5

ตอนที่ 5

 

ระหว่างที่ชลาลัยกำลังคุยกับฟ้าครามอย่างออกรส จู่ๆ น่านตะวันก็ปรี่เข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งคู่ร่างกายอันใหญ่โตของผู้เป็นพี่ชายทำให้ฟ้าครามหายไปจากสายตาของหญิงสาวแทบจะทันที

“พี่น่านทำอะไรคะเนี่ย”

หญิงสาวร้องถามพลางดันร่างของพี่ชายออก ก่อนจะส่งยิ้มให้ฟ้าครามแล้วผายมือแนะนำ

“นี่พี่น่านค่ะ พี่ชายของฉันเอง”

“อ้อ...สวัสดีครับพี่น่าน” ฟ้าครามเอ่ยทักทายด้วยสีหน้างุนงง

“ผมไม่มีน้องชาย” น่านตะวันเอ่ยเสียงเข้ม

“เอ่อ...ครับคุณน่าน”

ชลาลัยที่รู้นิสัยของพี่ชายดีเห็นไม่เข้าทีจึงรีบแนะนำอีกฝ่าย หวังจะลดความเข้าใจผิดของพี่ชาย 

“พี่น่านคะ นี่ว่าที่เจ้านายของน้ำเองค่ะ”

“ว่าที่เจ้านาย” ผู้เป็นพี่ชายขมวดคิ้วหันขวับไปมองน้องสาวด้วยความแปลกใจ

 “อ่า...” ชายหนุ่มดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วหยิบนามบัตรยื่นให้อีกฝ่าย “ผม...ฟ้าคราม ธนาทิป ครับ เป็นรองกรรมการผู้จัดการของบริษัทเอดีดีไซน์ครับ”

“ธนาทิป” น่านตะวันทวนนามสกุลนั้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด สายตาจับจ้องนามบัตรนั้นอย่างจริงจัง ก่อนที่ใบหน้าซึ่งเข้มเครียดด้วยความหวงน้องสาวอยู่แล้วยิ่งเข้มเครียดขึ้นไปอีก 

“คุณเป็นอะไรกับคุณอดิษฐ์”

ฟ้าครามยิ้มเจื่อนๆ “เป็นหลานชายครับ”

“หลานชาย”

“อา...คุณอดิษฐ์เป็นพี่ชายของพ่อผมครับ”

“อ้อ” น่านตะวันพยักหน้าแกนๆ สายตายังไม่ละจากใบหน้าอันหล่อเหลาเหมือนศิลปินเกาหลีด้วยแววตาเครียดเข้ม “แหม...บังเอิญจังเลยนะครับ เจ้านายกับลูกน้องมาเจอกันในงานนี้”

ชลาลัยหรี่ตาลง ถ้าพี่ชายของเธอรู้ว่าเธอบังเอิญเจอฟ้าครามสามครั้งในสองวันเข้าให้แล้ว เขาจะยิ่งมึนตึงกับว่าที่เจ้านายเธอขนาดไหนกัน

“พอดีเจ้าสาวเป็นเพื่อนผมน่ะครับ”

“เจ้าบ่าวก็เพื่อนผม” น่านตะวันเอ่ยเหมือนจะเกทับ

“อ่า...” ฟ้าครามชะงัก เขากลอกตามองสองพี่น้องไปมาอย่างกระอักกระอ่วน 

“พี่น่านคะ” ชลาลัยต้องรีบปราม

“ทำไมเล่า มันเรื่องจริงนี่นา”

“เอ่อ...ผมว่าผมขอตัวไปหาเพื่อนก่อนดีกว่าครับ” ฟ้าครามเอ่ยอย่างประนีประนอม

“เชิญครับ” น่านตะวันรีบผายมือไล่

ฟ้าครามยิ้มเจื่อน ก่อนจะหันมาทางเธอ “งั้นผมไปนะครับคุณชลาลัย ไว้เจอกันที่บริษัท”

“ค่ะ” ชลาลัยยิ้มตอบอย่างมีไมตรี

นั่นทำให้น่านตะวันถึงกับกระแอมขัดจังหวะเบาๆ พอเธอหันไปมองเขาตาเขียว เขาก็แกล้งทำเป็นเสมองไปทางอื่น ก่อนที่ฟ้าครามจะเดินจากไปอย่างงงๆ

“หน้าตาเจ้าชู้ ไม่ค่อยน่าไว้ใจเลยแฮะ”

ชลาลัยทำหน้าสงสัย “คุณฟ้าครามเนี่ยนะคะเจ้าชู้ ดูแกเนิร์ดๆ ออก”

“น้ำไม่รู้อะไร พวกนี้มันเสือซ่อนเล็บ” ชายหนุ่มยกสองมือขึ้นกางกรงเล็บพร้อมแยกเขี้ยว

“พี่น่านก็พูดไป ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ”

“ก็คอยดูไปสิ นี่ขนาดน้ำยังไม่ได้ไปทำงานกับมันนะ ยังมาหลีขนาดนี้”

“หลีเหลออะไรกันคะ” ชลาลัยถอนใจเฮือก “คนรู้จักเข้ามาทักทายกัน ไม่เห็นจะแปลกเลย พี่น่านก็คิดมาก”

