10

ตอนที่ 10



“วันนี้ได้รูปเยอะเลยนะครับเจ๊” ปาปารัซซีหนุ่มเอ่ยอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องต่อหน้าผู้ที่เป็นเจ้านายอย่างเอกชัย คอลัมนิสต์ข่าวกอสซิปฝีปากกล้าอันดับต้นๆ ของเมืองไทย

หากภาพทั้งหลายที่ได้มาในตอนนี้กลับยังไม่ดีพอสำหรับเล่นข่าวให้ดาราสาวผู้เคยฉาวโฉ่คนนี้เสียหาย หรือมัดตัวเธอจนไม่สามารถดิ้นหลุด เพราะเท่าที่ได้มาก็เป็นภาพธรรมดาๆ ไม่สมกับความเป็นเหยี่ยวข่าวฉาวระดับทะลวงสำไส้ไฮโซเลยสักนิด

“อ้าว...เป็นอะไรครับเจ๊ ทำหน้าเครียดเชียว”

“ฉันกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้บราลีลงน้ำกับพ่อหนุ่มนั้น”

“จะให้เขาลงไปทำไมครับ”

“อีนี่!” เอกชัยหันไปเขกกบาลคนถามเพราะไม่ได้ดั่งใจ “ผู้หญิงมาเล่นน้ำกะหนุงกะหนิงกับผู้ชายที่ไม่ใช่ผัวน่ะ มันแรงกว่านั่งอยู่ข้างสระย่ะ รู้เอาไว้ซะด้วย”

“เออจริง”

“นี่แกต้องเจ็บตัวก่อนใช่ไหมถึงจะหายโง่ หัดใช้รอยหยักในสมองด้วย ไม่ใช่มีหัวเอาไว้ตัดผมอย่างเดียว”

“ผมเอาไว้โกนหนวดด้วยนะเจ๊” ชายหนุ่มย้อน ก่อนจะยิ้มเจื่อนเมื่ออีกฝ่ายส่งแววตาขู่มาให้ “แล้วเจ๊จะทำยังไงให้คุณบราลีลงน้ำล่ะครับ”

เอกชัยยกมือเกาคางอย่างใช้ความคิด ก่อนจะดีดนิ้วดังเปาะ “นึกออกแล้ว”

“ยังไงครับเจ๊”

“แกไปหาเด็กให้ฉันคนนึงสิ”

“โห...กลางวันแสกๆ เกิดหิวเด็กขึ้นมาซะงั้น”

“ไอ้บ้า!” เอกชัยยกเท้ายันปาปารัซซีฝึกหัดจนล้มหงายไม่เป็นท่า “ฉันจะเอามาเป็นนกต่อโว้ย”

“โหยเจ๊บอกกันดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องรุนแรงเลย”

“ถ้าแกไม่รีบไป เดี๋ยวจะโดนบาทาทะลวงลำไส้ใหญ่อีกดอก...เอาไหม”

“มะ...ไม่เอาครับเจ๊” ชายหนุ่มยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากัน มืออีกข้างเลื่อนไปปิดก้น ก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว

เอกชัยส่ายหน้าอย่างระอา ดูแล้วไอ้หนุ่มคนนี้คงจะไม่รุ่ง แม้จะมีฝีมือในการถ่ายภาพแต่ถ้าหมดช่วงทดลองงานคงต้องให้ไปถ่ายภาพที่ฝ่ายข่าวอาชญากรรมน่าจะเหมาะกว่า ก่อนจะหันกลับไปที่สระน้ำอีกครั้งอย่างใช้ความคิด

“บราลี เธอเสร็จฉันแน่”

