๑๐
The Three of Cups: สามถ้วย
ความรักที่เติบโต งานเลี้ยงสังสรรค์ และการได้พบปะเพื่อนฝูง
“ใช่ พี่ยามาอาละวาดแล้วเขาก็สั่งให้พี่แอ๊บบอกให้แกช่วยทำจริงๆ คือ...เขา...เขาบอกว่าอยากจะเห็นเหมือนกันว่าแกจะเก่งสักแค่ไหนอะไรแบบนี้น่ะ แกอย่าไปโกรธเขาเลย พี่ยาก็เป็นคนแบบนี้แหละ อื้อ เขาบอกจะเอาวันนี้...”
ระหว่างติดสาย สายตาของรักเร่ก็ปรายมาที่รุ่นพี่อย่างรู้ทัน
สี่โมงห้าสิบหก โยกงานให้คนอื่นได้ น้องกี้ก็เตรียมเก็บข้าวของเพื่อไปให้ทันนัดคุณโชค!
จะว่าน้องกี้ไม่ทำตามคำสั่งของคุณโชคไม่ได้หรอกนะ เธอยังเป็นพนักงานที่ดี ไม่มีเล่ห์กลใดๆ ในเมื่อทุกอย่างลอยมาเข้าทางเองนี่ เราจะต้องกลับไปไหว้พระทำบุญที่วัด เก่าโทรมค่อนข้างร้างคนแถบชานเมืองนั่นอีก!
กำลังรีบร้อน เสียงโทรศัพท์มือถือพลันดังขึ้น
“พี่แอ๊บไม่รับเหรอคะ” รักเร่ถามมาจากโต๊ะข้างๆ
ก็เพราะว่าเป็นเบอร์พี่เก่งน่ะสิถึงไม่อยากรับ!
เห็นคนถามถึงกับวางสายของตัวเองแล้วหันมาสังเกตการณ์ น้องกี้จึงจำแสร้งหยิบกดปิดเสียง “ตายจริง สายหลุดซะแล้ว”
ท่าแบ๊วเป็นความชำนาญขั้นเทพของน้องกี้ ดีที่พอปิดเสียงปุ๊บ สายก็หลุดไปจริงๆ ปั๊บ
“ไม่โทร. กลับเหรอคะ”
“เงินหมด”
“ใช้เครื่องบริษัท?”
“พี่หมูไม่ชอบ”
“พี่หมูกำลังง่วนอยู่ในห้อง ถ้าเร่ไม่บอกก็ไม่มีใครรู้หรอกค่ะ”
น้องกี้หันไปแสยะยิ้มให้ “เห็นพี่หมูบอกว่าน้องเร่ยุ่งไม่ใช่เหรอคะ”
เพราะฉะนั้นอย่ามายุ่งกับพี่น้องกี้ได้มั้ย!...
ไม่รอคำตอบ หญิงสาวรีบวิ่งออกไปขึ้นรถไฟฟ้า โชคดีที่โรงแรมระดับสามดาวครึ่งที่คุณเนื้อแพรเลือกใช้จัดงานอยู่แค่ราชปรารภ ลงรถไฟฟ้าต่อแท็กซี่อีกไม่กี่นาทีน้องกี้ก็ถึง เสียเวลาเร้นกายเข้าห้องน้ำเพื่อเนรมิตเสื้อผ้าหน้าผมจนพร้อมสรรพจึงโทร. หาคุณโชค
“ถึงแล้วเหรอ”
“ค่ะ คุณโชคออกมารับน้องกี้ข้างหน้าหน่อยได้มั้ยคะ น้องกี้กลัวจำใครไม่ได้”
ชายหนุ่มอือออ สามนาทีต่อมาร่างชะลูดก็ปรากฏกายจากบันไดวนลาดพรมสีแดงหนานุ่ม แต่ละจังหวะที่เขาก้าวลงมา น้องกี้ตัวสั่นแทบล้มและอยากพึ่งยาดมเซียงเพียว
พ่อเจ้าประคุณพ่อขนุนหนัง พ่อช่างหล่อล่ำ หล่อล้ำ หล่อน่าขย้ำ หล่อน้ำแตกน้ำแตน! พ่ออยู่ในชุดสูทลำลองของดีไซเนอร์ไหนไม่มีใครสน ท่อนบนที่ทั้งสูทและเชิ้ตฟ้าตัวในแหวกเล็กๆ เห็นไรขนบนอกกว้างนั่นต่างหากที่ช่างตรึงตรา คู่มาด้วยยีนฟอกสีมีช่วงยับและรอยขาดเน่าๆ กับรองเท้าหนังเก่าสีน้ำตาลสุดเซอร์
แค่นี้ก็หล่อจนแทบเพ้อ
แต่ยัง ยังไม่รวมผมเกรียนเสริมแวกซ์เรียงตั้งตามจังหวะ หน้าคมเป๊ะ ตาคมเป๋ง คิ้วเข้ม และจมูกข่ม ริมฝีปากอิ่มมีรูกลมตรงกลางเหมือนทำปากจู๋ดูได้อารมณ์นายแบบกางเกงในอมาตย์ เอ้ย แฟชั่นชั้นสูง แคลวิน ไคลน์ มากๆ น้องกี้อยากจะกรี๊ด!
