8
เดนนิสยิ้มพอใจเมื่อเจนปรากฏตัวในชุดเดรสเว้าหลังตัวเดิม สายตาเขามองเธอราวกับจะเปลื้องชุดบางเบานั้นออกจากตัว เจนนึกขอบคุณบราซิลิโคนที่ทางร้านหามาให้ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่กล้าเดินออกมาสู้สายตาเขา หญิงสาวปล่อยผมยาวลงมาเคลียไหล่และหลังเพื่อช่วยปกปิดนวลเนื้อผ่องจากสายตาใครบางคนได้เป็นอย่างดี
“สวย” คำชมสั้นๆ แต่คนฟังกลับรู้สึกว่าหน้าเธอร้อนผ่าวทีเดียว
“เจ้านายตาแหลมนะคะ คุณผู้หญิงคนนี้พอจับแต่งตัวหน่อยดูสวยน่ารักมากเลยค่ะ” พนักงานสาวเอ่ยชมหญิงสาวผู้ถูกแปลงโฉมจนสวยงามแบบที่เจ้าตัวเองก็ยังไม่ชิน
ตั้งแต่เด็กมีคนชมเสมอๆ ว่าเธอมีเครื่องหน้าสวย แต่เจนไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากไปกว่าการตั้งใจเรียนหนังสือและทำตัวให้อยู่ในระเบียบวินัยแบบที่ยายกับป้าสอน
“ไป” เดนนิสไม่ได้ตอบรับคำชมเหล่านั้นเท่าใดนัก เขากลับหันมาคว้าข้อมือเจนเดินออกจากร้านไป ส่วนข้าวของที่เขาซื้อไว้ อีกไม่นานคงมีคนเอาไปส่งให้ถึงที่
“คุณไม่จำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้ามากขนาดนี้ให้ฉันก็ได้นะคะ” เจนเอ่ยทำลายความเงียบเมื่อนั่งรถมาได้สักพัก
“ซื้อให้ก็เอาไปเถอะ ผมไม่ชอบคนขัดใจ บอกให้ทำอะไรก็ทำ เข้าใจไหมเจน” เดนนิสถามน้ำเสียงเข้ม
“ค่ะ” เธอตอบรับ เสมองออกไปนอกรถเพราะกลัวอดที่จะหันไปมองใบหน้าดุๆ ในยามถูกขัดใจของเขาไม่ได้
เดนนิสจอดรถที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พนักงานก็ตรงมาต้อนรับอย่างคุ้นเคย ทั้งสองคนถูกนำไปยังโต๊ะในมุมลับตาที่ถูกจัดไว้ให้โดยเฉพาะ ชายหนุ่มสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่วและหันมาถามผู้ที่ติดตามมาด้วยอย่างใจดี
“ฉันสั่งไม่เป็น ไม่เคยกินอะไรแบบนี้หรอกค่ะ” เจนบอกเขาตามตรง เดนนิสเพียงแต่ยิ้มแล้วสั่งอาหารให้เธอเท่านั้น
“คุณนี่ไปอยู่ส่วนไหนของอเมริกามากันนะเจนนี่” เขาล้อเมื่อบริกรเดินจากไป
“ก็อยู่เมืองเดียวกับคุณนี่ไง ฉันมาจากประเทศเล็กๆ ไม่ได้เกิดและโตที่นี่หรอกค่ะ” หญิงสาวหน้าง้ำเมื่อถูกเขาพูดเชิงล้อเลียน
“อ้าวเหรอ” เขาทำสีหน้าแปลกใจ แม้จะรู้ทั้งรู้ เพราะจากสำเนียงการพูดจาก็พอจะฟังออกว่าเธอไม่ใช่คนแถบนี้ แต่ที่น่าแปลกคือเธอไม่เคยกินอาหารนอกบ้านเลยหรืออย่างไร ถึงบอกว่าไม่รู้จักอาหารในเมนูนี้สักอย่าง
อาหารจานแรกถูกนำมาเสิร์ฟ เจนเกร็งจนทำตัวไม่ถูกช้อน ส้อม และมีดหลายแบบวางเรียงรายจนเธอไม่รู้จะหยิบจับอันไหนมาใช้ก่อนหลัง
“ใช้ๆ ไปเถอะ อันไหนก็ได้ที่คุณถนัด” เดนนิสบอกแบบไม่ได้คิดอะไรมาก ขอแค่ให้เธอมีความสุขกับการกินเป็นพอ เขาเหลือบมองหญิงสาวที่พินิจพิจารณาสเต๊กตรงหน้าแล้วทำหน้าแหยๆ เมื่อเนื้อชั้นดีย่างแค่พอสุก เนื้อด้านในยังแดงๆ เธอจึงเลาะกินแต่เนื้อด้านนอกที่สุกแล้ว
