6

บทที่ 5


 

บทที่ 5

กลางฟ้ากดออดที่หน้าประตูรั้วเหล็กอัลลอยด์ของบ้านสองชั้นทรงทันสมัยสวยงาม บ่งบอกถึงความร่ำรวยและมีรสนิยมของเจ้าของ อึดใจต่อมา แม่บ้านหญิงวัยกลางคนก็ออกมาเปิดประตูให้ จากนั้นก็พาหญิงสาวเข้าไปในตัวบ้านที่ภายในตกแต่งภายในด้วยเครื่องเรือนและของประดับบ้านมีราคาไม่ต่างจากสภาพภายนอกของตัวบ้าน แม่บ้านหญิงพาเดินขึ้นชั้นสอง จากนั้นก็เปิดประตูห้องๆ หนึ่งที่จัดโต๊ะเรียนไว้กลางห้องพร้อมกระดานไวท์บอร์ดอีกหนึ่งอัน

ราวหนึ่งเดือนก่อน ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนชั้นประถมห้าที่ชื่อดอลลี ติดต่อมาที่โรงเรียนประถมกลอรี ให้ช่วยจัดหาครูพิเศษมาติวให้ลูกสาวที่บ้านเพราะครูพิเศษคนที่สอนอยู่ประจำได้ลาออกไปคลอดลูก กลางฟ้าถูกส่งตัวไปเนื่องจากเป็นครูที่สอนในชั้นเรียนของดอลลีอยู่แล้ว

จากการเฝ้าสังเกตการเรียนของดอลลีในโรงเรียน กลางฟ้ารู้สึกว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กฉลาดคนหนึ่ง น่าแปลกที่ผลการเรียนย่ำแย่ชนิดสอบตกรวดทุกวิชา แต่หลังจากสอนพิเศษได้เพียงสามครั้ง เธอก็เข้าใจสาเหตุของการเรียนตกต่ำของลูกศิษย์ นั่นคือไม่เคยมีใครคุมเด็กคนนี้ตอนอยู่ในบ้านเลย ตั้งแต่เริ่มสอนพิเศษมาจนถึงวันนี้ เธอยังไม่เคยเจอหน้าผู้ปกครองของเด็กหญิงเลยสักครั้ง เมื่อสอบถามกับพี่เลี้ยงถึงได้รู้ว่า พ่อของดอลลีไม่เคยกลับบ้านก่อนสองหรือสามทุ่ม ส่วนแม่ก็จะต้องออกงานสังสรรค์ทุกวันและบางครั้งกลับดึกกว่าสามีด้วยซ้ำ ดอลลีมีพี่สาวอีกคนหนึ่ง เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วแต่ก็ไม่เคยอยู่ติดบ้านด้วยเช่นกัน

ทุกครั้งที่ไปสอนพิเศษที่บ้านของดอลลี ผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่ได้เจอก็คือแม่บ้านคนที่พาเธอไปยังห้องเรียนพิเศษ และตลอดชั่วโมงนั้นก็ไม่เคยมีใครโผล่หน้าเข้ามาดูว่ามีการการเรียนการสอนเกิดขึ้นจริงไหม แต่กลางฟ้าก็ยังคงทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ ไม่เบี้ยวไม่โกงเวลา และไปสอนอย่างสม่ำเสมอทุกวันจันทร์ถึงศุกร์หลังเลิกเรียน

ปัญหาใหญ่ในการสอนก็คือดอลลีไม่สามารถนั่งเรียนจนจบชั่วโมงได้ แกเป็นเด็กที่สมาธิสั้นมากจนกลางฟ้าเริ่มอ่อนใจว่าจะสอนได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ ระหว่างที่กำลังกลัดกลุ้มว่าจะทำอย่างไรกับเด็กหญิงดี แกก็เป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอขึ้นมาก่อน

“ครูซันนีคะ หนูจะยอมทำการบ้านให้เสร็จก็ได้ถ้าครูให้หนูเล่นเกม”

กลางฟ้ามองนาฬิกาข้อมือ “ได้เลย ดอลลี ถ้าหนูยอมทำการบ้านให้เสร็จภายในครึ่งชั่วโมง ครูจะให้หนูเล่นเกมอีกครึ่งชั่วโมง แต่การบ้านต้องถูกหมดด้วยนะ”