เขาช่างดูดี ดูดีในแบบที่ตัวเขาควรจะเป็น ดิบ ดึงดูด ดาร์ก เด่น และบางอย่างก็โด่เด๊ะออกมาจนน้องกี้แทบละสายตาไม่ได้
“มีอะไรติดจมูกฉันเหรอ” เขาแตะมันอย่างไม่มั่นใจ
โอ๊ย ขนาดไม่มั่นใจยังหล่อ “ไม่มีค่ะ คุณโชคดูดีมากต่างหาก”
เขายักไหล่ “ขอบใจ”
“มากแบบมากๆ”
“ฮื่อ”
“น้องกี้หมายความว่าน้องกี้ชมคุณโชคแล้ว คุณโชคก็ควรจะชมน้องกี้กลับด้วยสิคะ”
“ง่า...” เขาเลิกคิ้ว ถ้าเป็นทุกทีคงปากเสียอะไรออกมาอีก แต่น้องกี้มั่นใจว่าที่วันนี้เขาไม่ นั่นเพราะน้องกี้สวยทำลายล้างจริงๆ
ดูเถิด ตั้งแต่ผมม้าน่าขยี้ ส่วนด้านข้างทิ้งปลายยาวปั้นเกลียวงามขย่มปฐพี งานหน้าหวานละไม งานแก้มเป็นประกายระเรื่อ งานตาประณีต และงานปากเนี้ยบเป๊ะ เข้ากันได้ดีกับเดรสสักหลาดสีชมพูตุ่น วับๆ แวมๆ แบบพอให้รู้ว่ามีของ
“...” คุณโชคอ้าปาก ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงหนึ่งก็ดังจากยอดบันไดวน “ไอ้โชคหายไปทำอะไรข้างล่าง ขึ้นมาเร็วๆ โว้ย!”
เจ้าตัวจึงหันมาบอกน้องกี้ “รีบขึ้นไปกันเถอะ”
ชายหนุ่มฉวยกระเป๋าสัมภาระของเธอไปถือไว้เอง แล้วก็แค่นั้น!
ฟัวเย หรือโถงด้านหน้าดาษดาด้วยมวลบุปผาจำลอง ประดับภาพถ่ายพรีเวดดิงแสนหวานของบ่าวสาว เสียงคุยดังหึ่งจากแขกเหรื่อที่เริ่มมาอออยู่เต็มหน้างาน
คุณโชคพาน้องกี้ก้าวมาหยุดที่โต๊ะลงทะเบียน หญิงสาวล้วงคลัตช์ดิออร์ (เก๊) หยิบซองขึ้นมายื่นแลกของชำร่วย เป็นถ้วยกระเบื้องสีแหวว
ปากน้องกี้ยิ้มเผิน ในใจประเมิน ‘ถ้วยกระเบื้องกับอาหารในงานจะคุ้มค่าเงินในซองรึเปล่า’
จากการปรึกษาเว็บพันทิป เธอเลือกใส่เงินสี่ร้อยเพราะต้องใช้เลขคู่สำหรับงานสมรส...หกร้อยเยอะไป แถมเลขหกฟังดูไม่ดี (เกิดวิวาห์คุณแพรหกคะเมน หล่อนอาจเบนหาคนใกล้อย่างคุณโชค!) แล้วสองร้อยก็น้อยเกิน (หล่อนอาจเอาน้องกี้ไปเวิ่นเว้อใส่คุณโชคได้อีก)
หันกลับมาปรากฏว่าคุณโชคหายตัวไปแล้ว คงเอาของของน้องกี้ไปเก็บให้ หรือไม่ไอ้เพื่อนคนเมื่อกี้ก็มาลากตัวไปอีก หญิงสาวกำลังจะออกก้าว แต่ถูกรั้งว่า “น้องกี้! น้องกี้ใช่มั้ย”
ผู้ก้าวเข้ามาทำให้น้องกี้รู้สึกเหมือนถูกนะจังงัง จากในรูปของคุณโชคที่ปรากฏว่าคุณเนื้อแพรสวยแล้ว วันนี้เจ้าตัวกลับสวยมากขึ้นไปอีก! ชุดแต่งงานมิใช่แฟชั่นในฝันของน้องกี้แบบจีเซลจากหนัง Enchanted แต่เป็นแบบขาวเรียบ แต่งลายปักดอกไม้และไข่มุกกระจุ๋มกระจิ๋มแค่นิดหน่อย ท่อนล่างก็ไม่ค่อยพอง แต่น่าแปลกที่ความเรียบสง่ากลับยิ่งขับความงามในตัวผู้สวมออกมาได้หมดจด
“คะ...คุณแพร วันนี้สวยมากๆ เลยค่ะ” น้องกี้ตอบเหมือนต้องมนตร์ “ถ้าเจอข้างนอกน้องกี้ต้องจำไม่ได้แน่ๆ”
คนฟังหัวเราะขัน “น้องกี้ ชมซะเว่อร์ แพรดีใจนะที่น้องกี้มา”
หญิงสาวจึงเพิ่งได้สติ “เอ้อ ขอให้คุณแพรกับคุณชีพรักกันไปนานๆ จนแก่จนเฒ่า แล้วคุณชีพก็หึงเอาหวงเอาเรื่อยๆ ไปเลยนะคะ”
คุณยิ่งชีพพระเอกของงานอยู่ในทักซิโดชายหลังยาวสีเทาเข้มคลาสสิกกับกางเกงจีบสีชาร์โคล กั๊กดั้งเดิมด้านในทับไว้ด้วยผ้าพันคอแอสคอทลายทแยงเทา ดำ เสริมความภูมิฐานและผึ่งผายของชายร่างปานกลางหน้าตาธรรมดา
ความธรรมดานั้นอาจถึงกับดูไม่ดีเมื่อเทียบกับพี่เก่งของน้องกี้!