“เอาไปทำใหม่ไหม” ชายหนุ่มถามอย่างเอ็นดูแกมสงสารคนที่ทำหน้าปูเลี่ยนทุกครั้งที่หั่นเนื้อตรงหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอตอบเขาอย่างเกรงใจ หั่นเนื้อกินได้ไม่กี่คำก็วางส้อมลง ช่างเป็นมื้อเย็นที่แสนจะไม่คุ้นชิน ถ้าให้มากินอย่างนี้บ่อยๆ เจนขอทำอาหารกินเองที่บ้านดีกว่า
พอถึงเมนูของหวาน หญิงสาวค่อยยังชั่วขึ้นเพราะเป็นพุดดิงคาราเมลเนื้อนุ่ม รสชาติไม่หวานมาก ตักกินไม่กี่คำก็หมดถ้วย
“ชอบเหรอ” เดนนิสถามเมื่อเห็นเธอทำหน้าเสียดายเจ้าพุดดิงถ้วยเล็ก
“ก็อร่อยดีค่ะ” เจนตอบอ้อมแอ้ม ไม่กล้าบอกว่าเธอมีความสุขแค่ไหนที่ได้ลิ้มลองรสชาติพุดดิงนุ่มนวลหอมหวานนั่น มันทำให้นึกถึงสมัยเด็กที่เธออยากกินขนมเค้กอย่างเพื่อนข้างบ้านเวลาที่จัดงานวันเกิด แต่พอยายถาม เธอต้องบอกว่าไม่อยากกินเพราะรู้ว่ายายคงจะไม่มีเงินซื้อให้
ไม่รู้ว่ามันคือข้อดีหรือข้อเสียของเธอกันแน่ที่มักจะไม่ค่อยบอกความต้องการเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเองให้คนอื่นรู้ เพราะเห็นว่ามันไม่สำคัญ แต่คนตรงหน้าดูเหมือนจะเดาใจเธอได้ เขาจึงยกมือเรียกพนักงานที่ยืนรอบริการอยู่ด้านข้าง
“ขอของหวานให้คุณผู้หญิงอีกถ้วย”
พนักงานค้อมศีรษะรับเบาๆ แล้วกลับมาพร้อมพุดดิงแสนอร่อยอีกหนึ่งถ้วย
เจนยิ้มตาเป็นประกายเมื่อพุดดิงถ้วยเล็กถูกวางลงตรงหน้า “ขอบคุณค่ะ เธอหันไปขอบคุณพนักงานเสียงหวาน จนคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามขมวดคิ้ว
ที่ต้องขอบคุณน่ะมันเขาไหม!...
เดนนิสถอนหายใจ ทำไมเขาเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ ก็แค่ปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ ทำไมเขาชอบเก็บมาคิดและใส่ใจเสียทุกเรื่อง
“หน้าบานเลยนะ” เดนนิสทักคนที่ตักขนมเข้าปากด้วยท่าทางแสนสุข
“อร่อยดีนี่คะ คุณกินไหม” เจนยิ้มและชวนเขาอย่างมีน้ำใจ
“ไม่ ฉันไม่ใช่เด็กจะได้ตื่นเต้นกับขนมแค่นี้” เดนนิสแขวะ แต่ก็อดอมยิ้มกับท่าทางมีความสุขของเธอไม่ได้
“ไม่เด็กก็กินได้นี่คะ ขนมอร่อยๆ ใครๆ ก็กินได้ ไม่เห็นต้องแยกว่าใครเด็กหรือผู้ใหญ่เลย” เจนกระเง้ากระงอดเมื่อถูกเขาว่า ความอยากและความตื่นเต้นลดลงจนแทบจะเหลือศูนย์ จึงวางช้อนลงหลังกินไปได้ไม่กี่คำ
“อ้าว ไม่กินแล้วเหรอ”
“อิ่มแล้วค่ะ” เธอตอบเบาๆ
เดนนิสพยักหน้ารับทราบแล้วเรียกพนักงานมาคิดเงิน อึดใจเดียวทั้งคู่ก็มานั่งในรถ รถทั้งคันตกอยู่ในความเงียบจนน่าอึดอัดจนเขาต้องเปิดเพลงฟัง
เมื่อรถจอดลงที่หน้าบ้าน เจนเปิดประตูลงจากรถแทบจะทันที สาวเท้าขึ้นบันไดเตี้ยๆ ไปยังไม่พ้นก้าวก็ถูกฉุดแขนเอาไว้
“มานี่ก่อนซิ” เจ้าของบ้านชวนแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบเช่นเคย เขาฉุดร่างบางให้เดินตามลงไปยังชายหาดด้านหลังบ้าน ตอนนี้ทะเลข้างหน้าเป็นสีดำสนิท มีเพียงฟองคลื่นสีขาวเท่านั้นที่ตัดกับความดำมืดตรงหน้า
