1
ไวโอเล็ตเดินผ่านประตูอัตโนมัติเข้าไปด้านใน แล้วหุบร่มคันใหญ่ พยายามสอดส่ายสายตาหาป้ายบอกทางไปห้องออดิชัน ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นมันแปะเด่นอยู่หน้าลิฟต์ เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว หญิงสาวก็ไม่รีรอที่จะตรงเข้าไปอ่านแผ่นประกาศพลางกดลิฟต์ไปด้วย
“ชั้นหก” ไวโอเล็ตเม้มปากแน่น เงยหน้ามองตัวเลขบอกระดับชั้นที่กะพริบเปลี่ยนอย่างรวดเร็วด้วยใจเต้นไม่เป็นส่ำ ป่านนี้คงเลยเวลาออดิชันมานานแล้วแน่ๆ เลย
ปิ๊ง!
“ขอบคุณพระเจ้า” เธอพึมพำกับตัวเอง แล้วรุดเข้าไปยืนด้านในลิฟต์ กดหมายเลขชั้นที่ต้องการจะไปติดๆ กันหลายครั้ง ราวกับว่ามันจะช่วยให้เธอไปได้เร็วขึ้น “เร็วสิ! เร็วหน่อย! เร็วเข้า!”
ปิ๊ง!
“ยายเป็ด!” เสียงเรียกอย่างเกรี้ยวกราดเป็นสิ่งแรกที่ไวโอเล็ตได้ยินหลังก้าวออกมาจากลิฟต์
วิเวียนหรือเอเจนซีคนเก่งของไวโอเล็ตยืนหอบรออยู่ด้วยความกลัวและโมโห แต่ในมือกลับถือรองเท้าไว้รอท่าเด็กในสังกัดของตัวเองอยู่แล้ว “เร็วๆ เข้า เร็วๆ”
“ยังทันอยู่เหรอคะ” ไวโอเล็ตตะลีตะลาน รีบวิ่งมาหาวิเวียนอย่างไม่คิดชีวิต
“ฉันขอแลกคิวให้หล่อนเป็นคนสุดท้าย ตอนนี้ยังทันอยู่” วิเวียนบอกด้วยน้ำเสียงลนลาน แย่งกระเป๋าของไวโอเล็ตกับร่มในมือบางมาถือไว้ ก่อนจะส่งรองเท้าให้ไวโอเล็ตเปลี่ยน “เปลี่ยนแล้วก็ไปนั่งรวมกับพวกนั้นได้แล้วไป”
“ฉันรักคุณค่ะวิเวียน” ไวโอเล็ตถอนหายใจอย่างโล่งอก แทบจะร้องไห้ออกมาที่วิเวียนสามารถช่วยให้เธอได้เข้าออดิชันครั้งนี้ได้
“จะมาคร่ำครวญอะไรอยู่อีก ไปสิ!”
“ค่ะ” ไวโอเล็ตพยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะวิ่งจี๋ไปนั่งข้างๆ นางแบบสองสามคนซึ่งนั่งรอออดิชันอยู่ และหนึ่งในนั้นก็เป็นเพื่อนร่วมสังกัดของเธอเอง
“ไวโอเล็ต! ฉันคิดแล้วว่าเธอต้องมาทัน” เมแกน เด็กสาวผมบลอนด์ที่เด็กกว่าไวโอเล็ตสองปีชะโงกหน้าข้ามหัวนางแบบคนหนึ่งเพื่อเอ่ยทักทายเพื่อนนางแบบร่วมสังกัด “ฉันเป็นห่วงเธอแทบตายแน่ะ”
“ฉันติดฝนแล้วก็เกิดเรื่องนิดหน่อย” ไวโอเล็ตกระซิบตอบเมแกน ก่อนจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อทีมงานคนหนึ่งเดินมาเรียกเมแกนเข้าไปในห้อง
