5

บทที่ ๕

บทที่ ๕

ถ้าไม่นับงานแต่งงานของสมุทรกับชลธรแล้ว
 ดั่งฟ้าได้คุยกับก้องกิตติ์ครั้งสุดท้ายตอนงานรับปริญญาของเธอ แล้วเขาแวะมาแสดงความยินดีกับถ่ายรูปด้วย ก่อนจะหายไปตามทางใครทางมันเมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงาน นับจากวันนั้นก็สิบกว่าปีได้แล้ว

แต่วันนี้เธอกำลังจะได้พบกับก้องกิตติ์อีกครั้ง เมื่อตอนนี้เขากำลังนั่งรถแอร์ลิงก์จากสนามบินมายังใจกลางเมืองเอดินบะระหลังเดินทางมาถึงด้วยสายการบินสัญชาติตะวันออกกลาง ส่วนเธอมาถึงที่นี่ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน

เอดินบะระเป็นเมืองงดงามดังที่ดั่งฟ้าเคยจินตนาการไว้ สมกับที่เป็นเมืองต้นกำเนิดของวรรณกรรมเยาวชนชื่อก้องโลกอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ ขณะนี้หญิงสาวกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารบนถนนรอยัลไมล์ซึ่งเป็นหนึ่งในถนนท่องเที่ยวสายหลักของกรุงเอดินบะระ พื้นถนนเป็นหินไม่สม่ำเสมอ ตลอดทางเรียงรายด้วยอาคารก่อสร้างด้วยอิฐสีน้ำตาลคงเอกลักษณ์เก่าแก่อันต้องมนตร์ขลังของเมืองหลวงแห่งดินแดนเหนือ ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารและร้านค้าของพื้นเมืองชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็นวิสกี้หรือเครื่องแต่งกายลายสกอต ตรงข้ามร้านกลางถนนนี้คือที่ตั้งของมหาวิหารเซนต์ไจลส์ของนิกายเชิร์ชออฟสกอตแลนด์ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมกอทิก และโดดเด่นด้วยยอดโดมรูปมงกุฎที่มองเห็นได้จากไกลๆ ภายใต้ท้องฟ้าสีหมองที่มีเมฆสีตุ่นปกคลุมทั่วที่ส่งผลให้เมืองนี้ดูเคร่งขรึมแบบหม่นๆ ท้องฟ้าที่นี่ครึ้มเทาเกือบตลอดเวลาตั้งแต่เธอมาอยู่ และแสงแดดก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากเหลือเกินจากเมืองนี้ มีเพียงวันสองวันเท่านั้นที่แดดจัดจ้า ทว่าก็ไม่ร้อนแรงดังเมืองไทย ติดจะเย็นๆ ด้วยลมหนาวที่พัดมาจากทะเลเหนือเสียมากกว่า

ดั่งฟ้าชื่นชมความงามของมหาวิหารเซนต์ไจลส์ไปพร้อมกับละเลียดจิบกาแฟ ก่อนตวัดสายตามาเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ซึ่งสว่างวาบจากการแจ้งเตือนว่ามีคนมาคอมเมนต์การเช็กอินถนนรอยัลไมล์ของเธอในเฟซบุ๊ก แต่เธอไม่ได้สนใจจะเปิดอ่านโดยละเอียด แล้วหยิบแมคบุ๊คขึ้นมาจากกระเป๋าถือใบใหญ่ กดเปิดเพียงครั้งเดียวก็ปรากฏหน้าจอล็อกอินเข้าเครื่อง 

หญิงสาวรีบเข้าไปดูไฟล์งานแบบร่างของตนในโปรแกรมที่เธอเพิ่งร่างไปได้ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ หลังจากวันนี้ไปลงพื้นที่ร้านอาหารไทยขนาดใหญ่ที่กำลังจะเปิดให้บริการในอีกสามเดือนข้างหน้าบนถนนเซาท์เคลิร์ก หน้าที่หลักของดั่งฟ้าคือปรับปรุงโครงสร้างภายในเนื่องจากตัวอาคารเก่าพอสมควร รวมถึงรับหน้าที่ออกแบบภายในด้วย เนื่องจากคุณอธินา เจ้าของเครือวรากิตติ์ซึ่งเป็นเครือธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องจักร สินค้าไอที และร้านนวดแผนไทยเจ้าใหญ่ในยุโรป ต้องการสถาปนิกคนไทยที่เคยมีประสบการณ์การออกแบบร้านบริการของไทยในต่างแดน และดั่งฟ้าเองก็มีประสบการณ์ในการปรับปรุงทั้งร้านอาหารไทยและโรงแรมสัญชาติไทยในต่างประเทศมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเธอคือการออกแบบโครงสร้างภายในให้ร้านอาหารไทยที่เจ้าของเทกโอเวอร์อาคารสไตล์วิกตอเรียในลอนดอน จึงได้รับการทาบทามมาให้ออกแบบภายในอาคาร ณ ประเทศอังกฤษอีกครั้งอย่างน่าภูมิใจ

