9
“โอ๊ย! คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ไวโอเล็ตรีบเงยหน้าถามคนที่เธอเพิ่งวิ่งชนจนล้มตึงลงไปกองกับพื้น เพราะถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจ อย่างไรเสียมันก็เป็นความผิดของเธอ ก่อนจะช่วยพยุงชายร่างสูงให้ลุกขึ้น
“ซุ่มซ่ามไม่เปลี่ยนเลยนะไวน์...จะรีบร้อนไปไหน หืม...” เจ้าของเสียงทุ้มทักด้วยความสนิทสนม ตาคมจ้องหน้าหญิงสาวที่เขาไม่ได้เจอมาร่วมสองปีอย่างคิดถึง
“เจมส์!” ไวโอเล็ตเงยหน้ามองคนที่เรียกชื่อเล่นของเธอที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เรียกเช่นนี้ ก่อนรีบโถมตัวเข้าใส่ร่างสูงในชุดสูทแสนประณีตอย่างคิดถึง “นายจริงๆ ด้วย พระเจ้า!...ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”
“ก็ต้องฉันน่ะสิ” เจมส์หัวเราะน้อยๆ กับท่าทางตกใจที่แสนน่ารักของอดีตแฟนสาว โอบเอวเล็ก แล้วเหวี่ยงไวโอเล็ตให้หมุนเป็นวงกลม ก่อนจะปล่อยเธอให้ลงมายืนที่พื้น “ทำไม ไม่เจอกันแค่นี้ จำฉันสลับกับหนุ่มอื่นแล้วหรือไง”
“ฉันคิดถึงนายมากเลย” ไวโอเล็ตไม่ตอบคำถาม กลับยิ้มกว้างไปทั้งหน้า วันนี้เป็นวันอะไรของเธอกันนะ ทำไมทุกอย่างถึงได้พลิกคว่ำพลิกหงายอย่างนี้ “นายมาทำอะไรที่นี่ ฉันเห็นนายอยู่ที่นิวยอร์กเมื่อวานนี่นา” ไวโอเล็ตละล่ำละลักถาม เมื่อวานเย็นนี้เธอยังเห็นเขาในรายการโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสดอยู่เลย “แล้วกลับมาทำไมไม่บอกกันบ้าง!”
“ใจเย็นๆ” เจมส์ยิ้มขำ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ไวโอเล็ตก็ไม่เคยเปลี่ยน “ฉันมาเป็นแขกพิเศษน่ะ ขึ้นร้องเพลงตอนรางวัลสุดท้าย ฉันบอกใครไม่ได้ เพราะงั้นอย่าโกรธกันนะ”
“มากันทั้งวงหรือเปล่า” ไวโอเล็ตทำตาโต ตอนนี้เจมส์ไม่ใช่เพื่อนที่โตมาพร้อมกับเธอหรือว่าแฟนเก่าธรรมดาอีกต่อไปแล้ว เพราะเขาเป็นถึงนักร้องดังที่เพิ่งชนะการประกวดจากเวทีระดับโลก และเขาก็ยังมีเพื่อนร่วมวงอีกสี่คนที่หล่อมากด้วย “แล้วตอนนี้อยู่ไหนกันหมด”
“เธอไม่มีสิทธิ์มองใครทั้งนั้นไวน์” เจมส์ดีดหน้าผากไวโอเล็ตอย่างหมั่นไส้ เห็นอย่างนี้ทะเล้นนักนะ “เป็นผู้หญิงจะวิ่งเข้าหาผู้ชายก่อนได้ยังไง”
“ก็เขาหล่อ!” ไวโอเล็ตเถียง กับคนอื่นเธออาจจะยอมอ่อนข้อให้ แต่สำหรับเจมส์แล้วฝันไปเถอะ “และที่สำคัญเราก็เลิกกันแล้ว นายไม่มีสิทธิ์หวงฉันแล้วนะ”
“ฉันไม่มีสิทธิ์หึง แต่ยังหวงได้” เจมส์จ้องตอบสายตาของแม่คนแสนรั้นอย่างรู้ทันกัน “ไอ้พวกนั้นมันคนดีที่ไหน ถ้าอยากได้ก็ไปหาคนอื่นเถอะ”
“ฉันก็พูดเล่นไปงั้นแหละ” ไวโอเล็ตพูดเสียงอ้อมแอ้ม “แค่นี้ทำเป็นจริงจังไปได้”
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง ว่าแต่เธอเถอะ...เรื่องงานเป็นไงบ้าง ฉันได้ยินมาจากพ่อเธอว่าเธอไปออดิชันมาแล้ว” เจมส์ถามไถ่ เขากับแฮร์รี่ติดต่อกันอยู่เป็นประจำ ถึงแม้จะเลิกรากับไวโอเล็ตไป ก็ไม่ทำให้เขาเลิกเป็นลูกรักของแฮร์รี่ได้ “เป็นไงบ้าง”
