6

หมอคนนั้น

6

หมอคนนั้น

 

เพียงฟ้ากลับถึงคอนโดเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบจะตีหนึ่ง หลังจากที่เธอกลับจากโรงพยาบาลก็ต้องไปจัดการความวุ่นวายที่ร้านต่อ แม้ว่าแก้วเจ้าจอมกับพนักงานคนอื่นๆ จะช่วยเคลียร์ความเสียหายไปบางส่วนแล้วก็ตาม แต่เพราะไม่มีกระจกหน้าร้าน เลยต้องย้ายของบางอย่างเพื่อป้องกันการถูกขโมยของในตอนกลางคืน

“ฉันโทร. หาร้านกระจกแล้วนะ เขาบอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะรีบเข้ามาทำให้เลย” แก้วเจ้าจอมบอกตอนเดินมานั่งที่โต๊ะบาร์สูง ขณะที่เจ้าของห้องเดินอ้อมไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาให้ ก่อนจะนั่งลงที่อีกฝั่งของโต๊ะ พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า 

แก้วเจ้าจอมรอให้เพื่อนดื่มน้ำ นั่งพักให้พอหายเหนื่อยหน่อย แล้วค่อยถามเรื่องที่ค้างอยู่ในใจ “แล้วเรื่องผึ้งล่ะ หมอว่ายังไงบ้าง”

ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาล เพียงฟ้าบอกทุกคนแค่ว่าตอนนี้น้ำผึ้งปลอดภัยแล้ว แต่ไม่มีเวลาได้อธิบายอะไรต่อเพิ่มเติม แม้กระทั่งตอนที่ขับรถกลับมาที่คอนโด สองสาวก็เอาแต่นั่งเงียบมาตลอดทาง เพราะต่างคนต่างมีเรื่องให้ต้องคิดในหัว วุ่นวายขนาดที่ตกลงกันว่าวันนี้แก้วเจ้าจอมจะมานอนที่คอนโดของเพียงฟ้า เพราะคืนนี้อาจมีหลายเรื่องต้องปรึกษากันทั้งคืน

“มีแผลจากเศษแก้วตามตัว รอยฟกช้ำ หัวแตกเย็บไปหลายเข็มเหมือนกัน ไม่รู้ว่าสมองจะกระทบกระเทือนด้วยไหม เพราะหมอไม่แน่ใจว่ารอยแตกมาจากโดนไม้เบสบอล หรือว่าหัวฟาดพื้น ไม่ก็โต๊ะอะไรแบบนี้ รอให้ฟื้นถึงจะตรวจละเอียดอีกที แล้วก็...” ปลายเสียงของคนพูดแผ่วและสั่นจนคนฟังสัมผัสได้ถึงความหวั่นใจในนั้น “ดูเหมือนจะมีเศษแก้วในดวงตาของผึ้งด้วย”

แก้วเจ้าจอมช็อกจนอ้าปากค้าง ไม่ต่างจากตอนที่เพียงฟ้าได้รู้เรื่องนี้เลย “แก...แกไม่ได้โกหกใช่ไหม” 

คนถ่ายทอดเรื่องราวส่ายหน้า 

“แล้วหมอว่าไง”

เพียงฟ้านึกย้อนกลับไปถึงตอนที่กวินวัฒน์ผลักประตูออกมาจากห้องฉุกเฉิน ท่าทางเหมือนกำลังจะไปที่อื่น แต่พอสบตากับเธอ เขาก็ตรงเข้ามาหา

‘คนไข้รู้สึกตัวแล้วนะ’

‘ปลอดภัยแล้วใช่ไหม’

ชายหนุ่มพยักหน้า ‘เบื้องต้นปลอดภัยแล้ว’

คนที่รอฟังอยู่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ อย่างน้อยอุบัติเหตุครั้งนี้ก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นมีใครต้องเสียชีวิต ทว่าเธอก็ไม่อาจเบาใจได้ทั้งหมด เมื่อเขาเอ่ยต่อว่ากำลังจะไปห้องผ่าตัด เพื่อเตรียมการผ่าตัดดวงตาให้น้ำผึ้ง 

ไม่มีเวลาจะอธิบายรายละเอียดมาก กวินวัฒน์ก็จากไปทำหน้าที่ของเขาต่อ บอกเพียงว่าให้เธอไปนั่งรอก่อน แล้วเขาจะกลับมาหา

เพียงฟ้าไม่ได้ตามแพทย์หนุ่มไปที่ห้องผ่าตัด เพราะสมองของเธอตอนนี้หนักอึ้งเกินกว่าจะสั่งการอะไรได้มากไปกว่าทำตามคำสั่งเขา เธอพาตัวเองไปนั่งที่เก้าอี้ที่หน้าห้องรอชำระเงิน แม้ว่าเวลานี้จะไม่ได้มีคนไข้มากเหมือนตอนกลางวัน แต่โรงพยาบาลก็ไม่ได้เงียบเสียทีเดียว ยังมีเสียงฝีเท้าคนที่เดินผ่านไปมาแว่วเข้ามาในโสตประสาทของหญิงสาวบ้าง

คนรอนั่งมองนาฬิกาบนผนัง ทุกนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า อาจเพราะกวินวัฒน์ไม่ได้อธิบายอะไรมากไปกว่าบอกว่าต้องผ่าตัด เลยทำให้เพียงฟ้าคิดไปต่างๆ นานา แม้จะเข้าใจดีว่าถึงเธอจะเป็นนายจ้างแต่ก็ไม่ใช่ญาติคนไข้ และตอนนี้คนป่วยก็รู้สึกตัวแล้ว แพทย์อย่างเขาจึงไม่จำเป็นต้องมาให้ข้อมูลกับเธอก่อนทำการผ่าตัด ทว่าถึงอย่างนั้น ถ้าเขาบอกอะไรเธอมากกว่านี้หน่อย ความกังวลใจคงไม่บีบรัดหัวใจเธอมากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้

