9
สร้างโอกาส
“ปา-ลิ-ดา”
อธิชเอ่ยพร้อมพิมพ์ชื่อหญิงสาวเข้าไปในช่องค้นหาในแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก แต่ไม่ว่าจะพิมพ์ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ ชื่อเล่นหรือชื่อจริง ก็ไม่มีแอกเคานต์ไหนที่บ่งบอกว่าเป็นของเธอเลย
“มึงดูจริงจังเกินเบอร์นะเตอร์” พัฒน์หมุนเก้าอี้ไปมองแรงเพื่อน “กูได้ยินมึงพร่ำเพ้อถึงคุณปาลิดามาเป็นชั่วโมงแล้วนะ”
“ทำงานของมึงไป อู้นักเดี๋ยวพ่อก็ไล่ออกซะหรอก” อธิชเอ่ยโดยที่ตายังจ้องไปที่หน้าจอแลปทอป
“มึงควรไล่ตัวเองออกก่อนเลยไอ้คุณอธิช เพราะกูเห็นมึงอู้มานานแล้ว”
“...”
เมื่อเห็นเพื่อนไม่ตอบโต้อย่างที่ควรจะเป็น พัฒน์จึงไถเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ ด้วยความสงสัย
“ทำอะไรอยู่วะ”
“เป็นโคนัน”
“แล้วเจออะไรบ้างยัง” พัฒน์เท้าคางมองคนที่พยายามค้นหาบัญชีเฟซบุ๊กสาวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว จนงานการไม่เป็นอันต้องทำ
“ไม่ทิ้งหลักฐานให้กูตามได้เลย”
“มึงก็โทร. ไปถามเขาให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเลยสิ จะมานั่งหาเองทำไมให้เสียเวลา”
โคนันสมัครเล่นชะงักมือที่จับเมาส์เมื่อคิดตามคำแนะนำของพัฒน์ นั่นสินะ เขาจะมานั่งหาเองให้เสียเวลาทำไม แค่โทร. ไปถามก็สิ้นเรื่องสิ้นราวแล้ว
อธิชหมุนเก้าอี้ไปหาเพื่อนและยิ้มให้ด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณที่ชี้ทางสว่างให้กูนะเพื่อนรัก”
“กูตามอารมณ์มึงไม่ทันจริงๆ” พัฒน์ส่ายหน้าก่อนจะไถเก้าอี้กลับไปทำงานของตัวเองต่อ
“ก็แค่โทร. ไปถาม” อธิชหยิบสมาร์ตโฟนและกดโทร. ออกไปยังหมายเลขที่จะให้คำตอบเขาได้ ก่อนจะยิ้มออกเมื่อเสียงสัญญาณรอสายดับไป ตามมาด้วยเสียงทักทายของปลายสาย
“ไม่มีการมีงานทำรึไงวะ”
“วัฒน์เพื่อนรัก...”
ธนวัฒน์นี่ละคือคนที่จะให้คำตอบเขาได้ดีที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องขอกับหญิงสาวเองให้เสียคะแนนความพยายาม มีเพื่อนเป็นเพื่อนกับคนที่ชอบมันดีแบบนี้เองสินะ
“เอาซะกูขนลุกเลยมึง ไปโดนตัวไหนมาวะ” ธนวัฒน์เอ่ยด้วยความหวาดระแวงก่อนจะเข้าเรื่อง “มึงมีอะไรโปรดรีบพูดมา กูมีงานมีการต้องทำ”
“กูขอเฟซบุ๊กเพื่อนมึงหน่อยสิ”
“T-E-R-A-T-I-C-H” ธนวัฒน์บอกไปพร้อมสะกดให้เสร็จสรรพ
“นั่นมันของกู!”
“แล้วมึงไม่ใช่เพื่อนกู?”
“กูอยากได้ของปาลิดา” อธิชระบุชื่อชัดเจน
“บอกชื่อแต่แรกก็จบไหม” ธนวัฒน์ว่าด้วยความหมั่นไส้ “ว่าแต่มึงจะเอาไปทำไม เบอร์เขาก็มีแล้วไม่ใช่เหรอ”
“คนสมัยใหม่นิยมเล่นโซเชียลกันใช่ไหม...”