เดนนิสพาเจนมาหยุดที่เปลนอนขนาดใหญ่ที่บุด้วยเบาะนุ่มนิ่ม เขานั่งเอนพิงหมอนใบใหญ่ พร้อมฉุดเธอให้นั่งเอนซบลงมาด้วย แขนยาวของชายหนุ่มโอบรอบตัวเธอ
“ดาวสวยไหม” เขาถามขึ้นขณะที่มือวางนิ่งที่หน้าท้องเจน
เจนจึงรีบเงยหน้ามองฟ้า กลุ่มดาวมากมายแข่งกันส่องสว่างระยิบระยับในคืนที่พระจันทร์หนีเที่ยว ราวกับตัวเธอถูกล้อมรอบด้วยหมู่ดาวนับล้าน “สวยค่ะ” ปากอิ่มกระซิบตอบ สายตายังจับจ้องหมู่ดาวที่ส่องแสงแวววาวอยู่เบื้องหน้า “ฉันไม่เคยดูดาวที่ไหนสวยเท่านี้เลย เหมือนมันอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือเลยค่ะ” หญิงสาวเอื้อมมือออกไปราวกับจะคว้าดวงดาวเอามาไว้ในมือ
มือใหญ่จึงยื่นออกไปข้างหน้าบ้าง เดนนิสไม่ได้อยากคว้าเอาดวงดาวเต็มฟ้า แต่เขาต้องการคว้าเอามือเล็กนุ่มนิ่มนั่นมาไว้ในมือต่างหาก เดนนิสรวบจับมือเจน ยกตัวเธอให้หันมาเผชิญหน้าเขา มองลึกลงไปในดวงตาสีเข้มที่ทอประกายแวววาวคล้ายมีดวงดาวอยู่ด้านใน นิ้วเรียวยาวเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาไปด้านหลัง
ปลายนิ้วเขาแตะที่หลังเปลือยเปล่าของเธอเบาๆ ทำเอาหญิงสาวรู้สึกราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นปราดไปทุกจุดที่เขาสัมผัส เจนสูดหายใจลึกเมื่อเขาก้มหน้าลงมาชิด หลับตาลงเมื่อรู้ว่าเขาจะทำสิ่งใด
เดนนิสมองใบหน้าพริ้มหลับอย่างรอคอยของหญิงสาวตรงหน้าเพียงชั่วครู่ แล้วแตะริมฝีปากกับปากอิ่มสวยตามแรงปรารถนาที่เกิดขึ้น แค่สองวัน สองวันเท่านั้น แต่ทำไมความรู้สึกหวงแหนโหยหาในตัวเธอจึงมากถึงเพียงนี้
เดนนิสไม่เข้าใจตัวเองและคร้านที่จะหาคำตอบให้แก่ความรู้สึกปั่นป่วน เขาหงุดหงิดเพียงแค่เธอสนใจอย่างอื่นมากกว่าเขา ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนรอบเอวบางเพื่อให้เธอเข้ามาใกล้เขาอีกนิด มือเรียวยาวยังวนเวียนอยู่ที่แผ่นหลังนวล ก่อนจะวกขึ้นมาสำรวจด้านหน้าเพื่อสัมผัสความเต็มตึงนุ่มหยุ่นนั้นอย่างเบามือและทะนุถนอม
นับเป็นครั้งแรกที่เจนรู้สึกว่าสัมผัสของชายหนุ่มเป็นไปอย่างอ่อนโยนไม่จาบจ้วง และเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าเขากำลังร่วมรักกับเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่สนองความต้องการของร่างกายวัยหนุ่มอย่างที่ผ่านมา
เสียงประตูห้องที่ถูกเคาะถี่ๆ ทำให้เจนสะดุ้งตื่นขึ้นในตอนเช้า ส่วนเจ้าของบ้านยังคงนอนหลับสนิท ไม่สนใจเสียงรบกวนจากภายนอก อันที่จริงเดนนิสตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงพูดคุยกันด้านนอกแล้วด้วยซ้ำ แต่เขายังอยากนอนก่ายเกยหญิงสาวที่นอนหลับอยู่ข้างๆ พลางสูดกลิ่นหอมสดชื่นของเส้นผมเธอเล่นไปเรื่อยๆ มากกว่าลุกออกไปเผชิญหน้ากับผู้ช่วยทั้งสอง
