั่ม โฟร์ซั่ม หรือสวิงจะเป็นคนโรคจิตอย่างที่คุณว่าหรอกนะ ก๊อดเดส เขาเรียกว่าความชอบส่วนตัวมากกว่า อีกอย่าง…การนอนกับผู้หญิงสองคนในเวลาเดียวกัน ก็คือความใฝ่ฝันสูงสุดของผู้ชายแท้ๆ ทั้งนั้น ไม่เชื่อคุณลองถามแซม หรือหนุ่มๆ ที่คฤหาสน์ดูก็ได้” ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลเจิดจ้ากว่าทุกครั้ง
“ไม่ละค่ะ มันไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าสนใจใคร่รู้สำหรับฉัน คุณคงไม่ว่าถ้าฉันจะขอตัวไปทำงานต่อหรอกใช่ไหมคะ”
“ไปหาอะไรทานกันก่อนค่อยกลับมาทำได้ไหม ที่นี่เพิ่งเที่ยงตรง ช้ากว่านิวยอร์กสามชั่วโมง คุณยังมีเวลาทำงานอีกหลายชั่วโมงกว่าจะมืด” น้ำเสียงของเขาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“สั่งมาทานที่นี่ได้ไหมคะ แล้วเย็นนี้ค่อยออกไปทานข้างนอกแทน คือฉันอยากเร่งตรวจงานให้เสร็จค่ะ เอ่อ…หรือถ้าคุณกับแซมอยากออกไปข้างนอก ฉันโทร. ไปสั่งมาทานที่นี่เองก็ได้ ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ” รอยยิ้มอ่อนหวานช่วยยืนยัน หวังให้เขาคลายกังวลว่าเธอดูแลตัวเองได้
“ถ้าคุณไม่ไป ผมก็ไม่ไป งั้นก็รีบไปทำงานต่อเถอะ อาหารมาถึงแล้วผมจะเรียกเอง”
“ค่ะ” ศราวณะพูดจบก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนใหญ่ เปิดผ้าม่านกับประตูเลื่อนออกสู่ระเบียงด้านหลัง และนั่งทำงานที่ชุดเก้าอี้หวายภายใต้บรรยากาศร่มรื่นของไม้ดอกไม้ประดับ เธอนั่งทำงานอยู่นานเกือบชั่วโมง พอลถึงมาตามให้ไปรับประทานอาหาร
เป็นครั้งแรกที่ซามูเอลร่วมโต๊ะกับเขาและเธอ แม้จะสงบปากสงบคำอย่างที่เธอคุ้นเคย แต่ก็ทำให้บรรยากาศไม่อึดอัดเหมือนเวลาร่วมโต๊ะกับพอลสองคน
หลังจัดการอาหารเสร็จ หญิงสาวก็ขอตัวกลับไปทำงานที่ค้างต่อเพราะอยากเร่งให้เสร็จ เงยหน้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้งเมื่อหางตาเห็นการเคลื่อนไหวอยู่บริเวณสระว่ายน้ำ ห่างจากจุดที่นั่งอยู่เพียงสิบกว่าเมตร ภาพของ พอล ไวส์แมน สวมกางเกงว่ายน้ำแบบบ็อกเซอร์แนบสะโพกแคบ อวดเรือนร่างแน่นเปรี๊ยะด้วยมัดกล้ามราวกับมีพลังอำนาจดึงดูดให้ศราวณะจ้องตาไม่กะพริบ
ร่างสูงใหญ่ของพอลเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีทอง ยามแสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องมากระทบผิวสีแทนนิดๆ ของเขา ผู้ชายคนนี้ซ่อนรูปอย่างเหลือร้าย เพราะภายใต้เสื้อผ้าราคาแพงที่เธอเห็นอยู่เป็นนิตย์ เขาดูสูงเพรียวเหมือนพวกนายแบบที่ดูดีเวลาสวมใส่ชุดสูท แต่พอถอดเสื้อผ้าออก กลับผอมจนดูไม่ดี แต่ที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าขณะนี้ ว่าที่สามีอกผาย ไหล่ผึ่ง ต้นแขนมีกล้ามเป็นมัดๆ ทว่าไม่ได้ใหญ่น่าเกลียดน่ากลัวเหมือนของนักเพาะกล้าม และตำแหน่งที่มองแล้วรู้สึกว่าต่อมผลิตน้ำลายทำงานหนัก ก็คือซิกซ์แพ็กแบบเน้นๆ เห็นลอนคลื่นเรียงตัวกันเป็นลูกระนาดอย่างสวยงามราวกับประติมากรรมชิ้นเอกของโลก
ลมปราณที่แตกฉานซ่านเซ็นของบรรณาธิการสาวกลับมาอีกครั้ง เมื่อพอลกระโดดลงสระด้วยมาดของนักกีฬาว่ายน้ำโอลิมปิก เขาเลือกว่ายน้ำด้วยท่าผีเสื้อ คนที่เคยเรียนว่ายน้ำมาอย่างเธอรู้ดีว่าเป็นท่าที่ต้องใช้แรงมากสุด คนว่ายจะต้องมีกล้ามเนื้อไหล่ อก ลำตัว หลัง กับขาที่แข็งแรงมากๆ และพอลก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาฟิตจัดด้วยการว่ายท่านั้นไป-กลับถึงห้ารอบ ก่อนจะว่ายมาราธอนต่อด้วยท่าฟรีสไตล์อีกนับสิบรอบ
วินาทีที่พอลว่ายไปแตะขอบสระและมองมาทางเธอ หญิงสาวก็รีบลดสายตาลงที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แสร้งพิมพ์งานอย่างตั้งอกตั้งใจ ทั้งที่ใบหน้ายังเห่อร้อนแดงก่ำ
“วันนี้คุณว่ายน้ำหักโหมมากนะครับ” ซามูเอลทักด้วยประกายตาล้อเลียน ปกติเจ้านายของเขาจะว่ายน้ำออกกำลังกายที่เพนต์เฮาส์ ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของไวส์แมนทาวเวอร์ อาคารพาณิชย์ที่สูงเป็นอันดับสี่ของนิวยอร์กซิตี หนึ่งในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่กอบโกยเงินเข้ากระเป๋าของพอลปีละหลายร้อยล้านเหรียญ
“ฉันไม่ได้มีเซ็กซ์มาสองเดือนแล้วแซม ถ้าไม่รีดพลังงานออกเสียบ้าง ฉันกลัวว่าคืนนี้จะอดใจไม่ไหว” ดวงตาร้อนแรงสาดส่องไปยังว่าที่เจ้าสาวซึ่งนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างขะมักเขม้น ปกติมีแต่สาวๆ เห็นเขาลงสระแล้วรีบถอดผ้าผ่อนลงมาแจม แต่คนที่เลือกมาเป็นภรรยากลับนั่งเป็นทองไม่รู้ร้อน มันน่าเจ็บใจชะมัด!
