9

ตอนที่ 9


9

 

เจนมองคนที่นั่งยิ้ม หัวเราะอย่างอารมณ์ดีต่อหน้าพิธีกรชื่อดังด้วยความรู้สึกหลากหลาย บางครั้งเธอรู้สึกว่าเธอรู้จักรอยยิ้มนั้นดี แต่บางครั้งเธอกลับรู้สึกว่าเธอไม่รู้จักเขาเลยสักนิด เดนนิส แลงส์ลีย์ บนเวทีมีหลายอย่างที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน ทั้งเรื่องราวในวัยเด็ก หรือแม้แต่ประวัติอันโลดโผนของเขา

ชายหนุ่มผู้เติบโตมาในครอบครัวอันมั่งคั่ง ไม่เคยพบความยากลำบากใดๆ เขาดูเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองอย่างที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรเดนนิสไม่เคยลังเลเลย ชายหนุ่มปฏิเสธการรับช่วงกิจการใหญ่ของครอบครัว แต่กลับสร้างอาณาจักรของตัวเองแทน อาณาจักรที่เต็มไปด้วยแสงสีและความตื่นตาตื่นใจ

เดนนิสเป็นที่รู้จักจากเรื่องฉาวๆ ที่เขายอมรับกับพิธีกรว่าเขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว การที่เขายืดอกยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานกลับทำให้กระแสความนิยมในตัวเขาเพิ่มขึ้น นักข่าวหันมาสนใจเขามากกว่านักร้องสาวที่ร่วมเป็นข่าวด้วยซ้ำ หลังจากนั้นชายหนุ่มผู้รักสนุกก็เป็นที่สนใจและถูกจับตา

ใช่ว่าคนอย่าง เดนนิส แลงส์ลีย์ จะมีมุมฉาวๆ และมีแต่เรื่องสนุกสนานไปวันๆ เท่านั้น เพราะหลายปีมาแล้วที่เขาหักรายได้ของแฟชั่นเฮาส์ที่เขาเป็นเจ้าของให้แก่การกุศล ถึงอย่างนั้นก็ยังโดนนินทาว่าทำไปเพื่อจะใช้ลดหย่อนภาษี แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจ

พิธีกรชวนเขาพูดคุยอีกหลายอย่าง ไม่นานการถ่ายทำก็จบสิ้น แองเจล่าเข้าไปจัดการถ่ายรูปเจ้านายซึ่งเจ้าตัวก็ดูแสนจะคุ้นเคยกับผู้คนที่ห้อมล้อม ผู้ช่วยสาวยื่นหน้าจอให้ชายหนุ่มดูข้อความที่เธอพิมพ์ เขากดแก้ไขสองสามคำก่อนจะกดเผยแพร่รูปภาพนั้น

“เจน ไปเรียกเดนนิสมาหน่อย เราต้องไปอีกที่” ไมเคิลหันไปสั่งผู้ช่วยสาวคนใหม่ ตามคำแนะนำของเดนนิส ที่เขาบอกว่าเธอเป็นของเล่นนั้นเขาแค่พูดเล่น แม้สองพี่น้องจะไม่ค่อยเชื่อนัก แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งเจ้านายหนุ่ม เพราะมันคือชีวิตส่วนตัวของเขาที่ผู้ช่วยอย่างไมเคิลกับแองเจล่าควรจะเว้นช่องว่างเอาไว้ให้

หญิงสาวข้างกายไมเคิลตอบรับเสียงเบา ก่อนจะเดินตรงไปยังกลุ่มคนที่ยังคุยกันอย่างออกรส

“คุณไมเคิลให้มาเรียกค่ะ เราต้องไปอีกที่หนึ่ง” เจนถ่ายทอดคำพูดผู้จัดการหนุ่มได้อย่างไม่ตกหล่น ส่งผลให้คนทั้งกลุ่มหยุดการพูดคุย พิธีกรและโพรดิวเซอร์รายการคนเก่งจึงหันมาขอบคุณเซเลบริตีหนุ่มก่อนจะแยกย้ายกันกลับ

