10

ผมยังโสด


 

10

ผมยังโสด

 

หญิงสาวเปิดประตูรถเบนซ์สปอร์ตสีดำซึ่งแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าบ้าน แล้วเดินเข้าบ้านด้วยท่าทีเงื่องหงอย สีหน้าหม่นหมองทำให้ผู้เป็นแม่ต้องรีบเดินเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ว่าลูกสาวเพิ่งไปพบใครมา แถมชายหนุ่มคนนั้นยังขับรถกลับมาส่งถึงบ้านอีกด้วย แต่เขาไม่ได้ลงมาทักทายใคร

“เป็นยังไงบ้างลูก”

“กระเต็นขอตัวไปพักก่อนได้ไหมคะ แล้วคืนนี้จะเล่าให้ฟังค่ะ”

“ทำไมหนูดูซึมๆ เกิดอะไรขึ้นหรือลูก”

“ไม่มีอะไรค่ะ หนูขอตัวก่อนนะคะ”

เมื่อเข้ามาถึงห้องนอนส่วนตัว กินรินก็เดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยอาการมึนศีรษะจากฤทธิ์ไวน์ที่ดื่มเข้าไปถึงสองแก้ว  

กินรินหลับตาลงแล้วนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นภายในห้องพักของจิรสิน

หลังจากตัดสินใจได้แล้ว เพียงแค่ติดปัญหาคาใจอยู่เรื่องเดียวเท่านั้น หล่อนจึงลุกขึ้นเดินไปเคาะประตูห้องเรียกเขาให้ออกมาคุยกัน

‘ตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม ตกลงว่ายังไง’ เขารีบถามเมื่อก้าวพ้นจากห้องทำงานภายในห้องพักออกมา

จูบเมื่อครู่นี้ทำให้กินรินแทบไม่กล้าสบตาเขาอีกเมื่อต้องเผชิญหน้ากันอีกหน ‘พี่สิน...แต่งงานรึยังคะ’

‘ยัง...’ เขาตอบพร้อมกับทำหน้างงๆ แล้วถามกลับว่า ‘ทำไม หรือว่าคุณอยากแต่งงานกับผม’

‘เปล่าค่ะ’ กินรินรีบตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิด

‘แล้วถามทำไม’

‘กระเต็นแค่อยากรู้ เพราะไม่อยากไปข้องเกี่ยวกับสามีของใคร’

‘อ้อ...ผมยังโสด ก็แสดงว่าผ่านควอลิไฟแล้วสิครับ’

‘แล้วมีกำหนดไหมว่า...นานแค่ไหน’

‘ทำไมต้องมีกำหนด’ เขาถามกลับมาเสียงเข้มคล้ายกับไม่พอใจ ทำให้หล่อนต้องเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นว่าเจ้าของใบหน้าเข้มคมสันกำลังจ้องมองมานิ่งๆ ด้วยสายตาที่ทำให้ใจสั่นขึ้นมาในทันที

‘ไม่ว่าอะไรก็ต้องมีวันสิ้นสุด’

‘ดูเหมือนคุณฝืนใจมากที่จะตอบตกลงเป็นผู้หญิงของผม มันน่ารังเกียจนักหรือ’ เขาถามพร้อมกับยื่นมือมาจับต้นแขนทั้งสองข้างไว้อีกหน

เมื่อกินรินไม่ยอมตอบ เขาจึงบีบกระชับฝ่ามือใหญ่ๆ จนหล่อนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

‘กระเต็นเจ็บค่ะ’

ดูเหมือนเขาเพิ่งจะรู้ตัวจึงรีบคลายมือออก แต่สีหน้ายังคงไม่พอใจ ‘ถ้าเป็นคนอื่นคุณจะรังเกียจอย่างนี้ไหม หรือเพราะผมเป็นลูกของคนข้างถนน คุณก็เลยรังเกียจที่จะนอนด้วย’

‘พี่สิน!’

