11

วาระใจสั่น


11

วาระใจสั่น

โซอี้จิกเล็บแหลมยาวกับฝ่ามือตัวเองเพื่อระงับไฟริษยาที่กำลังลุกโชนอย่างหนัก เธอกัดริมฝีปากล่างแน่น มองนายธนาคารหนุ่มวนเวียนจูบสาวไทยอย่างดูดดื่มเร่าร้อนเป็นเวลาหลายนาที เขาแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าปรารถนามากกว่านั้น แต่แม่สาวไทยหน้าโง่กลับสั่นหน้าปฏิเสธและหนีเข้าห้อง ปล่อยให้สุดหล่อยืนสูดหายใจเข้าลึกเพื่อระงับอารมณ์พลุ่งพล่าน

โง่ชะมัด!’ พี่เลี้ยงสาวก่นด่าสาวเอเชียในอก ยิ่งเปรียบเทียบชุดนอนเสื้อและกางเกงขายาวที่อีกฝ่ายสวม กับชุดนอนสุดเซ็กซี่ของตนก็ยิ่งรู้สึกว่าศราวณะไม่มีอะไรเหนือกว่าเธอเลยสักนิด แต่อะไรกันที่ทำให้นักการเงินสุดหล่อหลงใหลได้ปลื้มในตัวเธอนักหนา

ร่างเย้ายวนก้าวขึ้นจากบันไดขั้นสุดท้าย แสร้งทำหน้าทำตาเหมือนแปลกใจที่เห็นเขายืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของสาวไทย

“มาส่งมิสเข้านอนเหรอคะ” ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอประกายล้อเลียนอยู่ในที

                “ก็ทำนองนั้น” พอลตอบเสียงห้วน ยังหงุดหงิดที่ถูกทิ้งให้อารมณ์ค้าง เขาอุตส่าห์กระตุ้นอารมณ์ภรรยานานนับห้านาที หวังว่าเธอจะเซย์เยสเมื่อกระซิบเว้าวอนขอนอนด้วย แต่ศราวณะกลับปฏิเสธเขาอย่างเลือดเย็น ปฏิเสธทั้งที่เห็นอยู่ทนโท่ว่าเขาต้องการเธอจนไฟแทบจะลุกท่วมเป้ากางเกงอยู่แล้ว 

                “อู้ แย่จังค่ะ ฉันไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธคุณ” โซอี้ทำใจกล้า ลดสายตาลงมองที่เป้ากางเกงนอนของคู่สนทนา ซึ่งโป่งพองอย่างเห็นได้ชัด

                “ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ” ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกเมื่ออีกฝ่ายเยื้องย่างเข้ามาหาด้วยลีลาสุดเซ็กซี่ สายตาร้อนแรงของเธอเปิดเปลือยความรู้สึกทั้งมวล

                “คุณเพอร์เฟกต์ทุกๆ ด้านค่ะ พอล” โซอี้ทำใจกล้าเรียกชื่อของนายจ้างเพราะอยากลดกำแพงแห่งชนชั้นลง จะดีแค่ไหนหากเธอได้เป็นหนึ่งในผู้หญิงของเขา ผู้ชายที่มีพร้อมทั้งรูปทรัพย์และทุนทรัพย์อย่างพอล หาอีกเป็นยี่สิบปีก็ยังไม่รู้ว่าจะพบและมีโอกาสได้ใกล้ชิดอย่างนี้หรือเปล่า “เสียดายที่มิสไม่เห็นคุณค่าของคุณ”

                “คุณคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ โซอี้” นัยน์ตาคมกริบจ้องตาสาวเม็กซิกันไม่กะพริบ แค่คุยกันไม่กี่ประโยค เขาก็รู้แล้วว่าเธอเป็นสาวร้อนแรง มั่นใจในตัวเองสูง และพร้อมจะทำให้จินตนาการทุกอย่างของผู้ชายกลายเป็นจริง โซอี้มีหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับภรรยาของโลแกน ต่างกันก็แค่เพียงฐานะทางสังคม ซึ่งอแมนด้ามีพร้อม ขณะที่โซอี้พยายามตะเกียกตะกายขึ้นสู่ที่สูงโดยอาศัยรูปลักษณ์ฮอตฉ่าของตน

                Gold Digger หรือนักขุดทอง น่าจะเป็นนิยามที่ตรงกับเธอที่สุดแล้ว แต่ผู้หญิงประเภทนี้เหมาะที่จะเป็นคู่นอนชั่วคราว ไม่ใช่คู่ชีวิต!

“แล้วฉันคิดถูกหรือเปล่าล่ะคะ” สาวเม็กซิกันย้อนแล้วยิ้มพึงใจที่เขาใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ เท้าเรียวเล็กก้าวเข้าไปใกล้ปลาตัวใหญ่ที่เธอมั่นใจว่าอีกไม่ถึงหนึ่งนาทีจะอ้าปากฮุบเหยื่อ “คนระดับคุณ ผู้หญิงควรจะเป็นฝ่ายเข้าหาค่ะพอล ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงไปง้อผู้หญิงให้เสียเชิงหรอก”

                “นั่นสินะ ผู้หญิงควรจะมองผมเหมือนเห็นพระเจ้า” ชายหนุ่มตอบรับเหมือนเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอพูด แต่ความหมายไปคนละทางอย่างสิ้นเชิง นี่เธอคิดว่าเป็นผู้หญิงคนแรกที่พูดและทำแบบนี้หรือไง โซอี้โชคดีที่เจอเขาในตอนนี้ เพราะหากเป็นเมื่อก่อน เขาคงแกล้งเห็นดีเห็นงามให้เธอลำพองใจว่าเป็นต่อ แต่พอเสพสุขจากเรือนร่างจนพอใจ ก็กล่าวอำลาพร้อมกับยื่นเช็คหนึ่งใบให้

                “ฉันดีใจที่คุณเห็นด้วยค่ะ”

                “ผมควรจะทำอย่างไรกับคุณดี โซอี้” นักการเงินหนุ่มไล่สายตากวาดมองร่างเย้ายวน ราวกับกำลังประเมินผลว่าควรลงทุนกับโครงการที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่นำมาเสนอหรือเปล่า

                “ทำอย่างที่ใจคุณอยากทำค่ะ” โซอี้เอ่ยเสียงกระเส่า แค่เห็นว่าเขากำลังมองหน้าอก ร่างกายของเธอก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง ปลายถันหดตัวชูชันขึ้นมาทันที