น่านตะวันกัดฟันกรอดๆ “นี่ถ้าพี่ไม่ให้ไปทำงานที่นั่นจะได้ไหมเนี่ย” 

“ล้อเล่นหรือเปล่าคะ” น้องสาวเอียงคอมองพี่ชายอย่างไม่แน่ใจที่ได้ยิน

“ไม่ล้อเล่นละ เอาไว้พี่จะหาบริษัทที่ใหญ่กว่านี้ให้ทำ”

“ไม่ค่ะ” หญิงสาวโพล่งขึ้นแทบจะทันที “น้ำบอกแล้วไงว่าอยากใช้ความสามารถตัวเอง ไม่ใช่เส้นสายจากใคร”

“แต่มัน...”

“พอค่ะ” ชลาลัยยกมือห้าม ก่อนจะยื่นคำขาด “เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก ต้นเดือนหน้าน้ำจะไปทำงานที่เอดีดีไซน์ค่ะ”

น่านตะวันนิ่งไปสักพักกับความตั้งใจแน่วแน่ของเธอ ก่อนจะถอนใจออกมาเบาๆ อย่างยอมจำนนในที่สุด 

“แล้วนี่กินอิ่มหรือยัง”

หญิงสาวพยักหน้า 

“งั้นไปกับพี่ คราวนี้จะไม่ยอมให้คลาดสายตาละ”

น่านตะวันบอก ก่อนจะคว้ามือเธอแล้วจูงไปที่กลุ่มเพื่อน และไม่ปล่อยมือเธอให้ไปไหนห่างไกลตัวอีกเลยตลอดงานเลี้ยง

 

หลังจากแยกกันแล้ว ฟ้าครามก็ได้แต่ยืนมองชลาลัยอยู่ห่างๆ เพราะคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมาก แต่ติดที่พี่ชายของเธอประกบเธอไม่ให้ห่าง และดูไม่เป็นมิตรกับเขาเลย จึงไม่มีโอกาสเข้าไปคุยด้วยอีก

“สนใจน้องน้ำหรือครับ คุณฟ้าคราม”

เสียงนั้นทำให้เขาตกใจและหันไปมอง

“อ้าว...คุณวิเชียร” ฟ้าครามร้องทักทันทีที่เห็นใบหน้าขาวกลมอันคุ้นเคยของอีกฝ่าย เพราะจำได้ดีว่าเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าบ่าวในวันนี้ และมักตามเพื่อนมาจีบเจ้าสาวสมัยที่เรียนอยู่คณะเดียวกับเขาที่ประเทศอังกฤษเสมอ ทำให้รู้จักมักคุ้นกันดี

“สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” วิเชียรยื่นมือมาสัมผัสทักทายกับเขาตามธรรมเนียมฝรั่ง

ฟ้าครามยื่นมือไปสัมผัสด้วย “จริงครับ ตั้งแต่จบมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้พบกันเลย เป็นอย่างไรบ้างครับ ตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับ”

“เป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติน่ะครับ” ข้าราชการหนุ่มยื่นนามบัตรให้เขา ในนั้นระบุว่าเป็นผู้ชำนาญการพิเศษ สาขาการตรวจพิสูจน์เอกสารและการปลอมแปลงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “แล้วคุณฟ้าครามล่ะครับ นี่กลับมาเมืองไทยมารับตำแหน่งที่บริษัทเอดีหรือเปล่าครับ”

“ครับ คุณพ่อขอให้กลับมาช่วยงานน่ะครับ”

วิเชียรพยักหน้า ก่อนจะเผยยิ้มแล้วใช้ศอกสะกิดแขนเขา “ว่าแต่คุณฟ้าครามสนใจน้องน้ำหรือครับ”

“ฮะ...อะไรนะครับ” เขาละล่ำละลัก เพราะไม่คิดว่าจะมีคนสังเกตเห็น

“เราผู้ชายด้วยกัน มองกันออก ผมเห็นคุณจ้องเธอตาไม่กะพริบ แถมเมื่อกี้ยังยืนคุยกันตั้งนานอีก”

“เอ่อ...ก็ดูเป็นผู้หญิงน่าสนใจดีครับ พอดีเธอมาสมัครงานที่บริษัท เห็นประวัติการเรียนกับทำงานแล้วก็ดูเป็นผู้หญิงที่เก่งดี”

“ถ้างั้นก็คงลำบากหน่อยนะครับ”

“ทำไมล่ะครับ” ฟ้าครามเอ่ยถามด้วยความสนใจ

“ไอ้น่าน พี่ชายน้องน้ำน่ะสิครับ หวงน้องอย่างกับอะไรดี ใครเข้ามาก้อร่อก้อติกนิดๆ หน่อยๆ เป็นอันกระเด็นไปทุกราย”

“อ๋อ...มิน่าล่ะ เมื่อกี้คุณน่านถึงพูดอะไรแปลกๆ” ฟ้าครามเพิ่งจะเข้าใจ

“นั่นละไอ้น่านละ” เพื่อนเจ้าบ่าวหัวเราะ

“คงมีกันสองคนพี่น้อง ก็เลยหวงมากละสิครับ”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่สองคนนั้นไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ หรอก”