“โชคดีนะ!” ไวโอเล็ตขยับปากอวยพรสาวน้อยเมแกนโดยไม่มีเสียง แม้ใจจะยังคงเต้นกระหน่ำเพราะตื่นเต้น แต่ก็พยายามสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เรียกความมั่นใจของเธอที่มักลอยหายไปในอากาศกลับเข้าร่าง เตรียมตัวเข้าออดิชันเพื่อเป็นหนึ่งในนางแบบที่จะขึ้นเดินให้เสื้อผ้าสัญชาติออสเตรเลียซึ่งจะเปิดตัวครั้งแรกที่อเมริกาในต้นเดือนหน้านี้
มือเล็กกุมกันแน่นเพื่อซ่อนอาการสั่นจากความตื่นเต้นระคนหวาดกลัว แม้จะรู้ตัวว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะได้งานนี้ แต่เธอก็ยังไม่หมดหวัง
“เมแกน” ไวโอเล็ตเรียกชื่อคนที่ถลาเข้ามาหาเธอ ก่อนจะทรุดนั่งแทนนางแบบอีกคนที่ต้องเข้าไปออดิชันต่อ “ทำไมออกมาเร็วจัง” ไวโอเล็ตถาม
“ฉันออดิชันเสร็จแล้ว โอ้พระเจ้า! มันเจ๋งมาก แล้วก็น่ากลัวหน่อยๆ ด้วย”
“เธอทำให้ฉันเสียขวัญนะ” สีหน้าของไวโอเล็ตเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
“ไม่เอาน่าที่รัก เธอน่ะมีของ อย่ามัวแต่ซ่อนมันเอาไว้ งัดมันออกมาแล้วคว้างานนี้มาซะ” เมแกนกำหมัดในอากาศ ให้กำลังใจไวโอเล็ตตามแบบฉบับตัวเอง ก่อนจะขยิบตาส่งให้ไวโอเล็ตอีกคำรบ “เธอเป็นนางแบบที่สมบูรณ์แบบไวโอเล็ต”
“ไวโอเล็ต โรส” น้ำเสียงขุ่นๆ ของทีมงานที่ดังขึ้น ทำให้ไวโอเล็ตกับเมแกนผละออกจากกัน ยุติการสนทนาลงโดยปริยาย
“ฉันค่ะ” ไวโอเล็ตขานรับอย่างลืมตัว ก่อนจะได้สายตาขุ่นๆ ของทีมงานมาเป็นสิ่งตอบแทน
“พยายามเข้านะ” เมแกนหัวเราะคิก แต่ก็ยังไม่ลืมเอ่ยให้กำลังใจคนที่แก่กว่า แต่ยังใสซื่ออยู่มากอย่างไวโอเล็ต
“ขอบคุณ” ไวโอเล็ตหันหน้ามาขยับปากบอกเมแกนระหว่างเดินตามทีมงานไป เท้าเล็กพยายามก้าวอย่างมั่นคงที่สุด แต่ถึงกระนั้น ท่อนขายาวๆ ก็ยังมีอาการสั่นให้เห็น
เอาวะ...ไวโอเล็ตฮึดสู้ บอกตัวเองในใจแล้วก้าวเข้าไปในห้องเพื่อเผชิญหน้ากับทีมงานที่รับหน้าที่คัดเลือกนางแบบ
“สวัสดีค่ะ” ไวโอเล็ตโบกมือน้อยๆ ให้แก่คนกว่าสิบชีวิต ซึ่งส่วนมากจะนั่งกองกันอยู่อีกฟากของห้อง และด้านหลังโต๊ะตัวยาวมีผู้ชายสองคนและผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ ซึ่งไวโอเล็ตเดาว่าทั้งสี่คนนี้คงจะเป็นกรรมการคัดเลือกนางแบบ
