6

ตอนที่ 6

 

นี่เป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่น่านตะวันนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงอย่างไม่อาจข่มตาหลับได้ คราวนี้ไม่ใช่เพราะผู้ชายคนไหนมายุ่มย่ามกับชลาลัย แต่เป็นเพราะตัวเขาเองต่างหาก ที่ไม่สามารถลบภาพน้องสาวสวมชุดบิกินีเซ็กซี่ออกไปจากสมองได้เลย

เมื่อรู้ว่านอนไม่หลับแน่ เพราะยามหลับตาครั้งใดชลาลัยในชุดบิกินีตัวจิ๋วก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาเสมอ ชายหนุ่มจึงลุกจากเตียงแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น เขาหยิบกระป๋องเบียร์แล้วเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อรับลม

“บ้าจริง คิดอะไรฟุ้งซ่านอยู่ได้วะ”

น่านตะวันยกกระป๋องเบียร์ขึ้นซดด้วยความรู้สึกอึดอัดที่สมองดันมีแต่ภาพชลาลัยในชุดว่ายน้ำอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ไม่อาจลบภาพติดตานั้นลงได้ พอก้มลงไปมองที่ด้านล่างแล้วเห็นสระว่ายน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า จึงคิดว่าน่าจะลงไปว่ายน้ำในสระให้เหนื่อย เผื่อจะทำให้หลับลงได้ง่ายๆ บ้าง

คิดแล้วน่านตะวันก็กลับเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปที่ลานสระว่ายน้ำ ก่อนจะกระโดดลงไปแล้วว่ายไปกลับตามความยาวกว่าห้าสิบเมตรอยู่หลายรอบด้วยกัน จนกระทั่งรู้สึกเหนื่อยจึงมาเกาะขอบสระพักกายแล้วแหงนศีรษะมองขึ้นฟ้าที่เต็มไปด้วยดาวดารดาษ

“นี่มันอารมณ์ไหนกันวะ”

น่านตะวันงึมงำอย่างหงุดหงิด แต่แล้วก็กลับต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ท้องฟ้าราตรีอันงดงามกลับถูกบดบังด้วยทรวงอกใหญ่คู่หนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ท็อปบิกินีสีแดงตัวจิ๋ว เลือดกำเดาของน่านตะวันพุ่งกระฉูดอีกครั้งราวภาพในการ์ตูนตลก

และทันทีที่เห็นว่าเจ้าของสองเต้าอวบอิ่มนั้นคือชลาลัย น่านตะวันก็รีบผละจากขอบสระไปลอยตัวอยู่กลางสระด้วยความตื่นเต้น

“พี่น่านมาทำอะไรค่ำๆ มืดๆ คะ” หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมคุกเข่าลง สองแขนยันพื้นไว้แนบลำตัว ทำให้บีบทรวงอกอะร้าอร่ามเบียดชิดกันแน่นและนูนเด่นขึ้นมา

“พะ...พี่มะ...มาว่ายน้ำ” เขาตอบพลางยกมือขึ้นป้ายเลือดใต้จมูกไปมา

“น้ำว่ายด้วยคนนะ”

“เอ่อ...พี่กำลังจะขึ้น...”

ไม่ทันที่น่านตะวันจะพูดจบ ชลาลัยก็กระโดดลงน้ำดังตูม ก่อนจะโผเข้ามากอดเขาแน่นเหมือนตอนเด็กๆ ที่ขาของเธอยังไม่ถึงพื้นสระ

“อ่า...นะ...น้ำ พี่ว่า...”

หัวใจของน่านตะวันเต้นโครมคราม เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร เพราะเคยว่ายน้ำเล่นกับชลาลัยมาแล้วหลายครั้ง กอดกับเธอมาก็หลายครา แต่กลับไม่มีครั้งไหนที่ทำให้เขารู้สึกไหวหวั่นได้เท่าครั้งนี้มาก่อน

‘ฉิบหายแล้ว!’

น่านตะวันสบถในใจด้วยความตระหนกสุดขีด เพราะเนื้อหนั่นและเลือดกายอุ่นร้อนของสาววัยขบเผาะทำให้น้องชายของเขาดันแข็งตัวปึ๋งปั๋งขึ้นมา และที่สำคัญมันเบียดอยู่ตรงท้องน้อยของชลาลัยพอดิบพอดี

“อุ๊ย!”

