3

ตอนที่ 3


                “ไม่ได้รอให้เจอ...รอให้กลับมา” ไวโอเล็ตระบายยิ้มกว้าง ปล่อยให้วิลเลี่ยมมองเธอด้วยความสับสนอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดที่จะให้ความกระจ่างเพิ่มเติม...ถ้าคุณแมทธิวรอใครอย่างที่เธอคิดจริงๆ เธอเองก็รออยู่เหมือนกัน...แต่รอดูเธอคนนั้นของคุณแมทธิวนะ 

“โอ้มายกอด...” ไวโอเล็ตยกมือกุมแก้มทั้งสองข้างของตัวเอง เมื่อรู้สึกว่าแก้มของเธอกำลังจะระเบิดออกมาในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า “ขาว ขาวมาก” ไวโอเล็ตละเมอ หน้าอกขาวๆ ของแมทธิวยังติดตาไม่หาย

                “นี่...เป็นอะไรหรือเปล่า” วิลเลี่ยมสะกิดไหล่ถามคนตัวเล็ก แม้จะไม่พอใจ แต่ก็ยังพยายามเก็บความหงุดหงิดเอาไว้ข้างใน “นั่งก่อนมั้ย” เขามองหน้านวลที่แดงระเรื่อแล้วเม้มปาก

                ไอ้พี่บ้า...นี่กะจะเคลมเด็กเขาจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย

                “ค่ะ” ไวโอเล็ตพยักหน้าลอยๆ พยายามเรียกสติสตังกลับมาแล้วสูดหายใจเฮือกใหญ่ “คุณแมทธิวขาวมากเลยนะคะ” ไวโอเล็ตหลุดปากพูดอย่างลืมตัว แต่นั่นกลับทำให้วิลเลี่ยมยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ เขาถึงกับใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม แล้วถลกเสื้อออกจากตัวเหมือนกับพี่ชายเพื่อประชดคนตัวเล็ก

                “ผมขาวได้แค่นี้แหละ พอใจมั้ย” วิลเลี่ยมหลุดแสดงความโมโหใส่ไวโอเล็ต จนคนตัวเล็กหน้าเหลอ ไม่รู้ว่าเธอทำอะไรให้เขาโกรธเข้า “อยากได้ขาวกว่านี้ก็รอหน่อย เดี๋ยวจะทำให้”

                “ฉันไม่ได้อยากได้ค่ะ” ไวโอเล็ตส่ายหน้าเพราะความซื่อ ลุกขึ้นยืนแล้วทำทีเป็นเดินไปที่ราวแขวนเสื้อเพื่อคัดหาชุดให้วิลเลี่ยมลองพลางถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง “คุณอยากลองชุดไหนก่อนคะ”

                “ชุดนี้” วิลเลี่ยมพูดห้วนๆ รั้งเอวเล็กเข้าหาตัว จับสะโพกงอนๆ ของแม่ตัวดีแนบกับด้านหน้าของเขา แล้วเป่าลมร้อนๆ รดต้นคอเล็ก “จะเอาตัวนี้ ให้ได้หรือเปล่า”

                “วิลเลี่ยม” เสียงตักเตือนของแมทธิวทำให้วิลเลี่ยมต้องยอมปล่อยไวโอเล็ตไปอย่างจำใจ หลับหูหลับตาคว้าชุดบนราวแขวนมาส่งให้ไวโอเล็ตอย่างเสียไม่ได้

                “กันท่านักนะ” วิลเลี่ยมขึงตาใส่พี่ชาย ก้มถอดกางเกงออกจากตัวเหลือแค่กางเกงชั้นใน รอให้ไวโอเล็ตช่วยเขาลองชุดด้วยสีหน้ากวนประสาท ไร้จิตสำนึก จนแมทธิวอยากจะเข้ามาชกสักหมัด

                ไวโอเล็ตนั้นได้แต่เม้มปากแน่น กลัวจนตัวสั่นเมื่อเธอไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมวิลเลี่ยมถึงทำอย่างนี้กับเธอ แต่กระนั้นเธอก็กลัววิเวียนดุจนไม่กล้าออกไปไหนเหมือนกัน

                “ยายเป็ดกลับบ้านไปได้แล้ว” วิเวียนสั่ง เธอทนยืนดูยายเป็ดน้อยของเธอตกเป็นเครื่องมือการเล่นสนุกของพวกผู้ชายอยู่นานจนทนไม่ไหว พยักหน้าอนุญาตให้ไวโอเล็ตออกไปได้เมื่อสาวน้อยนั่นมองมาที่เธอด้วยสายตาหวาดกลัว “กลับไปเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