“เฮ้อ...” เมื่อได้ยินคำถาม ไวโอเล็ตก็ถอนหายใจยาวอย่างท้อใจ “ก็ดีนะ รอฟังข่าวอยู่ ไม่รู้ว่าจะได้มั้ย”
“ได้อยู่แล้วน่า ไวน์ของฉันเก่งจะตาย” เจมส์มองสีหน้าไม่สบายใจของไวโอเล็ตแล้วดึงเธอเข้ามากอด “นี่เศร้าเพราะแม่เธอหรือเปล่า ฉันเห็นแม่เธอก็มางานนี้ด้วย...อยากให้ฉันคุยกับแฮร์รี่ให้มั้ย”
“ไม่เกี่ยวกับเขาหรอก” ไวโอเล็ตส่ายหน้า เธอกับเจมส์คงไม่ได้คุยกันนานเกินไป เขาเลยไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปหมด พ่อไม่ได้เข้าข้างเธอเหมือนอย่างเดิมแล้ว “อันที่จริงฉันรับปากว่าจะไปทานข้าวเย็นกับเขาคืนนี้ หลังจากที่ฉันเสร็จงาน”
“เธอ? ทานข้าวกับมาการ์เร็ตนี่นะ” เจมส์ทำเสียงแปลกใจ “ว้าว ฉันคงพลาดไปหลายเรื่องสินะ”
“ก็หลายเรื่องอยู่” ไวโอเล็ตพยักหน้าเนือยๆ พยายามส่งยิ้มเพื่อให้เจมส์เชื่อว่าเธอไม่ได้กำลังเผชิญอยู่กับอะไรที่หนักหนานัก “แต่ก็นะ ฉันเอาอยู่อยู่แล้ว”
“ฉันรู้ว่าเธอเอาอยู่” เจมส์พยักหน้า เขาไม่เคยสงสัยเรื่องนี้ในตัวไวโอเล็ตเลย ไวโอเล็ตที่เขารู้จักเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวจะตาย “เธอว่างวันไหนบ้าง ไปทานข้าวกับฉันสักมื้อสิ”
“ว้าว นักร้องคิวทองกำลังชวนสาวบ้านๆ อย่างฉันไปเดตหรือเนี่ย” ไวโอเล็ตแกล้งทำตาโต ก่อนจะลูบคางคล้ายกำลังไตร่ตรองคำเอ่ยชวนนั้นให้ถี่ถ้วน ทั้งที่มีคำตอบในใจอยู่แล้ว “จะไปดีหรือเปล่าน้า...”
“อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า...ฉันว่างแค่สุดสัปดาห์นี้เท่านั้นแหละ” เจมส์แขวะคนที่เปรียบเสมือนน้องสาวเขาด้วยสายตาไม่พอใจเล็กๆ “ยังไม่ดังเลยจะหยิ่งแล้วหรือ”
“ตะ...” ไวโอเล็ตที่กำลังจะตกปากรับนัดของเจมส์ถูกเบียดจนกระเด็น กลายเป็นเจมส์ที่ต้องอ้าแขนรับร่างเล็ก กันไวโอเล็ตให้พ้นจากกลุ่มผู้ชายชุดดำนับสิบคนที่กรูกันออกมา จากนั้นชายหญิงสามคนแห่งบ้านเทนเวนที่โดดเด่นกว่าใครเพื่อนก็เดินตามหลังออกมา
เจมส์บอกไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงคิดว่าสามคนนั้นดูโดดเด่น บางทีอาจเป็นเพราะนางแบบสาวชื่อดังที่เขาพอจะรู้จักแบบผ่านๆ หรืออาจเพราะสายตาดุดันของผู้ชายทั้งสองที่ขนาบข้างนางแบบสาวมา
ชายคนแรกที่ดูสุขุมและน่าเกรงขามรีบก้าวเพื่อเดินนำหน้า ส่วนอีกคน...ที่มองเขาราวกับกำลังจะเข้ามาฆ่านั้น ตระกองกอดนางแบบสาวไว้ในอ้อมแขน นี่มันเรื่องอะไรกัน เกิดอะไรขึ้นในงานอย่างนั้นหรือ
“ไวน์มานี่” เจมส์ดึงไวโอเล็ตให้เดินตามเขาไปทันที อลหม่านขนาดนี้คงไม่พ้นเกิดเรื่องแน่ๆ
“ฉันว่าฉันกลับเข้าไปในงานดีกว่า” ไวโอเล็ตขืนตัว นึกเป็นห่วงวิเวียนขึ้นมา “นายไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะโทร. หา” ไวโอเล็ตบอก เมื่อมีทีมงานมาตามตัวเจมส์กลับไป