“เอ่อ...มะ...มันไม่ใช่อย่างที่น้ำคิดนะ”

หญิงสาวช้อนสายตามองเขา ริมฝีปากบางอมยิ้มละไม “พี่น่านมีอารมณ์หรือคะ”

“ปละ...เปล่าจ้ะ ไม่ใช่อย่างนั้น” น่านตะวันปฏิเสธเป็นพัลวัน

“แต่ไอ้นั่นของพี่น่านมัน...”

น่านตะวันพยายามผละออก แต่ชลาลัยกลับกอดรั้งเขาไว้แน่น แถมยังใช้สองขาเกี่ยวเอวเขาเอาไว้อีก ทำเอาน้องชายของเขาถูกบีบและบดเบียดแน่นขึ้นจนมันเริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้นทุกที

“ปล่อยพี่เถอะน้ำ”

“ไม่” หญิงสาวยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนที่จะทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงโดยการโน้มศีรษะมาจูบปากเขาแล้วใช้มือล้วงเข้าไปในกางเกงว่ายน้ำของเขา ลูบคลำก้อนเนื้อมีชีวิตที่กำลังตื่นตัวเต็มที่

น่านตะวันตาโตด้วยความตกใจ แต่ในที่สุดเขาก็เคลิ้มตามการโลมเล้าของเธอ และปล่อยให้ชลาลัยทำตามอำเภอใจ เขาจูบตอบเธอ เปิดปากแลกลิ้นกับเธออย่างดูดดื่ม เลือดในกายเดือดพล่านมากขึ้นทุกขณะ

ทว่าในวินาทีที่เขากำลังดื่มด่ำและดำดิ่งสู่ความปรารถนาดำมืด กลับมีเสียงหนึ่งคล้ายเสียงของตัวเขาเองตะโกนก้องมาจากขอบสระ

‘อย่าไอ้น่าน มันเป็นกับดัก’

“กับดัก” น่านตะวันเบิกตาโพลงขึ้น “ฉิบหายแล้ว”

ยังไม่ทันที่เขาจะห้ามใจตัวเอง น่านตะวันก็รู้สึกได้ถึงความชุ่มแฉะที่อัดแน่นอยู่ภายในกางเกง เขากำลังระเบิดความปรารถนาดำมืดนั้นออกไป แต่ไม่ได้ระเบิดใส่มือของชลาลัย

วินาทีนั้นน่านตะวันก็สะดุ้งตื่นแล้วลุกพรวดขึ้นนั่ง เหงื่อกาฬแตกพลั่ก หัวใจเต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมาเต้นข้างนอกเสียให้ได้

“ไอ้บ้าเอ๊ย” น่านตะวันงึมงำ รีบเลิกผ้าห่มออกมองดูเป้ากางเกงของตัวเอง ปรากฏว่ามันชุ่มแฉะไปด้วยน้ำรักทะลักทลายเต็มกางเกงไปหมดแล้ว

“แย่จริง” ชายหนุ่มยกมือขึ้นตีหน้าผากตัวเองด้วยความเจ็บใจ เพราะดันไปฝันทะลึ่งตึงตังกับน้องสาวของตัวเองจนกระทั่งเลอะเทอะแบบนี้

“รู้ถึงไหนอายเขาถึงนั้น”

ว่าแล้วเขาก็รีบลุกจากเตียง ก่อนจะหันไปสำรวจบนที่นอนแล้วก็เป่าปากด้วยความโล่งใจที่มันไม่เลอะที่นอนด้วย ไม่อย่างนั้นคงต้องอธิบายกับทางนิติกรของคอนโดมิเนียมที่จะส่งคนมาทำความสะอาดยาวแน่ๆ ก่อนจะถอดกางเกงไปซักในห้องน้ำ แล้วนำไปตากไว้ที่ระเบียงห้อง

ระหว่างนั้นเขาเหลือบมองไปที่สระว่ายน้ำเบื้องล่าง ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อคิดถึงความฝันขึ้นมา จึงรีบกลับเข้าห้องนอนแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง จากนั้นก็นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงจนกระทั่งถึงเช้า

 

“พี่น่านเป็นอะไรคะ ทำไมตาโหลๆ เมื่อคืนนอนไม่หลับเหรอ” 

ชลาลัยเอ่ยถามขณะทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะอาหารตรงข้ามกับน่านตะวันในตอนเช้า

ชายหนุ่มทำหน้าเจื่อน “สะ...สงสัยแปลกที่ เลยนอนไม่หลับ”

“ผิดกะน้ำ หลับเป็นตายเลย” หญิงสาวหัวเราะคิกคัก “สงสัยเล่นน้ำมากไปหน่อย”