มือเล็กเรียวซึ่งจับกันไว้ที่หน้าขาเย็นเฉียบจนเริ่มออกอาการปวด บอกตัวเองอยู่ซ้ำๆ ว่าน้ำผึ้งไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น หากไม่ได้ยินจากปากเขาอีกครั้ง เธอก็ไม่อาจวางใจได้จริงๆ

คำว่า ‘เบื้องต้น’ ที่เขาพูดมานั้น...มันหมายถึงแค่ไหนกันนะ

เข็มนาทีหมุนวนจนเกือบจะครบอีกรอบแล้ว ทว่าเวลาแห่งการรอคอยของเพียงฟ้าก็หยุดลงเสียก่อน ตอนที่เห็นรองเท้าคู่หนึ่งมาหยุดลงตรงหน้า พร้อมกับเงาของคนตัวสูงที่ทาบทับลงบนตัวเธอ 

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง พลันรอยยิ้มอบอุ่นที่ดวงตาที่เธอสัมผัสได้เป็นสิ่งแรกก็ซึมเข้าโอบกอดหัวใจที่สั่นไหวเอาไว้ น้ำตาของความอุ่นใจรื้นขึ้นมาโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยคำใด ก่อนที่มันจะหยดลงอย่างไม่อาจจะรั้งไว้ได้ ตอนได้ยินเสียงทุ้มนุ่มถามอย่างห่วงใย

‘หายตกใจรึยัง’

‘กลัว...’ หญิงสาวบอกความรู้สึกที่ชัดเจนที่สุดในเวลานี้ออกไป

คนตัวสูงนิ่งมองมือข้างหนึ่งของเธอที่ปาดน้ำตาทิ้ง กำลังจะเอื้อมไปจับมืออีกข้างของเธอ ทว่าความคิดหนึ่งก็หยุดการเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้

เพียงฟ้ามีสามีแล้ว...

ตอนที่เขาตัดสินใจจับมือเธอตอนอยู่ในรถ เพราะตอนนั้นหญิงสาวอยู่ในอาการเสียขวัญ หลายอย่างประเดประดังเข้ามา เขาคิดว่าคงไม่มากไปหากจะให้กำลังใจในฐานะ...เพื่อน อีกอย่างตอนนั้นก็อยู่ในรถกันแค่สองคน คงไม่มีใครมาเห็นแล้วตีความผิดจนเอาไปพูดต่อให้เธอเสียหายได้

ทว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่ แม้สีหน้าของเพียงฟ้าจะยังไม่กลับมาเป็นปกติ แต่ก็ดีกว่าเดิมพอควรแล้ว อีกอย่างที่นี่คือโรงพยาบาล แถมยังเป็นหน้าห้องฉุกเฉินที่มีคนเดินเข้าออกตลอด มันคงไม่ดีเท่าไรถ้าผู้ชายคนไหนจะแตะต้องตัวหญิงสาวที่แต่งงานแล้ว

‘มาทางนี้มา’ กวินวัฒน์เอ่ยแค่นั้นแล้วเดินนำออกมาก่อน

ที่ที่ชายหนุ่มพามาคือจุดนั่งพักผ่อนโซนหนึ่งของโรงพยาบาล ตรงนี้มีโซฟาหวายตั้งอยู่สองสามชุด ชั้นวางหนังสือพิมพ์รายวันตั้งอยู่ห่างออกไป ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใส มองออกไปเห็นสวนหย่อมที่ตอนนี้สว่างไปด้วยแสงสีเหลืองนวลซึ่งประดับไว้ตามจุดต่างๆ 

แพทย์หนุ่มเดินไปกดนมอุ่นจากตู้อัตโนมัติมายื่นให้คนที่นั่งรออยู่ที่โซฟา เพราะเรื่องที่เขาจะพูดต่อจากนี้ อาจทำให้อาการหวั่นวิตกของเพียงฟ้ากลับมาอีก มือของเธอจะเย็นเฉียบเสมอเวลาที่รู้สึกอย่างนั้น และตอนนี้เขาคงไม่อาจจับมือเธอได้ หวังเพียงว่าความอุ่นจากแก้วกระดาษจะช่วยให้เธอได้รับไออุ่นบ้าง

กวินวัฒน์นั่งลงที่โซฟาตัวถัดไป ก่อนจะเริ่มเล่าอาการของคนเจ็บให้เธอฟังทีละจุดจนกระทั่งมาถึงส่วนที่เป็นความรับผิดชอบของเขา แพทย์หนุ่มบอกว่ามีเศษแก้วอยู่ในดวงตาของน้ำผึ้งข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งมีรอยแผลอยู่บนเปลือกตาและมีเศษแก้วเล็กๆ ที่เปลือกตาด้านใน ได้ฟังแล้วเพียงฟ้าถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว

‘แล้วต้องทำยังไง’

‘ผ่าตัด ต้องผ่าตัดเอาเศษแก้วออกมานะ แต่ว่ายังทำคืนนี้ไม่ได้’

‘อ้าว แล้วที่บอกว่าไปผ่าตัดเมื่อกี้ล่ะ ไม่ได้เอาเศษแก้วออกมาหรอกเหรอ’

กวินวัฒน์ส่ายหน้าให้คนที่ผูกคิ้วปมใหญ่ ‘เมื่อกี้แค่เย็บปิดแผลที่มันทะลุเข้าไปเฉยๆ เศษแก้วที่อยู่ในลูกตายังอยู่ในนั้น เอาออกมาแค่ข้างที่มันฝังในเปลือกตาด้านใน’