                “ค่ะวิเวียน” เมื่อได้รับอนุญาตไวโอเล็ตก็ไม่รีรอ ไม่แม้จะบอกลาใครทั้งนั้น เธอรีบวิ่งหน้าตั้งออกไปจากห้องนี้ทันทีเพราะความกลัว

                “เห็นหรือยังว่าแกมันอารมณ์ร้ายแค่ไหน” แมทธิวตำหนิน้องชาย “เล่นอะไรไม่รู้จักความพอดีก็เป็นอย่างนี้แหละ สมน้ำหน้า”

                “แล้วมันความผิดใครล่ะวะ” วิลเลี่ยมสบถ คว้ากางเกงขึ้นมาสวมแล้วมองหาเสื้อ “ผมกลับละ จะให้ใส่ตัวไหนก็แล้วแต่คุณนะครับวิเวียน ผมรีบ” เขาว่าง่ายๆ รีบยัดเสื้อแล้วทำท่าจะวิ่งตามไวโอเล็ตออกไป

                “อย่ายุ่งกับเด็กนั่นวิลเลี่ยม” วิเวียนก้าวมาขวางประตู แสดงออกชัดเจนว่าไม่ชอบใจที่วิลเลี่ยมทำเจ้าชู้ใส่เด็กในสังกัดของเธอ “อย่ายุ่งกับไวโอเล็ต คนนี้ถือว่าฉันขอเถอะ”

                “ช้าไปแล้วละครับ” วิลเลี่ยมดันวิเวียนให้พ้นทาง “ถ้าอยากจะโทษ ก็โทษฝนเมื่อวานก็แล้วกัน” พูดแค่นั้นเขาก็วิ่งออกไปจากห้อง ทิ้งให้วิเวียนงงกับคำพูดเมื่อครู่อยู่คนเดียว

                “เมื่อกี้มันหมายความว่ายังไงแมทธิว” วิเวียนถามชายหนุ่มที่ยืนมองเงาตัวเองอยู่หน้ากระจก

                “หมายความว่าวิลเลี่ยมติดใจยายเป็ดน้อยของคุณแล้วไงครับ” แมทธิวยิ้มมุมปากให้วิเวียนแล้วหันกลับมาจัดปกเสื้อตัวเองต่อ “ปล่อยไปเถอะครับวิเวียน”

                “จะปล่อยไปง่ายๆ อย่างนี้ได้ยังไง” วิเวียนเสียงแข็ง “เธอก็รู้ว่าน้องชายเธอมันเสือผู้หญิงขนาดไหน ยายเป็ดนั่นยิ่งซื่อๆ อยู่ เดี๋ยวอีกหน่อยก็คงร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะโดนวิลเลี่ยมทิ้ง”

                “ผมว่าคนที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งน่าจะเป็นน้องชายผมมากกว่านะครับ” แมทธิวยิ้มอย่างมีเลศนัย รู้แล้วว่าทำไมเขาถึงถูกชะตากับเด็กไวโอเล็ตนั่นนัก...ก็เธอเหมือนแม่เขาขนาดนั้น จะไม่ให้ถูกชะตาได้อย่างไร

                “เธอรู้ได้ยังไง” วิเวียนหรี่ตามองแมทธิวอย่างไม่วางใจ คนบ้านนี้เจ้าเล่ห์ไม่มีใครเกิน

                “เอาเป็นว่ารู้แล้วกันครับ” แมทธิวยิ้ม เงยหน้ามองวิเวียนแล้วเอ่ย “ผมมีข้อเสนอ...เรามาพนันกันดีมั้ยครับ ถ้าเด็กไวโอเล็ตนั่นร้องไห้เพราะวิลเลี่ยม...ผมจะยอมเป็นนายแบบของคุณ” แมทธิวยื่นข้อเสนอ “แต่ถ้ากลับกัน กลายเป็นวิลเลี่ยมที่ร้องไห้เพราะเด็กนั่น คุณจะต้องจ่ายผม”

                “จ่ายเป็นอะไร” สาวใหญ่หรี่ตามองอย่างไม่แน่ใจ

                “ชุดแต่งงานที่สวยที่สุดที่คุณจะหาให้ผมได้” หน้าคมฉายแววเจ้าเล่ห์จนวิเวียนขนลุกเกรียว “ตกลงมั้ยครับ”

