7
เจนขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำเป็นนานจนคนด้านนอกชักจะห่วง เขาจึงเดินไปเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปหาเธอ หญิงสาวนั่งคู้ตัวที่พื้น ตาคู่งามแดงก่ำจากการร้องไห้
“เข้ามาทำไม ออกไปนะ” เธอแหวเสียงอู้อี้ นึกเกลียดห้องน้ำไร้กลอนประตูของที่นี่ยิ่งนัก แค่อยากจะร้องไห้เงียบๆ คนเดียว เธอยังทำไม่ได้เลย
“ออกไปกินข้าว” เดนนิสสั่ง ไม่สนใจตาขวางๆ ที่มองมา ภาพที่ชายหนุ่มเห็นเป็นเพียงเด็กหญิงตัวโตที่กำลังโกรธผู้ปกครองด้วยเรื่องไร้สาระเท่านั้น
“ฉันไม่หิว” เธอตอบอย่างโกรธๆ เวลานี้ไม่กลัวเขาเลยสักนิด
“อย่าดื้อ เจน” เดนนิสปราม แต่ก็ยอมเดินไปคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าเธอ
หญิงสาวกระถดหนี มือน้อยปัดมือใหญ่ราวกับรังเกียจเขานักหนา
“อย่ามาจับ คนใจร้าย” เธอพ้อพร้อมปัดป้องตัวเองจากเขา
เดนนิสสูดหายใจเข้าลึก นับหนึ่งแต่ไม่ถึงสิบในใจ เขาก็จัดการช้อนตัวเธอขึ้นแล้วพามานั่งที่เก้าอี้ด้านนอก ไม่รอให้เธอได้พยศอีก
“กินซะ” เขาสั่งแต่คนดื้อด้านยังไม่ยอมแตะอะไรสักคำ
“ดีงั้นมานี่” เดนนิสไม่ว่าเปล่า เขาจัดการดึงตัวคนพูดไม่รู้เรื่องให้เดินตามเขาเข้าไปด้านใน
เจนขืนตัวสุดแรงเมื่อเห็นว่าเขาจะจูงเธอไปไหน “ปล่อยนะ กินแล้วก็ได้ ปล่อยฉัน” เธอขืนตัวไม่ไปตามแรงจูงง่ายๆ
“หมดเวลากินแล้ว ได้เวลาทำหน้าที่ของเล่นเสียที” เขาบอกเสียงเหี้ยม ตัดสินใจรวบอุ้มเธอพาดบ่า ก้าวพรวดๆ เข้าห้องนอน ไม่สนเสียงกรีดร้องของคนบนบ่า
“ไม่ ไม่ ไม่!” เจนร้องเมื่อถูกวางลงบนที่นอนไม่เบานัก เขาจะทำอะไรเธออีก แค่เมื่อเช้าเธอก็ไม่มีแรงจะทำอะไร แล้วนี่ยังจะมารังแกอะไรเธออีกหรือ
“อยากดื้อดีนักก็ต้องโดนแบบนี้” คนไม่เคยตามใจใครทาบทับร่างหนาหนักลงมาไม่ให้เธอหนี แถมยังแกล้งลงน้ำหนักบนตัวเธอจนแทบหายใจไม่ออก หญิงสาวดิ้นไปมาใต้ร่างเขา แต่ดูเหมือนเดนนิสจะไม่รู้สึกอะไรเลยยังตั้งหน้าตั้งตาทำโทษเธอด้วยวิธีของเขา
ชายหนุ่มจัดการปิดปากคนดื้อด้วยจุมพิตลงทัณฑ์ แรงบดขยี้ดูดดึงนั้นทำเอาเธอเจ็บจนน้ำตาไหล มือหนายังเคล้นคลึงตามร่างกายด้วยแรงทั้งหมดอย่างไม่ปรานี แม้คนที่ถูกทำจะร้องประท้วงอย่างไร
มือเรียวเล็กพยายามดันร่างสูงใหญ่ที่เหนือกว่าเธอทั้งขนาดและกำลัง แต่ชายหนุ่มกลับจัดการกับข้อมือเธอได้โดยง่ายดาย ส่วนเขาก็หันไปสนใจกับการทำโทษเธอด้วยมือและปากต่อ สาวร่างเล็กบางสะอื้นอย่างคนหมดทางสู้ เจนหยุดดิ้นในที่สุดเมื่อพบว่าอย่างไรก็ไม่มีทางหลุดจากพันธนาการ หญิงสาวปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม เลิกใส่ใจกับแรงกดแรงบีบแรงขย้ำของคนตัวโต