เหยี่ยวข่าวหนุ่มหัวใจสาวแสยะยิ้ม แล้วเลื่อนสายตาไปมองสระน้ำซึ่งผู้ชายนิรนามกำลังปีนขึ้นไปบนโขดหินใต้น้ำตก จึงเห็นเรือนร่างกำยำได้สัดส่วนอย่างชัดเจน ก่อนที่เขาจะกระโดดพุ่งหลาวลงน้ำราวกับนักกีฬาทีมชาติ เอกชัยเผลอซูดปาก ยกมือขึ้นปาดน้ำลายที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ผู้ชายอะไรวะ น่ากินฉิบหาย”

* * * * * * * * * *

หลังจากชมนกชมไม้เพื่อให้ตัวเองหลุดจากอารมณ์ปั่นป่วนครู่เดียว บราลีก็อดหันกลับไปมองกวินที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในสระน้ำไม่ได้ คราวนี้เธอแพ้ใจตัวเอง นั่งกอดเข่าแล้วเท้าคางมองเขาด้วยรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นสาวน้อยที่นั่งมองเขาฝึกซ้อมเพื่อแข่งว่ายน้ำ

แม้เวลานั้นเธอจะไม่มีชื่อเสียง ไม่มีเงินทองและเกียรติยศเหมือนทุกวันนี้ แต่เธอก็มีความสุข เธอมีอิสระเรื่องความรัก เธอรักเขาอย่างไม่มีข้อแม้ รักเขาอย่างที่ไม่มีใครหรืออะไรมาขวางกั้น มีแต่เพื่อนๆ คอยลุ้นคอยเชียร์อยู่รอบกาย แม้แต่มารดาก็ยังไม่มึนตึงกับเขาเหมือนเดี๋ยวนี้ ถึงตอนนี้ บราลีเริ่มรู้แล้วว่าการที่เธอคล้อยตามแมวมองคนนั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด

จริงอยู่ที่มันเริ่มต้นด้วยความสวยงาม ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ชีวิตบนเส้นทางบันเทิงของเธอโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็รู้สึกว่ายิ่งก้าวเดินและถลำลึกเข้าไปในเส้นทางแห่งดวงดาวเท่าไร เธอก็ยิ่งห่างเหินกับกวินมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งในที่สุดมันก็มาถึงปลายทางแห่งรัก เมื่อเขาโทร. มาบอกเลิกเธอโดยไม่บอกเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น

หลายปีที่เธอเฝ้าค้นหาเหตุผลว่าอะไรทำให้กวินตัดสินใจแบบนั้น ความคิดที่ว่าการเป็นดาราพรากชีวิตส่วนตัวของเธอไปมักจะผุดขึ้นมาทุกครั้ง แต่ทุกคราเธอก็พบว่าไม่มีอะไรยืนยันเรื่องนั้นหากไม่ได้ยินจากปากของอดีตคนรัก เพราะเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอก้าวเข้ามาเดินบนเส้นทางบันเทิงสายนี้ก็ด้วยการสนับสนุนจากเขานั่นเอง

กวินอยู่ด้วยทุกขั้นตอนตั้งแต่แมวมองผู้เปลี่ยนชีวิตเธอมาติดต่อ หลังจากเธอควงแขนเขาออกจากโรงภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์เรื่องหนึ่งซึ่งบังเอิญเขาได้บัตรฟรีมาจากการเล่นเกมในเว็บไซต์ เขากระตือรือร้นที่เธอได้ลองทำอะไรแปลกใหม่ มิหนำซ้ำยังเป็นคนต่อสายให้เธอโทร. หาแมวมองคนนั้นอีกต่างหาก

หลังจากนั้นกวินก็เดินทางไปกับบราลีทุกครั้งที่มีการเทสต์หน้ากล้องหรือออดิชัน เขาให้กำลังใจเมื่อพลาดหวังและยินดีทุกครั้งที่เธอประสบความสำเร็จ จนกระทั่งช่วงที่เธอเริ่มมีงานชุกขึ้น เวลาที่เขาจะตามไปดูแลเธอก็เริ่มลดน้อยถอยลง จนเมื่อเขาได้บรรจุเป็นครูที่จังหวัดชายแดน กวินก็แทบจะหลุดจากวงโคจรของเธอไปโดยปริยาย หลังจากนั้นบราลีก็เริ่มวิ่งงานคนเดียวซึ่งกลายเป็นอุปสรรคไม่น้อย จึงต้องหันหน้าไปพึ่งผู้จัดการดาราและเริ่มทำงานอย่างเป็นระบบมากขึ้น ถึงกระนั้นกวินก็ยังโทร. มาหรือมาหาเธอทุกครั้งที่ว่างเสมอ

ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เขาจะน้อยเนื้อต่ำใจเรื่องความเหลื่อมล้ำด้านอาชีพการงาน

“พี่คนสวยครับ”

เสียงเด็กผู้ชายคนหนึ่งดึงเธอออกจากห้วงความคิดคำนึง บราลีหันไปมองเด็กน้อยที่อายุอานามน่าจะไม่เกินหกขวบ หน้าตามอมแมมก่อนจะยิ้มให้

“ว่าไงจ๊ะหนู”

“เก็บลูกบอลให้หน่อยสิครับ” เด็กน้อยบอกแล้วชี้ต้นไม้ซึ่งมีกิ่งยื่นไปที่สระน้ำใส

บราลีเพ่งมองก็เห็นลูกบอลเป่าลมอยู่บนนั้นจริง และอยู่ในตำแหน่งที่เด็กตัวกระเปี๊ยกเอื้อมไม่ถึงเสียด้วย

“โอเคจ้า” บราลีบอกพร้อมหยิกแก้มเด็กน้อยเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วจูงมือเขาเดินไปที่ริมสระ

อดีตดาราสาวก้าวขึ้นไปบนโขดหินซึ่งช่วยให้เธอสูงพอจะหยิบลูกบอลลงมาได้แม้จะต้องเอื้อมไกลสักหน่อยก็ตาม เธอใช้มือหนึ่งยึดกิ่งไม้ไว้แล้วเอื้อมอีกมือเกือบสุดแขน

ทว่า...เมื่อบราลีเอื้อมเกือบจะถึงลูกบอลอยู่แล้ว เด็กน้อยคนนั้นกลับตะโกนโหวกเหวกขึ้นมา

“พี่คนสวยระวังงู!”

หญิงสาวเบิกตากว้างทันที ขนลุกซู่ไปทั้งตัวเมื่อได้ยินชื่อสัตว์ที่น่ากลัวน่าขยะแขยงที่สุดในความคิดของเธอ ถึงแม้จะไม่เห็นตัวมัน แต่บราลีกกรีดร้องด้วยความขวัญผวาอยู่ดี ความหวาดกลัวทำให้เสียหลักหน้าคะมำตกลงไปในน้ำเสียงดังตูมใหญ่ ยังดีที่สระไม่ลึกเธอจึงตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาได้ แต่เนื้อตัวและเสื้อผ้าเปียกมะล่อกมะแล่กไปเสียแล้ว

“ลี”

เสียงกวินดังมาแต่ไกล วินาทีต่อมาเขาก็ปราดมาถึงตัวเธอด้วยความเป็นห่วง

“เป็นอะไรหรือเปล่าลี”

“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอส่ายหน้าแต่ไม่วายมองรอบๆ ตัวด้วยความหวาดระแวง ทว่าเมื่อเด็กน้อยตะโกนลงมาจากฝั่งอีกครั้งว่า

“งู!”