หญิงสาวทำงานเป็นสถาปนิกให้บริษัทออกแบบภายในชื่อดังซึ่งมีบริษัทแม่อยู่ที่ลอนดอนมาได้เจ็ดแปดปีแล้ว ช่วงสี่ห้าปีแรกๆ ก็ทำเป็นงานประจำควบไปกับการเป็นผู้จัดการดารา แต่หลังๆ พอเธอเข้าวัยสามสิบก็ชักไม่ไหว เมื่อพี่สาวตัดสินใจเพลางานในวงการบันเทิงแล้วเปิดร้านของหวาน แทนที่จะสบายขึ้นเนื่องจากดูแลคิวน้อยลง กลับกลายเป็นว่ายุ่งกว่าเดิม เพราะร้านขนมและไอศกรีมของดุจฝันประสบความสำเร็จจนเปิดสาขาสองสาขาสามตามมา สุดท้ายดั่งฟ้าจึงขอออกมาเป็นสถาปนิกพาร์ตไทม์ รับงานตามความสะดวก แต่ก็ไม่ทิ้งขาดเพราะเป็นงานที่เธอรัก 

หญิงสาวนั่งขมวดคิ้วมองหน้าจอแล้วเริ่มร่างโครงสร้าง ผ่านไปได้ราวๆ สิบนาทีหน้าจอโทรศัพท์ก็สว่างขึ้นมาอีกครั้ง ปรากฏข้อความจากคนที่เธอรออยู่ผ่านแอปพลิเคชันไลน์

‘เราถึงแฟลตแล้วนะ อีกประมาณสิบห้านาทีเจอกัน’ (เอียง)

หญิงสาวรีบพิมพ์ตอบ ‘ก้องเหนื่อยมากมั้ย ถ้าเหนื่อยพักก่อนก็ได้’

เธอพิมพ์ไปด้วยความรู้สึกจริงๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก้องกิตติ์ยืนกรานนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่มาถึงที่นี่ว่านอนเต็มอิ่มมาจากบนเครื่องแล้ว และเมื่อเธอเสนอว่าจะไปรับที่สนามบิน เขาก็ปฏิเสธเสียอีก และกล่าวว่าเคยมาที่นี่แล้วจึงไม่ลำบาก สุดท้ายแล้วดั่งฟ้าเลยตามใจ แต่ก็เกรงใจในเวลาเดียวกันว่าเขายังจะออกมาพบเธอแม้น่าจะเหนื่อยพอตัวหลังจากนั่งเครื่องมาครึ่งวัน

‘ไม่เหนื่อยๆ เราอยู่แถวโฮลีรู้ดด้วย ใกล้รอยัลไมล์อยู่แล้ว แล้วเจอกันนะ’ (เอียง)

ดั่งฟ้ายิ้มไม่รู้ตัว แล้วส่งสติกเกอร์รูปโอเคกลับไป 

หลังจากได้หมายเลขโทรศัพท์ของเขามาเมื่อสี่เดือนก่อนในงานอัปมงคลสมรสของสมุทร เธอก็ได้คุยกับชายหนุ่มแค่สองสามครั้ง ครั้งแรกคือถามจุดประสงค์ในการมาเอดินบะระ ก้องกิตติ์ได้รับรางวัลระดับนานาชาติจากการเขียนแอปพลิเคชันด้านออกแบบ และจะเดินทางมารับรางวัลที่นี่ รวมถึงทำงานร่วมกับบริษัทด้านแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือสัญชาติสกอต อีกทั้งตั้งใจจะมาเจอเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเตรียมอุดมฯ อย่างศรัณย์ที่กำลังจะเดินทางมาดูแลการเปิดร้านอุปกรณ์ไอทีที่นี่ โดยส่วนตัวดั่งฟ้าเองแม้จะไม่เคยอยู่ห้องเดียวกับศรัณย์ แต่เธอก็พอจำเขาได้เพราะเคยคุยกัน หลังจากนั้นดั่งฟ้าก็ยังได้เจอศรัณย์บ้าง เพราะเขาเรียนวิศวะอยู่กับก้องกิตติ์ แต่พอเรียนจบก็ไม่ได้ข่าวอีก มารู้อีกทีก็จากปากก้องกิตติ์นี่เองว่าศรัณย์ย้ายมาอยู่ยุโรปได้หลายปีแล้ว

