7

วาระโชว์ป๋า


 7

วาระโชว์ป๋า

 

ศราวณะนิ่วหน้าประหลาดใจ เมื่อพอลพาขึ้นรถลีมูซีนออกไปดินเนอร์โดยปราศจากเงาของซามูเอล นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาหละหลวมในการรักษาความปลอดภัย แต่พอพอลให้เหตุผลว่าที่นี่ไม่มีอะไรน่าห่วง และต้องการให้บอดีการ์ดหนุ่มมีโอกาสพักผ่อนหย่อนใจ ก็แอบชื่นชมในความกรุณาปรานีที่เขามีต่อคนในปกครอง

ชายหนุ่มพาเธอขึ้นไปดินเนอร์ที่ภัตตาคารไอเฟลทาวเวอร์ ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นที่สิบเอ็ดของหอไอเฟลจำลองแห่งลาสเวกัส เขาสั่งแชมเปญราคาแพงมาให้ดื่มเรียกน้ำย่อย พยักพเยิดให้เธอชมวิวของเดอะสตริป ถนนสายที่ขึ้นชื่อที่สุดของนครบาป หรือซินซิตี ซึ่งเป็นอีกฉายาหนึ่งของลาสเวกัส และชี้ชวนให้ดูระบำน้ำพุประกอบดนตรีอันลือชื่อของโรงแรมเบลลาจิโอที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“สักวันผมจะพาคุณไปดินเนอร์บนหอไอเฟลที่ปารีส” นักการเงินหนุ่มเปรยทำลายความเงียบ ตาสีน้ำทะเลวามแววลึกซึ้งยามสบตาคนฟัง

                “คุณอาจจะมองว่าของแท้มันเจ๋งกว่า แต่ฉันว่ามันขึ้นอยู่กับเรามากกว่าว่าให้คุณค่าแต่ละสิ่งจากอะไร ที่แน่ๆ ฉันมั่นใจว่าถ้าดินเนอร์ที่ปารีส เราคงไม่เห็นระบำน้ำพุสวยๆ แบบนี้ค่ะ” หญิงสาวแย้งแบบนั้น เพราะเดาว่าเขากำลังคิดเรื่องของแท้กับของเลียนแบบ

                “ของแท้อย่างไรก็ดีกว่าของเลียนแบบอยู่แล้ว ดูอย่างพวกกระเป๋าแบรนด์เนมสิ” พอลแย้งกลับเสียงเอื่อย เหตุผลที่เขาพาเธอมาดินเนอร์ที่นี่ เพราะเลขานุการตัวดีจองโต๊ะไว้ให้ และบอกว่าเป็นหนึ่งในจุดชมวิวระบำน้ำพุที่สวยที่สุด ครั้นเขาสั่งให้จองกับเบลลาจิโอโดยตรง ไปเปอร์กลับบอกว่าไม่เหลือที่ว่างดีๆ แล้ว

                “นั่นก็อาจจะจริงค่ะ แต่คุณต้องยอมรับด้วยนะคะว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีปัญญาซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม และก็ไม่ใช่ทุกคนที่บ้าแบรนด์ จำตอนที่คุณไปเมืองไทยแล้วตกใจที่คนหิ้วกระเป๋าหลุยส์และแบรนด์อื่นๆ กันล้นเมืองไหมคะ” นึกถึงช่วงเวลานั้นแล้วศราวณะก็หัวเราะจนอกกระเพื่อม

                “คุณบอกว่าส่วนใหญ่เป็นของก๊อป แล้วผมก็หัวเสียที่ไม่มีใครสนใจเอาผิดกับพวกเขา” ดวงหน้าคมแปรเปลี่ยนเป็นดุขึ้นมานิดๆ เมื่อนึกถึงความหละหลวมของกฎหมายที่นั่น

                “คนที่ใช้กระเป๋าก๊อปมีหลายประเภทค่ะ หนึ่งพวกที่อยากได้ของแท้แต่ไม่มีเงินซื้อ สองพวกที่มีเงิน อยากได้แต่ไม่อยากเสียเงิน สามพวกที่เอาไว้หลอกคนรอบตัวว่ารวยอู้ฟู่ แต่ความจริงกระเป๋าแบนมาก สี่พวกที่เห็นว่ามันสวยและราคาถูกใจเลยซื้อใช้ ห้า…” ยิ่งเธออธิบาย หัวคิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดปมขึ้นเรื่อยๆ

                “คุณแจกแจงละเอียดอย่างกับเคยทำวิจัยมาแน่ะ” คนพูดทำตาวิบวับล้อเลียน ใจเต้นระรัวเมื่อว่าที่ภรรยาหัวเราะตาเป็นประกาย

ยิ่งมองก็ยิ่งหลง

ยิ่งหลงก็ยิ่งรัก

ยิ่งรักก็ยิ่งอยากครอบครอง

                “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เอาเป็นว่าฉันรู้จริงก็แล้วกัน” ศราวณะพูดถึงเท่านี้ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูแล้วขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของเพื่อนสนิทจากเมืองไทย ต่อสายตรงเสียขนาดนี้เป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากนีรนารถสงสัยเรื่องเกี่ยวกับเขา

                “มีอะไรหรือเปล่า”

                “ปละ...เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ทุกอย่างปกติมากๆ” ปฏิเสธพลางกดตัดสายและเปลี่ยนเป็นระบบสั่น จากนั้นก็ลงมือรับประทานอาหารที่บริกรทยอยนำมาเสิร์ฟ อาหารแต่ละจานหน้าตาเก๋ไก๋ รสชาติก็อร่อยมากเสียจนเธอกินเกลี้ยงทุกจาน

                “คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่มาดินเนอร์กับผมแล้วกินเหมือนคนปกติ” พอลชมทั้งปากและสายตา

                “หมายความว่ายังไงคะ” แชมเปญหนึ่งแก้ว ตามด้วยไวน์แก้วที่สองที่เพิ่งหมด ทำให้เธอลดกำแพงหัวใจลงมากกว่าทุกครั้ง

                “ก็คนอื่นกินเหมือนแมวดมกันทั้งนั้น” เพราะมัวแต่ห่วงสวย กลัวน้ำหนักจะพุ่ง กลัวพุงจะออกบ้าง ในช่วงแรกๆ เขาค่อนข้างรำคาญพวกหล่อน แต่พอเจอสาวประเภทเดียวกันนานเข้า จึงกลายเป็นความเคยชิน กระทั่งมาเห็นเธอกินอย่างเอร็ดอร่อยแบบไม่กลัวอ้วน ถึงได้รู้สึกว่าโลกนี้ยังมีผู้หญิงที่กินแบบคนปกติอยู่

                “ฉันถือว่านี่เป็นคำชมนะคะ” ตัวลอยนะเนี่ยที่ยังมีบางอย่างในตัวเธอที่เขาเห็นว่าดี ปกติมีแต่พยายามหาเรื่องให้ปรับนั่นเปลี่ยนนี่เสียจนเธอวีนแตกก็ออกบ่อย

                “มันคือคำชม คัปเค้ก” นัยน์ตาร้อนแรงจับจ้องตาคมหวานไม่กะพริบ

                “เราควรจะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อยนะ” เขาเปรยเมื่อเห็นว่าเธอเขินเสียจนหลุบตาลงต่ำ

                “มะ…ไม่ต้องก็ได้มั้งคะ

                “แต่ผมว่าเราควรทำอย่างยิ่งเลยละ ตอนยื่นขอปรับสถานะให้คุณจะได้ดูสมจริงไง” พอลแย็บไปอีกหนึ่งคำรบ เมื่อสีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นลังเลก็ลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่ถ้าคุณไม่อยากร่วมเฟรมกับผม ไม่ต้องก็ได้นะ ผมเข้าใจ”

                “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ถ่ายก็ได้ ฉันไม่มีปัญหา” หญิงสาวตอบเร็วปรื๋อ ยิ้มเยือนเหมือนเต็มใจจะร่วมเฟรมกับเขา