น่านตะวันหัวใจเต้นโครมครามอีกครั้ง “วันนี้ไปหากิจกรรมอย่างอื่นเล่นดีไหม”

“ไม่ละค่ะ ยังอยากเล่นน้ำอยู่ น้ำไม่ได้เห็นทะเลมาตั้งนานแล้วนะคะ ขอเล่นให้ช่ำปอดหน่อยเถอะ”

คำว่า ‘ปอด’ ทำให้น่านตะวันเผลอมองหน้าอกชลาลัย ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนีเมื่อรู้สึกตัว ใบหน้าของเขาร้อนวูบ ก่อนจะทำเป็นเอ่ยเสียงเข้มกลบเกลื่อน

“จะเล่นก็ได้ แต่พี่ไม่อนุญาตให้แต่งตัวโป๊ๆ แบบนั้นอีกนะ”

“โหย พี่น่านเนี่ย หัวโบราณจริงเชียว”

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ เกิดไอ้พวกหนุ่มๆ หื่นกามมันเห็นเข้าจะเป็นยังไง”

หญิงสาวยักไหล่ “เห็นก็เห็นไปสิคะ พวกนั้นก็ได้แค่มองแหละ คนเยอะแยะใครจะกล้าทำอะไรรุ่มร่าม”

“ไม่อนุญาตก็คือไม่” เขาเอ่ยเสียงแข็ง ทำเป็นยกถ้วยกาแฟดื่มด้วยมาดเข้ม แต่มือกลับสั่นระริก

“แล้วจะให้แก้ผ้าเล่นน้ำหรือคะ”

พรวด...น่านตะวันสำลักกาแฟที่กำลังดื่มอยู่ออกมาทันที ภาพชลาลัยเปล่าเปลือยผุดขึ้นในจินตนาการอย่างไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะเงยหน้ามองเจ้าหล่อนแล้วเอ่ยด้วยเสียงดุ

“พูดอะไรหือ เป็นผู้หญิงทำไมพูดแบบนี้ แก่นแก้วใหญ่แล้วนะเรา”

“น้ำพูดเล่นน่า ใครจะไปกล้า” หญิงสาวหัวเราะคิกคักพร้อมดึงทิชชูยื่นให้

“ไม่ต้องใส่ชุดว่ายน้ำโป๊ๆ ไม่ต้องแก้ผ้า ถ้าจะเล่นน้ำทะเลก็ใส่ชุดนี้แหละ” น่านตะวันพยักพเยิดไปที่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นที่เธอสวมอยู่ตอนนี้

“เผด็จการจริงเลย” ชลาลัยย่นจมูก “ใส่เสื้อเล่น แขนเป็นสีทูโทนกันหมดพอดี”

“จะเล่นไม่เล่น” พี่ชายเสียงแข็ง

“เล่นค่า” หญิงสาวตอบเสียงยานคาง “แล้วถ้าอยากว่ายน้ำในสระล่ะคะ ที่นี่เขาไม่ให้สวมชุดอื่นลงสระนอกจากชุดว่ายน้ำนะคะ”

น่านตะวันหลิ่วตามองความโยกโย้ของน้องสาว ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องนอน จากนั้นก็หยิบถุงผ้ากลับมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าเธอ

“อะไรคะเนี่ย”

“เปิดดูสิ”

ชลาลัยเปิดถุงผ้าแล้วหยิบของที่อยู่ภายในออกมา ปรากฏว่ามันคือชุดว่ายน้ำแบบมีแขนและกางเกงว่ายน้ำขายาว

“โหย ชุดดำน้ำ”

“มันเป็นชุดว่ายน้ำแขนยาวต่างหาก พี่ไปซื้อที่ตลาดเมื่อเช้าตอนไปซื้อโจ๊กมาให้กินเนี่ย คนขายเขาบอกว่ากันยูวีด้วยนะ”

หญิงสาวทำหน้ามุ่ย “พี่น่านใจร้าย”

“อย่ามาโอดครวญ ถ้าไม่ทำตามก็ไม่ให้เล่น”

“ก็ได้ค่ะ” ชลาลัยรับคำหน้าจ๋อย เพราะต้องสวมชุดว่ายน้ำรุ่มร่ามน่าอึดอัดลงเล่นน้ำตลอดทริป

ตลอดสุดสัปดาห์นั้น น่านตะวันจึงไม่ได้เห็นชลาลัยสวมชุดบิกินีสีแดงสุดเซ็กซี่นั้นอีกเลย แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เขากลับไม่อาจลบภาพอันงดงามตรึงตาตรึงใจนั้นไปได้เลยแม้แต่น้อย