ไม่ต้องเดาล่วงหน้า เธอก็มั่นใจว่าเซ็กซ์ของเขาจะต้องดุเด็ดเผ็ดร้อนยิ่งกว่าเคี้ยวพริกฮาบาเนโรทั้งกำมือ มือเรียวยื่นไปลูบไล้แผ่นอกตึงแน่นของนายจ้างผ่านเสื้อนอนเนื้อบาง จงใจลากฝ่ามือต่ำลงมาเรื่อยๆ ตามแนวดิ่ง ทว่ายังไม่ถึงจุดหมายที่อยากสัมผัสกอบกุม เจ้าของคฤหาสน์ก็รวบมือซุกซนและตวัดขึ้นสู่วงแขน

                “คุณกำลังจะเล่นกับไฟ!” พอลเอ่ยเสียงลอดไรฟัน แล้วก้าวยาวๆ นำไปทางประตูห้องนอน

 ฉันยินดีจะตายเพราะถูกไฟคลอกค่ะสาวใจกล้ากระหยิ่มยิ้มย่อง วาดหวังว่าหากสามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ในคืนนี้ พรุ่งนี้เธอจะกลายเป็นคนโปรดที่ทุกคนต้องเรียกว่ามิส และศราวณะจะกลายเป็นคนไร้ค่าในสายตาของเขา

                ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าที่หน้าประตูห้องนอนของซามูเอล ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องนอนของเขา ก้มลงมองสีหน้าลิงโลดของโซอี้ด้วยความรู้สึกขยะแขยงแกมสมเพช

“มีบางอย่างที่ผมยังไม่ได้บอกคุณนะโซอี้ ถ้าคุณรับได้ ก็ถือว่าเราเข้าใจตรงกัน แต่ถ้ารับไม่ได้ก็ควรจะลาออก หรือไม่ก็ทำเป็นลืมว่าคืนนี้เราคุยอะไรกัน”

                “พูดมาเถอะค่ะ ฉันมั่นใจว่าไม่มีอะไรเกี่ยวกับคุณที่ฉันจะรับไม่ได้” พี่เลี้ยงสาวแหงนหน้าส่งสายตาท้าทายอย่างไม่หวั่น ถ้าเขากำลังจะบอกว่ามีรสนิยมเรื่องเซ็กซ์เหมือน คริสเตียน เกรย์ ในหนังเรื่องฟิฟทีเฉดส์ออฟเกรย์ละก็ เธอไม่กลัวหรอก ออกจะตื่นเต้นด้วยซ้ำ เพราะที่ผ่านมาก็เจอผู้ชายค่อนข้างหลากหลายเหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีใครฮอตและร้อนแรงเท่าเขา

                “ดี” คนพูดยิ้มแสยะ ในขณะที่ใช้เท้าเตะประตูห้องนอนของบอดีการ์ดอันดับหนึ่ง ไม่ถึงห้าวินาที ประตูสีขาวบานนั้นก็เปิดออกพร้อมกับใบหน้าเหมือนกับถูกแปะไว้ด้วยเครื่องหมายคำถามของซามูเอล

                พอลไม่ตอบคำถามของบอดีการ์ด แต่ก้มลงเปรยกับสาวเม็กซิกันผู้ร่านร้อนว่า “คุณจะหาว่าผมโรคจิตก็ได้นะโซอี้ แต่ผู้หญิงทุกคนที่จะขึ้นเตียงกับผม ต้องผ่านการสกรีนจากแซมเสียก่อน แซมไม่ใช่แค่บอดีการ์ดของผม แต่เขายังเป็นเพื่อน เป็นคนที่ผมชอบแชร์อะไรหลายอย่างด้วย ผมพูดแค่นี้คุณคงจะเข้าใจนะ”

                “ตะ แต่…” โซอี้ใจหายวาบเมื่อถูกส่งเข้าสู่อ้อมแขนของบอดีการ์ดหน้าดุ

                “ชนะใจแซม ก็เท่ากับชนะใจผม เก็ตนะ” ชายหนุ่มตัดบท แล้วขยิบตาให้บอดีการ์ดซึ่งบดกรามเข้าหากันจนเกิดสันนูนที่เขาผลักภาระใหญ่หลวงให้จัดการแทน “พรุ่งนี้ฉันจะอยู่บ้านเลี้ยงลูก ไม่มีแพลนออกไปไหน นายกับโซอี้ตื่นบ่ายสองก็ยังได้”

                มือหนาปิดประตูห้องนอนให้คนฟัง แล้วหันหลังเดินหายเข้าห้องนอนของตัวเอง จากนั้นก็ระเบิดหัวเราะอย่างสะใจที่สามารถแกล้งคนสนิทได้  

“ช่วยไม่ได้นะแซม นายทำตัวเป็นหมีจำศีลมาหลายปีดีดัก ฉันว่าเซ็กซ์อาจจะทำให้นายมีชีวิตชีวา เลิกทำตัวเป็นโรบ็อตเสียที”

พอลไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนอนของซามูเอล แต่เขาหลับยาวถึงหกโมงเช้า และลุกไปเข้าฟิตเนสเกือบหนึ่งชั่วโมงด้วยความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า พอขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดอยู่กับบ้านง่ายๆ ก็เข้าไปนั่งในห้องของบุตรบุญธรรมเพราะอยากเซอร์ไพรส์แม่หนูน้อย เกือบแปดโมงเช้าเขาก็ยิ้มกว้างเมื่อร่างน้อยในเปลเริ่มขยุกขยิก

                “อรุณสวัสดิ์ คนสวย” ชายหนุ่มทักทายด้วยรอยยิ้มแจ่มใส ตาทอประกายแห่งความรักใคร่เต็มเปี่ยม

                “ปะป๊า!” เด็กหญิงอลิซอุทานลั่นห้อง ลุกพรวดขึ้นมาหาอ้อมแขนที่อ้ารอรับอยู่ทันที

                “คิดถึงจังเลย ไม่ได้เจอกันตั้งอาทิตย์ ลูกสาวของปะป๊าโตขึ้นเยอะเลยนะ” เขายกร่างที่หนักเกือบสามสิบห้าปอนด์ขึ้นมาอุ้ม หอมแก้มยุ้ยทั้งสองข้างอย่างมันเขี้ยว

                “อาลิซ...คิดถึง…ปะป๊า…” หนูน้อยอลิซแตะมือเข้าที่อกของตัวเองก่อนจะเปลี่ยนไปแตะที่อกของคนฟัง

                “ปะป๊าก็คิดถึงอลิซเหมือนกัน”

                “อ่าน หนางสือ” นิ้วป้อมๆ ชี้ไปยังชั้นวางหนังสือสำหรับเด็กที่อยู่มุมห้อง ขณะออกเสียง

ส่งภาษาอังกฤษที่ยังไม่ชัดนักอย่างช้าๆ

                “โอเค เราอ่านหนังสือกัน” พอลอุ้มร่างอวบตามแบบฉบับเด็กๆ ไปยังชั้นหนังสือ หยิบเล่มนั้นเล่มนี้มาเสนอ จนกระทั่งแม่หนูน้อยชี้บอกว่าต้องการเล่มไหน จึงพากลับไปนั่งที่โซฟา

                “ปลา!”

