19

บทที่ 18


บทที่ 18

เสียงปรบมือดังมาจากแผนกปราบปรามและสืบสวนของศูนย์ซีซียู เจ้าหน้าที่ของทั้งศูนย์ราวยี่สิบกว่าคนเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับการจับกุมการขนยาเสพติดล็อตใหญ่ได้สำเร็จโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งวันเท่านั้น รวมถึงการรวบจับคนจากองค์กรเดือนลับไปได้อีกเจ็ดราย ทีมปราบปรามทั้งหมดสิบห้าคนยังอยู่ในเครื่องแต่งกายสีเข้มที่เลอะเทอะไปด้วยคราบดินโคลน บ่งบอกถึงการทำงานอย่างสมบุกสมบันและทุ่มเทอย่างเต็มที่

“หลังจากที่เฝ้าติดตามและตามพวกมันไม่ทันไปหลายครั้ง หนนี้พวกเราก็ทำสำเร็จสักที ทางหน่วยซีซียูต้องขอขอบคุณความเสียสละและความกล้าหาญของเจ้าหน้าที่ทุกคน ผมขอชื่นชมสารวัตรวิธูที่จัดการทีมได้อย่างยอดเยี่ยม และขอขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับผู้กองมาริช ขอให้อาการบาดเจ็บดีขึ้นในเร็ววันด้วยนะ”

ร่างสูงกำยำของมาริชยังสวมเสื้อยืดสีดำที่มีโลโกของซีซียูบนหน้าอก กับกางเกงลายพรางสีเขียวเลอะด้วยโคลน ใบหน้าของเขาเป็นสีแทนจากแดดเผา ผิวที่แขนคล้ำเป็นสีทองแดงเข้มภายในเวลาแค่วันเดียว เงาหนวดครึ้มบนใบหน้ายิ่งทำให้เขาดิบเถื่อนกว่าเคย  

ผู้อำนวยการวัยกลางคนเดินไปตบบ่าวิธูและมาริชคนละที จากนั้นก็เดินไปจับมือกับลูกทีมทั้งหมดพร้อมกับปรบมือให้ทุกคนอีกครั้ง 

“และงานนี้จะไม่สำเร็จได้เลยหากขาดข้อมูลเบื้องลึกสำคัญ ต้องขอบคุณเบาะแสจากน่านน้ำ ถ้าไม่มีข้อมูลสำคัญนี้ ป่านนี้พวกเราก็อาจเสียเวลามากกว่านี้” ผู้อำนวยการพูดจบก็มองรอบๆ แต่ไม่เจอผู้ที่ถูกกล่าวถึง

วิธูมีสีหน้าอึดอัดขึ้นมาทันที เขายื่นหน้ากระซิบบางอย่างกับผู้อำนวยการ เมื่อได้ยินแล้วผอ.ธมกรก็เลิกคิ้วแปลกใจทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ซักอะไรต่อ แล้วหันมาพูดกับที่ประชุมต่อว่า

“แต่เหนืออื่นใด ภารกิจครั้งนี้จะไม่สำเร็จลุล่วงไปได้เลย หากขาดซึ่งการช่วยเหลือและสนับสนุนจากหน่วยงานทุกหน่วยในซีซียูแห่งนี้ และเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจและความเสียสละของทุกคน ผมจะจัดงานเลี้ยงเพื่อขอบคุณและเป็นขวัญกำลังใจให้กับองค์กร งานเลี้ยงจะมีขึ้นในวันเสาร์นี้ที่โรงแรมเดอะวัน ขอให้ทุกคนสนุกสนานรื่นเริงกันได้เต็มที่ ผมขอฝากเรียนเชิญสมาชิกครอบครัวของเจ้าหน้าที่ให้มาร่วมงานด้วยนะครับ หรือคนโสดอยากควงคู่ของตนมาด้วยก็ไม่มีปัญหา” 

“ถ้าควงคู่มากับคนในศูนย์ด้วยกันได้ไหมคะคุณพ่อ” เป็นคำถามของหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด หล่อนพูดจบก็หันไปสบตามาริชอย่างมีความหมาย สายตากลืนกินของเพ็ญนีติ์แทบดูดชายหนุ่มหายเข้าไปในบิ๊กอายสีเทาคู่นั้น เขาแกล้งทำเป็นเหลือบตามองเพดานเหมือนไม่เข้าใจนัยยะของลูกสาวผู้อำนวยการว่ากำลังชวนเขาเป็นคู่ควงออกงาน