แปลก...การไปเจอกันในเหตุการณ์ที่ไม่ควรเจอกัน แถมโชคชะตายังเล่นตลกให้เดินทางมาพบกันในเมืองที่อยู่อีกซีกโลกเช่นนี้ ดั่งฟ้าไม่รู้จะเรียกความบังเอิญนี้ว่าอย่างไรดี 

‘ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ก็เรียกว่าพรหมลิขิตสิ’

ภานินีว่าเช่นนั้นเมื่อเดือนก่อน ดั่งฟ้าได้แต่เกาหัวแกรกๆ นั่งมองเพื่อน อยากคิดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าตนไม่ได้คิดอะไรกับก้องกิตติ์มาเป็นสิบปีแล้ว จะมาทึกทักว่าเป็นพรหมลิขิตคงดูแปลกๆ ดั่งฟ้าจึงท้วง

‘ก็แค่บังเอิญ พรหมลิขิตอะไร ทีแกยังเดินไปเจอโจทก์เก่าที่เคยแย่งแฟนแกที่ฮ่องกงเลยไม่ใช่เหรอ นั่นคือพรหมลิขิตมั้ยถามใจเธอดู’

ตั้งดาวถึงกับหลุดหัวเราะพรืด ในขณะที่ภานินีส่งสายตาเขียวปั้ดมาให้ รีบตอบ

‘เออ มันก็คนละเรื่องกัน อันนั้นมันความซวยลิขิต แต่ของแกมันคนเคยกิ๊กกัน งานนี้มีรักใสๆ หัวใจสองดวงเกิดขึ้นกลางเอดินบะระแน่นอน’ 

ดั่งฟ้าฟังแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ‘เคยกิ๊กกันอะไร’

‘ทำไมจะไม่เคย อย่างน้อยก้องก็เคยอยู่ช่วยแกตั้งหลายรอบ’ ของขวัญพูดขึ้น ดวงตาวับวาว

‘นั่นมันเพราะก้องเป็นสุภาพบุรุษกับทุกคน’ ดั่งฟ้าตอบเสียงเรียบ ‘แล้วก็...มีแต่ฉันต่างหากที่เคยมองเขาอยู่ข้างเดียว’

หญิงสาวหลุดออกจากบทสนทนานั้นเมื่อเห็นคนคุ้นตาเดินเข้ามาในร้าน ทันทีที่สบตาเธอ ก้องกิตติ์ก็รีบยิ้มให้แล้วเดินตรงเข้ามาหา เอ่ยด้วยเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง

“ฟ้า...รอนานมั้ย”

คนที่เธอเคยมองบัดนี้กลับมายืนอยู่ในสายตาเธออีกครั้ง

“ไม่หรอก”

                ดั่งฟ้ายืนขึ้น ยิ้มกว้างให้ก้องกิตติ์แล้วรีบผายมือให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ว่าง ชายหนุ่มสวมแว่นสายตาทำให้ดูแปลกตาไปเล็กน้อย หญิงสาวพอเห็นรอยคล้ำรอบตาเขาและสีหน้าที่ติดจะอิดโรยไปบ้างก็อดถามไม่ได้

                “เป็นไงก้อง เหนื่อยมากมั้ย” เธอนั่งลงพร้อมเขา “เพิ่งลงจากเครื่องแท้ๆ แต่ก็ยังมีน้ำใจแวะมาหา”

                ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่หรอก มีเพื่อนทั้งทีก็ต้องแวะมาหาอยู่แล้ว เราคงไม่ค่อยได้เจอคนไทยคนอื่น กว่าสนจะมานี่ก็ตั้งสัปดาห์หน้า จริงๆ เราดีใจที่ฟ้าบังเอิญมาทำงานที่นี่ในช่วงเดียวกัน”

                ดั่งฟ้าพับหน้าจอคอมพิวเตอร์ คนตรงหน้าใจดีเท่าไหนเธอรู้ดี หญิงสาวสบตาคู่เรียวก่อนตอบยิ้มๆ