“เดนนิสคะ” เจนเรียกเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก
คนขี้เซายังงัวเงียลืมตาขึ้น แต่ยังไม่มีทีท่าจะลุกตามเสียงเรียก
“มีคนเรียกค่ะ” คราวนี้เจนออกแรงเขย่าเขา เดนนิสกลับพลิกตัวขึ้นทับร่างบอบบางที่ตื่นก่อน
“อรุณสวัสดิ์สาวน้อย” เขาทัก มองเธอด้วยตาปรือๆ ที่เจนเดาไม่ออกว่ามันเกิดจากความง่วงหรืออารมณ์อย่างอื่น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” หญิงสาวทักกลับ ไม่กล้ามองสูงขึ้นไปกว่าคางได้รูปที่มีไรเคราหนาประดับอยู่ คนแกล้งหลับจึงก้มลงเข้าไปใกล้เธออีกเพื่อประทับจุมพิตรับอรุณกับหญิงสาวขี้อาย
“เดนนิส!” เสียงเรียกเล็กแหลมดังลอดเข้ามาอีกจนคนที่ยังอยากจะใช้เวลายามเช้ากับของเล่นชิ้นใหม่เริ่มจะอารมณ์เสีย
“หูไม่ได้แตกโว้ย รอก่อน!” เขาตะโกนกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ เสียงนั้นจึงเงียบลง เหลือเพียงเสียงบ่นพึมพำเบาๆ เท่านั้น
“ใครเหรอคะ” เจนถามอย่างสงสัย เกือบสัปดาห์ที่อยู่ที่นี่ เธอเจอแม่บ้านเพียงไม่กี่ครั้งกับพนักงานรักษาความปลอดภัยและคนสวนเท่านั้น ตั้งแต่มาอยู่ยังไม่เคยเห็นใครอื่นแวะเวียนมาหาเขาเลย
“ผู้จัดการกับผู้ช่วยที่ผมเคยพูดถึงไง” เขาบอกอย่างไม่ใส่ใจนัก แทนที่จะลุกไปพบแขก เขากลับมาป้วนเปี้ยนบนเนื้อตัวเจน
หากเป็นเมื่อก่อนหญิงสาวคงอึดอัดอยากดิ้นหนี แต่ตอนนี้เธอเริ่มจะชินและชอบการแสดงความรักของเขาไปเสียแล้ว เดนนิสมักเข้านอนพร้อมกับเธอและกอดรัดเธอแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ส่วนขาของเขาก็มักพาดบนตัวเธอเป็นอย่างนั้นอยู่ตลอดทั้งคืน พอเจนจะตะแคงหันหน้าหันหลัง เขาก็มักคว้าเธอมากอดเสมอๆ ครั้งหนึ่งเขาเคยเล่าให้เธอฟังว่า
‘ตอนเด็กผมเคยมีตุ๊กตาหนอน ยาวเท่านี้เลยนะ’ คนรำลึกความหลังเล่าพร้อมทำมือประกอบ ‘นอนกอดมันทุกคืนๆ แต่พอพ่อส่งเข้าโรงเรียนประจำ กลับบ้านมามันก็หายไปแล้ว และผมก็คิดถึงมันจนถึงตอนนี้ ลองหาแบบคล้ายๆ กันมาก็ยังไม่เหมือนตัวเดิม’
‘จนผมได้พบคุณ กอดแล้วนุ่มสบายเหมือนเจ้าหนอนตัวนั้นเลยรู้ไหม’ เขาว่าพลางเอาขารัดตัวเธอแน่นเข้า ไม่สนใจว่าหญิงสาวจะอึดอัดขนาดไหน
แต่เจนก็ไม่บ่น เพระเธอชอบที่จะได้ยินเสียงหัวเราะของเขาสะท้อนอยู่กับอกที่เธอซบแบบนี้
“ให้แขกรอไม่ดีนะคะ” เธอแย้ง พยายามดึงมือเขาออกอย่างนุ่มนวล
“พวกนั้นไม่ใช่แขก” คนที่เพลิดเพลินกับการสำรวจผงกศีรษะมาตอบแล้วก็ก้มลงไปใหม่ ความดื้อและเอาแต่ใจของเดนนิสเป็นอะไรที่เจนอ่อนใจ
สาบานนะว่าเขาอายุสามสิบสอง เขาโกรธแม้กระทั่งตอนที่เธอเผลอตั้งใจดูรายการทีวีไปหน่อย พาลใส่ที่เธอเคยชงเครื่องดื่มไปให้รปภ. หรือแม้แต่อาหารที่เจนทำ เขายังหาเรื่องพาล หากเขาไม่ใช่คนแรกที่ได้กิน
