1

พริตตีมอเตอร์โชว์


1

พริตตีมอเตอร์โชว์

 

จิรสิน หรือฌอน ขับรถออกจากโรงพยาบาลเอกชนหรูที่สุดในกรุงเทพฯ ขึ้นทางด่วนไปลงย่านปากเกร็ดซึ่งกำลังมีการจัดงานมอเตอร์โชว์ประจำปี

เขานัดกับอภิวัฒน์ หรือเอก เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถมเพื่อมาดูรถใหม่ด้วยกันในงานมอเตอร์โชว์ ซึ่งจัดแสดงที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานีในช่วงปลายปี และไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดีอย่างไร คนไทยก็ยังแห่มาชมและจองรถยนต์ในงานกันอย่างล้นหลาม สังเกตได้จากผู้คนที่ทยอยเข้ามากันเป็นจำนวนมากตั้งแต่เริ่มเปิดงานในวันนี้

จิรสินไม่เคยดูงานแสดงรถยนต์ในประเทศไทยมาก่อน เพราะไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่อายุสิบสาม และกลับมาประเทศไทยอีกครั้งเพื่อเยี่ยมมารดาซึ่งป่วยมานานเพียงปีละสองสามหน ซึ่งแต่ละครั้งที่กลับมาก็มักจะอยู่ไม่เกินสองสัปดาห์เท่านั้น แต่ครั้งนี้ชายหนุ่มวัยสามสิบสี่ปีที่จากบ้านเกิดเมืองนอนไปนานนับยี่สิบเอ็ดปีตั้งใจกลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ระยะยาวด้วยเหตุผลสองประการ

ตอนนี้แม่แท้ๆ ของเขากำลังป่วยหนัก ซึ่งจิรสินเข้าใจว่าเป็นเพราะความเป็นอยู่ที่ไม่ค่อยสู้ดีและไม่มีญาติพี่น้องทางฝ่ายแม่คนไหนคิดจะเอาใจใส่ดูแล รวมไปถึงสภาพจิตใจที่ย่ำแย่จึงทำให้แม่กลายเป็นคนป่วยโรคหัวใจเรื้อรังไปโดยปริยาย แม้ว่าลูกชายจะส่งเงินทองมาให้ไม่ได้ขาดเลยก็ตาม ส่วนเหตุผลอีกประการหนึ่งนั้น เขาตั้งใจมากรุงเทพฯ เพื่อติดต่อเทกโอเวอร์โรงแรมในเครือชื่อดังที่เจ้าของไม่ต้องการบริหารงานต่อไป

จิรสินมาถึงกรุงเทพฯ ก็รีบตรงดิ่งไปที่บ้านญานันทรทันที โดยมีอภิวัฒน์ไปส่งที่บ้านแล้วยังช่วยติดต่อโรงพยาบาลที่ดีที่สุดให้อีกด้วย อภิวัฒน์เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในไทยที่ไม่เคยขาดการติดต่อกัน เพราะครอบครัวของอภิวัฒน์ซึ่งทำงานสถานทูตฝรั่งเศสเป็นผู้ช่วยเหลือติดต่อพ่อแม่บุญธรรมชาวฝรั่งเศสที่ต้องการรับเลี้ยงเด็กชายสักคนไว้เป็นบุตรบุญธรรมเพื่อเป็นทายาทธุรกิจ เพราะทั้งสองสามีภรรยาไม่มีบุตร จิรสินจึงไม่เคยลืมบุญคุณของอภิวัฒน์และครอบครัวที่เคยช่วยเหลือเขาในยามที่กำลังโซซัดโซเซไร้ที่พึ่ง

ตามปกติเวลาที่จิรสินเดินทางมากรุงเทพฯ เพื่อเยี่ยมแม่ เขาไม่เคยไปหาแม่ที่บ้านหลังนั้นแม้แต่ครั้งเดียว แต่นัดพบกันที่บ้านของอภิวัฒน์ หรือไม่ก็ให้รถมารับแม่ออกไปพบที่โรงแรม เพราะตั้งใจว่าจะไม่ไปเหยียบที่นั่นอีกถ้าไม่จำเป็น แต่คราวนี้จำเป็น เพราะแม่ของเขากำลังป่วยหนักและไม่มีใครสนใจไยดีสักคน

