2

บทที่ 2


2

                “แมทธิวอยู่หรือเปล่าครับคนสวย” ชายร่างสูงเกาะขอบเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงแรมเทรเวนแกรนด์ที่เป็นของครอบครัว เอ่ยถามถึงพี่ชายของเขาที่น่าจะเข้ามาทำงานในวันนี้กับพนักงาน

                “คุณวิลเลี่ยม” พนักงานที่นั่งก้มหน้าอยู่กับคอมพิวเตอร์เงยหน้าเรียกชายหนุ่มเสียงหวานพอๆ กับสายตาหยดย้อยที่ช้อนขึ้นมองหน้าคมคาย “คุณแมทธิวเข้ามาแล้วค่ะ จะให้ฉันต่อสายขึ้นไปหรือเปล่าคะว่าคุณมา” พนักงานสาวเสนอ จับหูโทรศัพท์เตรียมจัดแจงต่อสายหาท่านรองประธานบริษัทให้วิลเลี่ยม

                “ไม่ต้องหรอกครับ” วิลเลี่ยมยกมือห้าม ก่อนจะมองนาฬิกาบนข้อมือ “ผมนั่งรอที่ล็อบบีนี่แหละ พอดีเรานัดกันไว้”

                “เดี๋ยวฉันจะไปจัดของว่างมาให้นะคะ” พนักงานคนเดิมเสนอตัว

                “อย่างนั้นก็รบกวนด้วยนะครับ คนสวย” วิลเลี่ยมยิ้มตาหยี ไม่ลืมหยอดตามประสา ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่เก้าอี้รับรองซึ่งตั้งอยู่กลางล็อบบี พลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี

                “ไวโอเล็ต โรส” วิลเลี่ยมพึมพำชื่อของสาวน้อยที่เขาบังเอิญเจอในวันนี้แล้วเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว กลายเป็นว่าเขากำลังแจกจ่ายยิ้มเย้ายวนให้แก่สาวๆ ที่ผ่านไปผ่านมาโดยไม่ตั้งใจ ทำให้บางคนถึงกับมองเขาจนเหลียวหลังเลยทีเดียว

                “ของว่างมาแล้วค่ะ” พนักงานคนเดิมที่เสนอตัวไปเอาของว่างให้วิลเลี่ยมเดินเข้ามา ก่อนจะวางถาดของว่างพร้อมกับกาแฟลงตรงหน้าคนที่ถือว่าเป็นเจ้านายของเธออีกคน “คุณวิลเลี่ยมจะรับอะไรเพิ่มอีกหรือเปล่าคะ”

                “ไม่ละครับ” วิลเลี่ยมส่ายหน้าปฏิเสธ “ขอบคุณมากครับ”

                “ยินดีค่ะ” พนักงานสาวยิ้มหวานหยดกว่าเดิม ยังไม่อยากจะถอยไปตอนนี้ เพราะโอกาสที่จะเจอกับหนุ่มหล่อคนนี้ที่บริษัทช่างหายากนัก “เรียกฉันได้นะคะ ถ้าคุณวิลเลี่ยมต้องการอะไรเพิ่มเติม”

                “ครับ” วิลเลี่ยมยิ้มตอบ ทำให้พนักงานสาวมีหวังขึ้นเป็นกอง แต่ก็ถูกดับฝันด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบชวนขนลุกของใครคนหนึ่ง

                “ผมว่าคุณกลับไปทำงานของคุณเถอะครับ” แมทธิวพูด ไล่พนักงานต้อนรับตรงๆ “ตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่คุณควรจะอยู่นะ”

                “ค่ะ ค่ะท่านรอง” พนักงานสาวหน้าเสีย รีบวิ่งจี๋กลับไปทางเดิมทันทีที่ท่านรองประธานปรากฏตัว

                “ทำไมพี่ต้องใจร้ายกับสาวน้อยคนนั้นด้วย...แมท” วิลเลี่ยมเงยหน้าถามพี่ชายหน้าระรื่น ไม่ได้เดือดร้อนที่หญิงสาวคนนั้นแสดงความสนใจในตัวเขาจนออกนอกหน้าหรอก เขาแค่อยากรู้เหตุผลของแมทธิวก็เท่านั้น

                “แกนั่นแหละ อย่ามาทำเจ้าชู้กับลูกจ้าง” แมทธิวขัดคอน้องชายด้วยใบหน้าและน้ำเสียงราบเรียบ “แค่ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ยังฉาวไม่พอใช่มั้ยเจ้าวิล”

                “ไม่เอาน่าแมท” วิลเลี่ยมบอกปัดอย่างรำคาญ “ทำเป็นคนแก่หัวโบราณไปได้ นี่มันสมัยไหนแล้ว”

                “จะสมัยไหน เจ้านายนอนกับลูกจ้างก็ผิดทั้งนั้นแหละ” แมทธิวว่า “แกมีอะไรถึงได้ถ่อมาที่โรงแรมได้ ไม่ต้องไปทำงานเหรอวันนี้”

                “พี่มีวันหยุด ผมก็มีบ้างสิ” วิลเลี่ยมตอบ “แต่ที่มาวันนี้เพราะว่าแสนดีฝากมาเตือนเรื่องไปลองชุด”

                “ฉันไม่ลืมหรอกน่า” แมทธิวบอกอย่างหงุดหงิด “แสนดีนี่ยังไง ทำเหมือนพี่เป็นเด็กไปได้”

                “แสนดีไม่ได้กลัวพี่ลืมหรอก แต่แสนดีกลัวว่าพี่จะชิ่งต่างหาก” วิลเลี่ยมยิ้ม รู้ดีว่าพี่ชายของเขาไม่ชอบเข้าสังคมเท่าไรนัก “อย่าทำให้แสนดีเสียหน้าน่าแมท ก็แค่ไปลองชุดงานไปประกาศรางวัลเฉยๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย”

                “ฉันไม่อยากไป” แมทธิวบอก หน้าคมมีแววไม่สบอารมณ์เมื่อน้องชายเอ่ยถึงงานประกาศรางวัลที่ใกล้จะมาถึง “ทั้งไปลองชุด ทั้งงานประกาศรางวัลอะไรนั่น”

                “พรุ่งนี้สิบโมง วิเวียนจะเป็นคนช่วยเราเรื่องชุด” วิลเลี่ยมพูดต่อ ไม่สนใจฟังความต้องการของพี่ชาย แต่กลับเอ่ยถึงสไตลิสต์มือทองแทน “แสนดีจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว อย่าสายนะครับพี่ชาย”

                “ก็ได้” แมทธิวรับคำอย่างขอไปที ก่อนจะถามถึงเวลานัดซ้ำเพื่อความแน่ใจ “สิบโมงใช่มั้ย”

                “ใช่แล้ว” วิลเลี่ยมดีดนิ้วเสียงดัง ลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อเตรียมออกไปจากโรงแรมหลังจากทำหน้าที่ในวันนี้ของเขาลุล่วงแล้ว “เจอกันพรุ่งนี้พี่ชาย อย่าสายและก็อย่าเบี้ยว ไม่งั้นผมจะให้วิเวียนมาตามพี่ถึงที่เลย”

                “เก็บวิเวียนไว้กับแกนั่นแหละ” แมทธิวแอบกลอกตา เมื่อวิลเลี่ยมเอาคนรุ่นแม่มาขู่เขา “ฉันจะไป”

                “เยี่ยม อย่างนั้นเจอกัน” วิลเลี่ยมยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างประกอบคำพูดขณะเดินถอยหลัง ใช้หัวไหล่ ดันบานประตูกระจก แล้วเดินออกไปจากโรงแรม

                วันนี้เป็นอีกวันที่ไวโอเล็ตรับหน้าที่เป็นพนักงานชั่วคราวแทนผู้ช่วยของวิเวียนซึ่งลาป่วยไปทั้งสองคน ไวโอเล็ตที่ว่างและอยากได้งานเพิ่มระหว่างรอฟังผลการออดิชันก็เลยถูกเรียกตัวมา เพราะวิเวียนหาใครไม่ทันนั่นเอง

                “มาได้สักทีนะยายเป็ด” เสียงทักห้วนๆ เป็นสิ่งแรกที่ไวโอเล็ตได้รับเช่นเคย “นี่หล่อนรู้มั้ยว่านังพวกนั้นมันนัดกันป่วยหรือเปล่า เพราะฉันไม่เชื่อว่าพวกนั้นจะป่วยจริง” วิเวียนเบ้ปาก “อะไรจะบังเอิญมาป่วยพร้อมกัน” วันนี้วิเวียนมีนัดลองชุดให้แก่ลูกค้า ซึ่งเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร 