“คุณกำลังทรมาน แต่ก็ยังอยากนอนร่วมเตียงกับมิส” ทั้งที่หากอยากหาคู่นอนชั่วคราวมาดับความงุ่นง่าน เจ้านายสุดหล่อของเขาก็สามารถทำได้ง่ายๆ
“แต่มิสของนายเฉยชากับเรื่องเซ็กซ์ยิ่งกว่าแม่ชีที่คอนแวนต์เสียอีกแซม” คนพูดรำพันราวกับเริ่มปลงตก
“มิสทำให้ผมประหลาดใจค่อนข้างมากเหมือนกันครับ ผมคิดว่าบางทีเธออาจเป็น…” บอดีการ์ดหน้าเข้มหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้นเพราะเกรงว่าพูดไปอาจจะไม่ถูกหูเจ้านาย
“อาจเป็นอะไร”
“เอ่อ…เลสเบี้ยนครับ” คนพูดหน้าเหยเกเพราะกลัวจะถูกตวาด
“โนเวย์ เป็นไปไม่ได้ ซาร่าห์เคยคบผู้ชายคนหนึ่งก่อนหน้าฉัน ถึงไอ้หมอนั่นจะหน้าตาดูไม่จืด แต่มันก็ขี้หึงมากจนต่อยหน้าตอนที่เห็นฉันจูบซาร่าห์”
“แล้วทำไมพวกเขาถึงเลิกกันครับ”
“ฉันไม่รู้ และก็ไม่คิดจะถาม ฉันแคร์แค่ว่าพรุ่งนี้ซาร่าห์จะเป็นของฉัน” …และจะไม่มีคำว่าหย่าร้างในอนาคตอย่างเด็ดขาด เพราะภายในเวลาสองปีครึ่งนี้ เขาจะทำให้ศราวณะตกหลุมรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น และเปลี่ยนใจไม่พาหลานกลับไปอยู่เมืองไทย
“ผมขออวยพรล่วงหน้าให้มิสกับคุณใจตรงกันเร็วๆ นะครับ ผมเชื่อว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนต้านทานเสน่ห์ของคุณได้ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา” ความมั่นใจสะท้อนในดวงตาของผู้พูด
พอลมองไปทางว่าที่ภรรยาแล้วถอนใจยาว “ฉันก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แซม แต่ดูโน่นสิ เขาสนใจโน้ตบุ๊กบนโต๊ะมากกว่าจะหันมาทางนี้เสียอีก”
ยิ่งพูดก็ยิ่งเซ็ง เขาอุตส่าห์อวดหุ่นสุดเพอร์เฟกต์ หวังจะเรียกความสนใจจากศราวณะ แต่เธอกลับทำเอาเขาเริ่มเสียเซลฟ์
“ใครบอกว่ามิสไม่สนครับ ตอนคุณยังไม่ลงสระ มิสมองคุณตาไม่กะพริบ แถมยังนั่งมองคุณว่ายน้ำตลอดเวลา ผมว่ามิสแกล้งทำเป็นไม่สนไม่มอง เพราะเขินมากกว่า” เห็นผู้เป็นนายทำหน้าเศร้า เขาซึ่งยืนซุ่มอารักขามาตลอดจึงเล่าความจริงให้ฟัง
“จริงเหรอ” คนถามเหวี่ยงตัวขึ้นจากสระอย่างคล่องแคล่ว “งั้นฉันขอพิสูจน์หน่อยละกัน”
“ผมขอตัวเข้าห้องนะครับ” ซามูเอลหมุนตัวเดินไปยังประตูเลื่อนที่เปิดเข้าสู่ห้องนอนส่วนตัว
พอลเดินยิ้มเข้าไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หวายติดว่าที่ภรรยา เอนกายลงนั่งอย่างสบายอารมณ์ และแกล้งโน้มไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้ทำงานแต่กำลังเปิดเว็บโซเชียลมีเดียก็เลิกคิ้วสูง
“งานเสร็จแล้วเหรอ”
“ค่ะ เพิ่งส่งให้สำนักพิมพ์เมื่อกี้นี่เอง” ศราวณะกดปิดหน้าจอทันที เพราะกลัวเขาจะละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวมากกว่านั้น
“ไม่รับงานเพิ่มได้ไหม ผมอยากให้คุณเอาเวลางานมาใส่ใจผมกับอลิซมากกว่างานนั่น” นักการเงินหนุ่มเว้าวอนทั้งน้ำเสียงและสายตา
“ปกติจันทร์ถึงศุกร์เราก็ทานข้าวและดูหนังด้วยกันทุกเย็นอยู่แล้วนี่คะ ส่วนอลิซ ฉันก็อยู่กับแกทั้งวัน หรือคุณคิดว่าฉันยังให้เวลาหลานไม่พอ” หญิงสาวเฉไฉถามแก้เขิน ใจเต้นโครมคราม หน้าร้อนจี๋เหมือนคนมีไข้ เพราะประหม่ากับการใกล้ชิด