“ถือให้หน่อย” เดนนิสยื่นแจ็กเกตยีนส่งให้หญิงสาวที่เข้ามาทำให้วงสนทนาแตก

เจนหันมามองเขานิดหนึ่งแต่ก็ยอมหยิบเสื้อไปจากมือเขา ขยับถอยห่างเยื้องไปด้านหลังเดนนิสอย่างรู้งาน แต่เจ้าตัวกลับรู้สึกหงุดหงิดกับท่าทีหงอๆ ของเธอ เขาจึงหยุดรอจนเธอเดินมาอยู่ในระดับเดียวกันแล้วจึงยกแขนขึ้นวางพาดบนไหล่บอบบางของเธอ

“เดนนิส” เจนเรียกเขาเสียงเบา พยายามเบี่ยงตัวออกจากความใกล้ชิดนั้น รู้สึกหวาดกลัวสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาที่เธอ เจนไม่อาจจะห้ามความคิดของใครได้ และเธอเองก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกอึดอัดเมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาประเมินของคนเหล่านั้นได้เช่นกัน

ดวงตาสีฟ้าอ่อนก้มลงมองคนตัวเล็กที่เดินตัวแข็งทื่อเคียงข้างเขาแล้วยิ้มพอใจ ต่อให้เธออยากจะหนีเขาไปไกลสักเท่าไร อย่างไรเธอก็ต้องยอมแพ้เขาอยู่ดี เขาไม่ชอบท่าทางรังเกียจของหญิงสาวเลย แค่เดินกับเขามันทำให้เธออึดอัดมากหรือไร

 

เมื่อทั้งคู่เข้ามานั่งในรถที่วันนี้มีผู้ร่วมทางมาด้วยสองคน เจนเลือกที่จะขึ้นรถเป็นคนสุดท้ายและเลือกนั่งคู่กับคนขับแทนที่จะนั่งกับชายหนุ่มเช่นเดิม

เดนนิสมองเธออย่างฉุนๆ ไม่ชอบการขัดขืนแบบเงียบๆ ของเธอนัก แต่ขี้เกียจจะขัดเขาจึงนั่งเงียบๆ ไม่สนใจหญิงสาวเลย จนถึงที่หมายคือสตูดิโอขนาดใหญ่ที่วันนี้เขามีนัดสัมภาษณ์ไม่ต่างจากเดิมนัก เป็นการพูดคุยสั้นๆ เพื่อโพรโมตเสื้อผ้าคอลเล็กชันใหม่ของทางแบรนด์ที่เขาเป็นนายแบบให้อยู่ การสัมภาษณ์ใช้เวลาไม่นานนักก็เสร็จสิ้น

“เดนนี่ วันนี้หมดโปรแกรมแล้วไปไหนต่อดีจ๊ะ คิงสตันเฮาส์ก็โอเคนะ เห็นแชนนิ่งถามหานายอยู่” ไมเคิลพูดถึงคลับชื่อดังที่ชายหนุ่มไปเป็นประจำ แต่เจ้าตัวไม่ได้แวะไปร่วมสองสัปดาห์แล้ว

“กลับบ้าน” คำตอบสั้นๆ ที่ทำเอาสองพี่น้องมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ

“ดูท่าปีนี้หิมะจะตกหนักที่แอลเอเสียแล้ว” ไมเคิลพูดขึ้นลอยๆ แต่คนที่นั่งนิ่งตั้งแต่เมื่อครู่กลับไม่โต้ตอบอย่างที่ควรเป็น เมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านริมทะเลหลังใหญ่ ผู้ช่วยของเขาก็กลับไป

“คุณหิวไหมคะ” เจนเอ่ยถามเพื่อทำลายความเงียบเมื่อเห็นเดนนิสเงียบจนผิดสังเกต เธอรู้ว่าเขาโกรธที่เธอไม่ยอมไปนั่งข้างๆ แต่เจนทนสายตาของผู้คนรอบตัวที่มองมาไม่ไหว

“หิว” เขาตอบสั้นๆ ขณะทิ้งตัวลงที่โซฟาหนานุ่ม

“เดี๋ยวฉันดูว่าแม่บ้านทำอะไรไว้บ้าง” เจนบอกแล้วรีบเดินเข้าห้องครัวไป แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเธอเท่าไรนัก เพราะไม่มีอาหารที่ปรุงเอาไว้เลย เธอจึงลงมือทำแซนด์วิชง่ายๆ ให้แทนเพราะกลัวเขาโมโหหิว