                “พวกเขาน่าจะป่วยนะคะ” ไวโอเล็ตอ้อมแอ้ม รู้ดีว่าทีมงานของวิเวียนเมาค้างจนมาทำงานไม่ได้เนื่องจากเมื่อคืนนี้อยู่กันจนโต้รุ่ง “แต่ฉันมาแล้วนี่คะ คุณอยากให้ฉันทำอะไรให้คะ”

                “ไปเช็กหน่อยว่าชุดที่สั่งไปมาครบหรือเปล่า” วิเวียนยกมือขึ้นกุมขมับ ชี้นิ้วไปที่กระดาษบนโต๊ะ “นั่นรายการ ฉันจะไปรอรับลูกค้าก่อน ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว”

                “ค่ะ วิเวียน” ไวโอเล็ตพยักหน้ารับคำสั่งอย่างแข็งขัน เดินไปหยิบกระดาษติดมือมาแล้วลากราวเสื้อผ้าไปที่มุมห้องโล่งๆ จับพลิกป้ายที่แขวนอยู่ด้านนอกถุงพลาสติกขึ้นดู สลับกับขีดฆ่ารายการบนกระดาษ ไม่นานเสียงทักอย่างสนิทสนมก็ดังเข้ามากระทบหู ก่อนที่วิเวียนจะเดินนำลูกค้าเข้ามา

                “แมทธิว วิลเลี่ยมจ๊ะ นี่ไวโอเล็ต ผู้ช่วยจำเป็นของฉัน” วิเวียนเอ่ยแนะนำสองหนุ่มหล่อที่เธอสนิทสนมมานานกับหญิงสาว “ไวโอเล็ต นี่คุณแมทธิว กับคุณวิลเลี่ยม”

                “คุณแมทธิว” ไวโอเล็ตอ้าปากค้าง จ้องคนที่เธอแอบปลื้มมาตลอดเวลาหลายปีด้วยความตะลึง “คุณจริงๆ ด้วย”

                “แมทธิว เทรเวน ครับ” แมทธิวยื่นมือมารอคนตัวเล็ก ยิ้มอย่างเป็นมิตรตามมารยาท “ยินดีที่ได้รู้จัก คุณไวโอเล็ต”

                “ยินดีเช่นกันค่ะ” ไวโอเล็ตกระชับมือหนาด้วยความประหม่า ตื่นเต้นจนเสียงสั่น “ชะ...ฉันเอ่อ...”

                “ผมวิลเลี่ยมครับ” คนเจ้าเสน่ห์ที่ยืนมองพี่ชายทำความรู้จักกับสาวน้อยเอ่ยขัด ข่มความไม่พอใจที่แมทธิวทำท่าว่าจะปาดหน้าเค้กเขาเอาไว้ แล้วแย่งมือเล็กมากุมไว้หน้าตาเฉย “วิลเลี่ยม เทรเวน”

                “ยินดีที่รู้จักค่ะ” ไวโอเล็ตเขย่ามือวิลเลี่ยมเร็วๆ ก่อนจะชักมือหนี หันมาสนใจชายในฝันของเธอต่อ “วิเวียนไม่ได้บอกว่าลูกค้าเป็นคุณ” ไวโอเล็ตพูด มองหน้าแมทธิวด้วยสายตาชวนฝัน

                แมทธิว เทรเวน ตัวจริงหล่ออย่างกับเทพบุตร

                “ผมชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า” แมทธิวก้มหน้ามามองสาวน้อยไวโอเล็ตแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม รู้สึกถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาจนตัวเขาเองยังแปลกใจ “แต่ดีใจนะครับที่คุณมาช่วยเรา”

                “ด้วยความยินดีค่ะ” ไวโอเล็ตยิ้มกว้าง หน้าบานเท่ากระด้งเมื่อได้รับรอยยิ้มกว้างจากแมทธิว เห็นทีจะต้องเอาเรื่องนี้ไปอวดกับเมแกนหน่อยแล้ว “คุณอยากดูชุดก่อนมั้ยคะ แต่ฉันยังเช็กของไม่เสร็จนะ” เธอออกตัว

                “ผมว่าคุณเช็กให้เสร็จเถอะครับ” วิลเลี่ยมชิงตอบ แยกเขี้ยวใส่พี่ชายพร้อมกับส่งสายตาขุ่นขวาง “ผมมีเรื่องคุยกับพี่ชายก่อนนิดหน่อย เดี๋ยวกลับมา”

                “อย่างนั้นก็ได้ค่ะ” ไวโอเล็ตพยักหน้า หันหลังให้สองพี่น้องสุดหล่อแล้วกลับไปทำงานที่ได้รับมอบหมายจากวิเวียนต่อ แม้หัวใจดวงน้อยจะเต้นกระหน่ำเพราะความตื่นเต้น แต่เธอก็ยังพยายามทำหน้าที่ของตัวเองไม่ให้ขาดตกบกพร่อง

                “กำลังจะทำอะไรไม่ทราบวะไอ้คุณแมท” วิลเลี่ยมลากพี่ชายออกมาหน้าประตูห้องแล้วเอ่ยปากถามด้วยความไม่พอใจ “นี่คิดจะปาดหน้าเค้กกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ”

                “ปาดหน้าเค้กอะไรของแก” แมทธิวย่นคอ มองหน้าน้องชายตัวเองอย่างสับสน “ฉันไปทำอะไรตอนไหน”

                “ก็ตอนนี้ไงล่ะ”​ วิลเลี่ยมหลุดพูดเสียงดัง ตะครุบปากตัวเองเอาไว้ขณะยื่นหน้าไปดูคนในห้องเพื่อความแน่ใจ ว่าไม่มีใครได้ยินเรื่องที่เขากำลังจะพูดกับแมทธิว “พี่ชอบยายตัวเล็กนั่นใช่มั้ย ผมรู้นะว่าพี่ตั้งใจยิ้มอ่อยเธอน่ะ”

                “แกต่างหากที่ตั้งใจอ่อยไวโอเล็ต” แมทธิวตอกกลับ มองปราดเดียวก็รู้ว่าไอ้น้องชายตัวดีของเขาติดใจยายตัวเล็กนี่แค่ไหน “อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นนะว่าแกยิ้มหวานหยดให้ไวโอเล็ต แต่เสียดายที่ผู้หญิงเขาไม่ชายตาแล”

                “ไม่จริงหรอก” วิลเลี่ยมอ้าปากหวอ อึ้งกิมกี่ที่โดนพี่ชายจับไต๋ตัวเองได้ “ยายตัวเล็กก็แค่ไม่ทันมอง ไม่ใช่ไม่ชายตาแลผมสักหน่อย”

                “แน่ใจ๊?” แมทธิวเลิกคิ้ว มองหน้าน้องชายตัวเองด้วยความขำ

                “แน่สิ ไม่เชื่อพี่ก็คอยดู วันนี้ผมจะทำให้ไวโอเล็ตไปเดตกับผมให้ได้” วิลเลี่ยมว่า “เมื่อวานเราเคยมีเรื่องโรแมนติกด้วยกัน รับรองว่าเสร็จวิลเลี่ยม!”

                “หน้าแกเขายังไม่มอง หวังสูงไปมั้งเจ้าวิล” แมทธิวมองคนที่ทำหน้ามั่นอกมั่นใจด้วยสายตาดูถูก “ผู้หญิงเขามองตามฉันตาปรอยขนาดนั้น แกยังหลอกตัวเองไม่เลิกนะ”

                “นี่พี่จะแย่งผมเหรอ” วิลเลี่ยมหน้าเหลอ ไม่เคยเห็นแมทธิวสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อน จนกระทั่งวันนี้ “ไม่ได้นะแมท! ผมเจอเธอก่อน...ยายเป็ดน้อยนั่นเป็นของผมนะ”

                “ถ้าเธอชอบฉันแล้วแกจะทำอะไรได้” แมทธิวยิ้มเยาะ ไม่ได้ตั้งใจจะแย่งสาวน้อยนั่นกับน้องชายหรอก แต่เขาเพียงแค่หมั่นไส้ที่มันเจ้าชู้ไปทั่ว...กับเด็กซื่อๆ อย่างสาวน้อยคนนี้ก็ยังไม่เว้น เลยอดไม่ได้ที่จะให้บทเรียนเล็กๆ น้อยๆ สักหน่อย “พนันกันมั้ยล่ะ” แมทธิวท้า

                “ห้ามยุ่งกับเธอนะแมทธิว” วิลเลี่ยมออกคำสั่ง “เธอเป็นของผม ผมเจอเธอก่อน พี่ไม่มีสิทธิ์”

                “แกมีสิทธิ์งั้นสิ” แมทธิวถามกวนๆ มองวิลเลี่ยมหอบหายใจอย่างหงุดหงิด เมื่อรู้ว่าเขาจะแย่งลูกแกะมาไว้เอง “สาวน้อยไวโอเล็ตของแกนี่ช่างโชคร้ายจริงๆ ถูกแกหมายตาเป็นของเล่นชั่วคราวซะแล้ว”