ชายหนุ่มมักสรรหาวิธีโกรธเคืองเธอสารพัด ตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่ เจนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนแบบ เดนนิส แลงส์ลีย์ โตมาแบบไหนกันถึงได้เอาแต่ใจจนได้โล่แบบนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งเขาทำให้เธอยิ้มได้กับเรื่องปกติที่คนอื่นทำกันแต่เดนนิสไม่เคยทำ เช่นการไปนั่งในร้านอาหารบ้านที่เรียกว่าไดเนอร์ ที่จะมีบริการอาหารง่ายๆ จำพวกกาแฟและขนมทั่วๆ ไปแต่เดนนิสกลับไม่เคยลองเลยสักครั้ง เขาตื่นเต้นตอนที่เธอพาไปครั้งแรก เพราะวันนั้นเขาเป็นคนอนุญาตให้เธอเลือกร้านอาหาร เจนจึงเลือกร้านอาหารแบบง่ายๆ ที่พบเจอได้ทั่วไป ไม่นึกว่าจะทำให้ชายหนุ่มตื่นเต้นจนต้องถ่ายรูปและอัปลงในอินสตาแกรม
‘ผมเคนเห็นแต่ในทีวี ไม่นึกว่าวันนี้จะได้มากินจริงๆ’ เซเลบริตีหนุ่มพึมพำ ขณะลิ้มรสเบคอนกรอบในจาน ส่วนหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามเขากลับยิ้ม และส่ายหน้าคล้ายจะเอือมพฤติกรรมเขาเต็มที
...
กว่าเจนจะลงจากเตียงได้ก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง หญิงสาวรีบเข้าห้องน้ำทันทีที่เป็นอิสระ หยิบแปรงสีฟันมาแปรงฟันเร็วๆ ไม่นานชายร่างสูงก็มาซ้อนหลัง สบตาเธอผ่านกระจกอย่างล้อเลียนจนหญิงสาวหน้าแดงอย่างไม่เคยชินสักที เธอจึงทำเป็นก้มลงแปรงฟันและล้างหน้าต่อ ก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอก
“ไปไหน” เขาเรียกเมื่อเธอจะเดินจากไป
“ไปรอข้างนอกค่ะ”
“มาอาบน้ำก่อนแล้วค่อยออกไปพร้อมกัน” คนตัวโตสั่งพร้อมฉุดมือเธอให้กลับเข้ามาในห้องน้ำ
“อาบทีหลังก็ได้ค่ะ คุณอาบก่อนเลย” หญิงสาวปฏิเสธ ขอออกไปจากตรงนี้ก่อนจะดีกว่า เพราะเท่านี้เธอก็อายจนไม่รู้ว่าจะมองหน้าแขกอย่างไรแล้ว
แต่เดนนิสก็คือเดนนิส ในที่สุดเขาก็สามารถพาเธอมายืนอยู่ใต้สายน้ำชุ่มฉ่ำได้สมใจ สองมือเรียวยาวสำรวจไปทั่วร่างงาม และดูเหมือนแค่สองมือจะยังไม่รวดเร็วทันใจ ชายหนุ่มจึงโน้มใบหน้าลงขบเม้มดูดดึงยอดอกครัดเคร่งของเธอ คนที่ดูเหมือนจะขัดขืนผลักไสเขาได้ไม่นานในที่สุดก็ตัวอ่อนมืออ่อน ปล่อยตัวให้เขาสำรวจร่างงามอย่างย่ามใจ มือใหญ่ไต่ลงไปเคล้นคลึงสะโพกงามข้างหนึ่ง อีกข้างก็บีบเคล้นอกสวยเต็มมือหนักเบาสลับไปมา ชายหนุ่มผละริมฝีปากจากภารกิจตรงหน้า ดูดดึง ขบเม้มตามผิวเนื้อเต่งตึงตรงหน้าท้องเธอเบาๆ ก่อนใบหน้าคมของเขาจะเริ่มเคลื่อนลงต่ำจนน่าใจหาย
“เดนนิสคะ คุณมีแขกรออยู่ข้างนอก” เจนกระซิบเสียงแผ่วก่อนจะหลงเพริดไปกับสัมผัสชวนหวามใจไปมากกว่านี้
คนที่ยังเพลิดเพลินกับการขบเม้มผิวเนื้อเธอไม่ได้ตอบรับ แต่เขากลับซุกใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราไปตรงกลางร่างสวยของเธอแทน คราวนี้เจนกัดริมฝีปากเอาไว้แน่นเมื่อถูกความรู้สึกบีบรัดหวามไหวจู่โจม ความสากระคายจากปลายลิ้นและแรงกระตุ้นเป็นจังหวะเร็วๆ นั้นทำให้เธอหอบ และดูเหมือนเขาจะรู้และอยากแกล้ง นิ้วเรียวงามนั้นจึงเข้ามาร่วมมือกันทรมานเธอจนแทบขาดใจ
