4

คงเปลี่ยนไปแล้ว

4

คงเปลี่ยนไปแล้ว

 

วันอังคารที่นัดกับเพื่อนไว้...ยังมาไม่ถึงหรอก

แต่ที่ตอนนี้กวินวัฒน์มาจอดรถอยู่ในลานจอดรถของตึก J.W. Tower ก็เพราะจู่ๆ วันนี้ร้านอาหารที่เขาสั่งสปาเกตตีทุกวันก็ลบเมนูพาสตาทุกอย่างออกจากหน้ารายการอาหารไปเสียอย่างนั้น และนั่นยิ่งทวีคูณความสงสัยให้เขา คิดอยู่ทั้งวันว่าอย่างไรวันนี้ ต้องมาที่ร้านให้ได้

ร้าน Organic Kitchen อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเท่าไร ทว่าแถวนี้เป็นย่านธุรกิจที่พอถึงเวลาเลิกงาน รถก็ติดแน่นไปทั้งสาย ไม่รู้เพราะความใจร้อนอยากคลายความสงสัยของตัวเองหรืออย่างไร กวินวัฒน์ถึงรู้สึกว่าการเดินทางช่างนานหลายชั่วโมงทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มผลักประตูกระจกเข้าไปในร้านซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น G ภายในร้านแบ่งออกเป็นสามโซน คือโซฟาฝั่งที่ชิดผนังด้านซ้าย ด้านขวา และโซนโซฟาโค้งทรงครึ่งวงกลมสามโต๊ะตรงกลาง หลังจากบอกจำนวนคนกับพนักงานต้อนรับแล้วเขาก็ถูกพาไปนั่งที่โต๊ะตัวที่สองนับจากด้านในของร้านตรงฝั่งโซฟาด้านซ้าย 

กวินวัฒน์กวาดตาสำรวจไปรอบๆ ที่นี่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวเสียเป็นส่วนใหญ่ สุดโซนโซฟาด้านขวาเป็นเคาน์เตอร์แคชเชียร์เล็กๆ ถัดมามีทางเดินซึ่งตรงไปหลังร้าน น่าจะเป็นทางไปห้องน้ำของร้านเหมือนกัน ส่วนห้องที่ยาวขนาบข้างไปกับทางเดินคือโซนห้องครัว ที่เขาสามารถมองเห็นได้จากตรงนี้ เพราะด้านหน้าสุดของโซนครัวที่หันออกสู่บริเวณโต๊ะลูกค้าเป็นเคาน์เตอร์ไม้ยกสูง ประดับด้วยไม้เลื้อยสีเขียวตัดกับแผ่นไม้สีน้ำตาลอ่อน มีอุปกรณ์เครื่องปั่นน้ำผลไม้ต่างๆ ตั้งเรียงกันอยู่ มีพนักงานครัวสองคนยืนทำหน้าที่อยู่ตรงนั้น 

ด้านหลังพนักงานมีตู้แช่ตั้งเป็นแนวยาวเกินครึ่งหนึ่งของโถง เพื่อบังพื้นที่ส่วนครัวด้านในให้พ้นสายตาของคนภายนอก เหลือเพียงช่องว่างประมาณเมตรกว่าๆ ให้ครัวสองฝั่งทะลุถึงกันได้ จึงพอมองเห็นว่ามีเห็นพนักงานครัวอีกชุดกำลังประกอบอาหารอยู่ข้างใน ไฟในร้านก็เปิดสว่างไสวทั่วทั้งร้าน ให้ความรู้สึกสะอาดสะอ้าน กลมกลืนกับความเป็นธรรมชาติได้ดี

สมแล้วที่เป็นร้านขายอาหารสุขภาพ

“สวัสดีค่ะ อันนี้เมนูนะคะ” กวินวัฒน์หลุดจากความคิดแล้วหันมองตามเสียง ก่อนจะพบว่าคนที่วางรายการอาหารให้เขาไม่ใช่พนักงานเสิร์ฟคนเมื่อครู่ “เชฟแก้วนะคะ เป็นเชฟประจำของที่ร้าน ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าชอบทานอาหารประเภทไหนเป็นพิเศษ อยากให้เชฟลองแนะนำไหมคะ”

รอยยิ้มแสนหวานถูกส่งให้คุณลูกค้าหลังจากเอ่ยจบ เป็นปกติอยู่แล้วที่หากร้านไม่ยุ่งมาก แก้วเจ้าจอมจะออกมาช่วยรับลูกค้าหน้าร้าน เพราะการแนะนำอาหารโดยเชฟย่อมน่าเชื่อถือว่าพนักงานเสิร์ฟอยู่แล้ว น้อยครั้งที่เพียงฟ้าจะได้ทำหน้าที่นี้ เพราะชอบหัวหมุนอยู่ในครัวมากกว่า