                “ก็ผมเจอเธอก่อน” วิลเลี่ยมขู่ จ้องหน้าแมทธิวอย่างตักเตือน “พี่มาทีหลัง เพราะอย่างนั้นพี่ต้องถอยไป...แมทธิว”

                “ได้สิวิลเลี่ยม” แมทธิวยกมือขึ้นตบต้นแขนน้องชาย ทำท่าเป็นเข้าอกเข้าใจก่อนจะตลบหลังวิลเลี่ยม “มาดูกันว่าสาวน้อยของแกเขาจะเลือกใคร ระหว่างคนพี่บ้านเทรเวนที่มีข่าวว่าเป็นเกย์ กับน้องชายเจ้าสำราญ ที่ไม่เคยมีผู้หญิงเป็นตัวเป็นตน”

                “แมทธิว!” วิลเลี่ยมคว้าแขนพี่ชาย ดึงเขาให้กลับมายืนใกล้ๆ แล้วกระซิบขู่ “พี่จะเล่นแบบนี้ไม่ได้นะ ภาษีพี่ดีกว่าผม...ถ้าพี่ไม่จริงจังก็ปล่อยเธอมาให้ผม”

                “แกก็ไม่ได้จริงจังเหมือนกันนี่ จะเดือดร้อนไปทำไม” แมทธิวปัดแขนวิลเลี่ยมออก “อย่างน้อยๆ คบกับฉัน สาวน้อยนั่นก็ไม่ต้องโดนถอดออกจากงานเหมือนที่คู่ขาคนเก่าแกโดนก็แล้วกัน!”

                “แมทธิว...ได้โปรดเถอะ ผมต้องได้คนนี้จริงๆ นะ” วิลเลี่ยมรั้งแขนพี่ชาย อ้อนวอนอย่างน่าสงสาร “ได้โปรดเถอะ ผมอยากได้เธอจะแย่แล้ว”

                “ไปอ้อนวอนเธอเองสิ” แมทธิวยิ้ม ไม่ยอมถอยจากเกมนี้ให้น้องชายง่ายๆ “สู้กันแฟร์ๆ หน่อยไอ้วิล ถ้าเธอเลือกแกฉันก็ถอย...แต่ถ้าเธอเลือกฉัน แกก็ต้องไปให้พ้นทาง”

                “โธ่โว้ยแมทธิว!” วิลเลี่ยมคลั่ง “ได้โปรดเถอะ ผมอยากได้ยายเด็กนั่นจนตัวสั่นแล้ว ถ้าจะแกล้งกันก็เอาไว้คราวหลัง”

                “ฉันก็จะเอาคนนี้เหมือนกัน” แมทธิวยิ้มกวนๆ “ใครดีใครได้เว้ยไอ้วิล”

                “แมทธิว!”

                “มีอะไรกันหรือเปล่าหนุ่มๆ เสียงดังเข้าไปข้างในเชียว” วิเวียนที่เดินออกมาตามลูกค้าคนพิเศษเอ่ยปากถาม มองสองพี่น้องบ้านเทรเวนอย่างเป็นห่วง “ทะเลาะอะไรกันจ๊ะ”

                “เปล่าครับวิเวียน” แมทธิวหันมาตอบแล้วเดินผ่านหน้าวิเวียนเข้าไปในห้อง แต่ก็ไม่ลืมที่จะก้มหน้าลงไปกระซิบที่หูของวิเวียน “วิลเลี่ยมอยากได้ยายเป็ดน้อยของคุณ”

                “นั่นบ้ามากเลยนะ” วิเวียนชักสีหน้า หันไปมองแมทธิวกับวิลเลี่ยมตาขวาง “ฉันจะให้เธอกลับไป”

                “ให้เธออยู่เถอะ” แมทธิวส่ายหน้า รั้งแขนคนที่กำลังจะไล่ตะเพิดผู้ช่วยจำเป็นของตัวเองกลับบ้าน เพราะห่วงว่าสาวน้อยไวโอเล็ตจะหนีไม่พ้นเขี้ยวเล็บของวิลเลี่ยม “ผมจัดการเอง”

                “ถ้าจะเล่นแบบนี้ก็ได้” วิลเลี่ยมที่รู้ตัวว่ากำลังจะโดนกันท่าเดินกระแทกไหล่พี่ชายเข้ามาในห้อง ต้องรีบจัดการยายนี่ให้จบๆ แมทธิวจะได้ไม่ต้องมายุ่มย่าม “พี่ต้องถอยให้ผมแน่ แมทธิว” วิลเลี่ยมขู่อาฆาต

                “ฉันต่อให้แกก่อนเลย” แมทธิวผายมือ ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกแล้วเดินไปรอที่มุมห้อง ปล่อยให้วิลเลี่ยมออกตัวจีบสาวน้อยไวโอเล็ตก่อน

                “คอยดูก็แล้วกัน” วิลเลี่ยมชี้หน้าพี่ชาย หมุนตัวเดินยิ้มแป้นไปหาคนที่กำลังก้มหน้าเช็กรายชื่อของป้ายเสื้ออยู่อย่างขะมักเขม้น

                “ทำแบบนี้มันจะดีเหรอแมทธิว” วิเวียนเดินมาสมทบแมทธิวแล้วเอ่ยถามอย่างไม่สบายใจ “ฉันให้ยายเป็ดกลับไปไม่ดีกว่าเหรอ”

                “เธอไม่ชอบไอ้วิลหรอกครับวิเวียน” แมทธิวเหลือบมองหน้าวิเวียนแล้วหันกลับไปมองน้องชายตัวเองต่อ “อย่าห่วงเลย”

                “เธอมั่นใจได้ยังไงแมทธิว” วิเวียนถามเสียงเขียว “ลองวิลเลี่ยมได้จีบใครแล้ว ผู้หญิงที่ไหนก็หลงหัวปักหัวปำทั้งนั้นแหละ”

                “เว้นแต่ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ตัวว่าถูกจีบ” แมทธิวชี้ไปที่ไวโอเล็ต บอกให้วิเวียนเห็นในสิ่งที่เขากำลังเห็น “ไวโอเล็ตเจอวิลเลี่ยมเมื่อวาน แต่เธอจำวิลเลี่ยมไม่ได้ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าวิลเลี่ยมไม่ได้อยู่ในเซลล์สมองของแม่ไวโอเล็ตตัวน้อยด้วยซ้ำ”

                “แต่มันก็เสี่ยงอยู่ดี” วิเวียนยังไม่สบายใจ

                “อย่างนั้นผมจะช่วยกำจัดความเสี่ยงให้เอง” แมทธิวยิ้มเจ้าเล่ห์ นึกสนุกขึ้นมาแล้วก้มตัวลงถอดเสื้อยืดออก แล้วเดินดุ่มๆ เข้าไปร่วมวงกับน้องชาย หลังจากที่เขาปล่อยให้อีกฝ่ายเดินหน้าจีบสาวน้อยไวโอเล็ตไปก่อนหลายนาที

                “โอ้มายกอด!...” วิเวียนอ้าปากค้าง มองตามแผ่นหลังแกร่งของลูกชายคนโตแห่งบ้านเทรเวนแล้วยกมือเช็ดน้ำลายที่มุมปาก กลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่เมื่อเสมองลงมาตามก้นงอนๆ ของแมทธิว “ตายตอนนี้ก็ไม่เสียดายชีวิต พ่อคุณเอ๊ย...แม้แต่ขอบกางเกงในยังหล่อ”

                “ไงครับ ไวโอเล็ต” วิลเลี่ยมเดินเข้ามาด้านหลังคนตัวเล็ก ยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง

                “คุณวิลเลี่ยม!” ไวโอเล็ตอุทาน ย่นคอออกห่างวิลเลี่ยมแล้วรีบก้าวถอยหลัง “ฉันตกใจหมดเลยค่ะ”

                “ทำให้แม่กระต่ายน้อยตกใจเสียแล้ว ผมนี่แย่จริงๆ” วิลเลี่ยมแกล้งต่อว่าตัวเอง ยิ้มมารยาให้แก่คนหัวอ่อน “ขอโทษครับคนสวย”

                “ไม่เป็นไรค่ะ แค่อย่าทำอีกก็พอ” ไวโอเล็ตยกไหล่ทั้งสองข้างขึ้นประกอบคำพูด เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้หญิงถึงได้ชอบวิลเลี่ยมนัก ก็เขาปากหวานขนาดนี้นี่นา “ขืนทำอีกแล้วฉันเผลอต่อยคุณขึ้นมาคุณจะแย่เอานะคะ”

                “คุณชกเป็นด้วยหรือ” วิลเลี่ยมยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีก แต่คราวนี้กลับยิ้มกว้างอย่างชอบใจที่ไวโอเล็ตกล้าต่อปากต่อคำกับเขาขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนจะยั่วเธอด้วยสายตาดูแคลน “ไม่จริงน่า...”