“ยังไงนะครับ” ฟ้าครามเอ่ยถามด้วยความสนใจ

“น้องน้ำน่ะเป็นลูกของเพื่อนพ่อไอ้น่าน พอพ่อแม่ตาย พ่อไอ้น่านก็เลยรับมาดูแลตั้งแต่หกเจ็ดขวบได้มั้ง สองคนนั้นก็เลยเป็นเหมือนพี่น้องกันจริงๆ นี่มันหวงน้องขนาดตอนจะไปเรียนเมืองนอก ยังต้องหนีบน้องสาวที่ยังเรียน ม.ต้นอยู่ไปกับมันที่อเมริกาด้วยเลยนะครับ”

“ขนาดนั้นเลยหรือครับ” ฟ้าครามนึกถึงตอนสัมภาษณ์ชลาลัยขึ้นมา

“ขนาดนั้นแหละครับ” เพื่อนเจ้าบ่าวตอบ ก่อนจะตบต้นแขนฟ้าครามเบาๆ “แต่ถ้าคุณสนใจจริงๆ ผมเชียร์นะครับ เพราะถ้าเป็นคุณฟ้าครามก็ไว้ใจได้ครับ”

“เอ่อ...ผมไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นหรอกครับ” เขายิ้มเจื่อน

“เอาน่า สู้ๆ ครับ” เพื่อนเจ้าบ่าวยกกำปั้นขึ้นควง ก่อนจะหันไปเมื่อถูกเจ้าบ่าวร้องเรียกให้ไปถ่ายรูปหมู่ด้วยกัน

“ผมเอาใจช่วยนะครับ สู้ๆ”

ฟ้าครามพยักหน้าและยิ้มให้เพื่อน ก่อนจะหันไปมองชลาลัยด้วยความคิดคำนึง เพราะอันที่จริงเขาก็ประทับใจเธอมาตั้งแต่วันที่เจอกันตอนเครื่องบินตกหลุมอากาศแล้ว ยิ่งได้พบกันตอนสัมภาษณ์ และได้พูดคุยกับเธอมากขึ้นหลายต่อหลายครั้ง เขาก็ยิ่งชื่นชอบเธอมากกว่าเดิม

แต่งานนี้เห็นจะหนักอย่างที่เพื่อนของเจ้าบ่าวกล่าวไว้จริงๆ เพราะเพียงเขาพบน่านตะวันแค่ไม่กี่นาที ยังรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากชายผู้นั้นจนรู้สึกได้ถึงความกดดันมหาศาลแล้ว

นี่ถ้าน่านตะวันรู้ว่าเขาคิดจะจีบน้องสาวละก็...

 

หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวด้วยชุดนอนแล้ว น่านตะวันก็ล้มตัวลงบนเตียงในห้องนอนที่เงียบสงบ ปรกติเขาจะเป็นคนหลับง่าย หัวถึงหมอนก็หลับเลย แต่ค่ำนี้ไม่ว่าจะพลิกตัวไปในท่าไหน เขากลับไม่อาจข่มตาหลับได้ เพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างเข้ามากวนใจเขาอยู่ตลอดเวลา

เขาพยายามนึกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อะไรกันที่มันยังคงติดค้างอยู่ในใจ จนกระทั่งใบหน้าของชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาในห้วงความคิดของเขา

“ไอ้ฟ้าคราม”

ชายหนุ่มกัดฟันงึมงำ จะต้องเป็นผู้ชายคนนั้นแน่ๆ ที่กวนใจเขา ผู้ชายคนนั้นเข้ามาใกล้ชิดชลาลัยในรัศมีที่อภัยให้ไม่ได้ แถมมันยังเป็นหลานชายของอดิษฐ์ประธานบริษัทเอดีกรุ๊ปอีกต่างหาก

ชื่อนั้นทำให้ความทรงจำในค่ำคืนแห่งความวิปโยคเมื่อสิบแปดปีที่แล้วผุดขึ้นมาในสมองของเขาแทบจะทันที ในห้องของบิดาตอนที่ท่านสั่งให้สังหารหมู่ครอบครัวของชลาลัย เขาจำได้ว่าอดิษฐ์ก็อยู่ในห้องนั้นด้วย

ตอนแรกเขาก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร และก็ไม่ได้ใส่ใจด้วย เพราะไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับคนที่มีใจจิตใจโหดร้ายแบบนั้น น่านตะวันแทบลืมไปแล้วว่ามีคนคนนั้นเกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมในคืนนั้น จนกระทั่งเขาบังเอิญไปพบอดิษฐ์ในงานเลี้ยงการกุศลเมื่อไม่นานมานี้ เขาก็จำได้ทันทีว่าประธานบริษัทก่อสร้างชื่อดังคนนี้เป็นคนคนเดียวกับชายที่อยู่ในห้องทำงานของบิดาในคืนนั้น

ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น

คิดมาถึงตรงนี้ น่านตะวันจึงตั้งใจเลยว่าจะต้องกันน้องสาวไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะกับ...ฟ้าคราม

แต่จะทำอย่างไรล่ะ เพราะเหมือนฟ้าครามจะดูมีภาษีกว่าผู้ชายคนอื่นที่เข้ามาทำก้อร่อก้อติกน้องสาวของเขา จนทำให้เขารู้สึกหวั่นใจว่าอาจเขี่ยออกไปไม่ได้ง่ายๆ เหมือนรายอื่น แถมชลาลัยยังต้องไปทำงานใกล้ชิดกับผู้ชายคนนั้นอีก

น่านตะวันแยกเขี้ยว แค่คิดก็รู้สึกขุ่นใจขึ้นมาแล้ว และมันก็ทำให้เขาไม่สามารถนอนอยู่บนเตียงได้อีกต่อไป เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์แล้วค้นหาประวัติของฟ้าครามจากอินเทอร์เน็ต

รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะทั้งร้อยครั้ง

“อืม...จบปริญญาโทด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์จากอังกฤษ ทำงานในบริษัทออกแบบก่อสร้างชั้นนำของลอนดอนอยู่ถึงสามปี แล้วข้ามทวีปไปทำงานให้แก่บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาอีกสองปี ก่อนจะบินกลับมาเมืองไทยไม่นานมานี้”

ข้อมูลเหล่านั้นทำให้น่านตะวันหงุดหงิดมากขึ้น จากที่ว้าวุ่นอยู่แล้วตอนที่รู้ว่าฟ้าครามเป็นลูกชายของอดุลย์ และชลาลัยต้องเข้าไปทำงานที่นั่น

เขาพยายามหาจุดอ่อนของฟ้าคราม อย่างเช่นข่าวเรื่องผู้หญิง ไลฟ์สไตล์ รวมทั้งเรื่องผิดกฎหมายนานาชนิด แต่กลับไม่พบอะไรที่ทำให้ผ้าขาวผืนนี้มีจุดด่างพร้อยเลยแม้แต่น้อย

“ให้ตายสิวะ ทำไมมันดูดีไปหมดจนน่าหมั่นไส้อย่างนี้วะ” เขาทุบโต๊ะเบาๆ อย่างขัดใจ ก่อนจะหลิ่วตามองใบหน้าขาวใสในจอคอมพิวเตอร์ “โพรไฟล์ดีขนาดนี้ ยังไม่มีแฟน เป็นตุ๊ดหรือเปล่าไอ้น้อง”

น่านตะวันงึมงำ โดยลืมไปเลยว่าตัวเองก็ประสบความสำเร็จไม่ต่างอะไรกัน แถมอายุอานามก็ใกล้เคียงกัน แต่ก็ยังไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตนเช่นเดียวกัน

“แบบนี้ให้น้ำไปทำงานใกล้ๆ มันต้องไม่ดีแน่ ทำไงดีวะ”

ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้ สองมือกอดอกเดินวนไปรอบๆ ห้องอย่างกระวนกระวายใจ เพราะไม่พบทางใดเลยที่จะห้ามไม่ให้ชลาลัยไปทำงานที่นั่นได้ 

“ไอ้ฟ้าคราม” น่านตะวันกัดฟันกรอดด้วยความรู้สึกหงุดหงิดที่เพิ่มมากขึ้น

 

ฟ้าครามจ้องมองจอคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ต่อเมื่อเจอสิ่งที่ต้องการก็ถึงกับตาโตแล้วร้องว้าวออกมา

“เรียนจบวิศวกรรมโยธาจากสหรัฐอเมริกา เริ่มเทรดหุ้นขณะเรียนปีสี่ เพียงสามปีก็ทำกำไรจากหุ้นได้ถึงหกล้านสี่แสนเหรียญสหรัฐ ปัจจุบันพอร์ตมีมูลค่าห้าพันล้านบาท และดำรงตำแหน่งเป็นประธานเอ็นเอเอ็นโบรกเกอร์ โดยการเข้าครอบครองกิจการ หลังจากกลับมาถึงเมืองไทยเมื่อสี่ปีที่แล้ว”

ประวัติของน่านตะวันในนิตยสารออนไลน์ฉบับหนึ่งทำให้ฟ้าครามรู้สึกทึ่ง ก่อนจะเอนหลังพิงพนักแล้วกอดอกจ้องมองรูปน่านตะวันอย่างพินิจ

‘แต่สองคนนั้นไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ หรอก’

คำพูดของเพื่อนในงานคืนนี้ผุดขึ้นในหัวของเขา ดูไปดูมาสองพี่น้องนี่ถึงจะสวยหล่อ แต่หน้าตาก็ไปคนละทางกันเลย นั่นทำให้เขาอยากรู้ขึ้นมาว่าอาการที่น่านตะวันแสดงกับเขานั้น เป็นเพราะหวงน้องสาวหรือมีเหตุผลอื่นกันแน่ เพราะถ้าไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมาจริงๆ ก็ไม่น่าจะออกอาการขนาดนี้