ทันทีที่ตกลงกันได้ ดอลลีก็ยอมทำการบ้านจนเสร็จอย่างรวดเร็วและถูกต้อง จากนั้นก็แทบทิ้งปากกาลงกับโต๊ะเมื่อกลางฟ้าตรวจการบ้านเสร็จ

“หนูไปเล่นเกมแล้วนะ”

เด็กหญิงเดินไปที่ลิ้นชักของตู้เก็บหนังสือขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในห้อง รื้อบางอย่างกุกกักอยู่พักหนึ่งแล้วหยิบกุญแจหนึ่งดอกออกมา จากนั้นก็เดินไปไขประตูห้องที่พ่วงต่ออยู่ภายในห้องเรียนพิเศษห้องนั้น

“อ้าว นั่นหนูเปิดห้องของใครคะ”

“ห้องทำงานพ่อหนูค่ะ” พอไขประตูเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องทันที

“เดี๋ยวก่อน ดอลลี เราไม่ควรเข้าไปในห้องผู้ใหญ่นะ” เธอรีบลุกจากโต๊ะแล้วตามไป

“แต่ถ้าไม่เข้าไปห้องพ่อ หนูก็เล่นเกมไม่ได้สิ”  

“หนูไม่มีคอม.เครื่องอื่นเหรอ”

“ไม่มีค่ะ พ่อกับแม่ไม่ยอมให้หนูมีคอม.ของตัวเอง ส่วนของพี่สาวหนู เขาล็อกไว้ในห้องนอน หนูไม่มีกุญแจ”

นับว่าเป็นความดีเพียงอย่างเดียวของพ่อแม่คู่นี้ที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวให้ดอลลีใช้ เพราะดูจากการเลี้ยงดูทิ้งๆ ขว้างๆ แบบนี้ มีโอกาสสูงมากที่เด็กจะติดเกมหรือหมกมุ่นกับการเล่นคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา

แต่เดี๋ยวนะ... ถ้าพวกเขาไม่ซื้อคอมพิวเตอร์ส่วนตัวให้ลูกใช้ ก็ไม่น่าอนุญาตให้ดอลลีเปิดเข้ามาเล่นเกมในนี้ได้สิ

“ดอลลี พ่อของหนูอนุญาตให้เข้ามาเล่นเกมในนี้ได้หรือเปล่า” กลางฟ้าถาม

“พ่อสั่งว่าห้ามเข้ามาในห้องนี้ ‘ถ้าไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย’ แต่ครูซันนีเป็นผู้ใหญ่ งั้นหนูเข้ามาได้ค่ะ” ดอลลีพูดพลางเริ่มพิมพ์ก๊อกแก๊กบนเครื่องอย่างคล่องแคล่ว

กลางฟ้าถึงกับกลอกตาอย่างระอาใจ ที่แท้แม่หนูดอลลีจอมเจ้าเล่ห์นี่พูดเองเออเองหมดเลยสินะ “แสดงว่าพ่อห้ามไม่ให้หนูเข้ามาในห้องจริงๆ ด้วย แล้วหนูไปเอากุญแจไขเข้ามาได้ยังไง”

“ปกติพ่อจะใช้กุญแจอีกดอกที่พกติดตัว แต่มีอยู่วันหนึ่งพ่อลืมกุญแจไว้ที่ทำงาน หนูแอบเห็นพ่อหยิบกุญแจดอกนี้มาจากลิ้นชัก วันหลังหนูก็เลยลองหยิบมาไขดูบ้างแล้วเปิดได้จริงๆ ค่ะ” ดอลลีทำเสียงตื่นเต้น

ถ้าเด็กหญิงดอลลีใช้ความฉลาดและช่างสังเกตมาใช้กับการเรียน เกรดเอทุกวิชาคงไม่หนีไปไหนแน่นอน กลางฟ้ามองลีลาการเปิดคอมพิวเตอร์อย่างคล่องแคล่ว รวมถึงหยิบกุญแจออกมาจากที่ซ่อนโดยไม่ต้องค้นหานาน ท่าทางแม่หนูตัวแสบคงแอบดอดเข้ามาในนี้เป็นประจำ