                “เราก็เหมือนกัน ถ้ายังไงช่วงนี้เจอบ่อยก็อย่าเพิ่งเบื่อเรานะก้อง”

“ไม่เบื่อหรอก” ก้องกิตติ์รีบตอบ  

“ขอบคุณนะ”

“เรายินดี” ก้องกิตติ์ตอบเสียงนุ่ม 

หญิงสาวพินิจใบหน้าเขาไปด้วย ริ้วรอยขีดเล็กๆ ริมขอบตากับไรหนวดจางๆ นั้นคือหลักฐานของกาลเวลาที่ผันผ่าน พอมาอยู่บนใบหน้าชายตรงหน้าแล้วกลับทำให้เขาดูมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่และน่ามองกว่าสมัยเด็กๆ เสียอีก

                “ก้องสั่งอะไรก่อนมั้ย” 

เธอว่าแล้วยื่นเมนูให้ ก้องกิตติ์พยักหน้าแล้วรับไป ดั่งฟ้ามองเขาพิจารณาเมนูอาหารแล้วถามต่อ

                “เอ...ก้องมาอังกฤษเป็นรอบที่สองของปีแล้วนี่”

                เขาเงยหน้าขึ้นมาพยักหน้า “ก็อย่างที่เล่าให้ฟ้าฟังในไลน์นั่นละ แต่ไม่ได้ขึ้นมาถึงสกอตแลนด์”

                “แล้วตอนนั้นไปเมืองไหนมั่ง”

“แค่ลอนดอนกับเซาแทมป์ตัน พอดีพี่ชายของเราทำงานอยู่นั่น” 

ดั่งฟ้าเลิกคิ้วกับข้อมูลใหม่ “จริงเหรอ งั้นเดี๋ยวก้องก็คงแวะลงไปเยี่ยมน่ะสิ”

ก้องกิตติ์ยังไม่ก้มลงมองเมนู ตอบเธอต่อ “ไม่แล้ว เพราะว่าพี่เราลาออกแล้ว ที่เรามานี่ก็เพราะช่วยพี่ย้ายของกลับไทย”

หญิงสาวพยักหน้าช้าๆ “แล้วพี่ชายก้องทำงานอะไรที่นี่”

“วิศวะ ตอนนี้ก็กลับไปเป็นวิศวะที่ไทย”

“แล้ว...” ดั่งฟ้าอยากถามสาเหตุแต่ก็เว้นช่วง เนื่องจากบางทีอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัว ทว่าก้องกิตติ์กลับเล่าต่อด้วยท่าทางสบายๆ

“เพราะครอบครัวน่ะ พี่เราแต่งงานตั้งแต่ก่อนเรียน ป. เอก แต่งได้ปีนึงก็มานี่แล้วอยู่ทำงานยาวเลย พี่สะใภ้เราอยู่เมืองไทยคนเดียวมาหลายปีแล้ว”

คนฟังฟังอย่างตั้งใจ “โทษนะ พี่สะใภ้ก้องไม่เหงาเหรอแบบนี้ หรือตามมาอยู่ที่นี่ได้มั้ย”

“ก็น่าจะเหงาอยู่นะ เห็นพูดอยู่ แต่ย้ายมาที่นี่ไม่ได้เพราะต้องทำงานให้ทางบ้านตัวเองเหมือนกัน สุดท้ายก็บินเยี่ยมกันไปมาห้าหกปีแล้ว”

“โห...สุดยอดเลย” ดั่งฟ้ากะพริบตา “ทั้งพี่ชายก้อง ทั้งพี่สะใภ้ก้องนี่เก่งจริงๆ ยังรักษาความสัมพันธ์ระยะไกลได้”

“นั่นสิ อาจจะเพราะโตๆ กันแล้วด้วยมั้ง มีปัญหากันบ้างแหละ แต่...สุดท้ายก็ผ่านไปได้ แต่หลายคนก็ไปไม่รอด” 

ชายหนุ่มก้มลงมองเมนูต่อ ดั่งฟ้ายักไหล่ ไม่คิดจะลงประเด็นไปลึกกว่านั้น เพราะอย่างไรเสียก็เป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวก้องกิตติ์ แม้เขาจะเล่าให้ฟังเองก็ตาม 

“แล้วสนุกมั้ยตอนนั้น ที่มาที่นี่”