ทุกคนในบ้านญานันทรยังปฏิบัติต่อแม่ไม่ต่างไปจากยี่สิบกว่าปีก่อน รวมทั้งตาธวัช ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของแม่ แต่กลับใจดำกับลูกสาวในไส้ได้ลงคอ ยังไม่นับรวมไปถึง ป้าอำไพ และน้าประภาพร พี่สาวและน้องสาวแท้ๆ ของแม่ที่ทำเหมือนแม่เป็นแค่คนอาศัย รวมไปถึงญาติๆ อีกหลายคนที่อยู่ในรั้วบ้านเดียวกันนั่นอีก

แม้จิรสินในตอนนี้จะดูดีกว่าเด็กผอมเก้งก้างในอดีตที่ญาติพี่น้องพากันเดียดฉันท์ แต่พี่น้องทุกคนก็ยังคงแสดงออกว่าไม่ต้อนรับเขา แม้แต่จะถามไถ่ทุกข์สุขกันสักคำก็ไม่มี เขาจึงพาแม่ออกมา แล้วตั้งใจว่าจะไม่ยอมให้แม่กลับไปอยู่ที่บ้านบ้าๆ หลังนั้นอีก เพราะเมื่อยี่สิบเอ็ดปีที่แล้วเขาก็หนีออกมาด้วยเหตุผลเดียวกันนี้จนชีวิตต้องระหกระเหินไปไกลถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสอย่างไม่คาดฝัน

“แม่นายดีขึ้นไหม”

อภิวัฒน์ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะหลายวันมานี้เขาติดธุระจึงไม่ได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล คราวก่อนที่ไปเยี่ยมก็เห็นแล้วว่าแม่ของเพื่อนดูดีขึ้น คงเพราะได้กำลังใจดีจากลูกชายคนเดียวที่ไม่เคยทิ้งแม่ แม้จะอยู่ห่างกันด้วยความจำเป็นในชีวิต

“ดีขึ้นเรื่อยๆ หมอบอกว่าให้ฉันดูแลเอาใจใส่แม่ให้มากกว่านี้” สีหน้าของจิรสินหมองลง

จิรสินเคยคิดจะพาแม่ไปอยู่ด้วยกันที่ฝรั่งเศสแต่แม่ไม่ยอมไปเพราะไม่คุ้นเคยกับประเทศนั้น เขาอยากให้แม่มีความสุข เพราะเขาแยกออกมาอยู่อะพาร์ตเมนต์ตามลำพังนานหลายปีแล้ว แต่ยังคงดูแลธุรกิจให้ครอบครัวผู้ที่ให้การอุปการะ ซึ่งมีกิจการโรงแรมขนาดใหญ่และอะพาร์ตเมนต์ให้เช่าหลายแห่งในปารีส สร้างรายได้อย่างมหาศาลในแต่ละปี และปัจจุบันนี้จิรสินก็อยู่ในฐานะทายาท

“นายทำดีที่สุดแล้วฌอน” อภิวัฒน์ให้กำลังใจและเรียกอีกชื่อของเพื่อนรักที่คบกันมานานร่วมยี่สิบปี

“ขอบใจนะ” จิรสินตบบ่าเพื่อนรักที่มีรูปร่างสูงใหญ่ใกล้เคียงกันด้วยความซาบซึ้งใจ “ไปดูรถกันดีกว่า เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที ตกลงนายจะเปลี่ยนรถใช่ไหม”

“เฮ้ย...ยังไม่ได้บอกว่าจะเปลี่ยน แค่มาดูๆ ไว้ก่อน ฉันไม่ได้เป็นทายาทเศรษฐีแบบนายนะโว้ย” อภิวัฒน์ว่าอย่างถ่อมตัว ทั้งที่ฐานะทางบ้านของเขาก็ไม่น้อยหน้าใคร