พอลยิ้มกว้างอย่างพอใจ เขาขยับมือข้างหนึ่งขึ้นเพียงเล็กน้อย บริกรที่ดูแลโต๊ะก็รี่เข้ามาหาด้วยกิริยานอบน้อม ก่อนจะรับโทรศัพท์มือถือราคาแพงไปถ่ายรูปคู่ให้นับสิบชอต มีทั้งแบบนั่งเก้าอี้ตรงกันข้ามและจับมือกันอย่างสนิทสนม แบบที่เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างเธอ และเซตสุดท้ายคือยืนถ่ายคู่กัน โดยมีฉากหลังเป็นระบำน้ำพุและตึกสูงตระหง่านของโรงแรมเบลลาจิโอ

ศราวณะบ่นกระปอดกระแปดเพราะเกรงใจบริกรคนนั้น ทว่าพอถึงเวลาจ่ายเงิน แล้วเห็นเขาวางเงินสดห้าร้อยดอลลาร์เป็นทิปก็เปลี่ยนเป็นอิจฉาตาร้อน   

                “ไปไหนต่อดี ขึ้นกระเช้าไฮโรลเลอร์ชมวิว นั่งเรือกอนโดลาที่เวเนเชียน หรือลองเสี่ยงโชคที่กาสิโน หรือว่า…”

                “เดินเล่นให้อาหารย่อยก่อนดีไหมคะ บอกตามตรงว่าฉันแน่นท้องมากตอนนี้” แน่นจนกลัวว่ามินิเดรสสีขาวที่สวมอยู่จะปริเลยละ 

                “ผมรู้แล้วว่าจะพาคุณไปเดินย่อยอาหารที่ไหน” นักการเงินหนุ่มกุมมือนุ่ม ดึงให้เธอเดินเคียงไปลงลิฟต์ แล้วพาว่าที่เจ้าสาวเดินข้ามถนนไปทางฝั่งโรงแรมเบลลาจิโอ จากนั้นเดินตามบาทวิถีไปทางเหนือ ชี้ชวนให้เธอชมนั่นชมนี่ระหว่างทาง ราวสิบนาทีก็มาถึงจุดหมายปลายทาง อันเป็นห้างสรรพสินค้าโด่งดังที่สุดในลาสเวกัสชื่อเดอะฟอรัมชอปส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมซีซาร์ พาเลส ด้านในตกแต่งหรูหรา ชวนให้คิดว่าหลุดเข้ามาอยู่ในเขตราชฐานของกษัตริย์ซีซาร์ผู้ยิ่งใหญ่

                “สวยจังเลยค่ะ” ศราวณะตื่นตาตื่นใจกับสถาปัตยกรรมและประติมากรรมมากกว่าจะสนใจร้านรวงด้านในจนคนพามาถึงกับลอบขำ

                “คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่ชื่นชมการออกแบบของที่นี่มากกว่าจะหูตาวาวกับร้านขายของแบรนด์เนม” ที่นี่อัดแน่นด้วยร้านค้าตั้งแต่ระดับกลางจนถึงไฮเอนด์ เขาเคยมาแล้วสองสามครั้งกับสาวๆ แต่การเห็นศราวณะเอาแต่สนใจมองตัวอาคารและของตกแต่ง ก็ชวนให้รู้สึกแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะสาวๆ เหล่านั้น มักจะดึงกึ่งลากให้พาเข้าร้านขายของและออดอ้อนขอให้ซื้อของให้

                “ของแพงมันไม่น่าตื่นเต้นเท่าการไล่ล่าหาของลดราคาหรอกค่ะ ยิ่งของดีๆ ที่ลดราคาเหลือชิ้นละเก้าสิบเก้า หรือร้อยเก้าสิบเก้าเนี่ย สวรรค์ของฉันเลยละ” ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบของแพงหรอกนะ แต่พอเปรียบเทียบราคาของแบรนด์หรูหนึ่งชิ้น กับของสิบหรือยี่สิบชิ้นที่จะได้จากโนเนมแบรนด์ คนเบื่อง่ายแบบเธอขอคว้าอย่างหลังดีกว่า

                “ไว้ตอนกลับไทย คุณค่อยไปไล่ล่าหาของถูกและดีที่ว่าละกัน ตอนนี้อยู่กับผม กรุณาเข้าเมืองตาหลิ่วแล้วหลิ่วตาตามด้วย” นักการเงินสุดฮอตแห่งนิวยอร์กพูดจบก็ลากคนฟังเข้าร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนม

                “ไม่เอาได้ไหมคะ ที่คุณให้ไปป์ซื้อมาให้นั่นก็เกือบสิบใบแล้วนะ” หญิงสาววิงวอนเสียงอ่อยเมื่อเขาชี้ให้พนักงานขายหยิบกระเป๋าสองใบมาให้ชม

                “สีครีมนี่ก็สวย เหมาะกับคุณผู้หญิงมากเลยค่ะ ส่วนสีดำก็ใช้ได้ทุกโอกาส”

                “คุณคิดว่าไง ซาร่าห์” พอลถามความเห็นอย่างเอาอกเอาใจ

                “เล็กไปค่ะ คงใส่ได้แค่มือถือกับของอีกไม่กี่ชิ้น” ศราวณะหาเรื่องมาตำหนิทันที

                “แต่ผมว่ามันน่ารัก เหมาะกับคุณดีนะ” คนอยากจ่ายเห็นต่าง

                “รุ่นนี้และไซซ์นี้ฮอตมากค่ะ เราเหลือในสต๊อกแค่ไม่กี่ใบเอง แต่ถ้าคุณผู้หญิงอยากได้ไซซ์ใหญ่กว่านี้ เราก็มีค่ะ” คนขายเดินไปหยิบกระเป๋าแบบเดียวกัน แต่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมเกือบเท่าตัวมายื่นให้

“ไม่มีใหญ่กว่านี้แล้วเหรอคะ” เธอแกล้งซักหลังจากหยิบมาเปิดดูอยู่ครู่หนึ่ง ยอมรับว่าเห็นป้ายราคาและคำนวณเป็นเงินไทยแล้วก็ถึงกับอยากวิ่งออกจากร้าน

                “ไม่มีแล้วค่ะ นี่ใหญ่มากแล้วนะคะ”

                “ผมเห็นด้วย ถ้าใหญ่กว่านี้ก็ใส่ลูกได้เลยนะ”

                “ถ้าไม่มีใหญ่กว่านี้ ฉันก็ไม่อยากได้ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยสีหน้าเซ็งๆ ผิดกับคนข้างกายที่หรี่ตาลงเกือบครึ่งเมื่อเริ่มอ่านเกมออก

                “เอาใบใหญ่สีดำ ใบเล็กสีครีมนั่น” พอลตัดสินใจพร้อมหยิบกระเป๋าหนังใบเล็กมาเปิดเพื่อหยิบบัตรเครดิตสีดำออกมายื่นให้คนขาย

                “นี่คุณ! ฉันบอกแล้วไงคะว่าไม่เอา” ศราวณะโวยวายพอให้ได้ยินกันสองคน

                “พรุ่งนี้เราจะแต่งงานกัน ผมอยากชอปปิงให้ว่าที่ภรรยาบ้างมันผิดตรงไหน”

                “ผิดตรงที่ฉันไม่อยากได้ค่ะ”

                “คุณอยากนอนกับผมไหม”

                “ไม่ค่ะ” หญิงสาวสวนกลับเร็วแบบไม่เสียเวลาคิด เร็วจนคนฟังกลอกตาอย่างเซ็งๆ

                “แต่คุณก็ยังแต่งงานกับผมไม่ใช่เหรอ”

                “ก็ใช่ แต่…”

                “มันเป็นแพ็กเกจที่มาพร้อมการแต่งงาน คัปเค้ก” ชายหนุ่มยักคิ้วใส่อย่างเป็นต่อ เจอไม้นี้หญิงสาวถึงกับเม้มปากแน่น เงียบไปหลายอึดใจก่อนจะหันไปทางคนขาย

                “ฉันเปลี่ยนใจแล้วค่ะ เอาทั้งสี่ใบเลย” ศราวณะหันมาเหยียดยิ้มแปลกๆ ให้ว่าที่คุณสามี “ถือไหวนะคะ”

                “แค่กระเป๋าสี่ใบ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

                หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้กำลังใจผู้ชายสายเปย์ ชอบอวดรวย อยากให้ซื้อของแพงๆ นักใช่ไหม ได้เลย…เดี๋ยวดาวจัดให้แบบจัดหนักจัดเต็ม!