มันไม่ง่ายเลยที่ต้องนั่งเก๊กหน้านิ่งๆ สนทนาพาทีกับเขา ในขณะที่ตาเจ้ากรรมกลับจดจ่อกับสภาพนุ่งน้อยห่มน้อยของเขา นุ่งน้อยห่มน้อยไม่พอ พ่อคนแสนฮอตยังมีหยดน้ำพราวอยู่ทั่วร่าง นี่ถ้าเพื่อนของเธอมาเห็นคงกรี๊ดสนั่นลาสเวกัส
“พรุ่งนี้เราจะแต่งงานกันแล้ว ถึงจะเป็นแค่ทางนิตินัย แต่ผมก็อยากทำหน้าที่ของสามีให้ดีที่สุดระหว่างเป็นสามีภรรยากัน นั่นหมายรวมถึง ผมยินดีจะทำตามค่านิยมของคนไทย โดยการส่งเสียเลี้ยงดูคุณกับครอบครัวของคุณให้ดีที่สุด”
เขารู้มาจากเจสันพอสมควรว่าสังคมไทยคาดหวังอะไรบ้างจากการให้บุตรสาวแต่งงานกับหนุ่มต่างชาติ แม้จะไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่ฝ่ายชายต้องจ่ายค่าสินสอดในตอนแรก แต่เมื่อเจสันอธิบายให้ฟังว่าคนไทยอยู่กันด้วยระบบอุปถัมภ์ พ่อแม่ส่วนใหญ่ส่งเสียเลี้ยงดูลูกจนกระทั่งเรียนจบปริญญาตรี บางครอบครัวก็ปริญญาโทหรือปริญญาเอก แล้วแต่ฐานะทางการเงิน ทำให้ลูกต้องเลี้ยงดูบุพการีเป็นการตอบแทนเมื่อท่านเกษียณ โดยเฉพาะบุตรสาวคนเล็ก ซึ่งครอบครัวคาดหวังให้เป็นคนดูแลพ่อแม่ ในเมื่อเขาไม่มีแผนจะพาศราวณะย้ายไปอยู่เมืองไทย จึงต้องขจัดปัญหาด้วยวิธีการซัปพอร์ตทางการเงินแทน
“ถ้าคุณไม่อยากให้ทำงาน ฉันไม่ทำก็ได้ค่ะ แต่อย่าถึงขนาดช่วยส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่ของฉันเลยนะคะ มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณ และพ่อแม่ของฉันก็ไม่ได้ขัดสนเงินทองด้วยค่ะ พวกท่านอยู่อย่างสมถะ ไม่เคยเรียกร้องเงินทองจากฉันด้วยซ้ำ” เธอโชคดีกว่าคนส่วนใหญ่ที่บิดามารดาไม่เคยร้องขอเงินทอง ทุกครั้งที่ให้เงิน พวกท่านมักจะปฏิเสธ แต่หากเธอบังคับให้รับ ท่านมักจะคืนให้ครึ่งหนึ่งเสมอ
“พอเราแต่งงานกัน ผมจะใส่ชื่อของคุณเข้าในบัญชีธนาคารและบัตรเครดิต คุณมีสิทธิ์เบิกถอนเงิน หรือรูดบัตรได้เต็มวงเงินโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตผม”
“งั้นคุณก็ควรจะใส่เงินในบัญชีนั้นน้อยๆ และให้วงเงินในบัตรเครดิตไม่เกินหมื่นเหรียญนะคะ” เห็นสีหน้าท่าทางจริงจังเหมือนกำลังสั่งงานลูกน้องแบบนั้น เธอจึงไม่คิดจะปฏิเสธ แต่บอกเขากลายๆ ว่าอย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจสตรี
“ผมเป็นนักการเงิน เป็นเจ้าของไวส์แบงก์และเจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายสิบแห่ง คัปเค้ก ผมไม่กลัวเมียจะผลาญเงินหมดหรอก” พอลหัวเราะหึๆ
“คุณบอกว่าเวลาที่นี่ช้ากว่านิวยอร์กสามชั่วโมง ถ้าฉันโทร. หาไปป์เพื่อถามข่าวของอลิซ จะเป็นการรบกวนเธอเกินไปไหมคะ” หญิงสาวขอความเห็นอย่างเกรงใจ
ไม่เลย รอเดี๋ยว เราวิดีโอคอลไปเลยดีกว่า จะได้เห็นลูกด้วย” เขาเสนอทางเลือกที่ดีกว่า พออีกฝ่ายพยักหน้า พอลก็เดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือกรอบแพลทินัมสุดหรูจากห้องนอน ชายหนุ่มกลับมาทรุดลงนั่งเก้าอี้หวายตัวเดิม แต่ขยับเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น ต่อวิดีโอคอลหาเลขานุการเพียงไม่ถึงครึ่งนาที ไปเปอร์ก็กดรับ