 

วันแรกของการทำงาน ชลาลัยตื่นแต่เช้าและเลือกเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงสีดำที่มีชายอยู่เหนือเข่าเล็กน้อยมาสวม ก่อนจะหยิบสูทสีเดียวกับกระโปรงมาพาดแขนแล้วเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร

โดยปรกติเธอไม่ค่อยชอบแต่งตัวแบบนี้ไปทำงานสักเท่าไร ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อเชิ้ตกับกางเกงผ้าหรือไม่ก็ยีน แต่วันนี้เป็นวันแรกสำหรับการทำงานในประเทศไทยจึงอยากแต่งตัวให้เรียบร้อยสักหน่อย พอน่านตะวันที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอก็ขมวดคิ้วมุ่น

“กระโปรงไม่สั้นไปเหรอ”

“ว่าแล้วเชียว ต้องโดนทักแบบนี้” หญิงสาวส่ายหน้าพลางวางเสื้อพาดไว้กับพนักเก้าอี้

“ก็มันสั้น”

“ไม่สั้นสักหน่อย ใครๆ เขาก็ใส่แบบนี้กันทั้งนั้นแหละค่ะ”

“แต่พี่ว่ามันสั้น”

ชลาลัยถอนใจ ก่อนจะเดินไปกดปุ่มที่เครื่องชงกาแฟใส่ถ้วยแล้วหยิบมันมานั่งตรงข้ามกับพี่ชาย

“ยังไง...กระโปรงมันสั้น” พี่ชายท้วงอีกครั้ง

“ไม่ยังไงละค่ะ สายแล้วไม่มีเวลาเปลี่ยนหรอก น้ำไม่อยากไปทำงานสายตั้งแต่วันแรก”

“ให้พี่ไปส่งไหมล่ะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ น้ำไปรถไฟฟ้าดีกว่า รวดเร็วทันใจ รถไม่ติด ไม่ก่อมลภาวะ”

น่านตะวันถอนใจ “แต่นุ่งกระโปรงสั้นแบบนี้ขึ้นรถไฟฟ้ามันจะดีหรือ”

“พี่น่านคะ มันไม่โป๊หรอกค่ะ ใครๆ เขาก็ใส่กัน” ชลาลัยโต้เสียงเข้ม 

“คนอื่นก็ส่วนคนอื่นสิ”

“นี่เราจะเถียงกันเรื่องกระโปรงอีกนานไหมคะ”

ชลาลัยทำเสียงแข็งจนพี่ชายหงุดหงิด แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่าการถอนใจออกมา พอเธอดื่มกาแฟและรับประทานอาหารเช้าที่พี่ชายเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ก็รีบออกจากห้องไปก่อนที่เขาจะทักท้วงเรื่องกระโปรงอีก

การเดินทางไปบริษัทเอดีดีไซน์โดยใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นอะไรที่ค่อนข้างสะดวก เพราะมีสถานีอยู่ใกล้กับอาคาร และมีทางเดินเชื่อมเข้าอาคารได้อย่างสะดวกสบาย

อาคารหลังนี้เป็นของเอดีกรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ที่มีเอดีดีไซน์ก็เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้ จึงไม่แปลกเลยที่จะมีงานป้อนเข้ามาตลอดจนกลายเป็นบริษัทผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมที่ติดอันดับหนึ่งในสิบจากการจัดอันดับของบีซีไอเอเชียไทยแลนด์เมื่อไม่นานมานี้

ชลาลัยเดินเข้าไปติดต่อแผนกต้อนรับของอาคารเป็นลำดับแรก จากนั้นเธอก็ได้รับบัตรพนักงานผ่านเข้าออกแทนที่จะเป็นบัตรผู้มาติดต่อเหมือนวันที่มาสัมภาษณ์และวันที่มาเซ็นสัญญา เธอจึงใช้บัตรนั้นแตะที่ทางเข้า เมื่อที่กั้นเลื่อนเปิดก็ก้าวเข้าไปต่อคิวที่โถงลิฟต์

ช่วงเวลาเร่งด่วน พนักงานบริษัททั้งหลายแหล่ที่ทำงานอยู่ในอาคารหลังนี้จึงมีมากเป็นพิเศษ แม้อาคารจะมีลิฟต์ให้บริการหลายตัว แต่ก็ยังไม่พอกับความต้องการอยู่ดี เธอจึงต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเข้าไปในลิฟต์ได้