“คนหาเงินเก่งแบบนาย จะเปลี่ยนปีละคันก็ยังได้” จิรสินทำหน้าไม่เชื่อ เพราะรู้ว่าธุรกิจส่วนตัวของเพื่อนกำลังไปได้ดี “นอกจากว่านายคิดจะเล่นระดับซูเปอร์คาร์ แบบนั้นก็ช่วยไม่ได้”

“งานนี้ก็มีมาโชว์นะ นายสนรึเปล่าล่ะ”

“ไม่...ฉันไม่ค่อยมีแพชชันกับเรื่องรถยนต์สักเท่าไร ที่หาซื้อเพราะกะว่าคงได้อยู่กรุงเทพฯ อีกนาน อย่างน้อยก็ปีหนึ่งเต็มๆ กว่าเรื่องโรงแรมจะเรียบร้อย”

“เรื่องซื้อกิจการโรงแรมในไทยเป็นความคิดของนายหรือป๋า”

“พ่อสนใจมานานแล้ว พอดีฉันบอกว่าอยากกลับมาดูแลแม่สักระยะก็เลยฝากให้มาดูเรื่องนี้ด้วย”

“ก็ดีนะ เผลอๆ งานนี้อาจทำให้นายได้กลับมาอยู่กรุงเทพฯ เลยก็ได้”

“ยังไม่รู้เลย แต่ตอนนี้อยากหาซื้อห้องพักดีๆ สักห้องกับรถสักคัน จะพาแม่ออกมาอยู่ด้วยกัน เบื่อพวกบ้านนั้นไม่อยากเห็นหน้า” จิรสินบอกความต้องการของตนเองในเวลานี้ เพราะเขาวางแผนจะพาแม่ไปอยู่ด้วยกันหลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้เขาพักอยู่ที่โรงแรมซึ่งกำลังติดต่อเรื่องเทกโอเวอร์กิจการ และรถยนต์ที่ใช้ทางโรงแรมก็เป็นฝ่ายจัดหามาให้ใช้ชั่วคราว

“ถ้าอย่างนั้นนายควรจะซื้อรถที่แม่นั่งสบายหน่อย ไม่ควรเป็นแลมโบกินีหรือเฟอร์รารีเป็นอันขาด” อภิวัฒน์ออกความเห็นอย่างคนที่สนใจเรื่องรถมากกว่า

“ไม่ซื้ออยู่แล้ว แต่ว่าไปดูหน่อยก็ดี”

“อยู่ปารีส นายไม่เคยเข้าไปดูงานมอเตอร์โชว์บ้างเลยเหรอ”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้สนใจเรื่องรถ แต่ไหนๆ มาถึงนี่แล้วก็ไปดูซะหน่อย”

จิรสินสนใจด้านกีฬาและการออกกำลังกายมากกว่ารถยนต์ เขาจึงมักจะซื้อตั๋วเข้าไปชมการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ เช่นฟุตบอลหรือการแข่งขันชกมวยอยู่เป็นประจำ กีฬาที่เขาโปรดปรานและมักจะไปสนามฝึกซ้อมอยู่บ่อยๆ ก็คือมวยไทย เพราะมีครูมวยดังๆ จากเมืองไทยไปเปิดค่ายสอนอยู่ที่ปารีสกันหลายคน จนกลายเป็นกีฬายอดนิยมชนิดหนึ่งของคนฝรั่งเศสอย่างแทบไม่น่าเชื่อ

ทั้งคู่จึงเดินไปที่โซนการจัดแสดงรถยนต์หรูหราราคาแพงนำเข้าจากต่างประเทศซึ่งมีผู้คนให้ความสนใจอยู่พอสมควร นั่นหมายถึงว่าคนไทยมีเงินมากพอจะซื้อรถซูเปอร์ราคาหลายสิบล้านอยู่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