บราลีก็ถึงกับสะดุ้งโหยง เหลียวมองรอบตัวด้วยความตระหนก จนกระทั่งเหลือบไปเห็นงูเจ้ากรรมตัวนั้นซึ่งคงหล่นลงมาพร้อมกับเธอและลูกบอล จึงกรีดร้องออกมาอีกครั้งก่อนจะโผเข้าสู่อ้อมกอดของกวินด้วยความกลัว 

กวินกอดเธอเอาไว้แน่นอย่างปกป้อง บราลีรู้สึกได้ว่าอ้อมกอดนั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความรู้สึกเก่าๆ กลับมากรุ่นอยู่ในหัวใจจนความกลัวคลายลงไปอย่างเห็นได้ชัด ทว่าวินาทีต่อมาเขากลับหัวเราะออกมาเบาๆ

“ไม่เป็นไรหรอกลี งูปลอมน่ะ” ชายหนุ่มบอกก่อนจะหยิบงูเจ้ากรรมตัวนั้นขึ้นมาจากน้ำ

“โยนมันไปไกลๆ ของปลอมลีก็กลัว” บราลีบอกเสียงสั่น สองมือปิดหน้าซบอกเปล่าเปลือยของเขา อย่าว่าแต่งูปลอมเลย แค่งูที่ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์เธอก็ยังไม่กล้าดู ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอจึงปฏิเสธบทที่ต้องเล่นกับงูเงี้ยวเขี้ยวขอ แม้ว่าจะเป็นเรื่องราวที่มาจากนวนิยายชื่อดังมากแค่ไหนก็ตาม

กวินหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะโยนงูเจ้ากรรมตัวนั้นขึ้นฝั่งแล้วกระซิบข้างหูเธอ

“มันไปแล้ว”

บราลีดึงมือออกจากหน้าของตัวเองแล้วหันไปมองรอบๆ อย่างหวาดกลัว เมื่อแน่ใจแล้วว่างูตัวนั้นไม่ได้อยู่ใกล้ๆ จึงเป่าปากด้วยความโล่งใจ

“ไหนบอกว่าไม่อยากเล่นน้ำ แล้วนี่ลงมาทำอะไรในน้ำ”

“ลีมาเก็บบอลให้เด็กคนนั้นค่ะ” เธอหันไปที่ฝั่ง

“บอลนี่เหรอ” กวินเอื้อมแขนยาวไปคว้าลูกยางกลมๆ มา จากนั้นก็โยนมันกลับขึ้นฝั่ง

“ขอบคุณครับพี่สุดหล่อ” เด็กน้อยตะโกน ก่อนจะวิ่งหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมลูกบอลและงูยางที่คงจะเอาไปหลอกเพื่อนต่อหรืออย่างไรเธอก็สุดรู้

“ไอ้เด็กนี่มันปากหวานแฮะ” เขาหัวเราะ

“ตกใจแทบแย่” บราลีบอกด้วยเสียงที่ยังสั่นอยู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

เมื่อความกลัวหายไปแล้ว บราลีจึงรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดของอดีตคนรัก เนื้อหนังมังสาของเขาที่เธอสัมผัสอยู่นั้นจู่ๆ ก็ร้อนขึ้นมา เธอพยายามผละออกจากวงแขนนั้นแต่เขากลับกอดแน่นไม่ยอมให้กระดิกเลยแม้แต่น้อย

“ปล่อยเถอะค่ะวิน”

“หายกลัวแล้วหรือ” เขาเอ่ยถามเสียงเบาหวิว แววตากรุ้มกริ่มชอบกล

“หายแล้วค่ะ ปล่อยลีเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี”

กวินมองซ้ายมองขวาก่อนจะหันมาหาเธออีกครั้ง “ไม่มีใครแล้ว ป่านนี้คงกลับหรือปีนขึ้นไปเล่นที่น้ำตกชั้นบนๆ กันหมดแล้วมั้ง”

“ถึงจะไม่มีคนเห็น ‘แต่ไม้มีตา ป่ามีผี’ นะคะ”

ชายหนุ่มหัวเราะ “นั่นมันมาจากหนังสือวินนี่นา”

“ค่ะ ตอนพระเอกกอดนางเอกกลางป่า”

“เหมือนเราตอนนี้”