“ไวโอเล็ต โรส” ชายเสื้อดำที่สวมแว่นตาก้มลงอ่านกระดาษในมือ แล้วทวนชื่อที่เขียนอยู่ด้านบนสุดของหัวกระดาษซ้ำ “บอกอะไรเกี่ยวกับคุณให้เราฟังหน่อย”
“เอ่อ ฉันอายุยี่สิบย่างยี่สิบเอ็ด เกิดที่นาปา แวลลีย์ และเอ่อ...ฉันเพิ่งมาทำงานในแอลเอค่ะ”
“นาปา แวลลีย์ สวรรค์ของฉัน” ผู้หญิงที่แต่งตัวฉูดฉาดที่สุดทำเสียงเพ้อฝันด้วยสำเนียงออสซี่แปลกๆ ที่ทำให้ไวโอเล็ตยิ้มได้ “ฉันรักไวน์ โดยเฉพาะไวน์จากไร่โรส แมรี่”
“ไร่โรสแมรี่...ชื่อไร่พิลึกจริง” คราวนี้ผู้หญิงอีกคนว่าด้วยสำเนียงอเมริกันจ๋า
“อันที่จริง...นั่นไร่ฉันเองค่ะ” ไวโอเล็ตบอกอ้อมแอ้ม ไม่ทันสังเกตว่าคนในห้องเกิดอาการใบ้กินเพราะคำพูดของเธอเมื่อครู่ “จะพูดให้ถูกก็ต้องพูดว่าไร่นั่นเป็นของพ่อฉันค่ะ”
“เธอคือ ไวโอเล็ต โรส!” ผู้หญิงที่มีสำเนียงออสซี่สำลักน้ำลาย มองไวโอเล็ตตาถลน ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าจะได้เห็นลูกสาวเจ้าของไร่ที่ขึ้นชื่อเรื่องไวน์ไปทั้งอเมริกามายืนออดิชัน เพื่อเดินแบบให้เสื้อผ้าของเธอในวันนี้ “ลูกสาวคนเดียวของบ้านโรส!”
“อ้อ ค่ะ” ไวโอเล็ตยอมรับไม่เต็มเสียง เหลือบมองบรรยากาศในห้องด้วยความรู้สึกว่ามีอะไรผิดแปลกไปจากตอนที่เธอเข้ามาตอนแรก ก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่อคิดได้ว่าเธอเพิ่งพลั้งปากบอกคนในห้องนี้เรื่องที่บ้านเธอออกไป
“บังเอิญไปเลย” ผู้ชายที่ยังไม่ได้พูดเลยเอ่ยทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัด ก่อนดีดนิ้วเป็นสัญญาณการออดิชันให้แก่ไวโอเล็ต
ไวโอเล็ตเดินจากจุดที่ยืนอยู่ก่อนหน้าเข้าไปหาเหล่าทีมงาน ก่อนจะหมุนตัวตามที่พวกเขาบอก ก้าวช้าบ้าง เร่งฝีเท้าเร็วบ้างตามคำสั่ง ก่อนจะหยุดโพสท่าและหมุนตัวที่รอยมาร์กบนพื้น จากนั้นไวโอเล็ตก็เดินมาถ่ายภาพนิ่ง ทั้งภาพหน้าตรง ด้านข้าง และด้านหลังจนครบ จบงานออดิชันในวันนี้ลงอย่างสวยงาม
“เราจะติดต่อไป” ชายอเมริกันที่สวมแว่นบอกระหว่างที่ไวโอเล็ตผลักประตูเปิดออกไปจากห้องก่อนเสียงแว่วๆ ของผู้หญิงจะตามมา
“บาย!”