“อ๊ะ! เดนนิสคะ” หญิงสาวเรียกชื่อเขาเมื่อความรู้สึกบีบเกร็งต่อเนื่องไม่ได้รับการผ่อนคลาย คนใต้ร่างที่ดื่มกินทุกหยาดหยดจากกายเธอจึงหยุดการกระทำ พร้อมกับยืนขึ้นเบียดร่างใหญ่เข้าไปจนตัวเธอติดผนังเปียกชื้นพร้อมกับก้มลงมอบจุมพิตโหยหาให้ ลิ้นหนาของชายหนุ่มไล้วนในโพรงปากนุ่ม ดูดดึงหลอกล่อให้เธอเข้ามาในโพรงปากเขา เจนจึงเลียนแบบท่าทางของเขาบ้าง ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้ชายหนุ่มจนเขาครางเบาๆ ออกมา หญิงสาวรู้สึกว่าเธอเป็นฝ่ายควบคุมเขาได้เป็นครั้งแรก ปากอิ่มของเธอจึงไล้วนดูดดึงจนพอใจก่อนจะผละออก เรียกเสียงหายใจหอบกระชั้นของอีกฝ่ายได้ดี
“เก่งขึ้นนี่” ชายหนุ่มชม มองเธอด้วยนัยน์ตาเจ้าเล่ห์แล้วจัดการจับร่างบอบบางให้หันหน้าเข้าหาผนังเย็นฉ่ำ แล้วมอบความแข็งแกร่งอุ่นร้อนที่เรียกร้องหาการปลดปล่อยเข้าไปในตัวเธอ
เจนยังคับแน่นรึงรัดเขารุนแรงเช่นครั้งแรก ทุกการขยับสร้างความทรมานแสนหวานให้ แต่เขาก็ยินดีที่จะรับความรู้สึกทรมานนี้ ส่วนคนที่อยู่ด้านหน้าแม้จะเม้มปากแน่นเพื่อข่มความพลุ่งพล่านเอาไว้ แต่ชายหนุ่มก็มีวิธีฉกชิงเสียงหวานๆ นั้นมาจนได้
เดนนิสขยับสะโพกหมุนวนและสอดตัวตนลึกล้ำเข้าหาหญิงสาวช้าๆ จากนั้นก็หยุดค้างเอาไว้ เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าเริ่มดิ้นไปมาเพื่อประท้วง เขาจึงลองขยับเข้าไปหาเธออีกนิดและถอดถอนตัวตนออกมาเร็วๆ
“อ๊ะ!” เจนร้องเมื่อความรู้สึกวูบโหวงเข้ามาเยือน
หนุ่มนักรักจึงสอดกายเข้าหาความฉ่ำชื้นช้าๆ ไล้วนส่วนปลายหยอกล้อเกสรสีหวานไปมา จนคนด้านหน้าหอบกระชั้น เขาจึงแทรกตัวเข้าไปยังเส้นทางเร้นลับแสนหวานรวดเร็วและรุนแรง ขยับเข้าออกโหมกระหน่ำด้วยจังหวะที่สุดแสนเอาแต่ใจ เมื่อสมใจเดนนิสก็จับเธอให้หันหน้าเข้าหา ย่อตัวอุ้มเธอขึ้นมา ยกขาเรียวงามให้รัดรอบเอวสอบแข็งแรง จากนั้นก็สอดประสานเป็นร่างเดียวกับหญิงสาว แทรกลึกเข้าหาจนหญิงสาวเปล่งเสียงแห่งความสุขสมออกมาโดยลืมไปว่ามีคนรออยู่ด้านนอก
“คนบ้า” เธอบริภาษเขาเมื่อรู้ว่าโดนแกล้ง ร่างเล็กยังสั่นสะท้านไปตามแรงเคลื่อนไหวรุนแรงเอาแต่ใจ เจนซบนิ่งอยู่กับไหล่ข้างหนึ่งของเขาและฝังเขี้ยวเล็กของตัวเองลงไปอย่างระบายความรู้สึก ได้ยินเสียงเขาครางลึกคล้ายสัตว์บาดเจ็บ แต่มันกลับกระตุ้นเร้าให้เจนอยากจะปลดปล่อยตัวเองมากยิ่งขึ้น
เดนนิสพาเธอมานั่งยังแท่นยกสูง สบดวงตาสีน้ำตาลเข้มหวานเชื่อมที่มองเขาด้วยความปรารถนา ตอนนี้เจนไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาในวันวาน แต่เธอคือหญิงสาวทรงเสน่ห์ร้อนแรงที่คอยจะแผดเผาเขาให้ตายด้วยไฟพิศวาส
