8

บทที่ ๘

บทที่ ๘

 

สมุทรเสมอต้นเสมอปลายกับเธอราวกับมีโพรโมชันอยู่ตลอดเวลาสองปีที่คบกัน ส่วนเธอเองก็เสมอต้นเสมอปลาย...เอาใจใส่งานเป็นหลัก จนดุจฝันบอกให้เอาเวลาไปดูแลแฟนบ้าง

            ‘ทำเข้าไปได้ไง เรียนที่เดียวกัน คนหนึ่งอยู่แค่แถวๆ สามย่าน คนหนึ่งอยู่ฝั่งพญาไท แต่กินข้าวกันแค่อาทิตย์ละครั้งเนี่ยนะ’

                ดั่งฟ้าหัวเราะแห้งๆ ‘ซีเขาสบายมาก เขาไม่ว่าอะไรหรอก เราคุยกันเข้าใจแล้วละ’

                หญิงสาวไม่เคยพูดว่ารักเขาสักคำ อาจเพราะเธอไม่เคยรู้สึกมากล้นจนพูดได้เช่นนั้น แต่ถ้าถามว่ารักไหม ดั่งฟ้าคิดว่าตนก็รักสมุทรในฐานะที่เขาดูแลเธอ รักเพราะว่าเขาดีกับเธอเสมอมา ใครต่อใครต่างพูดว่าเธอกับเขาเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ทว่าเพื่อนของเธอหลายคนกลับพูดว่าความรักระหว่างนิสิตสถาปัตย์กับบัญชีที่ต่างคนต่างยุ่งดูท่าจะกระท่อนกระแท่นพอสมควร 

ส่วนดั่งฟ้า...กลับเชื่อว่าสมุทรคงเข้าใจความยุ่งของเธอ เพราะเขาเองก็เรียนหนักมากเหมือนกัน ดังนั้นคบกันไปแบบห่างๆ ดูแลกันอย่างห่วงๆ ก็เพียงพอแล้ว

                ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีจนปีสี่ที่เขากับเธอทะเลาะกันครั้งแรก เนื่องจากดั่งฟ้าต้องกลับไปแก้โมเดลที่คณะ ไม่ว่างไปดูหนังต่อกับเขาหลังกินข้าวเสร็จ สมุทรไม่พอใจที่อุตส่าห์ได้เจอกันทั้งทีแต่เธอก็ยังห่วงงานมากกว่า ดั่งฟ้าปล่อยให้เขาอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยตามง้อทีหลัง เพราะรู้ดีว่าตนเป็นอย่างที่ว่าจริง หลังจากนั้นเป็นต้นมา ดั่งฟ้าแก้ปัญหาด้วยการตะล่อมถามเขาบ่อยๆ ว่ามีปัญหาหรือเรื่องไม่สบายใจอะไรไหม และสมุทรก็จะเล่าทุกเรื่องให้เธอฟังเสมอ ส่วนเธอไม่คิดระบายเรื่องของตัวเองให้เขาฟังแม้จะเหนื่อยจนแทบร้องไห้ เพราะถือว่าแฟนหนุ่มยุ่งมากพออยู่แล้ว เขาจึงรู้แค่ว่าวันๆ เธอสเกตช์ เธอพบอาจารย์ เธอวางเพลตโมเดล เธอกินกระทิงแดง เธอโต้รุ่ง ส่วนดั่งฟ้านั้นรู้จักเพื่อนทุกคนในคณะของเขา จำชื่อคณาจารย์ได้ รู้แม้กระทั่งชื่อวิชาจนเหมือนเป็นคนเรียนเอง

                ความสัมพันธ์ที่เธอพยายามรักษาเป็นไปได้เรื่อยๆ คล้ายกับเรือกลางทะเล ไหวตามคลื่นแรงที่ไม่อาจพยากรณ์ได้ว่าเมื่อไรจะกลายเป็นพายุ เคราะห์ดีที่ไม่เคยมีเรือลำอื่นชื่อว่ามือที่สามมาทำให้ความรักสั่นคลอน จนกระทั่งถึงช่วงที่ดั่งฟ้าต้องทำวิทยานิพนธ์ตอนปีห้า แต่ละวันมีแต่วางแปลน แก้แปลน เพื่อเตรียมทำภาพสามมิติกับร่างพรีเซนต์ หญิงสาวจำต้องกินนอนอยู่คณะกับเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายชีวิต เธอสนิทกับเพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง เขาหน้าตาดีพอสมควรจนเป็นที่หมายปองของหญิงสาวหลายคนในคณะ และเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะขับรถมาส่งเธอที่คอนโดมิเนียมช่วงดึกๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่มีอะไรในกอไผ่ ดั่งฟ้ามีคนรักอยู่แล้ว ในขณะที่เพื่อนก็ยืนยันกับเธอว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้วเช่นกัน จึงไม่มีทางที่จะพัฒนาความรู้สึกไปไกลกว่านั้น และดั่งฟ้าก็ไม่ได้บอกสมุทรเพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ

                แต่ไม่รู้ว่าความเข้าหูสมุทรได้อย่างไร ชายหนุ่มมาชวนทะเลาะถึงที่คณะท่ามกลางสายตาเพื่อนและรุ่นน้องจนหญิงสาวอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ดั่งฟ้ามองหน้าเพื่อนสนิทไม่ติดไปหลายวัน เรื่องของเธอกลายเป็นที่ซุบซิบในคณะไปพักใหญ่ เล่นเอาดังฟ้าซึ่งเครียดเรื่องวิทยานิพนธ์เป็นทุนเดิมถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ทำงานไปก็ไม่มีสมาธิ แต่จะให้ติดต่อไปหาสมุทรก่อน เธอก็ไม่เอา เพราะถือว่าตนบริสุทธิ์ใจและไม่ผิดอะไร

สองสัปดาห์ให้หลัง สมุทรโทร. มาขอโทษเธอด้วยน้ำเสียงประชดประชันและตัดพ้อที่เธอไม่ติดต่อไปก่อน ดั่งฟ้ายอมให้อภัยง่ายๆ เพราะไม่อยากคิดมากแล้ว มารู้ทีหลังว่าเป็นเพราะของขวัญกับภานินีไปเล้งสมุทรชุดใหญ่ โทษฐานที่เข้าใจเธอผิด แต่เธอก็ถือว่าเรื่องมันแล้วไปแล้ว ไม่อยากเก็บมาคิดให้รกสมองช่วงใกล้จบ

เธอยังต้องอยู่ที่คณะจนดึกดื่นอีกหลายต่อหลายคืนหลังจากนั้น หญิงสาวเลือกบอกความจริงกับสมุทรว่ามีเพื่อนหนุ่มอยู่ด้วยหลายคน แต่ก็มีผู้หญิงอยู่ด้วยอีกหลายคนเช่นกัน ปรากฏว่าสมุทรบอกให้เธอกลับบ้านเดี๋ยวนั้น ถ้าไม่กลับเขาจะไปรับถึงคณะ สุดท้ายแล้วดั่งฟ้าเลยเลือกบอกว่าอยู่แต่กับผู้หญิงไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร และให้เพื่อนช่วยกันยืนยันจนเรียนจบ

                จนกระทั่งสมุทรไปสิงคโปร์ ความสัมพันธ์ที่ห่างกันเป็นทุนเดิมเลยยิ่งห่างกันเข้าไปใหญ่ พอเข้าช่วงปีที่สอง ปีที่สาม ความถี่ในการโทร. หากันก็ตกอยู่ที่สองสามวันต่อครั้ง ส่วนการเจอหน้ากันจริงๆ นั้นอยู่ที่สองเดือนต่อครั้ง ดั่งฟ้ายังจำได้ว่ามีช่วงหนึ่ง ตอนปีที่สองที่สมุทรหายไปหลายวัน หญิงสาวเป็นห่วงอย่างยิ่ง เลยพยายามโทร. ติดต่อเพื่อนร่วมงานของสมุทรที่สิงคโปร์จนได้ข่าวว่าสมุทรป่วยหนัก หญิงสาวตั้งใจจะไปเยี่ยม แต่เป็นช่วงเดียวกับที่ต้องไปทำงานที่ไต้หวัน เลยไม่ได้ไป ได้แต่โทร. คุยกับเขาแทน

                สถาปนิกสาวสัญญาว่าจะไปสิงคโปร์ทันทีหลังกลับจากไต้หวันแล้ว ทว่าสมุทรบอกว่าหายดีแล้ว ไม่ต้องมา ดั่งฟ้ายังไม่วางใจ แต่สมุทรก็ยืนกรานว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ จนดั่งฟ้าไม่ไปในที่สุด หนึ่งเดือนต่อมา ทั้งคู่นัดกินข้าวกันที่กรุงเทพฯ และความสัมพันธ์ก็ยังดำเนินไปตามปกติ จนดั่งฟ้าวางใจว่าคงไม่มีอะไรผิดปกติ

                เมื่อสมุทรกลับมากรุงเทพฯ ทั้งสองต่างยุ่งกันมากขึ้น แต่คราวนี้สมุทรเหมือนจะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เพราะเขาไม่โวยวาย ไม่บ่นตอนเธอไม่มีเวลาให้ ส่วนดั่งฟ้าเองไม่เคยบ่นเขาเรื่องไม่มีเวลามาแต่ไหนแต่ไร ก็เลยไม่มีปัญหาอะไรกัน ก่อนวันเกิดปีที่สามสิบของสมุทรหนึ่งวัน ดั่งฟ้าโทร. ไปบอกเขาว่าพรุ่งนี้งานยุ่ง ไปพบไม่ได้

                ‘ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าใจฟ้า ทำงานเถอะ’