ลูกค้าของร้านถึงกับนิ่งไปขณะหนึ่ง ไม่ใช่เพราะความสวยของเชฟสาว แต่เป็นเพราะคำว่า ‘เชฟประจำร้าน’ ที่เพิ่งเข้าหูเขาต่างหาก

กวินวัฒน์นั่งคิดทบทวนมาตลอดทางที่ขับรถมาที่นี่ ว่าทำไมเขาถึงติดใจสงสัยและอยากรู้ว่าใครเป็นคนทำสปาเกตตีเมนูนั้นขนาดนี้ เหตุผลเพียงเพราะรสชาติเหมือนสปาเกตตีสูตรของแม่เขาอย่างนั้นเหรอ ไม่หรอก ใครจะทำเหมือนทำคล้ายอย่างไรเขาก็คงไม่ใส่ใจ เพราะอย่างไรเสีย แม่ของเขาก็ไม่ลุกขึ้นมาเปิดร้านขายเองอยู่แล้ว

แต่เหตุผลที่ชายหนุ่มติดใจไม่หายน่าจะเป็นเพราะว่า... เท่าที่เขารู้มา นอกจากแม่บ้านที่บ้านเขาแล้ว ก็มีเพียงสามคนเท่านั้นที่แม่เคยสอนสปาเกตตีสูตรนี้ให้ หนึ่งคือตัวเขาเอง สองคือพี่สาวแท้ๆ และสาม...อดีตแฟนสาวของเขา เพียงฟ้าเท่านั้น

ตอนที่เริ่มคบกันได้ระยะหนึ่ง กวินวัฒน์ก็ชวนเพียงฟ้าไปที่บ้านของเขาเพราะทนความเซ้าซี้ของแม่ไม่ไหว และเป็นตอนนั้นเองที่เพียงฟ้าได้ลองทำอาหารด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก และครั้งต่อๆ มาอีกหลายครั้ง แล้วก็ไม่รู้ว่าทำครัวกันสนุกสนานถึงขั้นไหน วันหนึ่ง...เพียงฟ้าถึงได้เดินมาบอกเขาว่า

‘กาย ฉันรู้แล้วว่าฉันอยากเป็นเชฟ’

‘หา? ยังไงนะ’

‘อืม ไม่รู้สิ ฉันแค่รู้สึกว่าตอนที่ได้ทำอาหารฉันมีความสนุกมากกก อยากลองจับนั่นจับนี่มาใส่รวมกัน อยากรู้ว่าทำแบบนั้นแบบนี้แล้วมันจะออกมาเป็นแบบไหน’

คนฟังมองประกายแวววาวในดวงตาของคนพูดแล้วเผลอยิ้มตามอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะยื่นมือข้างหนึ่งไปบีบแก้มกลมๆ ‘แน่ใจนะว่าไม่ได้อยากเป็นเชฟเพราะชอบกินน่ะ’

คนตัวเล็กกว่าเขย่งสุดปลายเท้า จนใบหน้าเข้าใกล้เขา แล้วเอ่ยด้วยท่าทางของยายตัวแสบที่แสนยียวน ‘ฉันชอบให้นายกิน เอ๊ย! ทำให้นายกินมากกว่า’

กวินวัฒน์ตวัดแขนรัดคนตัวเล็กเอาไว้ในทันที ‘ยั่วแบบนี้เดี๋ยวก็ได้โดนกินแต่หัววันหรอก’

คนแกล้งยั่วหัวเราะคิกคัก ‘นี่ฉันพูดจริงๆ นะ’

‘เรื่องจะให้ฉันกินน่ะเหรอ’

‘เรื่องที่อยากเป็นเชฟสิ เดี๋ยวโดนเลย’ ไม่พูดเปล่า เธอยื่นหน้าเข้าไปทำท่าจะกัดปลายจมูกเขาด้วย

กวินวัฒน์หัวเราะชอบใจ ‘แต่นี่เธอกำลังจะจบปีสี่แล้วนะ รับปากพ่อไว้แล้วนี่ว่าจะเข้าไปทำงานที่บริษัทของพ่อเธอด้วย ได้คิดไว้หรือเปล่าว่าจะทำยังไงต่อ’

คำถามนี้ทำเอาเพียงฟ้าถอนหายใจ ก่อนจะดันอกเขาเบาๆ ให้ปล่อย ‘ยังไม่แน่ใจเลย ที่คิดเอาไว้ก็คงต้องทำงานกับพ่อไปก่อน แล้วค่อยหาเวลาไปเรียนทำอาหารเอา อะไรประมาณนี้’ พูดไม่เต็มเสียงเท่าไร ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคนสูงกว่าเพื่อขอความมั่นใจ ‘นายคิดว่าไง มันฟังดูพอเป็นไปได้บ้างรึเปล่า’