“มึงเลยจะไปสืบเรื่องยายปาจากเฟซบุ๊กก่อนว่างั้น”
“เพื่อนกูฉลาด”
“ฟังเหมือนคำประชด”
“กูชมมึงต่างหาก”
“เหรอ...” คนถูกชมลากเสียงยาว
“รีบๆ บอกมา กูพร้อมแอดเฟรนด์แล้ว” อธิชบริหารนิ้วเตรียมจะรัวบนคีย์บอร์ด “ให้ไวเพื่อนรัก ก่อนที่กูจะบุกไปถึงออฟฟิศมึง”
“ยายปาไม่เล่นเฟซบุ๊ก”
“อ้าว” แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ก่อนหน้านี้ดับพึ่บประหนึ่งเทียนน้อยถูกพัดลมเบอร์สามพัดใส่
“แต่เล่นไอจี”
เทียนน้อยสว่างวาบขึ้นอีกครั้งเมื่อธนวัฒน์ใจดีจุดไฟให้ใหม่
“เออ ทำไมกูคิดไม่ได้”
“แล้วก็เข้าทางมึงด้วย เพราะยายปามันชอบโพสต์อะไรๆ ที่ชอบลงในนั้น”
“บอกชื่อมาด่วนๆ”
“ชื่อยายปานั่นแหละ ไปสะกดเอาเอง สะกดไม่ถูกก็ไม่ต้องตาม เลิกจีบเขาไปซะ”
“ขอบใจมึงมาก”
อธิชพูดกับเพื่อนอีกไม่กี่ประโยคก็วางสาย ก่อนจะเข้าแอปพลิเคชันอินสตาแกรมและกดเข้าไปในช่องค้นหา พิมพ์ชื่อปาลิดาเป็นภาษาอังกฤษลงไป เขาไม่กลัวว่าตัวเองจะสะกดผิด เพราะมีนามบัตรเธอที่มีทั้งชื่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษอยู่ในนั้น
ชายหนุ่มกดเข้าไปในแอกเคานต์ของหญิงสาว ซึ่งมีรูปของเธอยืนยันว่าแอกเคานต์นี้ไม่ผิดคน ทว่าเธอกลับตั้งค่าไพรเวตไว้จึงไม่อาจ ‘ส่อง’ ได้อย่างที่ใจคิด ถึงว่าธนวัฒน์ถึงไม่มีความลังเลใจเลยที่จะบอกเขาโดยไม่ถามความเห็นของปาลิดาก่อน เพราะสุดท้ายแล้วก็เป็นเธอที่ต้องกดอนุมัติในขั้นตอนสุดท้ายอยู่ดี
“ว่าแต่...ยังเล่นอยู่จริงเหรอวะ”
อธิชเอ่ยออกมาอย่างไม่แน่ใจเมื่อเห็นจำนวนผู้ติดตามและคนที่เธอกดติดตาม เพราะทั้งสองอย่างรวมกันยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ แต่เมื่อเห็นจำนวนโพสต์ที่อยู่ในหลักร้อยก็คิดว่าเธอน่าจะยังใช้งานแอกเคานต์นี้อยู่ จึงไม่ลังเลที่จะส่งคำขอขอติดตาม แต่กลับไม่มีวี่แววว่าเจ้าของแอกเคานต์จะกดยืนยันอนุมัติเสียที
“เขาคงทำงานอยู่”
อธิชปลอบใจตัวเองแล้วหันไปทำงานของตัวเองต่อ พอดีกับมีสายเข้าทำให้ชายหนุ่มละความสนใจเรื่องปาลิดาไปชั่วขณะ และหลังจากนั้นเขาก็ยุ่งตลอดจนไม่มีเวลามานั่งดูว่าคำขอขอติดตามนั้นได้รับการอนุมัติจากเธอแล้วหรือไม่
ภายในลิฟต์โดยสารในเวลาสองทุ่มกว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ ขณะจ้องมองหน้าจอสมาร์ตโฟนอย่างไม่ละสายตา ซึ่งเป็นแบบนี้ตั้งแต่ออกจากออฟฟิศ ขึ้นรถไฟฟ้า เดินกลับคอนโด จนปัจจุบันอยู่ในลิฟต์เขาก็ยังอยู่ในท่าเดิม และพึมพำกับตัวเองด้วยประโยคเดิม
“สงสัยจะยังไม่เห็น”
ติ๊ง!
อธิชเดินออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นที่ตัวเองอยู่ ตลอดระยะทางเดินไปถึงห้อง ชายหนุ่มยังคงจ้องที่หน้าจอสมาร์ตโฟนเช่นเดิม รอแล้วรอเล่าว่าคำขอจะได้รับการอนุมัติ จนในที่สุดเขาก็ทนรอไม่ไหวจึงต่อสายหาเจ้าของแอกเคานต์นี้แทน
ทว่า!
“ไม่รับสาย”
เมื่อปาลิดาไม่รับสาย เขาจึงมีที่พึ่งอยู่แค่หนึ่งเดียวคือเพื่อนรักอย่างธนวัฒน์
“ไอ้วัฒน์” อธิชเรียกเมื่อเพื่อนรับสาย
“รู้สึกมึงจะคิดถึงกูบ่อยไปแล้วนะเตอร์”
“มึงดูในไอจีให้หน่อยว่าปาลงรูปล่าสุดที่ไหน” ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลง บอกความต้องการของตัวเองไปในทันที เขาได้แต่หวังว่าเธอจะโพสต์รูปสถานที่ที่เธออยู่ในตอนนี้
“มึงนี่เป็นเอามากนะเตอร์นะ”
“มึงไม่อยากเห็นเพื่อนมีความสุขเหรอวัฒน์” อธิชทำเสียงเศร้า
“มึงไม่ต้องมาดึงดรามา”
“วัฒน์...” อธิชเอ่ยด้วยน้ำเสียงวิงวอน
“เออ! เดี๋ยวกูโทร. กลับ”
“ขอบคุณมากเพื่อนรัก” ชายหนุ่มยิ้มออก
อธิชรอสายจากธนวัฒน์อย่างใจจดใจจ่อ ยังไม่ถึงหนึ่งวันดีด้วยซ้ำที่เขาไม่ได้เจอหน้าปาลิดา แต่เขากลับคิดถึงเธอเหมือนไม่ได้เจอกันนานนับปี และเขาคงเป็นเอามากอย่างที่เพื่อนบอกจริงๆ
ครืด! ครืด!
อธิชรีบรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ธนวัฒน์
“อยู่ไหนมึง” อธิชยิงคำถามตรงประเด็น
“สระว่ายน้ำ น่าจะเป็นที่คอนโด”
“โพสต์เมื่อไหร่”
“หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว”
“กูจะไม่ลืมบุญคุณมึงในครั้งนี้”
“เออ”
อธิชวางสายแล้วเปิดประตูเข้าห้องตรงไปยังตู้เสื้อผ้า และหยิบกางเกงว่ายน้ำมาเปลี่ยน
“ทำไมวันนี้อยากว่ายน้ำก็ไม่รู้แฮะ” ชายหนุ่มเอ่ยกับตัวเองด้วยรอยยิ้ม เขาไม่รู้ว่าปาลิดาจะกลับห้องแล้วหรือไม่ เพราะเวลาที่เธอโพสต์ผ่านมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ควรเสี่ยงไปดู ถือเป็นการสร้างโอกาสให้ตัวเอง หากเจอเธอคือกำไร แต่ถ้าไม่ก็คิดเสียว่าเพื่อสุขภาพ
...