 

                ครึ่งชั่วโมงต่อมา พอลก็เข้าใจว่าเธอกำลังแก้ลำด้วยวิธีไหน เขาส่ายหน้าระอากับการเอาคืนอย่างเจ็บแสบของศราวณะ ทว่าไม่ปริปากบ่นหรือค้านสักคำ เมื่อเธอเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่น แต่ละร้านเข้าไปไม่กี่นาทีก็ชี้นิ้วบอกคนขายแบบเร็วจี๋ว่าต้องการกระเป๋า เครื่องสำอาง แว่นตา เสื้อผ้า หรือรองเท้าคู่ไหนบ้าง ส่วนเขามีหน้าที่หิ้วของและควักบัตรเครดิตมาส่งให้คนขาย

                “ใบนี้เป็นรุ่นลิมิเต็ดค่ะ เราเพิ่งได้มาเมื่อวานนี้ กระเป๋าหนังลูก…”

                “ฉันเอาค่ะ รุ่นลิมิเต็ดขนาดนี้ ฉันพลาดไม่ได้อยู่แล้วค่ะ จริงไหมคะที่รัก” ศราวณะตอบโดยไม่รอให้คนขายพูดจบ แล้วทำทีเป็นขอความเห็นจากคนที่นั่งรออยู่บนโซฟาพร้อมกับถุงชอปปิงอีกนับสิบ เรียกเขาด้วยสรรพนามหวานหูผิดปกติ เพราะต้องการให้รู้ว่าทุกอย่างเป็นเพียงการเสแสร้งแกล้งทำ

                “คุณว่าไง ผมก็ว่างั้นแหละ ก๊อดเดส” ว่าที่สามีสายเปย์ตอบสั้นๆ แล้วลงมือพิมพ์บางอย่างใส่มือถือ

                หญิงสาวเห็นแล้วถึงกับลอบยิ้มสะใจ เมื่อกี้เธอเห็นนะว่าพอวางถุงชอปปิงและนั่งแหมะบนโซฟาปุ๊บ เขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าพาสเทลออกมาซับเหงื่อปั๊บ มันช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วดีต่อใจคนมองเหลือเกิน

                “แฟนคุณทั้งหล่อทั้งใจดีสุดๆ ไปเลยค่ะ ไปหามาจากไหนคะเนี่ย” คนขายเหลือบไปทางคนหล่อด้วยประกายตาชื่นชมเต็มเปี่ยม

                “ไม่ได้หาค่ะ เขาเดินเข้ามาในชีวิตของฉันเอง สลัดเท่าไรก็ไม่หลุด ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย” ศราวณะตอบเสร็จก็หัวเราะประสานกับคนขาย

                “น่ารักขนาดนั้น ฉันว่าคุณควรจะกอดไว้แน่นๆ มากกว่าสลัดทิ้งนะคะ” คนขายพูดถึงตรงนี้ก็ไล่มองเธอตั้งแต่หัวจดเท้าด้วยสายตาชื่นชม “แต่คุณผู้ชายก็โชคดีสุดๆ ที่ได้แฟนสวยน่ารักแบบคุณ ฉันขายกระเป๋าอยู่นี่มาสิบสองปี เห็นสาวเอเชียเป็นล้านๆ คน แต่เชื่อไหมคะว่าไม่มีใครสวยสะดุดตาเหมือนคุณเลย คุณเป็นดาราหรือว่านางแบบเอเชียหรือเปล่าคะ”

                “ไม่ค่ะ คุณปากหวานเหลือเกิน ฉันเองก็แพ้คำชมเสียด้วย ฉันขออุดหนุนกระเป๋าของคุณเพิ่มอีกใบละกัน ขอใบที่แพงที่สุดในร้านด้วยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เบานัก จงใจให้คนจ่ายเงินได้ยินเต็มสองหู คนขายปรี่ไปหยิบกระเป๋าหนังจระเข้จากตู้โชว์ด้านหลังมาให้ยลทันที

                “ใบนี้ราคาเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเหรียญค่ะ มีแค่เจ็ดใบทั่วโลกเท่านั้น เป็นหนังจระเข้เผือกจากลุ่มแม่น้ำไนล์ ตรงหูกับตะขอล็อกทำจากทองคำขาว ฝังเพชรสามสิบเม็ด รวมกันแล้วตกสิบกะรัตค่ะ สามวันก่อนเพิ่งมีดาราฮอลลีวูดเกรดเอพลัสมาซื้อไปหนึ่งใบด้วยนะคะ” คนขายเล่าด้วยสีหน้าตื่นเต้น

                “ราคาแพงกว่าทุกใบเลย” ศราวณะงึมงำพลางเหลือบไปทางว่าที่สามี แต่เมื่อเขายังยิ้มกว้างโชว์ความป๋าก็ตัดสินใจเล่นใหญ่ทันที “ที่รักคะ บัตรเครดิตของคุณจะเต็มวงเงินไหมถ้าฉันเอาใบนี้ด้วย”

                “เต็มที่เลยทูนหัว ผมบอกแล้วไงว่านี่เป็นของขวัญก่อนแต่งงานให้คุณ”

“ฉันรู้ค่ะ แต่ก็ยังเกรงใจคุณอยู่ดี” เธอจีบปากจีบคอให้เขาเห็นว่าทั้งหมดเป็นแค่การเล่นละคร

“ถ้าเกรงใจ คืนนี้ก็…ตามใจผมบ้างสิ” พอลขยิบตาเจ้าชู้ใส่ว่าที่ภรรยา หึ…คิดจะแกล้งเขาด้วยการชอปดะและให้เหนื่อยถือของน่ะเรอะ ฝันไปเถอะ! คนอย่าง พอล ไวส์แมน มีตัวช่วยเสมอ แล้วตอนนี้ตัวช่วยก็ยืนหน้าสลอนอยู่ด้านนอกแล้วด้วย

ศราวณะหน้าเห่อร้อนกับสายตาร้อนแรงที่มองมาอย่างหื่นหิว “ไม่ละค่ะ ฉันชอบอดเปรี้ยวไว้กินหวาน”

“ยังไม่เคยชิม รู้ได้อย่างไรว่ามันจะเปรี้ยว” เขาหัวเราะหึๆ เมื่อคู่สนทนาตวัดตาคมดุใส่อย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเชิดใส่ ไม่ยอมต่อปากต่อคำด้วยอีก

                ดวงตาคมกริบเหลือบไปทางบอดีการ์ดพ่วงคนขับรถที่ยืนยิ้มรออยู่นอกร้าน ศราวณะไม่รู้ความจริง ว่าซามูเอลไม่ได้หายไปอย่างที่เขาบอก ทว่าบอดีการ์ดหนุ่มคอยดูเขากับเธออยู่ห่างๆ ตั้งแต่ออกจากที่พักแล้ว ทว่าไม่ยอมปรากฏตัวให้เห็นเท่านั้นเอง แม้เขาจะบอกตั้งแต่ต้นว่าไม่ต้องมาคุ้มครอง แต่อีกฝ่ายก็ยังดึงดัน อ้างว่าไม่อยากให้เขาประมาทหลังจากที่เจอโลแกน   

                “ที่รักคะ จ่ายตังค์ด้วยค่ะ” เสียงใสกังวานร้องบอก พร้อมกับโปรยยิ้มหวานใส่คนตัวโตที่ลุกเดินมาหาตรงเคาน์เตอร์จ่ายเงิน 

                “ทั้งหมดสี่ใบนะคะ ยอดรวมหนึ่งแสนสามหมื่นหกพันเก้าร้อยเหรียญค่ะ” คนขายยิ้มแก้มแทบปริเมื่อคุณผู้ชายหยิบเครดิตการ์ดมายื่นให้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

                “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวพึมพำระหว่างรอสลิปจากแคชเชียร์

                “เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นจูบหวานๆ แทนได้ไหม” เขาเอ่ยทีเล่นทีจริง ดวงตาแวววาวดั่งท้องทะเลยามต้องแสงแดดยามบ่าย ยิ่งคนฟังค้อนตาคว่ำ เขาก็ยิ่งมองว่าเธอน่ารัก

                “แย่จัง ผมรูดบัตรไปเกือบสามแสนเหรียญแล้ว ไหนจะถือถุงพะรุงพะรังตามหลังคุณต้อยๆ อีก แค่จูบขอบคุณจูบเดียวก็ไม่ได้เหรอ

