บทที่ 2

2

‘แม่งเอ๊ย!’ หญิงสาวสบถอยู่ในคอ ไม่ออกเสียงให้เสียภาพลักษณ์ เผื่อใครจะมองอยู่

เพราะถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลาทำให้กุพชกาคุ้นชินกับการเก็บอาการ ไม่ปล่อยกิริยาแย่ๆ หลุดออกมาให้ใครเก็บมาเป็นหัวข้อโจมตีได้...เธอระวังตัวขนาดนี้แล้วยังไม่วาย...

เธอสัมผัสได้ว่าถูกจ้องมองอยู่นานแล้ว ใครบางคนหรือหลายคนกำลังจับตาเธออยู่ ด้วยสายตาประสงค์ร้าย...อืม...การถูกมองอันคุ้นเคย

ถึงกุพชกาจะคุ้นเคยจนกลายเป็นเฉยชาไปแล้วกับการอยู่ท่ามกลางสายตาผู้คน แต่ก็มีช่วงเวลาที่เธออยากเลี่ยงหลบ ไม่ให้ใครพบเห็น และถ้าการซ่อนตัวนี้ยังอยู่ในสายตาใครบางคนที่จ้องมองไม่เลิก เธอจะรู้สึกปลอดภัยได้อย่างไรกัน

หญิงสาวชะโงกตัวออกจากหลังโซฟาที่ซ่อนตัวอยู่ คิดว่าการอยู่ในมุมอับขนาดนี้จะหนีไปโดยไม่มีใครเห็นได้อย่างไรเล่า นอกจากแอบมาอยู่หลังโซฟา พอพวกนั้นมองไม่เห็นคนก็คงกระจายกันออกไปค้นหากันเองละ

กุพชกาพ่นลมออกจมูกอย่างขุ่นๆ สะบัดเสื้อนอกที่คลุมไหล่ไว้ออกมาสวมกระชับตัว ขณะสาวเท้าตรงไปที่ลิฟต์ หญิงสาวก้าวเข้าไปเมื่อหมุนตัวกลับมา เธอก็ต้องหรี่ตาลง สีหน้าขัดใจเมื่อมองเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาในโรงแรม

ชายฉกรรจ์ชุดดำฝูงหนึ่งก้าวเข้ามาในโรงแรมด้วยท่าทางไม่เกรงกลัวใคร มาถึงก็กวาดตามองไปรอบๆ กุพชกากดปุ่มมองประตูลิฟต์ที่ค่อยๆ ปิดลงอย่างใจเย็น ยิ้มเย้ยมุมปากปรากฏเมื่อตัวหัวหน้าพวกมันหันมาทันได้เห็นเธอแวบหนึ่งก่อนประตูโลหะจะปิดสนิทลง ชายชุดดำร่างยักษ์ทำท่าจะถลาวิ่งมาก็ไม่ทันแล้ว ลิฟต์ความเร็วสูงพุ่งขึ้นตามหมายเลขที่กุพชกากดปุ่มชั้นบนสุดของโรงแรม เสียดายที่ตึกที่นี่เตี้ยไปหน่อย มีแค่สิบชั้น ไม่งั้นเธอจะให้พวกมันวิ่งกันไปถึงชั้นที่ยี่สิบหรือสามสิบให้ได้เลยคอยดูสิ

ลิฟต์ของโรงแรมเป็นลิฟต์ความเร็วสูง เมื่อปิดแล้วก็พุ่งขึ้นรวดเร็วจนกลุ่มคนที่วิ่งตรงมาเห็นเพียงตัวเลขชั้นสูงสุดที่ถูกกดไว้ มีเสียงสบถก่อนที่หัวหน้ากลุ่มจะสั่งให้ลูกน้องส่วนใหญ่วิ่งขึ้นบันไดตามลิฟต์ไป ลูกน้องอีกส่วนถูกสั่งให้กระจายกันออกไปเฝ้าตามทางออกอื่นๆ