“แล้วแต่ลูกพ่อเลยจ้ะ แต่จัดคิวหนุ่มๆ ให้ดีด้วยนะ พ่อไม่อยากให้มีเรื่องชกต่อยกันในงาน” ผู้อำนวยการยิ้มกว้างให้ลูกสาว

                มาริชแอบกลอกตาเบาๆ ถ้ามีการชกต่อยเพื่อแย่งกันควงแม่นี่ล่ะก็ จะต้องไม่มีเขาร่วมด้วยแน่ๆ

ระหว่างที่ผู้อำนวยการกล่าวขอบคุณการทำงานของแผนกต่างๆ เขาก็เหลือบตามองนาฬิกาข้อมือไปด้วยเพื่อคำนวณเวลาอยู่ในใจ ก่อนลงมือสอบปากคำผู้ร้ายที่ถูกจับกุมตัวได้ เขามีเวลาว่างเพียงชั่วโมงสองชั่วโมงเท่านั้นเพื่อกลับเข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่

น่าจะมีเวลาเพียงพอที่ไปหาหญิงสาวที่คิดถึงอยู่ในใจตลอดเวลาที่อยู่กลางป่าแห่งนั้น

 

เสียงกดออดดังที่ประตูบ้านของกลางฟ้าตอนสามทุ่ม พอเธอเปิดประตูออกก็แทบกลั้นรอยยิ้มไม่อยู่เมื่อเห็นว่าเป็นมาริช  ใบหน้าหล่อคมยิ่งดูเข้มเมื่อครึ้มไปด้วยเงาหนวดเคราตามแก้ม เขายังสวมเสื้อยืดสีดำของซีซียูที่ยังเลอะโคลน แล้วหญิงสาวก็นึกได้ว่าเขาคงยังไม่ได้แวะกลับบ้านเพื่ออาบน้ำแล้วตรงเข้ามาที่นี่ทันที

“คุณ... กลับมาแล้วเหรอ” เธอพูดออกเพียงเท่านี้ ความตื่นเต้นและวาบหวามทำให้พูดอะไรไม่ออก

“ขอโทษทีนะกลางฟ้า ผมอยากมาหาคุณเร็วกว่านี้ แต่ติดประชุมโน่นนี่จนแทบปลีกตัวออกมาไม่ได้เลย นี่ผมตั้งใจจะกลับบ้านอาบน้ำ แต่อยากแวะมาหาคุณก่อน”

“แผลของคุณดีขึ้นแล้วหรือยัง”

เขาพยักหน้าแล้วไม่พูดอะไร รอยยิ้มของเขาทำให้กลางฟ้าหัวใจเต้นแรง ต่างคนต่างไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่สบตากันนิ่งอยู่หน้าประตูบ้าน

“ตอนนี้มันสามทุ่มแล้วนะ คุณจะ... เอ่อ ไม่กลับบ้านไปอาบน้ำก่อนเหรอ” กลางฟ้าพยายามหาเรื่องคุย

                “ดึกกว่านี้ผมก็จะมา ผมอยากมาหาคุณ”

                ทั้งคู่นิ่งเงียบกันอีกครั้ง ปล่อยให้สายตาสื่อสารกันและตกอยู่ในมนตร์ขลังของกันและกัน

                “กลางฟ้า” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่ามีบางอย่างสำคัญจะพูดกับเธอ

                “วะ...ว่าไง” เธอพยายามข่มน้ำเสียงไม่ให้ตื่นเต้น

เขาขยับตัวใกล้เข้ามาอีกจนเธอรับรู้ไออุ่นจากร่างของเขา “จำได้ไหมที่ผมพูดกับคุณในป่า ที่บอกว่าไว้กลับมาแล้ว ผมจะขอคุยเรื่อง... เรื่องของเราสองคน”

หญิงสาวช้อนสายตาที่แพรวพราวราวกับเม็ดดาวบนท้องฟ้า มาริชจดจ้องเธอนิ่งเหมือนถูกสะกด “ผม... ผมขอ...”