                “ตกลง” วิเวียนยกหมัดขึ้นชกกับหมัดของแมทธิวเป็นการรับพนัน กับอีแค่ชุดแต่งงานมันจะหายากอะไร ต่อให้ชุดจากดาวอังคาร เธอก็หาให้เขาได้อยู่แล้วถ้าเขาต้องการ

                “เยี่ยมเลย” แมทธิวยิ้ม หันไปมองตัวเองในกระจกเงาแล้วทำหน้ายู่ “ผมว่าผมไม่เหมาะกับสีนี้เท่าไหร่ คุณว่าอย่างนั้นมั้ยครับ”

                “หน้าอย่างเธอ ต่อให้แก้ผ้าเดินก็ยังหล่อจ้ะพ่อคุณ” วิเวียนกระแนะกระแหนไม่จริงจัง “มานี่ มาลองชุดนี้...รับรองว่าแซ่บ” เธอกวักมือเรียก ปล่อยเรื่องของแม่เป็ดน้อยให้เป็นเรื่องของยายเด็กนั่นไป แม้จะห่วงแต่ก็ปลง หากไวโอเล็ตเลือกวิลเลี่ยม เธอเองก็คงทำอะไรไม่ได้...นอกเสียจากรอปลอบใจตอนเด็กนั่นโดนวิลเลี่ยมเขี่ยทิ้ง

                นี่มันเกิดอะไรขึ้น...ไวโอเล็ตหอบกระเป๋าใบเขื่องวิ่งออกมาจากออฟฟิศของวิเวียน มือเล็กกุมที่ตำแหน่งหัวใจแน่น เมื่อก้อนเนื้อในอกเต้นกระหน่ำ รุนแรงกว่าตอนที่แมทธิวยิ้มให้เธออีก...นี่เธอเป็นอะไร วิลเลี่ยมทำอะไรกับเธอ!

                “ไวโอเล็ต!” เสียงตะโกนของวิลเลี่ยมทำให้ไวโอเล็ตหันกลับไปมอง ก่อนจะก้มหน้าวิ่งหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้

                ไม่นะ อย่ามาฆ่าเธอนะ ไม่เอาแล้ว

                ไวโอเล็ตคิดระหว่างจ้ำอ้าว กลายเป็นว่าทั้งเธอและวิลเลี่ยมกำลังวิ่งเล่นไล่จับกันอยู่บนทางเท้าเหมือนเด็กไม่รู้ความ

                “เป็นบ้าอะไรเนี่ย ไม่ได้ยินที่ผมเรียกหรือไงยายเป็ด!” วิลเลี่ยมตะโกนใส่หน้าไวโอเล็ตหลังจากที่เขาตะครุบตัวเธอได้สำเร็จ “เป็นอะไร วิ่งหนีทำไม” เขาถามเสียงห้วน

                “ก็คุณโกรธ” ไวโอเล็ตเหลือบตามองหน้าคม แล้วหลุบตาต่ำด้วยความกลัว “ฉันกลัว”

                “จะกลัวทำไม ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” วิลเลี่ยมถอยออกมายืนห่างไวโอเล็ตเมื่อคิดได้ว่าเขาอาจจะทำเกินไป “หยุดแล้วก็คุยกันดีๆ ก่อนสิ” เขาพยายามไม่หงุดหงิดใส่เธอ เพราะเธอไม่รู้เรื่องที่เขาแข่งกับแมทธิว

                “ฉันหยุดแล้วค่ะ” ไวโอเล็ตถอยห่างอีก กลัวว่าวิลเลี่ยมจะทำรุ่มร่ามกับเธอเหมือนตอนที่อยู่ในออฟฟิศของวิเวียน “คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ ฉันจะกลับบ้าน”
                “จะกลับบ้านไปทำอะไร” วิลเลี่ยมกอดอก มองไวโอเล็ตด้วยความหงุดหงิด “มีธุระหรือ”

                “ก็ไม่ได้กลับไปทำไม” ไวโอเล็ตตอบ แต่คราวนี้น้ำเสียงเธอกลับมีวี่แววความไม่พอใจแฝงมาด้วย

                “งั้นก็อยู่คุยกันก่อน” วิลเลี่ยมออกคำสั่งกลายๆ “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”

                “เรื่องอะไรคะ” ไวโอเล็ตช้อนตาขึ้นมอง คิดว่าบางทีวิลเลี่ยมอาจจะไม่ได้โกรธเธอ แต่เขาอาจมีเรื่องทะเลาะกับพี่ชายของเขา แล้วพาลมาหงุดหงิดใส่เธอมากกว่า