                “จะลองก็ได้นะคะ” ไวโอเล็ตกัดฟันพูด ยกหมัดใส่หน้าวิลเลี่ยมก่อนจะโดนเขาคว้าเอาไว้ก่อน

                “อย่าเลยครับ ผมเชื่อแล้ว” วิลเลี่ยมคว้าจับหมัดเล็กๆ ของไวโอเล็ตเอาไว้ก่อนที่มันจะชนปลายจมูกเขา พินิจอยู่เพียงครู่ก็ยอมปล่อย แม้คราวแรกจะตั้งใจจูบเอากำไรสักหน่อยก็ตาม

                ใจเย็นๆ วิลเลี่ยม ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป เขาบอกตัวเอง “มือสวยจัง สนใจอยากได้แหวนสักวงมั้ยครับ”

                “ฉันไม่ชอบใส่เครื่องประดับค่ะ” ไวโอเล็ตดึงหมัดตัวเองกลับมามอง พูดตอบวิลเลี่ยมออกไปโดยไม่ทันคิด “ฉันทำมันหายบ่อยเลยไม่ใส่ดีกว่า”

                “ผมหมายถึงแหวนเพชร...แหวนเพชรวงโตๆ น่ะ” วิลเลี่ยมกระซิบเสียงพร่า ขยิบตาให้แม่คนจอมซื่อ จนไวโอเล็ตขนลุกเกรียวเมื่อตามมุกเขาทัน “สนใจหรือเปล่าครับ” วิลเลี่ยมยิ้มตาหยี

                “ไม่ค่ะ” ไวโอเล็ตส่ายหน้าดิก ก้าวออกห่างพ่อคนเจ้าชู้กว่าตอนแรกอีกก้าว

                “ทำกลัวไปได้นะ ทีเมื่อวานให้เขามาส่งยังไม่กลัวเลย” วิลเลี่ยมว่างอนๆ

                “คุณคือคนเมื่อวานเหรอคะ” ไวโอเล็ตอุทานตาโต ทำไมเธอจำไม่ได้เลยว่า วิลเลี่ยม เทรเวน เป็นคนมาส่งเธอ...มิน่าล่ะ เธอถึงได้รู้สึกคุ้นหน้าเขานัก

                “ฉันก็ว่าอยู่...ทำไมฉันถึงได้คุ้นหน้าคุณนัก” ไวโอเล็ตเผลอตัว เมื่อรู้ว่าวิลเลี่ยมเป็นคนเดียวกับผู้ชายแปลกหน้าที่ใจดีขับรถมาส่งเธอเมื่อวาน “โอ๊ะ! ตายแล้ว ฉันลืมเอาร่มมาคืนคุณ”

                “ผมไม่เอาคืนหรอก” วิลเลี่ยมยิ้มกว้าง ขำหญิงสาวที่กัดปากตัวเองอย่างเสียดายแล้วเลียริมฝีปาก “เก็บไว้เถอะ มันเป็นของคุณแล้วนี่”

                “ขอลองชุดนั้นได้หรือเปล่าตัวเล็ก” เสียงทุ้มเอ่ยขัดจังหวะ ทำให้วิลเลี่ยมต้องเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง สงครามระหว่างพี่น้องเริ่มขึ้นแล้ว

                “ดะ...” ไวโอเล็ตกำลังจะหันไปตอบแมทธิว แต่ก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อหน้าอกขาวๆ กระแทกตามาแต่ไกล “ว้าว...เอ่อ...”        

                “ชุดนี้นะ” แมทธิวถือวิสาสะ แกล้งทำเป็นไม่เห็นว่าไวโอเล็ตอ้าปากค้าง ยื่นมือแทรกกลางระหว่างน้องชายเขากับไวโอเล็ตเพื่อไปหยิบชุดออกมาจากราว พร้อมยักคิ้วให้วิลเลี่ยมที่อ้าปากค้างมองเขาราวกับเห็นผี “ช่วยหน่อยสิ” แมทธิวทำทีเป็นอ้อนไวโอเล็ต

                “ดะ...ได้ค่ะ” ไวโอเล็ตพยักหน้า ก้มหน้ามองต่ำเพื่อซ่อนใบหน้าเห่อร้อนทันที หลีกเลี่ยงที่จะสบตากับเจ้าของหน้าอกแกร่งชวนใจสั่น แต่แมทธิวก็ไม่ยอมปล่อยเธอไป

                “เป็นอะไรหรือเปล่า หูแดงเชียว” แมทธิวประคองหน้านวลที่กลายเป็นสีแดงทั้งหน้าขึ้นมามองด้วยสองมือ ก้มหน้าเอ่ยถามไวโอเล็ตด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย “ไม่สบายหรือเปล่า หืม...”

                “ถ้าคุณยังไม่ปล่อยฉัน ฉันก็คงจะตายอยู่ตรงนี้แหละค่ะ” ไวโอเล็ตละเมอ จ้องหน้าแมทธิวตาลอยๆ นี่เธอกำลังฝันไป ฝันอยู่แน่ๆ ไวโอเล็ต “โอ้ พระเจ้าช่วย!” ไวโอเล็ตละเมอ เหลือบตามองยอดอกสีชมพูของแมทธิวแล้วรู้สึกเหมือนเท้ากำลังลอยจากพื้น

                “ปล่อยแล้ว” แมทธิวยิ้มกริ่ม เหลือบมองคนที่กัดฟันมองเขาตาขวางอยู่ด้วยสายตาของผู้ชนะ “อย่าเพิ่งตายสิ ยังไม่โตเลย” เขาว่า แล้วยกฝ่ามือวางที่กระหม่อมเล็ก โยกไปมาอย่างหยอกเย้า

                “คุณแมทธิวคะ คุณหล่อมาก” ไวโอเล็ตหลับตาปี๋ กลั้นใจบอกแมทธิวตรงๆ “แต่ถ้าขืนคุณยังทำให้ฉันใจเต้นไม่หยุดแบบนี้อีก ฉันคิดว่าฉันคงจะเป็นลมไปก่อนที่จะช่วยคุณลองชุดเสร็จ”

                “งั้นรีบๆ ทำเข้าสิ” แมทธิวยักคิ้ว ทำให้ไวโอเล็ตตัวลอยไปอีกคำรบ

                เห็นทีเขาคงจะฆ่าเธอด้วยนัยน์ตาสวยๆ คู่นี้แน่ๆ  โอย...เป็ดอยากจะเป็นลม

                “คะ...คุณแมทธิว”

                “พอได้แล้วแมท!” วิลเลี่ยมดึงพี่ชายพร้อมกับชุดในมือคนตัวเล็กส่งต่อให้วิเวียนเมื่อเห็นไวโอเล็ตกำลังหลงกลแมทธิว “ไปหาวิเวียนเลย”

                “อะไรของแกไอ้วิล” แมทธิวถามวิลเลี่ยมอย่างขัดใจ กระซิบเตือนวิลเลี่ยมเรื่องข้อตกลง “สู้กันแฟร์ๆ สิวะ”

                “ไม่สู้อะไรทั้งนั้นแหละ” วิลเลี่ยมมองพี่ชายตัวเองอย่างโมโห ความไม่พอใจพุ่งสูงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน “เลิกเล่นสักที ปั่นหัวผมได้ มันสนุกนักหรือไง”

                “ฉันสนุกตรงที่ทำให้แกแพ้ได้ต่างหากล่ะ” แมทธิวกระตุกยิ้ม คนอย่างวิลเลี่ยมต้องโดนสั่งสอนอย่างนี้ละถึงจะสาสม “ทีนี้รู้แล้วนะว่าเด็กน้อยนั่นเลือกใคร”

                “เอาไว้พี่กล้าคบกับใครเมื่อไหร่แล้วค่อยมาพูด” วิลเลี่ยมชี้หน้าแมทธิว “วันนี้พอแค่นี้ ผมไม่อยากทะเลาะด้วย”

                “แกกลัวแพ้น่ะสิ” แมทธิวดักคอ

                “เออ ถ้ากลัวแล้วจะทำไม” วิลเลี่ยมย้อนถาม ชี้หน้าพี่ชายแล้วเดินกลับมาหาคนที่ยืนอึ้ง ช็อกกับท่อนบนเปล่าเปลือยของคนที่เธอแอบชอบ “หยุดอยู่แค่นั้นเลยนะ” วิลเลี่ยมแยกเขี้ยวใส่