อธิชรีบออกจากลิฟต์และตรงไปยังพื้นที่ส่วนกลางซึ่งอยู่ที่ชั้นห้าของอาคาร สอดส่ายสายตามองหาปาลิดาบริเวณสระว่ายน้ำ หรือแม้แต่พุ่มไม้ประดับเขายังมองโดยละเอียด แต่เวลานี้ไม่มีใครอยู่แถวริมสระเลยแม้แต่คนเดียว มีเพียงคนที่อยู่ในห้องฟิตเนสบ้างประปราย เขาคงมาช้าไป และตอนนี้เธอคงกลับขึ้นห้องไปแล้ว
“ถือว่ามาออกกำลังกายแล้วกัน” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา ก่อนจะถอดเสื้อยืดและกางเกงตัวนอกออก เหลือเพียงกางเกงว่ายน้ำเสมอเข่าติดกายเพียงตัวเดียว แล้วหยิบแว่นตาว่ายน้ำมาสวมและเดินลงสระไป “ว่ายน้ำในรอบกี่เดือนวะเนี่ย”
อธิชดำลงไปใต้น้ำก่อนจะโผล่พ้นมาเหนือน้ำและเริ่มแหวกว่าย วันนี้เขาอาจจะไม่เจอปาลิดา แต่ก็ใช่ว่าวันหน้าจะไม่มีโอกาส เขายังโชคดีที่อยู่คอนโดเดียวกับเธอ แถมยังทำงานอยู่ในตึกเดียวกัน เธอจะหนีเขาไปไหนพ้น
ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกเหนื่อย จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองว่ายวนไปกี่รอบ และเขามีงานต้องทำรออยู่บนห้อง คงถึงเวลาสมควรแล้วที่เขาจะกลับ อธิชดำลึกลงไปใต้สระอีกครั้งเป็นการทิ้งทวนก่อนจะโผล่ขึ้นเหนือน้ำ...
...พร้อมกับใครอีกคน
อธิชยกแว่นตาขึ้นคาดหัวเพราะหยดน้ำเกาะแว่นทำให้เขามองไม่ถนัด และเมื่อภาพตรงหน้าปรากฏชัดเจน ริมฝีปากหนาก็เผยอขึ้นอย่างคาดไม่ถึง
“แกมาโผล่ที่นี่ได้ยังไงตาต้า!” อธิชยิงคำถามใส่ทันที
“ต้ามาว่ายน้ำ” ลลิตาทำท่าว่ายน้ำโดยที่ยังยืนอยู่กับที่พร้อมส่งยิ้มหวานหยดให้คนตรงหน้า แต่เมื่อพี่ชายไม่ขำด้วยจึงโบ้ยปากไปที่ขอบสระ “โน่น...มารดาพี่เขาอยากมาเจอลูกชาย”
“ทำไมแม่ไม่บอกเตอร์ล่ะฮะว่าจะมา” อธิชเอ่ยขณะเดินขึ้นจากสระ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามมารดา และโน้มหน้าไปหอมแก้มท่านทั้งสองข้างด้วยความคิดถึง
“ถ้าแม่ไม่มาถึงที่นี่จะได้เห็นหน้าลูกเหรอ คนงานก่อสร้างยังได้เห็นหน้าลูกบ่อยกว่าแม่ซะอีก” คนเป็นแม่เอ่ยด้วยความน้อยใจ
“ก็เตอร์ต้องทำงานนี่ครับ” อธิชทำเสียงอ่อนเสียงหวาน “แล้วนี่รู้ได้ยังไงว่าเตอร์อยู่ที่นี่”
“เข้าไปในห้องพี่มา เห็นแต่กระเป๋าทำงาน ไม่เห็นคน คิดว่าไม่ออกไปกินข้าวก็คงมาที่นี่แหละ” ลลิตาเป็นฝ่ายตอบ
“แค่มาตามพี่ แกไม่ต้องลงทุนลงน้ำขนาดนั้นก็ได้ไหม”
“ใครมาตามตัวพี่กัน ต้าอยากว่ายน้ำเลยลงมาต่างหาก แล้วก็บังเอิญเจอพี่เตอร์อยู่ที่นี่หรอก”
ก่อนจะกลับจากต่างจังหวัด อธิชไหว้วานให้ลลิตาหาคนมาทำความสะอาดห้องให้ จึงฝากคีย์การ์ดสำรองไว้ที่หญิงสาว เจ้าหล่อนถึงได้พาแม่เข้ามาได้โดยไม่ต้องโทร. หาเขาก่อน ยังดีที่ช่วงนี้เขาอยู่ในสถานะโสด การที่แม่มาไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้ท่านอาจหัวใจวายได้หากเห็นเขาไม่ได้อยู่คนเดียว และคงแน่นอนว่าไม่ได้อยู่นิ่งธรรมดา
แต่เดี๋ยวนะ...