ถือว่าพวกมันเป็นมืออาชีพที่ทำงานรอบคอบทีมหนึ่งทีเดียว แถมยังไม่มีความกลัวใครอีกต่างหาก เห็นได้จากการผลักพนักงานโรงแรมที่พยายามเข้ามาเจรจา ข่มขู่อย่างไม่สนใจเลยสักนิดว่าพวกตนกำลังบุกรุกเข้ามาไล่ล่าคนอย่างอุกอาจในสถานที่ของเอกชน

“หาดูว่าแบ็กของคนพวกนี้เป็นใคร” คณิณสั่งสั้น มีเสียงรับคำเบาๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ความเงียบ ในมุมมืดอีกมุมหนึ่งของโรงแรมขนาดกลาง การซุกซ่อนตัวและหาหนทางหนีของกุพชกาอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด

ชายหนุ่มประหลาดใจถึงขั้นมีรอยทึ่งเล็กน้อยในดวงตา เมื่อเห็นว่ากุพชกาเล่นกลซ่อนหาแบบไหนกับพวกเขา แถมแม่คุณยังยิ้มเย้ยหยันพวกที่มาตามล่าตัวเองขณะรอประตูลิฟต์ปิดได้อย่างใจเย็นอีก...ยายตัวร้ายนี่!

ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นสิบซึ่งเป็นชั้นบนสุดที่เป็นออฟฟิศและห้องผู้บริหาร กุพชกาก้าวยาวๆ ออกจากลิฟต์ เร่งเท้าเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งขึ้นมาจากบันได กลุ่มคนที่เหน็ดเหนื่อยจากการวิ่งมาราธอนขึ้นมาสิบชั้นหอบหนักเหมือนวัวแก่ๆ ยามพากันถลาไปยังหน้าลิฟต์ซึ่งประตูปิดลงอีกครั้ง พร้อมกับไฟตัวเลขถูกกดไว้หลายชั้นระหว่างขาลง

“แม่งเอ๊ย!” เสียงผู้ชายกลุ่มใหญ่สบถโวยวายสาปแช่งใส่ตัวเลขชั้นที่กำลังไหลลงไปอีกครั้ง ขณะต้องรีบพากันวิ่งลงไปอีกที ทั้งขายังสั่นจากการวิ่งขึ้นมาสิบชั้นยังไม่หายเลย “อย่าให้กูจับตัวได้นะ มึ้ง...!!!”

‘ฝันไปเถอะ’ กุพชกาเบะปากให้พวกหน้าโง่ทั้งหลาย ท่ามกลางความวุ่นวาย หญิงสาวกวาดตาไปยังข้อความที่คุยแชตค้างไว้กับธำมรงค์

 

Giz : แธม พวกมันหาตัวฉันเจอแล้ว บอกทีซิว่าโรงแรมนายมีห้องลับ หรือมีทางหนีไหนที่ปลอดภัยบ้าง

TAM : มันหาตัวเธอเจอได้ยังไง

Giz : จะไปรู้เรอะ ต้องถามนายมากกว่าว่าพวกมันหาฉันเจอได้ยังไง ข่าวนายรั่วเรอะ

TAM : ...

Giz : ส่งคนมาช่วยฉันที เร็วๆ

TAM : ฉันจะบอกคนของโรงแรมให้

Giz : บอกว่าอะร้าย เด็กๆ ของนายโดนไอ้พวกนั้นขู่จนกลัวหงอไปหมดแล้ว

TAM : ใจเย็นๆ

Giz : ใจเย็นให้โดนจับไปเชือดเรอะ 

TAM : เดี๋ยวฉันคิดหาวิธีก่อน

Giz : โอ๊ย ไอ้แธม ไอ้คนเฮงซวยเอ๊ย! ถ้าฉันโดนจับได้นะ ฉันจะแฉนายให้หมดเลย

Giz : จะไลฟ์สดให้คนทั้งประเทศรู้กันหมดเลยดีไหม

Giz : ถ้าฉันต้องเจ็บตัวหรือตายนะ สาบานได้เลยว่าคนทั้งตระกูลนายรวมถึงลูกพี่นายทุกระดับมันต้องฉิบหายไปพร้อมกัน แม่กับย่านายยังไม่รู้เรื่องผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม

TAM : โว้ย! เออๆๆ จะไปช่วยเดี๋ยวนี้แล้ว อย่าเพิ่งตาย

Giz : ฉันจะไม่ยอมตายก่อนได้แฉนายแน่

ข้อความติดต่อกันนั้นยังถูกส่งอีกหลายข้อความ กุพชกาส่งข้อความร้ายกาจถี่รัวเร่งเร้า เป็นการขอความช่วยเหลือที่...ดูเหมือนจะได้ผลมากกว่าการอ้อนวอนขอกันละนะ

ในระหว่างที่กุพชกาพูดคุยอย่างเคร่งเครียดปนข่มขู่กับธำมรงค์ ฝ่ายที่ตามล่าเธอก็กำลังเคร่งเครียดอยู่เช่นกัน ชาติ หัวหน้าชายฉกรรจ์เหล่านั้นเป็นชายร่างสูงใหญ่ ใบหน้าสี่เหลี่ยมเค้าหน้าดุ ดวงตาสีสนิมที่ทอประกายวาวโรจน์จนบรรดาลูกน้องต้องก้มหลบสายตากันแทบไม่กล้าเงยหน้า พวกเขาอยู่หน้าลิฟต์ตัวที่กุพชกาโดยสารมาจากชั้นล่าง หลังจากวิ่งตามไปถึงชั้นบนสุดแล้ว พวกเขาก็ตามมาหยุดลิฟต์ไว้ได้ที่ชั้นห้า เพียงแต่...ห้องโดยสารสี่เหลี่ยมเล็กๆ ตรงหน้าที่ถูกกดหยุดล็อกไว้กลับว่างเปล่า ไร้เงาของคนที่พวกเขาตามหา

“พวกมึงตามมันอีท่าไหน ทำไมมันถึงหายไปได้” ชาติตะโกนลั่นโถงหน้าลิฟต์ ลูกน้องห้าคนพากันตัวสั่นงันงกไปหมด

“ตะ...แต่เราก็ตามไม่ให้คลาดสายตาเลยนะครับพี่ชาติ ไม่มีทางที่มันจะหนีไปทางไหนได้แน่” วิทย์ลูกน้องร่างผอมสูงเอ่ยเสียงสั่นแล้วก็ถูกฝ่ามือแข็งๆ ของลูกพี่ตบเข้าเต็มบ้องหูเสียงดังสนั่น

“ถ้ามันหนีไม่ได้ มึงก็ต้องมีตัวมันมาให้กูแล้วไหม ไม่ใช่ลิฟต์เปล่าๆ แบบนี้” ชาติเค้นคำ น้ำเสียงดุเดือด

“ตะ...แต่เราก็ ตะ...ตามมันมาติดๆ เลยนะครับพี่ชาติ ไม่เห็นว่ามันหลุดออกจากลิฟต์ไปที่ไหนได้เลยครับ” นัฐ ลูกน้องอีกคนท้วงขึ้นเสียงอ่อย

ถะ...ถ้าไม่นับตอนที่พวกเขากำลังเหนื่อยหอบเป็นหมาหอบแดดอยู่ตรงบันไดชั้นเก้าจนขาล้าก้าวช้าไปหลายก้าวกว่าจะขึ้นไปถึงชั้นสิบ พอพวกเขาโผล่พ้นจากช่องบันไดออกมาก็เจอลิฟต์กำลังปิดพอดี เลขไฟที่ขึ้นอยู่ก็บ่งบอกว่ายายตัวแสบนั่นน่าจะอยู่ในลิฟต์ที่กำลังลง เล่นเกมหนีขึ้นลงกับพวกเขาอยู่

แต่พอพวกเขาตามลงมาจนหยุดลิฟต์ไว้ได้ กลับไม่เจอคนเสียนี่ ไม่รู้นังตัวแสบนั่นแอบหนีออกไประหว่างชั้นที่กดมั่วๆ ไว้ชั้นไหน 

ชาติขมวดคิ้ว หรี่ตาครุ่นคิด เขาก้าวเข้าไปในลิฟต์โดยสารที่ว่างเปล่าก่อนจะกวาดตาสำรวจพบพิรุธบางอย่าง...ช่องฝ้าเพดานของลิฟต์มันเผยออยู่!