“ยายเป็ด!” ทันทีที่ไวโอเล็ตก้าวออกมาจากห้อง คำทักด้วยน้ำเสียงขุ่นเขียวเป็นสิ่งแรกที่ไวโอเล็ตได้รับจากวิเวียน แต่แทนที่เธอจะเกรงกลัว กลับทำเพียงส่งยิ้มหวานแล้วเดินเข้าไปหาวิเวียนแทน
“ฉันขอโทษค่ะวิเวียน อย่าโกรธฉันเลยนะ” ไวโอเล็ตขอโทษ กางแขนกอดเอเจนซีมือฉมังของเธออย่างออดอ้อน รู้แกวว่าวิเวียนแพ้ทางลูกอ้อนของเธอ “มันเหตุสุดวิสัยจริงๆ นะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจมาสาย”
“ฉันรู้แล้ว!” วิเวียนกระฟัดกระเฟียด แม้จะรู้ว่ายายเป็ดนี่ไม่ได้ตั้งใจหักหน้าเธอแต่ก็ยังคงเคืองไม่หาย ดูเอาเถอะ...นี่ถ้าเธอขอเปลี่ยนคิวการเข้าออดิชันไม่ได้ ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้
“ออดิชันเป็นไงบ้าง”
“ยอดเยี่ยมมากค่ะ” ไวโอเล็ตตอบตาโต เมื่อหวนนึกถึงเรื่องที่เธอเผลอพลั้งปากไปในห้องออดิชัน “ถ้าโชคดีเราก็อาจจะได้” ไวโอเล็ตยิ้มแฉ่ง บอกสิ่งที่ขัดกับความคิดของตัวเอง เพราะอย่างไรเสีย ทีมงานก็ต้องเลือกนางแบบที่มีชื่อเสียงมาเดินแบบ แทนที่จะเป็นเธอกับเมแกน เพราะห้องเสื้อนี้ยังใหม่ในอเมริกา และพวกเขาคงไม่อยากเสี่ยงที่จะใช้นางแบบชื่อเล็กๆ อย่างพวกเธอ
“เสร็จแล้วเราไปหาอะไรทานได้หรือเปล่า” เมแกนเดินเสเข้ามาทักนางแบบร่วมสังกัด ก่อนจะขยิบตาส่งให้เชิงว่าเธอจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้เอง “อย่าโกรธไวโอเล็ตเลยนะคะวิเวียน มาสายดีกว่าไม่มานะ”
“พวกหล่อนนี่ช่วยกันดีจริงๆ เลย” วิเวียนกระแทกลมหายใจ แสร้งบ่นกระปอดกระแปดแล้วยัดกระเป๋าใบเก่าส่งคืนให้ไวโอเล็ต “นี่ของหล่อน ยายเป็ด”
“ขอบคุณที่อุตส่าห์ดูให้นะคะ”ไวโอเล็ตรับกระเป๋ามาถือไว้ ก่อนจะทำตาโตเมื่อไม่เห็นของอีกชิ้นที่เธอถือติดมือมา “แล้วร่มล่ะคะวิเวียน ร่มของฉันล่ะ”
“ฉันเอาไปฝากยามตรงทางออกไว้ให้แล้ว” เมแกนชิงตอบ ก่อนจะอธิบาย “เปียกฉ่ำขนาดนั้น ฝากเขาเอาไว้น่ะดีแล้ว”
“นี่ยายเป็ด ถ้าหล่อนมีร่มแล้วทำไมถึงบอกฉันว่าหล่อนติดฝนล่ะ” วิเวียนจับผิด หน็อย...นี่หล่อนคิดจะโกหกคนอย่างฉันอย่างนั้นหรือยายเป็ดไวโอเล็ต
“เรื่องมันยาวมากค่ะ” ไวโอเล็ตถอนหายใจแล้วสรุปสั้นๆ “เอาเป็นว่าร่มคันนั้นมีคนเขาให้ฉันยืมมาก็แล้วกันนะคะ”
“โอเค พอแค่นั้น” เมแกนปรบมือฉาดใหญ่ ปิดฉากการจับผิดของวิเวียนแล้วยิ้มแฉ่ง “ไปทานข้าวกันค่ะวิเวียน...ไวโอเล็ต ฉันกำลังอยู่ในวัยเจริญเติบโตต้องทานอาหารให้ตรงเวลานะคะ”