คิ้วเข้มของคนถูกถามย่นเข้าหากันเล็กน้อย เพียงฟ้าเป็นคนที่มีความมั่นใจเสมอ เว้นแต่ว่าเรื่องไหนที่ต้องมีครอบครัวของเธอมาเกี่ยวข้อง แฟนสาวของเขาจะตัวหดเหลือเล็กนิดเดียวไปทันที

ชายหนุ่มเพียงยิ้ม แล้วยื่นมือไปตรงหน้า

‘อะไร’ เพียงฟ้าถาม

‘ขอมือหน่อย’

แม้จะดูงงๆ เล็กน้อย แต่เธอก็ยอมยื่นมือไปวางบนมือของเขา แล้วก็โดนเจ้าของมือใหญ่กว่าจูงไปทางประตูทันที ‘เดี๋ยวกาย เราจะไปไหน’

เขาชะงักแล้วหันมายักคิ้วข้างหนึ่งให้ ‘ไปซื้อหนังสือทำอาหารไง ตอนนี้ยังสมัครเรียนไม่ได้ก็ทำตามหนังสือไปก่อนละกัน ดีใจจังที่อย่างน้อยก็มีผู้ชายคนนี้คนนึงละที่เชื่อมั่นตัวฉัน’ เพียงฟ้ายิ้มกว้างจนเต็มแก้ม ‘ถ้าฉันต้องรออีกสิบปี กว่าจะได้เป็นเชฟ นายจะรอชิมอาหารของฉันอยู่ไหม’

‘รอดิ ไม่รอแล้วจะให้ไปไหน’

‘แน่ใจน้าว่ารอไหว’

‘ชัวร์ เพราะยังไงฉันก็กินว่าที่เชฟรองท้องรอไปพลางๆ ก่อนได้อยู่แล้ว’

‘ไอ้บ้า!’...

“คุณลูกค้าคะ”

เสียงเรียกของเชฟสาวดึงให้กวินวัฒน์กลับสู่สถานการณ์ตรงหน้า เรียบเรียงสติได้ว่าหญิงสาวคนนี้คือเชฟแก้ว เป็นเชฟประจำของร้าน ซึ่งดูแล้ว... ก็ไม่น่าจะรู้จักกับแม่ของเขาได้

“เอ่อ...คือ ผมขอถามนิดนึงได้ไหมครับ ไม่ทราบว่าทำไมถึงไม่มีเมนูพาสตาให้กดสั่งเดลิเวอรีแล้วล่ะครับ”

“อ๋อ คือว่าอย่างนี้ค่ะคุณลูกค้า พอดีว่า...”

“เชฟเฟย์! เชฟเฟย์อยู่ไหน! พี่ต้องการเชฟเฟย์เดี๋ยวนี้” กวินวัฒน์ยังไม่ทันได้คำตอบ หญิงสาวคนหนึ่งก็พรวดพราดเข้ามาในร้าน ท่าทางเหมือนมีเรื่องด่วน เพราะไม่ทันสังเกตว่ามีลูกค้าอีกโต๊ะนั่งอยู่ ผู้มาใหม่เลยส่งเสียงดังไปเกือบทั้งร้าน 

สองคนที่คุยกันอยู่หันไปมองคนมาใหม่ แก้วเจ้าจอมกำลังละล้าละลังว่าควรจะรับลูกค้าคนไหนก่อน เชฟสาวเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกก็ก้าวฉับๆ ออกมาจากช่องทางเดินตรงข้างเคาน์เตอร์แคชเชียร์พอดี

“แก้ว ฝากในครัวที” เพียงฟ้าส่งเสียงมาโดยไม่ได้ตั้งใจมองมาทางนี้ จึงไม่ทันเห็นว่าอีกฝ่ายคุยกับลูกค้าอีกคนอยู่เหมือนกัน

แก้วเจ้าจอมกำลังจะเอ่ยปากขอโทษลูกค้าของเธอ ทว่ากวินวัฒน์ก็ว่าขึ้นก่อน 

“เชิญเชฟเถอะครับ เดี๋ยวผมสั่งกับน้องเขาได้” ชายหนุ่มชี้ที่พนักงานเสิร์ฟซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล

“ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ แต่เดี๋ยวแก้วกลับมาคุยเรื่องที่ค้างไว้ รอแป๊บเดียวนะคะ”

ลูกค้าหนุ่มยิ้มรับ “เชิญครับ”

เมื่อแก้วเจ้าจอมเดินพ้นโต๊ะเขาไปแล้ว สายตาของกวินวัฒน์ก็ย้ายไปมองทางโต๊ะโซฟาโค้งรูปครึ่งวงกลมที่อยู่ตรงกลางร้าน อันที่จริงจากโต๊ะเขากับตรงนั้นไม่ได้ไกลกันมาก ทว่าด้วยรูปทรงและการจัดวางตำแหน่งของโซฟา ทำให้เขามองเห็นคนที่นั่งโต๊ะนั้นได้ไม่เต็มที่ จากตรงนี้เขามองเห็นเพียงข้างหลังกับเสี้ยวหน้าด้านหนึ่งของเธอเท่านั้น