“ถ้าพวกมึงว่างั้นมันก็คงหนีไปได้จริงๆ” ชาติเอ่ยขึ้นขณะกระชากคอเสื้อลูกน้องคนหนึ่งเข้ามาในลิฟต์ด้วย ก่อนพยักพเยิดให้อีกฝ่ายเงยขึ้นมองเพดานลิฟต์ที่เผยออยู่ เมื่อสังเกตดูดีๆ ยังพบว่ามีร่องรอยคล้ายเสื้อแพลมอยู่หน่อยหนึ่งด้วยซ้ำ

ระหว่างที่ชาติพูดอะไรเรื่อยเปื่อยไปอีกสองสามประโยค ลูกน้องของเขาก็พากันเข้าไปในลิฟต์ สองคนขี่คอต่อตัวกันจนได้ระยะจึงกระแทกเปิดฝ้าเพดานลิฟต์ออก ขณะที่คนอื่นตั้งท่าเตรียมพร้อมจะตะครุบตัวคนเต็มที่

“จับมัน!” ชาติสั่งเสียงดุดันเข้มข้น แววตาเหี้ยมเกรียมอย่างจะไม่ยอมให้เหยื่อหลุดรอดมือไปได้

เมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือพวกเขาแล้ว...อย่าหวังว่ามันจะรอดไปได้เลย

เสียงแหลมกรีดร้องดังก้อง ก่อนสบถเป็นถ้อยคำหยาบคายอย่างไม่หวงอารมณ์เหวี่ยงสักนิด

กุพชกาสบถเสียงดังอย่างไม่กลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน

ใครจะมาได้ยิน...ในเมื่อช่องบันไดหนีไฟนอกอาคารนี่ มีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่กำลังปีนอยู่!

มันเป็นทางหนีไฟฉุกเฉินที่เจ้าของโรงแรมใช้เป็นทางลับ...ลับแค่ไหนก็ขนาดที่ว่าทางออกจากอาคารมาที่ทางหนีไฟนี่มันอยู่ในห้องทำงานของธำมรงค์บนยอดตึกชั้นสิบนั่นไงล่ะ มีทางออกเดียวเท่านั้น และไม่รู้ว่าเพราะไม่อยากให้ใครได้ใช้ หรือว่าต้องการประหยัดงบก่อสร้าง มันถึงเป็นทางหนีไฟที่ทำจากโครงเหล็กสุดก๊องแก๊งที่ดูหมิ่นเหม่อันตรายไปทุกย่างก้าว บันไดก็เป็นขั้นแคบๆ ทำเธอเหยียบพลาดไปหลายครั้งแล้ว จนส้นสูงของรองเท้า จิมมี ชู ของเธอหักแหกไม่เหลือดี...ที่จริงมันก็หักไปทีหนึ่งแล้วละตอนที่อยู่ในลิฟต์ 

ใช่! ตอนที่เธอกระโดดตบเพดานลิฟต์อยู่นั่นละ!

โชคดีที่เพดานลิฟต์ไม่สูงมากนัก สำหรับส่วนสูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซ็นต์ของกุพชกาบวกกับส้นสูงสี่นิ้วของจิมมี ชู เข้าไปแล้ว นับว่ายังไม่ต้องเอื้อมอย่างลำบากลำบนมากนัก เธอดันจนฝ้าเพดานเผยอออกเป็นช่อง ก่อนจะถอดเสื้อคลุมออกแล้วยัดขึ้นไป ให้ยังเหลือชายเสื้อแพลมออกมานิดหน่อย หญิงสาวดันฝ้าให้ปิดกลับแบบแง้มๆ ไว้นิดๆ

คงล่อสายตาให้ไอ้พวกหน้าโง่นั่นหลงกลอยู่กับเสื้อสูทเธอได้พักหนึ่งละ

รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏบนใบหน้าสวย ก่อนจะกลายเป็นเสียงหวีดแหลมเมื่อก้าวพลาดเกือบหน้าทิ่มไถลลงไปอีกครั้ง

