6

ตอนที่ 6


 

6

นับเป็นเวลาร่วมสองเดือนแล้วที่มินตราย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านโภคินอภิวัฒน์ โดยหน้าที่หลักของเธอคือช่วยดูแลเจ้านายตัวน้อยที่แสนเลี้ยงง่าย แก้มยุ้ย และอารมณ์ดี หากว่างเว้นจากการดูแลทายาทของเจ้านายแล้ว เธอก็จะไปขลุกอยู่ในครัว เรียนรู้การทำขนมและอาหารไทยกับบัวบูชา

“มาตรงนี้ค่ะ คลานอีก อึ๊บ อึ๊บ เก่งมากๆ เลย” เสียงของมินตราดังขึ้น พร้อมกับเสียงหัวเราะของเด็กชายบุญรักษาหรือเจ้าเสือน้อยของบรรดาอาๆ

บัวบูชายืนพิงประตูมองดูเด็กสาวคลานเล่นกับบุตรชายของเธอกลับไปกลับมาอยู่ในห้อง ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา มินตราปรับตัวได้มากขึ้น ยิ้มได้กว้างขึ้น กล้าที่จะพูดคุยมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาอยู่กับใบบุญตามลำพังเช่นนี้ เธอจะสดใสสมวัย ดูน่ารักเป็นธรรมชาติ

“แอบมองอะไรครับ” คุณใหญ่โอบกอดภรรยาจากทางด้านหลัง กระซิบถามเสียงแผ่วเบา บัวบูชาเอียงคอหอมแก้มสากของสามีก่อนจะเลื่อนมือไปจับจูงชายหนุ่มให้เดินตามกลับไปยังห้องนอน

“ลากพี่เข้าห้องแบบนี้ คิดอะไรกับพี่หรือเปล่าเนี่ย พี่พร้อมนะ” ว่าพลางดึงภรรยาให้นั่งลงบนตัก

บัวบูชาตีมือสามีไม่แรงมากนัก พลางส่ายหน้าระอา “บัวมีเรื่องจะปรึกษาค่ะ”

“ว่าไงครับ”

“บัวอยากจะรับน้องมินมาเป็นน้องบุญธรรม” บัวบูชาเอ่ยก่อนจะเอียงคอมองใบหน้าหล่อที่เกยอยู่บนลาดไหล่ของเธอ “บัวชอบแววตาของเด็กคนนี้ มินตราเป็นเด็กดี อ่อนน้อมถ่อมตนและมีน้ำใจ”

“พี่แล้วแต่น้องบัวเลย พี่เชื่อในการตัดสินใจของน้องบัวครับ แต่พี่คิดว่าน้องบัวควรจะหารือกับต้นแก้ว แล้วก็ที่บ้านของน้องบัวก่อนด้วย”

“ค่ะ บัวคุยกับต้นแก้วแล้ว น้องจะพาพี่ชินมาดูตัวน้องสาวคนใหม่บ่ายนี้ค่ะ” บัวบูชารายงานพร้อมรอยยิ้ม

 

“เสือน้อยเล่นอะไรอยู่ครับ” เสียงทุ้มของผู้มาใหม่ดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง ส่งผลให้หนึ่งสาวน้อยและอีกหนึ่งเสือน้อยที่กำลังคลานแข่งกันหยุดชะงักอยู่กับที่ แล้วหันไปมองยังต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน ด้านเจ้าเสือน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของผู้มาใหม่ ก็ยกแขนขึ้นทั้งสองข้างพร้อมกับโยกตัวเข้าไปหา ส่วนทางฝั่งพี่เลี้ยงสาวก็ออกอาการประหม่าเล็กน้อย ด้วยช่วงเวลาสองเดือนที่ผ่านมา เธอทำได้แค่เพียงเฝ้ามองผู้มีพระคุณที่มีตารางการทำงานอันยุ่งเหยิงอยู่ห่างๆ เท่านั้น แม้นมีความหวังลึกๆ ว่าจะมีโอกาสได้พูดคุยกับเขาบ้าง หากแต่เธอก็เจียมเนื้อเจียมตัวพอที่จะไม่เข้าไปก้าวก่ายและวุ่นวายกับเขาจนเกินไป

“อ้าว เธอเองหรือมินตรา โทษที ฉันนึกว่าน้องบัว” กฤตภาสนั่งคุกเข่าลงกับเบาะนั่งเล่น พลางยื่นมือไปรับเจ้าเสือตัวอ้วนกลมขึ้นมาโยกเล่น