                “ใช่แล้ว ไม่ใช่ปลาธรรมดาด้วยนะ มันชื่อว่า…ปลาสายรุ้ง” รอยยิ้มอ่อนโยนผุดขึ้นบนใบหน้าของคนฟังเมื่อคนบนตักพยายามเปิดหน้าถัดไปจนสำเร็จ

“ปลาสายรุ้งเป็นปลาที่สวยที่สุดในทะเล แต่มันไม่เคยเล่นกับใครเลย มันคิดว่ามันสวยเกินกว่าที่จะเล่นหัวกับปลาตัวอื่น วันหนึ่งปลาสีน้ำเงินมาขอเกล็ดของมัน แต่มันหัวเราะเยาะและบอกว่าฝันไปเหอะ จากนั้นปลาทุกตัวก็ว่ายหนี มันกลายเป็นปลาที่ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครอยากคบ เจ้าปลาหมึกยักษ์บอกมันว่าการให้เกล็ดสวยๆ ของมันกับปลาตัวอื่น อาจทำให้มันสวยน้อยลง แต่มันจะมีเพื่อนมากมายและจะไม่เหงา เจ้าปลาสายรุ้งทำหน้าเศร้าและบอกว่าฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก จู่ๆ เจ้าปลาสีน้ำเงินตัวเดิมก็ว่ายกลับมาหามันอีกครั้ง มันพูดว่า น่านะ ขอเกล็ดสวยๆ นั่นให้ฉันสักอันเถอะ เจ้าปลาสายรุ้งคิดว่าให้เกล็ดสักอันคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง เจ้าปลาสีน้ำเงินดีใจใหญ่ มันทำให้เจ้าปลาสายรุ้งรู้สึกมีความสุข และมันก็ตัดสินใจให้เกล็ดกับปลาตัวอื่นๆ ที่เข้ามาขอ จนสุดท้ายมันเหลือเกล็ดแสนสวยแค่อันเดียว แต่ระหว่างที่ว่ายน้ำเล่นกับเพื่อนๆ มันรู้สึกว่ามันเป็นปลาที่มีความสุขที่สุดในโลก”

หนูน้อยอลิซปรบมือชอบอกชอบใจ แล้วกุลีกุจอปีนลงจากตัก เพื่อไปเลือกหนังสือเล่มอื่นมายื่นให้อีก สองพ่อลูกเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือจนไม่ทันเห็นว่าคนแอบมองจากประตูที่เปิดแง้มไว้ถึงกับยิ้มแก้มแทบปริ

ศราวณะเดินฮัมเพลงลงมาจากชั้นสองของคฤหาสน์ พอเข้าไปชงกาแฟดื่มในครัวก็แจ้งแก่พ่อบ้านด้วยสีหน้าครึ้มอกครึ้มใจว่าต้องการลงมือทำอาหารเช้าด้วยตัวเอง เชฟหลักอย่างเปปเปอร์จึงกลายเป็นลูกมือไปโดยปริยาย

                “มิสชอบทำอาหารเหรอคะ”

                “ชอบทำเฉพาะเวลาที่อารมณ์ดีสุดๆ เท่านั้นแหละค่ะ ไม่อยากจะโม้เลย แต่ฉันเข้าครัวทีไร หลานชายที่เมืองไทยดีอกดีใจกันมากค่ะ แต่ฉันไม่ค่อยทำตามสูตรเป๊ะๆ หรอกนะคะ ชอบเติมนั่นเติมนี่เข้าไปจนแม่บ่นว่าสูตรแต่ละเมนูของฉันมันเปลี่ยนไปตลอดเวลา” หญิงสาวเอ่ยกลั้วหัวเราะ

                “ไปป์เล่าให้ฉันฟังว่า มิสเตอร์ไวส์แมนกินอาหารเช้าที่มิสทำและฝากไปให้หมดเกลี้ยงแบบไม่เหลือคราบติดกล่องเลยค่ะ” เปปเปอร์เล่าให้ฟังด้วยสีหน้ายิ้มๆ

                “ที่ออฟฟิศเลี้ยงหมาไว้หรือเปล่าคะ” คนทำเอ่ยติดจะขำ

                “มิสอย่าพูดแบบนี้ให้มิสเตอร์ไวส์แมนได้ยินเชียวนะคะ ไม่งั้นเขาโกรธมิสแน่” เปปเปอร์หัวเราะจนไหล่สะท้าน

                “เราเลิกพูดเรื่องเขากันดีกว่าค่ะ พักนี้สีหน้าของคุณสดใสมาก แถมตาเป็นประกายวิบวับเหมือนคนมีความสุขอยู่ตลอดเวลา คุณกำลังมีความรักหรือเปล่าคะเป๊ป” ที่ถามเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายแต่งตัวสวยออกไปข้างนอกอาทิตย์ละหลายครั้ง แม้แต่ไปเปอร์กับชาร์ลีก็เปรยให้ได้ยินว่าเปปเปอร์คงกำลังอินเลิฟ

                “เรียกว่าความรักคงยังไม่ได้หรอกค่ะ ฉันกับเขาเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เราก็เข้ากันได้ดี”

                “ฉันเดาไม่ผิดจริงๆ ด้วย”

                “ฉันทำตัวผิดปกติขนาดนั้นเลยเหรอคะ” คนพูดลนลานเสียจนอีกฝ่ายหัวเราะ

                “เคยได้ยินไหมคะ ว่าเวลาผู้หญิงมีความรักจะสวยขึ้นเพราะมักใส่ใจดูแลผิวพรรณกับเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองกว่าปกติ ตาจะเป็นประกายเจิดจ้าเหมือนมีดาวเป็นร้อยดวงอยู่ในนั้น”

                “แล้วผู้หญิงที่ไม่สนใจดูแลตัวเองล่ะ เข้าข่ายผู้หญิงเกลียด กลัว หรือกำลังวิ่งหนีความรักหืม ซาร่าห์” เสียงทุ้มนุ่มนวลที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาสองสาวหันขวับ เปปเปอร์ยิ้มอ่อนหวานให้เจ้านายหนุ่มกับหนูน้อยในวงแขนของเขา ขณะที่ศราวณะค้อนเสียจนตาคว่ำ

                “หม่ามี้!”