                “ไปคุยกันที่อื่น” วิลเลี่ยมเม้มปาก ทำทีเป็นมองไม่เห็นตาโตๆ ชวนใจสั่นของไวโอเล็ต “มีร้านกาแฟอยู่ห่างจากนี้อีกสองบล็อก ไปคุยกันที่นั่นเถอะ”

                “คุณไม่กลับไปเอารถเหรอคะ” ไวโอเล็ตถามอีก เมื่อวิลเลี่ยมออกเดินต่อไม่วกกลับไปเอารถของเขา นี่แสดงว่าเขาจะเดินไปที่ร้านกาแฟกับเธอ... “คุณไม่กลัวพวกปาปารัซซีถ่ายภาพคุณหรือคะ”

                “กลัวทำไม” วิลเลี่ยมย้อนถาม เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย

                “ก็เดี๋ยวแฟนคุณเข้าใจผิดไงคะ” ไวโอเล็ตบอก ยังจำได้ว่าวิลเลี่ยมคบอยู่กับนางแบบที่ชื่อแองจี้ “คนที่ชื่อแองจี้ไง”

                “ใครบอกคุณเรื่องนี้” วิลเลี่ยมชะงักเท้ากึก ควันออกหูทันทีที่ไวโอเล็ตพูดชื่อนางแบบสาวออกมา

                “ฉันอ่านในทวิตเตอร์ค่ะ” ไวโอเล็ตตอบพาซื่อ “และก็ได้ยินมาจากเพื่อนๆ นางแบบด้วย”

                “ผมไม่มีแฟน” วิลเลี่ยมพูดแค่นั้น ไม่อธิบายเพิ่มเติมว่าสิ่งที่เขาพูดหมายถึงอะไร และไวโอเล็ตเองก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องส่วนตัวของเขาจนต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถาม ทั้งสองจึงทำเพียงเดินเคียงกันเงียบๆ ไร้ซึ่งการสนทนาพาที จนกระทั่งมาถึงร้านกาแฟที่วิลเลี่ยมบอกไว้ก่อนหน้านี้

                “ขอโทษด้วยที่ทำตัวรุ่มร่ามกับคุณ” วิลเลี่ยมหลบตากลมโตที่บอกให้รู้ว่าไวโอเล็ตไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับการเล่นแผลงๆ ของเขากับแมทธิว “ผมมันงี่เง่าเอง” วิลเลี่ยมพูดกึ่งสบถ หงุดหงิดทั้งตัวเองและแมทธิว

                “ไม่เป็นไรค่ะ แค่อย่าทำอีกก็พอ” ไวโอเล็ตยิ้ม แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ติดใจเรื่องนี้ ที่เธอรีบออกมาก็เพราะเธอเสียขวัญและไม่ทันตั้งตัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็เท่านั้น “ฉันพอจะรู้ค่ะว่าคุณเป็นยังไง ฉันไม่ถือหรอก”

                “ผมเป็นยังไง” น้ำเสียงวิลเลี่ยมมีแววไม่พอใจ เมื่อไวโอเล็ตพูดราวกับว่าเธอรู้จักเขาดีเสียเต็มประดา

                “ก็...” ไวโอเล็ตเหลือบตามองบนคล้ายกำลังครุ่นคิด ก่อนจะขยับตัวเข้าไปกระซิบห่างๆ “เจ้าชู้เป็นไก่แจ้ไงคะ”

                “ฮะ?” วิลเลี่ยมหน้าเหลอ อึ้งอยู่เกือบนาทีกว่าจะตั้งสติได้ อะไรนะ...เธอเรียกเขาว่าเจ้าชู้เป็นไก่แจ้อย่างนั้นใช่มั้ย “นี่ไว...” เมื่อเขากำลังจะหันไปซักไซ้ไล่เลียงกับไวโอเล็ตว่าใครเป็นคนบอกเธอเรื่องนี้ วิลเลี่ยมก็โดนตัดหน้าอีกครั้งโดยพนักงานหลังเคาน์เตอร์ เพราะไวโอเล็ตเลือกที่จะสั่งกาแฟกับขนมของเธอก่อนนั่นเอง