เดนนิสหยุดการกระทำทุกอย่างเมื่อเห็นทีท่าที่เปลี่ยนไปของหญิงสาว เขารับรู้ได้ถึงแรงสะอื้นของเธอ ตากลมหวานมีน้ำตาเอ่อคลอ แขนสองข้างที่เคยทุบตีตามไหล่กว้างกลับตกลงราวกับคนไร้เรี่ยวแรง
“เจน” เดนนิสเริ่มรู้สึกตัวว่าทำกับเธอเกินไปหน่อย แต่หญิงสาวไม่ได้มีทีท่ารับรู้ เขาจึงยื่นมือไปจับใบหน้านองน้ำตาให้หันมาเบาๆ ดวงตาสีน้ำตาลที่เคยมีแววหวาดกลัวบัดนี้กลับว่างเปล่า
“พอใจหรือยังคะ จะทำอะไรฉันอีกไหม ฉันขอโทษที่ไม่มีอารมณ์ร่วมกับคุณ” หญิงสาวถามเขาเสียงเรียบ ใบหน้าเธอนิ่งราวกับคนไม่รู้สึกอะไรอีก
“เจน” เขาเรียกเธอเสียงอ่อย
เจนดึงมือที่กุมแก้มเธออยู่ออก พลิกตะแคงหันหลังให้เขาและซุกตัวเข้าไปในผ้าห่ม นอนนิ่งๆ ไม่สนใจชายหนุ่มอีก ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงร้องไห้จนตัวสั่นของหญิงสาวเท่านั้นที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ เดนนิสไม่รู้จะรับมือกับเจนอย่างไรดี จะแตะก็ไม่กล้าแตะ ได้แต่นั่งนิ่งๆ มองเธอร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่ม เขากลัวหญิงสาวจะขาดอากาศหายใจ ครั้นจะเปิดผ้าห่มออกให้เธอมาพูดคุยกับเขาก็รู้สึกขยาด และเดนนิสก็รู้ในนาทีนี้เองว่าเขาไม่ชอบน้ำตาของเธออีกต่อไป
เจนค่อยๆ เปิดผ้าห่มที่ใช้คลุมร่างออก รู้สึกได้ถึงอากาศที่สดชื่นไม่น่าอึดอัดเหมือนเมื่อครู่ หญิงสาวกวาดตามองไปรอบห้องตัวต้นเหตุไม่ได้อยู่รอเธออย่างที่คิด หญิงสาวค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง เรี่ยวแรงแทบจะไม่มี มือเรียวสั่นน้อยๆ เพราะความหิว เธอลุกขึ้นยืนแม้ไม่มั่นคงนัก แต่ก็พอพยุงตัวออกมานอกห้องได้
“เจน” คนที่นั่งรอผุดลุกขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวเปิดประตูออกมาจากห้อง
“หิวหรือเปล่า” เขาถามอย่างเป็นห่วง มองตาบวมช้ำของเธออย่างนึกสงสาร เดนนิสอยากจะเตะตัวเองเมื่อเห็นรอยจ้ำตามตัวเธอที่โผล่พ้นร่มผ้าออกมา เจนไม่ได้ตอบเขาเป็นคำพูด เธอเพียงแต่พยักหน้าและเดินตามเขาไปที่โต๊ะอาหารเท่านั้น
“กินสิ ผมสั่งซุปมาให้” เขาดันถ้วยซุปเข้าไปใกล้เมื่อเห็นท่าทีลังเลของเธอ สักพักเธอก็ตัดสินใจหยิบช้อนขึ้นมาตักซุปกินเงียบๆ
“กินนี่อีกสิ” เขาเลื่อนจานผลไม้ไปให้เธออีก หญิงสาวจึงหยิบองุ่นพวงหนึ่งมาเด็ดเข้าปากอย่างว่าง่าย
“อารมณ์ดีขึ้นหรือยัง” เดนนิสถามคนหิวโหยที่หยิบแก้วน้ำผลไม้ขึ้นมาดื่มเป็นการตบท้าย