“อลิซเป็นไง” ชายหนุ่มเอียงหน้าเข้ามาใกล้คนข้างกายเพื่อให้อีกฝั่งเห็นทั้งเธอและเขา
“ร้องไห้ตอนตื่นมาแล้วไม่เห็นมิส และก็ร้องหามิสอีกช่วงตอนก่อนนอนกลางวันค่ะ” สิ่งที่ได้ยินจากปากของไปเปอร์ทำเอาศราวณะน้ำตารื้น
“แต่ไม่ต้องห่วงนะคะมิส โซอี้เทกแคร์คุณหนูดีมากๆ และคุณหนูก็ชอบโซอี้มากๆ ด้วยค่ะ”
“โซอี้?” ว่าที่มาดามไวส์แมนหน้านิ่วคิ้วขมวดกับชื่อใหม่ที่เพิ่งได้ยิน
“อ๋อ พี่เลี้ยงคนใหม่ที่แด๊ดรับเข้าทำงานวันนี้ค่ะ เดี๋ยวนะคะ ฉันกำลังจะเดินไปห้องอาหาร คุณหนูกับโซอี้น่าจะกำลังทานข้าว” คนพูดเร่งฝีเท้าออกจากห้องนอนของตัวเองที่อยู่ปีกขวาของคฤหาสน์ ใช้เวลาร่วมหนึ่งนาทีก็มาถึงห้องอาหาร ไปเปอร์คุยกับพี่เลี้ยงคนใหม่เพียงไม่กี่ประโยค ก็หันหน้าจอโทรศัพท์ให้นายจ้างได้เห็นหน้าของอีกฝ่าย
“สวัสดีค่ะมิส มิสเตอร์ไวส์แมน” โซอี้ทักทายด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน ผิดกับหน้าตาซึ่งบ่งบอกว่ามีเชื้อสายเม็กซิกันเข้มข้น และเป็นสาวเม็กซิกันที่สวยเซ็กซี่เสียจนศราวณะเห็นแล้วนึกถึงดาราเม็กซิกันคนดังที่ชื่อ ซัลมา ฮาเยก ในวัยยี่สิบห้า
“ขอโทษนะโซอี้ ที่พวกเราไม่ได้อยู่ต้อนรับคุณที่บ้าน ผมหวังว่าทุกคนจะอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้คุณ” พอลยิ้มกว้างเสียจนคนข้างกายแอบจิกด่าในใจว่าเจอสาวสวยหน่อยไม่ได้ ลายออกข้ามรัฐเลยทีเดียว
“อย่าคิดมากเลยค่ะ คุณพ่อบ้านและทุกคนดีกับฉันมาก ส่วนคุณหนูก็น่ารักมากเหลือเกิน”
“ฉันดีใจที่คุณเอ็นดูอลิซค่ะ” นั่นคือประโยคที่ฟังดูดีที่สุดซึ่งศราวณะคิดออก
“ฉันรักเด็กเป็นทุนอยู่แล้วค่ะ พอมาเจอเด็กที่น่ารักมากๆ อย่างคุณหนู ก็เลยยิ่งตกหลุมรัก”
“อลิซชอบผู้หญิงค่ะ ยิ่งเห็นผู้หญิงสวยๆ ยิ่งชอบมากเป็นพิเศษ คุณสวยอย่างกับดารา ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงชื่นชอบคุณ”
โซอี้ยิ้มเขินกับคำชม “มิสพูดเสียจนฉันเขินเลยค่ะ”
“ธรรมชาติของฉันไม่ใช่คนปากหวานหรอกค่ะโซอี้ คุณสวยมากจริงๆ ฉันก็เลยชม และก็มั่นใจว่าทุกคนเห็นด้วยกับสิ่งที่ฉันพูด จริงไหมคะมิสเตอร์ไวส์แมน” หญิงสาวโยนกลองให้คนข้างกาย
“จริง คุณเป็นผู้หญิงที่สวยมาก โซอี้” ชายหนุ่มยิ้มรับมุก “แต่ก็ยังน้อยกว่าผู้หญิงที่ขโมยหัวใจของผมไปเมื่อสี่ปีก่อน”
“เดี๋ยวมิสคุยกับคุณหนูนะคะ” ไปเปอร์เอ่ยแทรกพร้อมหันหน้าจอโทรศัพท์ไปทางเด็กหญิงอลิซที่กำลังนั่งกินสปาเกตตีมีตบอลอยู่อีกด้าน
“อลิซ!” เห็นดวงหน้ารูปหัวใจของหลานสาว ศราวณะก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“หม่ามี้ ปะป๊า” แม่หนูน้อยปรบมือรัวหลายครั้ง ยิ้มจนตาหยี อวดฟันซี่เล็กๆ อย่างน่ามอง แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้คนฟังหัวใจพองโตคับอกเท่ากับสรรพนามเรียกขานล่าสุด
“ปะป๊ากับหม่ามี้คิดถึงอลิซที่สุดในโลกเลย” พอลยิ้มเผล่รับสมอ้างสรรพนามใหม่ และเอียงหน้าเข้าใกล้หม่ามี้จนแก้มเสียดสีแก้มร้อนผ่าว