“คุณใบบัวไม่อยู่จ้ะ” มินตราตอบเสียงเบา ขณะสายตาจับจ้องอยู่ที่เจ้าตัวเล็กที่กำลังส่งเสียงหัวเราะร่าด้วยความชอบใจ

“อยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้วเป็นยังไงบ้าง” อยู่ๆ ผู้ปกครองก็ถามคำถามขึ้นมาโดยที่เธอยังไม่ได้เตรียมความพร้อม

“ทุกคนที่นี่ใจดีจ้ะ” มินตราตอบพร้อมรอยยิ้ม และนี่คือยิ้มแรกที่เธอกล้าส่งให้เขา ชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปกครองและผู้มีพระคุณของเธอ

รอยยิ้มสดใสที่ออกมาจากหัวใจส่งผลให้ผู้รับเผลอยิ้มตาม “ฉันดีใจที่เห็นเธอยิ้มแบบนี้” กฤตภาสเอ่ยกับเด็กสาวแววตาเศร้าในวันวาน ซึ่งวันนี้แววตาของเธอแลดูมีประกายแห่งความสุขมากขึ้น “แล้วก็...ขอโทษด้วยที่ไม่ค่อยมีเวลามาถามไถ่ความเป็นอยู่เลย”

“หนูเข้าใจค่ะว่าคุณรองทำงานหนัก ถ้าหนูเรียนจบแล้ว หนูจะช่วยคุณรองทำงานนะคะ” เด็กสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

กฤตภาสเลิกคิ้วมองคนร่างเล็กที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว ก่อนจะระบายยิ้มที่มุมปากน้อยๆ “ดี ฉันจะรอ”

“แล้วเริ่มทบทวนบทเรียนบ้างหรือยัง”

“คุณใบบัวให้จัดตารางอ่านบทเรียนแต่ละวิชากับทำแบบฝึกหัดค่ะ”

“อืม ดี แล้วเธออยากเรียนคณะอะไร คิดไว้บ้างหรือยัง”

                มินตราเอียงคอครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับไปว่า “คณะอะไรที่จบมาแล้วจะช่วยงานของคุณรองได้คะ”

                “หืม” คนถูกถามกลับระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะวางเจ้าเสือตัวกลมลงนั่งบนตัก “ความจริงเรียนคณะที่เธอชอบดีกว่า”

                เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ แล้วก้มหน้าลง พลางเอ่ยตอบรับเสียงแผ่ว “ค่ะ”

                “ที่ฉันอยากให้เธอเลือกเรียนคณะที่ชอบ เพราะถ้าหากเราได้ทำสิ่งที่ชอบ เราจะทำออกมาได้ดีเสมอ แล้วที่สำคัญงานของฉันต้องการคนที่เรียนจบทุกคณะมาช่วย เพราะฉะนั้นไม่ว่าเธอจะเรียนจบคณะอะไรมา ฉันก็มีตำแหน่งให้เธอทำแน่นอน”

“จริงหรือคะ” มินตราเบิกตากว้าง พร้อมกับอมยิ้มด้วยความดีใจ ก่อนที่เสือน้อยจะคลานต้วมเตี้ยมลงจากตักคุณอารองเข้ามาหา “อยากคลานแข่งกันอีกหรือครับ” เด็กสาวโน้มใบหน้าลงถามเจ้าตัวเล็ก เด็กชายใบบุญยิ้มกว้างแล้วออกตัวคลานนำหน้าพี่เลี้ยงสาว มินตราเหล่ตามองผู้ปกครองอย่างกล้าๆ กลัว

“เธอเล่นกับเจ้าเสือน้อยต่อเถอะ ฉันขอตัวก่อน” กฤตภาสเอ่ย ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป

 

“น้องมิน คุณใบบัวให้ไปพบที่ห้องนั่งเล่น” วันเอ่ยกับเด็กสาวที่กำลังป้อนนมเด็กชายร่างอ้วนกลมอยู่

“ตอนนี้เลยหรือจ๊ะพี่วัน”

“อืม รีบไปเถอะ เดี๋ยวพี่ดูคุณหนูให้”

...