“ค่ะ” เจนตอบเขาสั้นๆ เสหยิบส้มขึ้นมากินอีกลูก ไม่กล้าสู้สายตาคนที่นั่งจ้องเท่าไรนัก
“กินอีกสิ” ชายหนุ่มกระตุ้นเมื่อเห็นเธอวางส้มที่เพิ่งกินไปไม่กี่ชิ้นลง
“อิ่มแล้วค่ะ” เธอตอบ ไม่กล้าบอกเขาว่าอึดอัดที่ถูกจับจ้องไปทุกอิริยาบถแบบนี้
“อิ่มแล้วเหรอ งั้นเก็บของ” เดนนิสสั่งอีกครั้ง แต่น้ำเสียงเขาฟังดูอ่อนลงมาก
“เก็บทำไมคะ” คนที่เพิ่งกินอิ่มเงยหน้าสบตาเขาเป็นครั้งแรก
“กลับบ้าน” เขาบอกสั้นๆ แต่สมองกลับคิดวางแผนเอาไว้เสียเป็นรูปเป็นร่าง
“บ้าน บ้านไหนคะ” เจนอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะปล่อยเธอกลับบ้านจริงๆ เพราะรู้สึกผิดที่ทำร้ายเธอแบบนี้
“บ้านผมไง” หนุ่มเจ้าสำราญตอบทันที และทันที่จะสังเกตเห็นสีหน้าผิดหวังของเธอด้วย แต่ใครจะสน ในเมื่อเขายังต้องการเธอเคียงข้าง จะให้ทำมากกว่านี้ก็ย่อมได้
เจนจะเรียกวิลลาติดทะเลหลังนี้ว่าบ้านคงไม่ถูกนัก เพราะอาณาบริเวณกว้างขวางกว่าบ้านที่เธอเคยอยู่หลายเท่า ทำให้เธอไม่คุ้นเคยกับความใหญ่โตของมันนัก
เดนนิสจูงมือเธอเดินไปตามทางเดินที่กรุกระจกใสทั้งแถบ ท้องทะเลสีเขียวที่เห็นอยู่ไม่ไกลดูสวยงามราวกับภาพฝัน เจนมองมือใหญ่ที่กระชับมือเรียวของเธออย่างครุ่นคิด จะดีแค่ไหนหากมันคือมือของคู่รักที่จับจูงกันชมบ้านที่จะเป็นรังรักของคนทั้งคู่ ไม่ใช่เพียงเจ้านายกับของเล่นมีชีวิตที่ต้องทำความรู้จักกับกรงขังของตัวเอง
“ชอบไหม” เจ้าของบ้านหันมาถามเมื่อหยุดยืนที่ริมระเบียงโล่งกว้างทอดสู่ชายหาดขาวสะอาด
“ค่ะ” หญิงสาวตอบเขาสั้นๆ ชอบหรือไม่มันจะมีค่าอะไร ในเมื่อถึงอย่างไรเธอก็ต้องอยู่ที่นี่อยู่แล้วหากมันเป็นความปรารถนาของเขา
“มาสิ” คนตัวสูงชวนของเล่นมีชีวิตชิ้นแรกและชิ้นเดียวให้เดินตามลงไปยังหาดกว้างไร้ผู้คน
เจนยื่นมือเรียวออกไปจับกับมือใหญ่ที่ยื่นออกมารอคอยอยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวทำตามเดนนิสซึ่งถอดรองเท้าผ้าใบและถุงเท้าออกเมื่อเดินเข้าใกล้ชายหาด เท้าเรียวสัมผัสทรายเนื้อละเอียดนุ่มนวลทำให้รู้สึกสบายเท้า มองดูเท้าตัวเองที่จมลงผืนทรายทีละก้าวจนลืมดูว่าคนที่เดินนำหยุดเดินและหันหน้ามาหาเธอ
สองร่างจึงชนกันเบาๆ เมื่อคนตัวเล็กหยุดไม่ทัน มือหนาจึงโอบรอบเอวคอดเล็กเอาไว้เมื่อเห็นเธอทรงตัวลำบาก ทั้งสองมองจ้องหน้ากันชั่ววินาที เดนนิสก็เอื้อมมือจับที่ผมหางม้าสีดำ จัดการดึงยางที่รัดเส้นผมสลวยนั้นออกเพื่อปล่อยให้เส้นผมสีดำเป็นอิสระตามแรงลม