“โทร. มานะ” เจมส์จ้องไวโอเล็ตตาเขม็งระหว่างปล่อยคนตัวเล็กออกจากอ้อมแขน รู้ดีว่าเขาไม่มีทางบังคับให้ไวโอเล็ตทำอะไรที่เธอไม่อยากทำได้ “รับปากสิไวน์” เขาคาดคั้นทางสายตา ยกมือเป็นสัญญาณบอกให้ทีมงานรู้ว่าเขาขอเวลาเพิ่มอีกนิด
“ฉันจะโทร.” ไวโอเล็ตรีบรับปากก่อนจะวิ่งกลับเข้าไปหาวิเวียนที่เธอมั่นใจว่าตอนนี้คงอยู่หลังเวทีเป็นแน่
และก็เป็นอย่างที่คิด วิเวียนยืนทำหน้าตกตะลึง อ้าปากค้างอยู่นานจนไวโอเล็ตต้องเข้าไปเขย่าตัวเพื่อเรียกสติ “วิเวียน! คุณโอเคหรือเปล่าคะ”
“ยายเป็ด โอย...ช่วยด้วย คนแก่จะเป็นลม” วิเวียนเอื้อมมือไปคว้าไวโอเล็ต หากอีกฝ่ายไม่รีบก้าวไปรับร่างระหงเอาไว้ เธอคงได้ร่วงไปกองอยู่ที่พื้นเรียบร้อยแล้ว “ตายแน่ฉัน ตายแน่ๆ”
“ใจเย็นๆ ค่ะ นั่งก่อนนะคะ” ไวโอเล็ตประคองวิเวียนไปนั่งที่เก้าอี้ พยายามบอกให้วิเวียนสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ และตั้งสติ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ”
“ตายแน่ โดนฆ่าตายก็งานนี้แหละ” วิเวียนยกมือกุมขมับ กลัวจนขวัญหนีดีฝ่อไปหมด “ฉันโดนเคลวินฆ่าตายแน่”
“ไม่หรอกค่ะ” แม้ไวโอเล็ตจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เธอไม่อยู่ แต่กระนั้นก็ยังพยายามปลอบใจคนที่กำลังคร่ำครวญให้มีกำลังใจขึ้นมา “ไม่มีอะไรแย่ขนาดนั้นหรอกค่ะวิเวียน เชื่อฉันสิคะ”
“นังเป็ด ฮือ!” วิเวียนปล่อยโฮเสียงดัง ร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนไวโอเล็ตนั้นทำได้เพียงกะพริบตาปริบๆ มองหน้าวิเวียนแล้วยิ้มแหย ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรที่พอจะทำให้วิเวียนรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม เพราะถ้าวิเวียนโดน เคลวิน เทรเวน ฆ่าจริงๆ ต่อให้เธอพูดจนขาดอากาศหายใจตายมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร
“ไม่เป็นไรนะคะวิเวียน ฉันจะเรียกแท็กซี่ให้คุณหนีไปก่อนที่คุณเคลวินจะมาเองค่ะ อย่าห่วงเลยนะคะ” คำพูดซื่อๆ ของไวโอเล็ตทำให้วิเวียนทั้งอยากจะขำและอยากร้องไห้ไปพร้อมๆ กัน “ฉันให้เมแกนจองตั๋วเครื่องบินให้คุณได้นะคะ ถ้าคุณอยากจะหนีไปจริงๆ”
“ขอบใจ แต่ไม่เป็นไรหรอก” วิเวียนโบกมือ ปฏิเสธความหวังดีของไวโอเล็ตพร้อมส่ายหัวน้อยๆ อย่างอ่อนใจ “ฉันก็โวยวายไปอย่างนั้นเอง เรื่องมันไม่คอขาดบาดตายขนาดนั้นหรอก”
“เหรอคะ” ไวโอเล็ตไม่เห็นด้วยกับคำพูดของวิเวียนเท่าไรนัก เพราะใบหน้าที่มีรอยช้ำของ วิลเลี่ยม เทรเวน ยังติดตาเธอไม่หาย
“จริงๆ ก็หนักอยู่ แต่ฉันทำอะไรไม่ได้แล้วไง” วิเวียนทำหน้าเบ้ เกือบจะร้องไห้ออกมาจริงจังก็ตอนนี้ละ
นี่มันวันวินาศสันตะโรอะไร ทำไมชีวิตที่แสนดีเลิศเลอของวิเวียนคนนี้เหมือนกำลังจะดิ่งลงเหวไปทุกที!