วิเวียนพานางแบบในสังกัดตรงดิ่งมาที่ร้านอาหารเลื่องชื่อเจ้าประจำของเธอทันทีที่ออกจากตึก โดยทั้งสามขึ้นรถคันงามของวิเวียนมา ไวโอเล็ตจึงไม่เสียเวลาติดฝนเหมือนอย่างตอนเช้า ทั้งสามเยื้องย่างตามพนักงานต้อนรับเข้ามานั่งโต๊ะที่อยู่ด้านในสุด ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่ก็ยังสามารถมองเห็นผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมาได้ผ่านผนังกระจกใส
“วิเวียนคะ ฉันอยากรู้ว่าทำไมพรีเซนเตอร์คนเก่าของ Sandee’ brand ถึงถูกปลดกลางอากาศ” เมแกนโพล่งถามออกไปอย่างสงสัยใคร่รู้ ผิดกับไวโอเล็ตที่ทำหน้าเหลอ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
“ไปรู้มาจากไหนอีกล่ะนั่น” วิเวียนเหลือบมองเมแกนผ่านแพขนตา ข่าวนี้ถือว่าเป็นความลับอย่างมาก ยายเด็กน้อยนี่ไปเอาข่าวมาจากไหน
“นี่ไงคะ” เมแกนวางโทรศัพท์มือถือของตัวเองลงกลางโต๊ะแล้วอ่านหัวข้อข่าวที่กำลังเป็นกระแสในทวิตเตอร์
“แองจี้ นางฟ้าคนสวย หวานใจพ่อแคซาโนวาหนุ่มหล่อ หลานชายเจ้าของห้องเสื้อยักษ์ใหญ่ถูกสั่นคลอนตำแหน่งพรีเซนเตอร์กิตติมศักดิ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากแหล่งข่าววงในเผยว่า น้องนางฟ้าคนนี้ไม่ถูกชะตากับคุณฌานิน เจ้าของห้องเสื้อและหุ้นส่วนอย่างแรง งานนี้ไม่รู้ว่าพ่อแคซาโนวารูปหล่อไปทำอีท่าไหน ทำไมแม่นางฟ้าหวานใจถึงโดนปลดกลางอากาศจนต้องสูญเงินค่าสัญญาชุดใหม่ก้อนมโหฬารที่จะมาถึงในครั้งหน้าไปได้”
“แค่นี้เหรอ” ไวโอเล็ตตาโต “ไม่เห็นจะมีตรงไหนที่บอกว่าเป็น Sandee’ brand ที่จะปลดนางแบบเลย”
“นี่ไวโอเล็ต อย่ามาแอ๊บโง่ได้หรือเปล่า” เมแกนแขวะ “เขารู้กันทั้งฮอลลีวูดว่าแม่แองจี้อะไรนี่เดตอยู่กับ วิลเลี่ยม เทรเวน ถ้าไม่ใช่ แล้วจะมีแคซาโนวาหลานชายแห่งห้องเสื้อยักษ์ใหญ่ที่ไหนอีก”
“ฉันไม่เห็นรู้ว่าแองจี้คบกับใคร” ไวโอเล็ตบอก เธอพอรู้จักนางแบบที่ชื่อแองจี้มาบ้าง เพราะเธอเองก็เคยเจอคนที่ชื่อแองจี้อะไรนี่สองสามครั้งแบบผ่านๆ มาก่อน
“วิลเลี่ยมก็เดตกับผู้หญิงทุกคนนั่นแหละ” วิเวียนเบ้ปาก เธอรู้จักวิลเลี่ยมและรู้เรื่องความเจ้าชู้ของเขาดี เพราะพี่สาวของวิลเลี่ยมก็เป็นหนึ่งในนางแบบของเธอ รวมทั้งนังแองจี้ก็ด้วย ซึ่งแต่ก่อนก็เคยเป็นนางแบบของเธอ แต่ตอนนี้นางบินปร๋อ เป็นฝ่ายฉีกสัญญาไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ช่วงเดียวกับที่ไวโอเล็ตเซ็นสัญญาเข้ามาพอดีนั่นละ