ฟ้าครามลุกนั่งตัวตรง ก่อนจะเปลี่ยนไปค้นหาประวัติของชลาลัยจากเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท แต่ก็พบว่าเธอไม่ได้กรอกชื่อบิดามารดาลงไปด้วย ระบุแต่เพียงว่าทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว และบุคคลใกล้ชิดที่สามารถติดต่อได้ของเธอก็มีเพียงน่านตะวันคนเดียว

เมื่อมาถึงทางตัน เขาเลยลองใช้นามสกุลของเธอค้นหาดู ครู่หนึ่งเขาก็พบข่าวสะเทือนขวัญ และทำให้เขาถึงกับชะงักด้วยความตกใจไปชั่วขณะ

ในข่าวเขียนว่าบิดามารดาของชลาลัยถูกโจรปล้นบ้านยิงตายทั้งคู่ มีเพียงเธอกับเด็กชายอีกคนที่รอดมาได้ โดยทั้งคู่พากันไปหลบอยู่ในห้องน้ำ และเด็กชายคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...

“เด็กชายน่านตะวัน นนทกิจอนันต์”

คิ้วของฟ้าครามขมวดมุ่น นึกสงสัยว่าทำไมน่านตะวันถึงไปอยู่ในบ้านของชลาลัยได้ นั่นหมายความว่าทั้งคู่รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน ยิ่งค้นข้อมูลเขาก็ยิ่งพบความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของทั้งคู่ เพราะครอบครัวของทั้งสองสนิทชิดเชื้อกันมาก ผู้เป็นบิดาทั้งสองเป็นเพื่อนกัน และร่วมกันก่อตั้งพีทีจิวเอลรีขึ้นมาด้วยกัน

การปล้นครั้งนั้นตำรวจสามารถปิดคดีได้อย่างรวดเร็ว มีคนร้ายถูกจับได้ถึงแปดคน ทุกคนสารภาพว่าต้องการเงินในตู้เซฟของธนโชติ ทั้งหมดได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต

“มิน่าล่ะ คุณน่านถึงได้ห่วงคุณชลาลัยขนาดนั้น ที่แท้ก็ผ่านเรื่องร้ายๆ มาด้วยกันนี่เอง”

ฟ้าครามเอนหลังพิงพนักแล้วกอดอกอย่างครุ่นคิด เพราะงานนี้ถ้าจะทำให้น่านตะวันเชื่อใจเขา และยอมให้เขาสานสัมพันธ์กับชลาลัย ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เสียแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม ฟ้าครามก็ตั้งใจว่าเขาจะไม่ยอมแพ้น่านตะวันง่ายๆ อย่างแน่นอน

 

ก่อนที่ชลาลัยจะไปทำงานที่เอดีดีไซน์ น่านตะวันคิดว่าจะหาทางหว่านล้อมให้เธอไปทำงานกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของเพื่อนเขาแทนให้ได้ 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันคงไม่ง่าย เขาจึงคิดว่าน่าจะสร้างบรรยากาศดีๆ ในการเกลี้ยกล่อมเสียหน่อย เผื่อจะทำให้น้องสาวอารมณ์ดีจนเขาสามารถเปลี่ยนใจเธอได้ จึงชักชวนกันไปเที่ยวทะเล ซึ่งชลาลัยก็ตอบตกลงทันที เพราะคิดถึงทะเลไทยอยู่ไม่ใช่น้อย

สุดสัปดาห์นั้นทั้งคู่จึงเดินทางกันไปหัวหินและเข้าพักคอนโดมิเนียมริมหาดที่น่านตะวันซื้อเอาไว้นานแล้ว เพราะเห็นว่าสวยและเป็นส่วนตัว ด้วยบรรยากาศที่ดีแบบนี้ เขาจึงมั่นใจว่าจะต้องกล่อมให้น้องสาวล้มเลิกความคิดที่จะไปทำงานกับบริษัทเอดีดีไซน์ได้แน่ๆ

“พี่น่านคะ พร้อมหรือยัง”

เสียงนั้นทำให้น่านตะวันเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์แบบพกพาขึ้นมองชลาลัย พอเห็นเธอสวมเสื้อยืดตัวโคร่งมีชายยาวคลุมต้นขาจนเกือบถึงเข่าก็เผยยิ้มให้ด้วยความพึงใจ เพราะชุดนั้นถึงแม้จะเปิดเปลือยเรียวขา แต่ก็เรียกได้ว่ามิดชิดมากแล้วสำหรับการไปเล่นน้ำทะเล

“เอ่อ...เดี๋ยวพี่ขอดูเอกสารนิดหน่อยนะ น้ำลงไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่ตามไป”

หญิงสาวยิ้มแป้น “แล้วรีบตามมานะคะ”

“อือ...” ชายหนุ่มพยักหน้า แล้วหันไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยกราฟขึ้นๆ ลงๆ และตัวเลขสีต่างๆ เต็มไปหมดอย่างวางใจ