“ไอ เลิฟ ยู ปะป๊า ไอ เลิฟ ยู หม่ามี้” แม่หนูน้อยตอบกลับพร้อมทำภาษามือ
“บอกลูกไปสิว่าหม่ามี้ก็รักเขา” ชายหนุ่มกระซิบชิดใบหูแดงจัด
“เอ่อ…หม่ามี้ก็รักอลิซเหมือนกันค่ะ รักมาก หม่ามี้ขอโทษที่ไม่ได้พาอลิซมาด้วยนะคะ” น่าแปลกเหลือเกินที่คำว่าแม่กระตุ้นน้ำตาของเธอให้ไหลลงมาเป็นทาง
“หม่ามี้ ร้องไห้” เด็กหญิงอลิซหน้าเบ้ ทำท่าว่าจะร้องตาม จนคนกลางต้องรีบเข้ามาคุมสถานการณ์
“ไม่ร้องนะอลิซ เดี๋ยวปะป๊าจะกอดและจุ๊บให้หม่ามี้หยุดร้องเอง” พอลวาดมือโอบไหล่คนข้างกาย กดปากร้อนจัดเข้าที่แก้มร้อนจี๋ทว่าเนียนนุ่มเนิ่นนาน
“นี่คุณ!” ศราวณะโวยวายกับคนหัวงูตาขวาง
“จุ๊ๆ ลูกกำลังดูอยู่นะ เราต้องทำให้ลูกเห็นว่าหม่ามี้กับปะป๊ารักกันปานจะกลืนกิน ลูกจะได้รู้สึกว่าครอบครัวอบอุ่นไง” ชายหนุ่มดักคอเพราะรู้ว่าความสุขของอลิซสำคัญต่อเธอเหนือสิ่งอื่นใด
“ฉวยโอกาส” หญิงสาวเค้นเสียงลอดไรฟัน ผิดกับปากที่ยิ้มอ่อนโยนให้หลาน พอคนหน้าด้านยังเอาแก้มแนบแก้มแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก็บิดมือเข้าที่แขนแกร่ง
“ทำไงได้ล่ะ คุณเล่นไม่ยอมเปิดช่องให้ผมได้เข้าใกล้เลย ผมก็ต้องอาศัยจังหวะตอดนิดแตะหน่อยแบบนี้แหละ” เขาออกจะเสมอต้นเสมอปลายว่ามองเธอแบบไหน มีแต่เธอนั่นละที่เอาแต่กระแทกประตูหัวใจใส่ตลอดศก
“ปะป๊า ไอกรีม พลีส” แม่หนูน้อยส่งสายตาออดอ้อนขอกินของชอบ ซึ่งที่ผ่านมาอ้อนคุณป๋าแล้วได้ประจำ
“เอาสองหรือว่าสามสกูปดี” พอลถามกลับอย่างรู้ใจ แล้วก็หน้านิ่วเพราะศอกของว่าที่ภรรยากระทุ้งเข้าบริเวณสีข้าง
“คุณถามแบบนั้นได้ไงคะ” ที่ผ่านมาเธอให้หลานกินมากสุดแค่สองก้อนเท่านั้น แต่นี่เขากำลังสปอยจนทำให้หลานเสียคน
“สามค่ะ” อลิซตอบกลับมาชัดถ้อยชัดคำ
“เอาน่าคัปเค้ก คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าลูกคิดถึงเรามาก แถมยังร้องไห้หาคุณอีก หยวนสักวันสองวันหน่อยเถอะน่า” นักการเงินหนุ่มต่อรองพลางพยักพเยิดให้ไปเปอร์ทำตามคำสั่ง เมื่อถ้วยใส่ไอศกรีมสามสกูปวางลงตรงหน้า แม่หนูน้อยก็ยิ้มแฉ่ง แก้มสองข้างเต่งเป็นซาลาเปา
“อ๊ะๆ ขอบคุณปะป๊าหรือยังคะ” ศราวณะดักทางเมื่อคุณหลานคว้าช้อนขึ้นมาทำท่าว่าจะตักของโปรดใส่ปาก โดยไม่กล่าวขอบคุณคนอนุญาตเสียก่อน
“แธงค์กิว ปะป๊า ไอ เลิฟ ยู” คำพูดใสซื่อไม่ต่างจากดวงตาทำเอาคุณป๋ายิ้มแก้มแทบปริ
“ยินดีเป็นอย่างยิ่ง คนเก่ง ปะป๊าก็รักอลิซเหมือนกัน” นักการเงินหนุ่มพูดช้าชัดกลับไปด้วยแววตารักใคร่เต็มเปี่ยม ทั้งสองคุยกับหนูน้อยอลิซอีกหลายนาทีจึงปิดวิดีโอคอล
“ไปอาบน้ำกันเถอะ จะได้ออกไปดินเนอร์ คืนนี้ผมจะพาคุณย่ำราตรีที่ลาสเวกัส” ชายหนุ่มขยิบตาข้างหนึ่งด้วยลีลาขี้เล่น ทว่าคนฟังกลับย่นจมูกใส่แทนการยิ้มรับ
“เชิญคุณอาบก่อนเลยค่ะ อาบเสร็จแล้วค่อยออกมาเรียกฉัน”
“งั้นเชิญสุภาพสตรีอาบก่อนเลย” พอลผายมือเชื้อเชิญไปในทางล้อเลียนมากกว่าจริงจัง
“คุณนั่นแหละค่ะอาบก่อน ฉันอาบน้ำแต่งตัวไม่นาน แล้วก็อยากจะคุยกับเพื่อนๆ ด้วย เมื่อกี้ยังตอบข้อความไม่หมดเลย” หญิงสาวดึงดันจนเขาเป็นฝ่ายล่าถอยและเข้าไปอาบน้ำก่อน เธอใช้โอกาสนั้นเข้าไปอ่านข้อความของนีรนารถ แต่พอส่งข้อความไปคุยด้วย เพื่อนสนิทกลับชวนคุยผ่านวิดีโอ