3

                “โอ้มายกอด...” ไวโอเล็ตยกมือกุมแก้มทั้งสองข้างของตัวเอง เมื่อรู้สึกว่าแก้มของเธอกำลังจะระเบิดออกมาในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า “ขาว ขาวมาก” ไวโอเล็ตละเมอ หน้าอกขาวๆ ของแมทธิวยังติดตาไม่หาย

                “นี่...เป็นอะไรหรือเปล่า” วิลเลี่ยมสะกิดไหล่ถามคนตัวเล็ก แม้จะไม่พอใจ แต่ก็ยังพยายามเก็บความหงุดหงิดเอาไว้ข้างใน “นั่งก่อนมั้ย” เขามองหน้านวลที่แดงระเรื่อแล้วเม้มปาก

                ไอ้พี่บ้า...นี่กะจะเคลมเด็กเขาจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย

                “ค่ะ” ไวโอเล็ตพยักหน้าลอยๆ พยายามเรียกสติสตังกลับมาแล้วสูดหายใจเฮือกใหญ่ “คุณแมทธิวขาวมากเลยนะคะ” ไวโอเล็ตหลุดปากพูดอย่างลืมตัว แต่นั่นกลับทำให้วิลเลี่ยมยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ เขาถึงกับใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม แล้วถลกเสื้อออกจากตัวเหมือนกับพี่ชายเพื่อประชดคนตัวเล็ก

                “ผมขาวได้แค่นี้แหละ พอใจมั้ย” วิลเลี่ยมหลุดแสดงความโมโหใส่ไวโอเล็ต จนคนตัวเล็กหน้าเหลอ ไม่รู้ว่าเธอทำอะไรให้เขาโกรธเข้า “อยากได้ขาวกว่านี้ก็รอหน่อย เดี๋ยวจะทำให้”

                “ฉันไม่ได้อยากได้ค่ะ” ไวโอเล็ตส่ายหน้าเพราะความซื่อ ลุกขึ้นยืนแล้วทำทีเป็นเดินไปที่ราวแขวนเสื้อเพื่อคัดหาชุดให้วิลเลี่ยมลองพลางถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง “คุณอยากลองชุดไหนก่อนคะ”

                “ชุดนี้” วิลเลี่ยมพูดห้วนๆ รั้งเอวเล็กเข้าหาตัว จับสะโพกงอนๆ ของแม่ตัวดีแนบกับด้านหน้าของเขา แล้วเป่าลมร้อนๆ รดต้นคอเล็ก “จะเอาตัวนี้ ให้ได้หรือเปล่า”

                “วิลเลี่ยม” เสียงตักเตือนของแมทธิวทำให้วิลเลี่ยมต้องยอมปล่อยไวโอเล็ตไปอย่างจำใจ หลับหูหลับตาคว้าชุดบนราวแขวนมาส่งให้ไวโอเล็ตอย่างเสียไม่ได้

                “กันท่านักนะ” วิลเลี่ยมขึงตาใส่พี่ชาย ก้มถอดกางเกงออกจากตัวเหลือแค่กางเกงชั้นใน รอให้ไวโอเล็ตช่วยเขาลองชุดด้วยสีหน้ากวนประสาท ไร้จิตสำนึก จนแมทธิวอยากจะเข้ามาชกสักหมัด

                ไวโอเล็ตนั้นได้แต่เม้มปากแน่น กลัวจนตัวสั่นเมื่อเธอไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมวิลเลี่ยมถึงทำอย่างนี้กับเธอ แต่กระนั้นเธอก็กลัววิเวียนดุจนไม่กล้าออกไปไหนเหมือนกัน

                “ยายเป็ดกลับบ้านไปได้แล้ว” วิเวียนสั่ง เธอทนยืนดูยายเป็ดน้อยของเธอตกเป็นเครื่องมือการเล่นสนุกของพวกผู้ชายอยู่นานจนทนไม่ไหว พยักหน้าอนุญาตให้ไวโอเล็ตออกไปได้เมื่อสาวน้อยนั่นมองมาที่เธอด้วยสายตาหวาดกลัว “กลับไปเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

                “ค่ะวิเวียน” เมื่อได้รับอนุญาตไวโอเล็ตก็ไม่รีรอ ไม่แม้จะบอกลาใครทั้งนั้น เธอรีบวิ่งหน้าตั้งออกไปจากห้องนี้ทันทีเพราะความกลัว

                “เห็นหรือยังว่าแกมันอารมณ์ร้ายแค่ไหน” แมทธิวตำหนิน้องชาย “เล่นอะไรไม่รู้จักความพอดีก็เป็นอย่างนี้แหละ สมน้ำหน้า”

                “แล้วมันความผิดใครล่ะวะ” วิลเลี่ยมสบถ คว้ากางเกงขึ้นมาสวมแล้วมองหาเสื้อ “ผมกลับละ จะให้ใส่ตัวไหนก็แล้วแต่คุณนะครับวิเวียน ผมรีบ” เขาว่าง่ายๆ รีบยัดเสื้อแล้วทำท่าจะวิ่งตามไวโอเล็ตออกไป

                “อย่ายุ่งกับเด็กนั่นวิลเลี่ยม” วิเวียนก้าวมาขวางประตู แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบใจที่วิลเลี่ยมทำเจ้าชู้ใส่เด็กในสังกัดของเธอ “อย่ายุ่งกับไวโอเล็ต คนนี้ถือว่าฉันขอเถอะ”

                “ช้าไปแล้วละครับ” วิลเลี่ยมดันวิเวียนให้พ้นทาง “ถ้าอยากจะโทษ ก็โทษฝนเมื่อวานก็แล้วกัน” พูดแค่นั้นเขาก็วิ่งออกไปจากห้อง ทิ้งให้วิเวียนงงกับคำพูดเมื่อครู่อยู่คนเดียว

                “เมื่อกี้มันหมายความว่ายังไงแมทธิว” วิเวียนถามชายหนุ่มที่ยืนมองเงาตัวเองอยู่หน้ากระจก

                “หมายความว่าวิลเลี่ยมติดใจยายเป็ดน้อยของคุณแล้วไงครับ” แมทธิวยิ้มมุมปากให้วิเวียนแล้วหันกลับมาจัดปกเสื้อตัวเองต่อ “ปล่อยไปเถอะครับวิเวียน”

                “จะปล่อยไปง่ายๆ อย่างนี้ได้ยังไง” วิเวียนเสียงแข็ง “เธอก็รู้ว่าน้องชายเธอมันเสือผู้หญิงขนาดไหน ยายเป็ดนั่นยิ่งซื่อๆ อยู่ เดี๋ยวอีกหน่อยก็คงร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะโดนวิลเลี่ยมทิ้ง”

                “ผมว่าคนที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งน่าจะเป็นน้องชายผมมากกว่านะครับ” แมทธิวยิ้มอย่างมีเลศนัย รู้แล้วว่าทำไมเขาถึงถูกชะตากับเด็กไวโอเล็ตนั่นนัก...ก็เธอเหมือนแม่เขาขนาดนั้น จะไม่ให้ถูกชะตาได้อย่างไร

                “เธอรู้ได้ยังไง” วิเวียนหรี่ตามองแมทธิวอย่างไม่วางใจ คนบ้านนี้เจ้าเล่ห์ไม่มีใครเกิน

                “เอาเป็นว่ารู้แล้วกันครับ” แมทธิวยิ้ม เงยหน้ามองวิเวียนแล้วเอ่ย “ผมมีข้อเสนอ...เรามาพนันกันดีมั้ยครับ ถ้าเด็กไวโอเล็ตนั่นร้องไห้เพราะวิลเลี่ยม...ผมจะยอมเป็นนายแบบของคุณ” แมทธิวยื่นข้อเสนอ “แต่ถ้ากลับกัน กลายเป็นวิลเลี่ยมที่ร้องไห้เพราะเด็กนั่น คุณจะต้องจ่ายผม”

                “จ่ายเป็นอะไร” สาวใหญ่หรี่ตามองอย่างไม่แน่ใจ

                “ชุดแต่งงานที่สวยที่สุดที่คุณจะหาให้ผมได้” หน้าคมฉายแววเจ้าเล่ห์จนวิเวียนขนลุกเกรียว “ตกลงมั้ยครับ”

                “ตกลง” วิเวียนยกหมัดขึ้นชกกับหมัดของแมทธิวเป็นการรับพนัน กับอีแค่ชุดแต่งงานมันจะหายากอะไร ต่อให้ชุดจากดาวอังคาร เธอก็หาให้เขาได้อยู่แล้วถ้าเขาต้องการ

                “เยี่ยมเลย” แมทธิวยิ้ม หันไปมองตัวเองในกระจกเงาแล้วทำหน้ายู่ “ผมว่าผมไม่เหมาะกับสีนี้เท่าไหร่ คุณว่าอย่างนั้นมั้ยครับ”

                “หน้าอย่างเธอ ต่อให้แก้ผ้าเดินก็ยังหล่อจ้ะพ่อคุณ” วิเวียนกระแนะกระแหนไม่จริงจัง “มานี่ มาลองชุดนี้...รับรองว่าแซ่บ” เธอกวักมือเรียก ปล่อยเรื่องของแม่เป็ดน้อยให้เป็นเรื่องของยายเด็กนั่นไป แม้จะห่วงแต่ก็ปลง หากไวโอเล็ตเลือกวิลเลี่ยม เธอเองก็คงทำอะไรไม่ได้...นอกเสียจากรอปลอบใจตอนเด็กนั่นโดนวิลเลี่ยมเขี่ยทิ้ง

                นี่มันเกิดอะไรขึ้น...ไวโอเล็ตหอบกระเป๋าใบเขื่องวิ่งออกมาจากออฟฟิศของวิเวียน มือเล็กกุมที่ตำแหน่งหัวใจแน่น เมื่อก้อนเนื้อในอกเต้นกระหน่ำ รุนแรงกว่าตอนที่แมทธิวยิ้มให้เธออีก...นี่เธอเป็นอะไร วิลเลี่ยมทำอะไรกับเธอ!