นับแต่เดินเข้ามาในงาน ชายหนุ่มที่เพิ่งมีโอกาสสัมผัสกับงานมอเตอร์โชว์ในประเทศไทยเป็นครั้งแรกเห็นว่าทั่วทั้งงานเต็มไปด้วยสาวสวยที่มาทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์หรือแนะนำสินค้าให้แก่ค่ายรถยนต์ต่างๆ ซึ่งบางบริษัทก็มีสาวสวยแต่งตัววาบหวิวทำหน้าที่นี้นับสิบคน ดึงดูดลูกค้าทั้งหนุ่มมากและหนุ่มน้อยเข้าไปหาราวกับเป็นแม่เหล็ก

“พีอาร์แต่ละคนแต่งตัวแบบนี้แล้วใครจะดูรถ” จิรสินอดกระซิบบอกเพื่อนไม่ได้หลังจากเดินผ่านกลุ่มสาวสวยแต่งตัวยั่วอารมณ์ของรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งมาแล้ว

“ที่นี่เขาเรียกพริตตี”

อภิวัฒน์กระซิบตอบกลับไป เพราะรู้ว่าเพื่อนห่างหายจากบ้านเกิดไปนานจนลืมภาษาไทยบางคำไปแล้วด้วยซ้ำ ส่วนคำศัพท์แสงใหม่ๆ นั้นย่อมไม่รู้จักแน่นอน

“ที่นายชอบมางานมอเตอร์โชว์ก็เพราะแบบนี้รึเปล่าเอก” จิรสินอดถามไม่ได้ เพราะยิ่งเดินลึกเข้าไปภายในห้องจัดงานขนาดใหญ่ก็ยิ่งรู้สึกละลานตา แม้ว่าเขาเพิ่งมาจากซีกโลกตะวันตกที่สาวๆ แต่งตัวไม่มิดชิดนัก แต่เมื่อมาเห็นในงานก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ตามประสาหนุ่มๆ ทั่วไป

“มันแค่ของแถมน่ะ” อภิวัฒน์ส่ายหน้านิดๆ แต่ไม่วายเหลือบมองพริตตีบางคนที่สวยเสียจนหนุ่มๆ ต้องมองจนเหลียวหลัง “ทำเป็นพูดอย่างโน้นอย่างนี้ นายไม่สนรึไง”

“ก็สน...แต่ว่าวันนี้ฉันตั้งใจมาดูรถ” จิรสินบอกเสียงเครียด เพราะเริ่มรู้สึกว่าตนเองสนใจมองหารถน้อยลงทุกทีๆ เพราะมีสิ่งอื่นดึงดูดสายตาได้มากกว่า

“รู้แล้ว”

ทั้งสองหนุ่มเดินไปดูโซนรถยนต์นำเข้าราคาแพงที่มีทั้งซูเปอร์คาร์และรถยุโรปยี่ห้อ

“ตกลงสนใจคันไหน” อภิวัฒน์ถามเมื่อเดินดูรถมาหลายค่ายแล้ว ไล่มาตั้งแต่ซูเปอร์คาร์คันละหลายสิบล้าน

“ยังไม่ได้ดูเมอร์เซเดส” จิรสินบอกแล้วรีบเดินนำไปยังมุมที่จัดแสดงรถยนต์หรูยี่ห้อดังทันที

บริเวณที่จัดงานของรถยนต์ค่ายดังดูเรียบง่ายไม่ค่อยมีสีสันมากนัก แต่ก็มีพริตตีสาวสวยหลายคนในชุดกระโปรงสั้นสีดำแบบเรียบๆ มาคอยต้อนรับและให้คำแนะนำแก่ลูกค้า โดยมีรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดจัดแสดงอยู่สามคัน

ทั้งสองหนุ่มเดินเข้าไปในขณะที่มีลูกค้าเข้ามาดูรถอยู่หลายราย บางรายมากันเป็นครอบครัว ซึ่งส่วนใหญ่สนใจมาดูรถกันอย่างจริงจัง ในตอนนั้นจึงมีพริตตีสาวสวยว่างอยู่เพียงแค่สองคน และหนึ่งในสองคนนั้นทำให้จิรสินต้องหยุดยืนมองคล้ายตกตะลึง