                แล้วเขาก็ชะงักเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังมาจากกระเป๋ากางเกง เขาลอบระบายลมหายใจแล้วหยิบออกมาดูหน้าจอทีหนึ่ง

“ให้ตายสิ ทำไมถึงได้ตามตัวกันเร็วขนาดนี้นะ” เขาบ่นเบาๆ “ผมต้องกลับไปสอบปากคำพวกองค์กรเดือนลับที่จับมาวันนี้ตอนสี่ทุ่ม”

เขากดปุ่มส่งข้อความแล้วเสียบโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง “ผมต้องไปแล้ว ขอพูดรวบรัดสั้นๆ เลยนะ เสาร์นี้ช่วยเป็นไปงานเลี้ยงของซีซียูกับผมได้ไหม ผมตั้งใจจะแนะนำคุณกับทุกคน”

“แนะนำฉันว่าอะไร” กลางฟ้ายืนงง

                เขาพูดระหว่างเดินถอยหลังไปที่ประตูรั้วไปด้วย “แนะนำกับทุกคนว่า คุณคือคนที่ผมกำลังจะจะคบด้วย”

 

                เสียงนาฬิกาปลุกข้างเตียงดังตอนหกโมงเช้า กลางฟ้าลุกขึ้นอย่างกระปรี้กระเปร่าเหมือนได้นอนอย่างเต็มอิ่มทั้งๆ ที่เมื่อคืนเธอเอาแต่นอนบิดกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงทั้งคืน หัวใจพองโตคับอกอย่างมีความสุขทุกครั้งที่นึกถึงประโยคทิ้งท้ายของมาริช

               คุณคือคนที่ผมตัดสินใจจะคบด้วย

อย่างนี้แปลว่าเขากับเธอเป็นแฟนกันแล้วหรือเปล่านะ

หลังจากอาบน้ำแต่งตัว เธอก็อุ่นอาหารในเตาไมโครเวฟเพื่อกินเป็นอาหารเช้า ระหว่างที่อุ่นอาหารอยู่ ก็มีเสียงกดออดดังที่หน้าบ้าน กลางฟ้าเปิดประตูหน้าบ้านแล้วเห็นเป็นวิธูยืนอยู่

“มีอะไรให้พี่กินบ้าง นี่พี่หิวแทบไส้ขาดแล้ว” เป็นคำแรกที่สารวัตรหนุ่มทักทาย

 “พี่วิธู!” กลางฟ้าเปิดประตูต้อนรับและทักทายอย่างร่าเริงเหมือนนกน้อย “เข้ามาเลยค่ะ กลางจะทำอาหารเช้าให้พี่กิน”

เมื่อร่างสูงของวิธูก้าวเข้ามาในบ้านแล้ว บ้านหลังน้อยของกลางฟ้าก็ดูแคบไปถนัด ยิ่งตอนที่เขาเดินไปเลือกของกินที่ตู้เย็นแล้วครัวแทบไม่เหลือช่องว่างเลยทีเดียว วิธูเดินไปนั่งรอที่โต๊ะระหว่างที่กลางฟ้าอุ่นอาหารและต้มน้ำร้อนชงกาแฟให้

“ตั้งแต่เธอออกจากป่า พี่ยังไม่ได้คุยกับเธอเลย เมื่อคืนก็กลับดึกมากจนไม่ได้แวะมาคุยด้วย เธอสบายดีนะ ยายกลาง” วิธูพูดมาจากโต๊ะกินข้าวกลางบ้านระหว่างที่กลางฟ้าเจียวไข่ฟูโปะบนข้าวสวยร้อนๆ

“กลางสบายดีค่ะ” เธอหันมายิ้มกว้างให้ระหว่างยกจานอาหารออกมา

“ตอนอยู่ในป่าตกใจกลัวมากไหม”

“ตอนที่มาริชยังหากลางไม่เจอก็ตกใจอยู่เหมือนกัน แต่พอเขามาอยู่ด้วยแล้วก็ไม่กลัวแล้วค่ะ” เธอพูดพร้อมวางจานข้าวตรงหน้าพี่ชาย

“มาริชมันเคยฝึกอยู่ในป่ามาหนึ่งปี เรื่องนี้ไว้ใจเขาได้เลย”