ภาพหญิงสาวตรงหน้าช่างสวยงามตรึงตราเขาเหลือเกิน ผิวสีน้ำผึ้งของเธอสะท้อนแสงแดดนวลตา เส้นผมสีดำยาวนั้นทิ้งตัวลงไปตามแผ่นหลัง ส่วนหนึ่งปลิวตามแรงลม เดนนิสเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าเรียวงามที่แหงนเงย ปัดลูกผมที่ระตามใบหน้าออกพร้อมกับไล้นิ้วหัวแม่มือไปตามริมฝีปากอิ่มนุ่ม
“ผมอยากจะพาคุณมาที่นี่ตอนกลางคืน มีหลายอย่างที่เราควรทำร่วมกันริมหาด” คนเอาแต่ใจพูดถึงแผนการอันน่าหวั่นไหวให้เธอฟัง หญิงสาวจึงทำเพียงแต่ยิ้มบางๆ ให้เขาเท่านั้น
เดนนิสจูงมือเจนเดินไปตามชายหาดที่มีฟองคลื่นสีขาวจนสุดอาณาเขตเขา เธอเพิ่งสังเกตว่ารอบๆ บริเวณนั้นมีทั้งพนักงานรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด แม้จะมีเพียงรั้วเตี้ยๆ แต่ความปลอดภัยด้านอื่นๆ กลับไม่ถูกละเลย หญิงสาวมองเข้าไปในตัวบ้านที่เป็นอาคารชั้นเดียว แต่แผ่ขยายออกไปด้านข้างหลายส่วนจนไม่น่าเชื่อว่าเขาจะอยู่เพียงลำพัง
“เข้าบ้านกันเถอะ” เจ้าของบ้านชวนเมื่อรู้สึกว่าเดินเล่นจนพอใจแล้ว
“ล้างเท้าก่อนไหมคะ” เจนถามขณะหยุดยืนที่ก๊อกน้ำตรงเชิงบันได
เดนนิสจึงวางรองเท้ากับขั้นบันไดแล้วหันไปหยิบสายยางขึ้นมาเปิดน้ำแล้วฉีดน้ำล้างเท้า จากนั้นก็เผื่อแผ่ไปยังเท้าเล็กๆ ของหญิงสาว ขณะที่ล้างเท้าให้เธอนั้น ความคิดซุกซนก็ผุดขึ้นมาในหัว ชายหนุ่มเบนสายยางแล้วยกขึ้นสูงให้น้ำราดรดตัวหญิงสาวจนเปียก
“ว้าย!” เจนอุทานเมื่อถูกน้ำจากสายยางฉีดเข้าเต็มๆ “เดนนิสไม่เอา เปียกหมดแล้ว” เธอยกมือขึ้นปัดป้องเมื่อเขายังฉีดน้ำมาไม่หยุด แต่คนเจ้าแผนการกลับหัวเราะชอบใจ รู้สึกดีขึ้นมาบ้างที่เห็นเธอหัวเราะ ไม่มึนตึงเหมือนเมื่อครู่
“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม” เจนกัดฟันพูดเมื่อเขายังไม่มีท่าทีจะหยุดฉีดน้ำใส่เธอให้เปียกปอน แล้วแย่งสายยางจากมือเขามาแทน และในจังหวะที่เดนนิสเผลอ เจนก็ไม่รอช้าฉีดน้ำโจมตีเขาทันท่วงทีจนหนุ่มเจ้าสำราญหัวหูเปียกปอนไปหมด เพราะหญิงสาวเล่นฉีดน้ำเข้าที่หน้าเขาเต็มๆ แบบไม่ให้มีโอกาสหายใจ
“ยายตัวแสบ” เดนนิสจัดการแย่งสายยางกลับคืนมาและฉีดน้ำใส่คนตัวเล็กจนเปียกไปทั้งตัว
“พอแล้วค่ะ พอแล้ว” เจนยกมือยอมแพ้เมื่อดูท่าจะสู้เขาไม่ไหว ขืนเล่นฉีดน้ำใส่กันไปมาเป็นเด็กอย่างนี้ มีหวังไม่ใครก็ใครต้องเป็นหวัดอย่างแน่นอน “คุณก็เล่นเป็นเด็กๆ ไปได้” เจนดุเขาไม่จริงจังนัก พยายามบิดน้ำออกจากเสื้อยืดที่สวมอยู่
“ทำไม สนุกดีออก” เดนนิสเถียง ไม่ใส่ใจคำตำหนิของเธอ แถมยังยกตัวเธอขึ้นมาในอ้อมแขนแล้วจัดการพาคนขี้บ่นเดินเข้าบ้าน ไม่สนใจรอยน้ำที่ไหลนองเป็นทางไปตามการก้าวเดินของตัวเอง