“ชั้นไหนครับ” ชายหนุ่มหน้าตาหมดจดสวมเชิ้ตผูกไทดูภูมิฐานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ยี่สิบค่ะ ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบ

“เอดีดีไซน์หรือครับ”

“ค่ะ”

“ทำตำแหน่งอะไรครับเนี่ย” เขายิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย

“สถาปนิกค่ะ”

“ว้าว...ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีเต็กสวยๆ แบบนี้นะครับ”

ชลาลัยเพียงฝืนยิ้มรับคำชมโดยไม่พยายามตอบโต้มาก 

“ผมชื่อธรรมสูตรนะครับ เรียกฟลุกก็ได้ เป็นวิศวกรฝ่ายออกแบบโครงสร้างอยู่ที่เอดีคอนสตรักชัน”

“อ๋อ...ค่ะ”

สถาปนิกสาวตอบสั้นๆ แต่หลังจากนั้นแม้เธอจะทำทีเป็นถามคำตอบคำ เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดสักเท่าไร เขาก็ยังชวนเธอคุยตลอดเวลา แถมชั่วโมงเร่งด่วนอย่างนี้ลิฟต์ก็แทบจะจอดทุกชั้น ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย 

พอประตูลิฟต์เปิดที่ชั้นยี่สิบ สถาปนิกสาวจึงรีบถลันออกไปแทบจะทันทีโดยไม่สนใจคนที่พยายามขอไอดีไลน์เพื่อสานความสัมพันธ์ต่อเลยแม้แต่น้อย

“หมอนั่นหน้าหม้อมาก อย่าไปหลงคารมเชียว” หญิงสาวที่ออกจากลิฟต์พร้อมเธอเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันชื่อมิ้นท์ค่ะ อยู่ฝ่ายบัญชี”

“อ๋อ...สวัสดีค่ะ ฉันน้ำนะคะ เพิ่งมาทำงานเป็นเต็กวันแรกค่ะ”

เต็ก เป็นคำที่ย่อมาจากคำว่าอาร์คิเทกหรือสถาปนิกนั่นเอง

“โชคดีจัง ได้คุณฟ้าครามเป็นบอส” มิ้นท์ หรือมินทิตาเอ่ยด้วยแววตาพริบพราว เธอคงเหมือนสาวคนอื่นๆ ที่หลงใหลในตัวของฟ้าคราม “เอาไว้เจอกันนะคะ”

“ค่ะ” ชลาลัยยิ้ม พอนักบัญชีสาวเดินเข้าไปในสำนักงาน เธอก็เดินไปที่เคาน์เตอร์แผนกต้อนรับซึ่งด้านหลังเป็นผนังสีเทา มีโลโก้ใหญ่ยักษ์ของบริษัทติดอยู่และแนะนำตัวเองกับพนักงานต้อนรับ

“สวัสดีค่ะ ฉันชลาลัย เพิ่งมาทำงานวันแรกค่ะ”

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเอมนะคะ เป็นโอเปอเรเตอร์ที่นี่” พนักงานต้อนรับสาวหน้าแฉล้มแนะนำตัวเองอย่างเป็นมิตร “ยินดีที่ได้รู้จักคุณชลาลัยนะคะ”

“เรียกน้ำเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”

“ค่ะ...งั้นเชิญคุณน้ำนั่งรอก่อนนะคะ” เอมหรือเอมอรผายมือไปยังโซฟาตัวเดิม “เดี๋ยวฉันโทร. บอกฝ่ายเต็กให้ส่งคนมารับนะคะ”

“ขอบคุณค่ะ” สถาปนิกคนใหม่ค้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟารับรองแขกตามคำเชิญ

ครู่หนึ่งก็มีใครบางคนก้าวออกมาหลังผนังที่มีโลโก้ใหญ่ยักษ์ของบริษัทติดอยู่ ซึ่งเป็นคนที่ชลาลัยไม่คิดว่าจะเป็นคนที่มาต้อนรับเธอด้วยตัวเอง

“คุณฟ้าคราม!”