ไม่นานแซนด์วิชจานใหญ่ก็ถูกวางลงตรงหน้า เดนนิสเหลือบมองแล้วทำนิ่งไม่ยอมกิน ทั้งที่บอกว่าหิว เจนเห็นเขาไม่ว่าอะไรเธอจึงเดินเข้าห้องส่วนตัวไป จะเรียกว่าห้องส่วนตัวก็คงไม่ถูกนัก เพราะตั้งแต่วันแรกที่มาอยู่ เธอก็ไม่ได้นอนคนเดียวอีกเลย เตียงหลังเล็กมักมีเขามานอนเบียดด้วยเสมอๆ หรือบางคืนเธอก็ต้องย้ายไปนอนที่ห้องเขาอย่างเช่นเมื่อคืน

 

เจนนอนพลิกตัวไปมาอย่างไม่เคยชินนัก คืนนี้ดูเหมือนเดนนิสจะไม่มาก่อกวนเธอเหมือนเช่นทุกวัน หญิงสาวเปิดประตูออกไปด้านนอกก็ไม่เห็นใคร พบเพียงแสงไฟในห้องนอนใหญ่ที่เปิดเอาไว้เท่านั้น เจนจึงเดินไปตามทางเดินที่มีไฟส่องสว่างเพื่อหาเครื่องดื่มอุ่นๆ สักแก้วมาดื่ม เพราะตั้งแต่มื้อเที่ยงก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเธอเลย โดยไม่ลืมเดินไปเก็บจานเปล่าที่ห้องนั่งเล่นมาวางไว้ที่อ่างล้างจาน ก่อนจะเทนมสดใส่แก้ว จัดการอุ่น ไม่กี่อึดใจก็ได้เครื่องดื่มร้อนๆ สำหรับตัวเอง เมื่อดื่มนมเสร็จหญิงสาวก็กลับเข้านอน แต่กว่าจะหลับได้ก็ใช้เวลาสักพักทีเดียว

ทางด้านเดนนิสที่ปิดประตูห้องนอนเล็กลงอย่างเบามือเมื่อเห็นว่าหญิงสาวหลับสนิทก็นอนไม่หลับเช่นกัน ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป  คำพูดพลั้งปากเมื่อกลางวันคงทำให้เจนเสียใจไม่น้อยทีเดียว เพราะหญิงสาวนิ่งเงียบตลอดทางที่นั่งรถกลับมาบ้าน ชายหนุ่มอยากจะขอโทษเธอ แต่คนท่ามากก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มที่ตรงไหนจึงทำเพียงแต่นิ่งเฉยกับแววตาและสีหน้าเศร้าสร้อยนั้น แต่จนแล้วจนรอดตัวเขาเองก็นอนไม่หลับ ได้แต่พลิกตัวไปมาบนที่นอน  จนต้องแอบย่องมาดูเธอเงียบๆ

เมื่อเห็นว่าเธอหลับ ชายหนุ่มจึงทรุดตัวลงที่ข้างเตียง จ้องมองใบหน้าของเจนยามพริ้มหลับแล้วจึงชะโงกหน้าออกไปจุมพิตที่กลุ่มผมดำนั้นเบาๆ เพราะกลัวเธอจะตื่น

 

กลิ่นอาหารอบอวลไปทั้งบ้านตอนที่เดนนิสเปิดประตูออกมาจากห้องส่วนตัว แม่บ้านคนหนึ่งค้อมศีรษะให้เมื่อชายหนุ่มเดินผ่าน เขาเดินออกมานั่งที่ระเบียง มองท้องทะเลสีฟ้าอมเขียวตรงหน้า ไม่นานอาหารเช้าหน้าตาน่ากินก็ถูกนำมาเสิร์ฟ

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เจนเอ่ยทักทายเขาเสียงใส วันนี้เธอตื่นแต่เช้าเพื่อทำมื้อเช้าให้เขา

“อรุณสวัสดิ์ นึกครึ้มอะไรลงมาทำอาหารเอง” เดนนิสถาม มองดูอาหารตรงหน้าอย่างพอใจ

“ชดเชยเมื่อวานที่ทำให้แค่แซนด์วิชค่ะ”