                “ไวโอเล็ต!” เสียงตะโกนของวิลเลี่ยมทำให้ไวโอเล็ตหันกลับไปมอง ก่อนจะก้มหน้าวิ่งหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้

                ไม่นะ อย่ามาฆ่าเธอนะ ไม่เอาแล้ว

                ไวโอเล็ตคิดระหว่างจ้ำอ้าว กลายเป็นว่าทั้งเธอและวิลเลี่ยมกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอยู่บนทางเท้าเหมือนเด็กไม่รู้ความ

                “เป็นบ้าอะไรเนี่ย ไม่ได้ยินที่ผมเรียกหรือไงยายเป็ด!” วิลเลี่ยมตะโกนใส่หน้าไวโอเล็ตหลังจากที่เขาตะครุบตัวเธอได้สำเร็จ “เป็นอะไร วิ่งหนีทำไม” เขาถามเสียงห้วน

                “ก็คุณโกรธ” ไวโอเล็ตเหลือบตามองหน้าคม แล้วหลุบตาต่ำด้วยความกลัว “ฉันกลัว”

                “จะกลัวทำไม ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” วิลเลี่ยมถอยออกมายืนห่างไวโอเล็ตเมื่อคิดได้ว่าเขาอาจจะทำเกินไป “หยุดแล้วก็คุยกันดีๆ ก่อนสิ” เขาพยายามไม่หงุดหงิดใส่เธอ เพราะเธอไม่รู้เรื่องที่เขาแข่งกับแมทธิว

                “ฉันหยุดแล้วค่ะ” ไวโอเล็ตถอยห่างอีก กลัวว่าวิลเลี่ยมจะทำรุ่มร่ามกับเธอเหมือนตอนที่อยู่ในออฟฟิศของวิเวียน “คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ ฉันจะกลับบ้าน”
                “จะกลับบ้านไปทำอะไร” วิลเลี่ยมกอดอก มองไวโอเล็ตด้วยความหงุดหงิด “มีธุระหรือ”

                “ก็ไม่ได้กลับไปทำไม” ไวโอเล็ตตอบ แต่คราวนี้น้ำเสียงเธอกลับมีวี่แววความไม่พอใจแฝงมาด้วย

                “งั้นก็อยู่คุยกันก่อน” วิลเลี่ยมออกคำสั่งกลายๆ “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

                “เรื่องอะไรคะ” ไวโอเล็ตช้อนตาขึ้นมอง คิดว่าบางทีวิลเลี่ยมอาจจะไม่ได้โกรธเธอ แต่เขาอาจมีเรื่องทะเลาะกับพี่ชายของเขา แล้วพาลมาหงุดหงิดใส่เธอมากกว่า

                “ไปคุยกันที่อื่น” วิลเลี่ยมเม้มปาก ทำทีเป็นมองไม่เห็นตาโตๆ ชวนใจสั่นของไวโอเล็ต “มีร้านกาแฟอยู่ห่างจากนี้อีกสองบล็อก ไปคุยกันที่นั่นเถอะ”

                “คุณไม่กลับไปเอารถเหรอคะ” ไวโอเล็ตถามอีก เมื่อวิลเลี่ยมออกเดินต่อไม่วกกลับไปเอารถของเขา นี่แสดงว่าเขาจะเดินไปที่ร้านกาแฟกับเธอ... “คุณไม่กลัวพวกปาปารัซซีถ่ายภาพคุณหรือคะ”

                “กลัวทำไม” วิลเลี่ยมย้อนถาม เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย

                “ก็เดี๋ยวแฟนคุณเข้าใจผิดไงคะ” ไวโอเล็ตบอก ยังจำได้ว่าวิลเลี่ยมคบอยู่กับนางแบบที่ชื่อแองจี้ “คนที่ชื่อแองจี้ไง”

                “ใครบอกคุณเรื่องนี้” วิลเลี่ยมชะงักเท้ากึก ควันออกหูทันทีที่ไวโอเล็ตพูดชื่อนางแบบสาวออกมา

                “ฉันอ่านในทวิตเตอร์ค่ะ” ไวโอเล็ตตอบพาซื่อ “และก็ได้ยินมาจากเพื่อนๆ นางแบบด้วย”

                “ผมไม่มีแฟน” วิลเลี่ยมพูดแค่นั้น ไม่อธิบายเพิ่มเติมว่าสิ่งที่เขาพูดหมายถึงอะไร และไวโอเล็ตเองก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องส่วนตัวของเขาจนต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถาม ทั้งสองจึงทำเพียงเดินเคียงกันเงียบๆ ไร้ซึ่งการสนทนาพาที จนกระทั่งมาถึงร้านกาแฟที่วิลเลี่ยมบอกไว้ก่อนหน้านี้

                “ขอโทษด้วยที่ทำตัวรุ่มร่ามกับคุณ” วิลเลี่ยมหลบตากลมโตที่บอกให้รู้ว่าไวโอเล็ตไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับการเล่นแผลงๆ ของเขากับแมทธิว “ผมมันงี่เง่าเอง” วิลเลี่ยมพูดกึ่งสบถ หงุดหงิดทั้งตัวเองและแมทธิว

                “ไม่เป็นไรค่ะ แค่อย่าทำอีกก็พอ” ไวโอเล็ตยิ้ม แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ติดใจเรื่องนี้ ที่เธอรีบออกมาก็เพราะเธอเสียขวัญและไม่ทันตั้งตัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็เท่านั้น “ฉันพอจะรู้ค่ะว่าคุณเป็นยังไง ฉันไม่ถือหรอก”

                “ผมเป็นยังไง” น้ำเสียงวิลเลี่ยมมีแววไม่พอใจ เมื่อไวโอเล็ตพูดราวกับว่าเธอรู้จักเขาดีเสียเต็มประดา

                “ก็...” ไวโอเล็ตเหลือบตามองบนคล้ายกำลังครุ่นคิด ก่อนจะขยับตัวเข้าไปกระซิบห่างๆ “เจ้าชู้เป็นไก่แจ้ไงคะ”

                “ฮะ?” วิลเลี่ยมหน้าเหลอ อึ้งอยู่เกือบนาทีกว่าจะตั้งสติได้ อะไรนะ...เธอเรียกเขาว่าเจ้าชู้เป็นไก่แจ้อย่างนั้นใช่มั้ย “นี่ไว...” เมื่อเขากำลังจะหันไปซักไซ้ไล่เลียงกับไวโอเล็ตว่าใครเป็นคนบอกเธอเรื่องนี้ วิลเลี่ยมก็โดนตัดหน้าอีกครั้งโดยพนักงานหลังเคาน์เตอร์ เพราะไวโอเล็ตเลือกที่จะสั่งกาแฟกับขนมของเธอก่อนนั่นเอง

                “ขอลาเต้ร้อนแล้วก็เอ่อ...เค้กมะนาวด้วยค่ะ” ไวโอเล็ตสั่งของที่เธอต้องการ

                “แค่นี้นะครับ” พนักงานผู้ชายที่น่าจะอยู่ ม.ปลาย กะพริบตา จ้องมองเค้าหน้าเก๋ไก๋ของไวโอเล็ตตาค้าง จะว่าผู้หญิงตรงหน้าสวยก็ไม่ เพราะมีดารานักร้องที่สวยกว่าเธอมาก แต่ถ้าจะให้ละสายตาจากเธอก็เป็นสิ่งที่ทำได้ยากเหมือนกัน “คุณอยากได้คาราเมลบนกาแฟหรือเปล่าครับ”