อธิชหันไปมองน้องสาวอย่างจับผิด ก่อนจะหันไปมองแม่ที่เสหันไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อน
“จะมาจับผิดอะไรเตอร์ครับแม่”
“แม่เขาคิดว่าพี่เตอร์ติดหญิง เลยแอบมาส่อง” ลลิตาเฉลยโดยไม่ต้องรอให้ผู้เป็นพี่คาดคั้นหรือคาดเดาอะไรไปมากกว่านี้
“ตาต้า!” วิภาส่งสายตาปรามลูก ทว่าแม่ตัวดีกลับว่ายน้ำหนีไปก่อน “ลูกคนนี้นี่”
“เตอร์ไม่ได้ติดสาวที่ไหนหรอกแม่ ที่ไม่ค่อยได้กลับบ้านก็เพราะติดงานพ่อต่างหาก”
“เตอร์ก็อย่าหักโหมมากเกินไปสิลูก” วิภายกมือขึ้นลูบหัวลูกชาย ใบหน้าหล่อมีความอ่อนล้าให้เห็นจนเธอสงสาร “ทำงานหนักแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนล่ะเนี่ย”
“เหมือนเตอร์กำลังถูกแม่หลอกถาม”
“แม่ถามตรงๆ เลยต่างหากล่ะ” วิภาย่นจมูกใส่ลูกชายด้วยความหมั่นไส้ที่เขารู้ทัน “สรุปแล้วลูกแม่มีแฟนหรือเปล่าคะ”
“แม่อยากให้เตอร์มีแฟนเหรอ” อธิชไม่ตอบ แต่เลือกที่จะถามกลับ
“ก็เผื่อเตอร์จะทำงานน้อยลง แล้วหาความสุขใส่ตัวบ้าง”
“เตอร์แบ่งเวลาได้ครับ แม่ไม่ต้องห่วงนะ เตอร์ออกจะหาความสุขให้ตัวเองอยู่บ่อยๆ” และตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่เขากำลังมีความสุขสุดๆ เพียงแค่นึกถึงหน้าหวานๆ ของปาลิดาก็ทำให้เขายิ้มได้ทั้งวันเหมือนคนบ้า
เฮ้อ...พูดแล้วก็คิดถึง
“ดูท่าว่าลูกชายแม่จะหาความสุขให้ตัวเองบ่อยจริงๆ ด้วยแฮะ” วิภายิ้มล้อเลียนเมื่อเห็นรอยยิ้มมีความสุขอยู่บนใบหน้าหล่อ มาอีหรอบนี้คงตกอยู่ในห้วงของความรักอย่างไม่ต้องสงสัย
“พี่เตอร์ให้ต้าหาคนมาทำความสะอาดห้องให้ไหม” ลลิตาเอ่ยขณะก้าวขึ้นจากสระและหยิบผ้าเช็ดตัวจากมารดาที่ยื่นมาให้ “แค่เปิดประตูเห็นสภาพห้องพี่ต้าแทบไม่กล้าก้าวเท้าเข้าห้องแน่ะ”
ลลิตาทำหน้าปูเลี่ยนเมื่อนึกถึงวินาทีแรกที่เธอเปิดประตูห้องพี่ชาย ก็เข้าใจว่าผู้เป็นพี่นั้นเป็นชายโสดและอยู่ห้องเพียงลำพัง แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะถึงขั้นที่เห็น
“ห้องอะไรโคตร...รก!”