เสียงสบถก่นด่าธำมรงค์ดังลั่นในช่องบันไดหนีไฟที่เป็นโครงเหล็กโปร่งๆ สลับกับเสียงจามและสูดจมูกฟึดฟัด แน่ละ เธอสละเสื้อนอกเป็นตัวตายตัวแทนไปแล้ว ช่วงบนเธอจึงเหลือเพียงเสื้อกล้ามรัดติ้วแนบเนื้อตัวเดียว เมื่อมาเจอกับอากาศตอนดึกๆ ลมพัดแรงข้างตัวอาคาร ความหนาวก็เสียดแทงจนอาการหวัดชักจะถามหา

เมื่อปีนลงมาสุดทางเธอก็พบปัญหาอีกอย่าง

“ไอ้เวรแธม แกจะงกถึงไหน ต่อบันไดลงไปให้อีกนิดนึงก็ไม่ได้เรอะ” กุพชกาสบถดุเดือดเมื่อทางหนีไฟมาสิ้นสุดลงโดยยังมีระยะห่างจากพื้นเกือบสามเมตร “คอยดูนะ ฉันจะแจ้งให้คนมาตรวจสอบอาคารนี่ให้มันโดนฟ้องเรื่องทางหนีไฟไม่ได้มาตรฐานให้ได้เลย แม่ง...”

ปากพร่ำบ่นแช่งชักไป ขณะที่หาทางไปด้วย ระยะห่างขนาดนี้ไม่มีทางจะกระโดดลงไปได้แน่ อย่างน้อยต้องมีขาแพลง ถลอก ถ้าหนักก็คงมีแข้งขาหัก แล้วจะหนีต่ออย่างไรเล่า

มีแต่ต้องย่นระยะลงอีกหน่อย กุพชกาค่อยๆ หย่อนตัวลงโดยมือจับราวเหล็กบันไดขั้นสุดท้ายเอาไว้ โหนตัวลงไปก่อน ระยะก็น่าจะเหลือสักเมตรกว่าๆ อย่างมากก็สองเมตรเอ้า ยังมีโอกาสรอดละน่า ต้องหดขาย่อตัวดีๆ ใช่ไหม เพื่อรับแรงกระแทกตอนถึงพื้น

หญิงสาวสบถออกมาอีกทีเมื่อมือลื่นเกือบหลุดจนต้องตะกายคว้าที่จับไว้ การดิ้นรนนั้นทำให้รองเท้าเจ้ากรรมดันหลุดไปข้างหนึ่ง

“จิมมี ชู ลูกแม่!” เสียงร้องด้วยหัวใจแหลกสลายของมารดาที่สูญเสียลูกชาย...เอ๊ย แค็กๆ...เอิ่ม...ดารานางร้ายที่สูญเสียรองเท้าคู่โปรดไป

ตกตึกตายเสียแล้ว...รองเท้าคู่โปรด

‘ช่างมัน! เดี๋ยวลงไปได้ค่อยไปเก็บเอาก็ได้วะ’

คนคิดปลอบใจตัวเองขณะโหนห้อยต่องแต่งอยู่กับราวเหล็กสุดบันไดหนีไฟ ด้วยท่าทางที่...เหล่าแอนตี้แฟนคงสะใจพิลึกถ้าได้มาเห็นสภาพน่าอเนจอนาถของนางร้ายในดวงใจที่แสนเกลียดแบบนี้น่ะ

โธ่...เธอเป็นเพียงผู้หญิงสวย แสนอ่อนหวาน อ่อนโยนคนหนึ่งที่ถูกบังคับให้ต้องรับบทบาทนางร้ายเท่านั้นนะ ไม่ใช่ดาราสายลุยที่ชอบเล่นกีฬาเอกซ์ตรีมหรือออกกำลังกายหนักๆ จนหน้าท้องมีซิกซ์แพ็กแน่นแข็งปั้กพวกนั้นเสียหน่อย อีกทั้งยังไม่ใช่ดาราสายบู๊ที่ไปเทรนการต่อสู้แบบสตันต์มา จะไปมีปัญญาไหนมาแสดงบทผาดโผนแบบนี้

แถม...ข้างล่างก็เป็นพื้นคอนกรีตเปลือยล้วนๆ ไม่มีเบาะรอง ไม่ใช่พื้นปลอมสำหรับการถ่ายทำ ที่ถูกรองไว้ให้ซับแรงกระแทก...ตกลงไปไม่รู้ลูกผีหรือลูกคนกันละงานนี้