“คิดถึงดาวจังเลย ทางโน้นเป็นไงบ้าง”
“คิดถึงนารถเหมือนกันจ้า สบายดี แต่เบื่อนิดหน่อย ดีใจจังที่นารถกำลังจะมาอเมริกา แถมได้อยู่รัฐเดียวกันด้วย” ศราวณะกระดี๊กระด๊าไม่แพ้เพื่อนสนิท
“ความจริงมีโฮสต์สองโฮสต์อยากได้นารถไปทำงานด้วยนะ แต่นารถเลือกโฮสต์จากนิวยอร์ก เพราะอยากอยู่ใกล้ๆ ดาว ปลายเดือนนี้ก็จะเดินทางแล้ว” นีรนารถเล่าไปยิ้มไป ถึงจะไม่ได้มาจากครอบครัวมีฐานะ แต่เธอก็ถีบตัวเองทะยานขึ้นมาอยู่ในจุดที่สามารถเดินตามความฝันได้โดยไม่ยากเย็นนัก เธอคิดว่าการไปเลี้ยงเด็กที่อเมริกา เป็นการหาประสบการณ์ชีวิตที่ดีให้ชีวิต แม้จะไม่ใช่งานที่ได้เงินมากมาย แต่ก็เป็นงานที่เปิดโลกทัศน์ เปิดโอกาสหลายๆ อย่างให้ และหากงานไม่ยุ่งนัก เธอก็น่าจะยังรับงานกับทางสำนักพิมพ์ได้
“ดีแล้วละ เราจะได้นัดเจอกันช่วงวันหยุดของนารถ แล้วต้องเลี้ยงเด็กกี่คนจ๊ะ โฮสต์เป็นไง เล่าให้ดาวฟังบ้างสิ”
“เลี้ยงเด็กผู้หญิงสองคนจ้า สี่กับหกขวบ โฮสต์ของเราอายุเกือบสี่สิบกันแล้วแหละ โฮสต์แด๊ดหล่อมาก ส่วนโฮสต์มัมหน้าตาก็งั้นๆ”
“สรุปที่เลือกโฮสต์นี้เพราะโฮสต์แด๊ดหล่อละสิ ระวังเหอะ โฮสต์มัมจะเขม่นที่พี่เลี้ยงเด็กสวยเซ็กซี่เกินไป” แซ็วเพื่อนเสร็จศราวณะก็หัวเราะคิกคัก
“โอ๊ย…ใครจะกล้า” นีรนารถทำหน้าสยอง “เกือบลืมไปแน่ะ วันก่อนนารถได้คุยกับพี่อาร์ตด้วยแหละ เขาถามนารถว่าดาวทำอะไร อยู่ที่ไหน พอรู้ว่าอยู่อเมริกา ก็ทำท่าตื่นเต้นดีใจใหญ่”
“นารถยังติดต่อกับพี่อาร์ตอีกเหรอ” หญิงสาวทำหน้าเหยเก ไม่คิดว่าเพื่อนสนิทจะยังติดต่อกับอดีตคนรักของเธออยู่
“ก็ไม่อยากคุยด้วยนักหรอก แต่พี่อาร์ตแอดเพื่อนในเฟซมา แล้วก็ถามนั่นถามนี่ เซ้าซี้ตลอด นารถก็เลยต้องคุย แต่ถ้าดาวไม่พอใจที่นารถคุยกับเขา นารถบลอกเฟซเขาเลยก็ได้นะ” คนพูดรีบเอ่ยเอาใจเพราะกลัวจะโดนงอน
“ไม่ใช่ไม่พอใจ ดาวแค่แปลกใจที่นารถคุยกับพี่เขาเท่านั้นเอง ถ้าเขาขอเบอร์โทร. ของดาวที่นี่ละก็ ห้ามให้เป็นอันขาดเข้าใจไหม ไม่งั้นมีงอนของจริง” ศราวณะดักทาง เพราะกลัวเพื่อนจะใจอ่อนให้ลูกตื๊อของอธิป เธอโชคดีที่เขาย้ายมาเรียนที่อเมริกา ไม่งั้นคงทนลูกตื๊อเวลาที่ถูกตามง้อไม่ไหว และยอมใจอ่อนกลับไปคบอีกแน่
“จ้า นารถจะจำใส่กะโหลกไว้ตลอดเวลา แล้วดาวอยู่ไหนเนี่ย หรือว่าบ้านของพ่อบุญธรรมอลิซที่ดาวเคยเล่าให้ฟัง” ปกติเวลาวิดีโอคอลคุยกัน ศราวณะมักจะอยู่ในห้องนอน ไม่ใช่ระเบียงติดสวนหย่อมและสระว่ายน้ำแบบนี้
“อ๋อ โรงแรมจ้า เรามาเที่ยวลาสเวกัสน่ะ” คนพูดยิ้มน้อยๆ ไม่คิดจะขยายความให้ฟังว่ามากับใคร เพราะแม้จะเล่าเรื่องราวคร่าวๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ทางนี้ให้เพื่อนในกลุ่มฟัง แต่ก็เว้นเรื่องที่จะจดทะเบียนกับพอล ปล่อยให้เพื่อนๆ เข้าใจว่าพอลเป็นหนุ่มใหญ่ใจดีที่รับอลิซเป็นบุตรบุญธรรมตามที่ระบุในพินัยกรรม และเขาขอร้องให้เธออยู่เลี้ยงหลานต่อไปอีกสักพัก โชคดีที่ไม่มีเพื่อนคนไหนเอะใจจนสามารถผูกเรื่องที่อธิปเคยเล่าให้ฟัง ว่ามีฝรั่งหน้าตาหล่อเหลาพยายามแย่งเธอไปจากเขาในช่วงที่ศศินาราแต่งงาน จึงไม่มีคำถามชวนปวดหัวมาทำให้ทรมานใจ