                “อรุณสวัสดิ์ค่ะคนสวย นึกว่าเจอคนโปรดแล้วจะลืมหม่ามี้เสียอีก”

                “หม่ามี้สวยขนาดนี้ ใครจะลืมลงเนอะอลิซ หอมจัง เช้านี้หม่ามี้ทำอะไรให้เราหม่ำน้า” พอลอุ้มแม่หนูไปชะเง้อชะแง้ดูแม่ครัวใหญ่ ซึ่งกำลังทำอาหารเช้าอย่างขะมักเขม้น

                “ข้าวต้มทะเลค่ะ” ศราวณะตอบยิ้มๆ เห็นเขาอยู่กับอลิซทีไร เธอก็กลายเป็นพวกบ้ายิ้มทุกที

                “หม่ามี้ มอร์นิงคิส” แม่หนูน้อยร้องขอพร้อมกับทำปากจู๋รอจูบ น่ารักเสียจนหญิงสาวยอมผละจากหัวแก๊สและยื่นปากไปจุ๊บเสียงดังจ๊วบ

                “แล้วมอร์นิงคิสของผมล่ะ” พอลทวงบ้าง มองเรียวปากสีหวานอย่างมีความหมาย ยังจำรสชาติหวานเกินห้ามใจของจูบเมื่อคืนได้เป็นอย่างดี จำจนเก็บเอาไปฝันเป็นตุเป็นตะว่าถูกเธอลากเข้าห้องนอน

                “ไม่มีค่ะ” หญิงสาวหน้าแดงแปร๊ด อายที่เขาขอต่อหน้าต่อตาเปปเปอร์และชาร์ลี

                “ใจดำชะมัด” ชายหนุ่มทำหน้าเศร้า

                “ปะป๊า เศร้า” หนูน้อยอลิซทำหน้าเป็นห่วงเป็นใยคุณป๋า

                “ใช่ ปะป๊าเศร้า เศร้ามาก เพราะหม่ามี้ไม่ยอมให้มอร์นิงคิส” พอลเล่นละครโดยไม่แคร์สายตาคาดโทษ ของคนที่ตกเป็นจำเลย เขาทำหน้าเหมือนคนที่กำลังร้องไห้ผสมกับแกล้งสะอื้น ไม่นำพาอาการยกไม้ยกมือห้ามของภรรยา แล้วปรับสีหน้าแทบไม่ทันเมื่อคนในวงแขนร้องไห้ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

                “โอ๋ๆ ไม่เอา ไม่ร้องนะคะอลิซ ปะป๊าแฮปปี ไม่เศร้า ไม่ร้องไห้แล้วค่ะ” ศราวณะปลอบหลานพลางถลึงตาเอาเรื่องใส่ตัวปัญหาซึ่งยังงงเป็นไก่ตาแตก “วันหลังอย่าเล่นแบบนี้อีกนะคะ เด็กวัยนี้เขาอารมณ์อ่อนไหวมากเป็นพิเศษ ถ้าใครร้องไห้ แกก็จะร้องตามทุกที”

                “ขอโทษจริงๆ คัปเค้ก ผมไม่รู้ว่าลูกเซนสิทีฟขนาดนี้” เขาขอโทษขอโพยเสียงอ่อยขณะซับน้ำตาให้อลิซ

                “หม่ามี้ ปะป๊า มอร์นิงคิส!” แม่หนูน้อยสั่งทั้งน้ำตาคลอเบ้า

                “เอ่อ…อลิซจ๊ะ หม่ามี้คิดว่าไม่ดีกว่ามั้งคราวนี้คุณแม่จำเป็นถึงกับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เหลือบมองใบหน้ายิ้มเย้ากึ่งท้าทายของสามีลับๆ แล้วก็บอกคุณลูกเร็วปรื๋อว่า “คือ…เช้านี้หม่ามี้ยังไม่ได้แปรงฟันเลยค่ะ รอให้หม่ามี้แปรงฟันก่อนนะคะ

                “ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ เราคงไม่จูบกันถึงขั้นต้องแลกลิ้นหรอกมั้ง” ชายหนุ่มดักทางเหมือนอ่านเกมของคนหน้างอทะลุปรุโปร่ง “เร็วสิ ไม่งั้นถ้าแปรงฟันเสร็จ จะเจอจูบแบบเมื่อคืน แต่ยกกำลังสองนะ”

                “คุณ!” หญิงสาวทั้งโกรธทั้งอายที่เขากล้ากินที่ลับไขที่แจ้ง

                “อลิซปรบมือให้หม่ามี้หน่อยเร้ว ไม่งั้นหม่ามี้ไม่คิสปะป๊านะ” คนเจ้าเล่ห์เรียกเสียงเชียร์พร้อมกับยื่นหน้าไปทางคนที่กำลังถูกต้อนให้จนมุม

                “หม่ามี้! คิส!” หนูน้อยอลิซปรบมือส่งกำลังใจให้คุณแม่ ศราวณะไม่มีทางเลือกนอกจากยื่นหน้าเข้ามาแตะปากของจอมบงการด้วยสปีดของความไวแสง

                “กูดจ๊อบ หม่ามี้ วันหลังขอมอร์นิงคิสแบบสปีดเหมือนคนธรรมดาแทนนะ”

                “หยุดพูดแล้วพาอลิซไปนั่งที่โต๊ะอาหารเลยค่ะ ข้าวต้มเสร็จแล้ว”

                “มิสเตอร์ไวส์แมนจะให้ฉันทำอาหารเพิ่มอีกสักอย่างสองอย่างไหมคะ” เปปเปอร์เสนออย่างหลังจากยืนมองเงียบๆ มาหลายนาที

                “ไม่ละเป๊ป ไปพักตามสบายเถอะ คุณก็เหมือนกันชาร์ลี เดี๋ยวเราจะดูแลกันเอง” พอลปฏิเสธยิ้มๆ เขารอจนกระทั่งเชฟสาวกับผู้เป็นบิดาเดินหายไปในเขตของบริวาร จึงหันมาชวนภรรยาคุยต่อ “เมื่อคืนโซอี้ขอให้บริการผมหลังจากที่คุณเข้าห้องไปแล้ว”

                “หา! อะไรนะคะ” เธอเบิกตาโพลงเมื่อสามีพยักหน้ายืนยันว่าได้ยินไม่ผิด ความโกรธขึ้งฉายชัดในนัยน์ตาดำขลับที่เห็นเขายิ้มระรื่น “เมื่อคืนคุณยังพูดอยู่หยกๆ ว่าไม่ชอบยุ่งกับคนในปกครอง”

                “หล่อนตื๊อมาก แถมยังบอกว่าคุณโง่ที่มองไม่เห็นคุณค่าของผมด้วย”

                “คุณกำลังใส่ไฟเพื่อให้ฉันกับโซอี้ทะเลาะกันหรือเปล่าคะ” ศราวณะจ้องตาคนฟังอย่างระแวง