กุพชกาสูดหายใจลึก หลับตาตั้งสติทำใจที่จะทิ้งตัวลงรับแรงกระแทก แต่ยังไม่ทันทำใจที่จะปล่อยมือทิ้งตัวลงมาเลย อยู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าข้อเท้าถูกกระชาก กุพชกาหวีดร้องในขณะที่มือทั้งคู่ก็หมดแรงจะเกาะยึด หลุดออกจากราวเหล็กตามแรงกระชากนั้น ร่างของเธอร่วงลงมาอย่างไร้ทิศทาง ไร้การเตรียมตัวใดๆ

“แม่ตกหกแหก!”

แต่ยังอุตส่าห์ไม่ลืมอุทานออกมาอย่างไม่ตกหล่น

ถ้าหากหล่อนหล่นลงมาตายเสียเดี๋ยวนั้น นั่นคงกลายเป็นคำพูดก่อนตาย ภพภูมิถัดไปที่เธอจะไปเยือนคงหนีไม่พ้นตกๆ อะไรนี่ละ เนอะ

กุพชกาหลับตาปี๋ เตรียมตัวเตรียมใจรับแรงกระแทกกับพื้นแข็งๆ ที่คงทำให้เธอเจ็บ...

หญิงสาวรู้สึกถึงการตก การกระทบกระแทก แต่...ไม่ยักเจ็บอย่างที่คิด

อืม...พื้นที่นี่ออกจะ...ใกล้กว่าที่คิด ไม่แข็งเป๊กแล้ว...ที่จริงออกจะนุ่มนวล หยุ่นๆ...แถมยังอบอุ่นหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำ

กุพชกาหยีตาขึ้นมองนิดหนึ่ง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบใบหน้าหนึ่งลอยอยู่ใกล้หน้า หญิงสาวผงะหนี แต่แล้วก็พบว่าเธอถอยไปไหนไม่ได้ พื้นที่เธอตกลงมาไม่ใช่คอนกรีตแข็งๆ ที่ยังห่างไปเป็นเมตร แต่กลายเป็นอ้อมแขนของผู้ชายคนหนึ่ง 

ดวงหน้าคมเข้มได้รูปของชายหนุ่มที่คุ้นสายตาจนแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย

“คุณ...คุณคณิณ” กุพชกาเอ่ยชื่อเขาออกมาเสียงสั่น

ชื่อที่เจนใจ ใบหน้าที่คุ้นเคย ในฐานะผู้อำนวยการสร้างใหญ่ที่ลงทุนในหลายช่องทาง ใครบ้างในวงการที่จะไม่รู้จักเขา เรียกว่าเขาเป็นผู้มีอิทธิพลสูงอันดับต้นๆ ในวงการบันเทิงไทยก็ว่าได้

“กุพชกา” คณิณทักเสียงหนัก สีหน้าไร้อารมณ์ แต่ดวงตาคมหรี่ลงเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น

“อะ...เอ่อ...” กุพชกาอึกอัก เหลือบตาล่อกแล่กไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง โชคยังดีที่ไม่เห็นพวกกลุ่มคนที่ตามล่าเธอ แต่...ก็...ก็ไม่ได้ดีมากขนาดนั้น ไม่งั้นคงไม่...ไม่ตกลงมาอยู่ในสภาพนี้หรอก   “ขะ...ขอกิ๊ซ ยะ...ยืนเองได้ไหมคะ”

กุพชกาตัดสินใจขอร้องเขาหน้าด้านๆ ไปเลย หลังจากไตร่ตรองเร็วๆ รอบหนึ่ง แล้วก็สรุปได้ว่าต้องรีบพาตัวเองให้พ้นจากสภาพนี้ให้ได้ก่อน

