บทที่ ๒

ฝันที่เหมือนจริงเกินไป

 

แสงอาทิตย์ร้อนแรงแทงทะลุหลังคาใบตองตึงซึ่งสานต่อกันเป็นแพสำหรับบังแดดบังฝน เส้นแสงเรียวยาวสาดส่องผ่านรูเล็กๆ หลายต่อหลายรูซึ่งเกิดจากอายุการใช้งานที่ยาวนานเป็นแนวทแยง เมื่อจับจ้องจะเห็นเม็ดฝุ่นเล็กๆ ลอยตลบในอากาศ พอลมโชยผ่านช่องหน้าต่างบานเล็กที่ทำจากไม้ไผ่เข้ามา เม็ดฝุ่นเหล่านั้นก็กระจัดกระจายคล้ายเริงระบำคลอไปกับเสียงหวีดหวิวเบาๆ ของสายลม

ญามีอากระพริบตาปริบๆ งุนงงกับสภาพตรงหน้า หญิงสาวแน่ใจว่าชั่วอึดใจก่อนหน้านี้ยังอยู่บนเครื่องบิน มือคลำสร้อยมารดาอย่างเคยชิน แต่เพราะอะไร แค่พริบตาเดียว ห้องโดยสารก็กลายเป็นกระท่อมไม้ไผ่ มันรูปทรงคล้ายตัวแอล มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความคับแคบแออัด

ด้านซ้ายมือเป็นพื้นที่ว่างคล้ายจะไว้รับแขก ตรงนั้นมีโต๊ะทำงานขนาดกลางตั้งอยู่หนึ่งตัว บนโต๊ะเต็มไปด้วยสมุดและหนังสือเล่มหนาๆ สี่ห้าเล่ม มุมขวาบนของโต๊ะมีแจกันกลางเก่ากลางใหม่ ในนั้นมีกิ่งไม้ที่น่าจะเคยมีดอกอะไรสักอย่างประดับอยู่ เพียงแต่เวลานี้แห้งเหี่ยวร่วงโรยจนหมดแล้ว ข้างๆ กันมีกระบอกใส่ของทำจากไม้ไผ่ ในนั้นมีแท่งไม้รูปทรงแปลกๆ เหมือนจะเป็นดินสอสมัยเก่า หรือมันอาจจะไม่ใช่ดินสอ เธอเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนักเสียบอยู่หลายอัน หลังโต๊ะตัวนั้นมีเก้าอี้ไม้วางอยู่อีกที

ด้านขวามือเป็นพื้นที่ครัว เตาสามขาตั้งอยู่บนกองขี้เถ้าในกระบะดินทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ข้างๆ เตามีกาต้มน้ำที่น่าจะถูกใช้งานมานานจนกลายเป็นสีดำ คู่กับหม้อใบเล็กที่แง้มฝาไว้ครึ่งหนึ่ง ไอน้ำจางๆ ลอยขึ้นจากหม้อ เมื่อลองสูดกลิ่นเข้าไปก็พอเดาได้ไม่ยากว่าภายในนั้นเป็นยาที่เคี่ยวจนได้ที่ เพียงได้กลิ่นความขมปร่าเล็กๆ ก็กำจายในลำคอโดยไม่ต้องดื่มเข้าไปสักหยดเดียว

ญามีอากลืนน้ำลายที่จู่ๆ ก็ฝืดคอดังอึก สมัยเด็กมารดาเคยต้มยาลักษณะนี้ให้เธอดื่มอยู่บ่อยครั้ง ท่านมักจะบอกว่าการดื่มยาอุ่นๆ ร่างกายจะดูดซึมได้ดี โรคภัยหายขาดได้ง่าย ถึงรสชาติจะขมจนอยากกัดปากแน่นๆ แต่มันก็ได้ผลดีอยู่ร่ำไป กลิ่นยาจึงยังอวลอยู่ในความทรงจำไม่จาง

หญิงสาวละสายตาจากรอบข้างอันชวนตื่นตระหนกกลับมาสำรวจรอบกายตนเองที่น่าประหวั่นไม่แพ้กัน เธอกำลังนั่งอยู่บนเตียงนอนไม้ที่ปูทับด้วยที่นอนไม่หนา แต่กลับมีผ้านวมผืนหนาคลุมทับบนร่างของเธออีกที ผ้านวมสีน้ำตาลค่อนข้างซีดจาง มีรอยปะชุนหลายจุด เห็นได้ชัดว่าใช้งานมาเนิ่นนานไม่แตกต่างจากสภาพของกระท่อมหลังนี้ แต่ถึงอย่างนั้น กลิ่นของมันกลับสะอาดเหมือนผึ่งแดดจัดๆ มาไม่นาน เสียแต่ว่า...มันกำลังคลุมอยู่บนร่างกายของเธอที่เพิ่งจะรู้สึกได้เดี๋ยวนี้ว่ากำลังปะทุด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่าปกติ