“หนูเข้ามาในห้องนี้ทุกวันเลยเหรอ”

“ไม่ได้หรอกค่ะ เวลาพ่อกลับมาตอนเย็น พ่อจะปิดประตูล็อกและอยู่แต่ในห้องนี้ ห้ามไม่ให้หนูเข้าไปกวน ยกเว้นวันเสาร์ที่พ่อจะให้หนูเข้าไปเล่นเกมด้วยกัน...” ดอลลีทำท่านึกแล้วพูดต่อว่า “อ้อ ใช่... แต่เมื่อก่อนหนูเคยเข้ามาที่ห้องนี้ทุกวันกับครูพลอย ครูพิเศษคนเก่าน่ะค่ะ ครูพลอยใจดีมากเลย ปล่อยให้หนูเข้ามาเล่นเกมในนี้เป็นชั่วโมง ส่วนครูก็ไปงีบอยู่ที่โซฟาค่ะ ครูพลอยบอกว่าคนท้องต้องนอนมากๆ”

เวรกรรม! กลางฟ้าแทบยกมือขึ้นตบหน้าผากดังฉาด มิน่าล่ะ ดอลลีถึงได้สอบตกซ้ำซากแบบนี้ ที่แท้ก็มีครูสอนพิเศษจอมอู้แบบนี้นี่เอง

“เอาล่ะ ดอลลี ครูว่าเราไม่ควรอยู่ห้องนี้นะ ออกไปกันเถอะ”

เด็กหญิงเงยหน้ามองกลางฟ้าและทำหน้าบึ้งทันที “แต่ครูซันนีสัญญาแล้วนี่คะว่าถ้าหนูทำการบ้านเสร็จแล้วจะให้หนูเล่นเกม!”

“แต่ห้องนี้เป็นห้องทำงานของพ่อหนูนะ เราไม่ควรเข้ามาวุ่นวายในห้องส่วนตัวของผู้ใหญ่ ออกไปดีกว่าค่ะ”
                “ไม่เอา! ถ้าครูไม่ให้หนูเล่น คราวหน้าหนูจะไม่ทำการบ้านอีกแล้ว!” ดอลลีเริ่มโวย

กลางฟ้ากวาดตามองรอบห้อง พยายามมองหาทรัพย์สินมีค่าที่อาจทำเธอติดคุกติดตารางได้หากทำแตกหักเสียหาย แต่หลังจากสำรวจด้วยสายตาอย่างถี่ถ้วน ก็ไม่พบว่าห้องนี้มีของมีค่าเก็บไว้เลย อันที่จริงต้องบอกว่าห้องนี้ไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำนอกจากหนังสือเกี่ยวกับธุรกิจบนชั้นสองสามเล่ม กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กบนโต๊ะนี้เท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เธอรู้สึกไม่ค่อยดีที่ตามใจดอลลี ครั้นจะขัดใจก็กลัวเด็กหญิงไม่ยอมทำการบ้านอีก ถ้าอย่างนั้น ขอทำหน้าที่ครูที่ดีสักนิดหน่อยก็แล้วกัน          

“ดอลลี ครูขอตรวจดูก่อนว่าหนูเล่มเกมอะไร เหมาะสมหรือเปล่า ไม่งั้นคราวหน้าครูไม่ให้หนูเข้ามานะคะ”

เด็กหญิงแบะปากกระเง้ากระงอด แต่ก็ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี

เธอนั่งลงบนเก้าอี้แทนที่เด็กหญิง นึกในใจว่าคราวหน้าจะยกโน้ตบุ๊กตัวเองมาด้วยเพื่อให้ดอลลีได้เล่นเกมหลังทำการบ้านเสร็จ จะได้ไม่ต้องเข้ามาในห้องนี้อีก

กลางฟ้าเลื่อนเม้าส์เพื่อกดไอคอนเกมที่หน้าจอ แต่โปรแกรมที่เปิดออกมากลับไม่ใช่เกม กลายเป็นโปรแกรมอะไรไม่รู้มีพื้นที่สีขาวเรียบๆ กับมีข้อความเป็นพรืดๆ สงสัยเธอจะกดไอคอนผิดเพราะหน้าตาไอคอนดูคล้ายกัน