                “คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่าซาร่าห์ ผมเป็นผู้ชายนะ เรื่องจุกจิกของพวกผู้หญิงน่ะ ผมไม่ใส่ใจหรอก ถ้าคุณไม่เชื่อ กินข้าวเสร็จ ลงไปดูกล้องวงจรปิดย้อนหลังที่ห้องควบคุมก็ได้”

                “ข้างบนมีกล้องวงจรปิดด้วยเหรอคะ ทำไมฉันไม่เห็นเลย”

                “ข้างในคฤหาสน์มีกล้องวงจรติดอยู่ห้าสิบตัว แต่มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่คุณมองเห็น ตอนซื้อคฤหาสน์ ผมโละระบบรักษาความปลอดภัยของเก่าทิ้งหมด แล้วให้คนสนิทของพีทออกแบบติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ไฮเทคที่สุดให้ คุณคงคิดว่าชั้นใต้ดินของที่นี่มีเพียงห้องเก็บไวน์ ห้องเก็บของ และแมนเคฟของผม แต่ความจริงมันมีอะไรอีกเยอะที่ผมยังไม่ได้พาชม อยากดูไหมล่ะ”

                “อยากดูค่ะ แต่ก่อนอื่นบอกฉันมาก่อนได้ไหมว่าตอนนี้โซอี้อยู่ที่ไหน ห้องนอนของคุณหรือเปล่า” ใบหน้าของคนถามยังบึ้งตึง

                “อย่าหึงแล้วพาลสิคัปเค้ก”

                “ฉันไม่ได้หึงค่ะ! ฉันแค่สงสัยว่าทำไมสายป่านนี้เธอถึงยังไม่ตื่น หรือว่าคุณจัดหนักจนเธอลุกไม่ขึ้น ฉันจะได้ให้แม่บ้านยกข้าวต้มขึ้นไปเสิร์ฟให้ถึงเตียง” หญิงสาวแว้ดกลับเร็วชนิดลิ้นแทบพันกัน

                “ไม่รู้สิ หล่อนไม่ได้นอนกับผม ไม่ได้นอนห้องผมด้วย เพราะห้องนอนของผมและเตียงนอนของผมสงวนไว้ใช้กับภรรยาเท่านั้น เข้าใจแล้วใช่ไหมไวฟีย์” ชายหนุ่มส่งสายตาเจ้าชู้ให้คนฟังซึ่งเงื้อทัพพีขึ้นสูงจนเขาต้องถอยหลบให้พ้นระยะไปหลายก้าว

                “งั้นเธอนอนห้องใคร ห้องของอลัน หรือเทรเวอร์คะ”

                “อย่าเสียเวลาเดาเลย คุณไม่มีวันเดาถูกหรอก กินข้าวกันเถอะ ผมกับลูกหิวแล้ว เนอะอลิซ” พอลตัดบทสนทนาที่เริ่มยืดเยื้อในเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขาโล่งใจที่เธอไม่ได้ดึงดันจะเอาคำตอบ แต่เริ่มจัดแจงนำอาหารและเครื่องดื่มไปวางที่โต๊ะ 

                อลิซกลายเป็นศูนย์รวมความสนใจของทั้งคู่อีกครั้ง แม่หนูน้อยเจริญอาหารไม่แพ้คุณป๋า เพราะขอเติมข้าวต้มแสนอร่อยในเวลาไล่เลี่ยกัน แถมยังชมแล้วชมอีกว่าอร่อย

                “วันหลังทำข้าวต้มแบบนี้ให้ผมเอาไปกินที่ทำงานบ้างนะ” นักการเงินหนุ่มออดอ้อน 

                “อย่าเลยค่ะ กว่าจะถึงที่ทำงานมันคงอืด หมดอร่อยกันพอดี ถ้าคุณอยากให้ทำอีกก็เอาเป็นเช้าวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ดีกว่าค่ะ”

                “แต่ผมอยากกินอาหารฝีมือคุณทุกวันนี่นา กินแล้วรู้สึกว่าสมองปลอดโปร่ง ไปป์กับไคลน์ยังชมเลยว่าอาหารของคุณช่วยลดความตึงเครียดในที่ทำงาน”

                “ไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้าหรอกค่ะ เอาเป็นว่าฉันจะตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าให้คุณห่อไปทำงานบ่อยเท่าที่จะทำได้ พอใจหรือยังคะ” หญิงสาวทั้งขำทั้งหมั่นไส้พ่อคนช่างอ้อน

                “จะพอใจกว่านี้ ถ้าความใจดีของคุณมันครอบคลุมถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย”

                ศราวณะแสร้งทำหูทวนลม หันไปคุยกับหลาน เพราะอึดอัดกับคำพูดและสายตามีความหมายที่สามีเพียรส่งให้

 

หลังอาหารเช้า พอลพาทั้งคู่ลงไปทัศนาชั้นใต้ดินอย่างละเอียด หญิงสาวพบว่านอกจากห้องเก็บไวน์ และแมนเคฟ หรือโซนส่วนตัวสำหรับสุภาพบุรุษที่ประกอบด้วย ห้องนั่งเล่น ห้องเกม และบาร์เครื่องดื่มแล้ว หลังตู้หนังสือยังมีประตูที่เชื่อมไปยังห้องควบคุมความปลอดภัย ห้องยิงปืนที่กว้างขวาง มีลู่ยิงถึงเจ็ดช่อง ในตู้มีปืนพก ปืนสั้น ปืนยาว และไรเฟิลมากเสียจนเธอคิดว่าเขาอาจซ่องสุมกำลังพลไว้เป็นกองทัพ

“ห้องยิงปืนนี่ เจ้าของเดิมทำไว้หรือว่าคุณต่อเติมทีหลังคะ” คนถามกวาดตามองตู้โชว์กึ่งตู้เก็บปืน คาดเดาอย่างคร่าวๆ คิดว่าคงมีปืนอย่างต่ำร้อยกระบอก ที่เธอไม่เคยได้ยินเสียงปืนเลยสักครั้ง คงเพราะห้องนี้มีระบบเก็บเสียงที่ดีมาก

                “เมื่อก่อนมันเป็นแค่ห้องเก็บของเท่านั้นคัปเค้ก อยากลองยิงดูไหม มันอาจเป็นกีฬาที่น่ากลัวในสายตาของคนที่ไม่เคยลอง แต่ถ้าได้ลองสักครั้ง คุณจะติดใจ” สำหรับเขา กีฬายิงปืนคือการฝึกสมาธิ นอกจากนั้นก็ใช้ระบายความหงุดหงิดและฝึกทักษะการใช้

                “ก็ดีค่ะ แต่ตอนนี้คงไม่สะดวก” หญิงสาวมองดวงหน้าจิ้มลิ้มของอลิซเป็นการบอกกลายๆ ว่าเพราะอะไร