ไม่บ่อยนักหรอกที่จะมีคนใส่ใจทำอาหารมื้อเช้าให้เขา ตั้งแต่จำความได้เขาก็โตมากับพี่เลี้ยง อาหารทุกมื้อแม้จะน่ากิน แต่มันก็ไม่น่าประทับใจ เพราะคนเหล่านั้นทำเพราะหน้าที่มากกว่าทำเพราะความรัก ดังนั้นอาหารจานนี้จึงเป็นอะไรที่พิเศษสำหรับเขาจริงๆ เพราะมันเป็นอาหารที่คนคนหนึ่งตั้งใจทำให้เขาจริงๆ

“ปกติฉันก็ทำอาหารเอง ไม่ได้ทำหลายวัน เดี๋ยวลืมหมด” เจนบอกเขา ตั้งใจจะให้อาหารมื้อนี้เป็นการยุติความขัดแย้งและความขุ่นข้องหมองใจทั้งหลาย เพราะหลังจากที่คิดไปคิดมาหลายตลบมาทั้งคืน เธอเลือกที่จะเป็นต้นอ้อลู่ไปตามลมมากกว่ามาทำตัวแข็งขืนกับเขา

“โอเค” เดนนิสตอบรับสั้นๆ และลงมือกินอาหารอย่างไม่อิดออด หญิงสาวจึงนั่งลงร่วมโต๊ะกับเขาด้วย

“วันนี้มีถ่ายแบบจะไปด้วยไหม” เจ้าของบ้านถามขึ้นเมื่อเสร็จมื้ออาหาร

“ฉันไม่ไปก็ได้เหรอคะ” เธอถามซื่อๆ ไม่ได้ตั้งใจจะกวนเขา

“ก็ทางเทคนิคแล้วได้ แต่ทางปฏิบัติไม่ได้” เขาตอบเธอยิ้มๆ เจนจึงหน้าง้ำลงทันที

“แล้วจะถามฉันทำไมเนี่ย” เธอบ่นไม่จริงจังนัก

“ก็เดี๋ยวคุณว่าผมเป็นเจ้านายใจร้ายไง” คนใจดีว่าแถมยิ้มให้เธออย่างอารมณ์ดี

“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้ฉันขอไปทำธุระได้ไหมคะ” เจนถามขึ้นเมื่อได้โอกาส เพราะดูเหมือนวันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

“ไปไหน” ชายหนุ่มถามอย่างใส่ใจ

“น้องชายฉันต้องไปพบหมอ ฉันต้องไปดูแลน้องช่วยแม่ค่ะ” หญิงสาวมีน้องชายฝาแฝดที่เกิดจากสามีใหม่ของแม่วัยกำลังน่ารัก ทุกอย่างคงจะดีกว่านี้ หากคนหนึ่งไม่ป่วยด้วยโรคหัวใจแต่กำเนิด นี่คือเหตุผลสำคัญที่เจนยังวนเวียนอยู่แถวบ้านไม่ยอมไปไหน เพราะเธอห่วงแม่และน้องชายที่ยังเล็กและไม่แข็งแรง ส่วนพ่อเลี้ยงที่ทำงานขับรถบรรทุกก็ไม่ค่อยได้กลับมาบ้าน ยิ่งน้องไม่สบายแบบนี้เขาก็ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้น

“ไปสิ ว่าแต่น้องคุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า” เดนนิสถามอย่างมีน้ำใจ แม้จะพอรู้ประวัติเธอมาคร่าวๆ แต่ก็ยังอยากจะรู้จากเจ้าตัว

“มาร์คัสเป็นโรคหัวใจค่ะ เคยผ่าตัดตั้งแต่เป็นทารก แต่เมื่อปีก่อนเขาดูแย่ลง หมอบอกว่าลิ้นหัวใจอันเก่ามีปัญหาเลยต้องไปหาหมอบ่อยค่ะ” เธอบอกเขายิ้มๆ เมื่อพูดถึงน้องชายคนเล็ก แม้มาร์คัสจะไม่แข็งแรง แต่ก็เป็นเด็กที่สดใสช่างพูดช่างคุย เขาเป็นเด็กเข้มแข็งและมีกำลังใจที่ยิ่งใหญ่

“น่าสงสารจัง” ชายหนุ่มพึมพำ นึกสงสารหนูน้อยที่ต้องเผชิญกับความเจ็บป่วยตั้งแต่อายุยังน้อย

“เอ่อ ฉันขอไปค้างกับแม่กับน้องได้ไหมคะ” หญิงสาวลองขอเมื่อเห็นสีหน้าเห็นใจของเดนนิส