‘ทำไมล่ะ ของแบบนั้นไม่ใช่ว่าต้องเอาออกทันทีหรอกเหรอ’

‘ไม่ต้องทันที แต่ต้องโดยเร็ว’ แม้จะพูดว่าโดยเร็ว แต่เขาก็ยังคงใช้เสียงราบเรียบ นั่นยิ่งทำให้คนฟังไม่เข้าใจ

‘แล้วทำไมยังปล่อยเอาไว้ หรือว่าต้องให้หมอคนอื่นเป็นคนทำ’

‘วันนี้เป็นเวรฉัน คนเจ็บก็เป็นคนไข้ของฉัน ฉันก็ต้องเป็นคนผ่าเองสิ’ พอเห็นคนใจร้อนกำลังจะอ้าปาก เขาเลยว่าต่อ ‘แต่การผ่าตัดเข้าไปในลูกตา เราต้องทำให้ลูกตาเป็นลูกที่สมบูรณ์ก่อน ตอนนี้มันมีรอยรั่วที่เกิดจากเศษกระจกทะลุเข้าไป พูดง่ายๆ คือตาแตก เลยต้องเย็บปิดปากแผล แล้วรอให้แผลหายดีก่อน ให้ลูกตากลับเป็นลูกที่สมบูรณ์แล้วถึงจะผ่าเข้าไปเอาเศษแก้วออกมาได้ เพราะตอนที่ผ่าตัด เราต้องรักษาความดันลูกตาโดยการเติมน้ำเข้าไป ถ้าลูกตามีรอยรั่ว น้ำที่เติมเข้าไปก็จะไหลออกมา เลยต้องรอให้แผลปิดสนิทก่อน ถึงจะทำขั้นต่อไปได้ พอนึกภาพออกไหม’

คำอธิบายของเขาล้างข้อสงสัยในหัวเธอออกไปแทบจะหมดสิ้น เพียงฟ้าพยักหน้าน้อยๆ ก้มลงมองแก้วกระดาษในมือ ชายหนุ่มจึงเอ่ยเสริม

‘ใจเย็นๆ นะ ฉันดูแลให้อย่างดีที่สุดอยู่แล้ว แต่บางอย่าง...เราก็ต้องรอ’

สิ้นประโยคนั้น หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา กวินวัฒน์มองดวงตากลมที่ยอมอ่อนลงให้ อดยิ้มมุมปากไม่ได้

‘สบายใจขึ้นบ้างไหม’

เพียงฟ้ายังคงเงียบ ก่อนจะกลั้นใจถามสิ่งที่กังวลอยู่ออกไป ‘ผึ้งจะถึงขั้นตาบอดรึเปล่า’

‘ตอนนี้ยังตอบไม่ได้’

‘ทำไมล่ะ’

‘อย่าให้ฉันต้องตอบอะไรที่ยังไม่แน่ใจเลย เอาไว้หลังผ่าตัดอีกรอบเสร็จแล้ว เราค่อยมาคุยกัน’

สายตาของเพียงฟ้ายังคงจับอยู่ที่ใบหน้าเขา กวินวัฒน์ยังเหมือนเดิม เขาไม่รับปากอะไรที่ไม่แน่ใจว่าจะทำได้ไหมเพราะทุกอย่างที่เขาเอ่ยปากว่า ‘จะทำ’ เขาต้องทำมันให้ได้ คงมีอยู่เรื่องเดียวที่เขาเคยพูดเอาไว้ แล้วทำไม่ได้...

คำที่เขาเคยพูดว่าขอให้เธออยู่เคียงข้างกันจนถึงวันที่เขาเป็นหมอที่เก่งนั่นยังไง เขาเคยขอเธอเอาไว้...แต่สุดท้ายก็ปัดทิ้งง่ายดายเหมือนไม่เคยพูดมันออกมา

‘เข้าใจแล้ว’ หญิงสาวพยักหน้า ‘ฉันเข้าใจแล้ว’

กวินวัฒน์ไม่แน่ใจว่าแววตาเศร้าที่ปรากฏขึ้นจางๆ ในดวงตาสีน้ำตาลคู่ตรงหน้ามีสาเหตุมาจากอะไร ทว่าก็รู้ดีว่าไม่ได้อยู่ในฐานะที่ควรจะถามไถ่ เวลานี้...คนที่ควรมาอยู่ข้างเธอที่สุดคือสามีของเธอไม่ใช่เขา

‘โทร. ...ให้คนที่บ้านมารับได้ไหม’ เขาแสร้งทำเป็นมองนาฬิกาข้อมือเพื่อซ่อนสีหน้าตอนเอ่ยถึง...ผู้ชายของเธอ ‘คือฉันต้องอยู่เคลียร์อะไรต่อนิดหน่อย’

เพียงฟ้าเผลอเม้มปากเล็กน้อย แม้อีกฝ่ายจะไม่พูดออกมาตรงๆ แต่เธอก็รู้ว่าเขาหมายถึงใคร ‘ไม่เป็นไร ฉันเรียกแท็กซี่กลับเองสะดวกกว่า’

‘แน่ใจนะว่ากลับเองได้’

‘ฉันโอเค ไม่เป็นไร’

กวินวัฒน์ผุดลุกขึ้นทันที บอกตัวเองว่าเธอไม่เป็นไรแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อแล้ว ต้องถอยห่างออกมาได้แล้ว ไม่อย่างนั้นหัวใจเขาจะเรียกหาเธอไปมากกว่านี้ 

‘ไม่ออร์แกนิกนะ’ คนตัวสูงชี้ไปที่แก้วนมอุ่นในมือเธอ ‘แต่ดื่มให้หมดก็ดี’