                “ไว้ลูกหลับตอนบ่าย เราค่อยลงมาก็ได้ ไปดูห้องควบคุมความปลอดภัยดีกว่า” พอลพาทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังห้องควบคุม

ศราวณะพบว่าในนั้นไม่ใช่ห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยจอมอนิเตอร์อย่างที่เธอจินตนาการหรือเคยเห็นในหนัง แต่ยังมีห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัวขนาดกะทัดรัด และห้องนั่งเล่น เขาเล่าให้เธอฟังคร่าวๆ ว่ามีการเปลี่ยนกะทำงานทุกแปดชั่วโมง ทุกครั้งที่มีอะไรผิดปกติ คนเฝ้ากะจะต้องรายงานซามูเอลกับชาร์ลีทันที  

                “อยากเห็นอะไรเด็ดๆ ไหม” นักการเงินหนุ่มเอ่ยอย่างนึกสนุก

                “อะไรคะ”

                พอลไม่ตอบ แต่หันไปสั่งลูกน้องว่าต้องการให้เปิดกล้องในห้องนอนของบอดีการ์ดอันดับหนึ่ง

“แซมจะเล่นงานผมไหมครับ” คนรับคำบัญชาทำหน้าปั้นยาก เพราะเป็นที่รู้กันในหมู่บอดีการ์ดว่าห้ามก้าวล่วงความเป็นส่วนตัวของซามูเอล เพราะถึงอีกฝ่ายพูดน้อย แต่ต่อยหนัก

                “เหอะน่า แต่ห้ามเอาเรื่องที่เราเห็นไปคุยต่ออย่างเด็ดขาด ไม่งั้นถ้าหมีจำศีลอาละวาดละก็ ฉันไม่ช่วยนะ”

                “ผมว่าแซมเป็นมังกรจำศีลมากกว่าหมีนะครับ” แล้วถ้ามังกรตื่นมาพ่นไฟละก็ ได้วอดวายกันทั้งบางแน่

                “งั้นก็เร็วเข้า ฉันอยากเห็นสภาพของมังกร” เจ้าของคฤหาสน์เร่งกลั้วหัวเราะ เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อถูกสะกิดโดยคนข้างกาย

                “คุณคงไม่ได้หมายความว่าเมื่อคืนนี้ โซอี้…” ศราวณะใจหายวาบเมื่อได้รับการขยิบตาในเชิงยืนยัน ถึงเธอจะไม่ชอบที่โซอี้ยั่วยวนเขา แต่ก็ไม่อยากให้เขากับซามูเอลร่วมมือกันทำเรื่องห่ามๆ โดยที่ฝ่ายหญิงไม่เต็มใจ

                “มาแล้วครับ”

                เสียงนั้นดึงหญิงสาวออกจากภวังค์ความคิดและมองไปที่หน้าจอ เรียวปากอิ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างสุดกลั้น เมื่อภาพภายในห้องนอนของซามูเอลกระทบคลองจักษุ จะไม่ให้ขำได้อย่างไร ในเมื่อโซอี้นอนด้วยท่วงท่าสบายอยู่บนเตียงกว้าง ส่วนบอดีการ์ดร่างยักษ์ของพอลนั่งกอดอกหลับอยู่ที่เก้าอี้บริเวณมุมห้อง เสื้อผ้าของทั้งคู่ยังอยู่ครบ บอกให้รู้ว่าไม่มีเรื่องเกินเลยในเชิงชู้สาว

                “พับผ่าสิแซม! ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย” พอลบ่นอย่างขัดอกขัดใจ

                “โซอี้ ซัม ไนต์ ไนต์” หนูน้อยอลิซส่งเสียงเจื้อยแจ้วบรรยายในสิ่งที่เห็น

                “แซมทำถูกแล้วค่ะ นี่แหละลูกผู้ชายตัวจริง” ศราวณะกลอกตาใส่เพดานเมื่อคนไม่สบอารมณ์หยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกงมากดหาคนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนา เธอเห็นในจอมอนิเตอร์ว่าบอดีการ์ดคนเก่งคว้ามือถือและเร่งฝีเท้าออกมากดรับสายที่ทางเดินหน้าห้อง และได้ยินแค่พอลป้อนคำถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่เขาจะตัดสายหลังจากฟังคำตอบ สั่งให้ปิดกล้องและพาเธอกับอลิซออกจากห้องควบคุม

                “คุณคงไม่รู้ว่าแซมกับโซอี้ศรศิลป์ไม่กินกัน เมื่อคืนโซอี้ยังบ่นให้ฉันฟังอยู่เลยค่ะ ว่าถูกแซมตำหนิเรื่องการแต่งตัว”

                “เปล่า โซอี้ต้องการนอนกับแซม แต่หมอนั่นเอายานอนหลับให้หล่อนกินสองเม็ด หลอกว่าเป็นยาปลุกเซ็กซ์”

                “ให้กินสองเม็ดเชียวเหรอคะ แล้วอย่างนี้จะเป็นอันตรายกับโซอี้ไหม” หญิงสาวถามหน้าตื่น เธอจำได้ว่าเคยกินยานอนหลับของซามูเอลแค่หนึ่งเม็ด ฤทธิ์ของมันก็แรงเสียจนหลับยาวถึงเช้า

                “ไม่หรอก หมอนั่นคงอยากแน่ใจว่าหล่อนจะไม่ตื่นขึ้นมาปล้ำกลางดึก”

                “สัญญากับฉันได้ไหมคะว่าคุณจะไม่ทำอย่างนั้นกับโซอี้หรือผู้หญิงคนไหนอีก คุณอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับผู้หญิง มันไม่สนุกหรอกนะคะที่จะหลับนอนกับคนที่เราไม่ได้รักหรือชอบ” เป็นครั้งแรกที่ศราวณะมองเขาอย่างอ้อนวอนและจริงจัง

                “โอเคก๊อดเดส ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก” แม้จะแอบแย้งในใจว่าโซอี้กร้านโลกกว่าที่เธอคิดหลายเท่า และผู้หญิงคนนั้นก็พร้อมที่จะใช้เรือนร่างเป็นสะพานทอดไปสู่ความสุขสบาย

                “ขอบคุณค่ะ” คนพูดยิ้มโล่งอก “คุณจะพาฉันกับอลิซทัวร์ห้องลับห้องไหนอีกคะ”

                “ห้องเก็บสมบัติ” นักการเงินหนุ่มขยิบตา เขายกบุตรบุญธรรมขึ้นขี่คอ ก่อนจะคว้ามือของคนฟังไปกุมไว้อย่างนุ่มนวล