‘ตัดสินใจว่ายังไงก็รีบๆ บอกมา’

‘พี่สินยังไม่ได้ตอบนี่คะว่านานแค่ไหน กี่เดือนหรือกี่ปี’

‘ไม่มีกำหนด เอาเป็นว่าจนกว่าผมจะเบื่อก็แล้วกัน!’ เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่บอกว่ารำคาญเต็มทนกับคำถามของหล่อน

กินรินได้ยินแล้วจำต้องพยักหน้า สักวันเขาก็ต้องเบื่อใช่ไหม นั่นเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ชายทั่วไปที่เคยได้ยินได้ฟังมา ยิ่งคนที่เกลียดกันเป็นทุนเดิมก็คงเบื่อเร็วเป็นพิเศษ แล้วหล่อนจะต้องกลัวอะไร

‘ก็คงไม่นานหรอก!’

‘ตกลงค่ะ แต่ยังไม่ใช่วันนี้นะคะ’ กินรินบอกเสียงเบาคล้ายกับคนใกล้หมดแรง

‘กลัวไม่ได้กลับบ้านหรือไง’ เขาถามเสียงเยาะอย่างมีอารมณ์

‘ก่อนกลับ ขอไวน์อีกแก้วได้ไหม’ หล่อนบอกแล้วเดินกลับไปที่ชุดรับแขกตามเดิมด้วยท่าทีหมดอาลัยตายอยาก นั่งรอไม่นานเขาก็เดินมาหาพร้อมขวดไวน์แดงแล้วจัดการรินลงแก้วให้ กินรินจึงคว้ามาดื่มทีเดียวเกือบหมดแก้ว แล้วฤทธิ์ไวน์ก็ทำให้แทบน็อกคาโซฟาจนต้องเอนตัวพิงเพราะทรงตัวไม่อยู่

‘นี่คุณเสียใจมากถึงขั้นต้องกินไวน์ย้อมใจเลยหรือกินริน’

ในขณะที่ตาเริ่มพร่ามัว หล่อนเห็นว่าเขาก้มลงมาหาแล้วถามด้วยน้ำเสียงทั้งโกรธและหมั่นไส้ แต่เวลานั้นหล่อนไม่กลัวอะไรอีกแล้ว หลังจากที่ตัดสินใจไปแล้วว่าจะยอมทำตามเงื่อนไขของจิรสิน

‘นอนพักก่อนเถอะ เดี๋ยวจะขับรถไปส่งที่บ้าน’ เขาจับตัวหล่อนให้นอนลงกับโซฟาโดยที่หล่อนไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืน ไม่ใช่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เท่านั้น แต่เป็นเพราะร่างกายหมดแรงเอาดื้อๆ

ถ้าจิรสินคิดจะทำอะไร หล่อนก็คงไม่มีปัญญาจะต้านทาน แต่เขากลับทำเพียงแค่แนบริมฝีปากลงมาหาแล้วจูบหล่อนอีกครั้งคล้ายกับยังติดใจไม่หาย

กินรินงีบหลับไปราวครึ่งชั่วโมง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาเพราะเสียงคนเรียกเบาๆ ที่ข้างหู

‘ยายขี้เมา ตื่นได้รึยัง’

‘อืม...’ หล่อนตอบรับในลำคอเบาๆ

‘ถ้ายังไม่ตื่น คืนนี้คงไม่ได้กลับบ้านแน่’

ได้ยินชัดแล้วกินรินถึงกับรีบลุกขึ้นมานั่ง พร้อมๆ กับที่เขายื่นผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นมาให้เช็ดหน้า หลังจากนั้นเขาก็พากลับมาส่งถึงบ้านโดยระหว่างทางไม่ได้คุยกันแม้แต่คำเดียว เพราะหล่อนเอาแต่นั่งซึมไม่พูดไม่จามาตลอดทาง

กินรินค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับสูดลมหายใจลึก แม้ยังไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น แต่อย่างน้อยหล่อนก็มีความหวังว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดีจากการตัดสินใจแก้ปัญหาของตนเองในครั้งนี้