บราลีสะอึกก่อนจะเบือนหน้าหนีแววตาของเขา รู้สึกใบหน้าร้อนวูบวาบหัวใจเต้นระทึกอย่างประหลาด เมื่อนึกถึงฉากเลิฟซีนหลังจากฉากนี้ในหนังสือ กวินบรรยายฉากภายในถ้ำหลังน้ำตกสวยได้อย่างงดงามและวาบหวามมากทีเดียว

“ปล่อยลีเถอะค่ะ” เธอเอ่ยเสียงสั่น ลมหายใจไม่เป็นปรกตินัก

“แต่วินคิดถึงลีนี่”

หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นเพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในจิตใจของเธอเหมือนกัน แต่ด้วยสถานภาพทางสังคมทำให้เธอต้องข่มใจเอาไว้อย่างแน่วแน่

“ปล่อยลีเถอะค่ะ อย่าลืมสิว่าลีแต่งงานแล้ว ไม่ใช่ผู้หญิงโสดเหมือนเมื่อก่อน”

คราวนี้กวินชะงักไปบ้าง ระหว่างที่รอเขาตัดสินใจบราลีกลับรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ท่ามกลางบ่อน้ำพุร้อน ทั้งๆ ที่น้ำรอบกายเย็นเฉียบและมีปลาว่ายอยู่เต็มไปหมด

ในที่สุดเขาก็คลายวงแขนออกช้าๆ บราลีรีบผละออกก่อนจะหันหลังแล้วทำท่าจะเดินลุยน้ำกลับขึ้นฝั่ง ทว่ากวินกลับยื่นมือมารั้งแขนเธอเอาไว้เสียก่อน

“ลีจะไปไหน”

“กลับขึ้นฝั่งสิคะ” เธอเอ่ยโดยไม่กล้าหันไปมองเขา

“โธ่ ไหนๆ ก็เปียกแล้ว มาเล่นน้ำกันเถอะ”

“มะ...ไม่ดีกว่าค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธเสียงสั่น

“ทำไมล่ะ”

“ลีไม่ได้เตรียมชุดมาเปลี่ยน ขอขึ้นไปตากลมก่อนดีกว่าค่ะ พอวินเล่นน้ำเสร็จจะได้ตัวแห้งพอดี”

กวินถอนใจเบาๆ ก่อนจะคลายมือออกจากแขนของเธอ “ตามใจลีก็แล้วกัน”

เมื่อหลุดจากพันธนาการรักบราลีก็รีบเดินลุยน้ำขึ้นฝั่ง เธอเดินกลับไปหยิบผ้าขนหนูของเขามาซับตัวและเสื้อผ้าหน้าผมให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่นานเสื้อผ้าเริ่มหมาด ทว่าสิ่งหนึ่งซึ่งยังคงไม่จางหายไปตามเวลาและสายลมก็คือ...ไออุ่นจากร่างกายเปล่าเปลือยของเขาที่ยังคงอบอวลอยู่รอบตัวเธอ แม้ว่าลมเย็นจะพัดมาต้องร่างแต่เธอกลับไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด

บราลียิ้มเมื่อนึกถึงห้วงเวลาในอ้อมกอดของเขาที่ห่างเหินไปนานหลายปี ก่อนจะยกแขนขึ้นกอดตัวเองด้วยความหวงแหนความสุขที่อบอวลอยู่ทุกอณูผิวกายในขณะนี้

ไม่นานหลังจากนั้นกวินก็ขึ้นมาจากสระ ร่างกายอันอุดมไปด้วยมัดกล้ามของเขาเปียกชื้นดูเซ็กซี่ราวกับนายแบบกางเกงชั้นในทีเดียว บราลีถึงกับต้องกลืนน้ำลาย ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นระหว่างที่เขาหยิบผ้าขนหนูที่เธอเพิ่งใช้ไปเช็ดถูร่างกาย

“ขอตัวเปลี่ยนชุดแป๊บนะ”