                “ขอลาเต้ร้อนแล้วก็เอ่อ...เค้กมะนาวด้วยค่ะ” ไวโอเล็ตสั่งของที่เธอต้องการ

                “แค่นี้นะครับ” พนักงานผู้ชายที่น่าจะอยู่ ม.ปลาย กะพริบตา จ้องมองเค้าหน้าเก๋ไก๋ของไวโอเล็ตตาค้าง จะว่าผู้หญิงตรงหน้าสวยก็ไม่ เพราะมีดารานักร้องที่สวยกว่าเธอมาก แต่ถ้าจะให้ละสายตาจากเธอก็เป็นสิ่งที่ทำได้ยากเหมือนกัน “คุณอยากได้คาราเมลบนกาแฟหรือเปล่าครับ”

                “ได้เหรอคะ” ไวโอเล็ตถามตาโต เธอชอบคาราเมล

                “แน่นอนสิครับ” พนักงานยิ้ม หลบตาของสาวสวยด้วยความเขินเล็กๆ

                “เอาแบบนี้สองที่” วิลเลี่ยมตบปังที่เคาน์เตอร์ หน้าหล่อเหลายับยู่ยี่เพราะหงุดหงิด หน็อย...เขาเผลอนิดเดียวไอ้เด็กนี่ก็ริจะวัดกระดูกกับเขาอีกคนเสียแล้ว “คิดเงินมา เท่าไหร่” วิลเลี่ยมสั่งเสียงห้วน

                “คุณจ่ายให้ฉันไม่ได้นะคะคุณวิลเลี่ยม” ไวโอเล็ตดึงแขนวิลเลี่ยม บอกเขาด้วยความไม่สบายใจ เธอไม่ชอบให้ใครมายุ่มย่าม หรือออกหน้ารับผิดชอบเรื่องค่าอาหารของเธอ “แยกจ่ายนะคะ”

                “ผมจ่ายได้” วิลเลี่ยมหันไปบอกไวโอเล็ตตาขวาง “คุณไปหาโต๊ะ เดี๋ยวผมยกกาแฟไปให้”

                “ไม่ค่ะ” ไวโอเล็ตค้านหัวชนฝา เร่งให้พนักงานกดรายการที่เธอสั่งลงเครื่องคิดเงินแล้วรีบแย่งวิลเลี่ยมจ่าย “ฉันจะจ่ายเอง”

                วิลเลี่ยมมองยายเด็กน้อยหัวดื้อที่ลูบเหลี่ยมหนุ่มหล่อบ้านรวยอย่างเขา ด้วยการตัดหน้าจ่ายเงินค่ากาแฟเองด้วยความหงุดหงิด ตัวก็เล็กแค่นี้ทำไมถึงได้ดื้อจ่ายเงินเองแทนที่จะให้ผู้ใหญ่จ่ายให้นะยายเป็ดน้อย

                “สุภาพบุรุษเขาจะไม่ให้ผู้หญิงจ่ายเงินเอง” วิลเลี่ยมเอ่ยเสียงเครียด พูดกระทบคนที่ยืนยิ้มหวานรอกาแฟกับเค้กอยู่ “แต่คุณก็ยังดื้อ”

                “ผู้หญิงที่ดีจะไม่ทำตัวเป็นยาจกให้ผู้ชายเลี้ยงทั้งที่ตัวเองมีเงินเหมือนกันค่ะ” ไวโอเล็ตตอบกลับยิ้มๆ ขยับให้วิลเลี่ยมได้จ่ายเงินในส่วนของเขาแล้วโบกมือ “เราอยู่ในอเมริกานะคะคุณวิลเลี่ยม ผู้หญิงผู้ชายเท่าเทียมกันค่ะ”

                “นั่นเจ๋งมากครับ” พนักงานร้านขนมที่ยืนนิ่งฟังลูกค้าทั้งสองทะเลาะกันอยู่แอบอมยิ้ม ยื่นจานขนมให้ไวโอเล็ต แล้วเอ่ยชื่นชมความคิดของเธอ

                “ใช่มั้ยล่ะ” ไวโอเล็ตขยิบตาส่งให้พนักงานอย่างรู้กัน ก่อนจะรับจานขนมแล้วเดินไปรอรับกาแฟ

                “นี่” วิลเลี่ยมกัดฟัน โน้มตัวไปที่เคาน์เตอร์แล้วกระดิกนิ้วชี้เรียกไอ้พนักงานที่ยิ้มหวานให้ยายเป็ดของเขา ดึงคอเสื้อของหนุ่มน้อยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เข้ามาใกล้แล้วขู่ “แกรู้มั้ยว่าผู้หญิงที่แกจ้องตาเป็นมันอยู่น่ะเป็นของใคร ฮึ”

                “เอ่อ...ผมขอโทษครับ” คนที่รู้ตัวว่าเผลอจ้องแฟนคนอื่นจนเสียมารยาทละล่ำละลักขอโทษ “ผมเสียใจจริงๆ ที่...”