                “เสียใจค่ะ ก็อย่างที่คุณบอกนั่นแหละว่ามันมาเป็นแพ็กเกจ” ศราวณะลอยหน้าลอยตาโต้ด้วยท่าทางสะใจ

                “งั้นพบกันครึ่งทาง ขอจูบขอบคุณที่แก้มก็ได้เอ้า” นักการเงินหนุ่มต่อรองพลางก้มลงมาหา ยื่นหน้าเข้ามาใกล้และเอียงแก้มรอคอย

                “คุณผู้ชายน่ารักขนาดนี้ ให้รางวัลหน่อยเถอะค่ะ” คนขายเห็นดีเห็นงามไปกับคนหล่อทันที

                “เห็นไหม ขนาดคนขายยังอยากให้คุณตอบแทนความน่ารักของผมเลย”

                “คุณนี่มัน…” ใบหน้าสวยเริ่มงอง้ำ

                “เร็วเข้า แค่จูบแก้มครั้งเดียว มันไม่ทำให้คุณบริสุทธิ์ผุดผ่องน้อยลงหรอกน่า” พอลประชดจนได้ยินคำว่า ‘ก็ได้’ เขาเอียงแก้มให้อีกครั้ง กระหยิ่มยิ้มย่องที่เหยื่อสาวติดกับง่ายกว่าที่คิด

                คนขายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อลูกค้าคนสวยยื่นหน้าเข้าไปจะหอมแก้มหนุ่มสุดหล่อ แล้วก็วี้ดว้ายอยู่ในใจเมื่อจู่ๆ ฝ่ายชายพลิกเกมมาเป็นฝ่ายรุก จูบปากของฝ่ายหญิงอย่างถนัดถนี่เหมือนจ้องรอจังหวะอยู่แล้ว

                “คุณ!” ศราวณะผงะออกในอารามตกใจ

                “มุกแกล้งชอปแหลกให้ผมรูดบัตรและถือของมันแป้กมากเก็บไว้ใช้ป้ายหน้านะ ที่รัก” ชายหนุ่มล้อกลับด้วยสรรพนามที่เธอวนเวียนเรียกเขาระหว่างการชอปปิง ก่อนจะฉกปากร้อนเข้าที่แก้มหอมกรุ่นอีกครั้ง คว้าปากกามาเซ็นชื่อลงไปในสลิปและเก็บบัตรเครดิตใส่กระเป๋า แล้วเดินผิวปากออกไป พยักพเยิดให้สองหนุ่มเข้ามาถือข้าวของทั้งหมด

                ศราวณะหน้างอเมื่อเห็นบอดีการ์ดกับคนขับรถเข้ามาช่วยถือของ ในขณะที่พอลยืนกอดอก พิงกรอบประตูร้านและส่งสายตารื่นรมย์มาให้

                “ไหนคุณบอกว่าให้แซมพักไงคะ” หญิงสาวบุ้ยใบ้ไปทางแผ่นหลังของบอดีการ์ดหุ่นล่ำที่กลายเป็นเบ๊ถือถุงชอปปิงแทนเขา

                “ผมเรียกตัวแซมกับคนขับมาเพราะเห็นว่าคุณยังสนุกกับการชอป ทีนี้คุณก็ชอปต่อได้สบาย อยากเข้าอีกกี่สิบร้านก็ไม่มีปัญหา ไม่ต้องกลัวจะเต็มวงเงินด้วย บัตรผมรูดได้อีกหลายล้านเหรียญ ผมกลัวบัตรจะถูกระงับชั่วคราวเพราะรูดถี่และเยอะผิดปกติ เลยแจ้งอเมริกันเอ็กซ์เพรสล่วงหน้าไว้แล้วว่าคืนนี้พาว่าที่ภรรยามาชอป” เขาคว้ามือนุ่มขึ้นไปฝังจูบอย่างเสน่หา เอาใจขนาดนี้ ถ้าเป็นสาวอื่นคงตอบแทนด้วยเซ็กซ์ร้อนๆ ทั้งคืน แต่กับศราวณะ เขาไม่กล้าคาดหวังว่าจะได้มากกว่าจูบที่เพิ่งปล้นมา

                “ฉันไม่อยากชอปต่อแล้วค่ะ” ศราวณะพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุม แต่ยิ่งพยายามเขาก็ยิ่งกระชับมือที่กุมอยู่

                “แย่จัง ถ้าคุณบอกเร็วกว่านี้สักนิด ผมคงไม่ตามแซมกับทอมมาให้เสียเวลาพักผ่อนของพวกเขา ผมรู้สึกผิดมากเลยนะเนี่ย”

                หญิงสาวเผลอแยกเขี้ยวใส่เขา แหม…หน้าตาดูเหมือนรู้สึกผิดมากเลยนะคุณขา คิดว่าเธอโง่จนไม่รู้หรือว่าที่เขาร่ายมายาวๆ เนี่ย ตีวัวกระทบคราด ประชดประชันเธอทั้งนั้น

“ไปที่อื่นต่อ หรือว่ากลับไปนอนดี” ดวงตาคนถามพราวระยับเมื่อพูดคำว่า ‘นอน

                “เอ่อ…ฉันยังไม่ค่อยง่วงเลยค่ะ ถ้าคุณง่วงก็กลับก่อนได้เลย ฉันเดินเล่นต่อคนเดียวได้ ไม่ต้องให้แซมหรือใครอยู่เป็นเพื่อนหรอกค่ะ” ความหวังที่เขาจะแยกกลับก่อนนั้นริบหรี่ยิ่งกว่าแสงของหิ่งห้อยเสียอีก แต่เธอก็ยังหวังลมๆ แล้งๆ          

“The night’s still young. ผมยังไม่ง่วงง่ายๆ หรอก เราลองไปเสี่ยงโชคที่กาสิโนของที่นี่ดีไหม” พอลเสนอไอเดีย

                “เข้ากาสิโนของไวส์โฮเต็ลดีกว่าค่ะ อย่างน้อยถึงจะเสียก็เสียให้ธุรกิจน้องชายคุณ ที่นี่เราชอปกันเยอะแล้ว”

                ความคิดของเธอไม่เลวนัก เขาจึงผงกศีรษะเห็นด้วยและจูงมือพาเดินตามหลังซามูเอลกับคนขับรถ

ทั้งคู่เดินข้ามฝั่งไปยังไวส์โฮเต็ลแอนด์กาสิโนแทนการขึ้นรถลีมูซีน โดยมีซามูเอลเดินตามหลังมาเรื่อยๆ    พอเข้าไปด้านในกาสิโน หญิงสาวก็ตื่นตาตื่นใจกับมหาชนจำนวนมากจนทำให้กาสิโนโอ่อ่ากว้างขวางคล้ายสนามฟุตบอลที่แออัดด้วยนักล่าฝัน เสียงเพลง เสียงคุยจอแจ เสียงหัวเราะ และเสียงเฮที่ได้ยินเป็นระยะจากมุมต่างๆ พาให้คึกคักอย่างบอกไม่ถูก

                “เล่นอะไรดี สลอตแมชชีน บาคคาราต แบล็กแจ็ก โป๊กเกอร์ รูเล็ต ไฮโล กาสิโนวอร์”

                “เอ่อ…ที่คุณไล่มาทั้งหมดเนี่ย ฉันไม่เคยเล่นสักอย่างเลยค่ะ ถึงจะคุ้นหูกับบางชื่อก็เถอะ” ศราวณะยิ้มแหย  

                “มาทางนี้”

พอลลากเธอเดินไปอีกด้านของกาสิโน หยิบการ์ดสีทองส่งให้บอดีการ์ดร่างใหญ่ในชุดสูทซึ่งเฝ้าประตูสีทอง ด้านบนมีป้ายแกะสลักบอกว่าวีไอพี ทั้งสองโค้งคำนับอย่างนอบน้อม ก่อนจะเปิดประตูและอวยพรให้เขากับคู่เดตโชคดี

                “นี่เป็นโซนสำหรับแขกวีไอพี แพ็กซ์ให้การ์ดผมไว้ตั้งแต่กาสิโนเพิ่งเปิด” เขาไม่คิดจะเล่าต่อว่าแขกที่จะเข้าโซนนี้ได้จะต้องมีวงเงินในการเล่นอย่างต่ำหนึ่งล้านเหรียญ