เห็นชุดเล่นน้ำของชลาลัยแล้ว น่านตะวันก็ไม่ห่วงอะไรนักที่ปล่อยให้ชลาลัยลงไปคนเดียว เพราะมันไม่ได้โป๊อะไรมาก แม้กางเกงจะขาสั้นไปสักหน่อยจนชายเสื้อคลุมจนมิดก็ตาม อีกอย่างที่นี่ก็เป็นหาดส่วนตัวของคอนโดมิเนียม ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านมากนัก

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย น่านตะวันก็เปลี่ยนกางเกงเป็นกางเกงว่ายน้ำแบบสปอร์ต ส่วนเสื้อยังคงสวมเชิ้ตฮาวายคลุมเอาไว้ จากนั้นก็ลงลิฟต์ไปที่ชั้นล่างและเดินไปที่ชายหาด

สุดสัปดาห์คนค่อนข้างหนาตาจนน่านตะวันต้องกวาดสายตามองหาชลาลัยไปทั่ว แต่จู่ๆ เขาก็กลับสะดุดหยุดสายตาอยู่ที่หญิงสาวสองคนในชุดบิกินีเซ็กซี่ที่กำลังยืนคุยกันอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ทั้งคู่หันหลังให้เขา คนหนึ่งมีผมสีทองอร่าม ผิวเป็นสีแทนเนื่องจากการอาบแดด บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นชาวต่างชาติ แต่รูปร่างไม่ได้ดีเท่าอีกคน

ผู้หญิงอีกคนก็น่าจะเป็นคนต่างชาติเหมือนกัน อาจเป็นสาวเกาหลีเพราะมีผิวขาวกระจ่างใสเหลือเกิน แถมท็อปบิกินีตัวจิ๋วสีแดงสะดุดตาที่เป็นแบบสายเดี่ยวคล้องคอและสายไส้ไก่ผูกหลังก็ทำให้สามารถเห็นส่วนโค้งส่วนเว้าที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝันได้อย่างเต็มตา

“นางฟ้าหรือไงกันนะ”

น่านตะวันถึงกับเพ้อ สายตาสำรวจเรือนร่างงามนั้นอย่างหลงใหล ทั้งก้นอวบงามงอนที่น่าตีเบาๆ สักสองสามทีด้วยความมันเขี้ยว และเรียวขาขาวเนียนสวยงามอย่างที่เขาชื่นชอบ เรือนร่างสมบูรณ์แบบอย่างนี้หากได้นอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียง แล้วใช้ริมฝีปากจูบพรมไปทั่วก็คงจะดีไม่น้อย

ทว่า...

เมื่อเธอคนนั้นแยกจากหญิงชาวต่างชาติแล้วหันมา เขาก็แทบกระอักออกมาเป็นเลือด เมื่อพบว่าคนที่เขากำลังมองแทะโลมด้วยจินตนาการลึกล้ำนั้นคือ...ชลาลัย

น่านตะวันเข่าอ่อนทันใดเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอจินตนาการไปในทางลามกกับน้องสาวของตัวเองเข้าให้แล้ว

“พี่น่าน!” 

ชลาลัยร้องเรียกเขาพร้อมกับยกมือขึ้นโบกและกระโดดขึ้นลงอย่างร่าเริง ท่าทางแบบนั้นทำเอาเลือดกำเดาของน่านตะวันทะลักออกมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะการโบกมือพร้อมกระโดดแบบนั้น ทำให้ทรวงอกอวบอิ่มที่อยู่ภายใต้ท็อปบิกินีตัวจิ๋วกระเพื่อมไหวจนเลือดในกายของเขาพลุ่งพล่านจนทะลักออกมาทางรูจมูก

“ไอ้บ้าเอ๊ย”

น่านตะวันก่นด่าตัวเองพลางใช้มือเช็ดเลือดกำเดาอย่างเงอะงะ แต่เมื่อเห็นทรวงอกใหญ่กระเพื่อมรุนแรงขึ้นขณะที่น้องสาววิ่งมาหา เลือดกำเดาก็ยิ่งพุ่งกระฉูดออกมาราวเขื่อนแตก

“พี่น่านเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมเลือดออกจมูก”

ชายหนุ่มรีบยกสองมือป้ายเลือดอย่างทุลักทุเล ก่อนจะเผยยิ้มเจื่อนให้น้องสาวสุดเซ็กซี่ “สงสัยอากาศมันร้อน”

“ไปหลบในร่มก่อนดีไหมคะ” ชลาลัยจับต้นแขนเขา

น่านตะวันถึงกับสะดุ้งเฮือก เพราะสัมผัสนั้นเหมือนตัวเร่งปฏิกิริยาให้เลือดของเขาพลุ่งพล่านขึ้น ก่อนจะกระโดดถอยออกมาเล็กน้อยจนน้องสาวถึงกับงง

“พี่...เอ่อ...ไม่เป็นไรจ้ะ” เขาโบกมือเป็นพัลวัน อีกมือยกขึ้นปิดปากปิดจมูก “ว่าแต่ทำไมน้ำใส่ชุดนี้”

“ก็มาทะเลก็ต้องใส่ชุดว่ายน้ำสิคะ”

“ก็รู้ แต่ชุดว่ายน้ำที่พี่เคยซื้อให้ล่ะ”