                ‘ซี...ไม่โกรธจริงๆ เหรอ’ ดั่งฟ้าหยั่งเชิง

                ‘ไม่เลยฟ้า ไม่เป็นไรๆ เราทำงานก่อนนะ’ เขาพูดจบก็วางสาย ง่ายดายจนดั่งฟ้างง

                อันที่จริงหญิงสาวไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น เธอเตรียมเค้กและของขวัญจะไปเซอร์ไพรส์เขาที่บ้าน หญิงสาวจองร้านอาหารเลียบทางด่วนพร้อมชวนเพื่อนอีกสิบกว่าคนมาฉลองวันเกิดให้ ด้วยหมายว่าวันรุ่งขึ้นสมุทรคงดีใจและมีความสุข 

พอเที่ยงปุ๊บ หญิงสาวก็ขับรถไปบ้านสมุทรอย่างอารมณ์ดี เพราะรู้ว่าวันนี้เขาไม่เข้าออฟฟิศ แต่เมื่อลงมาจากรถเตรียมกดกริ่ง ดั่งฟ้าก็นิ่งไปดั่งโดนน้ำเย็นสาดหน้าแรงๆ เมื่อเห็นผ่านหน้าต่างกระจกใสว่าสมุทรอยู่กับผู้หญิงอีกคนในห้องรับแขกของเขา

ทั้งสองกำลังกอดกัน

และเริ่มทำอะไรบางอย่างมากกว่านั้น

ดั่งฟ้าหัวใจหล่นวูบ เธอไม่แน่ใจว่ายืนอยู่ตรงนั้นนานเท่าไร หญิงสาวชาไปทั่วร่างจนยากจะขยับ ไม่อาจจับต้นชนปลายได้ รู้ตัวอีกทีก็มือสั่นขาสั่นด้วยความโกรธ

เธอเกือบจะวิ่งเข้าไปโวยวาย แต่พอเอาเข้าจริงกลับหัวตื้อตัน คิดอะไรไม่ออกนอกจากคำถามว่าทำไม...ทำไมสมุทรถึงกล้าหักหลังเธอ ถึงกล้าทิ้งความรักความหวังดีตลอดเกือบสิบปีไปได้ง่ายๆ เช่นนี้

ความวูบโหวง ผิดหวัง เศร้าโศก กรุ่นโกรธ ไม่เข้าใจ ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาปะทะจิตใจดั่งฟ้า เธอยังยืนมองภาพเดิมเพื่อยืนยันว่าไม่ใช่ความฝัน หญิงสาวสะกดกลั้นอารมณ์ ดวงตาวาวโรจน์ ก่อนตัดสินใจยกโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายภาพตรงหน้า แล้วขับรถกลับบ้านทั้งที่มองทางไม่ชัดเพราะม่านน้ำตาบดบังทัศนวิสัยตลอดทาง

กลับบ้าน...พร้อมกับหัวใจที่แหลกสลาย

ดั่งฟ้าโทร. ไปยกเลิกการจองร้าน โทร. บอกเพื่อนๆ ว่าสมุทรไม่สบายหนัก ยังไม่ต้องโทร. หา และไม่โทร. ไปอวยพรวันเกิดคนรัก เช่นเดียวกับเขาที่ไม่ได้โทร. หาเธอเช่นกัน 

คืนนั้นผ่านไปเหมือนใจจะขาด ดั่งฟ้ารู้สึกโหวงร้าวราวอะไรบางอย่างหายไปจากชีวิต เธอมองเพดานเงียบๆ ปล่อยให้น้ำตาไหลลงหมอน ไม่โทร. ไปเล่าให้ใครฟังด้วยกลัวว่าเขื่อนจะแตก พี่สาวเธอเองก็ติดงานอยู่ต่างจังหวัด ดั่งฟ้าหวังว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเธอจะเข้มแข็งพอที่จะไม่ร้องไห้ให้คนเลวๆ ที่นอกใจเธอ แล้วเล่าให้แม่ พ่อ พี่สาว และเพื่อนๆ ฟังได้อย่างที่คนฟังไม่เป็นห่วงเธอ

สมุทรโทร. หาเธอเช้าวันต่อมา ดั่งฟ้าลังเลว่าจะรับหรือไม่รับดี แต่สุดท้ายก็รับ 

‘ฟ้า เรารู้ว่าฟ้ายุ่ง แต่ฟ้าลืมวันเกิดเราจริงๆ เหรอ’ เขาถามโดยที่ไม่รอให้เธอทักทาย

‘เราไม่ลืม...ไม่เคยลืมวันเกิดซีแม้แต่ครั้งเดียว’

ยากนักที่จะบังคับเสียงไม่ให้สั่น

‘แต่เมื่อวานฟ้าไม่เห็นโทร. มาเลย’

‘เพราะเราคิดว่าบางทีซีอาจไม่ได้อยากเจอเราในวันเกิดซีอีกต่อไป’ ดั่งฟ้าตอบเสียงแข็งขึ้น ใบหน้าแดงก่ำ

‘ทำไมพูดงั้นล่ะฟ้า’

หญิงสาวเงียบจนเขาถามซ้ำ 

‘ทำไมล่ะฟ้า เราอยากเจอฟ้า ฟ้าต่างหากที่ไม่มาหาเรา’

‘แล้วใครว่าเราไม่ไปหาซี!’