                แชมเปญราคาแพงถูกนำมาเสิร์ฟโดยพนักงานสาวสวยสุดเซ็กซี่ เธอส่งยิ้มหวานอ้อยอิ่งให้พอลนานเสียจนศราวณะแอบหมั่นไส้พ่อคนเสน่ห์แรง มือบางคว้าแชมเปญมาดื่มราวกับน้ำ แล้วกระแทกแก้วเปล่าลงบนถาดแรงเสียจนสาวนางนั้นสะดุ้ง ก่อนที่เธอจะรีบกลบเกลื่อนด้วยการอวยพรให้เธอกับเขาโชคดี

                “คุณไม่จำเป็นต้องหึงเลยคัปเค้ก ในสายตาของผม คุณสวยเซ็กซี่กว่าหล่อนหลายสิบเท่า” พอลก้มลงกระซิบแนบใบหูหอมกรุ่นของคนฟัง หลังจากที่พนักงานคนนั้นเดินจากไป

                “ฉันไม่ได้กระแทกแก้วใส่ถาดเพราะหึงคุณค่ะ กรุณาเข้าใจใหม่ด้วย” ดวงตาสวยดุจ้องตอบไม่ยอมหลบ “ฉันแค่ไม่ชอบผู้หญิงที่ปรายตายั่วผู้ชายทั้งที่เขาไม่ได้มาคนเดียว ผู้หญิงประเภทนั้นทำให้ศักดิ์ศรีของผู้หญิงดีๆ มัวหมอง ทำให้ผู้ชายเหมารวมว่าผู้หญิงทุกคนง่ายแบบนั้น”

                “แย่จัง ผมอุตส่าห์ดีใจนึกว่าคุณจะหึงหรือหวงสักนิดเสียอีก” นักการเงินหนุ่มทำหน้าเหมือนเข็ดฟัน

                “ถ้าหึงหรือหวง ฉันคงจะควักลูกตาคุณออกมาแทนการกระแทกแก้วใส่ถาดแล้วค่ะ ฉันเห็นนะว่าคุณจ้องนมมากกว่าหน้าของหล่อนเสียอีก” เธอแบะปากใส่คนหัวงูด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์

                “ผมเป็นผู้ชายแท้ๆ นะซาร่าห์ แถมยังขาดเซ็กซ์มานานกว่าสองเดือน พอเจอสาวแต่งตัวเซ็กซี่โชว์ร่องอก ผมก็ต้องมองเป็นธรรมดา แต่สาบานจริงๆ ว่าไม่ได้คิดเกินเลยกับหล่อน” พอลปะเหลาะเอาใจ

                “คุณจะคิดหรือไม่คิด มันก็ไม่เกี่ยวกับฉันหรอกค่ะ ฉะนั้น ถ้าอยากคิดหรืออยากชวนเธอไปนอนด้วยก็ตามสบาย” คนพูดยักไหล่นิดๆ แสดงให้เห็นว่าเธอไม่สนไม่แคร์หากเขาจะพาสาวๆ ไปกก

                “ผมว่าเราเลิกคุยเรื่องไร้สาระแล้วไปเสี่ยงโชคกันดีกว่า” ชายหนุ่มเบิกชิปมูลค่าหนึ่งล้านเหรียญและลากเธอไปนั่งที่โต๊ะเล่นกาสิโนวอร์เป็นอันดับแรก แบ่งชิปจำนวนหนึ่งให้เธอ ดีลเลอร์หรือคนแจกไพ่ของทางกาสิโนอธิบายให้ฟังแบบรวบรัดว่าดีลเลอร์กับเพลเยอร์ได้ไพ่คนละใบ ไพ่ของใครสูงกว่าก็ชนะ

                “ง่ายกว่าป๊อกเด้งอีก” ปากอิ่มขมุบขมิบเป็นภาษาไทย พอเห็นเขากับผู้เล่นรอบโต๊ะวางชิปมูลค่าหนึ่งหมื่นเหรียญลงด้านหน้าก็ทำตามบ้าง พร้อมกับค่อนขอดอยู่ในใจว่าเขากับทุกคนบนโต๊ะทำเหมือนเงินหมื่นเหรียญมีมูลค่าเพียงห้าบาท

อึดใจต่อมา ศราวณะก็กรีดร้องดีใจอย่างลืมตัว เมื่อพบว่าเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ได้ไพ่สูงกว่าดีลเลอร์ หญิงสาวเหลือบมองไพ่ของพอลก็ถึงกับหลุดหัวเราะ เพราะเขาได้ไพ่ต่ำที่สุด

                “พรุ่งนี้คุณจ่ายค่าอาหารและค่าทริปด้วยนะ” นักการเงินหนุ่มแสร้งตีหน้าเศร้าบอกท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน

                “ถ้าฉันดวงดีแบบนี้เรื่อยๆ นะคะ” เธอเอ่ยพลางเลือกหยิบแก้วคอสโมโพลิแทนจากถาดเครื่องดื่มที่พนักงานสาวรายหนึ่งนำมาเสนอ ขณะที่พอลสั่นหน้าปฏิเสธเครื่องดื่มในถาดและสั่งกอญักเรมี่ มาร์ติน แบล็ก เพิร์ล หลุยส์ เดอะ เธอทีนธ์ ทั้งขวดมาดื่มกับเพื่อนเล่นร่วมโต๊ะอีกสี่คน

                เครื่องดื่มที่พอลเลือกทำหน้าที่ดั่งสะพานเชื่อมสัมพันธไมตรี เพราะสุภาพบุรุษแต่ละคนต่างพร้อมใจกันขอแลกนามบัตรกับเขา บางคนสัญญาว่าหากขยับขยายกิจการจะนึกถึงไวส์แบงก์เป็นแห่งแรก บางคนอยากเชิญเขาไปงานเลี้ยงฉลองธุรกิจที่ใกล้เปิดตัว อีกคนอยากร่วมลงทุนด้วย และคนสุดท้าย อยากแนะนำให้เขารู้จักกับบุตรสาวโดยไม่แคร์แม้แต่น้อยว่าเธอนั่งหัวโด่อยู่ข้างๆ

                ศราวณะทำเป็นสนใจแค่เกมที่ชนะเกือบทุกรอบและค็อกเทลแก้วแล้วแก้วเล่าที่บริกรคนเดิมวนเวียนนำมาเสิร์ฟให้ไม่ขาด ราวหนึ่งชั่วโมง พอลก็วาดมือมาโอบไหล่และโน้มตัวมากระซิบชวนกลับที่พัก

“อยู่ต่ออีกสักชั่วโมงไม่ได้เหรอคะ ฉันยังมือขึ้นอยู่เลย เห็นไหมว่าได้กำไรล้านกว่าแล้ว” ล้านกว่าเหรียญเชียวนะ ทำงานอยู่เมืองไทยห้าสิบปีก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะมีเงินเก็บถึงสี่สิบล้านหรือเปล่า

                “นี่แหละคือโอกาสดีที่สุดที่คุณจะเดินออกจากที่นี่ ขืนนั่งต่ออีกชั่วโมง รับรองเลยว่าชิปทั้งกองนี่จะย้ายไปอยู่หน้าดีลเลอร์” ชายหนุ่มกล่าวยิ้มๆ ดูเหมือนเธอจะเป็นคนเดียวบนโต๊ะที่โชคดี เพราะเขาและสมาชิกที่เหลือเหลือชิปแค่คนละไม่กี่ชิ้น

                หญิงสาวเหลือบมองชิปน้อยนิดของเขาแล้วก็เลิกอิดออด ทว่าทันทีที่ลุกจากเก้าอี้ โลกทั้งใบก็หมุนคว้างเสียจนเกือบทรุดฮวบลงกับพื้น โชคดีที่เขาสอดมือมารวบเอวไว้ทัน

                “กะแล้วว่าต้องเมา” นอกจากคอสโมโพลิแทนแล้ว ว่าที่ภรรยาของเขายังซัดมาร์การิตา โมฮิโตะ พินาโคลาด้า มินต์จูเลป เรียกได้ว่าเธอคือนักดื่มที่ดื่มไม่เป็นเอาเสียเลย