“แกเป็นอะไรหรือเปล่าวิล ฉันเห็นแกเงียบตั้งแต่ออกมาจากงานแล้ว” แมทธิวถามน้องชายที่นั่งเงียบ ระหว่างที่นั่งอยู่ด้วยกันในห้องโถงใหญ่ของบ้าน แถมยังปล่อยให้เขาทำแผลให้โดยไม่โวยวายเลยสักแอะ “แกหุบปากได้ นี่มันแปลกๆ นะ”
“ผมเซ็งๆ น่ะ” วิลเลี่ยมตอบอย่างขอไปที ตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น คิดออกอยู่อย่างเดียวคือภาพไอ้นักร้องนั่นกำลังกอดกับยายเป็ดของเขาอยู่หลังงาน “ทำแผลเสร็จแล้วเหรอ ขอบใจนะแมท”
“เสร็จนานแล้ว” แมทธิวจ้องหน้าน้องชายแล้วหรี่ตา “เรื่องเด็กไวโอเล็ตอย่างงั้นเหรอ”
“รู้อยู่แล้วพี่จะถามทำไมอีกเนี่ย อยากจะตอกย้ำกันหรือไงแมท” วิลเลี่ยมชักสีหน้าใส่แมทธิวที่ทำท่าไม่เดือดร้อนกับอะไรทั้งนั้น แล้วทำเสียงจึ๊กจั๊กในคอ “พี่เห็นใช่มั้ยว่าไอ้นักร้องนั่นมันกอดยายตัวเล็กอยู่หลังเวที คนไม่รู้จักกันจะไปยืนกอดกันทำไม...พี่ไม่คิดว่ามันแปลกๆ เหรอ”
“ไม่แปลก” แมทธิวพูดอย่างไร้ความรู้สึกเหมือนเคย “เขาอาจจะคบกันอยู่ก็ได้ ใครจะรู้”
“ผมนี่ไงรู้!” วิลเลี่ยมเถียงเสียงดัง “ยายเป็ดไม่มีทางคบกับไอ้หมอนั่นแน่ พี่เชื่อผม...ผมรู้”
“แกจะรู้ได้ยังไง” แมทธิวย้อนถาม “เป็นอะไรกับเขาฮะ ถ้าเกิดสาวน้อยคบกับไอ้นักร้องนั่นจริงๆ แล้วทำไมเขาต้องบอกแกด้วย”
“ก็เป็น...เป็นคนที่เคยไปเดตกันไง” วิลเลี่ยมชะงักคำพูด คิดหาคำที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของให้ได้มากที่สุด แต่พอนึกถึงความเป็นจริงแล้ว เขาก็ทำได้แต่กล้ำกลืนตอบพี่ชายไปอย่างนั้น
“เดต? เดตแบบเต็มใจหรือว่าบังคับล่ะ” แมทธิวเหยียดยิ้ม รู้ว่าวิลเลี่ยมกระสันอยากได้เด็กน้อยไวโอเล็ตมาก แต่ก็ไม่คิดว่าจะอยากได้ถึงขั้นนี้ “ปล่อยเด็กคนนี้ไปเถอะเจ้าวิล...แกกับเธอไม่เหมาะสมกันสักนิด”
“แล้วไงล่ะ ไม่เหมาะสมแล้วมันยังไง” วิลเลี่ยมถามพี่ชายน้ำเสียงเอาเรื่อง ระแวงแมทธิวขึ้นมาทันที “นี่พี่กะจะแย่งยายเป็ดน้อยนี่กับผมจริงๆ อย่างนั้นเหรอแมทธิว” วิลเลี่ยมถามเสียงขู่
“ไวโอเล็ตน่ารัก แต่ฉันไม่ชอบเธอหรอก ฉันไม่ได้ชอบแบบนั้น ฉันชอบที่เด็กนั่นใจกล้า ขนาดกับแกก็ยังสู้ไม่ถอย...เธอเป็นผู้หญิงฉลาด”