แปลก คุณแพรสวยขนาดนี้ทำไมกลับเลือกผู้ชายที่ดู...เฉยๆ แม้คุณโชคจะเล่าว่าคุณชีพเป็นรุ่นพี่ที่ร่วมหุ้นเปิดบริษัทซิกซ์คอมพ์ กระนั้นบริษัทเล็กๆ ก็ยังเทียบไม่ได้อยู่ดีกับสินทรัพย์ของพี่เก่ง
“นี่ แต่แพรว่าน้องกี้หน้าตาไม่เปลี่ยนเลยนะ เค้าเดิม แต่สวยคมชัดขึ้นเหมือนทีวีเอชดี”
“ขอบคุณค่ะคุณแพร ใครๆ ก็มักจะพูดแบบนี้” คนตอบรับพยายามทำท่าถ่อมตัว แต่หน้าบานเป็นกระด้ง “คุณแพรมีแขกเยอะ เดี๋ยวน้องกี้ถ่ายรูปแล้วเข้าไปเจอเพื่อนๆ เลยดีกว่าค่ะ คุณชีพกับคุณแพรจะได้ไม่เสียเวลาต้อนรับแขกผู้ใหญ่”
“มารยาทดีตั้งแต่สมัยเรียนกระทั่งเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“แพรน่าจะได้มาได้สักครึ่งหนึ่งเนอะ” เจ้าบ่าวล้อทั้งหน้านิ่งสนิท
น้องกี้จับอารมณ์ไม่ถูก ไม่รู้จะตอบสนองยังไง
เจ้าสาวเป็นฝ่ายตีเผียะเข้าที่ต้นแขนของรายนั้น “พูดมากนะพี่ชีพ มาถ่ายรูปกับน้องกี้กันดีกว่า”
ท่ายิ้มของคุณชีพเหมือนท่าแยกเขี้ยว เขาเป็นคนหน้าตายจนคล้ายๆ ไร้สีหน้า น้องกี้ติดอยู่กับเจ้าของงานทั้งสองอีกครู่ก็ขอตัวมา ชะโงกชะเง้อหาคุณโชคอยู่นานกว่าจะพบว่าเขาถูกรุมอยู่กลางเสียงหวีดของเหล่าดรุณีในงาน
“แกๆ ขอถ่ายรูปอีกทีนะ อยากถ่ายคู่กับพี่โชค”
“หนูด้วยนะคะ”
“ฉันด้วยนะแก”
“ป้าด้วยจ้ะ”
คุณพระคุณเจ้า! น้องกี้กลอกตาให้สาวทั้งวง พวกเธอช่างไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาเสียเลย แค่เห็นผู้ชายหล่อลากไส้ก็ถึงกับน้ำลายหก ตาลุก เสียกิริยา ไม่เคยได้ยินได้อ่านสุภาษิตสอนหญิงของพระสุนทรโวหาร (ภู่) กันรึไงที่ว่า
อันที่จริงหญิงชายย่อมหมายรัก มิใช่จักตัดทางที่สร้างสม
แม้นจักรักรักไว้ในอารมณ์ อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี
ถ้าน้องกี้ถลกขาอ่อนเป่าปากเรียกตอนนี้ คุณโชคบ่ดีจะหันมาสนมั้ยเนี่ย!