“โรงแรมท่าจะสวยเนอะ อิจฉาดาวชะมัด”
“ก็งั้นๆ แล้วนารถตอบอะไรพี่อาร์ตไปบ้างที่เขาถามถึงดาวน่ะ” หญิงสาวถือโอกาสเปลี่ยนประเด็นการสนทนา พร้อมกับเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งหันหลังให้ประตูเลื่อน ยกเท้าขึ้นวางบนเก้าอี้ที่พอลเคยนั่ง และเอนกายพิงพนักด้านหลังอย่างสบายอารมณ์
“ก็บอกว่าดาวมาเลี้ยงหลานที่นี่ และยังไม่มีกำหนดกลับนั่นแหละ เขาขอเบอร์ดาวอยู่เหมือนกัน แต่นารถโกหกไปว่าไม่มี ขอไลน์ก็บอกว่าดาวไม่เล่น ขอที่อยู่นารถก็บอกว่าไม่รู้ เขาเลยบอกว่าจะหาทางติดต่อดาวเอง คงรู้แหละว่านารถพยายามกีดกัน” นีรนารถหัวเราะ
“ดีมาก เดี๋ยวเขาก็คงจะล้มเลิกความตั้งใจไปเอง”
ศราวณะเปลี่ยนประเด็นการสนทนาเป็นเรื่องของเปรมกมล เหมือนฝัน และณัฐวุฒิ คุยกันอย่างออกรสออกชาติจนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะกระจกจากด้านหลัง พอหันกลับไปมองตามสัญชาตญาณก็ถึงกับอ้าปากค้าง รีบปิดหน้าจอโน้ตบุ๊กโดยไม่ได้ล่ำลานีรนารถ เนื่องจากทั้งเนื้อทั้งตัวของคนเคาะมีเพียงผ้าขนหนูสั้นเต่อผืนเดียวปิดสะโพกแคบกับช่วงล่างของเขาไว้อย่างหมิ่นเหม่
“ผมอาบเสร็จแล้ว” เขารายงานหลังจากเลื่อนบานประตูออก
“แล้วทำไมไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะมาเคาะเรียกฉันคะ คุณรู้ไหมว่าฉันกำลังวิดีโอคอลอยู่กับเพื่อน ถ้าเพื่อนฉันเห็นสภาพของคุณ คงเข้าใจฉันผิดแน่” และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่านีรนารถเห็นเขาหรือเปล่า
“โทษทีคัปเค้ก ผมคิดว่าจะแต่งตัวระหว่างที่คุณเข้าไปอาบน้ำ ก็เลยเคาะเรียก แต่ถ้ากลัวเพื่อนจะเข้าใจผิด วิดีโอคอลกลับไปใหม่ แล้วให้ผมอธิบายให้เขาฟังก็ได้นะว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด” นี่ถ้าเธอรู้ว่าเขาแอบยิ้มและโบกมือทักทายเพื่อนที่เธอคุยด้วยนานเป็นนาทีก่อนจะเคาะกระจกคงได้วีนแตก เขาก็แค่สงสัยว่าเธอคุยกับใคร พอเห็นว่าเป็นเพื่อนผู้หญิงก็แค่อยากทำความรู้จักเท่านั้นเอง
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” ถ้านีรนารถเห็นเขาจริง เธอขออธิบายทุกอย่างเองดีกว่า อย่างไรเสียเพื่อนก็น่าจะเชื่อคำพูดของเธอมากกว่า เพราะคบหากันมายาวนาน และที่ผ่านมา นีรนารถก็รู้นิสัยใจคอของเธอดีว่าไม่ใช่สาวประเภทไวไฟ
“งั้นก็ลงแช่ในอ่างให้สบายตัวเถอะ” พอลบอกด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“แต่ฉันไม่คิดจะลงอ่างค่ะ ฉันตั้งใจจะอาบแบบเรนชาวเวอร์ จะได้เร็วๆ” เกิดลงแล้วติดลมบนนอนแช่เอ้อระเหยอยู่ในนั้น เดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอยืดยาดอืดอาดกันพอดี
“ผมอาบแบบเรนชาวเวอร์ เพราะคิดว่าคุณคงอยากลงแช่ในอ่างให้สบายตัว ผมจองโต๊ะดินเนอร์ไว้ตอนทุ่มครึ่ง คุณมีเวลาอาบน้ำแต่งตัวหนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาที ถมเถสำหรับการลงอ่าง” เขาคะยั้นคะยอพร้อมถือวิสาสะหยิบโน้ตบุ๊กจากมือบางไปวางไว้บนเตียงนอน และบุ้ยใบ้ไปทางประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่