ไม่ต้องก็ได้มั้งคะ ฉันไม่อยากเห็นสมบัติของคุณแล้วเกิดโลภ” หญิงสาวรีบแย้ง พยายามทำสีหน้าให้ดูราบเรียบ ทั้งที่ความจริงตื่นเต้นจะแย่ ที่จะได้ไปเห็นห้องเก็บสมบัติพัสถานของมหาเศรษฐี

                “งั้นยิ่งต้องดู เผื่อดูแล้วคุณโลภ ผมจะได้เสนอสมบัติพร้อมกับตัวเองให้เสียเลย”

“เอาไว้หลอกล่อสาวอื่นเถอะค่ะ ฉันมันพวกติดดิน ถือคติอยู่อย่างพอเพียงในการดำรงชีพ” ศราวณะเชิดหน้าบอกเขา ท่องข้อคิดที่ว่าถึงมีสมบัติเป็นภูเขาเลากา แต่พอตายไปก็เอาอะไรติดไปไม่ได้ เพื่อข่มกิเลสในใจ

                ห้องเก็บสมบัติของพอลให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูหนังการโจรกรรมธนาคารใหญ่ๆ ของโลก เพราะมีระบบความปลอดภัยหลายขั้นเหลือเกิน พอประตูนิรภัยหนากว่าหนึ่งฟุตถูกเปิดออก เธอก็ถึงกับอ้าปากค้าง ม่านตาถูกเปลี่ยนให้เป็นสีทองเพราะแสงสะท้อนจากทองคำแท่งจำนวนมาก นอกจากนั้นก็ยังมีเงินแท่ง ตู้ใส่เพชรและอัญมณีแทบทุกสี รวมถึงเงินหลากหลายสกุล ตั้งแต่ยูเอสดอลลาร์ ยูโร ปอนด์สเตอร์ลิง เงินหยวนของจีน และอีกหลายสกุลที่เธอไม่รู้จัก

“คุณแน่ใจนะคะว่าไม่ได้ขโมยทองคำจากฟอร์ตน็อกซ์มา” เธอหมายถึงคลังเก็บทองคำของสหรัฐอเมริกา ที่อยู่รัฐเคนทักกี ซึ่งในปีคริสตศักราช 2016 บรรจุทองคำมากถึง 4,582 ตัน

                “คุณยังเชื่ออีกเหรอคัปเค้กว่าฟอร์ตน็อกซ์มีทองคำ” นักการเงินหนุ่มหัวเราะหึๆ

                “ทำไมคุณพูดแบบนั้นคะ หรือว่าที่นั่นไม่เหลือทองคำอย่างที่ฉันเคยได้ยินข่าวลือจริงๆ” สีหน้าบอกถึงความกระตือรือร้นที่จะรู้ความจริงของเธอ ทำเอาคนฟังยื่นมือมาเขย่าคางอย่างเอ็นดู

                “ความจริงเป็นอย่างไรผมเองก็ไม่รู้หรอกซาร่าห์ มันเป็นเพียงการคาดเดาเล่นๆ เท่านั้น ที่ผมรู้ก็คือ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ศตวรรษ ทองก็ยังเป็นที่ต้องการของทุกเชื้อชาติและคงคุณค่าของมันไว้เสมอ แม้บางครั้งนักการเงิน นักการธนาคาร นักปั่นหุ้น และนักลงทุนทั้งหลายพยายามจะลดมูลค่าของมัน แต่ก็ไม่เคยทำได้ตลอดรอดฝั่งเลยสักครั้ง” พอลแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อเท็จจริงบางอย่างจากโลกที่เขาคลุกคลีมานานพอสมควร  

                “ยังไงคะ” หญิงสาวซักต่ออย่างสนอกสนใจ ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าการที่เธอสนใจใคร่รู้เรื่องกลไกกึ่งกลโกงของการตลาด มากกว่าจะตาโตกับคลังเก็บสมบัติที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เขาปลื้มจนแทบคว้าเข้ามาจูบ แต่สิ่งที่พอลทำคือยกลูกสาวบุญธรรมลงจากคอ เดินไปยกกล่องที่สะสมเหรียญทองมาวางลงด้านหน้าแม่หนูน้อย เปิดกล่องให้อลิซเล่นของด้านในระหว่างที่คุยกับภรรยา

                “การกดราคาทองคำในตลาดโลกทำได้ไม่ยากนักหรอกคัปเค้ก แค่นักลงทุนแกล้งกว้านซื้อทอง ไม่ใช่ทองคำแท่งหรือเหรียญบูลเลียนนะ แต่เป็นการซื้อในรูปแบบการครอบครองแค่สัญญากระดาษ จากนั้นเทขาย ยัดเงินเข้าตลาดหุ้น ราคาทองคำในตลาดโลกก็ดิ่งแล้ว”

                “ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละค่ะว่าทำไมคนถึงคิดจะลงทุนซื้อทองแล้วพอใจกับแค่การได้สัญญากระดาษมานอนกอด เป็นฉัน…ฉันขอเลือกซื้อทองแบบที่จับต้องได้ดีกว่า”

                “บิงโก!” พอลดีดนิ้วดังเป๊าะ “เชื่อไหมคัปเค้กว่าจำนวนทองในตลาดโลกจริงๆ มันน้อยกว่าจำนวนทองที่ระบุไว้ในสัญญากระดาษมากมายมหาศาล หากจะเรียกว่าการซื้อขายทองผ่านสัญญากระดาษเป็นสแกมชนิดหนึ่งก็คงไม่ผิด

                “คุณกำลังจะบอกฉันว่าพวกนักลงทุนสร้างกลลวงระบบซื้อขายสัญญากระดาษมาเพื่อลดมูลค่าของทองคำงั้นเหรอคะ”

                “ก็ไม่เชิง เรียกว่าพวกเขาสร้างระบบนี้ขึ้นมาเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองมากกว่า” รอยยิ้มเนือยผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อนึกถึงเล่ห์กลต่างๆ ที่พบเจอมาตลอดชีวิตของการเป็นนักการเงิน นักลงทุน และนายธนาคาร มีหลายอย่างที่เขาไม่เห็นด้วยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกของมัน และเตรียมรับมือกับวิกฤติที่อาจกระทบต่อธุรกิจของตัวเองเท่านั้น

                “ฉันนึกว่าสินทรัพย์ส่วนใหญ่ของคุณอยู่ในตลาดหุ้นเสียอีกค่ะ”