หญิงสาวก้าววนรอเป็นเสือติดจั่น โบกมือเรียกไวน์จากบริกรมากระดกแก้วแล้วปาดปาก ย้อมใจมากซะเกือบเซ ถึงอย่างนั้นตอนที่คุณโชคหันรีหันขวางเหมือนกำลังมองหาอะไรบางอย่าง พาให้สาวทั้งกลุ่มหันตามมาด้วย น้องกี้ก็ยังมีสติ รีบคีบโทรศัพท์ขึ้นแนบหูกลบเกลื่อนสายตาคนทั้งหมด
“ฮัลโหล ฮัลโหล อะไรนะคะ”
“โชค นั่นไงน้องกี้!” เสียงสาวหนึ่งดังขึ้น
“ขา?” คนถูกเรียกแสร้งผละจากหูโทรศัพท์ ผินหน้าไปอย่างเป็นธรรมชาติสุดๆ “มีใครตามหาน้องกี้อยู่รึเปล่าคะ”
คุณโชครู้ทัน เขายกปากข้างหนึ่งแล้วแสร้งว่า “เจ้าตัวเขาคุยโทรศัพท์อยู่น่ะ เราถ่ายรูปกันก่อนแล้วกัน”
“คุยจบพอดีเลยค่า!” น้องกี้ดี๊ด๊าแล่นไปหากลุ่ม
สาวหนึ่งซึ่งเธอจำได้ว่าชื่อคุณอรุณีออกปากแซ็ว “คุยเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ เมื่อกี้ยังได้ยินเพิ่งเริ่มฮัลโหลๆ”
น้องกี้ให้อภัย เพราะประโยคนั้นเรียกรอยยิ้มจากคุณโชคบดีได้ และนั่นก็ทำให้เขาต้องแกล้งเกาผ้าปูโต๊ะอำพราง
“เฮ้ย รอด้วยๆ!” คุณแพรวิ่งลากกระโปรงตรงมา เธอป้องปากเรียกคนข้างหลัง “ทางนี้ ถ่ายรูปรวมรุ่น”
ห้านาทีต่อมา รอยยิ้มบนหน้าน้องกี้เริ่มละเหี่ย ก่อนไต่ไปสู่ขั้นเพลีย หลังจากได้ข้อสรุปว่าช่วงเวลาที่ไม่เคยรียูเนี่ยนกับเขา คนเหล่านี้ท่าจะนัดไปลงบ่อชุบตัวกันจนพริ้งพราวจริงๆ ด้วย
หนุ่มสะตึหลายรายดูสมาร์ตขึ้น สาวเอ๋อกลับอยู่ในชุดแบรนด์เอี่ยมอ่อง ส่วนพวกหน้าหมองที่น้องกี้เคยปรามาสว่าจะไม่มีทางหาคู่ ดันควงคนที่สังเกตไม่รู้เลยว่าถูกจ้างหรือบังคับมา
หญิงสาวจำชื่อใครไม่ค่อยได้ หน้ายังจำได้แค่เลือนราง ที่ชัดมากที่สุดเห็นจะเป็นวีรกรรมจำพวก...คนนี้อยู่ในกลุ่มทำรายงานที่น้องกี้แอบอู้ด้วยวิธี ลูกสุนัขป่วย ส่วนคนนี้...น้องกี้ต้องไปช่วยงานที่บ้าน แล้วก็คนนั้น...จู่ๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงมักจะเริ่มบทสนทนาด้วย “อุ๊ย! คุณ?...” ลากเสียงยาวๆ เข้าไว้
“ท้องแล้วเหรอคะ” สำหรับรายล่าสุด น้องกี้หาเรื่องมาเบนความสนใจจากชื่อไปที่เรื่องอื่นจนได้
“ใช่ๆ สี่เดือนแล้ว” คู่สนทนารายนี้จับมือน้องกี้วางบนพุง
“อุ๊ย! น้องเต้น!” คนจับไม่ได้แกล้งตื่นเต้น แปลกใจเห็นๆ ว่ามันไม่ใช่พุงปลอม
“สงสัยตื่นเต้นได้ออกมาข้างนอก ตั้งแต่เริ่มท้อง แฟนเราก็ให้ออกจากงานมาอยู่แต่กับบ้าน อิจฉาคนอื่นที่เขาได้ออกไปทำงานกัน”
มันน่าอิจฉาตรงไหน (วะ) คะ
“ดูอย่างอรุณี นี่เขาก็เป็นผู้จัดการ ใช่มั้ยยะ”
“แหม...แค่ผู้จัดการชอปกระจ้อยร่อย ต้องนู่น...” คุณอรุณีบุ้ยใบ้ไปที่หญิงอีกผู้ ซึ่งอยู่ในเดรสไหมแจ็คการ์ดของ บาลองเซียก้า ประดับความวินเทจด้วยจิวเอลรีที่ทำให้ตาถลนจาก แวน คลีฟ เอต์ อาร์เปลส์ “รายนั้นน่ะแบรนด์แมเนเจอร์!”
น้องกี้รู้จักแต่ชื่อแบรนด์เครื่องประดับ แต่ไม่รู้จักชื่อคนใส่ นึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าเคยรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน
“ส่วนโน่นก็กำลังจะได้ไปทำงานที่สิงคโปร์”
คนฟังกำลังจะพาซื่อถามว่า ‘ไปขายลอดช่องเหรอคะ’ ก็พอดีว่าคุณอรุณีเจื้อยต่อว่า “กูเกิลเชียวนะยะ!”