เพียงฟ้ายิ้มจางๆ ให้คำหยอกของเขา ก่อนจะพยักหน้าให้

‘เค งั้นไปนะ’ ว่าเสร็จเขาก็หมุนตัวจะเดินแยกออกไป แต่แล้วเสียงของหญิงสาวก็รั้งไว้

‘ฉันเชื่อว่าตาของผึ้งจะหายดี’ เธอไม่ได้เอ่ยเพื่อสร้างแรงกดดันให้เขา ทว่าความรู้สึกภายในใจบอกเธออย่างนั้น 

เขาถามว่าเธอเชื่อใจเขาไหม และนี่ละคือคำตอบเดียวที่อยู่ในใจ 

กวินวัฒน์หันไปพยักหน้ารับโดยไม่เอ่ยคำพูดใด ทว่าเพียงเท่านั้นก็ทำให้คนที่มองอยู่ยิ้มออกมาได้

‘ขอบคุณมากนะที่ช่วย’

‘มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว’ แพทย์หนุ่มกดยิ้มเพียงมุมปากให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินจากไป

เพียงฟ้ามองคนตัวสูงที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นไว้ค่อยๆ รินไหล... 

ไม่ได้ขอบคุณแค่เรื่องที่ช่วยรักษา แต่ขอบคุณที่จับมือเธอไว้...ในเวลาที่หัวใจต้องการกำลังใจที่สุด...

แก้วเจ้าจอมยื่นมือไปแตะบนหลังมือของเพื่อนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปนาน แถมสีหน้ายังดูคล้ายทุกข์สุขปนกันก็ไม่ปาน เพียงฟ้าย้ายสายตาที่เหม่อลอยไปมองคนตรงหน้า ก่อนจะยิ้มน้อยๆ ให้ แล้วเล่ารายละเอียดไปตามที่กวินวัฒน์บอก และก็เป็นอย่างที่เธอคิด แก้วเจ้าจอมถามในสิ่งเดียวกับที่เธอสงสัย

“ผึ้งไม่น่ามาซวยโดนอะไรแบบนี้เลย จะถึงขั้นตาบอดเลยรึเปล่า น่ากลัวจัง”

“คงไม่หรอก”

“หมอบอกอย่างนั้นเหรอ”

เพียงฟ้าส่ายหน้าน้อยๆ แต่เรียวปากปรากฏรอยยิ้มจางๆ ถึงตัวแพทย์เจ้าของไข้จะไม่พูดออกมาตรงๆ เพราะถ้าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้ ไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์กวินวัฒน์ไม่พูดมันออกมาแน่ 

แต่เธอรู้จักเขาดียิ่งกว่าใคร...

‘ความมั่นใจไม่ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์’ ของเขา อาจหมายถึงเจ็ดสิบ แปดสิบ หรืออาจจะมากถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เลยก็ได้แล้วแววตาและรอยยิ้มสุดท้ายที่เขาให้ไว้ ก็ทำให้คนรับอย่างเธอใจชื้นขึ้นได้ยิ่งกว่าคำพูดไหน

“ฉันเชื่อว่าหมอคนนั้นจะทำให้ผึ้งหายได้” 

แก้วเจ้าจอมมองลึกลงไปในดวงตาที่มีประกายความหวังของคนพูด ซึ่งตอนนี้มองเหม่อไปทางอื่นอย่างไม่รู้ตัว คล้ายว่ากำลังคิดถึงใครอยู่ หญิงสาวจึงเอียงศีรษะให้ดวงหน้าของเธอไปอยู่ในเส้นสายตาของอีกฝ่าย ก่อนจะยิ้มอย่างมีเลศนัยให้

“หมอคนนั้นที่แกว่า หมายถึงลูกค้าที่อยู่กับเราด้วยตอนนั้นใช่ไหม”

คนถูกถามพยายามเก็บสีหน้า ทั้งที่ก็พออ่านได้จากสายตาว่าเพื่อนคงเดาบางอย่างได้ “อื้ม เขาบอกว่าเป็นเวรวันนี้ พอมีเคสฉุกเฉินต้องใช้หมอตา โรงพยาบาลก็เลยโทร. ตามเขาด้วยเหมือนกัน”

“คนนี้ใช่ไหม...แฟนเก่าแก ที่เป็นหมอตรวจตาให้แกเมื่อคราวก่อน”

เพียงฟ้าไม่ตอบ ทว่าแก้วเจ้าจอมก็อ่านคำตอบจากแววตาของเพื่อนได้ หญิงสาวยิ้มแซวหน่อยๆ ก่อนจะเท้าคาง ทำท่าให้คนตรงหน้ารู้ว่าเธอตั้งใจมองหาพิรุธ

“เขาดูเป็นห่วงแกนะ ฉันเห็นเต็มตาเลยว่าเขาดึงแกไปกอด”

“อย่าชงน่ะ มันก็แค่สถานการณ์คับขันไหม”

แก้วเจ้าจอมเบ้ปากแล้วยักไหล่ “ฉันก็อยู่ใกล้น้าาา ไม่เห็นเขากอดฉันบ้างเลย ชีวิตไอ้แก้วนี่มันน่าสงสารจริงๆ ต้องมุดรักษาชีวิตอยู่ใต้โต๊ะ”

เพียงฟ้ายื่นมือไปดันไหล่เพื่อน “พอเลย เลิกแซว บอกตั้งแต่คืนนั้นแล้วไงว่าจบไปแล้วก็คือจบไปแล้ว”

“รู้เปล่า เขาทิ้งเบอร์โทร. ไว้ที่แคชเชียร์ด้วยนะ บอกว่าให้โทร. แจ้งค่าอาหารได้”

เจ้าของร้านถึงกับเผลอกลอกตา “สถานการณ์ที่ทุกคนสติแตกขนาดนั้น ยังจะคิดถึงเรื่องค่าอาหารได้ เชื่อเขาเลย”