“ขอมากขนาดนี้ มีอะไรแลกเปลี่ยนไหม หือ” เขาหลิ่วตามองเธอล้อๆ

“เอาเป็นว่าฉันจะทำอาหารเช้าให้คุณทุกวันเป็นการตอบแทนดีไหมคะ” เจนเสนออย่างใจกว้าง ถ้าเขาอนุญาตเธอคงดีใจมากและคงจะมองเดนนิสใหม่

“เอาไว้คุณกลับมาเราค่อยมาตกลงกันเรื่องนี้” เขาบอกพร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้หญิงสาว

“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบรับอย่างดีใจ

 

เจนมาถึงบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อพามาร์คไปโรงเรียน จากนั้นจึงมาช่วยจันทราเตรียมของพามาร์คัสไปหาหมอ เด็กชายวัยห้าขวบดูโตไม่สมวัย เพราะป่วยตั้งแต่เด็ก แต่เขากลับมีแววตาเป็นประกายและรอยยิ้มที่สดใส

“เจน” มาร์คัสเรียกพี่สาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ผมคิดถึงพี่” เขาบอกพลางยืดตัวขึ้นจูบแก้มที่เธอยื่นหน้าเข้าไปใกล้

“พี่ก็คิดถึงน้อง เป็นยังไง เป็นเด็กดีใช่ไหมมาร์คัส” เธอถามน้องชายขณะอุ้มเขาเพื่อไปรอรถแท็กซี่ที่หน้าบ้าน

“แน่นอนครับ” มาร์คัสตอบพี่สาวพลางชูมือให้เธอช้อนที่ใต้รักแร้อย่างรู้หน้าที่

“น้องตัวเขียวบ่อยไหมคะแม่” เจนหันมาถามจันทราที่หอบกระเป๋าและของใช้ที่จำเป็นของเด็กชายเดินตามมา

“มีบ้างแต่ก็ไม่บ่อย ช่วงนี้ต้องคุมเรื่องน้ำหน่อย บางครั้งตื่นมาก็ตาบวม” จันทราเล่าอาการลูกชายให้ลูกสาวคนโตฟัง พลางมองเสี้ยวหน้าเจนอย่างสังเกต

“เจนผอมลงอีกหรือเปล่า กินอะไรบ้างนะลูก” เธอทักเมื่อมองใบหน้าที่ซูบลงและแขนขาที่เรียวเล็กลงไปของลูกสาว

“ไม่ผอมหรอกค่ะแม่ อย่าห่วงเลย” เธอหันมาแก้ตัวทั้งที่รู้ว่าน้ำหนักเธอคงลดไปไม่น้อยเพราะความเครียด แต่ก็ไม่อยากให้แม่กังวล

ไม่นานแท็กซี่ก็มาจอดเทียบหน้าบ้าน เจนจึงกระชับอ้อมแขนที่อุ้มมาร์คัสพาน้องชายไปขึ้นรถ น้องดูตื่นเต้นที่ได้นั่งรถไปข้างนอกมาก เพราะปกติแม่จะให้มาร์คัสอยู่แต่ในบ้านเสียส่วนใหญ่ ดังนั้นทุกเดือนที่ได้ไปพบหมอเขาจึงดีใจเป็นพิเศษ เพราะจะได้นั่งรถไปไหนไกลๆ

ทว่ามาร์คัสกลับนึกเสียดายที่มาร์คพี่ชายฝาแฝดไม่ได้มาด้วย เลยอดเห็นทิวทัศน์สวยงามสองข้างทางแบบเขา

 

เดนนิสก้มมองโทรศัพท์ในมืออย่างหงุดหงิด เขาลืมไปว่าเขาไม่มีเบอร์โทรศัพท์มือถือเจนเลย อย่างนี้เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอกลับบ้านไปเป็นอย่างไรบ้าง และหากเธอกลับช้า เขาจะโทร. ตามได้อย่างไร

“เป็นอะไรหรือเปล่าเดนนี่ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” แองเจล่าทักเพราะเจ้านายเธอหน้าหงิกตั้งแต่มาถึง ยิ่งต้องถ่ายแบบภายใต้คอนเซปต์คู่รักเพื่อต้อนรับเดือนแห่งความรักด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่ เพราะหน้าเขาตอนมองนางแบบเหมือนอยากจะลากไปฆ่ามากกว่าอย่างอื่น ร้อนถึงตากล้องต้องสั่งพักกองเพื่อให้นายแบบอารมณ์ดีขึ้น