ทว่าเพียงเท่านี้ก็ดีเกินกว่าที่คาดหวังไว้แล้ว 

หัวใจของกวินวัฒน์เต้นแรงขึ้นตั้งแต่ตอนได้ยินคนเรียกชื่อของเธอ และเต้นแรงขึ้นอีกเมื่อเห็นเธอโผล่ออกมาจากหลังร้าน และเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอกตอนได้เห็นกับตาว่า...เพียงฟ้าสวมชุดเชฟ

ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

‘ความฝันเป็นจริงแล้วนะ’

คำพูดที่อยากจะเอ่ยต่อหน้า แต่ก็ทำได้แค่เอ่ยกับเธออยู่ในใจ ได้มาเห็นภาพนี้ด้วยตาตัวเอง เขาก็ดีใจมากแล้ว...ชุดนี้เข้ากับเธอมาก

กวินวัฒน์ไล่สายตามองเสี้ยวหน้าของเชฟสาว นึกอยู่ในใจว่าคงเพราะเธอยังไม่เห็นเขาถึงได้ยิ้มแย้ม ไม่ได้หน้าบึ้งตึงอย่างคราวก่อนที่พบกัน ผมยาวของเธอที่ปกติจะปล่อยสยายถูกรวบเก็บไว้ใต้หมวกทั้งหมด ใจอยากเดินเข้าไปมองใกล้ๆ ให้เห็นชัดเต็มสองตา แต่ก็ทำได้แค่มองจากตรงนี้ ฟังเสียงการสนทนาที่ดังมาให้ได้ยิน 

เสียงของเพียงฟ้ายังคุ้นหูเขาเสมอ...แม้จะไม่ได้ยินมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม

“คุณแวนนี่ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ เฟย์จับเรื่องไม่ค่อยถูก ลองอธิบายใหม่อีกครั้งได้ไหมคะ”

แวนนี่ คือเซเลบริตีสาวผู้เป็นหนึ่งในลูกค้าประจำของร้าน หญิงสาวผู้รักสวยรักงามและจริงจังที่สุดกับการคุมแคลอรีในแต่ละวัน

“คืออย่างนี้เชฟ เมื่อตอนมื้อเที่ยงพี่ไปทานข้าวกับลูกค้ามา พยายามยามทานน้อยที่สุดแล้วนะ แต่แคลมันก็ยังโดดอยู่ แล้วตอนนี้พี่ก็หิวมาก แต่ว่า...มื้อเย็นนี้พี่ทานได้อีกแค่ไม่เกินสามร้อยแคลแค่นั้น แต่พี่ไม่อยากทานแค่สลัดเพราะมันจะไม่อยู่ท้อง เชฟเฟย์ต้องช่วยพี่นะ”

“สามร้อยแคลเหรอคะ” เพียงฟ้าทวนซ้ำอีกครั้ง แอบคิดในใจว่ามันก็ไม่ง่ายเท่าไรนัก เรื่องอาหารที่มีแคลอรีไม่เกินสามร้อยเธอทำให้ได้ แต่ความยากคือลูกค้าต้องการให้อยู่ท้องด้วยนี่สิ

“คืนนี้พี่ต้องทำงานต่อด้วย ไม่อยากหิวตอนกลางคืน”

“งั้นคุณแวนนี่ดูเมนูไปก่อนนะคะว่าอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวเฟย์ขอไปหยิบมือถือแป๊บนึง”

แวนนี่ได้ยินแล้วยิ้มกว้าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอฝากการคุมอาหารของตัวเองไว้ในมือเชฟเฟย์ ตั้งแต่เริ่มรู้จักร้าน Organic Kitchen ร้านนี้ก็กลายเป็นครัวประจำบ้านของหญิงสาว เพราะนอกจากจะได้กินอาหารสุขภาพที่ง่ายต่อการคุมแคลอรีของเธอแล้ว ยังมั่นใจได้ว่าเชฟของร้านพิถีพิถันเลือกวัตถุดิบทุกอย่างมาให้ 

พลันนึกถึงครั้งแรกที่เธอเข้ามากินอาหารที่ร้านนี้ขึ้นมา ตอนนั้นเชฟเฟย์นี่ละที่ออกมาแนะนำอาหารให้

‘ถ้าเอาแบบทานเป็นมื้อเที่ยงง่ายๆ คุณลูกค้าลองเป็นเมนูนี้ไหมคะ’ เพียงฟ้าผายมือไปที่ภาพถ่ายของอาหารจานหนึ่งบนหน้าเมนู ‘ข้าวไรซ์เบอร์รีอินทรีย์ ผัดกะเพราไก่อารมณ์ดี ท็อปด้วยไข่ดาวออร์แกนิกค่ะ’

แวนนี่ขมวดคิ้วน้อยๆ เธอชอบกลิ่นหอมของใบกะเพรานะ แต่เลิกกินผัดกะเพราไปนานแล้วเพราะข้าวกะเพราไก่จานหนึ่งมี 554 แคลอรี ยิ่งถ้าเพิ่มไข่ดาวแบบนี้ ทะลุ 630 แคลอรีไปเลย 

ใครจะบ้ากิน!