บราลีพยักหน้าหงึกๆ โดยไม่หันไปมองเขา เมื่อเขาเดินขึ้นบันไดไม้ไปด้านบนแล้ว เธอก็ยกมือลูบอกแล้วเป่าปากออกมาอย่างโล่งใจ และหวังว่าขากลับเธอจะไม่ตื่นเต้นและว้าวุ่นใจเหมือนที่เป็นอยู่ตลอดครึ่งวันบ่ายอีกแล้ว

* * * * * * * * * *

ระหว่างขับรถกลับรีสอร์ตบราลีนั่งเงียบไปตลอดทาง จนกวินอดนึกไม่ได้ว่าการถึงเนื้อถึงตัวกันในน้ำท่ามกลางหมู่มัจฉานั้นอาจจะทำให้เธอโกรธ

“ลีโกรธวินหรือเปล่า” เขาตัดสินใจถามออกไปหลังจากปล่อยให้ความเงียบครอบงำทั่วทั้งรถจนถึงครึ่งทาง

เธอยิ้มน้อยๆ “ลีจะโกรธวินเรื่องอะไรล่ะคะ”

“เรื่องที่...” กวินทอดเสียงลงอย่างลังเล ก่อนจะตัดสินใจถามออกไปในที่สุด “เรื่องที่วินกอดลี”

เขารู้สึกเหมือนรถผ่อนความเร็วลง แต่เพียงแค่วินาทีเดียวมันก็กลับมาวิ่งด้วยความเร็วเท่าเดิม

“เป็นลีต่างหากที่โผเข้าหาวิน” บราลีหัวเราะแห้งๆ

“นั่นเป็นเพราะลีไม่ได้ตั้งใจและตกใจ แต่ที่วินไม่ยอมปล่อยลี...วินตั้งใจ”

บราลีสะอึก รถสูญเสียความเร็วอีกครั้ง เธอมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองถนนด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ เขาไม่แน่ใจว่าเธอโกรธหรือเขินกันแน่ แต่ที่แน่ๆ มันทำให้แก้มนวลของเธอดูน่าสัมผัสจนเขาแทบจะอดใจไม่ไหว

“อย่าทำแบบนั้นอีกก็แล้วกันค่ะ” เธอเอ่ยเสียงเครียด

“วินจะพยายาม”

“ขอบคุณค่ะ” บราลีกล่าว ก่อนจะเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว

หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าครอบงำอีกครั้ง ตลอดทางกวินแทบไม่อยากคลาดสายตาจากใบหน้านวลแดงเรื่อที่เพียงแค่เอื้อมมือก็สามารถสัมผัสได้ ขณะเดียวกันบราลีเองก็ไม่ยอมคลาดสายตาจากถนนตรงหน้าเช่นกัน นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลยตลอดเส้นทางกลับสู่รีสอร์ต

บราลีขับรถเลยทางขึ้นบ้านของเธอไปส่งเขาที่บ้านพักริมน้ำก่อน เขายังคงนิ่งเฉยเมื่อรถจอดสนิท จนเธอต้องหันไปมองด้วยแววตาแปลกใจ

“พรุ่งนี้วินจะได้ไปเที่ยวไหนกับลีอีกไหม”

“วินไม่ทำงานหรือคะ”

“ยังมีเวลาสำหรับเรื่องงาน แต่วินไม่แน่ใจว่าสำหรับเรื่องของเรายังมีเวลาเหลืออยู่อีกนานแค่ไหน”

เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนจะระบายออกมาช้าๆ

“เรารักษามิตรภาพเอาไว้ได้ค่ะ ตราบใดที่วินไม่ล้ำเส้นความเป็นเพื่อนเข้ามา ตราบนั้นเวลาของเราก็จะยืดยาวไปตลอดชั่วกาลนานค่ะ”

คำพูดของเธอเสมือนมีดแหลมปักกลางใจของเขา กวินกัดฟันแน่นก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง

“ถ้าตอนวินจีบลีแล้วได้ยินแบบนี้ วินคงอกหักจนไม่สามารถดามได้”