‘ฮะ...ฟ้าว่าไงนะ...’

ดั่งฟ้ากดวางสายโดยไม่รอให้สมุทรพูดจบ เขายังโทร. มาหาเธออีกสิบกว่าครั้งแต่หญิงสาวไม่รับ จนกระทั่งโทรศัพท์หยุดสั่นแล้ว ดั่งฟ้าจึงเข้าแอปพลิเคชันไลน์ แล้วส่งภาพที่เธอถ่าย...ไปให้เขา

สมุทรโทร. หาเธอไม่หยุด แต่ดั่งฟ้าไม่รับเสียที จนกระทั่งครึ่งชั่วโมงให้หลัง เขาส่งข้อความมาว่าอยู่ในล็อบบีอาคารสำนักงาน หญิงสาวชะงัก แล้วรีบลงไปข้างล่างเพื่อไล่เขากลับไปก่อนที่เขาจะบุกขึ้นมา

สมุทรยืนหน้าซีดอยู่หน้าเคาน์เตอร์แลกบัตร ทันทีที่เจอดั่งฟ้า เขาก็ปรี่เข้ามา แต่ดั่งฟ้ากลับเดินผ่านหน้า พอเขาคว้าแขนไว้ หญิงสาวก็สะบัด แล้วหันไปพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่สุด

‘ออกไปคุยกันข้างนอก’

สวนเล็กๆ ด้านนอกที่อับสายตาคนคือสถานที่คุย ทันทีที่ไม่เห็นใครอื่น สมุทรก็ละล่ำละลักกับเธอ

                ‘ฟ้า...มันไม่...’

                ‘ไม่ใช่อย่างที่ฟ้าคิด จะพูดงั้นเหรอ’ หญิงสาวขัดทันที กำหมัดแน่น

                ‘ฟ้าเข้าใจผิด’

                ‘เข้าใจผิดอะไรซี เรากินข้าวนะ ไม่ได้กินหญ้า’ ดั่งฟ้าย้อนเสียงดังขึ้น ดวงตาจ้องเขม็งดั่งเสือจ้องเหยื่อ ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอพยายามบังคับตัวเองอย่างหนักไม่ให้สั่นเทิ้ม ‘ไหน มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เลย ไม่ต้องปิดบัง’

                ‘เรา...’

                ‘พูด!’

ชายหนุ่มผงะไปเพราะไม่เคยเจอดั่งฟ้าขึ้นเสียงใส่มาก่อน สมุทรหลุบตาต่ำก่อนจะกล่าวเสียงแผ่ว

                ‘มันเป็นแค่เรื่องชั่วคราว’

                ดั่งฟ้าแค่นยิ้มขมขื่น ‘ชั่วคราว แต่มาถึงบ้านเนี่ยนะ ชั่วคราวนานเท่าไหร่แล้ว’

                จากท่าทีของสมุทรก่อนหน้านี้...เธอเดาได้ว่าชั่วคราวของเขาคงกินเวลามาพักใหญ่ทีเดียว อาจจะตั้งแต่ช่วงที่เขาห่างเธอไปและไม่เรียกร้องเวลาจากเธอเหมือนเก่า

                ‘มันแป๊บเดียวจริงๆ ฟ้า เราไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลย ฟ้า เรามีแต่ฟ้า และฟ้าก็เชื่อเราเถอะว่าเราจะไม่มีทางแต่งงานกับคนที่ได้มาง่ายๆ เป็นอันขาด’

                เหมือนภูเขาไฟระเบิดในสมอง เพิ่งรู้ว่าคบคนเห็นแก่ตัวและดูถูกเพศแม่มาเกือบสิบปีก็วันนี้ ดั่งฟ้าโกรธปรี๊ดจนตาลาย แต่ยังพยายามหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดเสียงเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ทั้งที่สมเพชสมุทรเหลือเกิน

                ‘อ๋อ ถ้าซีได้เรามาตั้งแต่สิบปีที่แล้ว ซีก็คงคิดว่าเราเป็นผู้หญิงง่ายๆ ใช่มั้ย ดีนะที่เรายังไม่ยอม เพราะเราเองก็ไม่อยากได้ผู้ชายที่ไปได้คนอื่นมาง่ายๆ เป็นสามีเหมือนกัน!’