แล้วก็เหมือนว่าเพียงฟ้าจะอ่านสีหน้าของลูกค้าออก เชฟสาวจึงแนะนำว่า ‘ตรงนี้ค่ะ’ เธอชี้ชวนให้แวนนี่เลื่อนสายตาจากภาพถ่ายของอาหารมาที่ชื่อเมนูซึ่งอยู่อีกหน้าหนึ่ง และที่ใต้เมนูนั้นมีตัวหนังสือเล็กๆ เขียนบอกปริมาณสารอาหารที่จะได้รับในจานนั้นๆ เอาไว้ด้วย 

‘เมนูนี้มี 398 แคลอรีค่ะ คร่าวๆ ก็จะมีคาร์ปอยู่ 27.6 กรัม โปรตีน 29.5 กรัม ไขมันและไฟเบอร์ คุณลูกค้าลองดูรายละเอียดตรงนี้ได้เลยนะคะ’

แวนนี่ยิ้มกว้างขึ้นมาหน่อย เพิ่งสังเกตว่าทุกรายการอาหารของร้านจะเขียนปริมาณแคลอรีและสารอาหารหลักๆ ที่คนควบคุมอาหารส่วนใหญ่อยากทราบเอาไว้หมด ช่างรู้ใจสายรักสุขภาพและรูปร่างอย่างเธอจริงๆ

‘แล้วไก่อารมณ์ดีคืออะไร’

เชฟสาวยิ้มจนตาหยี ก่อนจะอธิบาย ‘ที่ตั้งชื่อว่าไก่อารมณ์ดี เพราะเนื้อไก่ของเราเป็นไก่ที่มีความสุข ถูกเลี้ยงแบบระบบปล่อยในทุ่งหญ้าปลอดสารเคมี เติบโตตามธรรมชาติ รับรองว่าไม่ผ่านการฉีดสารเร่งเนื้อใดแน่นอนค่ะ ส่วนใบกะเพราของที่ร้านจะใช้กะเพราป่าใบแดงออร์แกนิก ซึ่งจะหอมกว่ากะเพราทั่วไป เพิ่มความอร่อยด้วยไข่ดาวที่ไข่ก็มาจากแม่ไก่อารมณ์ดีเหมือนกัน’

คนฟังถึงกับยิ้มระคนขำ เล่าเสียจนเธอเห็นภาพไก่วิ่งเล่นในทุ่งหญ้าจนกลายมาเป็นผัดกะเพราจานอร่อยของที่ร้านเลย

‘โอเคค่ะ ถ้าแม่ไก่อารมณ์ดี พี่ก็อารมณ์ดี เอาเป็นจานนี้เลยละกัน เชฟเล่นพูดจนพี่ได้กลิ่นผัดกะเพราแล้วเนี่ย’

‘รับรองว่าไม่ผิดหวังค่ะ’

แวนนี่เงยหน้าขึ้นมาจากเมนูอีกครั้ง ก็ตอนที่เพียงฟ้าเดินกลับมานั่งข้างๆ เธอ

“พี่อยากทานเป็นข้าวอะเชฟ เชฟช่วยเลือกให้หน่อยสิ อะไรก็ได้ แต่ขอให้เป็นข้าว”

“อืม...” เชฟสาวเปิดเมนูไปหน้าที่เป็นเมนูข้าว “ถ้าอยากได้เป็นข้าว เฟย์ว่ามันอาจจะยากนิดนึงนะคะ เอาเป็นแบบนี้ไหมคะ” ปลายนิ้วเรียวหยุดลงที่ชื่อเมนูหนึ่ง

“ข้าวไรซ์เบอร์รียำสมุนไพร ปลาแซมอนย่าง” ลูกค้าอ่านชื่อเมนู ก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปที่จำนวนแคลอรีข้างล่าง “แต่มันแคลเกินนะเชฟ”

“ค่ะ แต่เดี๋ยวเฟย์จะเปลี่ยนจากข้าวไรซ์เบอร์รีเป็นควินัว[1] คุณแวนนี่พอไหวไหมคะ อยู่ท้องเหมือนกัน”

“ได้ ควินัวพี่ก็ชอบ”