คณิณยักไหล่ ก่อนจะวางหญิงสาวลงอย่างง่ายดาย กุพชกาแหงนกลับขึ้นไปมองจุดที่ตัวเองตกลงมา ก็ต้องแอบเสียวอยู่เมื่อพบว่ามันดูสูงกว่าที่คิดเสียอีก นี่ถ้าไม่ได้...สายตาหญิงสาวไล่ลงมายังร่างสูงใหญ่ คณิณเป็นคนตัวใหญ่มาก ร่างสูงเกินหนึ่งร้อยเก้าสิบเซ็นต์ไปแล้วแน่ๆ เพราะเธอที่สูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซ็นต์ยังต้องแหงนมองเขา หญิงสาวร่างสมส่วนที่เคยคิดว่าตัวเองตัวใหญ่พอจะตบตีกับคนอื่นได้อย่างไม่เสียเปรียบ กลายเป็นตัวเล็กบางไปเลยเมื่อมายืนเทียบกับคนตัวใหญ่อย่างเขา

“คะ...คุณคินมาอยู่ที่นี่ได้...เอิ่ม...ยังไงคะ” กุพชกาถามแล้วก็อึกอักเสียเองเมื่อคาดเดาคำตอบได้อยู่ เขาจะมาอยู่ที่นี่พอดิบพอดีได้อย่างไรล่ะ ถ้าไม่ใช่...ตามหาตัวเธอ เพราะเรื่องข่าวฉาวที่มีกับสามีของน้องสาวเขาน่ะสิ

“เธอเชื่อเรื่องหนีเสือปะจระเข้ไหมล่ะ” คณิณถามเสียงเหี้ยม คว้าต้นแขนเธอไว้ขณะหญิงสาวทำท่าผงะถอยหนี “เธอมีทางเลือกไม่มากหรอกนะ ถ้าไม่ไปด้วยกัน ฉันก็จะจับเธอโยนไปให้พวกที่มันตามล่าตัวคุณอยู่ เลือกเอาสักทางแล้วกันว่าอยากถูกใครจับตัว”

“อะ...เอ่อ” กุพชกากลอกตาทำท่าคิดหนัก เมื่อขยับตัวก็เพิ่งรู้ตัวว่าเท้าข้างหนึ่งว่างเปล่าไม่ได้สวมรองเท้าเพราะมันหลุดหายตอนที่ปีนบันไดหนีไฟอยู่ หญิงสาวก้มลงมองเท้าตัวเองก่อนจะรีบบอก “ฉัน...รองเท้าฉันหลุด ฉันต้องหา...”

คนกวาดสายตาไปรอบๆ ต้องชะงัก เพราะคณิณยื่นรองเท้าในมือที่เขาถือไว้ให้

กุพชกาอ้าปากค้าง รับมาถือไว้อย่างมึนๆ สงสัยอยู่หน่อยๆ ว่าเขาเก็บได้ ได้อย่างไร

หวังว่า...หวังว่ามันคงไม่ได้ตกใส่หัวเขาหรอกนะ!

หญิงสาวสวมรองเท้าพลางคิดอย่างแหยงๆ ไปด้วย สังเกตสีหน้าบูดบึ้งของเขาแล้วก็รู้สึกว่าข้อสันนิษฐานนั้น...น่าจะเป็นไปได้แหงเลยทีเดียว ไม่งั้นเขาคงไม่ทำหน้าเหมือนอยากฆ่าคนแบบนี้หรอก

“ดะ...เดี๋ยวค่ะคุณคิน” กุพชการีบท้วงเมื่อสวมรองเท้าเสร็จแล้วก็ถูกลากแขนแทบเป็นกระชากให้เดินตามเขาไป หญิงสาวก้าวเท้าได้สองสามก้าวก็สะดุดเซแทบถลาลงไปกองกับพื้นเพราะส้นรองเท้าที่ง่อนแง่นจากการถูกใช้งานสมบุกสมบันเกินสมรรถนะ ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ส้นรองเท้าหักสะบั้นลงจนเธอเสียหลัก และคงล้มฟาดพื้นไปแล้ว ถ้าคนที่ก้าวยาวๆ นำไปจะไม่หันมาคว้าตัวเธอไว้ได้