“ก็ดีนะฟ้า เราไปหลายที่เลย ไปงานแต่งงานสนที่เบอร์ลิน ไป...เช็ก ไปออสเตรีย สวิส แล้วมานี่ต่อ กลับไทยกับพี่ เหนื่อยแต่ก็สนุก”

ดั่งฟ้าเลิกคิ้ว “สนแต่งงานแล้วเหรอ”

“แต่งแล้ว”

“เอาจริงเพื่อนเราก็แต่งงานกันเกือบหมดแล้วนะเนี่ย”

“นั่นสิ” ก้องกิตติ์พยักหน้า “ตอนนี้กลายเป็นอาเป็นลุงให้เด็กเต็มไปหมด”

ดั่งฟ้าหัวเราะ ในวัยสามสิบสาม...วัยที่ค่านิยมคนส่วนใหญ่เชื่อว่ามีหน้าที่การงานมั่นคง แต่งงาน มีลูก แต่เธอยังเป็นประชากรที่ไม่ได้เดินตามค่านิยมนั้น อีกอย่างพอเพื่อนแต่งงานกันเยอะขึ้น พี่สาวมีหลานมาให้เลี้ยง ดั่งฟ้าก็พบว่าชีวิตแต่งงานนั้นมันซับซ้อนกว่าที่เธอคิดมากพอตัว ความฝันที่จะได้ใส่ชุดเจ้าสาวเลยเริ่มเลือนราง เพราะไม่อยากให้ชีวิตวุ่นวายไปกว่านี้

“นั่นสิ เราก็เป็นน้าแล้วเหมือนกัน ส่วนป้าก็เป็นบ้าง แต่ยังไม่อยากโดนเด็กเรียกป้าเท่าไร”

หญิงสาวชี้หางตาตัวเองคล้ายกับจะให้ดูว่าตีนกายังไม่มาเยือน ก้องกิตติ์หัวเราะเบาๆ ก่อนทัก

“หลานของฟ้าก็น่ารักมากเลยนะ พอเห็นข่าวอยู่”

แม้เขาจะไม่เคยเจอน้องพราว หลานสาววัยขวบกว่าของเธอมาก่อน แต่คนไทยส่วนใหญ่ต่างรู้จักลูกสาวของดุจฝันกับอาจารย์หนุ่มผู้เป็นสามีของเธอ เด็กหญิงพราวฉายแววน่ารักตั้งแต่เด็ก จนผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กพากันจับจองตัวทั้งแม่ทั้งลูกให้ไปเป็นพรีเซนเตอร์ 

“ขอบคุณนะก้อง หน้ากล้องก็น่ารัก แต่หลังกล้องนะ หืม...ทึ้งผมน้าฟ้าจนหัวแทบล้าน”

ดั่งฟ้าตอบแล้วจับหน้าผากตัวเองเบาๆ ก้องกิตติ์ส่ายหน้าพรืดแล้วหัวเราะ

“ยังๆ ยังไม่ล้าน ว่าแต่สนุกมั้ยเลี้ยงหลาน”

“ก็สนุกดี แต่ยุ่งมาก แบบรู้เลยว่ามีลูกคนนึงนี่เหนื่อยจริงๆ”

ไหนจะให้นมให้ข้าว ไหนจะคอยดูแล ไหนจะต้องคอยปลอบประโลมยามร้องไห้ คอยระวังไม่ให้เป็นอันตราย น้าอย่างเธอยังเหนื่อยขนาดนี้ คนเป็นแม่คงเหนื่อยกว่าสิบเท่า ว่าแล้วดั่งฟ้าก็เผยทัศนคติของตนออกไปตรงๆ

“เอาจริงเราไม่ชอบเด็ก ไม่ชอบอะไรที่ควบคุมไม่ได้”

“แบบนี้ฟ้าคงไม่คิดมี” ก้องกิตติ์ถามตรงๆ 

ดั่งฟ้าชั่งใจก่อนส่ายหน้า

“ถ้าถามเรา เรายังไม่คิด แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่รักหลานนะ เรารัก แล้วก็สนุกที่ได้เห็นเขาโตขึ้นทุกๆ วัน น่าตื่นเต้นว่าจะโตขึ้นมาเป็นคนดีแบบที่พวกเราตั้งใจให้เป็นหรือเปล่า”

ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยประกายอบอุ่นแบบที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว ก่อนเอ่ยปากถาม

“ว่าแต่...สนล่ะ มีน้องยัง”