พอลูกค้าตกลง เพียงฟ้าก็หยิบยกโทรศัพท์ขึ้นมากดคำนวณแคลอรีที่จะได้จากอาหารมื้อนี้ให้ ก่อนจะยื่นให้คนข้างๆ ดู “แคลเท่านี้ คุณแวนนี่โอเคนะคะ”

“โอเคมากเลยเชฟ” แวนนี่ประสานสองมือไว้กลางอก สีหน้าบอกความประทับใจในตัวเชฟคู่กายของเธอที่สุด

เชฟสาวเลยเสริมไปอีกว่า “เมนูนี้มีผักสดเยอะด้วย รับรองว่าไม่อ้วนค่ะ”

“พี่รักเชฟเฟย์ที่สุด ขอกลับบ้านเหมือนเดิมนะ มีงานต้องไปทำต่อ”

“ได้เลยค่ะ คุณแวนนี่นั่งรอสักครู่นะคะ” 

กวินวัฒน์มองตามหลังเพียงฟ้าที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปตรงช่องทางเดิน เธอเปลี่ยนไปมาก ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ไม่ใช่สาวแสนซนตัวแสบเหมือนแต่ก่อน เพียงฟ้าในวันนี้เป็นถึงเชฟฝีมือดีประจำร้านอาหารที่ลูกค้าคอยเรียกหา ขนาดว่ายังไม่ได้กินอาหารจานที่ว่า เธอยังสร้างรอยยิ้มให้ลูกค้าของเธอได้แล้ว เธอเปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือภาพเดิมเลย 

อันที่จริงก็ไม่แปลกที่เป็นอย่างนั้น เพราะนี่มันก็ผ่านมาห้าปีได้แล้ว ประสบการณ์ชีวิตล้วนทำให้ทุกคนโตขึ้นทั้งนั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกัน...ทว่าถึงอย่างนั้น ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ 

หัวใจของเขา

หัวใจที่ยังคงอยู่กับเธอเสมอ... เขาพยายามแล้ว พยายามตัดใจจากเธอคนนี้แล้ว ปิดหูปิดตาไม่รับรู้เรื่องราวของเธอแล้ว แต่รู้อะไรไหม ต่อให้ไม่เห็นหน้าเธอมานานแค่ไหน แค่หลับตา...ภาพเธอที่ยิ้มให้เขาก็ยังชัดเจนในทุกลมหายใจอยู่ดี

ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจเลยจริงๆ

แต่ต่อให้หัวใจเขาไม่เปลี่ยน...มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร ก็ในเมื่อเธอแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นได้

หัวใจของเธอก็คงเปลี่ยนไปแล้ว

กวินวัฒน์ไม่เคยโกรธ เพราะมันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอเลยสักนิด เป็นเขาเอง...ที่ตัดสินใจปล่อยมือเธอในวันนั้น หากวันนี้จะมีผู้ชายคนอื่นมากุมมือเธอแทนเขา มันก็เป็นเรื่องที่เขาต้องยิ้มรับมันให้ได้

ต้องยิ้มรับมันให้ได้...ในสักวัน

ตั้งแต่รู้ตัวว่าเขาหมดเวลาหนีความจริงและต้องกลับเมืองไทยแล้ว กวินวัฒน์ก็ตั้งมั่นไว้ว่าเขาจะต้องมาเห็นชีวิตของเพียงฟ้าด้วยตาตัวเองสักครั้งให้ได้

เพราะต่อให้วันนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างที่เคยฝัน อย่างน้อยเขาก็อยากมั่นใจ...ว่าเธอมีความสุขดี 

“คุณลูกค้ายังไม่ได้สั่งอาหารใช่ไหมคะ” 

กวินวัฒน์ถอนสายตาที่มองเหม่อไปทางช่องทางเดินมาที่เชฟสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ “อ้อ ครับ พอดีผมคิดว่าอยากจะถามเรื่องเมื่อกี้ให้แน่ใจก่อน”

“อ๋อค่ะ เรื่องพาสตาใช่ไหมคะ คือทางร้านต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ พอดีเราเห็นว่าการเดลิเวอรีเมนูพาสตา จะทำให้อาหารเสียรสชาติไป เลยตัดเมนูกลุ่มนี้ออกจากเดลิเวอรี แต่ยังสามารถสั่งทานที่ร้านได้เหมือนเดิมค่ะ”

คนฟังพยักหน้าคล้ายว่าเข้าใจ แต่ก็ยังสงสัยอยู่ลึกๆ ว่าเพียงฟ้ารู้หรือเปล่าว่าคนที่สั่งเมนูนั้นไปส่งที่โรงพยาบาลคือเขา เลยเลือกปิดช่องทางการสั่งเสีย แต่ถ้าเธอตั้งใจจะทำแบบนั้น ก็น่าจะตัดแค่ Mommy Secret’s Spaghetti ก็พอ ไม่น่าตัดหมวดพาสตาออกไปทั้งหมด