                สมุทรหน้าเหลอ ส่วนดั่งฟ้าเองก็มองผู้ชายที่เธอเคยรักด้วยความผิดหวัง

            ‘ฟ้าทำไมพูดแรงขนาดนี้ นี่มันมากไปแล้วนะ’

‘แล้วทำไมซีต้องนอกใจเราแบบนั้นล่ะ’ หญิงสาวกัดฟันถามด้วยความแค้นเคือง

                ‘นอกใจ...เราไม่ได้ตั้งใจจะนอกใจเลยนะ เราบอกฟ้าไปแล้วว่ามันชั่วคราว แต่ฟ้าไม่ฟังเรา’

                ‘จะให้เราฟังอะไรอีกซี เราฟังซีมามากแล้ว แต่ครั้งนี้มันเต็มตาเลย เราฟังไม่ลงจริงๆ’

                สีหน้าชายหนุ่มหม่นลง แววตาตัดพ้อ ‘ฟ้าแน่ใจเหรอว่าเวลาที่ฟ้าฟังเรื่องของเรา ฟ้าเต็มใจรับฟังจริงๆ ไม่ใช่ฟังมันไปงั้นๆ คราวนี้ฟ้าไม่มีเหตุผลเลย ฟ้าไม่ฟังว่ามันมีอะไรนอกเหนือไปจากสิ่งที่ฟ้าเห็น’

                ดั่งฟ้ารู้สึกเหมือนได้ยินคนไม่มีเหตุผลพยายามร้องหาเหตุผล เธอได้แต่แค่นยิ้มด้วยความขมขื่น

                ‘จะขุดเรื่องเก่าทำไม เกี่ยวอะไร’

                ‘เกี่ยว! เพราะฟ้าไม่เคยรู้อะไรเลย’ สมุทรกล่าวอย่างอัดอั้นตันใจ ใบหน้ายังซีดเผือด แต่เหมือนเจือความโกรธขึ้นมาบ้างเช่นกัน 

                ดั่งฟ้าอยากชี้หน้าคนตรงหน้าเหลือเกินที่ยังมีหน้ามาต่อว่าเธอ แต่ก็ไม่ได้ทำ ได้แต่กำหมัดแน่นๆ เผื่อต่อยหน้าเขาได้สะดวก

‘แล้วฟ้าไม่รู้อะไร ไหนซีพูดมา พูดมาให้หมดเลยนะ เรื่องที่ไปทำลับหลังฟ้าน่ะ’

                พลันสมุทรหน้าหมองหม่น เขาดูเศร้า...แบบที่เธอไม่เคยเห็นว่าเขาเศร้าขนาดนี้มาก่อน ดวงตาติดแดงๆ จนดั่งฟ้าต้องกะพริบตาให้แน่ใจว่าตนมองไม่ผิด

                เศร้า...จนชวนให้ใจหาย

                จนไม่เหมือนสมุทรที่เธอเคยรู้จัก เธอไม่เคยเห็นเขาอ่อนแอเท่านี้มาก่อน

            ‘จริงๆ เราไม่อยากเล่าให้ฟ้าไม่สบายใจหรอก เราเป็นซึมเศร้า ฟ้าคงไม่รู้’

                ความโมโหทำให้ลั่นไปทันที ‘ไม่รู้’

                ‘เราเป็นมาได้หลายปีแล้ว’

หญิงสาวชะงักงัน มองคนตรงหน้าคล้ายไม่เชื่อเท่าไร อาการทางจิต...สำหรับเธอไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด แต่พอรู้ว่าคนรักของเธอเป็นมาตั้งนานโดยที่เธอไม่รู้อะไรเลย มันก็ทำให้ดั่งฟ้าอดสะท้อนใจไม่ได้ว่าเธอละเลยเขามานานเพียงใดกัน

แต่...นี่อาจจะเป็นแค่ละครบทนึง พอคนร้ายถูกจับได้ก็อ้างแรงจูงใจให้เธอสงสาร ทั้งที่การกระทำนั้นมันร้ายแรงเกินกว่าควรให้อภัย

แล้วความสงสารที่เกือบจะก่อตัวขึ้นมาก็หายวับไปคล้ายกับไม่เคยมีมาก่อน ดั่งฟ้าย้อนกลับเสียงห้วน 

‘แล้วเกี่ยวอะไรกับนอกใจ’

‘เพราะว่าฟ้าไม่เคยเข้าใจเราจริงๆ เลยไง เราเลยไม่บอกฟ้า เวลาที่ฟ้าคุยกับเรา ฟ้าก็เอาแต่คิดถึงงาน ฟ้าไม่เคยรู้ว่าเราป่วย!’

ถ้าบอกว่าเขาป่วยจริง...ดั่งฟ้าก็เริ่มเชื่อ เพราะเขาไร้เหตุผลเกินกว่าจะเป็นคนปกติได้

‘ก็ถ้าซีไม่บอก ฟ้าจะรู้มั้ยว่าซีป่วย’

                ‘ก็ถ้าคนรักกัน มันก็ต้องสังเกตกันได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ฟ้าเอาแต่เงียบเวลาฟังเรา พอฟังเสร็จก็ไปทำงานต่อทุกที ไม่คิดถามเราว่าจริงๆ แล้วเราเป็นไง เรารู้สึกอะไร ฟ้ารู้มั้ยว่าจริงๆ แล้วเราเครียดขนาดไหนที่เรามีแฟนห่วงแต่งาน เรามีแฟนที่ไม่มีเวลาให้เรา ฟ้าเหมือนรับฟังเรา แต่จริงๆ ฟ้าก็ไม่ได้สนใจเรา คบเราไปงั้น พอเราคุยกับฟ้า เราอึดอัดมากเลย ฟ้ารู้มั้ย’