หญิงสาวอรชร รูปร่างสมส่วนสวยกว่าสาวๆ อีกหลายคนที่เขาเห็นมาทั้งหมดในงานนี้ โดยเฉพาะใบหน้าเรียวรูปไข่ที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางนั้นสวยสะดุดตาจนเขาต้องหยุดมองด้วยความเผลอไผล หล่อนไม่ได้แต่งตัวโป๊หรือเปิดเผยเนื้อหนังเสียจนเขาต้องมอง เพราะชุดสีดำที่หล่อนสวมอยู่ดูมิดชิดกว่าพริตตีอีกหลายคนในงานนี้ แต่ถึงกระนั้นเขากลับใจเต้นแรงขึ้นมาเสียเฉยๆ

แล้วตอนนี้หญิงสาวก็กำลังเดินเข้ามาหาพร้อมกับส่งยิ้มนำมาก่อน ส่วนพริตตีอีกคนเดินเข้ามาหาอภิวัฒน์ที่กำลังยืนตะลึงอยู่เช่นกัน

“สวัสดีค่ะ” หล่อนยกมือไหว้อย่างสวยงามอ่อนช้อยจนชายหนุ่มจากแดนไกลต้องนิ่งมองอีกคำรบ

“สวัสดีครับ” จิรสินไม่ได้รับไหว้เพราะมัวแต่ตะลึง

“ตั้งใจมาดูรุ่นไหนเป็นพิเศษรึเปล่าคะ”

“ไม่มีครับ”

“อืม...” พริตตีสาวหน้าหวาน ตาโตทำท่าเหมือนกำลังนึกหาคำพูด

นั่นทำให้ฝ่ายที่เป็นลูกค้ารู้ได้ทันทีว่าหล่อนน่าจะเป็นมือใหม่ เพราะดูไม่คล่องแคล่วเหมือนพริตตีหลายคนที่จิรสินพูดคุยด้วยมาก่อนหน้านี้ ที่สำคัญเมื่อได้เห็นหน้าใกล้ๆ เขาจึงรู้ว่าหล่อนน่าจะยังอายุไม่มาก แม้ว่าใบหน้าจะพอกเครื่องสำอางแต่ก็มองออกได้ไม่ยาก

“ผมหมายถึงว่ายังไม่รู้จะซื้อรุ่นไหน”

“ถ้าอย่างนั้นลองชมดูก่อนดีกว่าค่ะ”

รอยยิ้มหวานพอกับเสียงเล็กหวานที่เอ่ยเชิญอย่างสุภาพนั้นทำให้คนที่เดินตามร่างอรชรซึ่งอยู่บนรองเท้าส้นสูงหลายนิ้วคิดอะไรแทบไม่ออกเหมือนต้องมนตร์สะกด

หรือว่า...ที่ผู้ชายหลายๆ คนตกลงจองรถในงานก็เพราะเหตุนี้

“ตั้งใจจะซื้อไว้ใช้เป็นรถสำหรับครอบครัวหรือใช้ส่วนตัวคะ”

“ส่วนตัวครับ” จิรสินตอบได้ทันทีเพราะตนยังไม่มีครอบครัว แล้วถ้าจะมีใครมานั่งในรถอีกคนก็คงเป็นแม่เท่านั้น เพราะเขาแทบไม่รู้จักใครในไทยเลยสักคนในเวลานี้ นอกจากครอบครัวของอภิวัฒน์และครอบครัวทางฝ่ายแม่ที่แทบจะตัดญาติกันไปแล้ว

“ลองดู เอสแอลเค-คลาส ดีไหมคะ”

“ครับ”

หญิงสาวเดินนำไปยังรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดประทุนสีดำคันงามที่จอดแสดงอยู่ทันที แล้วจึงเริ่มต้นอธิบายคุณสมบัติต่างๆ ที่ดูเหมือนว่าจะจำได้ขึ้นใจจึงพูดคล่องแคล่วขึ้นกว่าเดิม