                “เอาไหม อยากได้เบอร์เขารึเปล่า”

                เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวส่ายหน้า “ฉันยังยืนยันคำเดิมนะว่าไม่อยากสานต่อความสัมพันธ์ใดๆ กับเขาทั้งนั้น ถ้าจบเรื่องผึ้งแล้ว ฉันหวังจริงๆ ว่าเราจะไม่เจอกันอีก” 

พอได้ยินเพื่อนพูดอย่างนั้น แก้วเจ้าจอมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าก่อนจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่ร้าน เพียงฟ้ากับเขาคนนั้นกำลังทะเลาะกันอยู่ ที่สำคัญเพื่อนของเธอกำลังไล่ลูกค้าอีกด้วย คงไม่อยากสานต่อความสัมพันธ์อย่างที่พูดจริงๆ มิน่า เมื่อวานถึงตั้งป้อมไล่เขาขนาดนั้น

“ขอโทษนะที่พูดไปอย่างนั้น ฉันลืมไปว่าแกเคยพูดว่าเขาเป็นคนขอเลิกกับแก มีแค่แกที่ยังรักเขา แต่พอวันนี้ฉันเห็นว่าเขาก็ดูไม่ได้ปิดกั้นแกขนาดนั้น แถมยังมากินที่ร้านเราด้วย เลยแอบคิดว่าบางทีเขาก็อาจจะยังรักแกเหมือนกันก็ได้ ฉันเลยพูดออกไปแบบนั้น...ตอนที่เลิกกัน พวกแกทะเลาะกันเหรอ”

คำถามนี้ทำให้คนถูกถามหลุบตาลงมองโต๊ะ น้ำตาพลันรื้นขึ้นมาในทันทีราวกับว่าแผลฉกรรจ์ที่อยู่ภายในใจถูกสะกิด เธอพยายามกักลมหายใจของตัวเองไว้หวังไม่ให้น้ำตารินไหล ทว่ามันก็ไม่ช่วยอะไร

น้ำใสๆ หยดหนึ่งร่วงลงบนโต๊ะ 

“ไม่เลย เราจบกันด้วยดี ไม่มีแม้แต่การทะเลาะ” คนพูดเม้มปาก ผลักก้อนความอึดอัดให้ลงคอไป “...แต่ก็ไม่มีความเข้าใจด้วยเหมือนกัน”

“หมายความว่ายังไง”

เพียงฟ้าสูดหายใจลึก เธออยากจะซ่อนความรู้สึกอย่างเช่นทุกครั้ง แต่เหตุการณ์วันนี้มันหนักหนาเสียจนเธอเหนื่อยเกินกว่าจะแบกความรู้สึกไว้คนเดียวอีกแล้ว

“ก่อนที่เขาจะไปเรียนต่อเฉพาะทางที่อเมริกา ทุกอย่างมันดีมากเลยนะแก้ว เราเข้ากันได้ดีมากๆ มีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ด้วยกัน ถึงเราจะไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนคู่อื่น เพราะแพทย์อินเทิร์นอย่างเขาแทบจะไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง มันก็มีบ้างนะที่ฉันแอบโกรธ แอบน้อยใจ แต่พอเห็นหน้าเขา เห็นหน้าเหนื่อยๆ ของเขา ความน้อยใจมันก็หายไปหมด คิดแต่ว่าไม่อยากทำตัวงี่เง่าให้เขาต้องเหนื่อยเพิ่มอีก เวลานอนยังไม่ค่อยจะมี กดโทร. หากันได้วันละสองสามนาทีก็ถือว่าดีมากแล้ว พอมาคิดว่าเขางานยุ่งมาก แต่เวลาที่เหลือจากงานแทบจะทั้งหมดเขาก็ยกให้ฉัน เราแทบไม่ทะเลาะกัน เพราะต่างรู้ดีว่าแค่เวลาจะเจอหน้ากันก็ยากอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ได้เจอกันเหมือนเรามาชาร์จพลังชีวิตให้กันจริงๆ... 

“พอเขาไปเรียนต่อ แรกๆ มันก็ยากนะ เพราะเวลาที่โน่นกับที่ไทยกลับกันไปหมด แต่ก็ไม่นานหรอก พอฉันคิดว่าเราเริ่มปรับตัวได้ดีขึ้น จู่ๆ ...เขาก็มาขอเลิกกับฉัน บอกว่าอยากโฟกัสเรื่องเรียนให้มากกว่านี้ ไม่อยากต้องคอยพะวงว่าฉันจะรอโทรศัพท์จากเขารึเปล่า เขาจำเป็นต้องทุ่มเวลาทั้งหมดให้เรื่องเรียน” หญิงสาวหลับตาแล้วนึกถึงคำพูดในวันนั้นที่เธอยังจำมันได้ขึ้นใจ “เขาบอกว่าเราควรแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง เรื่องจะรักกัน... มันเมื่อไหร่ก็ได้”

เพียงฟ้าเงยหน้ามองคนที่ตั้งใจฟังอยู่ ปล่อยให้น้ำตาไหลลงเป็นสายบนสองแก้ม เธอไม่ปัดมันออก เพราะตัดสินใจที่จะไม่ซ่อนความรู้สึกเรื่องนี้ต่อหน้าแก้วเจ้าจอมอีกแล้ว 

ถ้าหากเธอต้องการกันกวินวัฒน์ออกไปจากชีวิตหลังจากจบเรื่องน้ำผึ้ง แก้วเจ้าจอมคือคนหนึ่งที่จะช่วยเธอได้ อย่างน้อยก็ช่วยไม่ทำให้ความรู้สึกในใจฟุ้งขึ้นมากกว่าที่เป็นอยู่