“นั่นไง เพราะอย่างนั้นไงผมถึงอยากได้ยายเป็ดนั่นจนตัวสั่นน่ะ” วิลเลี่ยมยื่นหน้าไปสารภาพกับพี่ชายเสียงเบา ทุกสิ่งทุกอย่างที่แมทธิวพูดมาตรงกับใจเขาหมดทุกอย่างเลย ให้ตายเถอะ “แต่อย่าบอกแม่นะว่าผมพูดอย่างนี้ ขืนแม่รู้ ศพผมไม่สวยแน่”
“แล้วแกจะทำยังไง” แมทธิวล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดตอบข้อความระหว่างรอคำตอบของวิลเลี่ยม “ฉันไม่บอกแม่หรอก แต่แกก็ระวังไว้หน่อย...วิเวียนเขาซี้กับสวยกับเชอลีนจ๋า ขืนทำอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ จะมีแต่ตายกับตาย” คนที่เห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนอย่างแมทธิวเอ่ยเตือนน้องชาย ให้ระวังเรื่องความสัมพันธ์ของพี่ชายแม่ คุณอาของพวกเขากับวิเวียนเอาไว้ให้ดี ก่อนที่มันจะทำอะไร
“ผมไม่ใช่เด็กแล้วน่าแมท...ผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่” แมทธิวบอกปัดพี่ชายอย่างรำคาญ นึกโกรธตัวเองอยู่ไม่น้อยที่คอยแต่ไปติดใจเด็กในสังกัดของวิเวียน จะทำอะไรทีก็ไม่สนิทใจเท่าไร เพราะต้องพะวงหน้าพะวงหลัง “แต่ผมชอบไวโอเล็ตจริงๆ นะแมท”
“ชอบเหรอ แกก็บอกว่าแกชอบผู้หญิงทุกคนนั่นแหละเจ้าวิล” แมทธิวว่าโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์
“จะออกไปโทร. คุยเลยก็ได้นะแมท” วิลเลี่ยมเอ่ยแซ็วพี่ชายที่ไม่เคยจะมีอาการหมกมุ่นกับโทรศัพท์มือถือเหมือนอย่างที่เป็นตอนนี้แล้วอมยิ้ม “ใครเหรอ สำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง”
“สำคัญกว่าแกก็แล้วกัน” แมทธิวเหลือบมองวิลเลี่ยม เชิงบอกให้เขาอยู่ให้ห่างจากเรื่องนี้
“ผมไม่เข้าไปยุ่งหรอกน่า” วิลเลี่ยมยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ “ถ้าพี่ยอมบอกผมว่าเธอเป็นใครนะ ไม่ยุ่งแน่”
“ถ้าแกเข้ามายุ่ง ฉันจะจัดการแกซะ” แมทธิวชี้หน้าน้องชายอย่างคาดโทษ “เริ่มจากแย่งเด็กนั่นมาจากแกก่อนเลยเป็นไง”
“เออ ไม่ยุ่งแล้วก็ได้” วิลเลี่ยมตอบเสียงดัง จ้องพี่ชายตาขวาง “แบบนี้มันเล่นไม่ซื่อนี่หว่าไอ้คุณแมท!”