“เป็นยังไงบ้างคะ” หล่อนถามหลังจากที่เพิ่งเปิดประตูให้ลูกค้าได้ชมภายใน

“รถสวยมากครับ”

“ลองเข้าไปนั่งดูก่อนสิคะ”

จิรสินก้าวขึ้นไปนั่งตรงตำแหน่งคนขับ โดยมีหญิงสาวยืนอยู่ข้างรถเพื่อคอยตอบคำถามต่างๆ จากลูกค้าที่ดูมีแนวโน้มว่าอาจจะจองรถในงานนี้

แล้วสุดท้ายเขาก็จองรถรุ่นที่ขึ้นไปลองนั่งดูจริงๆ ด้วยความถูกใจและเชื่อมั่นในคุณภาพของแบรนด์สินค้าเป็นทุนเดิม จึงได้เห็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจจากพริตตีสาวหน้าหวานที่กำลังส่งยิ้มให้เขาจนตาโตๆ ดูเล็กลงไปในชั่วพริบตา

“ตกลงนายซื้อเพราะอยากได้หรืออะไรกันแน่”

อภิวัฒน์กระซิบถามด้วยความข้องใจ เพราะเห็นอาการตะลึงของเพื่อนตั้งแต่ก้าวเข้ามาแล้ว แม่สาวพริตตีหน้าหวานทำเอาหนุ่มมาดเข้มอย่างจิรสินถึงกับไปไม่เป็นและแทบจะเป็นใบ้ไปในทันที

“ก็อยากได้สิ คันตั้งสี่ห้าล้าน ใครจะซื้อเล่นๆ”

“แล้วระหว่างรถกับคนอยากได้อะไรมากกว่ากัน” อภิวัฒน์ยังไม่เลิกกระเซ้า เพราะไม่เคยเห็นจิรสินมีอาการแบบนี้กับใครมาก่อน

หนุ่มหน้าเข้มหันไปสบตากับเพื่อนรักตั้งแต่วัยเยาว์แล้วไม่ตอบ ได้แต่เหลือบตาไปยังพริตตีสาวคนนั้นที่กำลังจะเดินกลับมาหาพร้อมกับพนักงานขายซึ่งเป็นหญิงสาวอีกคนหนึ่ง เขายอมรับว่ารูปร่างหน้าตาหล่อนงดงามดึงดูดสายตาของเขาได้ในทันที ไม่เท่านั้นหล่อนยังดูน่ารักสดใสและพูดจาได้ไพเราะฉะฉานน่าฟัง

คิดมาถึงตรงนี้จิรสินก็ได้แต่ถอนใจ เพราะแต่ละวันคงมีหนุ่มๆ เดินเข้ามาดูรถกันอย่างมากหน้าหลายตา และหล่อนก็คงต้องคุยกับผู้ชายแทบไม่ซ้ำหน้า ไม่เท่านั้นอาจถูกบางคนเกี้ยวพาแบบไม่คิดจะเก็บอารมณ์เลยก็เป็นได้ ในขณะที่หญิงสาวยังต้องยืนยิ้มรับทุกคนอย่างไม่มีข้อยกเว้น

หลังจากวางเงินจองเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองหนุ่มจึงเดินเลยไปดูรถอีกหลายค่ายอย่างที่อภิวัฒน์ตั้งใจไว้

“ถ้าสนจริงๆ ระดับนายก็ไม่ยากหรอก”

“มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ” จิรสินถามเหมือนไม่อยากเชื่อหู เพราะรู้ว่าเพื่อนหมายถึงแม่สาวน้อยพริตตีคนนั้น

“แต่ถ้าคิดจะจริงจังอย่าดีกว่า” อภิวัฒน์เตือนด้วยความเป็นห่วง

“ทำไม”

“ก็ผู้หญิงสวยๆ มักจะไม่ชอบเป็นของใครคนเดียวน่ะสิ โดยเฉพาะคนที่ทำอาชีพนี้ ชีวิตนายอาจจะมีปัญหาได้”