“แล้วแกตอบเขาไปว่ายังไง”

“ฉันไม่ได้ตอบอะไร เขาไม่เปิดโอกาสให้ฉันได้ทำอะไรทั้งนั้น” วินาทีนั้นเธอยังช็อกกับสิ่งที่เขาพูด ลำคอตีบตันจนไม่รู้ว่าเสียงหายไปไหน แล้วเขาก็ตัดสายวิดีโอคอลไป “ตั้งแต่วันที่เขาบอกเลิกฉัน กายก็ตัดการติดต่อทุกอย่าง บล็อกไลน์ บล็อกเฟซบุ๊ก ไอจี นอกจากจะไม่รับรู้เรื่องของฉันแล้ว เขาก็ไม่เปิดโอกาสให้ฉันรับรู้ความเป็นไปของเขาด้วยเหมือนกัน”

ขาดจากกันเหมือนอยู่คนละโลกในชั่วข้ามคืน...

“ใจร้ายมาก”

“ใช่” น้ำตาหยดลงจากปลายคางในตอนที่หญิงสาวพยักหน้า หัวใจของเธอเจ็บราวกับถูกกรีดซ้ำทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องคืนนั้น “ทั้งที่ก่อนเขาจะไป...พูดทุกอย่างเอาไว้ซะดิบดี”

ความทรงจำแห่งความสุขอันแสนปวดร้าวกลับเข้ามาย้ำเตือนหญิงสาวอีกครั้ง

‘ทำไมต้องไปไกลขนาดนั้นด้วยก็ไม่รู้ หมอตาเรียนที่ไทยไม่ได้เหรอ’ เพียงฟ้าว่าโดยไม่หันไปมองคนตัวหนาที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลัง 

‘ก็เรียนได้ แต่ปีปีนึง เขาก็รับน้อย อีกอย่าง...’

‘หมอตาเป็นหมอที่ใช้เครื่องมือเยอะ ถ้าไปเรียนที่โน่นก็จะได้รู้จักเทคโนโลยีใหม่ๆ ของเขา จะได้มีวิธีช่วยรักษาคนไข้ที่หลากหลายขึ้น’ คนตัวเล็กต่อประโยคแทนเขา เพราะเธอฟังคำอธิบายเหล่านี้มาหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังทำใจยอมรับไม่ค่อยได้เท่าไร ‘โกรธคนไข้ในอนาคตของนายได้ไหม’

เพียงฟ้ารู้สึกว่าถูกกอดแน่นขึ้น ก่อนจะสัมผัสได้ว่าแผ่นอกเขากระเพื่อมนิดๆ พร้อมกับมีเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ตามมา

‘งอแงเหรอ’ กวินวัฒน์ถามพลางเขี่ยนิ้วเล่นกับผมของเธอไปด้วย ‘งอแงตอนนี้ไม่ทันแล้วไหม’

คนตัวเล็กทำหน้าบูดทั้งที่เขาไม่เห็น เพราะตอนนี้ทั้งสองนอนอยู่บนโซฟาห้องรับแขกที่คอนโดของปิติ ไฟทุกดวงถูกดับลงหมดแล้วหลังจากปาร์ตีเลี้ยงส่งกวินวัฒน์จบลง ปิติกับธันวาเข้าไปนอนในห้อง ส่วนเพื่อนหมอคนอื่นๆ ที่เป็นอินเทิร์นด้วยกันกลับไปก่อนแล้ว 

ในห้องรับแขกตอนนี้จึงเหลือแค่กวินวัฒน์กับเพียงฟ้า แสงไฟจากห้องน้ำที่เปิดทิ้งไว้ไกลๆ ส่องมาพอให้ทุกอย่างในห้องแค่สลัวๆ หญิงสาวพลิกตัวไปหาเขาแล้วกอดคนตัวหนาไว้ แนบแก้มกับอกแกร่ง

‘ก็ตอนแรกคิดว่าคงไม่เป็นไร แต่พอยิ่งใกล้วันบินเท่าไหร่ ใจมันก็หวิวไปหมด’

เขาก้มลงจดจมูกลงที่หน้าผากมน ‘ยังไงฉันก็กลับมาทุกปีอยู่แล้ว เธอจะกลัวอะไร’

‘ปีนึงมันนานนะกวิ้น’

คนฟังยิ้ม ยอมรับว่าแรกๆ เขาไม่ค่อยอยากให้เพียงฟ้าเรียกเขาด้วยชื่อนั้นเท่าไร แต่พอนานๆ ไป เวลาได้ยินเสียงเธอเรียกเขาด้วยชื่อที่ไม่เหมือนคนอื่นเรียก มันก็น่ารักดีเหมือนกัน 

‘เดี๋ยวนี้ปีนึงไม่นานหรอก ยิ่งแชตได้ เฟซไทม์ได้ อยู่ไกลก็เหมือนใกล้’

‘นายมีเวลารึเปล่าเหอะ ขนาดแค่ตอนเป็นอินเทิร์นนะ กว่าจะเจอกันได้โคตรยาก’

ทั้งคู่เริ่มคบกันตอนที่เรียนอยู่ชั้นปีที่ 3 นักศึกษาแพทย์อย่างกวินวัฒน์ค่อนข้างเรียนหนัก แต่ก็ยังโชคดีที่เพียงฟ้าพร้อมจะจัดเวลาให้ตรงกับเขาได้เสมอ แม้บางครั้งเธอจะต้องใช้วันว่างของเธอมานั่งเล่นเป็นเพื่อนเขาที่ต้องอ่านหนังสือไปทั้งวันก็ตาม แต่นั่นก็ยังเป็นความสุขสำหรับหญิงสาวเสมอ