“สวัสดีครับคุณชลาลัย” เขาเอ่ยทักทายอย่างเป็นการเป็นงาน

“ค่ะ...เอ่อ...สวัสดีค่ะคุณฟ้าคราม” ชลาลัยยกมือไหว้อย่างงงๆ เพราะไม่คิดว่าคนระดับเขาจะเป็นคนออกมาต้อนรับพนักงานใหม่ด้วยตัวเอง

ฟ้าครามยิ้มให้เธอแล้วผายมือไปตรงช่องประตูที่เขาเพิ่งเดินออกมา “มาครับ ผมจะพาคุณไปแนะนำบริษัทของเรา”

ชลาลัยค้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามเขาเข้าไปในส่วนที่เป็นสำนักงาน ซึ่งแบ่งออกเป็นส่วนต่างๆ ชัดเจน ทั้งฝ่ายบุคคล ฝ่ายบัญชี ฝ่ายออกแบบตกแต่งภายใน ฝ่ายภูมิสถาปัตย์ ฝ่ายเขียนแบบและทำโมเดล ฝ่ายประเมินราคา จนกระทั่งมาจบที่ฝ่ายออกแบบสถาปนิกซึ่งมีสมาชิกอยู่สิบเอ็ดคนด้วยกัน

ภายในฝ่ายออกแบบสถาปนิกนั้นเป็นห้องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีโต๊ะทำงานสิบสองตัววางหันหน้าเข้าผนัง ผนังละหกตัวเรียงกันเป็นแถวยาวเหยียด โต๊ะแต่ละตัวมีขนาดยาวกว่าโต๊ะทำงานปรกติ ทุกโต๊ะมีคอมพิวเตอร์สีเงินเมทัลลิกวางอยู่และมีที่ว่างด้านข้างสำหรับการร่างแบบด้วยมือ ซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่ว่างนัก เพราะมีทั้งกระดาษขาวและกระดาษไขสำหรับร่างแบบวางกองอยู่เต็มทุกโต๊ะ

ตรงกลางห้องเป็นทางเดินกว้างราวหนึ่งเมตรห้าสิบเซนติเมตรทอดยาวไปสู่ห้องทำงานอีกห้องที่มีผนังและประตูเป็นกระจกโปร่งใสจนเห็นภายในห้องซึ่งถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายและเป็นระเบียบ มีป้ายชื่อฟ้าครามกับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบสถาปัตยกรรมติดเอาไว้บนประตู

หัวหน้าของเธอแนะนำสถาปนิกแต่ละคนให้เธอรู้จัก ทุกคนต่างยิ้มทักทายเธอแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ต่างจากสามคนสุดท้ายที่ลุกจากที่นั่งมายืนเรียงแถวกันพร้อมรอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย

“นี่พล นิค หงวน” ฟ้าครามแนะนำทั้งสามคน ก่อนจะผายมือมาทางเธอ “นี่คุณน้ำ เต็กคนใหม่ของเราที่จะมาแทนเจมส์ที่ลาออกไป”

“ว้าว...น่ารักจังเลย”

“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะพี่ๆ” หญิงสาวยกมือไหว้ เพราะแต่ละคนน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคนแนะนำ

“สวัสดีครับ” ทั้งสามเอ่ยพร้อมกันอย่างกระตือรือร้น ต่างยื่นมือมาจะจับมือทักทายเธอ แต่โดนฟ้าครามยกมือกันไว้ก่อนด้วยสีหน้าขรึม เลยพากันหดมือกลับแทบไม่ทัน

“แหม...มีสาวๆ สวยๆ มาประดับออฟฟิศแบบนี้ คงมีกำลังใจทำงานขึ้นเป็นกอง” นิค หรือ นิกรเอ่ย เขาเป็นคนที่มีใบหน้าคมคายสวมแว่นตากลมโตและมีผมยาวหยิกหย็อง สวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนขาดๆ ดูเหมือนพวกศิลปินเต็มตัว

“นั่นน่ะสิ วันๆ มีแต่ผู้ชายนั่งมองตากัน โลกโคตรเหี่ยวเฉาเลยว่ะ” หงวน หรือ ธนาวุฒิแทรกขึ้น คนนี้มีรูปร่างอวบอ้วน ตาตี่ สวมเสื้อเชิ้ตลายสกอตกับกางเกงยีนตัวใหญ่

“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับคุณน้ำ” พล หรือชุมพลเอ่ยยิ้มแย้ม เขาเป็นคนที่แต่งตัวสุภาพที่สุด สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวคลุมข้อมือและสวมกางเกงสแลกกับรองเท้าหนังเงาวับ

“เรียกน้ำเฉยๆ ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องคุณหรอก” หญิงสาวยิ้มหวาน

“อูย...ยิ้มทีใจละลาย” สามหนุ่มพร้อมใจกันยกมือขึ้นกุมอกข้างซ้ายแล้วเอนตัวพิงกันอย่างกับคนอ่อนแรง