“แค่แม่แองจี้อะไรนี่เที่ยวโฆษณาตัวเองว่าเป็นแฟน วิลเลี่ยม เทรเวน ไปทั่ว คนเขาระอาเลยยอมเรียกมันว่าเป็นแฟนวิลเลี่ยมก็เท่านั้น”
“เทรเวนเหรอคะ” ไวโอเล็ตทำหน้ายู่ คุ้นหูนามสกุลนี้แปลกๆ เหมือนเพิ่งได้ยินมาจากที่ไหน ติดแค่คิดไม่ออก “คุ้นจัง”
“ก็ต้องคุ้นสิไวโอเล็ต บ้านเทรเวนมีโรงแรมไปทุกมุมเมืองอย่างนี้ เธอไม่คุ้นก็บ้าแล้ว” เมแกนพูดกลั้วหัวเราะ ส่ายหัวให้แก่ความจำยอดแย่ของไวโอเล็ตที่ไม่เคยจะจำอะไรได้เลยสักอย่าง
“แต่ก็ยังไม่มีใครออกมายืนยันข่าวนี้นี่เมแกน ไม่แน่นะ...บางทีนี่อาจจะเป็นแผนการตลาดก็ได้” ไวโอเล็ตบอกตามความคิด หลังจากที่เธอแอบสังเกตมานาน พวกห้องเสื้อดังๆ ถ้าเกิดขาดทุนนิดหน่อย ถ้าไม่ดึงนางแบบชื่อดังมา ก็มักจะสร้างข่าวให้นางแบบคนเก่า “บ้านนี้ก็น่าจะหัวนักธุรกิจทั้งบ้าน”
“เรื่องนี้จริงที่สุด” วิเวียนดีดนิ้วเสียงดัง เห็นด้วยกับความคิดของไวโอเล็ตที่สุด “ไม่รู้ว่าแสนดีกินอะไรเป็นอาหารก็ไม่รู้ ทำไมถึงได้ทั้งสวยทั้งเก่งอย่างนี้”
“แสนดี? คุณแซนดีของเราน่ะเหรอคะ” เมแกนขมวดคิ้วมุ่น เดาว่าแสนดีที่วิเวียนพูดถึงคงไม่พ้น แซนดี นางแบบร่วมสังกัดอีกคน
“ก็ใช่น่ะสิ” วิเวียนแหวเสียงแหลม “พวกหล่อนไปมุดหัวกันอยู่ไหนมายะ ไม่รู้หรือไงว่าแสนดีเป็นซีอีโอของแบรนด์นี้” วิเวียนว่าพร้อมมองหน้าไวโอเล็ตกับเมแกนสลับกัน ก่อนจะเงยหน้ากลอกตาขึ้นฟ้าเมื่อทั้งสองส่งสายตาใสแป๋วกลับมาให้ “ฉันอยากจะบ้าตาย นี่หล่อนไม่รู้กันจริงๆ หรือ”
“ฉันรู้แล้วค่ะ” ไวโอเล็ตอ้อมแอ้ม “ก็คุณเพิ่งบอกเราเมื่อกี้นี้ไง”
“ปกติก็เห็นแต่ชอบฆ่านางแบบคนอื่นบนรันเวย์เป็นว่าเล่น ใครจะไปคิดล่ะคะว่าแซนดีจะเป็นผู้บริหารกับเขาได้” เมแกนบ่น “ไม่รู้ต้องตายอีกกี่ชาติถึงจะได้เกิดมาเป็นแซนดี คนอะไรสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง แบบนี้ไงคนเขาถึงได้อิจฉาตาร้อนกันทั้งบ้านทั้งเมือง” สาวน้อยที่สุดในโต๊ะว่า พร้อมกับกล่าวอ้างถึงข่าวในโลกโซเชียลมีเดียที่เธอเห็น
ไม่ว่าจะเป็นดารา นักร้อง หรือแม้กระทั่งนางแบบที่อยู่ในวงการเดียวกันกับแสนดีเองก็ยังแทบเก็บอาการอิจฉาเอาไว้ไม่ไหว ต้องออกมาค่อนแคะว่าแสนดีได้งานเพราะอิทธิพลของครอบครัวบ้าง เต้าข่าวเกี่ยวกับพี่ชายของเธอว่าเป็นเกย์บ้างละ ยอมแม้กระทั่งเป็นของเล่นของน้องชายคนเล็กเพื่อที่ได้งานบ้างก็ยังมี ไหนจะข่าวการหย่าร้างของพ่อแม่เธอที่หลุดออกมาทุกปีอีก จนนี่ก็ปาเข้าไปหลายปีแล้ว ก็ไม่เห็นว่าครอบครัวเทรเวนจะระหองระแหงกัน แค่เรื่องทะเลาะกันก็ยังไม่มีให้เห็น มีแต่จะรักกันมากกว่าเดิมน่ะสิไม่ว่า