                “ได้เหรอคะ” ไวโอเล็ตถามตาโต เธอชอบคาราเมล

                “แน่นอนสิครับ” พนักงานยิ้ม หลบตาของสาวสวยด้วยความเขินเล็กๆ

                “เอาแบบนี้สองที่” วิลเลี่ยมตบปังที่เคาน์เตอร์ หน้าหล่อเหลายับยู่ยี่เพราะหงุดหงิด หน็อย...เขาเผลอนิดเดียวไอ้เด็กนี่ก็ริจะวัดกระดูกกับเขาอีกคนเสียแล้ว “คิดเงินมา เท่าไหร่” วิลเลี่ยมสั่งเสียงห้วน

                “คุณจ่ายให้ฉันไม่ได้นะคะคุณวิลเลี่ยม” ไวโอเล็ตดึงแขนวิลเลี่ยม บอกเขาด้วยความไม่สบายใจ เธอไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่าม หรือออกหน้ารับผิดชอบเรื่องค่าอาหารของเธอ “แยกจ่ายนะคะ”

                “ผมจ่ายได้” วิลเลี่ยมหันไปบอกไวโอเล็ตตาขวาง “คุณไปหาโต๊ะ เดี๋ยวผมยกกาแฟไปให้”

                “ไม่ค่ะ” ไวโอเล็ตค้านหัวชนฝา เร่งให้พนักงานกดรายการที่เธอสั่งลงเครื่องคิดเงินแล้วรีบแย่งวิลเลี่ยมจ่าย “ฉันจะจ่ายเอง”

                วิลเลี่ยมมองยายเด็กน้อยหัวดื้อที่ลูบเหลี่ยมหนุ่มหล่อบ้านรวยอย่างเขา ด้วยการตัดหน้าจ่ายเงินค่ากาแฟเองด้วยความหงุดหงิด ตัวก็เล็กแค่นี้ทำไมถึงได้ดื้อจ่ายเงินเองแทนที่จะให้ผู้ใหญ่จ่ายให้นะยายเป็ดน้อย

                “สุภาพบุรุษเขาจะไม่ให้ผู้หญิงจ่ายเงินเอง” วิลเลี่ยมเอ่ยเสียงเครียด พูดกระทบคนที่ยืนยิ้มหวานรอกาแฟกับเค้กอยู่ “แต่คุณก็ยังดื้อ”

                “ผู้หญิงที่ดีจะไม่ทำตัวเป็นยาจกให้ผู้ชายเลี้ยงทั้งที่ตัวเองมีเงินเหมือนกันค่ะ” ไวโอเล็ตตอบกลับยิ้มๆ ขยับให้วิลเลี่ยมได้จ่ายเงินในส่วนของเขาแล้วโบกมือ “เราอยู่ในอเมริกานะคะคุณวิลเลี่ยม ผู้หญิงผู้ชายเท่าเทียมกันค่ะ”

                “นั่นเจ๋งมากครับ” พนักงานร้านขนมที่ยืนนิ่งฟังลูกค้าทั้งสองทะเลาะกันอยู่แอบอมยิ้ม ยื่นจานขนมให้ไวโอเล็ต แล้วเอ่ยชื่นชมความคิดของเธอ

                “ใช่มั้ยล่ะ” ไวโอเล็ตขยิบตาส่งให้พนักงานอย่างรู้กัน ก่อนจะรับจานขนมแล้วเดินไปรอรับกาแฟ

                “นี่” วิลเลี่ยมกัดฟัน โน้มตัวไปที่เคาน์เตอร์แล้วกระดิกนิ้วชี้เรียกไอ้พนักงานที่ยิ้มหวานให้ยายเป็ดของเขา ดึงคอเสื้อของหนุ่มน้อยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เข้ามาใกล้แล้วขู่ “แกรู้มั้ยว่าผู้หญิงที่แกจ้องตาเป็นมันอยู่น่ะเป็นของใคร ฮึ”

                “เอ่อ...ผมขอโทษครับ” คนที่รู้ตัวว่าเผลอจ้องแฟนคนอื่นจนเสียมารยาทละล่ำละลักขอโทษ “ผมเสียใจจริงๆ ที่...”

                “ถ้าขืนแกยังทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยให้ยายเป็ดของฉันอีกละก็ แกได้ฝันร้ายไปตลอดชีวิตแกแน่ เข้าใจมั้ย”

                “ครับ!”

                “ดี” เมื่อได้คำตอบที่ตัวเองต้องการแล้ววิลเลี่ยมก็กระชากจานขนมมาถือ กำลังจะเดินไปรับกาแฟที่ชงเสร็จเรียบร้อยของตัวเอง แต่ก็ยังหันกลับมาขู่พนักงานหนุ่มน้อยลอดไรฟัน “เธอเป็นของฉัน”

                “มีความสุขมากมั้ย” หลังจากทรุดนั่งที่โต๊ะและวางของในมือลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว วิลเลี่ยมก็เปิดปากถามคนที่นั่งยิ้มรอเขาอยู่ก่อนแล้ว

                “ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะคะ” ไวโอเล็ตเงยหน้ามองคนตัวสูง กลัวว่าเธอจะไปทำอะไรโก๊ะกังใส่เขาอีก “ฉันทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่าคะ”

                “ผมถามเฉยๆ” วิลเลี่ยมบอกประชด ฉีกซองน้ำตาลเทลงไปในแก้วกาแฟแล้วยกช้อนขึ้นมาคนก่อนบอกเหตุผล “เห็นคุณยิ้มกว้างขนาดนั้นก็น่าจะมีความสุข”

                “ก็ไม่มีเรื่องอะไรน่าเศร้านี่คะ” ไวโอเล็ตตอบตาปริบๆ “กาแฟหอมๆ เค้กหวานๆ ร้านน่านั่ง และยังมากับหนุ่มหล่ออย่างคุณอีก...ใครเศร้าก็บ้าแล้วค่ะ” คนตัวเล็กแหย่ โดยหารู้ไม่ว่า นั่นเป็นการยื่นขาเข้าไปในกรงเสือหิวโซอย่าง วิลเลี่ยม เทรเวน เข้าเสียแล้ว

                “อยากมาด้วยกันบ่อยๆ มั้ยล่ะ” วิลเลี่ยมยิ้มกริ่ม พอใจที่แม่กระต่ายน้อยหลวมตัวให้เขาโดยที่ไม่ต้องลงแรงทำอะไร หากเป็นคนอื่นเขาคงคิดว่าพวกเธอเปิดทางให้เขาอย่างโจ่งแจ้ง แต่กับคนนี้...เขาดูไม่ออกว่าเธอมีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นบ้างหรือเปล่า

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันขี้เกียจสู้กับคุณตอนแย่งกันจ่ายเงิน” ไวโอเล็ตหัวเราะเสียงใส ยิ้มตาหยีใส่พ่อคนมากเล่ห์ ราวกับว่าเธอกำลังร่ายมนตร์ความไร้เดียงสาเพื่อทำให้วิลเลี่ยมติดกับ...และมันก็น่าจะได้ผล เพราะหัวใจของเขาเต้นกระหน่ำราวกับกลองศึก

                “คุณก็ยอมให้ผมจ่ายสิ จะได้ไม่ต้องเหนื่อย” วิลเลี่ยมเผลอยิ้มราวกับคนวิกลจริต เท้าคางมองดวงหน้าสวยได้รูป ตาลอยๆ “ผมก็ไม่ค่อยอยากทะเลาะกับเด็กหรอก เดี๋ยวใครเขาจะว่าเอาได้...”

                “ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย” ไวโอเล็ตทำปากยื่น ทำไมใครๆ ชอบมองเธอเป็นเด็กทุกทีเลยนะ “ฉันย่างยี่สิบเอ็ดแล้วนะคะ”

                “ถ้าเด็กบอกว่าย่างยี่สิบเอ็ดแสดงว่าเพิ่งยี่สิบ” วิลเลี่ยมชี้หน้า รู้ทันยายเป็ดน้อยเข้าเสียแล้ว

                “แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ” ไวโอเล็ตกัดปาก เถียงไม่ออกเมื่อเขาพูดถูกทุกอย่าง

                “ไม่ต่างหรอก” วิลเลี่ยมแย้มยิ้มเอ็นดู ก่อนจะโน้มตัวเพื่อใช้นิ้วดีดหน้าผากเล็ก เพราะมันเขี้ยวคนที่ทำแก้มป่องจนอดไม่ไหว “ไม่ว่ายี่สิบหรือยี่สิบเอ็ดก็ยังเด็กอยู่ดีนั่นแหละ”

                “โอ๊ย! คุณวิลเลี่ยม!” ไวโอเล็ตยกมือกุมหน้าผากตัวเอง แก้มที่พองอยู่แล้วพองขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า “คุณดีดหน้าผากฉันทำไมคะ”

                “โทษฐานที่คุณเป็นเด็กเลี้ยงแกะไง” วิลเลี่ยมยักคิ้วให้สาวน้อยไวโอเล็ตกวนๆ ถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกสบายใจเป็นครั้งแรกหลังแยกจากพี่ชายมา “คุณชอบพี่ชายผมเหรอ” วิลเลี่ยมเหลือบตามองไวโอเล็ตแล้วถาม สีหน้ายังคงเรียบเฉยแม้ไวโอเล็ตจะสำลักกาแฟจนไอค็อกแค็ก

                “ทำไมคุณถามฉันแบบนั้นล่ะคะ” ไวโอเล็ตหลบตา แสร้งทำเป็นตักเค้กเข้าปากเพื่อกลบเกลื่อนอาการเคอะเขิน

                นี่เธอแสดงออกว่าชอบคุณแมทธิวชัดขนาดที่คุณวิลเลี่ยมยังดูออกเลยหรือนี่ โอ๊ย...อย่างนี้คุณแมทธิวก็คงรู้แล้วละ เป็ดอยากจะเป็นลมรอบสอง...