“พอๆ ไอ้พวกนี้ เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้” ฟ้าครามเอ่ยเสียงเข้มกว่าทุกครั้งที่คุยกับเธอ “ไม่มีงานทำกันหรือไง ไปทำงานได้แล้ว”

“โหย...กันท่านะครับบอส” ธนาวุฒิอดแซวไม่ได้ แม้เจ้านายจะมีท่าทางเข้มดุก็ตาม แต่เหมือนเขาจะไม่ได้เกรงกลัวอะไร “เต็กใหม่สวยแบบนี้ มิน่าถึงได้อาสาเป็นพี่เลี้ยงน้องใหม่ ไม่ยอมให้พวกผมทำ”

“พูดมาก ไปทำงานไป”

ทั้งสามคนหัวเราะ ก่อนจะแยกย้ายกันไปประจำโต๊ะทำงานของตัวเอง พวกเขานั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน โดยโต๊ะตรงข้างๆ โต๊ะของชุมพลใกล้กับห้องทำงานของฟ้าครามยังว่างอยู่ ชลาลัยจึงเดาว่านั่นคงเป็นโต๊ะทำงานของเธอ

“นี่โต๊ะทำงานของคุณ” 

ฟ้าครามตบโต๊ะว่างตัวนั้นเบาๆ อย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ 

“เมื่อวานผมให้ฝ่ายไอทีมาจัดการเรื่องโปรแกรมต่างๆ ที่ต้องใช้เอาไว้เรียบร้อยแล้ว คุณลองดูก็แล้วกันนะ อยากได้โปรแกรมอะไรเพิ่มก็บอกทางไอทีได้ พวกเขาจะจัดหามาให้คุณเอง”

“ค่ะ”

ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู “เดี๋ยวตอนเที่ยงผมจะพาไปพบลูกค้า ผมจะให้คุณดูแลโปรเจกต์คอนโดมิเนียมตัวใหม่ร่วมกับผม”

“ผมว่าบอสงานเยอะ ให้น้องน้ำมาอยู่ทีมผมก็ได้นะครับ” นิกรหันมายักคิ้ว

“งานนายจะเสร็จหรือยัง วันพุธนี้ต้องส่งแบบให้ลูกค้าแล้วไม่ใช่เรอะ” 

ฟ้าครามสวนกลับด้วยเสียงเข้ม เล่นเอาสถาปนิกหนุ่มถึงกับหน้าหดเหลือสองนิ้ว ก่อนจะหันไปก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่ออย่างขยันขันแข็ง

“แล้วที่นี่เราทำงานกันสบายๆ นะ” เขาหันมาบอกเธอ “แต่งตัวแบบไหนมาก็ได้ ไม่จำเป็นต้อง...เอ่อ...เป็นทางการแบบนี้”

หญิงสาวก้มดูชุดสูทและกระโปรงที่น่านตะวันบอกว่าสั้นของตัวเอง ก่อนจะเผยยิ้มเจื่อนให้เขา

“เอาละ ผมขอไปทำงานก่อน คุณจัดการเรื่องโต๊ะทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ไปนะ ถ้าอยากดูแบบเก่าๆ ก็เปิดไฟล์งานของบริษัทดูได้เลย มีอะไรก็ถามพลก็แล้วกันนะ”

ชลาลัยค้อมศีรษะมองเขาเดินเข้าไปในห้องทำงานแล้วจึงทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ของตัวเอง ก่อนจะหยิบของใช้ส่วนตัวออกมาจากกระเป๋าสะพายใบใหญ่แล้ววางเรียงรายบนโต๊ะ ซึ่งก็ใช้เวลาไม่มากเพราะมีแค่อุปกรณ์การทำงานไม่กี่ชิ้น

ช่วงเวลาหลังจากนั้น สถาปนิกสาวก็เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อทำความคุ้นเคยกับโปรแกรมการออกแบบต่างๆ หลังจากนั้นก็ลองเปิดไฟล์งานของบริษัทเพื่อศึกษาแนวทางการออกแบบ บางครั้งก็หันไปดูการทำงานของชุมพลซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด

นั่นเพราะสถาปนิกหนุ่มคนนี้ดูเป็นคนที่มีความคิดโลดโผนไม่น้อย ผิดกับลักษณะภายนอกลิบลับ พอเขาเห็นเธอสนใจก็หันมาถามความเห็นของเธอ ซึ่งชลาลัยก็ตอบออกไปตามตรง บางครั้งชุมพลก็เห็นด้วยแต่บางคราวก็ดื้อดึง จึงมีการถกเถียงกันด้วยเหตุผลและหลักการอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย

“ตรง Corridor นี่...” ชลาลัยชี้ไปที่ระเบียงในแบบบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ “น้ำว่าพี่พลน่าจะลด Space ลงได้อีกนะคะ จะได้เพิ่ม Void ทำให้ลานอเนกประสงค์ที่ชั้นล่างดูโปร่งสบายมากขึ้น”

“อืม...น่าสนใจแฮะ” ชุมพลเกาคางอย่างครุ่นคิด ก่อนจะกดเมาท์คลิกๆ เพื่อลดความกว้างของระเบียงภายในอาคาร

“เอ...ตรงนี้มันหลุดเสาแฮะ” เขางึมงำ 

“ตายจริง น้ำไม่ทันเห็นเลยค่ะ”

“ไม่เป็นไร” ชุมพลโบกมือ “ตรงนี้ทำเป็น Curve ดีกว่า ให้มันโค้งมาอมเสา ขืนให้ Cantilever ออกมากขนาดนี้พวกวิศวกรด่าเปิงแน่”

สถาปนิกสาวนั่งมองชุมพลแก้ไขแบบอย่างเพลิดเพลินจนเวลาผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว เพราะเขาดูคล่องแคล่วและมีความคิดที่รวดเร็วดี ก่อนที่เธอจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงของฟ้าครามดังมาจากด้านหลัง

“น้ำครับ ได้เวลาแล้ว”

ชลาลัยยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ก่อนจะรีบลุกขึ้นพร้อมหยิบกระเป๋าสะพายกับสมุดโน้ตมาถือไว้ จากนั้นก็เดินตามฟ้าครามไปจนกระทั่งเข้ามาอยู่ในลิฟต์กับเขาสองคน

“เราจะไปหาลูกค้ากันที่ไหนคะบอส”

“อยู่ด้วยกันสองคน ไม่ต้องเรียกผมอย่างนั้นก็ได้ครับ เรียกผมอย่างที่เคยเรียกเถอะ” เขาเอ่ยอย่างอารมณ์ดีและน้ำเสียงนุ่มนวล ผิดกับตอนที่อยู่ในห้องทำงานอย่างสิ้นเชิง

“ไม่ได้หรอกค่ะ ใครได้ยินเข้ามันจะไม่ดี” ชลาลัยตอบอย่างรู้สึกเกรงใจ

“อยู่กันสองคนจะมีใครได้ยินล่ะครับ” ฟ้าครามแย้ง

“อา...” เธออ้าปากค้าง ก่อนจะไหวไหล่เบาๆ “ก็ได้ค่ะ คุณฟ้าคราม”

เขามองเธอยิ้มๆ “นั่นยังดูเป็นทางการไปหน่อย แต่ก็เอาเถอะ ดีกว่าเรียกบอสเป็นไหนๆ ว่าแต่คุณก็ไม่ต้องใช้ฉันแทนตัวเองด้วยนะครับ ผมว่ามันเป็นทางการเกินไปเหมือนกัน”

“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวรับอย่างยอมจำนน “แล้วนี่ตกลงเราจะไปไหนกันคะ”

“ไปกินข้าว”

“อ้าว...ไหนคุณบอกว่าจะไปพบลูกค้าไงคะ”

“ผมนัดลูกค้าเอาไว้บ่ายสองครับ ก็เลยว่าจะพาคุณไปกินกลางวันกันก่อน”

“อย่างนี้ก็ได้หรือคะ”

ฟ้าครามยิ้ม “ลืมแล้วหรือครับว่าคุณยังติดอาหารผมหนึ่งมื้อ”

“อ๊ะ!” ชลาลัยชะงัก “จริงด้วยสิ เรื่องที่คุณช่วยฉันวันก่อน”

“ใช่...แล้วคุณก็สัญญาแล้วว่าวันที่มาทำงานวันแรก คุณจะเลี้ยงข้าวผม”

“ถ้างั้นก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงอ่อยอย่างยอมจำนน “แต่อย่ากินหรูมากนะคะ ฉันยังไม่ได้เงินเดือนจากคุณเลย”

“ไม่ต้องห่วงครับ คุณจ่ายได้แน่” เขาหัวเราะ

พอประตูลิฟต์เปิดออกเขาก็ผายมือให้เธอก้าวออกไปยังลานจอดรถ และพาเธอไปขึ้นรถเมอร์เซเดสเบนซ์ของเขาออกจากอาคารสำนักงาน

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น