“ไม่มีอะไรหรอก มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” เขาบอกปัด ไม่มีอารมณ์จะคุยอะไรกับใครทั้งนั้น

“แล้วทำไมเจนไม่มาด้วย อุตส่าห์ว่าจะให้เรียนรู้งานสักหน่อย” แองเจล่าแกล้งบ่นถึงหญิงสาวที่ไม่ได้ติดตามเจ้านายหนุ่มมาด้วย เท่านั้นเองคนที่ทำหน้าเบื่อโลกเมื่อครู่ก็หูผึ่ง ท่าทางตื่นเต้นขึ้นทันที

“จริงสิ แองจี้เธอมีเบอร์เจนไหม” เขาถามเมื่อนึกได้ เพราะวันก่อนเห็นจับกลุ่มคุยกันสามคน

“มี ทำไมเหรอ” แองเจล่าถามอย่างแปลกใจ

“ขอหน่อย” เขาตอบง่ายๆ พอผู้ช่วยสาวกดเบอร์ส่งให้ เขาจึงอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง

 

เสียงโทรศัพท์ที่เจนซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น หญิงสาวจึงหยิบขึ้นมา เห็นเบอร์ไม่คุ้นตา แต่เธอก็กดรับสายเสียงหวาน “สวัสดีค่ะ”

“ฉันเอง ไปหาหมอเป็นไงบ้าง”

ตอนแรกเจนแปลกใจ แต่ประโยคต่อมาที่เขาพูด เธอจึงแน่ใจว่าเป็นใคร

“อ้อ เดนนิส เรียบร้อยดีค่ะ” เธอตอบเขาพลางยื่นขวดน้ำดื่มให้น้องชายที่นั่งรถกลับมาด้วยกัน

“ดีแล้วละ วันนี้คุณยังไม่กลับใช่ไหม” ชายหนุ่มถามออกไปทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว

“ค่ะ กลับพรุ่งนี้นะคะ” เธอตอบเขา อดยิ้มกับคำถามไม่ได้ “ค่ะ ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ” เจนกดวางสาย แต่เธอยังยิ้มกับโทรศัพท์อยู่ จันทราที่นั่งอยู่ข้างหน้าจึงอดเอี้ยวตัวมาถามไม่ได้

“หนุ่มที่ไหนลูก แฟนเหรอ”

“เปล่าค่ะแม่ เจ้านายหนูเอง” เธอปด รู้สึกปวดแปลบขึ้นมาแทนความรู้สึกรื่นรมย์เมื่อครู่

 

ค่ำนี้เป็นอีกวันที่เจนรู้สึกมีความสุขที่สุดในรอบหลายสัปดาห์ เธอมองดูน้องชายทั้งสองที่เล่นด้วยกัน กินกับข้าวฝีมือเธออย่างเอร็ดอร่อย ส่วนแม่ก็ดูผ่อนคลายลงบ้าง เพราะมีเธอมาช่วยดูแลน้องและทำงานบ้านที่คั่งค้างให้

“เจน พี่อยู่กับเรานานๆ ไม่ได้เหรอครับ” มาร์คที่นั่งซุกกับเธอที่โซฟาตัวเล็กถามขึ้น เพราะตั้งแต่พี่สาวเรียนจบ ดูเหมือนเธอจะยุ่งจนไม่มีเวลาให้น้องชายอย่างเขา

“พี่ก็อยากทำแบบนั้นนะมาร์ค แต่พี่ต้องทำงาน จะได้เอามาเป็นค่ารักษามาร์คัสไง พอมาร์คัสหายเราจะได้ไปเที่ยวไกลๆ กันทั้งบ้านเลย” เจนปลอบน้องชาย และดูเหมือนจะได้ผล เพราะหนุ่มน้อยทั้งสองคนยิ้มดีใจจนแก้มปริ “เอาละ เข้านอนกันได้แล้ว” เธอลุกขึ้นย่อตัวให้มาร์คเกาะหลังและอุ้มมาร์คัสไว้ด้านหน้า มองดูเหมือนแม่ลิงกับลูกลิงไม่มีผิด