 

ในช่วงสายวันถัดมาซึ่งเป็นวันหยุด กินรินบอกทุกคนในครอบครัวพร้อมกัน ยกเว้นคุณปู่คนเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนา เพราะหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ท่านเดินไปดูต้นไม้ในสวนหลังบ้านอย่างที่เคยทำเป็นประจำ

ข่าวที่เพิ่งรับรู้ทำให้คนทั้งบ้านถึงกับพูดไม่ออก ส่วนคนที่แจ้งข่าวมีสีหน้าหมองลงกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด

“กระเต็นแน่ใจแล้วหรือที่ไปตกลงกับเขาอย่างนั้น”

“ค่ะ ดีกว่าให้ธนาคารยึดบ้าน เพราะเราขาดส่งมานานหลายเดือนแล้วนะคะ ที่หามาได้ทุกเดือนก็ยังแทบไม่พอค่าใช้จ่ายในบ้าน”

“พี่ขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย” คนกินเงินเดือนราชการบอกด้วยน้ำเสียงละอายใจที่ตนเองไม่เคยได้หยิบยื่นเงินทองให้ครอบครัวที่กำลังย่ำแย่ ลำพังใช้จ่ายเพียงคนเดียวก็แทบไม่พอในสภาพสังคมปัจจุบันนี้

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ธาน วิธีนี้ดีที่สุดแล้ว คุณปู่จะได้ไม่ต้องย้ายไปไหน เพราะท่านอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด”

“แต่พ่อไม่เห็นด้วยเลย แล้วเมื่อวานนี้ไปคุยกับนายสิน เขาทำอะไรลูกรึเปล่า ถึงได้ไปตอบตกลงกับเขาง่ายๆ แบบนี้” ทัดเทพถามด้วยความเป็นห่วงลูกสาว

“เปล่าค่ะ เขายืนยันคำเดิม กระเต็นก็เลยตอบตกลงอย่างที่เขาต้องการ”

“แล้วกระเต็นต้องย้ายไปอยู่กับเขาเลยหรือ” วิธานชักเป็นห่วงน้องสาวขึ้นมา

“อย่าไปเลยนะลูก ถ้าไม่มีจะกินเราก็อดตายด้วยกันที่นี่แหละ หรือไปหาบ้านเช่าถูกๆ ที่ไหนสักที่อยู่ด้วยกันก็ได้”

“พ่อคะ เรื่องมันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นหรอกค่ะ แล้วกระเต็นก็ไม่รู้สึกว่าพี่สินเขาน่ากลัวอย่างที่เราคิด” หญิงสาวพยายามหาเหตุผลมาปลอบใจทั้งตนเองและคนในครอบครัว ทั้งที่ยังไม่แน่ใจอะไรเลยสักอย่างเกี่ยวกับตัวเขา

“หนูแน่ใจนะ”

“ค่ะ แล้วอีกอย่างพี่สินยังไม่มีครอบครัว อย่างน้อยก็ไม่ต้องคอยผวาว่าลูกเมียเขาจะตามมาอาละวาด”

“จริงหรือลูก” พิมพาถามด้วยน้ำเสียงโล่งใจ

“ค่ะแม่ หนูถามเขาแล้วก่อนจะตอบตกลง เพราะไม่อยากไปยุ่งกับของของคนอื่น”

ทัดเทพฟังแล้วก็ยังไม่รู้สึกคลายความกังวลใจลงได้เลย เรื่องทั้งหมดนี้ไม่เคยอยู่ในความคาดหมายมาก่อนเลยในชีวิต

 

เมื่อคืนนี้จิรสินนอนแทบไม่หลับ เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องพักระหว่างตนเองกับหญิงสาวคนหนึ่งยังชัดเจนอยู่ในความรู้สึก ยากจะหยุดคิดได้ง่ายๆ

‘หล่อนกำลังจะครอบงำจิตใจนาย รู้ตัวไหม!’