                “ตลาดหุ้นตอนนี้ก็เหมือนฟองสบู่ที่รอวันแตกนั่นแหละซาร่าห์ คุณอาจคิดว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ดีเพราะตลาดหุ้นคึกคัก แต่ความจริงมันเป็นแค่ภาพลวงตา เหตุผลเดียวที่ตลาดหุ้นพุ่งสูงทะลุเพดานอยู่ตอนนี้ก็เพราะรัฐพรินต์เงินอัดเข้าตลาดหุ้น เหมือนกับที่พรินต์เงินออกมาให้ธนาคารกู้ในอัตราดอกเบี้ยศูนย์เปอร์เซ็นต์เมื่อช่วงสิบปีก่อน ธนาคารก็เห็นแก่ตัว ปล่อยให้คนกู้เงินไปซื้อบ้านได้ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์โดยไม่ดูฐานรายได้ ไม่บังคับให้คนซื้อวางเงินดาวน์สักเหรียญด้วยซ้ำ พอฟองสบู่แตกในปี 2008 ทำให้คนอเมริกันกว่าสิบล้านครัวเรือนถูกยึดบ้าน ทาวน์เฮาส์ และคอนโด

                “รวมถึงไวส์แบงก์ด้วยหรือเปล่าคะ” ดวงตาดำขลับฉายแววล้อเลียน รู้หรอกว่าธุรกิจสุดฮอตของเขายังมีอายุไม่ถึงสิบปี มันเป็นเรื่องน่าทึ่งเหลือเกินที่พอลสามารถพาตัวเองมาอยู่แนวหน้าได้ภายในเวลาสั้นๆ

                “ไวส์แบงก์เพิ่งก่อตั้งได้แปดปีเท่านั้นคัปเค้ก” มือหนาโยกศีรษะของคนฟังอย่างมันเขี้ยว “ตกลงเห็นสมบัติในนี้แล้วไม่ตาโต หรืออยากเป็นเจ้าของบ้างเลยเหรอ”

                “ตาโตสิคะ แต่เรื่องอยากได้ ฉันไม่รู้จะอยากได้ของที่ไม่ได้หามาด้วยตัวเองทำไม ไม่รู้สิ ฉันคิดว่าของที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง มันน่าภูมิใจกว่าของของคนอื่นค่ะ”

                “เพราะอย่างนี้หรือเปล่า ตอนที่พาผมเที่ยวกรุงเทพฯ คุณถึงดึงดันจะหารค่าอาหารทุกครั้ง” ตาสีฟ้าน้ำทะเลเจิดจ้าเสียจนคนมองตาพร่า

                “แต่คุณก็ไม่เคยยอมให้ฉันช่วยจ่ายเลยสักครั้งไม่ใช่เหรอคะ หนำซ้ำพอรู้ว่าฉันยังขอเงินทางบ้านใช้ คุณก็ดุยิ่งกว่าพ่อของฉันเสียอีก” ศราวณะทำหน้าเซ็ง นึกถึงช่วงเวลาที่พาเขาตะลอนกรุงเทพฯ แล้ว ความทรงจำเก่าๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาให้หน้าร้อนผ่าว

                “ตอนนั้นคุณเป็นแค่นักศึกษาปีสองเท่านั้นคัปเค้ก ในขณะที่ผมเป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง ถ้าผมรู้ว่าคุณจริงจังกับเรื่องช่วยจ่ายขนาดนั้น ผมคงขอให้คุณช่วยจ่ายด้วยวิธีอื่นแล้ว” ตาของคนพูดหลุบลงมองเรียวปากแดงเรื่อน่าจูบ ใช่! เขาน่าจะเรียกร้องให้เธอตอบแทนด้วยวิธีนั้น ไม่ใช่ซัดเครื่่องดื่มแอลกอฮอล์จนเมาแล้วปล้ำจูบ

“ยังมีห้องลับที่คุณจะพาฉันกับอลิซไปชมอีกหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุย ขณะทรุดลงนั่งข้างๆ อลิซซึ่งกำลังสนุกกับการนำเหรียญมาวางเรียงต่อกัน

                “มี แต่ไม่ถึงกับต้องเรียกว่าห้องลับหรอก” พอลทรุดลงนั่งยองๆ ขนาบแม่หนูน้อย “เรามาวางเหรียญเป็นรูปหัวใจกันดีไหมอลิซ”

                “หัวใจ” แม่หนูน้อยพูดตามในคำที่รู้จัก

                “ครับ หัวใจที่หมายถึง ไอ เลิฟ ยู” ชายหนุ่มอธิบายอย่างช้าๆ ชัดๆ แล้วเริ่มนำเหรียญมาวางเรียงเป็นรูปหัวใจดวงโต “อันนี้เป็นหัวใจของปะป๊า สวยหรือเปล่า”

                “สวย” แม่หนูน้อยยิ้มแต้ ปรบมือชอบอกชอบใจ

                “แต่ในหัวใจของปะป๊ามันมีรูปอื่นอยู่ตรงกลางด้วยนะ” นิ้วยาวเปิดกล่องใส่เหรียญทองอีกกล่อง และสั่งให้แม่หนูน้อยหยิบเหรียญออกมาส่งให้ เขาจัดวางเหรียญภายในรูปหัวใจอย่างคล่องแคล่ว ไม่ถึงสองนาที อลิซก็เฉลยเสียงดังลั่นว่าเป็นรูปอะไร

                “สตาร์! ดาว!”

                “เก่งมาก ในหัวใจของปะป๊ามีดาวอยู่ดวงหนึ่ง ปะป๊าเก็บดาวไว้ในนั้นมาสี่ปีแล้ว แต่ดาวไม่เคยรู้ตัว หรือบางทีอาจจะรู้ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ก็เป็นได้”

ปากเล่าให้ลูกฟัง แต่นัยน์ตาสีฟ้ากลับจ้องใครอีกคนอยู่ตลอดเวลา ความหวานซึ้งที่สะท้อนอยู่ในนั้น ทำเอาศราวณะใจเต้นไม่เป็นส่ำ รีบหลุบเปลือกตาลงต่ำ ไม่อยากให้เขาเห็นว่ากำลังหวั่นไหวกับการสารภาพรักทางอ้อมนั้นมากเพียงใด  

                “เราออกไปข้างนอกกันดีกว่านะคะอลิซ ในนี้อากาศมันอุดอู้ หายใจไม่สะดวกอย่างไรก็ไม่รู้” คนเขินจัดอุ้มอลิซเดินออกจากห้องไปเงียบๆ

คนมองตามถึงกับทอดถอนใจ ไม่มีทางเลือกนอกจากเก็บเหรียญใส่กล่องและตามออกไปด้วยหัวใจหนักอึ้ง ขนาดยังไม่รู้เรื่องท้องของลอร่า เธอยังขยันสร้างกำแพงไม่ให้เขาเข้าถึงหัวใจ หากวันหนึ่งรู้และรับไม่ได้ล่ะ มันหมายความว่าเขาต้องเสียเธอไปตลอดกาลไหม 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น