“ไม่กล้าก้าวเข้าห้อง แต่ไปรื้อชุดว่ายน้ำมาใส่ได้เนี่ยนะ” อธิชเบะปากด้วยความหมั่นไส้ แต่อย่างน้อยก็มีปาลิดาที่อยากเข้าห้องเขาละนะ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ยืนทะเลาะกับประตูหน้าห้องเขาเสียนมนานหรอก
“สถานการณ์มันบังคับเหอะ” ลลิตาไหวไหล่ “สรุปแล้วให้ต้าหาคนมาทำความสะอาดให้ไหม”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวพี่ทำเอง”
“พี่เตอร์เนี่ยนะจะทำเอง หาเวลานอนให้ได้ก่อนเถอะ” เพราะหากมีเวลาทำเอง ห้องเจ้าตัวคงไม่รกแบบนั้น
“นั่นสิลูก เอาเวลาไปพักผ่อนดีกว่าไหม” วิภาเห็นด้วยกับบุตรสาว เธอก็รู้ว่าอธิชนั้นโหมงานหนักเพียงใด อยากให้เวลาที่ชายหนุ่มว่างจากการทำงานเป็นเวลาพักผ่อนมากกว่าจะมาทำงานบ้าน “ถ้าเตอร์ไม่อยากให้ใครไปวุ่นวายที่ห้อง แม่ให้เด็กที่บ้านเข้ามาทำความสะอาดให้ก็ได้นะลูก”
“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวเตอร์ทำเองดีกว่า” อธิชปฏิเสธ “เดี๋ยวเตอร์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยออกไปกินข้าวกันนะ”
“จ้ะลูก” วิภาส่งยิ้มให้ลูกชายที่เดินเลี่ยงออกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และเมื่อพ้นหลังกว้างจึงรีบหันไปถามความเห็นของลลิตา “ต้าเห็นความผิดปกติของพี่เราไหม”
“แม่ก็รู้ว่าพี่เตอร์เก็บความลับเก่งจะตาย อยากบอกเมื่อไหร่เดี๋ยวพี่มันก็บอกเองนั่นแหละน่า”
“แม่อยากให้พี่เตอร์มีแฟน แล้วไม่อยากให้ต้ามีแฟนบ้างเหรอ” ลลิตาแกล้งถามทีเล่นทีจริง ก่อนจะร้องโอยออกมาเมื่อถูกบิดสีข้างเข้าให้ “โอ๊ย...ต้าเจ็บนะแม่”
“เป็นเด็กเป็นเล็ก เรียนให้จบก่อนค่อยคิดเรื่องแบบนี้”
“อีกปีเดียวก็จบแล้วไงคะ เรียนจบปุ๊บเดี๋ยวพาว่าที่ลูกเขยเข้าบ้านปั๊บเลยนะ”
“ยายตาต้า!”
ลลิตารีบลุกหนีมารดาเมื่อกำลังจะถูกประทุษร้ายสีข้างอีกครา และยิ้มทะเล้นส่งให้ท่าน
“รอรับขวัญลูกเขยได้เลยนะแม่” หญิงสาวพูดจบก็เข้าไปอาบน้ำล้างตัว ปล่อยให้ผู้เป็นแม่ได้แต่ฟึดฟัดอยู่ริมสระเพียงลำพัง
“ลูกแต่ละคน”
...