แม้กระทั่งตอนเรียนจบ เพียงฟ้าเริ่มเข้าทำงานในบริษัทของพ่อเธอ ตารางเวลาส่วนใหญ่ของหญิงสาวจึงไม่ได้จัดสรรได้ง่ายเหมือนอย่างตอนที่ยังเป็นนักศึกษา แต่เธอก็ยังพร้อมจะยกวันหยุดสุดสัปดาห์ให้แก่คนที่รักอยู่ดี 

จนกวินวัฒน์เรียนจบ แล้วเข้าทำงานเป็นแพทย์อินเทิร์นในโรงพยาบาล ชีวิตที่ว่ายุ่งอยู่แล้วก็ยุ่งมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ยิ่งเป็นตอนปีแรก จะหาเวลาคุยโทรศัพท์กันยังทำได้ยาก หลายครั้งที่เพียงฟ้าขับรถมานั่งรอเจอเขาที่โรงพยาบาล แต่ก็ได้เจอหน้ากันไม่ถึงยี่สิบนาทีด้วยซ้ำ ยังไม่นับอีกหลายวันที่เธอมาหาถึงห้องพัก แต่คุยกันได้ไม่เท่าไรเขาก็เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า ตื่นมาอีกทีเธอก็กลับไปแล้ว แถมยังทำอาหารง่ายๆ ไว้ให้เขาอีก เพียงฟ้าอดทนและคอยแบ่งเวลามาคอยดูแลเขาเสมอ

เพื่อนหมอหลายคนต้องเลิกกับคนรักไปก็ตอนนี้ แต่กวินวัฒน์นับว่าโชคดีที่แฟนสาวไม่เดินจากเขาไปไหน แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็ไม่ได้อยากให้เธอต้องมานั่งคอยรอว่าเมื่อไรเขาจะมีเวลาไปให้แบบนี้ไปตลอดชีวิตเหมือนกัน

กวินวัฒน์ย้ายแขนไปกอดเธอไว้ ‘ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้ ต่อไปฉันจะไม่ต้องยุ่งขนาดนั้นแล้วนะ’

‘จริงเหรอ’

‘อื้ม ก็อย่างที่บอกว่าขอทุนของโรง’บาลรีเซลดาไป ถ้าเรียนจบก็ต้องไปทำงานใช้ทุนให้เขา โรง’บาลเอกชนไม่ยุ่งเหมือนโรง’บาลรัฐหรอก’

‘ไม่ขายวิญญาณให้โรง’บาลแล้วแน่นะ’

‘ขายวิญญาณให้เธอแทน จะเกาะติดไม่ไปไหนเลยเอาไหม’

เพียงฟ้าหัวเราะชอบใจ ‘อีกสามปีใช่ไหม’

‘อื้ม อีกสามปีเธอจะไม่ต้องเหนื่อยมานั่งรอเวลาให้แฟนว่างแล้วนะ ขอโทษนะที่ต้องให้อดทนมาตลอด แต่ช่วยอดทนต่ออีกนิดนึงได้ไหม’

‘ก็เลือกจะเป็นแฟนหมอแล้วอะเนอะ ช่วยไม่ได้’

เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนเจ้าของเสียงใสจะว่า ‘นี่เราคบกันกี่ปีแล้วเนี่ย’ เพียงฟ้ายกมือขึ้นมานับ ‘หนึ่ง สอง สาม สี่’

แล้วก็โดนมือใหญ่รวบเอาไว้ ‘จะนับไปทำไม’

‘อ้าว จะได้รู้ไง’

‘รู้หรือไม่รู้แล้วต่างกันตรงไหน ยังไงฉันก็กอดเธอไปเรื่อยๆ แบบนี้อยู่แล้ว’

‘พูดแล้วนะกวิ้น ฉันจำไม่มีวันลืมด้วย’

เขาหอมลงที่ขมับเธอคล้ายจะย้ำ ‘ก็ลองลืมดูสิ จะฟัดจนกว่าจะจำได้เลย’

น้ำตาหยดที่ไม่รู้เท่าไรกลิ้งลงจากดวงตาคู่สวยที่ตอนนี้ร้องไห้จนบวมช้ำไปหมด “คนมันรักไปแล้ว... มันรักไปหมดใจแล้วเว้ยแก รักแล้วอยากจะหยุดก็หยุดได้เลยงั้นเหรอ เขาอาจจะทำได้...แต่ฉันทำไม่ได้”

แก้วเจ้าจอมไม่เอ่ยอะไรแทรก เพียงตบบนหลังมือเพื่อนเบาๆ เพื่อปลอบโยนเท่านั้น 

“แกเชื่อไหม ผ่านมาห้าปีแล้ว ฉันยังจำทุกอย่างในคืนวันเลี้ยงส่งเขาได้อยู่เลย เรากินเลี้ยงกันแค่กลุ่มเพื่อนๆ ที่คอนโดของเพื่อนสนิทเขา กายเมาจนขับรถไม่ไหวเราเลยนอนด้วยกันที่โซฟาในห้องรับแขก ฉันจำทุกคำพูดของเขาได้ จำเสียงหัวเราะของเขาได้ จำได้แม้กระทั่ง...”

กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ จากลมหายใจเขาตอนที่เราจูบกันอย่างลึกซึ้ง

เพียงฟ้าปาดน้ำตาทิ้งแทนการเอ่ยให้จบประโยค เธอไม่ได้เสียน้ำตาให้แก่เรื่องนี้นานแล้ว นานจนคิดว่ามันคงไม่สามารถทำให้เธอเสียใจได้อีกแล้ว แต่เปล่าเลย...น้ำใสๆ ที่ปกคลุมดวงตาของเธออยู่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าห้าปีที่ผ่าน...