                ดั่งฟ้าเงียบสนิท ฟังความรู้สึกที่คนรักระบายออกมาด้วยความขมขื่น ไม่เคยคิดมาก่อน...ว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้โอเคเลยกับการที่เธอต้องการรักษาความสัมพันธ์ไว้แบบห่างๆ ไม่เคยรู้เลยว่าจริงๆ แล้วเขาอึดอัดมาโดยตลอด

                ไม่เคยรู้...ว่าตนเองก็ใจร้ายไม่น้อย

‘ฟ้าบอกฟ้าจะพยายาม แต่ฟ้าไม่เคยดูแลเรา ฟ้าห่วงแต่งานตัวเอง ห่วงอนาคตตัวเอง ฟ้าห่วงแต่พี่ฝัน ห่วงแต่ครอบครัว ไม่เคยคิดสร้างครอบครัวกับเรา แล้วก็ไม่เคยทำให้เรารู้สึกว่าฟ้ารักเราแม้แต่ครั้งเดียว!’

ดั่งฟ้าจุกจนพูดไม่ออก ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่คิดย้อนถึงความสัมพันธ์ตลอดสิบปี...เขาพูดไม่ผิด แต่หญิงสาวเถียงกลับเสียงแข็งด้วยโทสะ

‘แล้วเราผิดเหรอ!’

‘ผิด’ สมุทรตะคอกกลับ 

เชือกแห่งความอดทนขาดสะบั้นในวินาทีนั้น

‘ถ้าผิดนักก็ไปเลย ไปหาคนที่ไม่ยุ่ง ไปหาคนที่เขาดูแลซีได้ ไปหาคนที่ให้กินง่ายๆ เลิกกันตรงนี้เลย แล้วไม่ต้องมาเจอกันอีก’

‘เลิก...’ สมุทรทวนคำอ้ำๆ อึ้งๆ หน้าไม่เหลือสีใดๆ อีกต่อไป ‘แต่เราคบกันมาตั้งสิบปี...’

สิบปีแล้วไง’ ดั่งฟ้าถามกลับ ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยประกายเจ็บร้าว

‘ฟ้าไม่เสียดายเวลาเหรอ เราคบกันมาตั้งสิบปีนะฟ้า ฟ้าจะเลิกง่ายๆ แบบนี้ได้ไง’

ใครว่าเธอไม่เจ็บ...แต่แทนที่จะทนโง่เพื่อเจ็บต่อไปในอนาคต เธอขอตัดใจให้จบแล้วเจ็บแค่ปัจจุบันก็พอแล้ว

‘คบกันมาจะสิบปี...แล้วซีล่ะ ไปมีคนอื่นง่ายๆ ได้ไง ซีทำได้ไง...’

เธอกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไม่ให้น้ำตาไหล ปากยังถามเขาซ้ำไปมา

‘เราถามหน่อย ซีทำแบบนี้กับเราได้ไง ซีไม่คิดถึงใจเราเหรอ ไม่เห็นหัวเราเลยเหรอ’

ยิ่งพูดก็ยิ่งเสียงสั่น ดั่งฟ้าพยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองเข่าอ่อน

‘ทุกอย่าง...มันเพราะเราป่วย เราไม่ได้ยับยั้งชั่งใจ แต่จริงๆ แล้วเรายังรักฟ้าแค่คนเดียว’

            ‘ซี...เรารู้แล้วว่าซีป่วย ไม่ต้องพูดแล้ว’ หญิงสาวมองหน้าเขา ดวงตาเริ่มเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำใส ‘ซีรู้ว่าซีป่วย ซีทำมันลงไปแล้ว ซีก็ควรมาสารภาพกับเราให้เร็วที่สุด อย่างน้อยก็มีจิตสำนึกบ้าง แต่นี่ซีกลับปิดไม่ให้เรารู้ และซีก็ยังจะมีครั้งสองครั้งสามแบบที่เราเห็นเมื่อวาน มันไม่ใช่แค่เพราะครั้งเดียว...ที่เรารับไม่ได้ แต่เรารับไม่ได้ที่ซีโกหกเราด้วย เราจบกันเถอะนะซี เราขอแค่นี้’

                สมุทรตาแดงก่ำ เขายกมือขึ้นปาดจมูก ไม่เหลือคราบผู้จัดการอีกต่อไป

            ‘ไม่ต้องแก้ตัวอะไรแล้วนะซี เพราะเราไม่ฟัง ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมา และจะขอบคุณมาก...ถ้าไม่มาให้เราเห็นหน้าอีก’