“โอ๊ย...นั่นอย่างกับชุดประดาน้ำ แล้วมันก็ตัวเล็กแล้วด้วย น้ำอึดอัดน่ะค่ะ ก็เลยซื้อใหม่ตอนพี่น่านกลับมาเมืองไทย”

“หมายความว่าใส่ชุดนี้มานานแล้วหรือ”

“ก็สองสามครั้งค่ะเวลาไปปาร์ตี้ริมสระกับเพื่อนๆ”

น่านตะวันขมวดคิ้วมุ่นหันขวับไปมองน้องสาว แต่เมื่อเห็นเนินอกอิ่มเปื้อนทรายที่เบียดกันอยู่ภายใต้ท็อปบิกินีตัวจิ๋ว หัวใจของเขาก็แทบวายจนต้องรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นทันที

“อย่าบอกนะว่าไอ้ลูกรัฐมนตรีนั่นก็เห็นน้ำใส่ชุดนี้แล้ว”

“ค่ะ” ชลาลัยพยักหน้าพาซื่อ “ก็เพื่อนกันนี่คะ เพื่อนน้ำบางคนเปลือยอกด้วยซ้ำ”

“หา!...แล้วน้ำ...”

“จะบ้าหรือพี่น่าน น้ำไม่กล้าหรอกค่ะ”

น่านตะวันเป่าปากอย่างโล่งใจ แต่คำว่าเปลือยอกก็ทำให้จินตนาการของเขาเตลิดไปไกลแล้ว

“เอ่อ...พี่ว่าเรากลับห้องกันดีกว่าไหมจ๊ะ เดี๋ยวพี่หาซื้อชุดให้ใหม่ พี่ว่าชุดนี้มันโป๊ไปหน่อย”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ชุดนี้ไม่เห็นจะโป๊เลย ใครๆ เขาก็ใส่กัน”

“นั่นมันพวกฝรั่ง”

“ไม่เอาอะ ให้ใส่ชุดดำน้ำแบบนั้น น้ำไม่ลงน้ำดีกว่า”

“งั้นก็ดี ถ้าไม่อยากเล่นน้ำก็ไปหาอะไรอย่างอื่นทำดีกว่า ขี่เอทีวีดีไหม หรือจะไปดูอาร์ตแกลเลอรี หรือจะไปหาอาหารทะเลอร่อยๆ กินกันดี”

“ไม่ค่ะ น้ำอยากเล่นน้ำ” ชลาลัยยืนกราน “ถ้าพี่น่านไม่เล่นก็รออยู่นี่แหละ”

พูดจบน้องสาวสุดเซ็กซี่ก็หันหลังให้เขาแล้ววิ่งลงทะเลไปเสียอย่างนั้น ก้นที่เด้งดึ๋งๆ ตามจังหวะการวิ่งทำเอาน่านตะวันหายใจไม่ทั่วท้อง เลือดไหลเยิ้มออกมาจากโพรงจมูกอีกครั้ง

“ไอ้บ้าเอ๊ย คิดอย่างนั้นกับน้ำได้ไงวะ”

ชายหนุ่มป้ายเลือดกำเดาแรงๆ อย่างนึกโมโหเจ้าสมองที่สั่งการให้เขาคิดอุตริแบบนั้น มันทำให้เขาไม่กล้าเข้าไปใกล้เธอในสภาพเปียกมะล่อกมะแล่กอย่างนั้น จึงได้แต่ทรุดตัวลงนั่งอยู่บนชายหาด แล้วคอยมองดูไม่ให้ผู้ชายคนอื่นเข้าใกล้น้องสาว...

แม้แต่ตัวเขาเอง... 

เพราะหากลงไปเล่นน้ำกับชลาลัยอย่างใกล้ชิด เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะหักห้ามใจไม่ให้คิดลามกกับผู้เป็นน้องสาวได้อีกหรือเปล่า

 

ค่ำนั้นน่านตะวันพาชลาลัยไปรับประทานอาหารทะเลกันที่ร้านริมหาด ตลอดมื้ออาหารเขาแทบไม่กล้ามองเธอเลย เพราะภาพเธอสวมชุดบิกินีเซ็กซี่ยังคงติดตาอยู่ เวลาหันไปมองเธอทีไรเป็นต้องคิดถึงภาพแบบนั้นขึ้นมาทุกที

“พี่น่านเป็นอะไรหรือเปล่า ท่าทางแปลกๆ ยังไงไม่รู้”

“อา...ไม่เป็นไร” เขาตอบเสียงสูง

“แต่น้ำว่าแปลกอะ มาถึงทะเลทั้งที น้ำก็ไม่เล่น เลือดกำเดาก็ไหล แถมตกเย็นก็เหม่อลอยอีกต่างหาก ไม่สบายหรือเปล่าคะ”

“สงสัยอากาศมันร้อนน่ะ เลือดกำเดาก็เลยไหล ตั้งแต่กลับมาอยู่เมืองไทยนี่เป็นบ่อยมาก” เขาโกหก แต่ไม่รู้จะเนียนหรือเปล่า “ที่ไม่เล่นน้ำเนี่ย พี่ว่ามันเหนียวตัวอะ ขี้เกียจอาบน้ำ”