ก้องกิตติ์ส่ายศีรษะ “ยังๆ เพิ่งแต่งเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง”

“แล้วแฟนเป็นคนเยอรมันเหรอ ตอนนี้สนยังอยู่เบอร์ลินใช่มั้ย”

“ตอนนี้สนไปตรวจงานอยู่ที่มิวนิก ส่วนภรรยาสนเป็นคนไทย แต่เบสอยู่เบอร์ลินทั้งคู่”

ดั่งฟ้ายกมือขึ้นลูบคาง “ว่าแต่ทำไมตอนนั้นสนย้ายไปอยู่เบอร์ลินนะ”

ดูเหมือนก้องกิตติ์จะลืมไปแล้วว่าเมนูอาหารยังอยู่ตรงหน้า เขาเล่าเรื่องเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าสบายๆ

“ตอนแรกอยู่ปราก เพราะคุณพ่อสนมาเปิดธุรกิจที่ปราก เลยย้ายตามกันมาทั้งครอบครัว ปรากฏเมื่อสามสี่ปีก่อนมีคดีขโมยระดับชาติ แล้วฝั่งเครือธุรกิจของภรรยาสนที่ตอนนั้นลงทุนในปรากโดนกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลัง สนได้เข้าไปช่วย สุดท้ายเลยรักกันตอนฝ่ากระสุนปืนนั่นละ”

                “จริงเหรอ” ดั่งฟ้าร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ยังกะหนัง”

                “จริง เรื่องตอนนั้นพีกมากฟ้า ไว้เจอสนค่อยให้สนเล่ารายละเอียดให้ฟังละกัน เดี๋ยวสนมาที่นี่ก่อน แล้วภรรยาจะตามมา”

                “ได้ๆ รอฟังเลย ว่าแต่เครือของภรรยาสนนี่เครือไหน เครือธุรกิจไทยที่ลงทุนในยุโรปที่เรารู้จักเองก็มีไม่กี่เจ้า เราอาจคุ้นๆ หูมาบ้าง”

                “วรากิตติ์นั่นละ คุณเอื้อม เจ้าของเครือคือภรรยาสน ไม่รู้ฟ้ารู้จักหรือเปล่า”

                สถาปนิกสาวกะพริบตาปริบๆ แล้วร้องขึ้น “เฮ้ย โลกกลมมาก เพราะคุณเอื้อมนี่แหละคือลูกค้าของบริษัทเรา จ้างให้บริษัทเราออกแบบภายในร้านอาหารของเขาที่นี่ วันก่อนยังวิดีโอคอลกันเพื่อรับบรีฟอยู่เลย”

                นัยน์ตาหลังแว่นก้องกิตติ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจไม่แพ้กัน “โลกกลมจริงๆ ด้วย เราคิดว่าฟ้ามาที่นี่เพราะออกแบบให้บริษัทของฟ้าอย่างเดียว แต่ไม่รู้ว่าลูกค้าที่เป็นเจ้าของโพรเจกต์นี้คือคุณเอื้อม”

                “โลกกลม...โลกกลม...” ดั่งฟ้าทวนคำซ้ำไปมา พอหายอึ้งเพราะความบังเอิญแล้ว เธอก็สบตาคู่เรียวของนักพัฒนาหนุ่มที่เธอไม่คิดว่าจะมีโอกาสมานั่งคุยด้วยในอีกซีกโลกเช่นนี้

                “ขนาดเราเองไม่เจอก้องมาตั้งสิบปี บทจะเจอก็เจอแบบไม่คาดฝัน แถมยังมาเมืองเดียวกันแบบนี้ในช่วงเดียวกัน เราว่า...จะเจอเรื่องบังเอิญเรื่องอื่นก็ไม่น่าประหลาดใจแล้วละ”

                พลันดวงตาคู่เรียวของชายหนุ่มกลับเต็มไปด้วยความจริงใจคล้ายตอนที่เขาคืนร่มให้เธอตอน ม. ห้า

แม้ท้องฟ้ายามบ่ายสามภายนอกจะหม่นด้วยเมฆฝนจนชวนหดหู่ แต่ดั่งฟ้ากลับรู้สึกเหมือนดวงอาทิตย์กำลังทอแสงอันอบอุ่นมายังบริเวณที่เธอนั่งในตอนนี้ 

และช่วงเวลาในเมืองเอดินบะระนับจากนี้ก็น่าจะเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจไม่น้อย

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น