“แค่กๆ”

แค่รู้สึกได้ว่ากำลังเป็นไข้ ร่างกายก็ประท้วงออกมาเป็นการไอทันที ญามีอาถึงกับต้องกุมหน้าอกที่แสบร้อนไปหมด ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงสนทนาจากด้านนอก

“น่าจะฟื้นแล้ว ผู้กองจะเอาอย่างไรกับนางดีครับ” เสียงแรกถาม น้ำเสียงไม่แข็งกร้าว แต่ฟังดูร้อนรนอยู่ไม่น้อย อย่างกับว่าหญิงสาวภายในห้องคือสิ่งแปลกปลอมที่ต้องเร่งจัดการให้เร็วที่สุด

ไร้เสียงตอบกลับอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเสียงเข้มจะดังขึ้น เสียงนั้นนิ่งลึกราวกับจะทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนถูกราดรดด้วยน้ำเย็นจัด และปล่อยให้ความเย็นนั้นกัดเซาะจากศีรษะลงไปตามแนวสันหลังกระทั่งถึงปลายเท้า

“ขึ้นอยู่กับคำตอบของนาง” 

“นางคงไม่พูดความจริงแน่” เสียงแรกเอ่ยแย้งทันควัน 

เมื่อสัปดาห์ก่อนกลุ่มหมู่บ้านบางทีโกลถูกทิ้งระเบิด หัวหน้าของเขาจึงพาหน่วยก่อการมาเฝ้าระวังที่กลุ่มหมู่บ้านบางพะโด เพราะคาดว่าเป้าหมายต่อไปที่ทางการจะผลาญให้ราบเป็นหน้ากองจะต้องเป็นที่นี่ แล้วก็เป็นจริงตามนั้น ทางการทิ้งระเบิดที่กลุ่มหมู่บ้านบางพะโดในอีกสามวันถัดมา 

หัวหน้าซึ่งซุ่มโจมตีเครื่องบินทิ้งระเบิดของทางการอยู่หลายวันเด็ดปีกเครื่องบินลำแรกได้อย่างสวยงาม แต่ไม่ทันจะครึ่งวัน เครื่องบินอีกลำกลับไล่ตามมาในทิศทางตรงกันข้าม โชคยังดีที่ไม่หลุดไปจากการคาดการของหัวหน้า เครื่องบินลำที่สองจึงเหลือเพียงกระสุนพุ่งทะลุขึ้นไปเด็ดปีกมันลงมา ทว่าจู่ๆ ในเสี้ยวนาทีที่ลั่นไกหญิงสาวปริศนาก็โผล่เข้ามา ทำให้วิถีกระสุนที่ควรจะพุ่งตรงไปพลาดเป้า เครื่องบินลำนั้นไม่ขัดข้องในนัดเดียว ทั้งยังโจมตีกลับหนักหน่วง ทั้งหมู่บ้านกลายเป็นทะเลเพลิง ถึงทหารจะเกณฑ์ชาวบ้านให้หนีไปหลบภัยตั้งแต่เนิ่นๆ อยู่ก่อนแล้ว จึงมีเพียงไม่กี่คนที่บาดเจ็บล้มตาย แต่บ้านช่องที่วอดวายก็เป็นความสูญเสียที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น

“ข้ารู้” เธอไม่พูด เขาก็แค่ทำให้เธอพูด 

ร้อยแปดพันวิธี อยู่ที่ว่าเธอจะเอาหนึ่ง สอง หรือทั้งหมดนั้น เขาไม่มีทางอ่อนข้อ แม้ว่าจะเป็นสตรี

ม้าเหล็กแห่งหน่วยก่อการฯ หน่วยที่ทางการเรียกด้วยชื่ออันชั่วร้ายว่า ‘กลุ่มก่อการเผด็จการ’ ไม่ใช่ชื่อที่สุ่มได้มา แต่เขาแลกมันด้วยเลือด ด้วยเนื้อ ด้วยคำว่าแนวหน้าที่คอยต่อต้านขับไล่ทางการ ค้ำจุนเป็นกระดูกสันหลังป้องภัยให้หน่วยก่อการมั่นคง ผู้หญิงอันตรายเพียงคนเดียว ทำไมเขาจะผ่านเธอไปไม่ได้

ต่อให้วันนี้เธอไม่เปิดปาก เขาก็จะง้างปากเธอและงัดเอาความจริงทั้งหมดออกมา

ตึ้กๆ

หัวใจญามีอาเต้นรัวเร็วหนักหน่วง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!