“บ่นอย่างกับคนแก่ ถ้าเหนียวตัวก็อาบน้ำสิคะ มาทะเลทั้งทีนี่นา”

เขายิ้มเจื่อน “ไม่เป็นไรหรอก แค่ดูน้ำเล่นน้ำก็พอแล้ว”

“ดูน้ำเล่นน้ำหรือดูอะไรกันแน่”

น่านตะวันถึงกับสำลัก เพราะคำถามนั้นทำเอาคนมีชนักติดหลังอย่างเขาถึงกับตกใจจนคิดไปว่าชลาลัยอาจอ่านความคิดลามกของเขาออก

“ดะ...ดู...อะ...อะไรจ๊ะ”

“น้ำว่าที่พี่น่านไม่เล่นน้ำ เพราะคอยดูพวกผู้ชายกันไม่ให้เข้าใกล้น้ำแน่ๆ เลยใช่ไหม”

น่านตะวันชะงักเล็กน้อย ก่อนจะตบมือดังฉาดด้วยความโล่งใจ “อา...ใช่เลย อย่างนั้นเลย น้ำแต่งตัวแบบนี้ พี่ก็ต้องคอยดูคอยกันไอ้พวกผู้ชายเอาไว้ ไอ้พวกนี้มันไว้ใจไม่ได้ เห็นผู้หญิงใส่ชุดว่ายน้ำเป็นต้องคิดลามก”

พูดแล้วก็ชะงักไปเอง เพราะนึกได้ว่าตัวเองก็ดันไปคิดอย่างนั้นเหมือนกัน

ชลาลัยย่นจมูกมองเขาด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องเสียงดังด้วยคะ ตกใจหมด”

“ก็...เอ่อ...” น่านตะวันเลิ่กลั่ก เพราะคนทั้งร้านต่างก็หันมามองเขาเป็นตาเดียวกัน

“กันท่าคนอื่นอย่างนี้ แล้วน้ำจะมีแฟนกะเขาไหมเนี่ย” หญิงสาวทำหน้าบูด

“ไม่ต้องมีหรอก อยู่กับพี่นี่แหละ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”

“น้ำไม่ได้อยากแต่งงานให้ใครมาเลี้ยงสักหน่อย น้ำทำงานหาเงินเองได้”

“งั้นก็ไม่ต้องมีหรอกฟงแฟน” เขาสรุปเอาดื้อๆ ก่อนจะโยงเข้าเรื่องที่ตัวเองตั้งใจไว้ “เออนี่ พอดีบริษัทของเพื่อนพี่กำลังหาสถาปนิกมือดีๆ อยู่น่ะ พี่ว่าน้ำไปทำงานกับเพื่อนพี่ดีไหม”

“ได้ยังไงกันคะ ตกปากรับคำเอดีดีไซน์ไปแล้ว เสียคำพูดแย่”

“ก็ยังไม่ได้เซ็นสัญญาอะไรไม่ใช่เหรอ อีกอย่างบริษัทเขาก็ใหญ่โต คนคงมาสมัครเยอะ ถ้าไม่ได้น้ำก็ยังมีคนสำรองอีกมาก”

“ไม่ค่ะ” ชลาลัยยืนกราน “น้ำบอกพี่น่านแล้วนี่ ว่าอยากทำอะไรด้วยตัวเองก่อน”

“พี่ว่าไม่เห็นจะจำเป็นเลย มันก็แค่ใช้สายสัมพันธ์นิดๆ หน่อยๆ เข้าไปแล้วค่อยพิสูจน์ความสามารถอีกทีก็ได้ น้ำเก่งอยู่แล้ว”

“ไม่อะ” หญิงสาวหน้างอ “น้ำบอกแล้วไงคะว่าเราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก”

“แต่...”

“พอค่ะ” เธอยกมือห้าม “ถ้าพี่น่านขืนพูดเรื่องนี้อีก น้ำจะไปหาห้องเช่าแล้วย้ายไปอยู่คนเดียว”

“ไม่ได้นะ” เขาโพล่งขึ้น “อย่าทำอย่างนั้นนะน้ำ พี่...เอ่อ...พี่ไม่พูดแล้ว ปิดปากสนิท”

น่านตะวันทำท่ารูดซิปปาก

“ดีค่ะ อาหารกำลังอร่อย อย่าทำให้เสียบรรยากาศค่ะ”

ถึงกระนั้นเขาก็อดมองน้องสาวด้วยความหนักใจไม่ได้ เพราะนอกจากหน้าตาจะสะสวยแล้ว รูปร่างที่เขาเห็นในวันนี้ก็ยังเซ็กซี่เย้ายวนใจชายอีกต่างหาก ถ้าผู้ชายที่บริษัทนั้นเห็นคงเข้าแถวยาวเหยียดมาแจกขนมจีบให้เธอทุกวันแน่ๆ

คิดแล้วเลือดกำเดาของเขาก็ไหลออกมาเป็นทางอย่างไม่รู้ตัว

“ว้าย!...พี่น่านเลือดกำเดาออกอีกแล้ว”

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น