จิรสินรีบส่ายหน้าไปมา เขาจะปล่อยให้กินรินมีอิทธิพลเหนือจิตใจไม่ได้เด็ดขาด หล่อนต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถูกควบคุมและครอบครองในอีกไม่กี่วันนี้ ก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะต้องกลัวไปทำไม แล้วหล่อนกลับบ้านไปจะเป็นอย่างไร ในขณะที่เขากว่าจะหลับตาลงได้ก็เกือบรุ่งสาง จิรสินยอมรับว่าทั้งตื่นเต้นและดีใจที่หญิงสาวตอบตกลง

กินริน ญานันทร จะกลายเป็นผู้หญิงของเขาในทันทีที่เซ็นเช็คให้หล่อน เขาไม่รู้สึกเสียดายเงินสิบห้าล้านแม้แต่น้อย หากว่าได้ตัวหล่อนมาครอบครอง

จิรสินพยายามบอกตัวเองว่าที่ทำทุกอย่างลงไปก็เพื่อความสะใจที่จะได้เห็นพวกญานันทรทุกคนถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจนแทบจมดิน คุณปู่ของกินรินคงแทบกระอักถ้ารู้ว่าหลานสาวคนโปรดยอมเป็นเมียเก็บของ ‘ไอ้เด็กสิน’ เพื่อแลกกับเงินแค่สิบห้าล้าน ส่วนทางบ้านใหญ่ของตาธวัชก็คงเดินเชิดหน้ากันไม่สนิทใจอีกต่อไป เมื่อต้องกลายเป็นเพียงแค่คนอาศัย เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้พวกญานันทรทุกคนได้สำนึกว่าไม่ควรดูถูกเหยียดหยามใครอีกแม้แต่คนเดียว

แต่เมื่อวานนี้รสจุมพิตบนริมฝีปากอ่อนนุ่มราวกับกลีบดอกไม้เกือบทำให้เขาลืมหมดทุกสิ่งที่คุโชนอยู่ในใจ หล่อนน่ารักอ่อนหวานและไม่ประสีประสาอย่างแทบไม่น่าเชื่อ เขาผ่านผู้หญิงมาหลายคนตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยหนุ่มแน่น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสาวฝรั่งที่ไม่น่ารักอ่อนโยนอย่างคนเอเชีย แต่เมื่อวานนี้สาวไทยอย่างกินรินทำให้หนุ่มวัยสามสิบกว่าอย่างจิรสินแทบเพ้อหา ทั้งที่หล่อนไม่เต็มใจให้จูบเลยด้วยซ้ำ แต่ต้องยอมเพราะถูกบังคับ

จิรสินไม่เคยใช้กำลังบังคับฝืนใจผู้หญิงคนไหน และไม่ใช่สิ่งที่คิดจะทำมาก่อน แต่เขากลับหักห้ามใจไม่ได้เมื่อได้อยู่สองต่อสองกับกินริน แล้วตอนนี้เขาก็คิดถึงหล่อนจนแทบทนไม่ไหว ชายหนุ่มยอมรับกับตนเองว่าโหยหา...อย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนในชีวิต

เขาบันทึกหมายเลขโทรศัพท์และไอดีไลน์ของกินรินไว้แล้วจึงกดโทร. หาตามที่ใจเรียกร้อง

‘นี่นายเป็นเอามากขนาดนี้เลยหรือ...สิน’

‘ไม่! ก็แค่อาการเห่อของใหม่ ยายนั่นก็ไม่ได้สวยอะไรมากมาย ตัวเล็กๆ บางๆ ได้ลองไม่กี่วันนายก็เบื่อ เชื่อสิ!’