แต่ก่อนที่จะกดปิดหน้าต่างนั้น  ข้อความบนพื้นที่สีขาวก็ดึงความสนใจจนเธอต้องยื่นหน้าเข้าไปอ่าน

 

ลามูน:         บอกแล้วว่าด่านตรงนั้นมันผ่านไม่ได้ง่ายๆ พวกมันตรวจเข้มอยู่ตรงนั้น

                        แล้ววันนี้ยิงกันตายกี่คน

ป๋าเทพ:      เสียคนของเราไปสาม เจ็บอีกห้า แต่ตำรวจสี่คนนั้นตายเรียบ

ลามูน:         แล้ว ‘ของ’ ของเราล่ะ

ป๋าเทพ:      รักษาเท่าชีวิต ไม่ต้องห่วง แต่ต้องเอากลับไปก่อนแล้วตั้งหลักใหม่

ลามูน:         แล้วแกจะเช็ดขี้ยังไง ตำรวจตายไปสี่เชียวนะ

ป๋าเทพ:       ใส่รถแล้วเข็นตกเหว ราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผา ทำให้เป็นอุบัติเหตุ

 

นี่มันอะไรน่ะ ตำรวจตายไปสี่ ใส่รถแล้วเข็นตกเหว จุดไฟเผา ทำให้เป็นอุบัติเหตุ? กลางฟ้าลองเลื่อนกลับขึ้นไปอีกเพื่อดูข้อความก่อนหน้านั้น แต่พบว่ามีข้อความเพียงเท่านี้ เธอมองตัวหนังสือเล็กๆ ใต้ข้อเขียนว่า “เปิดอ่านเวลา 23.45 น. ของเมื่อวาน” แล้วเข้าใจว่านี่คือโปรแกรมแชทที่บันทึกเวลาว่าอ่านไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน

“ครูซันนี ได้หรือยังคะ หนูอยากเล่นเกมแล้ว”

กลางฟ้าเลิกสนใจหน้านั้นแล้วกดปิดหน้าต่าง จากนั้นก็เปิดโปรแกรมเกมเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับวัยของดอลลีจริงๆ แล้วปล่อยให้เด็กหญิงเล่นเกมจนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง จึงเตือนให้หยุดเพราะหมดเวลาแล้ว

อันที่จริงกลางฟ้าเกือบลืมข้อความในโปรแกรมแชทนั้นไปแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าค่ำวันนั้นระหว่างที่นั่งดูข่าวตอนอาหารเย็นอยู่ที่บ้าน แล้วเห็นข่าวใหญ่ภาคค่ำว่า พบรถตกเหวไฟไหม้ทั้งคัน และมีผู้เสียชีวิตสี่คน จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังออกปฏิบัติการเมื่อคืน

สิ่งแรกที่เธอนึกถึงก็คือข้อความในแชทที่เครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของพ่อดอลลี!!

นี่มันเรื่องจริงหรือบังเอิญกันแน่

วันรุ่งขึ้น กลางฟ้าไปสอนพิเศษที่บ้านดอลลีตามปกติ หลังจากทำการบ้านเสร็จ เด็กหญิงก็ขอเข้าไปเล่นเกมในห้องทำงานของพ่อเหมือนวันก่อน หนนี้กลางฟ้าไม่ห้าม แต่จับตามองทุกอย่างถี่ถ้วนยิ่งกว่าเดิม

ทันทีที่นั่งลงที่โต๊ะ ดอลลีก็เปิดปุ่มสตารท์คอมพิวเตอร์ จากนั้นหน้าจอก็เปิดมาเป็นช่องสำหรับพิมพ์รหัสผ่านเข้าเครื่อง เด็กหญิงพิมพ์ลงไปอย่างคล่องแคล่ว อึดใจต่อมาก็เข้าสู่หน้าจอปกติ