แต่ก็ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเหตุผลไหน ตอนนี้เขาก็ได้คำตอบแล้วว่าทำไมเมนูนั้นถึงได้รสชาติเหมือนสูตรของแม่เขาขนาดนี้

กวินวัฒน์เลือกสั่งเมนูหนึ่งในหมวดพาสตา เพราะเขาอยากลองชิมอย่างอื่นดูบ้าง วันนี้ไม่จำเป็นต้องกินเมนูเดิมเพื่อพิสูจน์ความสงสัยอีกแล้ว

แก้วเจ้าจอมกดแท็บเล็ตสั่งอาหารเข้าไปในครัว ก่อนจะเอ่ยกับลูกค้า “พาสตารอประมาณสิบห้านาทีนะคะ เป็นเส้นทำสดต้องใช้เวลานิดนึง ส่วนเครื่องดื่มเดี๋ยวมาค่ะ”

“ขอบคุณครับ”

แก้วเจ้าจอมยิ้มทิ้งท้าย ก่อนจะเดินจากโต๊ะของกวินวัฒน์ไปทักทายแวนนี่ที่นั่งรออาหารอยู่ กวินวัฒน์จึงใช้ช่วงที่รออาหาร ชะโงกมองผ่านเคาน์เตอร์ไม้เข้าไปที่ครัวด้านใน เขาเห็นเพียงฟ้าเดินมาดึงกระดาษออกจากเครื่องพิมพ์ขนาดเล็ก เดาเอาว่าน่าจะเป็นใบรายการอาหารที่แก้วเจ้าจอมเพิ่งกดสั่งเข้าไปเมื่อตะกี้นี้ เชฟสาวยกขึ้นมาอ่าน ก่อนจะยื่นมันให้กุ๊กอีกคน แล้วเดินไปยืนที่หน้าเตาเหมือนเดิม

“อะไรวะ ให้คนอื่นทำเหรอ” ชายหนุ่มเกาศีรษะอย่างเซ็งๆ 

อาการผิดหวังของกวินวัฒน์ไม่อยู่นาน เขาเริ่มอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อน้ำผลไม้ที่สั่งไปถูกยกมาเสิร์ฟ นึกขึ้นมาได้ตอนนั้นว่าถ้าเพียงฟ้าทำงานอยู่ที่ร้านอาหารใกล้โรงพยาบาลแบบนี้ มีหรือที่เพื่อนทั้งสองของเขาจะไม่รู้เรื่อง เพราะถึงแม้ว่าตอนนี้กวินวัฒน์จะไม่ได้ติดตามอดีตแฟนสาวของเขาในทุกช่องทางโซเชียลออนไลน์แล้วก็เถอะ แต่เพื่อนเขาทั้งสองยังติดตามเธอเหมือนเดิม อย่างน้อยๆ เพียงฟ้าต้องโพสต์โพรโมตร้านนี้ในทางออนไลน์บ้าง

“หึ! ไม่เหมือน มึงอะคิดมาก มันอาจจะเป็นสปาเกตตีสูตรลับของแม่ทุกสถาบันก็ได้” ชายหนุ่มพึมพำคำพูดที่ปิติพูดเมื่อวานนี้แล้วทำเสียงขึ้นจมูก นึกหน้าสองคนที่เออออกันเมื่อวานแล้วอยากจะจับหัวโขกกันแรงๆ สักที เขาหยิบมือถือขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความลงไปในกลุ่มที่มีทั้งปิติและธันวาอยู่ด้วย

ไอ้พวกเพื่อนทรยศ

พิมพ์ไปได้แค่นั้น เสียงของเพียงฟ้าก็ดึงให้เขาเงยหน้าขึ้น เธอกำลังยื่นถุงอาหารให้แวนนี่ ก่อนจะคุยกันอีกเล็กน้อย แล้วแวนนี่ก็ขอตัวกลับ 

เพียงฟ้าตั้งใจจะเดินออกไปส่งลูกค้าประจำของเธอที่หน้าร้าน ทว่าตอนนั้นสายตาของหญิงสาวก็ไปหยุดอยู่ที่ลูกค้าหนุ่มซึ่งนั่งเยื้องจากโซฟาที่แวนนี่นั่งไปเล็กน้อย ดวงตาของเธอเบิกโตด้วยความตกใจ ไม่แน่ใจว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรแล้ว

‘ทิกเก็ตเมื่อกี้รึเปล่า’

เชฟสาวนึกถึงตั๋วสั่งอาหารที่เธอยื่นให้รดาเมื่อกี้นี้ ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าเขาน่าจะมาได้สักพักแล้ว

‘ทำไมไม่ทันเห็นเลยนะ’

หญิงสาวละความสงสัยไว้ก่อน แล้วส่งลูกค้าของเธอที่หน้าร้านจนเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะจ้ำอ้าวกลับมาที่ลูกค้าโต๊ะเดียวที่เหลืออยู่

“มาทำไม!”