วิภาจับมือลูกชายไว้พร้อมกับจ้องใบหน้าหล่ออย่างอาลัยอาวรณ์ แม้ลูกจะมีอายุใกล้สามสิบในอีกไม่ช้าแต่เธอก็ยังเห็นเขาเป็นเด็กน้อยตัวเล็กๆ ของเธอเสมอ ถึงอธิชใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านมาตั้งแต่สมัยเรียน เธอก็ไม่เคยชินเสียทีที่ต้องห่างจากลูกแบบนี้ ใจหายทุกคราที่ต้องเอ่ยลา
“ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก”
“ครับแม่” อธิชยิ้มปลอบมารดาที่เอ่ยประโยคนี้เป็นรอบที่สาม
“ว่างๆ ก็แวะไปหาแม่ที่บ้านบ้างนะลูก”
“ครับแม่”
“อย่าลืมดูแลตัวเองนะลูก”
“พี่เตอร์เขาโตแล้วนะคะ แม่ทำเหมือนพี่เตอร์อยู่ประถมที่กำลังจะไปเข้าค่ายลูกเสือยังไงยังงั้นนั่นแหละ” ลลิตาที่ติดเครื่องรถยนต์รอเอ่ยขึ้น เธอเห็นผู้เป็นแม่เป็นแบบนี้ตั้งแต่จำความได้ ไม่ว่ากับพี่ชายหรือตัวเธอเอง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ดีใจที่มีแม่ให้คอยเป็นห่วงอยู่แบบนี้
“แม่ไปแล้วนะลูก”
“ครับแม่” อธิชโน้มศีรษะไปข้างหน้าเพื่อให้มารดาได้หอมแก้มเขาถนัดถนี่ ก่อนจะหันไปกำชับกับลลิตา “ขับรถดีๆ นะต้า ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกพี่ด้วย”
“รับทราบค่ะ”
อธิชปิดประตูรถให้มารดา โบกมือลา รอรถเคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตาถึงเดินกลับเข้าไปในตัวอาคาร ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเผื่อมีอะไรเคลื่อนไหวบ้าง ทว่านอกจากปาลิดายังไม่ตอบรับคำขอติดตามของเขาแล้ว เธอยังไม่คิดจะโทร. กลับหาเขาเลยด้วยซ้ำ
“เฮ้อ...” ชายหนุ่มถอนหายใจและเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นแผ่นหลังคุ้นตาของคนที่เพิ่งออกจากร้านสะดวกซื้อไปยืนรอลิฟต์
ปาลิดา...ในที่สุดเขาก็เจอเธอ
“รอด้วยครับ” อธิชส่งเสียงนำและเร่งฝีเท้าให้ทันหญิงสาวที่กำลังก้าวขาเข้าไปในลิฟต์
ปาลิดาเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกให้รอ นิ้วที่กำลังกดปุ่มเปิดประตูลิฟต์ค้างไว้พลันชะงักเมื่อคนที่ร้องบอกไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้ชายที่อยู่ในสถานะ ‘กำลังจีบ’ เธออยู่ในตอนนี้
ในเสี้ยววินาทีที่อธิชทันได้สบตาปาลิดาก่อนที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดสนิท เขาเชื่อว่าหญิงสาวเห็นว่าเป็นเขา การที่เธอปิดประตูลิฟต์ใส่หน้าเขาเป็นครั้งที่สอง นั่นหมายถึงว่าเธอปิดประตูหัวใจใส่เขาด้วยหรือไม่
“อนุญาตให้จีบ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเปิดโอกาสให้จีบสินะ”
อธิชก้มหน้าถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
“ไม่ไปเหรอคะ”
เมื่อได้ยินเสียงหวานคุ้นหู ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมองทันที ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะค่อยๆ แย้มออกและยิ้มกว้างในที่สุด
“ปา...”
“ไปไหมคะ” หญิงสาวถามย้ำอีกครั้ง
“ไปสิครับ” อธิชกระตือรือร้นเข้าไปด้านในประหนึ่งกลัวว่าหญิงสาวจะไม่รอ เมื่อแตะบัตรกดหมายเลขชั้นเรียบร้อยก็เดินมายืนข้างเธอ “เปิดประตูลิฟต์ให้ผมแบบนี้ หมายความว่าเปิดประตูใจให้ผมด้วยหรือเปล่าครับ”
“ไม่ว่าจะเป็นใคร ฉันก็เปิดให้ทั้งนั้นแหละค่ะ”
“ไม่รู้สิ ผมคิดว่าเพราะเป็นผม คุณถึงเปิดให้” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความมั่นใจ
“ไม่รู้สิคะ”
อธิชยิ้มเมื่อคำตอบของเธอไม่ใช่คำปฏิเสธเสียทีเดียว แม้ไม่ใช่ประโยคที่ยอมรับมาตามตรง แต่เขาคิดว่าอย่างน้อยเธอก็เปิดใจให้เขาบ้าง แม้จะน้อยนิดก็ตาม
ความคิดเห็น |
---|