กลางฟ้าถือจานของตัวเองนั่งลงตรงข้ามเขา สองพี่น้องต่างสายเลือดนั่งสนทนากันไประหว่างกินอาหารเช้าไปด้วย หลังจากกินหมดแล้ว กลางฟ้าก็ชงกาแฟให้วิธูแล้วเก็บชามบนโต๊ะไปไว้ที่อ่าง    

“กลาง...” วิธูจิบกาแฟคำหนึ่งก่อนวางถ้วยลง “พี่ขอถามเรื่องส่วนตัวหน่อยนะ ถ้าตอบได้ พี่อยากให้เธอตอบพี่ตามตรง”

“ถามมาได้เลยค่ะ” เธอหันหลังพูดระหว่างที่ยกจานใส่อ่างล้างจาน

“พี่อยากรู้ว่าเธอสองคน... กำลังคบกันหรือเปล่า”

กลางฟ้าหน้าร้อนวูบขึ้นมาทันที ทำไมวิธูถึงได้รู้เรื่องของเธอกับมาริชเร็วนักล่ะ “เอ่อ กลางกับ กับ...”

“เอ้อ... โทษที พี่หมายถึง... เธอกับน่านน่ะ”

หา? เธอกับน่านเนี่ยนะ กลางฟ้าถึงกับหันหลังมองพี่ชาย เกือบร้องบอกออกไปว่า ผิดคนแล้วค่ะพี่!

เขาเห็นใบหน้าตกตะลึงของกลางฟ้าแล้วเข้าใจว่าเธอคงตกใจกับคำถามของเขา จึงรีบเปลี่ยนคำพูดใหม่ “เอาใหม่ๆ พี่หมายความว่า น่านกำลังจีบเธออยู่หรือเปล่า”

                “แหม พี่วิธูก้อ... ทำทีมาขอกินอาหารเช้า ที่แท้จะมาสืบเรื่องหนุ่มๆ ของกลางนี่เอง” เธอหัวเราะแล้วถือถ้วยน้ำกลับมานั่งที่โต๊ะ บอกไม่ถูกว่าโล่งใจหรือตกใจกันแน่ที่เขาไม่ได้หมายถึงมาริช

                “พี่ไม่ได้ตั้งใจจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเธอหรอกนะ แค่แปลกใจว่าเธอกับน่านสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ และสนิทกันมากแค่ไหน เขาถึงได้ชวนเธอไปเข้าป่าเพื่อดูการทำงานของไอ้พวกองค์กรเดือนลับน่ะ”

                “อ๋อ คืองี้ค่ะ กลางรู้จักกับน่านที่ผับที่เขาเล่นดนตรีอยู่ค่ะ พอคุยกันแล้วรู้ว่าเขาทำอยู่ที่ซีซียูและเป็นลูกน้องพี่วิธูด้วย ก็เลยสนิทกับเขาเร็ว และเขาก็ชอบเล่าเรื่องการทำงานในซีซียูให้ฟัง พอดีกลางอยากได้ข้อมูลพวกนั้นมาเขียนหนังสือสืบสวนอาชญากรรมของกลางอยู่แล้ว ก็เลยคุยกันค่อนข้างบ่อย”

                วิธูมองเธอด้วยสายตาตำหนิพลางส่ายหน้าช้าๆ “เธอนี่มันน่าตีจริงๆ เลย พอพี่ไม่ให้ข้อมูล เธอก็เลยไปคุยกับไอ้น่านแทนเนี่ยนะ”

                “แหม กลางก็อยากเขียนหนังสือออกมาให้มีสำนักพิมพ์รับไปตีพิมพ์บ้างเหมือนกันนี่คะ”

                วิธูหรี่ตามองน้องสาวคนละสายเลือดอย่างละเอียดราวกับเครื่องจับเท็จ

                “นี่แสดงว่าไอ้น่านมันจะจีบกลางจริงๆ ใช่ไหม”

                กลางฟ้าไม่กล้าปฏิเสธ เพราะดูเหมือนว่าทางออกนี้จะลงตัวที่สุด ไม่อย่างนั้นเธอก็ต้องเล่าความจริงทั้งของตัวเองและของน่านน้ำให้เขาฟัง

                “เอ่อ... เขาก็เคยบอกอย่างนั้น แต่อาจพูดเล่นก็ได้ กลางก็ไม่รู้เหมือนกัน” เธอตอบแบ่งรับแบ่งสู้