มินตรากึ่งเดินกึ่งวิ่งเดินลงบันไดชั้นสาม มุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่นส่วนตัวของสี่ทายาทของบ้าน ซึ่งห้องนั่งเล่นห้องนี้นั้นถือว่าเป็นสถานที่ส่วนตัวของเจ้านายทั้งสี่ และเธอเองก็เคยเข้าไปเพียงไม่กี่ครั้งเพื่อตามแววและวันเข้าไปทำความสะอาด

“อ้าว น้องมิน เข้ามาก่อนจ้ะ” บัวบูชาร้องเรียกเด็กสาวที่กำลังยืนลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าประตู มินตราค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งลงบนพื้นพรมด้านหน้าของเจ้านายทั้งห้า อันได้แก่ คุณใหญ่ คุณรอง คุณกลาง คุณเล็ก ใบบัว และชายหญิงแปลกหน้าอีกสองคน

“คนนี้หรือคะน้องมิน หน้าตาน่าเอ็นดูเชียว” แก้วกัลยาเอ่ยพลางลุกขึ้นไปประคองเด็กสาวหน้าคมให้ขึ้นมานั่งบนโซฟา

“เอ่อ” มินตราขืนตัว สีหน้าเลิ่กลั่ก จนบัวบูชาต้องส่ายหน้า

“ขึ้นไปนั่งข้างๆ พี่แก้วเขาเถอะจ้ะ” บัวบูชาเอ่ย

“แต่...” เด็กสาวตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะหญิงสาวที่บัวบูชาบอกเธอว่าชื่อพี่แก้วนั้นออกแรงพาเธอไปนั่งจุมปุ๊กบนโซฟาเป็นที่เรียบร้อย

“มินตรา คนนี้คือคุณเตชิน ทนายประจำตระกูลโภคินอภิวัฒน์และเป็นเพื่อนสนิทของคุณใหญ่” บัวบูชาแนะนำชายหนุ่มผู้มาใหม่ มินตรายกมือไหว้อย่างนอบน้อม

“สวัสดีครับมินตรา ยินดีที่ได้รู้จัก” เตชินส่งยิ้มให้อย่างใจดี

“ส่วนคนนี้พี่ต้นแก้ว น้องสาวของพี่บัวเองค่ะ” บัวบูชาแนะนำแก้วกัลยาอย่างเป็นทางการ มินตรายกมือไหว้หญิงสาวที่นั่งประชิดติดเธออยู่ไม่ห่าง

“พี่กับพี่บัวมีกันแค่สองคนพี่น้อง วันนี้พี่ดีใจมากที่จะมีน้องสาวเพิ่มขึ้นอีกคน” คุณหมอแก้วกัลยาเอ่ย พร้อมกับจับมือของมินตราขึ้นมากุมไว้

และประโยคนี้ของแก้วกัลยาก็ทำให้คนที่ถูกกุมมืออยู่อ้าปากค้าง ไม่ต่างกันเลยกับสามเสือที่หันหน้าไปมองคนพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน

“พี่รองคะ” เสียงหวานของบัวบูชาดังขึ้น กฤตภาสเบนสายตาไปมองพี่สะใภ้อย่างช้าๆ

“บัวหารือกับพี่ใหญ่และที่บ้านแล้ว ว่าบัวจะรับน้องมินเป็นน้องบุญธรรม พี่รองเห็นด้วยหรือเปล่าคะ” สะใภ้ใหญ่เอ่ย

“พี่...เอ่อ...” กฤตภาสอึกอัก หากแต่เมื่อหันไปสบตาพี่ชายคนโตที่กำลังพยักหน้าตอบกลับมา ชายหนุ่มจึงหันไปสบตาพี่สะใภ้อีกครั้ง “ถ้าหากน้องบัวมั่นใจ พี่ก็เห็นด้วยครับ” ถึงแม้นว่าจะยังตั้งรับการตัดสินใจครั้งนี้ของพี่สะใภ้ไม่ทัน แต่เขาก็มั่นใจว่าบัวบูชาได้ไตร่ตรองมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว

“ขอบคุณค่ะพี่รอง บัวกับต้นแก้วจะเป็นครอบครัวให้แก่น้องมิน ส่วนพี่รองก็คือผู้ปกครองของน้องมินเหมือนเดิมนะคะ” บัวบูชาส่งยิ้มหวานให้น้องชายคนรองของสามี กฤตภาสพยักหน้ารับพร้อมด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