เวลาไม่ช่วยอะไรเลย

“แกรักเขามากขนาดนี้ ไม่เห็นเคยเล่าให้ฉันฟังบ้างเลย”

“ก็ตอนที่เจอแก...มันจบไปแล้ว”

“ถ้าจบจริง แกไม่มานั่งน้ำตาไหลแบบนี้หรอก”

“มันจบแล้ว” เอ่ยย้ำกับตัวเองครั้งที่เท่าไรไม่รู้ “เรื่องราวมันจบไปนานแล้ว...แต่ความรู้สึกของฉัน...ไม่เคยจบลงเลย”

คนฟังยื่นมือไปช่วยปาดน้ำตาบนใบหน้า ปล่อยให้คนที่อัดอั้นได้ระบายเรื่องราวทั้งหมดออกมา

“แกรู้อะไรไหมแก้ว วันแรกที่ฉันได้เจอกันอีกครั้ง ตอนที่ฉันได้ยินเสียงเขา หัวใจฉันอ่อนยวบไปหมด รู้ตัวเลยว่านั่นเป็นเสียงที่ฉันอยากได้ยินมาตลอด โกรธตัวเองที่สุด...ที่อยากโผเข้าไปกอดเขา อยากบอกให้เขารู้ว่าฉันคิดถึงเขามากแค่ไหน ฉันไม่เคยรู้ตัวเลยว่าเฝ้ารอวันที่จะได้เจอหน้าเขาขนาดนี้จนได้เห็นเขาตรงหน้า” เสียงสะอื้นหยุดคำพูดของเพียงฟ้าเอาไว้ 

“แต่นั่นมันก็เป็นแค่เสียงร้องจากข้างใน แต่ความเป็นจริงฉันทำอย่างนั้นไม่ได้ ระหว่างเรามีแค่โต๊ะตัวเดียวคั่นอยู่ แต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันเป็นกำแพงที่หนามาก เขาดูเฉยชาเหมือนเราไม่เคยคบกันมาก่อน ยังแซวฉันเรื่องแต่งงานได้อย่างหน้าระรื่นด้วยซ้ำ สุดท้าย...คำพูดทุกอย่างที่อยากจะบอกกับเขาฉันก็พูดมันออกไปไม่ได้ ฉันไม่ใช่คนรัก แต่เป็นแค่คนไข้ทั่วไป ที่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าพูดว่า...ขอบคุณ”

“เขารู้ด้วยเหรอว่าแกแต่งงานแล้ว ไหนว่าบล็อกกันทุกทางไง”

“ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ารู้ได้ไง แต่มันก็ไม่น่ายากนะ เพราะถึงเราจะบล็อกกัน พวกอีเจ้ไอ้จีนก็ยังเป็นเพื่อนในโซเชียลกับเขาแล้วก็เพื่อนๆ เขาอยู่ ก็น่าจะรู้ได้ไม่ยาก”

ถึงจะเป็นแค่การติดตามกันอยู่ห่างๆ แต่มันก็ไม่ยากที่เรื่องแต่งงานของเธอจะเข้าหูกวินวัฒน์ อีกอย่างถึงชยุตจะไม่ใช่ดาราดัง แต่เขาก็เป็นที่รู้จักในสังคมอยู่บ้างในฐานะทายาทนามสกุลมีชื่อ ตอนที่เพียงฟ้าแต่งงานจึงมีข่าวให้เห็นบนหน้าอินเทอร์เน็ตอยู่ประปราย

“แกเก่งมากเฟย์ แกเก็บความรู้สึกได้ขนาดนี้ถือว่าเก่งมาก”

เพียงฟ้าหัวเราะระคนเสียงสะอื้น “ฉันไปบอกเจ๊เปิ้ลดีไหม ว่าฉันก็เป็นนักแสดงได้เหมือนกัน”

“ยังจะประชดตัวเองอีก” ว่าแล้วเอื้อมไปหยิบกล่องกระดาษทิชชูส่งให้เพื่อน “แล้ววันนี้ล่ะ ไปด้วยกันตั้งนาน เป็นยังไง”

เพียงฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เขาก็ดีนะ ก็ช่วยหลายอย่าง แต่...เขาบอกว่าทำไปในฐานะหมอ”

คนที่ลุ้นรอฟังคำตอบถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อออ ผู้ชายนะผู้ชาย ไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้กับใจผู้หญิงไม่ได้ ยิ่งเป็นแฟนเก่าด้วยเนี่ย บ้ารึเปล่า!”

คนฟังยิ้มให้เพื่อนที่เริ่มอารมณ์ขึ้น ก่อนจะเอ่ยเหตุผลที่เธอคิดทบทวนการกระทำของเขาจนตกผลึกได้

“จริงๆ ฉันว่าที่เขากล้าทำแบบนี้ โดยไม่กลัวว่าฉันจะคิดไกล คงเพราะเขาคิดว่าฉันแต่งงานแล้ว รักคนอื่นไปแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้ฉันคิดว่าเขาทำไปเพราะอยากจะคืนดีกับฉัน”

“เพราะแกเป็นแฟนเก่าที่สานต่อความสัมพันธ์ไม่ได้แล้ว สำหรับคนที่ไม่ต้องการดึงความรักเก่ากลับมาอย่างเขา เลยสะดวกใจที่จะเข้าใกล้แก แบบนั้นใช่ไหม”

เพียงฟ้าสูดหายใจลึกอีกครั้งเพื่อกดความเจ็บปวดที่ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาลงไป ก่อนจะย้ำสิ่งที่ตั้งมั่นไว้กับตัวเอง “ฉันถึงบอกไงว่าหวังว่าเราจะไม่เจอกันอีกหลังจากจบเรื่องนี้ และในระหว่างนี้ ฉันเองก็ต้องปกป้องหัวใจตัวเองอย่างที่สุดเหมือนกัน”

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น