“มิน่า ดูทั้งตัวมันแทบจะเลี่ยมทอง” คนท้องแทบจะดิ้นกว่าลูกในท้อง “ไปจิกมันมาคุยเดี๋ยวนี้!”
น้องกี้ได้แต่ฟังพลางหันตามนิ้วของคุณอรุณี รู้สึกว่าขนาดตัวเริ่มหด แถมความภาคภูมิใจในชีวิตก็เริ่มลด “เอ่อ เดี๋ยวน้องกี้ขอตั...”
“นี่น้องกี้ อย่าไปฟังนะ” คุณอรุณีกำลังเมาท์แตก ไม่ยอมฟังเสียงน้องกี้เลย “ยัยคนนี้น่ะท้องแต่อยู่กับบ้านเฉยๆ ซะที่ไหน นางเป็นเถ้าแก่เนี้ยวัสดุก่อสร้างจ้า! วันๆ นับแต่เงินแต่ทองของสวามี...”
“แต่ของฉันมันไม่มีสวัสดิการหรูเว่อร์เหมือนเธอนี่ยะ อรุณี คิดดูน้องกี้ บริษัทบ้าอะไรให้ค่ารักษาพยาบาลปีละครึ่งล้าน พนักงานไปทำหน้ารักษาสิวก็เบิกได้!”
“หา! อะไรนะคะ!”
เคยคิดว่าแอ๊กซ์ให้ปีละสองหมื่น เข้าโรงพยาบาลรัฐฟรีทุกสถานก็ไฮโซสุดๆ แล้วนะ!
“อย่าๆ โบนัสทั้งปีของฉัน เท่ากำไรของหล่อนเดือนเดียวรึเปล่ายังไม่รู้”
“มีตังค์แต่ไม่มีปัญญาจะใช้ พวกนู้นซี่ เขานัดกันตะลอนยุโรปปีละสองรอบ”
กรี๊ด! ว่าไงนะ! บ้านน้องกี้เพิ่งจะเคยไปไกลสุดแค่สวนผึ้ง แถมยังไปตะลึงกันได้แค่รอบเดียวเอง
“เออ ว่าแต่น้องกี้ ตอนนี้เธอทำงานอยู่ไหนล่ะ”
“นั่นสิ ไม่เห็นเล่าให้ฟังบ้างเลย หลังๆ ก็เกือบไม่มีใครได้คุยกับเธอเลยนะ”
“เอ่อ...” จู่ๆ น้องกี้ก็รู้สึกว่าหน้าตัวเองคงขาวขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งไวต์เทนนิง
นอกจากไม่มีเพื่อน ตลอดมาหญิงสาวผวาทุกคราวที่ถูกโทร. ตาม เกรงว่าเหล่าเพื่อนอนาคตดับจะทำเนียนมาขอยืมตังค์
เริ่มไม่แน่ใจละว่าแบบนั้นกับแบบนี้ แบบไหนดีกว่ากัน กระซิก...
“คือ...น้องกี้งานยุ่งมากเลยน่ะค่ะ วันนี้กว่าจะปลีกตัวมาได้ก็เกือบไม่รอด...”
“เหมือนฉันเลย นี่ถ้าไม่เหวี่ยงใส่เจ้านาย มันไม่มีทางปล่อยตัวฉันมาหรอก!” คุณอรุณีกอดอก กลอกตา
“บ่นอะไรนักหนา หล่อนทำงานบริษัทน่ะได้โอที ฉันอยู่บ้านไม่ได้อะไรสักอย่าง”
คือว่า...บริษัทน้องกี้ ทำล่วงเวลาก็ไม่เคยได้อะไรสักอย่าง...
“ก็ไม่งั้นฉันจะทนเหรอยะ เฮดฮันเตอร์โทร. มาจนมันจะเลิกโทร. อยู่แล้ว”
อะไรกัน! เมื่อก่อนคิดว่าเฮดฮันเตอร์ เป็นสิ่งมีชีวิตในฝันแบบเดียวกับนางเงือกหรือกินรีซะอีก
“เอางี้ดีกว่า น้องกี้มาแอดเฟรนด์ในเฟซบุ๊กกันไว้ก่อน กันเธอหายตัวตามไม่ได้อีก”
“อย่าบอกนะว่าเธอไม่ได้เล่นเฟซบุ๊ก”
เหมือนสมองถูกชก หรือเพิ่งลงจากเดอะไจแอนท์แกรนด์แคนยอนสวิง รู้ตัวอีกที น้องกี้ก็ละเมอให้พวกเธอเพิ่มรายชื่อเป็นเพื่อนเรียบร้อยไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
“โคตรอนุรักษนิยมเลยน้องกี้ ยังใช้ไอโฟนสี่อยู่อีกเหรอ เจ็ดพลัสออกแล้วนะ”
“อรุณี! เรื่องของเขานะยะ” คนท้องปราม “ว่าแต่น้องกี้ นี่เธอมีเฟซแต่ไม่เคยเข้าไปแตะต้องอะไรเลยเหรอ”
ที่จริงไม่ได้ตั้งใจ แต่คุณแม่บังคับให้สมัคร เพราะช่วงนั้นมีกดไลก์ลุ้นชิงโชค
“ก็...น้องกี้ยุ่งๆ...”