ชายหนุ่มวางร่างเปียกปอนลงในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ส่วนเขาจัดการถอดเสื้อที่สวมอยู่ออกและก้าวเข้ามาในอ่างกับเธอ
“อาบน้ำดีกว่า เปียกหมดแล้ว” เขาว่าอย่างคนหวังดี พร้อมยื่นมือมาจะช่วยถอดเสื้อยืดเปียกๆ ให้เธออีก
“คุณอาบก่อนเลยค่ะ ฉันอาบทีหลังได้” เจนยึดมือใหญ่ที่กำลังจะเลิกชายเสื้อเธอขึ้น
“ไม่” เขาปฏิเสธตามนิสัยเอาแต่ใจ
“ขอร้องนะคะเดนนิส ฉันยังไม่ชิน ให้เวลาฉันหน่อย” เจนเลือกใช้ไม้อ่อน และดูเหมือนมันจะได้ผล เดนนิสละมือออกและก้าวออกจากอ่างไปในที่สุด
“ก็ได้ ผมให้เวลาครึ่งชั่วโมงนะ ผมมีธุระต้องทำอีก” คนตัวโตบอกพร้อมหันหลังเดินออกจากห้องน้ำกว้าง
เจนถอนหายใจเมื่ออยู่ตามลำพัง เธอคงทำตัวไม่ถูกหากจะต้องลอยคอแช่น้ำในอ่างกับคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน เท่านี้เขาก็บุกรุกความเป็นส่วนตัวเธอมากเกินไปแล้วด้วยซ้ำ หญิงสาวก้าวออกจากอ่างน้ำวนขนาดใหญ่ เลือกไปใช้ฝักบัวที่อยู่อีกด้านเพราะรวดเร็วกว่า หากเกินครึ่งชั่วโมงที่เขากำหนด ไม่นาทีใดนาทีหนึ่งเดนนิสคงเข้ามาประชิดตัวเธอเป็นแน่
“อ้าว เสร็จแล้วเหรอ” เดนนิสที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเปิดประตูเข้ามา เขาเลือกสวมเสื้อยืดสีขาว กับกางเกงยีนขาดๆ สีซีดๆ แต่ถึงแม้จะแต่งตัวเรียบมากแค่ไหน แต่เจนรู้ว่าข้าวของเครื่องใช้ที่ประดับบนตัวเขาล้วนแต่เป็นข้าวของมีราคาทั้งนั้น
“ค่ะ” หญิงสาวยืดตัวขึ้นเมื่อเขาเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ
“ผมยังไม่แห้งเลย” เขาว่าพลางหยิบผมหมาดชื้นของเธอขึ้นมาปอยหนึ่ง
“ก็คุณให้ครึ่งชั่วโมงเอง ส่วนผมเดี๋ยวโดนลมก็แห้งเองแหละค่ะ” เจนบอกอย่างไม่ใส่ใจนักเพราะเธอทำเวลาได้ทัน
“เด็กเอ๊ย” เดนนิสส่ายราวกับผู้หญิงตรงหน้าเป็นเด็กสี่ขวบ
“เอ้า ให้เวลาเป่าผมให้แห้งอีกหน่อยก็ได้ เดี๋ยวผมจะนอนรอตรงนี้” เดนนิสว่าพลางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างแสนสบาย
“เสร็จแล้วค่ะ” เจนบอกเขาหลังจากหายเข้าไปในห้องน้ำไม่ถึงสิบนาที
“โอเค” เจ้าของบ้านดีดตัวขึ้นจากเตียงรวดเร็วพร้อมเดินนำเธอออกไปนอกบ้าน
“เราจะไปไหนกันคะ” เจนถามเมื่อเข้ามานั่งในรถ คราวนี้เขาเปลี่ยนจากรถสปอร์ตปราดเปรียวมาเป็นรถซีดานคันใหญ่
“คุยธุระนิดหน่อยน่ะ” เดนนิสบอกอย่างไม่ใส่ใจขณะถอยรถออกจากที่จอด
“ปกติผมจะมีผู้ช่วยสองคน คนหนึ่งจะคอยถ่ายรูป ลงรูป และช่วยงานอื่นๆ ส่วนอีกคนทำหน้าที่รับงานจัดตารางงานให้ผม ส่วนใหญ่พวกเขาจะมาดูแลเวลาที่ผมมีงานเปิดตัวหรืองานรางวัลอะไรพวกนั้น” ชายหนุ่มอธิบายโดยไม่ให้เธอต้องถามอะไรมาก
“ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเรา ผมจะบอกเขาว่าคุณเป็นผู้ช่วยผมก็แล้วกัน” เดนนิสบอกคนเรื่องมากที่กังวลนักหนาหากเขาเปิดเผยเรื่องระหว่างเขากับเธอให้ใครรู้
“ค่ะ” เจนรับคำ ไม่ได้โต้แย้งอะไร อย่างน้อยเดนนิสก็ทำตามคำขอของเธอ
ชายหนุ่มขับรถมาจอดที่ร้านกาแฟร้านหนึ่งที่เจนเคยผ่านหลายครั้ง แต่ไม่เคยเข้าไปนั่ง เพราะราคาเครื่องดื่มแค่แก้วเดียวก็สามารถใช้เป็นค่าอาหารของเธอได้ทั้งสัปดาห์ พอมีโอกาสได้มา เจนจึงอดตื่นเต้นไม่ได้
“เดนนิส ทางนี้ค่ะ” สาวสวยผมทองคนหนึ่งยืนขึ้นโบกมือให้เขา
“หวัดดีครับเจนน่า” ชายหนุ่มเอ่ยทักทายสาวสวยตรงหน้า หญิงสาวนามเจนน่านั้นเป็นผู้หญิงที่สวยมากในสายตาเจน เธอมีผมสีทองเส้นเล็กสวย เวลาเธอยิ้ม ฟันขาวสะอาดนั้นขับเน้นให้ใบหน้าเธอดูเปล่งประกาย แถมรูปร่างสูงโปร่ง แต่มีส่วนเว้าโค้งชวนให้สาวๆ ด้วยกันอิจฉา
“ดีใจที่ได้พบคุณจริงๆ ค่ะ ที่จริงทอมอยากจะมาเองถ้าไม่ติดงานแฟชั่นวีกที่นิวยอร์กเสียก่อน” เจนน่าเจื้อยแจ้วพลางนั่งลงที่เดิม กระโปรงสั้นๆ ของเธอรั้งขึ้นมาจนเห็นเรียวขางาม
“ครับ ฝากความคิดถึงทอมด้วยแล้วกัน” เดนนิสบอกและหันไปมองหญิงสาวที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ด้านหลังเขา “นั่งสิ” ชายหนุ่มบอกสั้นๆ เจนจึงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เขาพร้อมกับยิ้มให้สาวสวยที่นั่งอยู่ก่อนหน้า
“นี่เจน ผู้ช่วยผมเอง” ชายหนุ่มแนะนำเธอกับเจนน่า ทั้งคู่จับมือทักทายกันพอเป็นพิธี จากนั้นทั้งสามก็สั่งเครื่องดื่มของตัวเอง
“ทอมฝากนี่มาให้ค่ะ คอนเซปต์คอลเล็กชันปีหน้า” เจนน่ายื่นแฟ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าได้ศึกษา เดนนิสรับมาเปิดดูคร่าวๆ แล้วก็ปิดไว้
“ผมจะลองดู แต่ไม่รับปากนะ บอกทอมด้วย” เขาบอกเธอยิ้มๆ ทอมติดต่อเขาหลังเจอกันในปาร์ตี้หนึ่งในงานคอนเสิร์ตศิลปินดัง บอกว่ามีงานที่น่าสนใจอยากให้เขาช่วยออกแบบให้ เพราะเคยเห็นฝีมือการวาดรูปของเดนนิสมาบ้าง
ทอม ฟอร์แรกซ์ เป็นดีไซเนอร์เจ้าของแบรนด์ชุดชั้นในชื่อดังที่ตีตลาดวัยรุ่นเป็นส่วนใหญ่ เขามักออกไลน์ชุดชั้นในทั้งชายและหญิงที่ดีไซน์โดยเหล่าคนดังออกมาเสมอๆ และเดนนิสก็คือคนหนึ่งที่ทอมเอ่ยปากชวนสำหรับซีซันนี้
“ไม่มีปัญหาค่ะ แค่คุณรับไว้พิจารณาทอมก็ดีใจแล้ว” เจนน่าพูดยอเขาสมกับเป็นตัวแทนมาเจรจา เมื่อพูดคุยธุระเสร็จ เจนน่าก็ขอถ่ายรูปกับเดนนิสเป็นที่ระลึกพร้อมลงภาพในสื่อโซเชียลทันที