“ตอนนี้เราไม่ใช่เด็กๆ แล้วนี่คะ วินคงมีภูมิคุ้มกันบ้างแล้วมั้ง”

“เอาจริงๆ วินยังไม่เคยมีใครเลยนะ หลังจากเลิกกับลี” เขาแย้ง

บราลีหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

“ลีคิดว่าคนที่บอกเลิกคนอื่นได้ จิตใจคงจะแกร่งพอที่จะฟังอะไรเบาๆ เหมือนที่ลีพูดไปเมื่อครู่ได้มั้งคะ”

เป็นอีกครั้งที่บราลีเอามีดปลายแหลมทิ่มแทงใจเขา มันเป็นคำพูดที่ทำให้เขารู้สึกว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ไม่มีทางไถ่โทษเรื่องที่บอกเลิกเธอได้แน่ๆ นอกเสียจากว่าเขาจะบอกความจริงทุกอย่างกับเธอ ว่าแม่ของเธออยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

“ลีต้องกลับแล้วค่ะ เดี๋ยวคุณแม่จะเป็นห่วง”

“พรุ่งนี้...เอ่อ...ทานข้าวด้วยกันสักมื้อได้ไหม”

หญิงสาวนิ่งเงียบ ก่อนจะตอบออกมาเสียงเบาหวิว “ลีขอดูก่อนก็แล้วกันค่ะว่าว่างไหม”

กวินยิ้มอย่างมีความหวัง อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ตัดรอนเขาเสียทีเดียว แต่ถ้าจะทำให้เธอสบายใจ เขาคงต้องขอยืมชื่อเพื่อนที่โผล่มาอย่างไม่ได้นัดหมายสักหน่อย

“คือพรุ่งนี้เย็น วินกับเพื่อนจะจัดปาร์ตี้บาร์บิคิวกัน วินอยากให้ลีมานะ”

“เพื่อนหรือคะ” เธอหันมามองเขาด้วยแววตาประหลาดใจ

ชายหนุ่มยักไหล่ “เพื่อนนักเขียนน่ะ นามปากกาตาเบบูญ่า”

“ผู้หญิงหรือคะ” บราลีเอ่ยถาม ดวงตาของเธอมีประกายประหลาดจนเขาแอบกลัวนิดๆ

“ผู้ชายครับ” กวินยิ้มเจื่อน “ชื่อฟ้าคราม เขียนนิยายคอเมดีน่ะ แต่ใช้นามปากกาว่าตาเบบูญ่า”

“มาเมื่อไหร่คะ เมื่อเช้าไม่เห็นนี่”

เขาหัวเราะเบาๆ

“หมอนี่เอาแน่อะไรไม่ได้หรอก เมื่อเช้าหลังจากลีไปทำงานมันก็โผล่มาซะงั้น วินก็ยังงงๆ อยู่ว่ามันโผล่มาได้ยังไง พอถามมันก็บอกว่ามาหาคนดื่มเหล้าด้วย เลยว่าจะจัดปาร์ตี้เล็กๆ”

บราลีพยักหน้า “ค่ะ ถ้าลีเคลียร์งานเสร็จ จะมาร่วมวงด้วยก็แล้วกันนะคะ”

“ดีเลย” กวินเอ่ยด้วยความดีใจก่อนจะถอดเข็มขัดนิรภัย จากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถ เขาโบกมือให้เธอจนกระทั่งเธอขับรถลับสายตาไปในเวลาอันรวดเร็ว

ชายหนุ่มยิ้ม ก่อนจะย่อตัวกำหมัดแล้วชกอากาศด้วยความร่าเริง จากนั้นก็เดินผิวปากเข้าไปในบ้านพักริมน้ำอย่างอารมณ์ดี

“อ้าวเฮ้ย อารมณ์ดีเชียวนะ” ฟ้าครามร้องทัก

“นิดหน่อย” เขาไหวไหล่ “แล้วนี่ทำอะไรอยู่เหรอ”