เจนวางน้องลงบนเตียง จัดการห่มผ้าให้ทั้งคู่ นิทานเรื่องเดิมถูกหยิบมาเล่า แต่พอเปลี่ยนคนเล่า เรื่องเก่าย่อมน่าสนใจขึ้นกว่าเดิม ฝาแฝดจึงทั้งตื่นเต้นทั้งสนุกไปกับนิทานเรื่องเดิมอย่างที่สุด เมื่อน้องชายหลับไปหญิงสาวจึงจูบที่ศีรษะเล็กของทั้งคู่ บอกราตรีสวัสดิ์เบาๆ แล้วเดินลงมาด้านล่าง

 

“หลับกันแล้วเหรอ” จันทราที่นั่งพับเสื้อลูกๆ อยู่ถามขึ้น

“ค่ะ” เธอตอบมารดาแล้วนั่งลงช่วยแม่ทำงานเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร แต่ทั้งคู่กำลังซึมซับความเงียบสงบยามนี้ด้วยกัน คนหนึ่งกำลังดีใจที่ลูกสาวกลับมาอยู่ร่วมบ้านอีกครั้ง ส่วนอีกคนกำลังซึมซับเอาบรรยากาศเก่าๆ เพื่อให้ตัวเองมีแรงต่อสู้กับวันข้างหน้า

“พ่อกลับวันไหนคะ” เจนถามถึงพอล พ่อเลี้ยงที่เธอรักและเคารพเขาเหมือนพ่อแท้ๆ อาจเพราะเธอไม่เคยรู้ว่าพ่อคือใคร เมื่อมาเจอกับพอลผู้ใจดีและมีอารมณ์ขันอยู่เสมอ เธอจึงสนิทกับเขาในเวลาอันรวดเร็วและรักเขามาก ราวกับว่าพอลคือพ่อในจินตนาการที่เธออยากมี

ไม่ใช่ว่าเจนไม่เคยถามหาบิดาผู้ให้กำเนิด เธอเคยถามแล้ว แต่แม่มักจะตอบเพียงว่าเขาเป็นหนุ่มต่างชาติ จากนั้นแม่ก็ไม่พูดอะไรอีก นั่นจึงเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าเธอไม่ควรถามอะไรแม่อีก

“ศุกร์หน้าจ้ะ คราวนี้ไปนานหน่อย” จันทราบอก ทั้งคิดถึงและห่วงสามีที่โหมงานหนักจนแทบไม่ได้พักผ่อน

“ถ้าค่าผ่าตัดพอ แล้วมาร์คัสหายดี พ่อกับแม่ว่าจะย้ายไปที่โอคลาโฮมากัน” จันทราบอกถึงแผนการคร่าวๆ ของเธอกับสามี เพราะการดิ้นรนในเมืองใหญ่อย่างแอลเอนั้นลำบากไม่ใช่น้อย อีกอย่างที่นั่นพอลได้รับมรดกบ้านและที่ดินจากตาที่เสียชีวิตเมื่อหลายปีก่อน ค่าครองชีพก็ถูกลงกว่าครึ่ง ทั้งเธอสามีและลูกคงอยู่สบายกว่านี้

“ดีเหมือนกันนะคะ แม่กับน้องคงสบายขึ้น” เจนยิ้มให้มารดาน้อยๆ

“แล้วงานเป็นยังไงบ้างลูก” จันทราถามด้วยความเป็นห่วง แต่คนถูกถามกลับมีสีหน้าลำบากใจ

“ดีค่ะแม่ ไม่มีปัญหาอะไรเลย” เจนปด แม้จะรู้สึกผิดเพียงใด แต่เธอก็ยินดีโกหกหากทำให้ท่านสบายใจ

“ขอบใจนะลูกที่อยู่ดูแลแม่กับน้อง” จันทรากอดลูกสาวคนโตเอาไว้ เจนไม่เคยทำให้เธอผิดหวัง แม้จันทราจะไม่ได้ตั้งใจท้องลูกคนนี้ก็ตาม แต่ลูกสาวคนนี้ก็ทำให้คนเป็นแม่ภูมิใจได้

เจนไม่เคยทำตัวเกเรให้เธอหนักใจ แถมยังเรียนดีจนสามารถปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้อย่างรวดเร็วและสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ หากพ่อผู้ให้กำเนิดของเธอรู้ เขาจะภูมิใจในตัวลูกสาวแบบเธอบ้างไหม

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น