“ระ...รองเท้ากิ๊ซมันพังค่ะ” กุพชกาบอกกับคนที่ส่งสายตาดุๆ มาให้

มีเสียงถอนใจหนักๆ ก่อนเอวเล็กจะถูกรวบ แล้ว...ร่างบางก็ปลิวหวือขึ้น

กุพชกาอ้าปากค้าง ตาค้างไปนานหลายวินาที กว่าสมองจะประมวลผลได้ว่า...เขาจับตัวเธอยกขึ้นพาดไหล่ก่อนก้าวยาวๆ เดินดุ่มไปยังรถตู้ที่ติดเครื่องรออยู่ไม่ไกลนัก

“ถ้าเธอร้องโวยวายอะไรออกมานะ ฉันจะจับเธอโยนไปให้พวกนักเลงฝูงนั้นมันเอาตัวไปให้หมดๆ เรื่องไป” เสียงห้าวเอ่ยข่มขู่ ทำเอาคนที่อ้าปากเตรียมร้องประท้วงหุบปากแทบไม่ทัน

กุพชกาตัวแข็งอยู่บนไหล่กว้าง ทำอะไรไม่ถูก ถูกยัดตัวเข้าไปในรถตู้โดยมีคนตัวโตก้าวตามเข้ามานั่งข้างๆ 

ประตูอัตโนมัติของรถตู้ปิดลงอย่างไร้เสียง แล้วพาหนะของคณิณก็เร่งเครื่องออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

ค่ำคืนอันวุ่นวายก็ตัดจบลงเพียงเท่านี้เอง...

...

เดี๋ยวสิ! มันจะจบได้ไง

กุพชกายังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองเลยนะ การที่นักแสดงฉาว...เอ๊ย สาวคนหนึ่งถูกจับตัวมาโดยผู้อำนวยการสร้างที่ดุและโหดที่สุดในวงการนี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะยะ

ปกติคณิณเป็นคนที่ดูดุอยู่แล้ว หน้านิ่งขรึมจริงจัง ตาคมดุ ทั้งร่างเปล่งรังสีดุดันออกมา

ว่ากันว่า เขาเป็นคนขี้หงุดหงิด เจ้าอารมณ์ และเด็ดขาดเป็นที่สุด

และยังว่ากันอีกว่า...ใครที่ทำให้เขาไม่ชอบหน้า เขาก็ดับอนาคตในเส้นทางบันเทิงของคนนั้นได้อย่างไม่ปรานีเลย

และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ล้วนแต่ดุและโหดร้ายทั้งนั้น

ส่วนทำไมถึงเป็นเรื่องที่เขาว่ามาน่ะเหรอ ก็เพราะเขาเป็นบอสใหญ่ที่ไม่ค่อยปรากฏตัวน่ะสิ

ด้วยความเป็นนักธุรกิจใหญ่ เขาจึงมีลูกน้องมากมายมาทำงานแทนอีกต่อหนึ่ง บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องธุรกิจการอำนวยการสร้างจัดการเรื่องต่างๆ แทนตัวเจ้านาย แล้วค่อยรายงานขึ้นไปให้เขาทราบอีกครั้ง แต่เรื่องสำคัญๆ ล้วนแต่ต้องผ่านการตัดสินใจจากคณิณทั้งนั้น

ดังนั้น แม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยได้ปรากฏตัวให้ใครพบได้ง่ายๆ แต่ทุกคนรู้ โลกรู้กันหมดแหละ ว่าเขาคือผู้มีอำนาจสูงสุดที่ทุกคนต้องเกาะขาไว้ให้แน่น อย่าได้ไปทำอะไรขัดใจเขาเด็ดขาดเลยเชียว

และ...ใช่...กุพชกาพยักหน้ายอมรับกับตัวเองอย่างหดหู่

เธอนี่ละ...ที่สร้างเรื่องขัดใจเขาปังเบ้อเร่อ ทั้งๆ ที่เป็นแค่นางร้ายที่ไม่ได้ถูกจัดเกรดให้เทียบใกล้นางเอกดังๆ เลยด้วยซ้ำ ยังบังอาจมาสร้างเรื่องวุ่นวายให้เขาต้องตามมาลากตัวเธอถึงที่แบบนี้...อนาคตเธอจะเป็นไงคงไม่ต้องสืบแล้วละ

คุณคินคะ...นางร้าย...ขอลาตาย ได้ไหมคะ...นะคะ...นะคะ...นะคะ


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น