“ไปกินข้าวที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว เพิ่งกลับเข้ามาเนี่ย แล้วนายล่ะกินอะไรมาหรือยัง”

“ยัง” กวินส่ายหน้า

“หิวไหม”

“ยังไม่หิวเท่าไหร่”

“แหม” ฟ้าครามยิ้มกรุ้มกริ่ม “อิ่มอกอิ่มใจมาแล้วละสิท่า”

“เฮ้ย! พูดอะไรอย่างนั้นวะ ฉันไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยวสักหน่อย”

“ทำงานอะไรวะ หน้าบานเป็นจานดาวเทียมกลับมาแบบนี้”

กวินส่ายหน้าแล้วหัวเราะกลบเกลื่อน “นายก็รู้ การได้เขียนหนังสือได้ทำอะไรเกี่ยวกับนิยายมันเป็นความสุขของฉัน มันก็เลยทำให้ฉันมีความสุขยังไงล่ะ”

“โดยเฉพาะได้ทำงานกับสาวสวยใช่ไหม” ฟ้าครามยักคิ้วอย่างรู้ทัน

“ไอ้บ้า...เขามีสามีแล้วนะโว้ย”

“คนแก่หรือจะสู้หนุ่มเนื้อแน่นแบบนี้” ไม่พูดเปล่า นักเขียนหนุ่มอารมณ์ดียังตรงเข้ามาบีบต้นแขนของเขาอีกต่างหาก

“ไม่มีอะไรอย่างนั้นหรอก” เขาโบกมือ ก่อนจะเอ่ยออกไปเสียงเบาหวิว “คุณบราลีเธอดูรักคุณอมรจะตาย”

“เออๆ ไม่มีอะไรก็ไม่มี” ฟ้าครามยักไหล่ “ถ้ายังไม่หิว ไปหาเบียร์กระแทกปากก่อนดีไหม”

“ดื่มทุกวันแบบนี้งานจะเสร็จไหมเนี่ย”

“อย่าบ่นน่า เดี๋ยวเลี้ยงเอง”

กวินทำปากเบ้เหมือนครุ่นคิด ก่อนจะทำหน้าอย่างเสียมิได้

“ก็ได้ นานๆ ตาเบบูญ่าจะเลี้ยงซักทีถือเป็นลาภปาก จะได้ไปหาซื้อของมาทำบาร์บิคิวด้วย”

“อะไร จะทำบาร์บิคิวกินเหรอ เมื่อไหร่วะ”

“พรุ่งนี้เย็น” กวินตอบ “ฉันชวนคุณบราลีมาด้วย สนใจไหมล่ะ”

“อ้าว ว่าจะกลับพรุ่งนี้บ่ายๆ เสียหน่อย ได้กินข้าวกับคุณบราลีแบบนี้เห็นทีจะต้องอยู่ต่อเสียแล้ว” พูดจบฟ้าครามก็ทำท่าลูบปากจนน่าหมั่นไส้

“ไอ้ท่าทางแบบนี้เนี่ย อยากกินบาร์บิคิวหรืออยากเจอคุณบราลีกันแน่วะ”

“ได้กินบาร์บิคิวรสมือนายถือว่าสุดยอด” ฟ้าครามยักคิ้วอีกครั้ง ดวงตามีประกายเจ้าเล่ห์ตามประสาหนุ่มเจ้าสำราญ “แต่ถ้าได้กินบาร์บิคิวรสมือนายและร่วมโต๊ะกับคุณบราลี ถือว่าสุดยอดของพี่แจ้ว่ะ”

“โห...สุดยอดของพี่แจ้ โคตรเชยเลยว่ะ” กวินส่ายหน้า “อย่าเอาไปเขียนในนิยายเด็ดขาดนะโว้ย ไม่งั้นขายไม่ออกไม่รู้ด้วย”

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น