                “บ่นอะไรของคุณคะ ฉันไม่ได้เมา แค่เสียหลักเพราะรองเท้านี่เท่านั้น ถ้าฉันเมานะ ป่านนี้ลิ้นคงพันกันจนพูดไม่รู้เรื่องแล้วละ นี่ลิ้นฉันยังขยับได้คล่องอยู่เลยค่ะ”

                “อืม…ผมเชื่อ คุณเป็นผู้หญิงที่ใช้ลิ้นเก่งมากเสียจน…ผมอยากพิสูจน์” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มฉายชัดในดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของคนพูดซึ่งถอดสูทตัวนอกออกมายื่นให้คนฟังที่รับไปถือไว้อย่างงงๆ

                “แหวะ เชิญไปพิสูจน์ลิ้นของสาวอื่นเถอะ ลิ้นของฉันมีไว้แค่ใช้พูดกับรับรสของอาหารเท่านั้น”

                “คุณพูดแบบนี้เพราะไม่รู้จริงมากกว่า ลิ้นของคนเป็นอวัยวะที่…ใช้งานได้หลากหลายและอัศจรรย์กว่าที่คุณคิดไว้มาก คัปเค้ก วันหนึ่งคุณจะเก็ตในสิ่งที่ผมพูด

                ศราวณะเกือบหลุดปากสวนกลับไปว่าเธอเก็ตแล้ว แต่กัดลิ้นตัวเองไว้ได้ทัน ทว่าอึดใจต่อมาก็อุทานเบาๆ หน้าเลิ่กลั่กเมื่อถูกตวัดขึ้นสู่อ้อมแขนแกร่ง

                “กระโปรงเดรสของคุณสั้นมาก ถ้าไม่อยากอวดของดีให้คนทั้งกาสิโนเห็น ก็เอาสูทของผมคลุมไว้ซะ”

                หญิงสาวลนลานทำตามคำสั่งนั้นทันที ก่อนจะซุกหน้ากับต้นแขนแกร่งด้วยความอุธัจ ปล่อยให้เขาเคลียร์เรื่องชิปที่ยังอยู่บนโต๊ะกับพนักงาน

“ฉันควรจะให้ชิปดีน่าสักอัน ตอบแทนที่เธอคอยเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ฉัน”

                “ทุกอย่างจะเป็นไปตามคำบัญชาของคุณ ก๊อดเดส” พอลกระซิบแล้วหันไปสั่งความตามการร้องขอ ก่อนพาร่างเย้ายวนออกจากที่นั่น เขาหัวเราะหึๆ เมื่อออกจากโซนวีไอพี แล้วบอดีการ์ดหนุ่มก้าวเข้ามาหาด้วยอารามร้อนใจเพราะนึกว่าศราวณะบาดเจ็บ

                “ซาร่าห์ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน แค่เมาจนเดินไม่ไหวเท่านั้นเอง” เขาหลุบตาลงมองคนเมาซึ่งยังปิดปากเงียบก็ยิ่งขำ

                “ผมเดาว่าคุณคงไม่อยากให้ช่วยอุ้ม” สีหน้าของซามูเอลราบเรียบ ผิดกับแววตาที่เต้นระริกล้อเลียนนายจ้าง

                “ไม่ต้อง แค่ 150 ปอนด์ ฉันอุ้มไหว

                “ฉันหนักแค่ 120 ปอนด์ค่ะ!” ศราวณะแว้ดพลางซัดกำปั้นเล็กเข้าที่อกของคนปากเปราะดังปึ้ก หยาบคายเกินไปแล้วที่คิดว่าเธอหนักขนาดนั้น

120 ปอนด์มันราว 55 กิโลกรัม ถ้า 150 ปอนด์นั่นมันเฉียด 70 กิโลกรัมแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ เมื่อกี้เธอน่าจะตบปากเน่าๆ นั่นแทนการทุบอกแข็งปานกำแพงอิฐของเขา

                “ผมล้อเล่นน่าคัปเค้ก คุณตัวเบาขนาดนี้ ถ้าโกหกว่าหนักแค่ร้อยปอนด์ ผมก็เชื่อสนิทใจ” เขากระชับมือที่อุ้มคนฟัง เดินตามหลังบอดีการ์ดลัดเลาะสวนด้านหลังของโรงแรม ไม่ถึงห้านาทีก็เจอประตูเชื่อมกับสวนด้านหลังของวิลลา ซามูเอลใช้คีย์การ์ดเปิดออกด้วยความไวสูง เพราะเกรงเจ้านายจะเหนื่อยล้า  

                “เจอกันพรุ่งนี้เช้านะแซม” พอลเปรยเมื่อก้าวผ่านประตูเลื่อนเข้าสู่ด้านในของวิลลา

                “ราตรีสวัสดิ์ครับ” ซามูเอลก้มศีรษะเล็กน้อย กลั้นยิ้มเต็มที่เมื่อเห็นว่าที่มิสซิสไวส์แมนทำหน้าตื่นตกใจ เขาจัดการปิดล็อกประตูทุกบาน ก่อนเข้าห้องของตัวเองและหยิบโทรศัพท์มารับสายจากไคลน์

                “เจ้านายกับมิสเข้าห้องไปแล้ว นายมีเรื่องเร่งด่วนหรือเปล่า”

                “มิสพักห้องเดียวกับมิสเตอร์ไวส์แมนเหรอ” น้ำเสียงของปลายสายบอกว่าประหลาดใจเต็มแก่

                “อืม แต่น่าจะแค่นอน ไม่มีกิจกรรมเข้าจังหวะนะ มิสเมามาก ถึงกับต้องอุ้มออกมาจากกาสิโนกันเลยทีเดียว”  

                “ถ้านอนด้วยกันทั้งสองคืน แล้วยังไม่มีอะไรเกินเลยละก็ กลับนิวยอร์กคราวนี้ พวกเราคงต้องรับอารมณ์หงุดหงิดงุ่นง่านกันเป็นสองเท่า” ไคลน์ยอมรับว่าทึ่งกับว่าที่ภรรยาของเจ้านายมาก เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนหลุดรอดกรงเสน่หาของพอลได้สักราย จะว่าไปทุกคนยอมขึ้นเตียงกับเจ้านายของเขาตั้งแต่เดตแรกด้วยซ้ำ นี่ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่สำหรับ พอล ไวส์แมน

                “ตกลงนายโทร. หาฉันเพื่อจะถามแค่นี้เองเหรอ” บอดีการ์ดหนุ่มเย้ากลั้วหัวเราะ

                “เฮ้ย เปล่า ก็แค่สงสัยนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง ที่โทร. หาเพราะอยากให้ช่วยดูอะไรบางอย่างเท่านั้นเอง”

                “อะไร”

                “คนของเราสะกดรอยตามโดมินิกแล้วเห็นบางอย่างผิดปกติ ช่วงนี้ไอ้หมอนั่นแวะไปนอนที่เพนต์เฮาส์แค่อาทิตย์ละวันสองวัน แต่มันย้ายก้นไปนอนที่อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในบรูคลินแทน” น้ำเสียงของคนพูดเปลี่ยนเป็นเครียดขรึมอย่างเห็นได้ชัด

“ติดหญิงมั้ง ไอ้หมอนั่นเจ้าชู้จะตาย” ซามูเอลเอ่ยหยันๆ

                “ก็อาจจะใช่ แต่มันผิดปกติตรงที่มันมักจะแวะซูเปอร์สโตร์ ซื้อของกินของใช้ไปที่นั่นอาทิตย์ละสองถึงสามครั้ง”

                “อืม ผิดปกติจริงนั่นแหละ แล้วเคยเห็นผู้หญิงหรือคนที่มันไปหาบ้างหรือเปล่า”

                “ไม่ มันเข้าไปคนเดียวและออกมาคนเดียวประจำ” 

                “คงต้องหาทางให้คนของเราเข้าไปข้างในและสืบให้รู้ว่ามันไปหาใครที่ห้องไหน กลับนิวยอร์กแล้วฉันจะติดต่อเพื่อนแถวบรูคลิน เผื่อเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง ระหว่างนี้ส่งพิกัดตึกที่มันไปให้ด้วย พรุ่งนี้ฉันจะเล่าให้มิสเตอร์ไวส์แมนฟัง” 