เสียงในหัวที่ค้านกันเองไปมาต้องหยุดลง เมื่อหญิงสาวคนที่เป็นปัญหาให้ต้องขบคิดกดรับสายและกรอกเสียงหวานๆ ทักทาย

“สวัสดีค่ะ พี่สิน”

“ผมอยากพบคุณ มีเรื่องจะคุยด้วย เมื่อวานคุณเมาเลยไม่ได้คุยกันต่อ”

“เอ่อ...ก็ไม่ได้เมาจนฟังอะไรไม่เข้าใจนี่คะ” หล่อนพยายามแก้ตัวเสียงอ้อมแอ้ม เหมือนไม่แน่ใจนักว่าตนเองเมาขนาดไหน คนฟังจึงอดหัวเราะในลำคอไม่ได้

“ไม่เมาแล้วฟุบหลับทำไม ขนาดโดนจูบยังไม่รู้เรื่องเลย”

“รู้ค่ะ” หล่อนตอบกลับมาทันที

“อ้าว...ตกลงคุณรู้ตัวใช่ไหม แล้วทำไมไม่โวยวาย หรือว่า...เริ่มจะติดใจแล้ว” จิรสินได้ทีรีบดักคอเพื่อให้เข้าทางตนเอง

“พี่สินมีอะไรจะคุยอีกคะ”

น้ำเสียงห้วนๆ ที่ได้ยินทำให้รู้ว่าหล่อนเริ่มไม่พอใจ และนั่นทำให้คนฟังลอบยิ้ม เขาชักอยากรู้เหมือนกันว่าสาวหวานหน้าใสอย่างหล่อน เวลาโกรธจะเป็นอย่างไร

“ออกมาทานข้าวด้วยกันสักมื้อได้ไหมครับ” เขาเริ่มเข้าเรื่องโดยใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้นเล็กน้อย

“ได้ค่ะ”

“ผมจะพาไปดินเนอร์มื้อแรก คุณช่วยทำเสียงให้ตื่นเต้นหน่อยสิ”

“จะไปวันไหนคะ”

“เย็นนี้เลย ผมจะไปรับที่บ้าน ตกลงตามนี้นะครับ”

 

กินรินแต่งตัวไปดินเนอร์ด้วยชุดกระโปรงสั้นเหนือเข่าแบบสายเดี่ยว เปิดไหล่นวลเนียน แต่มีผ้าคลุมพลิ้วบางคลุมไหล่ไว้อย่างสวยงาม เขามารับตามเวลาที่นัดกันไว้ในช่วงก่อนพลบค่ำ โดยลงจากรถมาทักทายทุกคนในบ้านของหล่อนอย่างเป็นกันเองราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

วิธานไม่ได้ออกไปไหนจึงได้พบหน้ากับจิรสินเป็นครั้งแรก ตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึงว่า ‘เด็กสิน’ ที่พวกผู้ใหญ่พูดถึงกันนั้นจะมีรูปร่างหน้าตาดี ราวกับเป็นหนุ่มไฮโซจากตระกูลดังเลยทีเดียว

“พี่รู้แล้วว่าทำไมเธอถึงได้ตอบตกลง” คนเป็นพี่กระซิบบอกน้องสาวด้วยน้ำเสียงรู้ทัน

“รู้ว่ายังไง” กินรินกระซิบเสียงเบา เพราะกลัวจิรสินซึ่งกำลังทักทายทั้งพ่อและแม่ของหล่อนจะได้ยิน ส่วนคุณปู่อยู่ชั้นบนจึงยังไม่ได้พบหน้าจิรสินอีกตามเคย

“ถ้าดำอ้วนเตี้ย เธอคงไม่เอาแน่ๆ”

“พี่ธาน!” กินรินเรียกพี่ชายพร้อมกับรู้สึกหน้าร้อนๆ ขึ้นมาที่ถูกกระเซ้า

“ท่าทางพ่อกับแม่ก็คงพอทำใจได้แล้วละ มีลูกเขยทั้งหล่อและรวยจะไปหาที่ไหนได้อีก แถมเขายังโสดอีกด้วยใช่ไหม” วิธานว่าไปตามที่เห็นในตอนนี้ เพราะจิรสินดูดีกว่าที่คิดไว้มาก และดูเหมาะสมกับกินรินอย่างที่ใครก็คงปฏิเสธไม่ได้