เดนนิสจับสะโพกงามให้ขยับขึ้นลงคล้ายกับต้องการบอกให้เธอรู้ว่าถึงคราวที่เขาจะตามใจเธอ ไม่นานสาวงามที่นั่งซ้อนตัก หันหน้าให้เขาก็ขยับเคลื่อนไหวตามใจ ชายหนุ่มครางแหบโหยเมื่อเธอทำกิริยาเลียนแบบเขา เธอค่อยๆ ทาบทับร่างเล็กลงบนความแข็งขึงร้อนผ่าวของเขาช้าๆ จนคนใต้ร่างร้องประท้วง ชั่วแวบหนึ่งเขาเห็นแววตาสาสมใจจากเธอ คล้ายกับว่าเธอดีใจที่ได้เอาคืนเขา แต่เขาไม่โกรธและยินดีจะให้เธอทรมานเขาต่อไปได้ตราบเท่าที่เธอพอใจ
ไม่นานร่างเล็กๆ ที่ขยับเคลื่อนไหวก็หยุดลง หญิงสาวแน่นิ่งราวกับจะหยุดรับความรู้สึกรุนแรงที่แตกซ่านภายในตัว เดนนิสจับใบหน้าเรียวขึ้นมาบดจูบอีกครั้ง คราวนี้เขาจับร่างเธอให้ขยับเคลื่อนไหวตามใจเขา ไม่นานชายหนุ่มก็ครางออกมาหนักๆ และซวนซบศีรษะใหญ่กับไหล่บอบบางของเธออย่างสิ้นฤทธิ์ เซเลบริตีหนุ่มหอบหายใจ ถึงกระนั้นเขาก็ยังยิ้มล้อเลียนเธอจนตาหยี ใบหน้าคมคายก้มลงมองดูส่วนเดียวของร่างกายที่เชื่อมต่อกัน แล้วเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่นั่งซ้อนทับบนตักเขา จูบเธอลึกล้ำอีกครั้งเพื่อเป็นรางวัลสำหรับที่เธอตอบสนองเขาอย่างน่ารัก
เจนค่อยๆ ปีนลงจากตักเปลือยเปล่า นึกอายและไม่อยากจะสู้หน้าแขกที่รออยู่ด้านนอก ไม่รู้ว่าเสียงของเธอจะเล็ดลอดออกไปแค่ไหน หญิงสาวรีบล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดก่อนอีกคนจะตามมาสมทบ
เดนนิสเดินเข้ามาซ้อนหลังหญิงสาวที่ล้างตัวอยู่ก่อน เขาหยิบฝักบัวขึ้นราดน้ำลงไปตามตัวหญิงสาว มือหนากดสบู่ ถูไปตามตัวเธอช้าๆ และแผ่วเบา ไม่นานก็ล้างฟองสบู่สีขาวที่กรุ่นกลิ่นหอมตามตัวให้เธอ
“อาบให้บ้างสิ” เขาขอแบบคนที่ทำดีแล้วหวังผล หญิงสาวจึงยิ้มและกดสบู่มาถูตามตัวชายหนุ่มจนสะอาด
“สระผมให้ด้วยได้ไหมเจน” เขาขอร้องเสียงอ่อน ซึ่งไม่บ่อยนักที่เธอจะได้ยินประโยคนี้จากเขา เธอจึงเต็มใจอย่างยิ่งที่จะทำตามคำขอ
“ก้มหัวให้หน่อยได้ไหมคะ ฉันสระไม่ถึง” เดนนิสยิ้มกับคำขอน่ารักนั้นแต่ก็ยอมเดินไปนั่งที่แท่นเตี้ยๆ ใกล้กับฝักบัว เพื่อให้เจนสระผมให้เขาได้ถนัดขึ้น
หญิงสาวชโลมแชมพูที่เส้นผมสีทองแดงเส้นเล็กแล้วขยี้จนเกิดฟอง ปลายนิ้วเล็กนวดคลึงตามหนังศีรษะจนคนที่นั่งอยู่ต้องพริ้มหลับตาอย่างแสนสบาย ไม่นานเจนก็ล้างแชมพูออกให้ ตามด้วยการชโลมครีมนวดผมและนวดให้ทั่วศีรษะอีกครั้งอย่างเบามือ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น คนที่กำลังเพลินกับมือเล็กๆ ถึงกับทอดถอนใจด้วยความเสียดาย
“ขอบคุณครับ” เดนนิสยืนขึ้นแล้วก้มลงมาจูบแก้มเธอ มือหนาคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอว และคว้าอีกผืนมาพันรอบตัวหญิงสาว แถมยังบริการอุ้มเธอมาส่งจนถึงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