“พ่อบอกพาสเวิร์ดให้หนูรู้ด้วยเหรอจ๊ะ” กลางฟ้าประหลาดใจ

“เปล่าค่ะ แต่หนูแอบเห็น” ดอลลีหันหน้ามายิ้มเจ้าเล่ห์ “เวลาที่พ่อให้หนูเข้ามาเล่นในห้องนี้ หนูชอบแอบมองนิ้วของพ่อว่าพิมพ์พาสเวิร์ดอะไร จริงๆ แล้วพ่อตั้งพาสเวิร์ดง่ายมากค่ะ เป็นชื่อหนูกับปีเกิด”

คุณพระ! เด็กสมัยนี้น่ากลัวชะมัด นี่แหละที่เขามักพูดกันว่าอย่าปล่อยเด็กไว้กับคอมพิวเตอร์ มันน่ากลัวแบบนี้นี่เอง

เธอปล่อยให้ดอลลีเล่นเกมไปสักพัก ระหว่างนั้นก็หาแผนหลอกล่อให้เด็กคนนี้พ้นจากหน้าจอชั่วคราว

“เอ่อ ดอลลีจ๊ะ หนูต้องหยุดเล่นสักห้านาทีนะ เพราะถ้าจ้องจอนานๆ ตาจะเสีย หนูไปท่องศัพท์ให้เสร็จ แล้วเดี๋ยวค่อยมาเล่นใหม่”

ดอลลีลุกจากเก้าอี้อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็ไปท่องศัพท์แต่โดยดี

กลางฟ้ารีบขยับเข้าไปนั่งแทนที่ดอลลีแล้วเปิดโปรแกรมแชท เห็นช่องสนทนาของคนชื่อลามูนกับป๋าเทพเหมือนที่เห็นเมื่อวาน แต่คราวนี้เป็นข้อความใหม่ที่บันทึกเวลาอ่านแล้วตอนเวลาเที่ยงคืนของคืนวาน

 

ลามูน:            พวกซีซียูมั่นใจมากว่าเดือนลับกำลังส่งของแน่นอน

ป๋าเทพ:         แล้วเราจะทำไง ใช้เส้นทางเดิมไม่ได้เลย

ลามูน:            เราต้องพักของไว้กลางทาง แล้วเปลี่ยนวิธีส่ง

ป๋าเทพ:         วิธีไหน

ลามูน:            ฉันจะสร้างโกดังไว้กลางป่าก่อน แล้วแกย้ายเส้นทางส่งของไปทางแม่น้ำ

ป๋าเทพ:         เส้นทางนี้ปลอดภัยแน่เหรอ

ลามูน:         ไม่ต้องห่วง เส้นทางนี้ขนาดตำรวจยังไม่เคยรู้ คนของฉันจะไปคุมด้วยตัวเอง            

 

                กลางฟ้าเลื่อนกลับไปดูข้อความของวันก่อนหน้านั้น พบว่านี่คือข้อความเดียวที่เหลืออยู่ในแชท เมื่อเปิดดูการตั้งค่าแล้วพบว่ามีการตั้งค่าให้ลบข้ออัตโนมัติหลังจากโพสต์ไปแล้วหนึ่งวัน

                หลังจากนั้น กลางฟ้าก็เฝ้าติดตามข้อความในโปรแกรมแชทนั้นทุกวัน แต่หลังจากครั้งล่าสุดครั้งนั้น การสนทนาก็เงียบเหงาไปหลายวันจนกลางฟ้าคิดว่าทั้งคู่เลิกติดต่อกันด้วยช่องทางนี้ไปแล้ว ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปจนเกือบครบสัปดาห์ ก็มีข้อความขึ้นอีกครั้งว่า

 

ลามูน:           โกดังเสร็จแล้ว เตรียมเอาของลง

ป๋าเทพ:        อยู่ไหนล่ะ

ลามูน:           (ส่งพิกัดจากกูเกิลแมป)

ป๋าเทพ:         สุดยอด สมกับเป็นระดับหัวหน้าขององค์กรเดือนลับ

                   

            องค์กรเดือนลับ? หรือว่านี่คือองค์กรใหญ่ที่ทำเรื่องผิดกฎหมายตามที่พี่วิธูเคยเล่าให้ฟัง

                หญิงสาวจดข้อความสนทนาทั้งหมดลงในสมุดจดที่พกติดตัวเพื่อจดข้อมูลในการเขียนหนังสือ แล้วลองเปิดพิกัดจากกูเกิลแมปที่ส่งมาในแชท ขยายแผนที่จนเห็นชัดเจนแล้วใช้โทรศัพท์ถ่ายหน้าจอเก็บไว้ทันที