“กับคนอย่างแก มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่ยอมเล่นตามเกมด้วย” แมทธิวพูด
เรื่องความเจ้าเล่ห์ของวิลเลี่ยมนั้นไม่เป็นรองใคร เว้นแต่เขาคนเดียวที่มันยังเป็นไก่รองบ่อนเขาอยู่มาก อ้อ...ยังมีพี่ชายของแม่กับคุณอาของเขาอีก แต่จะโทษใครได้ล่ะ...เพราะเชอลีนจ๋ากับสวยนั้นเป็นถึงตำนานของบ้านเทรเวนอยู่แล้ว
“อยู่ห่างๆ เรื่องนี้ไว้เจ้าวิล เพราะถ้าแกไม่ยอมฟังกันดีๆ ฉันเล่นงานแกแน่”
“ฟังแล้วคร้าบ จะไม่แตะเลยครับผม” วิลเลี่ยมล้อเลียนพี่ชายด้วยเสียงแหลมสุดกวน “อุตส่าห์บินมาตั้งไกล ขืนไปแตะมีหวังบินปร๋อหนีไปอีกสิ”
“ไอ้น้องเวร!” แมทธิวที่แทบจะไม่เคยหลุดออกจากม่านน้ำแข็งสบถลั่น คว้ากุญแจรถใกล้มือที่วางอยู่บนโต๊ะมาปาใส่วิลเลี่ยมเพื่อทำให้หุบปาก แต่วิลเลี่ยมก็ยังหลบทัน
“แหม พูดความจริงแค่นี้ทำเป็นโกรธนะ” วิลเลี่ยมทำหน้าทะเล้นใส่ ดูท่าสาวปริศนาของแมทธิวคนนี้คงไม่ธรรมดาเสียแล้ว
“อย่ายุ่งกับเธอนะไอ้วิล” แมทธิวขู่อาฆาต
“ห้ามผมสิ” วิลเลี่ยมยักคิ้วส่งให้พี่ชายอย่างกวนประสาท “หรือไม่ก็เก็บเธอเอาไว้ห่างๆ ผมก็เป็นพอ เพราะถ้าพี่ยังไม่ยอมเปิดตัว...ผมไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ขืนเกิดติดใจขึ้นมามันจะวุ่นกันเข้าไปใหญ่”
“ฉันเอาจริงนะไอ้วิล อย่ายุ่งกับเธอ” แมทธิวจ้องวิลเลี่ยมตาขวางกว่าเดิมเป็นสองเท่า เมื่อวิลเลี่ยมทำท่าว่าจะไม่ยอมฟังกันดีๆ
“อย่าให้ผมเจอข้างนอกก่อนละกัน” วิลเลี่ยมยิ้ม เอียงคอมองพี่ชายที่ปั้นหน้าโกรธขึ้งใส่ตัวเองแล้วยิ่งรู้สึกขำเข้าไปใหญ่ “ผมไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่...แมทธิว”
“ยุ่งกับผู้หญิงของฉัน แกไม่ได้อยู่ดีแน่ไอ้วิล ฉันพูดจริงทำจริงนะ”
“รออยู่เชียวครับ” วิลเลี่ยมยิ้มกริ่ม ก่อนจะโบกมือไล่หลังแมทธิวเมื่อเขาหุนหันออกไป พร้อมกับโทรศัพท์มือถือที่มีสายเรียกเข้า
เมื่อแมทธิวเดินพ้นไปแล้ว หน้าคมคายของวิลเลี่ยมก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเมื่อหวนคิดถึงตอนที่ยายเป็ดน้อยของเขาอยู่ในอ้อมกอดของไอ้นักร้องหน้าหวานนั่น
ทำไมไวโอเล็ตถึงได้ยอมสนิทชิดเชื้อกับไอ้เวรนั่น ทั้งที่ตอนอยู่กับเขานั้นเธอออกจะหวงเนื้อหวงตัว เขาไม่อยากคิดว่าไวโอเล็ตจะเป็นผู้หญิงประเภทที่ยอมเหนื่อยบนเตียงมากกว่าจะเหนื่อยทำงาน
ไวโอเล็ตไม่เคยแสดงท่าทีสนใจเขา แม้จะยิ้มให้เชิงเป็นมิตรก็แทบจะไม่มี เพราะงั้นตัดเรื่องที่เธอจะใช้ไอ้นักร้องนี่เป็นบันไดไปได้เลย หรือถ้าเธออยากจะทำอย่างนั้นจริงๆ เขาก็พร้อมจะเสนอตัวเป็นบันไดให้เธออยู่แล้ว...
“เธอจะปั่นหัวฉันไปถึงไหนยายตัวเล็ก” วิลเลี่ยมเข่นเขี้ยว ล้วงหารูปภาพที่เขาขโมยมาจากแฟ้มในบริษัทของวิเวียนแล้วมองด้วยสายตาหงุดหงิด ไม่ชอบใจที่เขาต้องเป็นรองในเกมเช่นนี้ “ฉันไม่ยอมวิ่งตามเธอแบบไม่มีหวังอย่างนี้แน่...ไวโอเล็ต”
ความคิดเห็น |
---|