                “ถ้าขืนแกยังทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยให้ยายเป็ดของฉันอีกละก็ แกได้ฝันร้ายไปตลอดชีวิตแกแน่ เข้าใจมั้ย”

                “ครับ!”

                “ดี” เมื่อได้คำตอบที่ตัวเองต้องการแล้ววิลเลี่ยมก็กระชากจานขนมมาถือ กำลังจะเดินไปรับกาแฟที่ชงเสร็จเรียบร้อยของตัวเอง แต่ก็ยังหันกลับมาขู่พนักงานหนุ่มน้อยลอดไรฟัน “เธอเป็นของฉัน”

                “มีความสุขมากมั้ย” หลังจากทรุดนั่งที่โต๊ะและวางของในมือลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว วิลเลี่ยมก็เปิดปากถามคนที่นั่งยิ้มรอเขาอยู่ก่อนแล้ว

                “ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะคะ” ไวโอเล็ตเงยหน้ามองคนตัวสูง กลัวว่าเธอจะไปทำอะไรโก๊ะกังใส่เขาอีก “ฉันทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่าคะ”

                “ผมถามเฉยๆ” วิลเลี่ยมบอกประชด ฉีกซองน้ำตาลเทลงไปในแก้วกาแฟแล้วยกช้อนขึ้นมาคนก่อนบอกเหตุผล “เห็นคุณยิ้มกว้างขนาดนั้นก็น่าจะมีความสุข”

                “ก็ไม่มีเรื่องอะไรน่าเศร้านี่คะ” ไวโอเล็ตตอบตาปริบๆ “กาแฟหอมๆ เค้กหวานๆ ร้านน่านั่ง และยังมากับหนุ่มหล่ออย่างคุณอีก...ใครเศร้าก็บ้าแล้วค่ะ” คนตัวเล็กแหย่ โดยหารู้ไม่ว่า นั่นเป็นการยื่นขาเข้าไปในกรงเสือหิวโซอย่าง วิลเลี่ยม เทรเวน เข้าเสียแล้ว

                “อยากมาด้วยกันบ่อยๆ มั้ยล่ะ” วิลเลี่ยมยิ้มกริ่ม พอใจที่แม่กระต่ายน้อยหลวมตัวให้เขาโดยที่ไม่ต้องลงแรงทำอะไร หากเป็นคนอื่นเขาคงคิดว่าพวกเธอเปิดทางให้เขาอย่างโจ่งแจ้ง แต่กับคนนี้...เขาดูไม่ออกว่าเธอมีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นบ้างหรือเปล่า

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันขี้เกียจสู้กับคุณตอนแย่งกันจ่ายเงิน” ไวโอเล็ตหัวเราะเสียงใส ยิ้มตาหยีใส่พ่อคนมากเล่ห์ ราวกับว่าเธอกำลังร่ายมนตร์ความไร้เดียงสาเพื่อทำให้วิลเลี่ยมติดกับ...และมันก็น่าจะได้ผล เพราะหัวใจของเขาเต้นกระหน่ำราวกับกลองศึก

                “คุณก็ยอมให้ผมจ่ายสิ จะได้ไม่ต้องเหนื่อย” วิลเลี่ยมเผลอยิ้มราวกับคนวิกลจริต เท้าคางมองดวงหน้าสวยได้รูป ตาลอยๆ “ผมก็ไม่ค่อยอยากทะเลาะกับเด็กหรอก เดี๋ยวใครเขาจะว่าเอาได้...”

                “ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย” ไวโอเล็ตทำปากยื่น ทำไมใครๆ ชอบมองเธอเป็นเด็กทุกทีเลยนะ “ฉันย่างยี่สิบเอ็ดแล้วนะคะ”

                “ถ้าเด็กบอกว่าย่างยี่สิบเอ็ดแสดงว่าเพิ่งยี่สิบ” วิลเลี่ยมชี้หน้า รู้ทันยายเป็ดน้อยเข้าเสียแล้ว

                “แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ” ไวโอเล็ตกัดปาก เถียงไม่ออกเมื่อเขาพูดถูกทุกอย่าง