“ท่ามันจะยุ่งจริง พูดเป็นอยู่ประโยคเดียว ฮิฮิ”
“นี่สาวๆ” เสียงคุณโชคปรบมือคั่นจังหวะช่วยชีวิต “หยุดคุยแล้วเข้างานกันซะที พิธีเขาจะเริ่มแล้ว”
คุณเนื้อแพรและเจ้าบ่าวจงใจให้งานออกมาน่ารัก ความเป็นทางการทั้งหมดถูกตัดออก ไม่มีผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่ายมาอำนวยพรยืดยาว ทว่าเชิญเพื่อนผู้ร่วมรู้เห็นความสัมพันธ์ของทั้งคู่แต่ต้นขึ้นมาช่วยกันเล่า ไม่น่าเชื่อว่ามันทั้งสนุก ขบขัน แถมไม่นานยังลงท้ายด้วยน้ำตาเล็ด
แน่นอน หนึ่งในนั้นคือคุณโชคบดีที่ยืนเด่นท่ามกลางสปอตไลต์ เขาไม่ได้ดูดีกลบเจ้าบ่าว แต่มีประกายพราวที่ทำให้น้องกี้ละสายตาไม่ได้ ทุกคำพูด ทุกจังหวะเคลื่อนไหว ทุกรอยยิ้ม แม้แต่ทุกรอยย่นริมตาก็ยังดูมีเสน่ห์ประทับใจราวกับเธอเพิ่งเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก
พอกลับลงมา เจ้าตัวกลับทำท่าผิดเป็นคนละคน อาศัยชั่วขณะที่แขกรายอื่นสนใจผู้พูดรายใหม่บนเวที เอียงกายมากระซิบถามน้องกี้ “เป็นไงมั่ง”
“คุณโชคดูดีที่สุดค่ะ”
“ตื่นเต้นจนสั่นไปหมดเลยดูสิ” โดยไม่ได้ตั้งใจ ชายหนุ่มยื่นมืออุ่นใหญ่ทั้งสองข้างมาจับข้อมือของน้องกี้ไว้ มันไม่นุ่ม แต่ความสากระคายนั้นส่งต่อเป็นความรู้สึกพึ่งพิงได้ แข็งแกร่ง และ...
ทำไมเขาดึงมือกลับไปไวนัก!
ยังมีกิจกรรมต่อบนเวทีอีกสองสามอย่าง พรีเซ็นเทชันของบ่าวสาวทำออกมาได้ดีจนดึงความสนใจของน้องกี้จากคุณโชคไปได้ สุดท้ายคือการโยนดอกไม้ซึ่งเจ้าของงานใช้เป็นตุ๊กตาหมีแทน เพราะคนได้จะเก็บได้นานกว่า คุณแพรชะเง้อหาราวกับรู้ว่าของในมือมีความสำคัญกับน้องกี้ยิ่งยวด อย่างไรก็ตาม แม้เธอแทบจะส่งตรงมา น้องกี้ก็ยังถูกตัดหน้าโดยคุณอรุณี!
หญิงสาวหน้าม่อยกลับมาที่โต๊ะ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครเหลืออยู่แม้แต่คุณโชค เพื่อนทุกคนหายไปยืนออกันอยู่หน้างาน คนท้องกวักเรียก “น้องกี้ มาถ่ายรูปกันเร็ว” หญิงสาวจึงได้แต่กะพริบตาปริบ
ไร้สาระจริง ใครอยากถ่ายรูปทำนองนี้กัน คิดพลางก้าวแทรกตัวเข้าไปด้วยความยากลำบาก แล้วคุณโชคไปยืนตรงไหนเนี่ย
“รูปแรก ขอจิกๆ ใส่กล้องนะจ๊ะทุกคน สาม สอง จิก!”
นอกจากสายตา สาวทุกรายต่างงัดเครื่องประดับเรือนหรูขึ้นประชันกันเต็มเหนี่ยว น้องกี้ใจเหี่ยวแห้ง แสร้งยกศอกถองคนข้างๆ ที่เอากระเป๋าของแท้มาบังก๊อปเกรดเอของเธอเสียมิดราศี
“เดี๋ยวก่อน รูปที่สอง ช่วยสลับที่กันหน่อยซีจ๊ะเพื่อนๆ...” คุณอรุณีเจ้ากี้เจ้าการตามเคย
ระหว่างก้าวขาด้วยหน้าเซ็ง เสียงห้าวก็ดังข้างหู “เป็นอะไร”
สัมผัสคล้ายแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตหวนคืน คุณโชคไม่ใช่เตาผิง แต่เอาตามจริง...แค่เห็นหน้าก็รู้สึกว่าอบอุ่นขึ้น อบอุ่นใจ...