ถ้าจับใจความไม่ผิด ตอนนี้เธอกำลังตกที่นั่งลำบาก กลายเป็นสปายที่คนข้างนอกหมายหัว ฝ่ายนั้นจะทำทุกทางให้เธอคายความลับ แต่ว่าเธอไม่มีความลับอะไรจะคาย และเขาคงไม่มีทางเชื่อ!

ทำไมเธอถึงมาอยู่ตรงนี้!

ญามีอากรีดร้องลั่นในใจ ไม่อาจอ้าปากถามหาความจริงแม้แต่คำเดียว ได้แต่กล้ำกลืนมันลงท้องและลนลานลงจากเตียงก่อนที่ชายด้านนอกจากเข้ามา เธอก้าวเดินอย่างทุลักทุเลเพราะร่างกายเจ็บป่วยและอ่อนแอ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด...กระท่อมหลังนี้เล็กและคับแคบเกินไป ไม่มีที่ใดจะซ่อน กวาดตาเพียงรอบเดียวก็เห็นหมดทุกสิ่งอย่าง ถึงตัวเธอจะเล็ก แต่ซ่อนตัวในที่คับแคบเช่นนี้อย่างไรก็ไม่มิด

ตายแน่ๆ คราวนี้ มองอย่างไรก็ไม่เห็นทางรอดเลย... 

ญามีอาอยากร้องไห้ ถ้าเธอตายอยู่ที่นี่ บิดาจะทำอย่างไร

‘ไม่ได้ ตายไม่ได้’ 

ญามีอาอุทธรณ์อย่างไร้เสียง บิดามีเธอเป็นลูกคนเดียว อย่างไรก็ต้องกลับไป 

หญิงสาวกวาดตามองกระท่อมคับแคบอีกหน เธอเห็นหน้าต่างไม้ไผ่บานเล็กกว้างแค่ศอกกว่าๆ ความยาวก็ไม่หนีจากกันมาก ถ้าจะใช้เป็นทางออกคงลำบากน่าดู แต่ถ้าไม่ใช้ทางนี้ เธอก็หมดหนทางแล้ว 

อย่างนั้นก็…

แต่นอกหน้าต่างจะมีอะไรรออยู่บ้าง ถ้าเป็นกับดักเล่า...

ตึง!

ไม่ทันแล้ว!

ทันที่ที่มีเสียงดังตรงประตู ญามีก็อาหยุดลังเล แล้วตัดสินใจถลาไปยังหน้าต่างบานนั้น รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดตะเกียกตะกายออกไป เสี้ยวนาทีที่ประตูเปิด เงาร่างเล็กก็ไปลับไปจากช่องหน้าต่าง 

“หายไปไหน” 

“อะไรหายครับผู้กอง” 

“นางหายไปแล้ว”

“จะเป็นไปได้อย่างไรครับ”

“ค้นหาให้ทั่ว เป็นต้องเห็นตัว ตายต้องเห็นศพ” ชายหนุ่มเดินไปจับขอบหน้าต่าง ชะโงกมองเบื้องล่างแล้วส่ายหัว “จับเป็นไม่ได้ก็อนุญาตให้จับตาย สปายต่อให้ไม่ได้ความลับใด ก็ดีกว่าปล่อยให้มันรอดไปได้”

แกร๊ก!

เสียงสับเซฟปืนดังกึกก้อง ญามีอาที่จมอยู่ในความมืดมิดสะดุ้งเฮือก สั่นไปทั้งตัว

“คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสอบถามด้วยท่าทางเป็นห่วง

ญามีอาโกยอากาศเข้าปอดจนหน้าอกกระเพื่อม 

“มะ...ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่...แค่ฝันร้าย” ฝันร้ายยิ่งกว่าทุกครั้ง ฝันที่เหมือนจริงมากขึ้นทุกทีจนเธอหวาดกลัวแล้ว

“ต้องการน้ำหน่อยไหมคะ” เห็นใบหน้าผู้โดยสารไม่มีสีเลือด ใจเธอก็ตกไปที่ตาตุ่ม

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ญามีอาลำคอแห้งผาก มันเหมือนเธอเอาอาการป่วยในความฝันกลับมาด้วย

“ยาดมค่ะ เดี๋ยวดิฉันกลับมานะคะ” พนักงานต้อนรับสาวยื่นยาดมให้เธอ ก่อนจะเดินหายไปทางครัว

ญามีอากวาดมองห้องโดยสาร อาการหวาดผวาจู่โจมจนเธอสะท้าน มือจับกันแน่น ไม่กล้าปิดตาลงอีก กลัวว่าภาพตรงหน้าจะเปลี่ยนไปเป็นกระท่อมหลังนั้นอีกครั้ง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น