                “แล้วตกลงชอบหรือเปล่าล่ะ” วิลเลี่ยมขยับมาใกล้ จ้องหน้าไวโอเล็ตอย่างคาดคั้น

                “ใครจะไม่ชอบล่ะคะ” ไวโอเล็ตชั่งใจอยู่เป็นนาทีแล้วอ้อมแอ้มตอบ เม้มปากแน่นเมื่อรู้ว่าเธออาจจะคิดผิดที่บอกเรื่องนี้กับวิลเลี่ยม “คุณก็รู้ว่าพี่ชายคุณเป็นหมอ แล้วก็หล่อมากๆ แถมยังน่าค้นหาอีกต่างหาก”

                “แมทธิวนี่นะ” วิลเลี่ยมทำเสียงสูงอย่างแปลกใจ คิ้วหนาผูกเป็นปมทันทีที่ได้ยินว่าแมทธิวน่าค้นหา

                มันน่าค้นหาตรงไหนวะ

                “ใช่ค่ะ” ไวโอเล็ตพยักหน้าแรงๆ สองสามครั้งเพื่อยืนยันคำพูดตัวเอง “ฉันชอบคุณแมทธิวเพราะเขาเป็นคนที่น่าชื่นชม”

                “ยังไง” วิลเลี่ยมอยากรู้

                “อืม...คือคุณอาจจะไม่รู้ คุณแมทธิวเคยไปกล่าวสุนทรพจน์ที่โรงเรียนของฉันปีที่ฉันจบ ม.ปลาย”

                “ต้องไม่รู้อยู่แล้ว” วิลเลี่ยมเบ้ปาก เรื่องไร้สาระแบบนี้ใครจะไปใส่ใจจำกัน

                “นั่นแหละค่ะ” ไวโอเล็ตพูดแล้วเล่าต่อ “คุณแมทธิวพูดได้น่าชื่นชมมาก ตอนที่เขาพูด...ตัวเขามีออร่าแผ่ออกมาเหมือนเทวดาบนสวรรค์เลยนะคะ ความคิดเขา...มันน่ายกย่อง”

                “ท่าจะชอบมันมาก” วิลเลี่ยมมองสายตาพราวระยับตอนที่ไวโอเล็ตพูดถึงพี่ชายตัวเองแล้วกัดฟันกรอด “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าคุณแอบชอบพี่ชายผมมาหลายปีแล้วงั้นสิ”

                “จะสามปีแล้วค่ะ” ไวโอเล็ตยิ้ม มีความสุขทุกครั้งที่พูดถึงแมทธิวแล้วทำหน้าเศร้าเมื่อนึกบางอย่างคิดได้ “ฉันคอยตามข่าวคุณแมทธิวตลอดเลย แต่เสียดายที่นอกจากเรื่องงานแล้วเขาก็ไม่ค่อยมีข่าวเลย”

                “ไม่เหมือนผมงั้นสิ” วิลเลี่ยมย้อนเสียงห้วน

                “คะ?” ไวโอเล็ตที่คิดเรื่องอื่นอยู่เพลินๆ เงยหน้ามองวิลเลี่ยมเมื่อได้ยินน้ำเสียงประชดประชัน    “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” วิลเลี่ยมส่ายหัว ยกแก้วกาแฟที่กำลังจะเย็นชืดขึ้นมาดื่มบ้าง “แล้วคุณคิดยังไงถ้าแมทธิวเป็นเกย์” เขาโยนหินถามทาง อยากรู้นักว่ายายเป็ดยังจะอาลัยอาวรณ์แมทธิวอยู่อีกมั้ย ถ้าเธอรู้ว่าแมทธิวไม่ชอบผู้หญิง

                “คุณแมทธิวไม่ได้เป็นเกย์หรอกค่ะ” ไวโอเล็ตหัวเราะพรืด มั่นใจว่าแมทธิวไม่มีทางเป็นเกย์อย่างแน่นอน

                “ทำไมดูคุณมั่นใจจัง” วิลเลี่ยมเลิกคิ้วอย่างสงสัย ถึงเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าแมทธิวไม่ได้เป็นเกย์ แต่ก็ไม่คิดว่ายายเป็ดน้อยนี่จะเชื่อว่าแมทธิวแมนเต็มร้อย “แมทธิวไม่เคยมีข่าวกับผู้หญิง ไม่มีแม้กระทั่งคนคุย แล้วทำไมคุณถึงมั่นใจขนาดนั้น”

                “ฉันรู้ค่ะ” ไวโอเล็ตยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วยกมือทุบที่ตำแหน่งหัวใจ “ตรงนี้มันบอกว่าคุณแมทธิวไม่ได้เป็น”

                “หัวใจอย่างนั้นหรือ”

                “สัญชาตญาณค่ะ” ไวโอเล็ตขยิบตาให้วิลเลี่ยม “ฉันเป็นผู้หญิงที่เซนส์แรงมาก ถ้าอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนแล้วรู้สึกเหมือนใจจะหลุดออกมาจากอก แสดงว่าฉันชอบเขา” ว่าแล้วไวโอเล็ตก็ขำก๊าก

                ดูเธอพูดเข้าสิ น่าอายชะมัดเลย

                “แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าแมทธิวไม่ใช่เกย์นี่” วิลเลี่ยมยังรั้นที่จะเอาคำตอบ “แล้วถ้าแมทธิวชอบผู้ชายขึ้นมาจริงๆ คุณจะชอบคนอื่นมั้ย”

                “ตอนนี้ฉันก็ชอบคนอื่นนะคะ” ไวโอเล็ตพูดตาใส “ฉันชอบคุณแมทธิวมากก็จริง แต่ฉันก็ไม่ได้หวังว่าคุณแมทธิวจะมาเป็นแฟนฉันหรอก...เพราะฉันรู้ว่าคุณแมทธิวมีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว”

                “หมายความว่าไง” วิลเลี่ยมขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก ผู้หญิงคนนี้มีอะไรให้เขาแปลกใจอยู่เรื่อยเลย

                “ฉันเป็นผู้หญิงนะคะคุณวิลเลี่ยม...ฉันดูออกค่ะว่าสายตาของคุณแมทธิวไม่ได้มีไว้มองผู้หญิงอื่น เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว” ไวโอเล็ตกระซิบ

                “ใคร ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย” วิลเลี่ยมงงเข้าไปใหญ่ พี่ชายเขาแอบไปมีผู้หญิงตอนไหน “แมทธิวไม่น่าจะมีใครนะ หรือมี แต่ฉันไม่รู้” ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะแมทธิวไม่เคยปริปากบอกเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังเลย...แม้แต่กับน้องชายอย่างเขา

                “ลองถามเขาดูสิคะ” ไวโอเล็ตแนะนำแล้วอมยิ้ม “บางทีเขาอาจจะรออยู่ก็ได้นะ”

                “รออะไร” วิลเลี่ยมเสียงห้วน “รอให้เจอใครกับเขาสักทีน่ะเหรอ” เขาพูดขึ้นจมูก คิดว่าเรื่องนี้ยายเป็ดน้อยคงอำเขาเล่นขำๆ

                “ไม่ได้รอให้เจอ...รอให้กลับมา” ไวโอเล็ตระบายยิ้มกว้าง ปล่อยให้วิลเลี่ยมมองเธอด้วยความสับสนอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดที่จะให้ความกระจ่างเพิ่มเติม...ถ้าคุณแมทธิวรอใครอย่างที่เธอคิดจริงๆ เธอเองก็รออยู่เหมือนกัน...แต่รอดูเธอคนนั้นของคุณแมทธิวนะ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น