“ทำอย่างกับว่าป้ายสีคุณแซนดีแล้วจะเป็นอย่างคุณแซนดีได้อย่างนั้นแหละ” ไวโอเล็ตพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนส่ายหน้า “ไม่มีใครเป็นคุณแซนดีได้หรอก เธอเหมือนหลุดมาจากความฝันอย่างไรอย่างนั้น”
“เห็นฝีมือของฉันหรือยังล่ะ” วิเวียนถาม กระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความลำพองใจ แล้วสำทับ เนื่องจากเธอเป็นคนชักนำนางแบบคนนี้เข้าวงการ “แค่ฉันเห็นสาวน้อยแสนดีแค่หางตา ฉันก็บอกได้เลยว่านี่น่ะซูเปอร์โมเดลของแท้แน่นอน ไม่ต้องชุบตงชุบตัวให้เสียเวลา ของแบบนี้มันอยู่ในสายเลือด”
“แต่เธอสวยจริงๆ นะคะ แปลกที่ไม่ค่อยมีข่าวกับหนุ่มๆ เลย” ไวโอเล็ตพูด หมุนส้อมพันเส้นสปาเกตตีในจานแล้วตักใส่ปาก “ทั้งที่ก็วางตัวดีขนาดนั้น”
“แหม ใครจะกล้าล่ะ” วิเวียนว่าเสียงแหลม “ลองใครได้เสนอหน้าเข้าไปใกล้ลูกสาวบ้านนี้สิ มีหวังได้อ่วมกลับมาเหมือนกันทุกราย”
“ใช่แล้ว” เมแกนสมทบคำพูดวิเวียน “ใครๆ เขาก็รู้กันทั่วว่าแซนดีเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านนั้น ฉันไม่อยากจะพูดเลยนะว่าหนุ่มๆ บ้านนั้นหวงกันออกนอกหน้าสุดๆ เพื่อนของฉันเห็นตอนที่ไปเที่ยวคลับเดียวกันกับคุณแซนดี แค่ผู้ชายเฉียดเข้าใกล้ คนชื่อวิลเลี่ยมก็กระโจนใส่แล้ว” เมแกนเล่าออกรสออกชาติ แอบเบ้ปากเมื่อคิดภาพตามในหัว “บ้านนี้น่ากลัวพิลึก มีแต่คนพี่ใหญ่สุดนี่แหละดูใจเย็นหน่อย นอกนั้นน่ะหรือ...บรื๋อ...”
“วิลเลี่ยมเหรอ” ไวโอเล็ตย่นคิ้ว คลับคล้ายคลับคลาชื่อนี้ไม่หาย “วิลเลี่ยม เทรเวน อย่างนั้นใช่มั้ย”
“อ่า...พ่อแคซาโนวาของฉัน” วิเวียนเงยหน้าขึ้นฟ้า แอบกลอกตาเมื่อไวโอเล็ตเอ่ยถึงวิลเลี่ยม “อยู่ห่างๆ เขาไว้ไวโอเล็ต ถ้าเธอไม่อยากจะเสียใจ วิลเลี่ยมเป็นตัวอันตรายสำหรับผู้หญิงทุกคน โดยเฉพาะเป็ดโง่อย่างเธอ”
“เหมือนฉันเพิ่งได้ยินชื่อนี้จากที่ไหนสักที่” ไวโอเล็ตขมวดคิ้ว เรื่องความเจ้าชู้ของวิลเลี่ยมไม่ใช่ปัญหาของเธอ เพราะเธออยู่ทีมคุณหมอสุดหล่ออย่าง แมทธิว เทรเวน มาแต่ไหนแต่ไร “แต่ช่างมันเถอะ มันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอก” ไวโอเล็ตโบกมือ เลือกที่จะไม่สนใจคนชื่อนี้แล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน
ความคิดเห็น |
---|