“หวัดดี” เสียงทุ้มของเจ้าบ้านดังขึ้นอย่างอารมณ์ดีเมื่อออกมาต้อนรับสองพี่น้องตระกูลมอร์แกนซึ่งนั่งพิงกันจนจะหลับมิหลับแหล่
“หวัดดีค่ะ เจ้านาย” เสียงห้าวของไมเคิลดังขึ้นทักทายเขาอย่างประชดประชัน
“คงไม่ลืมนะคะว่าต้องไปงานตอนสิบโมง” ชายหัวใจสาวยกนาฬิกาที่บอกเวลาเก้าโมงสิบห้านาทีเข้าไปแล้ว
“ก็มาแล้วนี่ไง อย่าบ่นเป็นตาแก่ได้ไหมไมค์” เดนนิสตอบผู้ช่วยด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ และไม่ได้รู้สึกผิดเพราะเหลือเวลาอีกตั้งสี่สิบห้านาทีกว่าจะถึงเวลานัด
“ไปกันหรือยังคะ เดี๋ยวก็สายไปกว่านี้หรอก” แองเจล่าผู้ช่วยอีกคนแทรกขึ้น ก่อนจะเกิดสงครามน้ำลายระหว่างพี่ชายกับเจ้านายเธอ
“อ๊ะ เดี๋ยวก่อน วันนี้ฉันจะพาคนไปด้วยนะ” เขาบอกอย่างนึกขึ้นได้พร้อมกวักมือเรียกคนที่หลบอยู่ตรงประตูให้เดินออกมา เจนจึงค่อยๆ ก้าวออกมาเจอกับคนทั้งสาม
“เจน นี่ไมเคิลกับแองเจล่าที่เคยเล่าให้ฟัง ไมค์ แองจี้ นี่เจน” เขาแนะนำทั้งสามให้รู้จักกันสั้นๆ เลือกที่จะไม่ระบุสถานะของหญิงสาวผู้มาใหม่ว่าเกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร แต่เดนนิสเชื่อแน่ว่าไมเคิลนั้นมองออกและรู้ทัน
ทั้งสามทำความรู้จักกันไม่นาน ขบวนเล็กๆ ก็พากันขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่ คนขับเปิดประตูรถคอยท่านายใหญ่ของบ้านที่ขึ้นไปนั่งประจำที่ ตามด้วยไมเคิลและแองเจล่า ต่อด้วยเจนเป็นคนสุดท้าย แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็เรียกเธอให้มานั่งข้างๆ เขา แทนที่จะเป็นข้างๆ แองเจล่า โดยไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น แถมยังมีแก่ใจจับมือเธอมากุมไว้บนตัก และไล้ปลายนิ้วเล่นกับหลังมือเธอ
“จะไม่บอกหน่อยเหรอเดนนิสว่าสาวสวยคนนี้คือใคร” แองเจล่าทักขึ้นเป็นคนแรก ปกติเวลาที่เดนนิสคบหาใครเขามักจะแนะนำไปตรงๆ แสดงความรักและหลงใหลกันและกันอย่างโจ่งแจ้ง แต่รายนี้ดูต่างออกไป ดูหลบๆ ซ่อนๆ เหมือนอยากจะปิดบัง
“ก็เจนไง เมื่อกี้ก็บอกไปแล้ว” เดนนิสบอกผู้ช่วยอีกครั้ง แม้รู้ความนัยของคำถาม แต่เขาเลือกที่จะแกล้งโง่มากกว่า
“จ้าก็จำได้ แต่เจนเป็นใคร ยังไง มาจากไหน พวกเราจะได้ปฏิบัติกับเธอถูก” แองเจล่าไม่ยอมลดละ เพราะต้องการรู้ให้ได้ว่าหญิงสาวสวยคนนี้มีความสำคัญต่อเจ้านายเธออย่างไร นัยหนึ่งก็เพราะหน้าที่ แต่อีกนัยหนึ่งนั้นเธอรู้ดีว่าเธอรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นท่าทางแปลกไปของเจ้านายหนุ่ม
“เจนเป็นของเล่นของฉัน” เขาเอ่ยปากออกไปทื่อๆ ไม่ได้ปิดบังหรือใช้คำให้มันสวยหรู
คนทั้งคู่หันมามองหญิงสาวเป็นตาเดียว สลับกับมองเจ้านายที่พวกเขาคิดว่าน่าจะสติแตกกว่าเก่า แต่จะมีใครรู้ไหมว่า ของเล่นอย่างเจนนั้นทั้งเสียใจและน้อยใจ
ความคิดเห็น |
---|