                “ไม่ต่างหรอก” วิลเลี่ยมแย้มยิ้มเอ็นดู ก่อนจะโน้มตัวเพื่อใช้นิ้วดีดหน้าผากเล็ก เพราะมันเขี้ยวคนที่ทำแก้มป่องจนอดไม่ไหว “ไม่ว่ายี่สิบหรือยี่สิบเอ็ดก็ยังเด็กอยู่ดีนั่นแหละ”

                “โอ๊ย! คุณวิลเลี่ยม!” ไวโอเล็ตยกมือกุมหน้าผากตัวเอง แก้มที่พองอยู่แล้วพองขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า “คุณดีดหน้าผากฉันทำไมคะ”

                “โทษฐานที่คุณเป็นเด็กเลี้ยงแกะไง” วิลเลี่ยมยักคิ้วให้สาวน้อยไวโอเล็ตกวนๆ ถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกสบายใจเป็นครั้งแรกหลังแยกจากพี่ชายมา “คุณชอบพี่ชายผมเหรอ” วิลเลี่ยมเหลือบตามองไวโอเล็ตแล้วถาม สีหน้ายังคงเรียบเฉยแม้ไวโอเล็ตจะสำลักกาแฟจนไอค็อกแค็ก

                “ทำไมคุณถามฉันแบบนั้นล่ะคะ” ไวโอเล็ตหลบตา แสร้งทำเป็นตักเค้กเข้าปากเพื่อกลบเกลื่อนอาการเคอะเขิน

                นี่เธอแสดงออกว่าชอบคุณแมทธิวชัดขนาดที่คุณวิลเลี่ยมยังดูออกเลยหรือนี่ โอ๊ย...อย่างนี้คุณแมทธิวก็คงรู้แล้วละ เป็ดอยากจะเป็นลมรอบสอง...

                “แล้วตกลงชอบหรือเปล่าล่ะ” วิลเลี่ยมขยับมาใกล้ จ้องหน้าไวโอเล็ตอย่างคาดคั้น

                “ใครจะไม่ชอบล่ะคะ” ไวโอเล็ตชั่งใจอยู่เป็นนาทีแล้วอ้อมแอ้มตอบ เม้มปากแน่นเมื่อรู้ว่าเธออาจจะคิดผิดที่บอกเรื่องนี้กับวิลเลี่ยม “คุณก็รู้ว่าพี่ชายคุณเป็นหมอ แล้วก็หล่อมากๆ แถมยังน่าค้นหาอีกต่างหาก”

                “แมทธิวนี่นะ” วิลเลี่ยมทำเสียงสูงอย่างแปลกใจ คิ้วหนาผูกเป็นปมทันทีที่ได้ยินว่าแมทธิวน่าค้นหา

                มันน่าค้นหาตรงไหนวะ

                “ใช่ค่ะ” ไวโอเล็ตพยักหน้าแรงๆ สองสามครั้งเพื่อยืนยันคำพูดตัวเอง “ฉันชอบคุณแมทธิวเพราะเขาเป็นคนที่น่าชื่นชม”

                “ยังไง” วิลเลี่ยมอยากรู้

                “อืม...คือคุณอาจจะไม่รู้ คุณแมทธิวเคยไปกล่าวสุนทรพจน์ที่โรงเรียนของฉันปีที่ฉันจบ ม.ปลาย”

                “ต้องไม่รู้อยู่แล้ว” วิลเลี่ยมเบ้ปาก เรื่องไร้สาระแบบนี้ใครจะไปใส่ใจจำกัน

                “นั่นแหละค่ะ” ไวโอเล็ตพูดแล้วเล่าต่อ “คุณแมทธิวพูดได้น่าชื่นชมมาก ตอนที่เขาพูด...ตัวเขามีออร่าแผ่ออกมาเหมือนเทวดาบนสวรรค์เลยนะคะ ความคิดเขา...มันน่ายกย่อง”

                “ท่าจะชอบมันมาก” วิลเลี่ยมมองสายตาพราวระยับตอนที่ไวโอเล็ตพูดถึงพี่ชายตัวเองแล้วกัดฟันกรอด “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าคุณแอบชอบพี่ชายผมมาหลายปีแล้วงั้นสิ”

                “จะสามปีแล้วค่ะ” ไวโอเล็ตยิ้ม มีความสุขทุกครั้งที่พูดถึงแมทธิวแล้วทำหน้าเศร้าเมื่อนึกบางอย่างคิดได้ “ฉันคอยตามข่าวคุณแมทธิวตลอดเลย แต่เสียดายที่นอกจากเรื่องงานแล้วเขาก็ไม่ค่อยมีข่าวเลย”