มันเป็นป่าแห่งหนึ่งในเชียงใหม่นี่เอง

เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าการสนทนาของลามูนกับป๋าเทพมีเงื่อนงำจริงหรือไม่ หลายวันต่อมากลางฟ้าตัดสินใจไปสถานที่ตามพิกัดในกูเกิลแมป แล้วเจอโกดังตามที่ลามูนกับป๋าเทพคุยกันไว้จริงๆ เธอมั่นใจว่าต้องไม่ใช่โกดังธรรมดาเพราะวันนั้นเจอทั้งตำรวจและผู้ร้ายขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ยิงกันสนั่นป่า จนตัวเองเกือบโดนลูกหลงไปด้วย

หลังจากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงตามข้อความในแชทถึงสองครั้ง กลางฟ้าก็เชื่อแล้วว่าบัดนี้กำลังแอบอ่านการสนทนาของผู้ร้ายสองคน ลามูนน่าจะเป็นคนในองค์กรเดือนลับที่รับซื้อ “ของ” อะไรสักอย่างโดยมีป๋าเทพเป็นคนจัดหาของให้ เธอเชื่อว่าลามูนจะต้องเป็นพ่อของดอลลีอย่างไม่ต้องสงสัย และทำงานให้กับองค์กรเดือนลับด้วย นึกแล้วก็รู้สึกรังเกียจขึ้นมาตะหงิดๆ ที่ผู้ปกครองของนักเรียนในโรงเรียนระดับสูงอย่างโรงเรียนกลอรี ร่ำรวยมีเงินทองซื้อบ้านหลังใหญ่ได้จากการทำผิดกฎหมาย

และนี่คือข้อความล่าสุดที่เธออ่านเจอวันนี้ก็คือ 

 

ป๋าเทพ:        วันก่อนใครมาป้วนเปี้ยนแถวโกดัง

ลามูน:          พวกเจ้าหน้าที่ซีซียูน่ะสิ

ป๋าเทพ:        มันไปได้กลิ่นอะไรมาวะ ไหนว่าคนของแกคุมอยู่ไง

ลามูน:          พวกมันมีฝ่ายหาข่าว เราต้องรีบแล้ว ของมาเมื่อไหร่

ป๋าเทพ:        กำลังขนไปที่โกดังแล้ว ถึงแล้วจะบอก

 

กลางฟ้าจดข้อความใส่สมุดโน้ต และขีดเส้นใต้เน้นประโยคว่า “กำลังจะถึงที่โกดัง” เธอเลื่อนกลับไปดูข้อความแชทย้อนหลัง และเป็นไปตามคาดที่ไม่พบข้อความเก่าเหลืออยู่เลย

เจ้าลามูนระวังตัวพอสมควรทีเดียว แต่ดันพลาดตรงมีลูกสาวฉลาดเป็นกรดนี่แหละ

“ดอลลี พ่อของหนูชื่ออะไรจ๊ะ” จู่ๆ เธอก็นึกอยากรู้ขึ้นมา

“รพินทร์ ชัยพฤกษ์” แกตอบโดยที่ยังไม่ละสายตาจากหน้าจอ

“เขาทำงานอะไรเหรอ”

“นักลงทุนค่ะ”

“นักลงทุน? เขาลงทุนทำอะไรเหรอจ๊ะ” กลางฟ้ารู้สึกว่าอาชีพนี้กว้างเหลือเกิน มันเป็นได้ตั้งแต่ลงทุนหุ้น ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือเผลอๆ อาจลงทุนค้ายาเสพติดก็เป็นได้ 

แกทำหน้าหงุดหงิดเมื่อถูกขัดจังหวะการเล่นเกม “ก็ลงทุนอ่ะค่ะ ทำไมครูซันนีต้องอยากรู้ด้วย”

“อ๋อ เปล่าจ้ะ” บางครั้งดอลลีคนนี้ก็ฉลาดเกินเด็กจนน่ากลัว กลางฟ้าจึงตัดสินใจไม่ถามต่ออีก

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น