“โอเคค่ะ แต่ถ้าฉันออกจากห้องน้ำ คุณจะไม่อยู่ในห้องแล้วใช่ไหมคะ” ดวงตาดำขลับจ้องเขาอย่างไม่วางใจ
“มันก็ต้องเป็นอย่างงั้นอยู่แล้วล่ะ คัปเค้ก” ขืนอยู่แล้วเห็นสภาพวับแวมเข้า เสือร้ายในตัวเขาคงกระโจนออกมาสำแดงความหื่นกระหายก่อนเวลาอันควร
“งั้นอีกหนึ่งชั่วโมงเจอกันค่ะ” ศราวณะดิ่งไปหาประตูห้องน้ำ พอผลักเข้าไปก็ถึงกับประหลาดใจ มุมปากอิ่มคลี่ยิ้มบางๆ เมื่อเข้าใจเหตุผลที่เขาอยากให้ลงแช่อ่างนัก “ขอบคุณค่ะ ความจริงคุณไม่น่าลำบากเตรียมน้ำให้ฉันเลย”
“ไม่ลำบากเลยก๊อดเดส มันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำให้คุณอยู่แล้ว” พอลยิ้มอบอุ่นให้คนฟังซึ่งงับประตูลงอย่างเขินๆ
หญิงสาวล็อกประตูห้องน้ำ เดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปหยุดยืนบนพรมหนานุ่มที่อยู่ข้างอ่างอาบน้ำ เธอไม่คิดจะเปิดไฟเพดาน เพราะเห็นว่าแสงจากเทียนหลายสิบเล่มที่จุดอยู่รายรอบเพียงพอต่อการมองเห็นแล้ว
“โรแมนติกแบบนี้สิเล่า สาวๆ ถึงโหวตให้เป็นหนุ่มน่าหมายปองที่สุดของนิวยอร์กหลายปีซ้อน” นอกจากจุดเทียน เตรียมน้ำอุ่นอาบน้ำให้แล้ว ยังมีโรสแชมเปญอีกหนึ่งแก้ววางอยู่ใกล้ๆ เรียกได้ว่าบริการระดับเวิลด์คลาสจากหนุ่มอิลิตของแท้
อ่างจากุซซีฟูฟ่องด้วยฟองโฟมสีขาวโปรยปรายด้วยกลีบกุหลาบสีแดงส่งกลิ่นหอมตลบไปทั้งห้องน้ำ ทำให้ศราวณะไม่ลังเลที่จะสลัดผ้าผ่อนและก้าวลงไปนอนแช่ มือเรียวคว้าแก้วแชมเปญมาจิบอย่างสุขารมณ์ อ่างอาบน้ำในห้องนอนที่คฤหาสน์ว่าเลิศแล้ว อ่างที่เธอนอนแช่อยู่ตอนนี้หรูยิ่งกว่า เพราะมีออปชันให้เลือกมากมายว่าต้องการไฮโดรมาสสาจหรือการนวดพลังน้ำแบบไหน แถมยังมีปุ่มควบคุมอุณหภูมิของน้ำอีกต่างหาก
นก็ถูกจัดการจนเกลี้ยง หญิงสาวหลับตาคิดถึงการแต่งงานลับๆ ระหว่างตนกับพอลที่จะเกิดขึ้นในวันถัดไป และอนาคตการอยู่ใกล้เขาอีกกว่าสองปีด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นระคนตื่นเต้น คงจะดีไม่น้อยหากเขาควงสาวอื่นออกงานสังคม หรือนอนค้างที่เพนต์เฮาส์บ้าง ไม่ใช่กลับบ้านมาหาเธอกับอลิซทุกเย็นแบบนี้
แม้เธอจะพร่ำบอกตัวเองว่าไม่ได้รัก ไม่ต้องการมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขา แต่เธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ย่อมหวั่นไหวเป็นธรรมดา เมื่อมีผู้ชายสักคนเข้ามาใกล้ชิดและแสดงความสนอกสนใจ
พอลสมบูรณ์แบบเกินกว่าที่เธอจะไม่รู้สึกรู้สาเวลาที่เขาหว่านเสน่ห์หรือมองมาเหมือนจะกลืนกิน ผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ร้ายกาจ อันตรายต่อหัวใจกับความรู้สึกนึกคิดของผู้หญิงแบบหาตัวจับยาก ต่อให้เป็นแม่ชีที่เกิดและอยู่ภายใต้รั้วรอบขอบชิดของคอนแวนต์มาตลอดชีวิต ก็คงไขว้เขวตบะแตกเอาง่ายๆ หากได้อยู่ใกล้ชิดและเจอลีลาการหว่านเสน่ห์ระดับเซียนของเขา
หรือเธอกำลังตัดสินใจผิดครั้งใหญ่
ความคิดเห็น |
---|