                “ไม่เหมือนผมงั้นสิ” วิลเลี่ยมย้อนเสียงห้วน

                “คะ?” ไวโอเล็ตที่คิดเรื่องอื่นอยู่เพลินๆ เงยหน้ามองวิลเลี่ยมเมื่อได้ยินน้ำเสียงประชดประชัน    “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” วิลเลี่ยมส่ายหัว ยกแก้วกาแฟที่กำลังจะเย็นชืดขึ้นมาดื่มบ้าง “แล้วคุณคิดยังไงถ้าแมทธิวเป็นเกย์” เขาโยนหินถามทาง อยากรู้นักว่ายายเป็ดยังจะอาลัยอาวรณ์แมทธิวอยู่อีกมั้ย ถ้าเธอรู้ว่าแมทธิวไม่ชอบผู้หญิง

                “คุณแมทธิวไม่ได้เป็นเกย์หรอกค่ะ” ไวโอเล็ตหัวเราะพรืด มั่นใจว่าแมทธิวไม่มีทางเป็นเกย์อย่างแน่นอน

                “ทำไมดูคุณมั่นใจจัง” วิลเลี่ยมเลิกคิ้วอย่างสงสัย ถึงเขาจะรู้อยู่แก่ใจว่าแมทธิวไม่ได้เป็นเกย์ แต่ก็ไม่คิดว่ายายเป็ดน้อยนี่จะเชื่อว่าแมทธิวแมนเต็มร้อย “แมทธิวไม่เคยมีข่าวกับผู้หญิง ไม่มีแม้กระทั่งคนคุย แล้วทำไมคุณถึงมั่นใจขนาดนั้น”

                “ฉันรู้ค่ะ” ไวโอเล็ตยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วยกมือทุบที่ตำแหน่งหัวใจ “ตรงนี้มันบอกว่าคุณแมทธิวไม่ได้เป็น”

                “หัวใจอย่างนั้นหรือ”

                “สัญชาตญาณค่ะ” ไวโอเล็ตขยิบตาให้วิลเลี่ยม “ฉันเป็นผู้หญิงที่เซนส์แรงมาก ถ้าอยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนแล้วรู้สึกเหมือนใจจะหลุดออกมาจากอก แสดงว่าฉันชอบเขา” ว่าแล้วไวโอเล็ตก็ขำก๊าก

                ดูเธอพูดเข้าสิ น่าอายชะมัดเลย

                “แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าแมทธิวไม่ใช่เกย์นี่” วิลเลี่ยมยังรั้นที่จะเอาคำตอบ “แล้วถ้าแมทธิวชอบผู้ชายขึ้นมาจริงๆ คุณจะชอบคนอื่นมั้ย”

                “ตอนนี้ฉันก็ชอบคนอื่นนะคะ” ไวโอเล็ตพูดตาใส “ฉันชอบคุณแมทธิวมากก็จริง แต่ฉันก็ไม่ได้หวังว่าคุณแมทธิวจะมาเป็นแฟนฉันหรอก...เพราะฉันรู้ว่าคุณแมทธิวมีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว”

                “หมายความว่าไง” วิลเลี่ยมขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก ผู้หญิงคนนี้มีอะไรให้เขาแปลกใจอยู่เรื่อยเลย

                “ฉันเป็นผู้หญิงนะคะคุณวิลเลี่ยม...ฉันดูออกค่ะว่าสายตาของคุณแมทธิวไม่ได้มีไว้มองผู้หญิงอื่น เขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว” ไวโอเล็ตกระซิบ

                “ใคร ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย” วิลเลี่ยมงงเข้าไปใหญ่ พี่ชายเขาแอบไปมีผู้หญิงตอนไหน “แมทธิวไม่น่าจะมีใครนะ หรือมี แต่ฉันไม่รู้” ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะแมทธิวไม่เคยปริปากบอกเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังเลย...แม้แต่กับน้องชายอย่างเขา

                “ลองถามเขาดูสิคะ” ไวโอเล็ตแนะนำแล้วอมยิ้ม “บางทีเขาอาจจะรออยู่ก็ได้นะ”

                “รออะไร” วิลเลี่ยมเสียงห้วน “รอให้เจอใครกับเขาสักทีน่ะเหรอ” เขาพูดขึ้นจมูก คิดว่าเรื่องนี้ยายเป็ดน้อยคงอำเขาเล่นขำๆ


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น