“ทำไมหน้าดูเหี่ยวๆ”
แทนที่จะโกรธหรือยิ่งหงุดหงิด น้องกี้กลับยิ้มขำออกมา แฟลชวาบ แต่ทั้งสองคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าไม่ได้หันเข้ากล้อง
“เสียความมั่นใจนิดหน่อยค่ะ”
เขาเลิกคิ้ว “พูดเหมือนไม่ใช่เธอ” ลึกลงไปใต้รอยยิ้ม ในดวงตาเขามีความเป็นห่วง
“คราวนี้ขอกระโดดน้า สาม สอง โดด!”
วาบ!
“น้องกี้เป็นคนธรรมดา ทำไมจะเสียความมั่นใจบ้างไม่ได้คะ”
“เธอไม่ใช่คนธรรมดา...”
อะไรนะคะ! น้องกี้เลิกคิ้วบ้าง ตีความหมายในแง่ประเทืองที่ทำให้เจ้าของเรื่องหน้าแดง
น้องกี้อาจไม่ใช่แค่ ‘คนธรรมดา’ สำหรับบางคนก็ได้นี่นะ!
“ฉันหมายความว่า...” เขาสอดมือลงกระเป๋ากางเกง ยกไหล่สูงพลางมองเพดาน “ปกติเธอไม่พูดตรงไปตรงมาอย่างนี้”
“คุณโชค!” คนฟังแสร้งทำเสียงเข้ม
เขายังพูดต่อ “โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นจุดอ่อนอย่างนี้”
น้องกี้ยกไหล่ ไม่บอกว่าเพราะคนที่กำลังพูดด้วยคือเขาต่างหาก
“สาม สอง แลบลิ้น!”
วาบ!
“เฮ้! สองคนนั้นน่ะ อย่ามัวจู๋จี๋ หันมามองกล้องหน่อย!”
จู่ๆ บรรยากาศก็เปลี่ยนไปจริงๆ ไม่รู้ทำไม จากหน้าตาแจ่มใสกึ่งๆ เขินอายเมื่อครู่ คุณโชคย่นคิ้วหากัน คุณ...เอ่อ...จำชื่อไม่ได้ ใครสักคนนั่นยกโทรศัพท์มือถือขึ้นเตรียมถ่ายภาพ
ชายหนุ่มของน้องกี้ยกมือ “เอ้อ...ขอตัวก่อนดีกว่าว่ะ”
ตากล้องถึงกับงง “เฮ่ย โชค ไปไหน ถ่ายรูปกันก่อนดิ”
“คุณโชคคะ!”
ไม่ฟังเสียง ร่างสูงเบี่ยงกายแยกจากวง ยกมือเป็นความหมายขอโทษโดยไม่หันมา
“ไอ้โชคเป็นอะไรของมันวะ ปกติไม่เป็นอย่างนี้” คุณ...เอ่อ...จำชื่อไม่ได้อีกเหมือนกัน ถามอย่างไม่ต้องการคำตอบ
น้องกี้เลยได้ที “เอาอย่างนี้ ทุกคนไม่ต้องห่วงนะคะ ถ่ายรูปกันไปเถอะ เดี๋ยวน้องกี้ตามไปดูเอง!”
คนอาสาสาวเท้ายาวๆ ตามมาถึงหัวบันไดโค้งซึ่งทอดลงสู่โถงหน้าโรงแรม เจ้าของร่างสูงใหญ่คงเห็นว่าอยู่ไกลจากกลุ่มเพื่อนแล้ว จึงผ่อนฝีเท้าลงพอให้น้องกี้ได้ยินเสียงพูดเบาๆ ของเขา “ในฐานะทูตสวรรค์ ขอเตือนให้หัดระวังตัวซะบ้าง”
เขาหยุด หันมา นับเป็นการเลือกจังหวะหยุดใต้แสงไฟได้เก่งเหลือเชื่อ แสงสีส้มจากอัจกลับระยับระย้าด้านบน ระบายลงขับให้ไรขนหน้าอกของเขาดูวิบวับ
“ถ้าพวกนั้นถ่ายเสร็จ อัปรูปขึ้นเฟซ เธอจะทำยังไง”
น้องกี้ยังนิ่งงง
“สังคมนี้มันแคบจะตาย เกิดเชื่อมไปโยงมาจนผ่านตา ‘หมอนั่น’...”
เป็นอันเข้าใจว่าเขาหมายถึงพี่เก่ง และประโยคก็ทิ้งท้ายให้คิดต่อเอาเอง
จริงสิ ตามความเข้าใจของแฟนหนุ่ม วันนี้น้องกี้ควรหัวฟูอยู่ที่ออฟฟิศ ถ้ามีภาพจากน้องกี้ในงานนี้ผ่านตาเขา มีหวัง...