“เขาไม่ได้จะมาเป็นเขยซะหน่อย ก็รู้อยู่ยังจะมาพูดอีก” หญิงสาวท้วงเสียงเบา ใบหน้าสวยใสที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางเนื้อดีดูหมองลงทันที

“กระเต็นก็ทำให้เขายอมเป็นเสียสิ” วิธานว่าอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่

“ทำยังไงล่ะ”

“มานี่สิ เดี๋ยวจะบอกให้” พี่ชายรีบดึงแขนน้องสาวแล้วพาเดินเลี่ยงออกไปที่หน้าบ้าน ขณะที่จิรสินยังคุยกับพ่อและแม่

“ก็ทำดีกับเขา เอาใจเขามากๆ หน่อย” วิธานแนะนำในฐานะที่เป็นชายหนุ่มเช่นเดียวกับจิรสิน

“แค่นี้เองเหรอ” ฝ่ายน้องสาวกลับทำหน้าเหมือนไม่ค่อยเชื่อว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้ใครสักคนเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ ในเมื่อเขาไม่ได้คิดจริงจังแต่แรก

“ทำอะไรได้ก็ทำไปเถอะ ไหนๆ ก็ตัดสินใจไปแล้ว เข้าใจรึเปล่า”

“ก็พอเข้าใจค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ธาน” กินรินบอกพี่ชายด้วยความรู้สึกซาบซึ้งในความเป็นห่วงเป็นใย แม้จะรู้ว่าพี่หวังดีอยากให้น้องสาวมีความสุขและสมหวังจากการตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินในครั้งนี้ แต่กินรินกลับไม่รู้ว่าตนเองจะทำได้แค่ไหน ในเมื่อไม่เคยเตรียมตัวเตรียมใจมาก่อน ทุกอย่างเกิดขึ้นปุบปับจนตั้งตัวแทบไม่ทัน

“ถ้าเธอกับเขาลงเอยกันได้จริงๆ พ่อกับแม่คงสบายใจ”

“จริงหรือคะ”

“ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกสาวเปลี่ยนผู้ชายบ่อยๆ หรอก” วิธานให้เหตุผลในแบบที่น้องสาวจำต้องพยักหน้าเห็นด้วย “แล้วอีกอย่าง กระเต็นกับเขาก็ดูเหมาะสมกันดีนะ”

“กระเต็นไม่แน่ใจ ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราฝ่ายเดียว พี่ธานก็รู้ว่าเขาเริ่มต้นกับกระเต็นด้วยการใช้เงินฟาดหัว”

“เรื่องไหนไม่สบายใจก็ปล่อยมันไปเถอะ อย่าเก็บเอามาคิดมาก”

“ค่ะ” หญิงสาวฝืนยิ้มรับ

“มีอะไรก็มาเล่าให้พี่ฟังได้นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว พี่เป็นห่วง”

“รักพี่ธานที่สุดเลยค่ะ”กินรินโผเข้ากอดพี่ชายคนเดียวด้วยความซาบซึ้ง

จิรสินเดินออกมาหน้าบ้านพอดีจึงได้เห็นสองพี่น้องยืนกอดกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขาที่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมตะวันตกมานานนับยี่สิบเอ็ดปี แต่ท่าทีของหญิงสาวที่ซบหน้ากับอกพี่ชายทำให้เขารู้สึกว่า หล่อนบอบบาง อ่อนแอ และต้องการที่พึ่ง

“พี่สินออกมาแล้ว”

กินรินค่อยๆ ถอยออกห่างจากพี่ชายแล้วหันไปมองหนุ่มร่างใหญ่ที่กำลังเดินตรงมาหา หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจหล่อนก็ก้าวขึ้นรถคันหรูของเขาไป

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น