เจนได้แต่นั่งมองเดนนิสพูดคุยธุระกับสาวสวยที่ทำงานอย่างมืออาชีพกันอย่างยิ้มแย้ม ก่อนจะจบลงที่ต่างคนต่างถ่ายรูปเพื่อลงสื่อออนไลน์ของตัวเอง
เมื่อลาจากเจนน่าแล้ว เดนนิสก็พาเจนขึ้นรถมาจอดที่หน้าร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง เธอย่างเท้าตามเขาเข้าไป พนักงานที่ยืนอยู่รีบปรี่มาต้อนรับชายหนุ่มด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“คุณเดนนิส สวัสดีค่ะ” สาวๆ พร้อมใจกันทักทายชายหนุ่มที่ดูจะคุ้นเคยกันดี
“สวัสดีสาวๆ” เขาทักพร้อมคว้าแขนเจนให้มายืนข้างๆ
“เลือกชุดให้หน่อย” เขาดันเธอไปข้างหน้าให้พนักงานดูแล เจนได้แต่หันมองเจ้านายเลิ่กลั่ก แต่ก็ยอมเดินตามพนักงานไปโดยดี
“เจ้านายเอากี่ชุดคะ” หนึ่งในพนักงานเดินมาถามชายหนุ่ม ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์และเจ้าของห้องเสื้อขนาดใหญ่แห่งนี้ด้วย เขาละความสนใจจากหน้าจอโทรศัพท์ในมือเพื่อเงยหน้าไปตอบพนักงานสาว
“เท่าที่คนคนหนึ่งจะใส่ได้สักสามเดือน” ชายหนุ่มบอกโดยไม่คิด ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคารพการแต่งตัวของเธอ แต่เสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นที่เธอเอาติดตัวมาคงไม่พอที่จะใช้ชีวิตอยู่กับเขาแน่ๆ
“ลองแล้วใส่มาให้ผมดูด้วยนะ”
เธอหายเข้าไปในห้องลองสักพัก ก่อนจะออกมาให้เขาได้ชื่นชม
เดนนิสมองตามร่างสมส่วนที่สวมชุดเดรสผ้ายืดแนบไปกับสัดส่วน แบบของมันดูเรียบก็จริง แต่ก็มีอะไรดึงดูดสายตาเขาได้ไม่ยาก ไม่รู้ว่าเพราะแบบชุด หรือเพราะหุ่นนางแบบกันแน่ที่มันทำให้เขาพยักหน้าอย่างพอใจ
“พอหรือยังคะ” เจนถามเมื่อเดินออกมาพร้อมชุดเดรสสีดำ คอปาด เรียบๆ ดูเป็นทางการ แต่ด้านหลังเว้าลึกจนถึงบั้นเอว
“คุณน่าจะถอดบราออกด้วยนะ” ชายหนุ่มเดินมาหยุดยืนที่ด้านหลัง ลูบไล้เอวคอดที่เปลือยเปล่าของเธอ และมองสบตาเธอผ่านกระจกบานใหญ่ เพียงเท่านี้เจนก็เขินจนหน้าแดง
“ฉันเหนื่อยแล้ว พอหรือยังคะ” เธอเอนตัวหนีจมูกที่โฉบลงมาที่ไหล่ สร้างความไม่พอใจให้คนที่กำลังอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
“พอ แต่ไปถอดบราออกแล้วใส่ชุดนี้ออกจากร้าน” คนเอาแต่ใจสั่งเมื่อโดนขัดใจ
“ไม่ค่ะ” เจนห่อไหล่ หากเป็นสาวๆ ที่เติบโตที่นี่ การโนบราคงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก แต่กับเธอมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะไม่สวมชุดชั้นในเดินไปไหนมาไหนได้ และดูเหมือนเดนนิสจะจับจุดอ่อนเธอได้ เขาถึงสั่งเธอเหมือนแกล้งกันแบบนี้
ความคิดเห็น |
---|