“หมายถึงว่าเป็นพริตตีแล้วทำให้มีแฟนเยอะเหรอ” คนที่เพิ่งกลับมาไทยพยายามทำความเข้าใจ

“มันก็ทำนองนั้น เธออาจจะไม่หยุดที่นายถ้านายคิดจะจริงจัง นายก็เห็นว่าวันๆ เธอต้องเจอคนตั้งเท่าไหร่ แล้วเดือนๆ หนึ่งต้องรับงานตั้งกี่ที่”

“ก็เป็นไปได้” เขาพยักหน้าเพราะตรงตามที่ใจคิดไว้เช่นกัน

ในเมื่อทั้งสวยและมีโอกาสดีๆ มากมายเข้ามาในชีวิตแล้วใครล่ะจะไม่ไขว่คว้า แต่ถ้าคิดอีกแง่หนึ่งก็อาจทำให้ชีวิตสับสนจนพังได้เช่นกันหากไม่มีสติมากพอ ไม่มีใครรู้หรอกว่าสิ่งยั่วยวนและล่อใจทั้งหลายนั้นไม่ใช่แค่ภาพลวงตา

“มันเป็นไปได้สูงเลยละ”

“เอก...นี่นายเคยมีแฟนเป็นพริตตีมาก่อนรึเปล่า” จิรสินชักสงสัยขึ้นมา เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะฝังใจกับเรื่องนี้อยู่พอสมควร

“ฮื่อ...นานแล้ว”

“ท่าทางนายเสียใจนะ” เดาได้จากสีหน้า

“พัปปีเลิฟน่ะ ก็ต้องมีบ้าง”

“เธอเปลี่ยนใจใช่ไหม”

“ใช่...ฉันโง่เองแหละที่มองไม่ออก”

“เอาละๆ เรื่องมันผ่านไปแล้วเราเลิกพูดถึงมันดีกว่า เอาเป็นว่าฉันจะเชื่อที่นายเตือนก็แล้วกัน”

“แล้วสาวปารีเซียงคนนั้น นายยังคบอยู่รึเปล่า” อภิวัฒน์ถามยิ้มๆ เพื่อเปลี่ยนเรื่อง

“เลิกแล้ว”

คำตอบไม่ได้ทำให้คนฟังแปลกใจนัก ส่วนใหญ่จิรสินคบกับสาวฝรั่งแต่มักจะคบกันไม่นานนักก็มีอันต้องเลิกรา ซึ่งอภิวัฒน์ก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด แต่ที่แน่ๆ รูปร่างหน้าตาอย่างจิรสินหาสาวแหม่มสวยๆ มาเป็นแฟนได้ไม่ยากเพราะฝรั่งชอบหนุ่มผิวแทนกันทั้งนั้น แถมจิรสินยังหน้าเข้มและรูปร่างสูงใหญ่ไม่ต่างไปจากคนตะวันตก เหตุเพราะมีเชื้อสายแขกขาวที่ได้รับมาจากทางบิดาจึงมีดวงตาคมลึกสีน้ำตาลอ่อนๆ และจมูกโด่งเป็นสันต่างจากคนไทยทั่วไป

“มาอยู่ไทยนายอาจจะหาแฟนยากหน่อยนะ” อภิวัฒน์เตือนพร้อมยิ้มขำๆ ระหว่างที่มองใบหน้าหล่อเหลา ผิวสีแทน ของเพื่อนซึ่งไม่ตรงกับรสนิยมของคนไทยในยุคนี้

“ทำไม”

“สาวไทยชอบหนุ่มเกาหลี ประมาณฉันนี่แหละกำลังอินเทรนด์เลย ขาวตี๋สูงหล่อและรวย” อภิวัฒน์ว่าแล้วหัวเราะตบท้ายชมตัวเองแบบไม่กระดากปาก ก็เห็นว่าเพื่อนซี้ส่ายหน้า

“แล้วอินเทรนด์อย่างนายตอนนี้หาได้สักคนรึยัง” คนหน้าเข้มดักคอแล้วรีบเดินนำหน้าไปทันที

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น