                “แต่เธอไม่ได้คิดอะไรกับมันใช่ไหม”

                หญิงสาวส่ายหน้าจนผมกระจาย มันจะเป็นไปได้อย่างไรเพราะเธอกับมาริชกำลังจะตกลงคบหากันอยู่แล้ว

วิธูพยักหน้ารับรู้แต่สีหน้าเหมือนยังข้องใจ ก่อนยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ เขาก็พูดว่า

“ถ้าเธอไม่มีคิดอะไรกับไอ้น่านจริงๆ ก็ดี เพราะเรื่องที่เขาพาเธอเข้าป่ามันผิดวินัยร้ายแรงมาก นอกจากถูกไล่ออกแล้วคงไม่ได้กลับมาทำงานในวงการนี้อีก อันที่จริงเธอก็น่าจะเล่าให้พี่ฟังตั้งแต่วันที่เขาชวนเธอแล้วนะ นี่พี่ยังไม่ได้ดุเธอเรื่องนี้เลย”  

“กลางขอโทษค่ะ” เธออ้อมแอ้ม “แต่วันนั้นกลางโทร.หาพี่วิธูแล้วนะ แต่พี่เดินทางไปกรุงเทพฯ พอดี”

วิธูมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน แม้ว่าแกล้งทำสีหน้าเข้มงวดก็ตาม “ไม่มีคราวหน้าอีกแล้วนะ ยายกลาง”

“แน่นอนค่ะ ตอนหลงอยู่ในป่า กลางก็กลัวพี่วิธูส่งกลางกลับบ้านยิ่งกว่ากลัวงูในป่าซะอีก”

สารวัตรหนุ่มหัวเราะชอบใจแล้วยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มจนหมด เมื่อเขาวางถ้วยลง สีหน้าเคร่งขรึมก็หวนกลับมาอีก

ครั้ง “อ้อ ใช่ มีอีกเรื่องหนึ่งที่พี่ต้องเตือนเธอไว้นะ”

“เรื่องอะไรคะ”

“พี่อยากให้เธอระวังน่านให้ดีๆ ผู้ชายคนนี้เป็นคนแปลก ท่าทางเหมือนมีความลับบางอย่างปกปิดอยู่ ลึกๆ แล้วพี่

ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไงนะ เอาเป็นว่า ถ้า... พี่ขอย้ำนะว่า ถ้าสมมติเธออยากคบกับเขาจริงๆ รับปากกับพี่ไหมว่ากลางจะบอกให้พี่รู้”

“กลางไม่บอกพี่หรอกคะ” เธอยิ้มทันทีที่เห็นเขาเริ่มขมวดคิ้ว “เพราะกลางไม่มีทางคบกับน่านแน่นอน”

วิธูยิ้มอ่อนโยนจนตาเป็นประกาย เขาเอื้อมแขนยาวๆ ออกมาแล้วใช้ฝ่ามือกว้างขยี้ผมของกลางฟ้าจนยุ่ง “ยายตัวแสบของพี่”

หญิงสาวสบตาพี่ชายใจดีแล้วแกล้งแหย่เขาต่อ “แล้วพี่วิธูล่ะ เมื่อไหร่จะมีแฟนให้กลางเห็นเป็นตัวเป็นตนสักทีละคะ”

รอยยิ้มของเขาเปลี่ยนไปช้าๆ จนแทบไม่ทันสังเกต แต่กลางฟ้ามองออกได้ทันทีว่าสีหน้านั้นเปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียด “ก็อย่างที่กลางบอกน่ะแหละ แค่มีเวลาพูดคุยกับกลางยังแทบไม่มีเลย พี่จะมีเวลาไปหาแฟนได้ยังไงกันล่ะ”

 

หลังจากไม่ได้เปิดดูข้อความสนทนาลับของพ่อดอลลีมาหลายวัน หลังเลิกเรียนวันนั้นที่บ้านของดอลลี เธอก็เปิดดูข้อความในเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นอีกครั้ง และเห็นข้อความสนทนาใหม่ล่าสุดที่เพิ่งคุยกันเมื่อคืนที่ผ่านมา

 

ป๋าเทพ:       ไหนว่ามีเด็กของแกคุมแล้วงานนี้ไม่พลาดไง เป็นไงล่ะโดนจับยกล็อต

ลามูน:         ใจเย็นสิ เสียส่วนน้อยเพื่อแลกส่วนใหญ่ ของอย่างนี้ต้องมีตบตากันบ้าง