เธอจบมันไปแล้ว

                จบมันไป...ด้วยตัวเธอเอง

                ดั่งฟ้ายอมรับ...ว่าเธอยังไม่เห็นภาพตัวเองแต่งงานกับสมุทร อาจเพราะเธอคิดว่าตัวเองยังมีงาน ตัวเองยังไม่พร้อม และสมุทรเองก็ยุ่ง แต่เธอก็คิดว่าความสัมพันธ์เกือบสิบปีจะไม่จบลงง่ายๆ ด้วยสาเหตุทุเรศๆ เช่นนี้ หญิงสาวรู้ดีว่าตนมีส่วนผิดที่ไม่เคยคิดดูแลความสัมพันธ์ให้ดีดังที่ควรเป็น

                ...จนสมุทรเกิดคำถาม

                ‘ฟ้าไม่เคยทำให้เรารู้สึกว่าฟ้ารักเราแม้แต่ครั้งเดียว’

                ความรู้สึกผิดเอ่อล้นหัวใจหญิงสาว แต่ความเจ็บร้าวจากรักที่ไม่ซื่อสัตย์นั้นมากกว่า เธอรีบหันหลังเดินออกมาโดยไม่รอให้สมุทรได้รั้ง เร็วพอที่เขาจะไม่เห็นน้ำตาเธอที่ไหลอาบหน้า 

                ก่อนเข้าบริษัท ดั่งฟ้าแวะล้างหน้าล้างตา แต่ก็ไม่สามารถชะล้างร่องรอยการร้องไห้ได้ เช่นเดียวกับหัวใจที่ยังไม่แข็งแรงพอที่จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอขอลานายกลับบ้านก่อนเพื่อไปตั้งหลักสักพัก

                หญิงสาวน้ำตาเอ่อตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน สมุทรไม่ได้โทร. มาหาเธออีก ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี พอเข้าคอนโดปุ๊บ เธอก็พบพี่สาวเธอ ดั่งฟ้าตั้งใจจะไม่ร้องไห้ แต่พอเห็นดุจฝัน น้ำตากลับไหลอัตโนมัติจนพี่สาวรีบเข้ามากอดแล้วปลอบโยน

                เหมือนตอนเด็กที่เคยผ่านเรื่องเจ็บช้ำมาด้วยกันมากมาย ดั่งฟ้าเล่าทุกอย่างให้พี่สาวฟัง ไม่ได้นับว่าดุจฝันสบถไปทั้งหมดกี่ครั้ง พอเล่าจบ ดุจฝันก็สบถลั่นด้วยความโมโหแบบที่เสียงน่าจะดังไปถึงล็อบบีข้างล่าง

                ‘ไอ้เฮงซวย!’

                พี่สาวเธอเทศนาสมุทรอีกยาวเหยียดอยู่หลายสิบนาที พูดสิ่งที่ดั่งฟ้าคิดออกมาแต่ไม่ได้พูดจนหมดสิ้น ช่วยด่า...จนดั่งฟ้าสบายใจขึ้นแล้วเริ่มยิ้มออก สุดท้ายแล้วดุจฝันก็กอดเธอไว้แน่นๆ แล้วลูบหัวอย่างอ่อนโยน

                ‘ฟ้า...ฟ้าอาจเสียใจและรู้สึกเหมือนเสียเวลาสิบปี แต่ถ้าฟ้าทบทวนดีๆ ฟ้าไม่เคยรู้สึกพร้อมแต่งงานกับซีเลยใช่มั้ย’

                ‘ก็เพราะฟ้ายุ่ง ฟ้าไม่ได้ใส่ใจ จริงๆ ถ้าฟ้าถอยออกมาทบทวน ฟ้าอาจจะพร้อมให้เวลาซีอย่างเต็มที่’

                ‘ที่ฟ้าไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร เพราะจริงๆ แล้ว...ฟ้าไม่ได้มองว่าเขาเป็นคนที่ฟ้าพร้อมจะใช้ชีวิตด้วยหรือเปล่า ฟ้ายังสนุกกับการใช้ชีวิตของฟ้า และฟ้าก็มีซีเป็นเพื่อน...ที่จะเรียกว่าคนรักก็ไม่เต็มปาก เพราะฟ้าไม่ได้มองภาพอนาคตด้วยกัน ฟ้า...มันอาจจะเป็นแบบที่ซีว่าก็ได้ จริงๆ แล้ว...ฟ้าอาจจะยังไม่ได้รักซีเลย’

                ดั่งฟ้าชะงัก คิดย้อนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา เธอรับฟังเรื่องที่เขาเล่า รับฟัง...แต่ไม่ได้ทำความเข้าใจ และไม่เคยเล่าเรื่องตัวเองให้เขาฟัง แทบไม่เคยขอความช่วยเหลือ พอมีเรื่องเข้าใจผิดก็ไม่คิดเล่าให้เขาฟังตรงๆ 

                ราวกับหัวใจมีประตูที่ปิดตายไว้ และสมุทรก็ไม่มีกุญแจที่จะเปิดมันเข้ามา

                ...ประตูบานนั้น ดั่งฟ้าไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร ไม่รู้ว่ามันอยู่ได้อย่างไร