เหงื่อตรงขมับเริ่มผุด แต่แล้วก็ถูกดูดกลับ จู่ๆ ความคิดใหม่เบียดแทรกขึ้นมา
ตายละ! ที่แท้คุณโชคเป็นห่วงน้องกี้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“อย่าทำหน้าเป็น!” คุณโชคบดีคงตีความได้เหมือนกัน จึงพรางอาการแก้มแดงซ่านด้วยหน้าบึ้งๆ “เธอยังมีความผิดอยู่”
เหงื่อเม็ดที่ผลุบเข้าไปกลับโผล่มาใหม่ คุณโชคไปรู้อะไรมากันแน่!
“น้องกี้ไม่ได้ตั้งใจโกหกคุณโชคจริงๆ นะคะ มันเป็นธรรมชาติของผู้หญิง หนักสี่สิบห้าก็บอกว่าสี่สิบเอ็ด”
“เธอไม่เคยบอกฉันเรื่องน้ำหนัก”
“เอ้า! งั้นเรื่องอะไรกันหนอ”
เห็นมั้ยคะ วิธีง่ายๆ ให้ผู้ชายเปิดปาก จำไว้ว่าอย่าเริ่มก่อน ถ้าคุณมีเรื่องหลอกเขาอยู่เป็นกุรุส...
“ถ้าไม่ได้โกหกเสียเป็นกุรุส ก็น่าจะพูดได้หรอกว่าเรื่องไหน จริงมั้ย”
เห็นมั้ยคะ วิธีนี้ท่าจะใช้กับผู้ชายนมใหญ่ไม่ได้ เฮือก!
“เอ่อ...เวียนหัวจัง สงสัยน้องกี้จะเมาไวน์”
มุมปากอิ่มของคุณโชคยกขึ้นนิดๆ น้องกี้ไม่ได้วิตกจริต รู้อยู่แล้วว่ายังไงเขาก็ต้องให้อภัย
“เห็นนะว่าเมื่อกี้ตอนถ่ายรูปแอบเอาศอกถองเพื่อนจนกระเด็น”
“ตายแล้ว คุณโชคแอบจับตาน้องกี้ทุกอิริยาบถเลยเหรอคะ”
“เวลาทำบุญนี่เน้นปล่อยปลาไหลใช่รึเปล่า”
“ปล่อยปลาไหล การงานการเงินจะได้ราบรื่น ปล่อยนกเพื่อเปิดประตูให้ทุกข์โศกจากไป ปล่อยหอยขม สิ้นสุดความขื่นขม ปล่อยเต่าจะได้อายุยืนยาว”
“ปล่อยให้คนขายจับมาขังใหม่อีกหลายๆ รอบมากกว่า” เขายัดมือลงกระเป๋ากางเกงตามสไตล์ มองและออกก้าวต่อไปเนิบๆ
“ปกติทูตสวรรค์มองโลกในแง่ดีนี่คะ” น้องกี้ซอยเท้าตาม
“ฉันแค่มองตามความเป็นจริง”
“รู้มั้ยว่าคุณโชคเป็นคนเดียวที่น้องกี้เถียงไม่ชนะ”
“รู้ตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้ว”
แล้วน้องกี้ก็แพ้จริงๆ เมื่อคุณโชคหันกลับมา อะไรบางอย่างในสายตาและที่แฝงในประโยคนั้นดันทำให้กุลสตรีสะเทิ้น เขินจนพูดไม่ถูก
“แล้วไง สรุปว่าเมื่อกี้มีอะไรทำให้ผู้หญิงมั่นเว่อร์อย่างเธอเกิดเสียความมั่นใจขึ้นมา”
จมูกหายย่นทันใดเพราะคุณโชคห่วงใยน้องกี้ หญิงสาวกำลังคิดว่าตัวเองโชคดี...เรื่องที่คุณโชคใส่ใจนั่นก็ข้อหนึ่ง อีกข้อคือน้องกี้โชคดี...ที่มีทูตสวรรค์ผู้ย่อมเข้าใจหัวอกเดียวกันที่สุด
เป็นใบ้กลางวงพูดแสดงฐานะของเพื่อนๆ!
“ก็...” ยังไม่ทันพูดต่อ เสียงของคุณอรุณีจอมเจ๋อก็ดังแทรกอีก
“โชคจ๋า” หล่อนถือไวน์เข้ามาพร้อมเพื่อนสาวอีกสอง “เดี๋ยวนี้เป็นผ้าขี้ริ้วห่อทองนะจ๊ะ”
น้องกี้มองด้วยสายตางงๆ
“เอ๊า น้องกี้ก็ไม่รู้เหรอ ยัยแพรบอกว่า ตานี่เป็นถึงหนึ่งในหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทซิกซ์คอมพ์เลยนะ!”
น้องกี้มองเขาเหวอๆ
โอเคค่ะ...
จากสมาชิก ม. ๖/๕ น้องกี้เป็นปลาเน่าโดยสมบูรณ์แบบ!
ความคิดเห็น |
---|