                “ได้ แต่เสียงของนายฟังดูเครียดพิกลว่ะแซม ไปถึงนครบาปขนาดนั้น แถมตอนนี้เจ้านายก็เข้าห้องไปแล้ว นายน่าจะออกไปหิ้วสาวๆ มาปลดปล่อยความเครียดที่มันอัดแน่นอยู่ในเป้ากางเกงบ้างนะ ไม่งั้นวุ้นของนายมันอาจจะบูดภายในเร็ววันนี้”

                “ไอ้บ้า! ฉันมาทำงานโว้ย ไม่ได้คิดถึงเรื่องอย่างว่าตลอดทุกลมหายใจเข้าออกแบบนาย” ซามูเอลสบถลั่นห้องพัก ส่วนคนพูดหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเหมือนชอบใจที่กวนประสาทได้

                “งานของฉันมันเครียด ก็ต้องหาทางระบายความเครียดบ่อยๆ ไม่งั้นเส้นเลือดในสมองอาจระเบิดได้โว้ย ฉันไม่ใช่มนุษย์หินที่หันหลังให้เซ็กซ์มานานเป็นปีๆ อย่างนาย ไม่กวนละ”

                “เออ บาย” บอดีการ์ดหนุ่มตัดสายทิ้งอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเปลี่ยนชุดเพื่อออกไปว่ายน้ำระบายความเครียดแทนการเข้าฟิตเนส

 

                บรรยากาศภายในห้องนอนใหญ่ในวิลลาอึดอัดเสียจนศราวณะรู้สึกเหมือนเธอกับเขาอยู่ในโลงแคบๆ และกำลังแย่งอากาศกันหายใจ

                “ฉันรู้แล้วค่ะว่าทำไมคุณถึงประสบความสำเร็จทางธุรกิจนัก” เธอเอ่ยทำลายความเงียบ ระหว่างที่เขาวางเธอลงบนเตียงและปล้ำถอดรองเท้าส้นสูงสามนิ้วแบบเวจฮีลออกให้ พอลเงยหน้าขึ้นมาสบตา เลิกคิ้วแทนคำถาม “คุณเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม แล้วก็ฉลาดในการเข้าหาคนค่ะ ดูอย่างคืนนี้สิ แค่คุณสั่งกอญัคมาเผื่อ พวกเขาก็ดี๊ด๊าอยากทำธุรกิจกับคุณแล้ว แถมคนที่ชื่อเลนนี่ยังอยากได้คุณเป็นลูกเขยอีก”

                “มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะกอญัคที่ผมสั่งมาดื่มกับพวกเขาน่ะ มันขวดละเกือบสองแสนเหรียญ”

                “สองแสนเหรียญ!” ตาดำขลับขยายใหญ่ขึ้นเกือบเท่าตัว ผู้ชายคนนี้ผลาญเงินเป็นแสนๆ เหรียญภายในวันเดียว นี่เขารู้หรือเปล่าว่าคนเป็นพันๆ ล้านคนทั่วโลกดิ้นรนขวนขวายทั้งชีวิต เพียงเพื่อจะมีเงินเก็บมากเท่ากับเศษเงินของเขา

                “เคยได้ยินคำว่า คิดการณ์ใหญ่ใจต้องถึงไหมซาร่าห์ การซื้อใจคนบางคน โดยเฉพาะคนแปลกหน้า เราต้องแสดงให้เขาเห็นว่าเราแฟร์กับเขา หากพวกเขากู้เงินจากไวส์แบงก์ไปลงทุน ผมจะได้กลับคืนมาเป็นสิบๆ ล้านเหรียญ” นักการเงินหนุ่มอธิบายด้วยท่าทีสุขุมเยือกเย็น

                “ฉันขอโทษค่ะ” ศราวณะอุบอิบบอกหลังจากนิ่งอึ้งไปนานนับนาที

                “ขอโทษเรื่อง…”

                “ฉันตัดสินคุณเร็วไป ฉัน เอ่อ…คิดว่าคุณทำแบบนั้นเพื่อโชว์พาว อวดรวย และไม่เห็นคุณค่าของเงินเสียอีก” เมื่อทำผิด เธอก็ไม่คิดจะไว้ฟอร์ม เพราะเคยถูกสอนมาตลอดว่าคนทำผิดต้องพร้อมขอโทษ และยอมก้มหน้าให้ความถูกต้อง

                “ทำไมถึงคิดว่าผมไม่เห็นค่าของเงินล่ะ” ดวงตาคมกริบอ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าศราวณะคิดแบบนั้นก็แสดงว่าเขาเป็นผู้ชายห่วยแตกมากในสายตาเธอ

                “ก็คุณเล่นตามใจฉันทุกอย่างตอนซื้อของ เบิกชิปเป็นล้าน และก็ซื้อกอญัคแพงๆ เลี้ยงคนที่เพิ่งรู้จักนี่คะ แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าคุณทำแบบนั้นเพื่อปูทางให้ธุรกิจของตัวเองและซื้อใจพวกเขา” เธอจ๋อยสนิทเมื่อเห็นประกายผิดหวังบางอย่างในดวงตาที่สดใสมีชีวิตชีวาอยู่เป็นนิตย์

                “ผิดด้วยเหรอที่ผมอยากเอาใจ อยากให้คุณเห็นว่าผมยินดีที่จะจ่ายเงินเป็นแสนๆ เหรียญเพื่อให้คุณมีความสุข ผมยอมทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าคุณทำเพื่อกลั่นแกล้งผม ผมเบิกชิปเป็นล้าน เพราะอยากให้เราสองคนมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกันบนโต๊ะพนัน ถ้าคุณมองการกระทำทั้งหมดของผมว่าเป็นการอวดรวย มันก็หมายความว่าคุณไม่รู้จักตัวตนของผมเลยสักนิด ซาร่าห์”

ให้ตายเหอะ! เจ็บฉิบหายที่ทำดีแทบตาย แต่อีกฝ่ายกลับไม่เห็นคุณค่าหรือความตั้งใจจริงเลยสักนิด

                “ฉันบอกแล้วไงคะว่าขอโทษ” เสียงของเธอเริ่มแข็งขึ้นเหมือนกัน ถ้าไม่คิดว่ามองเขาผิดไป เธอจะอ้าปากขอโทษไปทำไม

                ร่างสมส่วนดีดตัวลงจากเตียง เดินฉับๆ เข้าห้องน้ำ ทว่ายังไม่ทันจะกระแทกประตูระบายความหงุดหงิด คนขายาวก็ตามเข้ามาและเป็นคนปิดประตูห้องน้ำเสียเอง 

                “คุณตามเข้ามาทำไมคะ” หญิงสาวถามเสียงห้วน มองร่างสูงใหญ่อย่างระแวดระวังกว่าทุกครั้ง อย่าบอกนะว่าเขาจะตามเข้ามาปล้ำจูบเธอเหมือนที่อ่านเจอในนิยายบ่อยๆ

                “แล้วคุณเข้ามาทำไม”

                “เอ๊ะ! ฉันถามคุณก่อนนะคะ ทำไมต้องย้อนกันแบบนี้ด้วย” เรียกว่าโกรธแล้วพาลได้ไหมเนี่ย

                “แล้วคุณเข้ามาทำอะไรล่ะ ซาร่าห์ ถ้าคุณปวดหนักหรือเบา ผมจะได้ออกไป แต่ถ้าคุณเข้ามาล้างหน้าแปรงฟัน ผมจะได้ทำพร้อมกันเพราะผมเองก็เหนื่อย ง่วง อยากรีบเข้านอนเต็มที”

                “โอเคค่ะ เชิญคุณแปรงฟันตามสบาย ฉันจะออกไปรอข้างนอก” ศราวณะทำท่าจะออกจากห้องน้ำ แต่ถูกคว้าข้อศอกไว้เสียก่อน

                “ไม่เอาน่าซาร่าห์ ผมไม่อยากทะเลาะ ไม่อยากเข้านอนทั้งที่เราไม่เข้าใจกัน”

                “ฉันเนี่ยนะคะอยากทะเลาะกับคุณ ฉันอุตส่าห์ขอโทษที่มองคุณผิด มีแต่คุณนั่นแหละโกรธแล้วพาล พาลแล้วเยอะ เยอะแล้วงี่เง่า งี่เง่าแล้ว…”