ป๋าเทพ:      หมายความว่าไง

ลามูน:         ไอ้คนที่ถูกจับไปมันช่วยไม่ได้จริงๆ แต่ของๆ เรานี่สิ ปลอดภัยครบหมดหายห่วง

ป๋าเทพ:         ถามจริง ทำได้ยังไงวะ

ลามูน:          บอกแล้ว หนอนตัวนี้ไม่ธรรมดา มันเจอของปั๊บก็รีบเม้มไว้ก่อนเลย ตอนนี้ของๆ แก           ถึง

                  มือเราแล้ว

ป๋าเทพ:         สุดยอด มันส่งข่าวได้ไวขนาดนั้นเลยเหรอ

ลามูน:            ไม่ต้องเสียเวลาส่งข่าวหรอก เพราะวันนั้นเด็กของฉันเข้าป่าด้วย

           

กลางฟ้ายกมือขึ้นทาบปิดปาก วันนั้นมันเข้าป่าไปด้วย คุณพระ! แสดงว่าวันที่หน่วยซีซียูเข้าป่ามาช่วยเธอ มีหนอนซีซียูปะปนอยู่ในนั้นด้วยงั้นสิ

และการสนทนายังไม่จบแค่นั้น  

               

ป๋าเทพ:       ถ้าอย่างนั้นฉันก็รับเงินได้แล้วสิ

ลามูน:         รับของหกโมงเสาร์นี้ ที่จอดรถชั้นใต้ดินของห้างเจริญวาณิชย์

ป๋าเทพ:       รับกับใคร

ลามูน:         วีโก้สีบรอนซ์ แกต้องกะพริบไฟให้เขาสามครั้ง

 

กลางฟ้ารีบโทร.นัดน่านน้ำที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จากนั้นก็เล่าข้อมูลล่าสุดให้เขาฟัง

                “หนอนตัวนั้นเข้าในป่าวันนั้นด้วยเหรอ แสดงว่าเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการในวันนั้น มีหนึ่งคนเป็นหนอนซีซียูสินะ ดีล่ะ งั้นเราก็จะทำงานง่ายขึ้นหน่อย ผมจะเอารายชื่อพวกเขาออกมาแล้วติดตามทีละคน”

                “ฉันว่าคุณไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก เพราะเสาร์นี้พวกมันนัดเจอกันที่ห้างแห่งหนึ่ง”

                “นัดที่ไหน”

                กลางฟ้าเล่าข้อความในแชทเพิ่มเติมว่า พวกมันนัดส่งค่าของกันที่ห้างแห่งหนึ่ง น่านน้ำได้ยินแล้วทำตาโตทันที

                “นี่ถ้าคุณเป็นผู้ชายล่ะก็ ผมกระโดดกอดคุณแล้ว” สีหน้าของน่านน้ำเบิกบานสุดขีด “งั้นเสาร์นี้ผมจะไปรับคุณที่บ้าน แล้วเราไปกระชากหน้ากากไอ้หนอนตัวนั้นด้วยกัน”

                กลางฟ้าเกือบรับปากไปแล้ว และเพิ่งนึกได้ว่าเธอนัดกับมาริชไว้ว่าจะไปร่วมงานเลี้ยงของซีซียู และเขาจะพาเธอแนะนำกับทุกคนว่าเธอคือใคร

“เอ่อ ไม่รู้สิน่าน เสาร์นี้ฉันมีนัดแล้วด้วยสิ”

                “จะมีงานไหนสำคัญสำหรับคุณเท่ากับการได้กระชากหน้ากากหนอนตัวนี้กันล่ะ คุณเอามาแต่งนิยายได้เรตติ้งกระจุยกระจายเลยนะ”

คำพูดของน่านน้ำทำให้เริ่มสองจิตสองใจ หลังจากคิดใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง เธอก็พูดกับเขาว่า

“พอเรารู้ตัวหนอนซีซียูตัวนั้นแล้วว่าเขาคือใคร แสดงว่าบรรลุเป้าหมายของคุณแล้วใช่ไหม”

“ใช่ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดที่ผมต้องการรู้” น่านน้ำตอบ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น