                ไม่รู้...ว่าจะมีโอกาสเปิดมันได้ไหม

                ‘แล้วฟ้าต้องทำไงฝัน...ฟ้าต้องทำไง’

ดั่งฟ้าปาดน้ำตา เธอเข้าใจแล้ว มีบางอย่างในตัวสมุทรที่เธอไม่ได้เห็นความสำคัญ ไม่ได้คิดว่าเขาจะเข้ากับเธอได้ คิดว่าเธอจำต้องอดทนเขาตลอดเวลา จนในที่สุดมันก็เป็นแค่ความสัมพันธ์ที่ไม่ได้มีพื้นฐานบนความรัก เป็นแค่ความอดทนเพราะเสียดายเวลาเท่านั้น

ดุจฝันยิ้มให้เธอ ก่อนแตะบ่าแล้วบีบแน่นๆ

                ‘ฟ้าก็ไม่ต้องทำไง คนไม่ใช่...ถึงจะซื่อสัตย์หรือไม่นอกใจ ถ้ามันจะไม่ใช่มันก็ไม่ใช่’

                ดั่งฟ้าเห็นด้วย

                ‘แต่ฟ้าก็ไม่ต้องฝืนตัวเองมากนะ ฝันเข้าใจว่าฟ้าสนุกกับงาน แต่ไว้วันหนึ่งที่ฟ้าเจอคนที่ใช่ คนที่ฟ้าพร้อมเปิดใจให้ เชื่อเถอะว่าวันนั้น...ฟ้าจะเริ่มใส่ใจเขาเอง’

                คนเป็นน้องค่อยๆ ยิ้มออกมา แม้ไม่แน่ใจว่าจะเจอจริงอย่างที่พี่สาวว่าหรือเปล่า 

                คน...ที่จะไขประตูปิดตายในใจของเธอได้ คนที่เธอพร้อมยกใจเธอให้เขาเช่นกัน

                แต่จนกว่าจะถึงวันนั้น เธอก็จะขอใช้ชีวิตแบบวุ่นๆ ของเธออย่างมีความสุขที่สุด อยู่กับพี่สาว อยู่กับครอบครัว อยู่กับเพื่อน อยู่กับคนที่รักเธอและจะไม่มีวันนอกใจเธอให้เจ็บช้ำ

                บรรดาเพื่อนของเธอก็แสนดี หลังจากรู้เรื่องทั้งหมดก็พากันยกทัพไปด่าสมุทรถึงแถวที่ทำงาน เสร็จแล้วก็ยกขบวนกลับกันแบบสวยๆ แม้ดั่งฟ้าจะไม่ได้สะใจ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ดี เธอไม่รับสายสมุทรอีกเลย พอเขามาหาก็พยายามเลี่ยง กระทั่งผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เธอได้ข่าวจากสิมาว่าเขาเข้าโรงพยาบาล

สมุทรกินไม่ได้นอนไม่หลับหลังเลิกกับเธอ ทำให้เขาไข้ขึ้นสูงจนน็อก หญิงสาวโทร. ไปหาเพื่อนสนิทของสมุทร รับฟังอาการป่วยทางใจของอดีตคนรักด้วยความสงสาร เธอไม่เหลียวแลเขาจนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้ว่าเขาต้องเจอความยากลำบากระหว่างการทำงานที่มาจากภาวะซึมเศร้ามากน้อยขนาดไหน แต่เพราะทิฐิ ดั่งฟ้าเลยไม่คิดกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดไปแล้ว สิ่งที่เธอทำให้เขาได้ครั้งสุดท้าย...คือไปเยี่ยมเขา

เธอไปถึงโรงพยาบาล แต่ก็หยุดแค่หน้าประตูเท่านั้น เพราะเห็นว่ามีใครเฝ้าอยู่แล้ว

ใครบางคน...ที่เขาเคยบอกว่าเป็นผู้หญิงง่ายๆ

ดั่งฟ้ากลับบ้านทันที มาทราบทีหลังว่าผู้หญิงง่ายๆ คนนั้นชื่อชลธร เป็นเพื่อนร่วมงานที่เจอกันที่สิงคโปร์นั่นเอง และหลังจากนั้น เธอก็ยังพบชลธรบ้างด้วยความบังเอิญราวโชคชะตาเล่นตลก

แต่แน่นอน...แฟนเก่ากับแฟนใหม่มักไม่กินเส้นกัน และมักจะกระแนะกระแหนกันทุกครั้งที่เจอ

ทว่าสมุทรยังคงขอร้องให้เธอกลับไปคบกับเขา พอไม่ได้ผลก็ให้สิมามาช่วยขอร้อง แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่สำเร็จ 

ดั่งฟ้ายืนอยู่บนแผ่นดินอันอบอุ่นใต้ท้องฟ้าจัดจ้าด้วยแสงอาทิตย์นานแล้ว 

ไม่มีวันที่เธอจะเดินเข้าไปหาพายุกลางมหาสมุทรลึกอีกเป็นอันขาด

 


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น