                “โอเค ผมผิด...ผมผิดเอง” พอลยกมือสองข้างขึ้นส่งสัญญาณว่ายอมยกธงขาว

                “รู้ตัวบ้างก็ดี” หญิงสาวบ่นเป็นภาษาไทย ก็บอกแล้วว่าอย่ามาเยอะกับดาว ดาวไม่ชอบ และดาวจะไม่ทนย่ะ

                “จะอาบน้ำใช่ไหม เดี๋ยวผมเตรียมน้ำให้อีก” น้ำเสียงเขาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

                “อาบทำไมคะ ฉันเพิ่งอาบตอนทุ่มตรง แค่ล้างหน้าแปรงฟันก็พอแล้ว” ขืนอาบอีกมีหวังสร่างเมา หายง่วงกันพอดี

                “แต่เราออกไปตระเวนข้างนอกตั้งหลายชั่วโมง คุณควรอาบอีก จะได้หลับอย่างสบายตัวไง” ผู้หญิงทุกคนที่จะขึ้นเตียงกับเขา แม้จะบอกว่าเพิ่งอาบน้ำมา แต่เขาก็สั่งให้พวกเธอเข้าไปอาบน้ำอีกครั้งเสมอ ใช่ว่าเขาไม่เชื่อว่าเธออาบน้ำก่อนมาจริงหรอกนะ แต่อยากมั่นใจว่าสะอาดสะอ้านมากพอที่จะหลับนอนกับเขาต่างหาก

                “มิสเตอร์ไวส์แมน” นิ้วเรียวจิ้มเข้าบริเวณอกคนฟัง ใบหน้าแดงก่ำแหงนขึ้น เธอมองเขาอย่างกวนๆ “ฉันกำลังเมาและก็ง่วงมากค่ะ ฉันมั่นใจว่าถึงจะไม่อาบอีก แต่ฉันก็จะหลับปุ๋ยฝันดีจนถึงแปดโมงเช้า ขืนคุณยังเจ้ากี้เจ้าการจะให้อาบน้ำก่อนนอนอีกละก็ ฉันจะอัปเปหิตัวเองออกไปนอนที่โซฟาข้างนอก โอเค้”

                “โอเค ไม่อาบก็ไม่อาบ” พอลกัดฟันยอมแพ้ พลางปลอบใจตัวเองว่าการที่เธอยอมนอนร่วมเตียงกับเขามันสำคัญกว่าการอาบน้ำก่อนนอน

                “โอเค้ งั้นฉันล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะคะ” ศราวณะนวยนาดไปยังหนึ่งในสองของอ่างล้างมือที่มีกระเป๋าใส่ของใช้ส่วนตัว หยิบแปรงสีฟันไฟฟ้ากับยาสีฟัน อันเป็นอภินันทนาการจากเขามาแปรงฟัน

                “คุณเป็นผู้หญิงที่แปรงฟันได้น่าทึ่งมาก” เขาเก็บคำว่าน่าเกลียดน่ากลัวไว้ในอก ขณะมองปากที่เต็มไปด้วยฟองจากยาสีฟันอย่างอึ้งๆ แล้วเดินไปประจำที่หน้าอ่างล้างมืออีกอ่างและเริ่มแปรงฟันตัวเองบ้าง

                หญิงสาวปรายตามองแล้วก็แอบค้อนปะหลับปะเหลือก แหม…แปรงฟันแบบผู้ดีจ๋า ปากปิดสนิท ฟองไม่โผล่ออกมาให้เห็นสักนิดเลยนะ เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นคนที่รักษาความเนี้ยบไว้ได้ทุกอิริยาบถก็คราวนี้ละ แต่จะแคร์ทำไมล่ะ เธอไม่ได้ยืนแปรงฟันบนหัวเขาเสียหน่อย ถ้าเขาคิดว่าการแปรงฟันแบบฟองฟูมปากของเธอมันแย่ มันก็เป็นปัญหาของเขา ไม่เกี่ยวกับเธอสักนิด

                นักการเงินหนุ่มหันมาสบตาดำขลับแล้วเลิกคิ้วสูงราวกับจะถามว่ามีอะไร ศราวณะสั่นหน้าแล้วก้มลงบ้วนปาก ก่อนจะเหลือบมองไปทางเขาอีกครั้ง ปากอิ่มบิดเบ้อย่างหมั่นไส้เมื่อเขาเลือกหยิบแก้วมารินน้ำ ยกขึ้นล้างปากตัวเอง แทนการก้มลงตะแคงหน้าล้างปากจากก๊อกโดยตรงแบบเธอ

                ยิ่งมองก็ยิ่งหมั่นไส้ ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากกระโดดถีบแบบสองขาคู่!

ศราวณะล้างหน้าเป็นลำดับถัดไป เหล่มองว่าที่สามีก็เห็นเขาใช้ไหมขัดฟันตัวเองอย่างประณีตบรรจง บ้วนปากด้วยลิสเตอรีน

โว้ะ! มิน่าล่ะ ไปเปอร์ถึงเมาท์ให้เธอฟังว่าคนส่วนใหญ่ไปขูดหินปูนปีละสองครั้งตามวงเงินที่ประกันสุขภาพจ่าย แต่คุณชายอนามัยจ๋าผู้นี้ไปทุกสามเดือน

“การแปรงฟันอย่างเดียวมันไม่ทำให้เหงือกและฟันสะอาดพอหรอกนะซาร่าห์ คุณควรจะใช้ไหมขัดฟันและบ้วนปากด้วยทุกครั้ง” ไม่พูดเปล่า แต่เขายังนำทั้งตลับไหมขัดฟัน และขวดน้ำยาบ้วนปากมาวางแหมะบนเคาน์เตอร์ให้

“คุณทำแบบนี้แค่ตอนเช้ากับก่อนนอน หรือว่าทำตอนจะจูบกับสาวๆ ทุกครั้งด้วยคะ แล้วสาวๆ พวกนั้นต้องแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และบ้วนปากก่อนด้วยไหม” หญิงสาวถามด้วยสีหน้ายียวนกวนประสาทมากกว่าจะอยากรู้จริง แล้วเธอก็ผงะอย่างตกใจเมื่อเขาโน้มลงมาใกล้จนได้กลิ่นลิสเตอรีน

                “ถ้าส่วนใหญ่ละก็ใช่ แต่เคสของคุณ…” นัยน์ตาร้อนแรงลดลงมองเรียวปากสีหวาน “แค่แปรงฟันก็พอ ผมหยวนให้เป็นกรณีพิเศษ”

                “ขอบคุณที่เสนอ แต่ขอโทษที่สนองให้ไม่ได้ค่ะ”

                “คุณอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเปล่า ผมจะอาบน้ำก่อนนอน”

                “ค่ะ” หญิงสาวตอบรับแล้วออกไปเลือกเสื้อผ้าที่จะสวมจากกระเป๋าเดินทาง

                พอลเดินออกมารอด้านนอกอย่างรู้หน้าที่ เขารอไม่ถึงสองนาที อีกฝ่ายก็เดินเฉิดฉายออกจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดสีฟ้าและกางเกงวอร์มสีเทา 

                “ชุดนอนของคุณนี่เหมือนชุดเตรียมออกไปจ็อกกิงเลยนะ” หรือว่าเธอสวมชุดนี้เพื่อเตรียมเผ่น หากเขาทำท่าว่าจะล่วงเกิน 

                “ชุดนอนผ้าซาติน ผ้าลูกไม้ ผ้าไหมที่คุณสั่งให้ไปป์หามาให้น่ะ ฉันเก็บเข้ากรุเอาไว้ใช้ในโอกาสพิเศษและกับคนพิเศษเท่านั้นแหละค่ะ” ศราวณะส่งยิ้มหยันให้คนถาม ผิดหวังละสิที่เธอไม่ได้แต่งตัววับแวมโชว์ขาอ่อนกับร่องอกแบบบรรดาอีหนูที่เคยคั่ว

                “ผมจะจำไว้” เจ้าของนัยน์ตาคมยิ้มอย่างมีนัยก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ เขาใช้เวลาอาบน้ำเพียงห้านาทีก็กลับออกมาอีกครั้งในสภาพผ้าขนหนูพันกายผืนเดียว หวังว่าจะโชว์ความหล่อล่ำให้เพื่อนร่วมเตียงเห็นสักหน่อย แต่ต้องผิดหวัง เพราะแม่สาวขี้เมาหลับไปเสียแล้ว

 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น