“น้องมิน มาเป็นน้องสาวของพี่กับพี่แก้วนะ” บัวบูชาเดินไปนั่งขนาบข้างมินตราเอาไว้ เด็กสาวหันไปมองสบตาบัวบูชา ก่อนจะหันไปมองแก้วกัลยาที่นั่งขนาบอยู่อีกข้าง

“หนู...หนูไม่กล้าหรอกค่ะ” มินตราส่ายหน้าระรัว

“น้องมินกลัวอะไร มาเป็นน้องสาวพี่ พี่จะปกป้องและดูแลน้องมินเอง” บัวบูชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“แต่หนูเป็นแค่เด็กกำพร้า ส่วนคุณใบบัวและคุณต้นแก้วเป็นเจ้านาย”

“เจ้านายอะไรกัน ทั้งพี่บัวและพี่แก้วก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง” แก้วกัลยายกมือขึ้นไปเช็ดน้ำตาให้เด็กสาวตัวน้อย ท่ามกลางสายตาหวานเยิ้มของทนายประจำตระกูลที่จับจ้องว่าที่เจ้าสาวตาไม่กะพริบ

“พี่ชินอย่าเพิ่งหลงประเด็นครับ เขากำลังซึ้งกันอยู่” คุณหมอกลางสะกิด

“น้องแก้วน่ารักจังเลยนะครับ” เตชินตอบกลับพร้อมรอยยิ้มหวาน

“โอ๊ย เบื่อคู่เขยบ้านนี้มาก อะไรจะหลงเด็กเบอร์นี้” คุณเล็กส่ายหน้า

“มินตรา ตอนนี้เธอเป็นน้องสาวของภรรยาฉันแล้ว ฉันจะจัดห้องพักให้เธอใหม่” กฤตนัยกล่าว

“หนูขออยู่กับนมพิศเหมือนเดิมได้ไหมคะ เวลาหนูอยู่กับนมพิศทำให้หนูรู้สึกว่าย่ายังอยู่กับหนู” เด็กสาวเอ่ยขอเสียงแผ่ว

“ได้จ้ะ อยู่กับนมพิศก็ได้ แต่ต่อไปนี้น้องมินไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกแล้วนะ ให้ท่องไว้เสมอว่ายังมีพี่และพี่ต้นแก้วเป็นครอบครัว”

“ขอบคุณคุณใบบัวมากๆ เลยนะคะที่เมตตาหนู” มินตราเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้

“แน่ะ ผิดแล้วจ้ะ เรียกพี่บัวสิ” บัวบูชาอมยิ้ม

“เรียกพี่แก้วด้วย ไม่งั้นพี่งอนนะ” คุณหมอแก้วกัลยายกมือขึ้นกอดอกพร้อมกับทำแก้มป่องอย่างน่ารัก น่ารักที่สุดในสายตาท่านทนายที่เอาแต่นั่งจ้องว่าที่เจ้าสาวของตนเองแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตาหวานเยิ้ม

“หนักกว่าพี่ใหญ่ก็พี่ชินนี่แหละนะครับ” คุณหมอกลางแอบกระซิบคุณรองทางฝั่งขวา

“มวยถูกคู่นะเขยบ้านนี้” คุณรองส่ายหน้า

“ผมชักอยากจะเห็นอีกเขยแล้วสิครับ ว่าที่คนรักของมินตราจะมาแนวไหน จะเป็นป๋าขี้อ่อยอย่างสองเขยนี้หรือเปล่า” คุณเล็กกระซิบข้างหูคุณรองจากทางฝั่งซ้าย

“มินตรายังเด็ก ยังไม่ถึงเวลาที่จะคิดเรื่องรักเรื่องใคร่” กฤตภาสตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างและดุดันเสียจนสองฝาแฝดสะดุ้ง  ก่อนที่ทั้งสามหนุ่มจะหันกลับไปสนใจสามสาวบนโซฟายาวอีกครั้ง

“ค่ะ ขอบคุณค่ะพี่ใบบัว พี่ต้นแก้ว” มินตราเอ่ย

สองสาวสวมกอดน้องสาวคนใหม่เอาไว้ มินตรารับรู้ถึงความรู้สึกที่อบอุ่นและปลอดภัย เธอโหยหาอ้อมกอดของใครสักคนที่จะคอยเป็นที่พักพิงให้ในยามเธอท้อแท้ วันนี้มีผู้หญิงสองคนเข้ามาเติมเต็มชีวิตสีเทาให้กลับมามีสีสันอีกครั้งด้วยคำว่า ‘ครอบครัว’

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น