กวินวัฒน์เงยหน้ามองคนถามที่มองเขาตาเขียวปั้ด ชักเริ่มแน่ใจแล้วว่าพาสตาถูกถอดออกจากรายการเดลิเวอรีเพราะอะไรกันแน่ “มาซื้อที่มั้งครับเชฟ”

“นี่!”

“เฟย์ๆ ใจเย็นๆ” แก้วเจ้าจอมปรี่เข้ามาห้ามเพื่อน ก่อนจะหันไปถามลูกค้า “เกิดอะไรขึ้นคะ” 

เพียงฟ้าเหลือบตามองเพื่อนของเธอเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าแก้วเจ้าจอมมองสองคนสลับไปมาด้วยสายตาไม่เข้าใจสุดๆ แต่ก็ยังไม่มีจังหวะให้อธิบาย

“ที่นี่ร้านอาหาร ก็ต้องมากินอาหารสิ” กวินวัฒน์ว่าต่อ

“ไม่ขาย!”

“แต่ฉันสั่งไปแล้ว แล้วเครื่องดื่มก็มาเสิร์ฟแล้วด้วย” ชายหนุ่มพยักพเยิดไปที่แก้วเครื่องดื่มบนโต๊ะ 

หญิงสาวมองคนที่ยิ้มมุมปากนิดๆ เหมือนเขาพอใจที่ได้แกล้งเธออย่างนั้น “ฉันไม่คิดเงินค่ะ เชิญออกไปได้เลย”

“เฟย์...” เชฟอีกคนท้วงเสียงหลง ตั้งแต่เปิดร้านมา ไม่ว่าจะเจอลูกค้ารูปแบบไหน เพียงฟ้าก็ไม่เคยหมดความอดทนถึงขั้นไล่ลูกค้ามาก่อน แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน

“ขนาดตอนไปโรงพยาบาล ฉันยังตรวจให้เลย มืออาชีพหน่อยสิครับเชฟ”

คนเป็นเชฟสูดหายใจเข้าลึกสุดปอด แค่เจอกันวันนั้นยังไม่พอใจเขาใช่ไหม ถึงต้องตามมาตอกย้ำเธอถึงที่นี่ ที่ผ่านมา...ยังทำให้เธอเจ็บไม่มากพออีกหรือไง

นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะทิ้งเธอก็ทิ้งไปดื้อๆ พอตอนนี้...ก็ตามมาขยี้แผลเดิมของเธอซ้ำอย่างนี้เหรอ

เพียงฟ้าสบตาเขาเกือบนาที ก่อนจะเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกไป “...ยังอยากได้อะไรจากฉันอีก” 

เสียงถามแผ่วเบา ทว่าน้ำตาที่คลอหน่วยของคนตรงหน้าทำให้กวินวัฒน์ถึงกับพูดไม่ออก คำถามของเธอก้องอยู่ในหัวของเขา กลัวว่าถ้าพูดอะไรออกไป คำพูดเขาอาจทำให้น้ำใสๆ ที่ปกคลุมดวงตาของเธออยู่ตอนนี้ ไหลลงมาก็เป็นได้

ไม่คิดว่าเธอจะไม่อยากเห็นหน้าเขาขนาดนี้

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังใช้สมองอย่างหนักว่าเขาควรจะเอ่ยคำไหน หรือเลือกเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรเลยอาจจะดีเสียกว่า แววตาตัดพ้อของเธอเริ่มบีบหัวใจเขาจนกวินวัฒน์ต้องเบนสายตาหนี ทำเป็นเสมองเลยไปทางหน้าร้าน แต่แล้วตอนนั้นเอง เขาก็เห็นรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับโฉบเข้ามาในระยะประชิดกระจกร้านมาก ไฟหน้ารถสาดเข้ามาในร้าน ก่อนที่คนจะซ้อนเหวี่ยงวัตถุบางอย่างตามมา

“เฮ้ย! ระวัง!!!” กวินวัฒน์ทำได้แค่ตะโกนก้อง พร้อมกับกระชากแขนเพียงฟ้าให้ลงมาหลบบนโซฟา กดศีรษะเธอแนบกับอกเขา ก่อนทุกคนในร้านจะได้ยินเสียงดังสนั่นกึกก้องในเสี้ยววินาทีต่อมา

เพล้ง!!!

 


 


[1] ควินัว (Quinoa) คือ พืชตระกูลเดียวกับหัวบีต ผักโขม แต่มีหน้าตาคล้ายพืชตระกูลถั่ว เมื่อต้มสุกแล้วจะมีลักษณะคล้ายข้าวเมล็ดสั้นๆ สีขาวอมเหลือง มีประโยชน์มากมายจนได้ชื่อว่าเป็น ‘ซูเปอร์ฟูด

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น