2

บทที่ 2


2

 

บ้านเช่าแบบทาวน์เฮาส์ชั้นเดียวเปิดต้อนรับเด็กน้อยที่วิ่งแกมกระโดดไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านหลัง คุณลุงของเขาเดินตามเข้ามาติดๆ กวาดตามองภายในบ้านที่ขนาดยังไม่เท่าห้องโถงรับแขกภายในบ้านของเขาอย่างพิจารณา เฟอร์นิเจอร์ในบ้านนี้มีอยู่น้อยชิ้น ประกอบไปด้วยชุดโต๊ะกับเก้าอี้ไม้ขนาดเล็ก ทาสีขาวสลับชมพูหวานแหวว และชั้นวางหนังสือที่ถูกนำมาไว้ตรงมุมหนึ่งของห้องโถง ลึกเข้าไปเป็นห้องอีกห้องซึ่งภาวินเดาว่านั่นคือห้องนอนซึ่งมีอยู่เพียงห้องเดียว

“หนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ”

ภาวินพึมพำอย่างใช้ความคิด เขาประเมินจากข้าวของที่วางอยู่ อีกทั้งรองเท้าที่ถอดวางเอาไว้บนชั้นรองเท้าหน้าบ้าน ก็พอจะเดาได้ว่านลินอยู่บ้านนี้เพียงคนเดียว ชายหนุ่มเดินไปนั่งบนเก้าอี้ไม้ สำรวจหนังสือที่วางอยู่บนชั้น พบว่าส่วนใหญ่เป็นหนังสือคู่มือการสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ

“เสร็จแล้วครับลุงภาม”

เด็กน้อยส่งเสียงพร้อมกับเดินนำหน้าครูสาว ที่ฝ่ามือน้อยๆ ยังคงชุ่มไปด้วยน้ำที่นลินคงจะให้ล้างมือหลังจากจัดการเรื่องปัสสาวะของตัวเองเสร็จแล้ว

ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้อย่างเตรียมพร้อมจะกลับบ้านและกวักมือเรียกให้หลานชายเดินตามมา เด็กน้อยเดินไปหาคุณลุงของตัวเอง ในขณะที่พากันเดินออกมาที่หน้าบ้าน องศายังหันมามองคุณครูสาวตาละห้อยเป็นระยะๆ ทำให้คุณครูอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

“เป็นอะไรไปครับองศา อยากเข้าห้องน้ำอีกเหรอคะ”

“องศา...อยากให้ครูลินไปบ้านลุงภามกับองศาด้วย ลุงภามพาครูลินไปด้วยได้ไหมครับ”

เด็กน้อยพูดเสียงอ่อย ทำให้ผู้เป็นลุงถึงกับชะงักเท้าแล้วหันไปมองครูสาวซึ่งตอนนี้ก็ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน

“ไม่ได้นะครับองศา บ้านของคุณครูอยู่ที่นี่ จะไปอยู่บ้านเดียวกับเราได้ยังไง”

ภาวินพูดกับหลานชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับยื่นมือไปลูบศีรษะทุยของเขาเบาๆ ด้วยความนุ่มนวล จนแทบจะไม่รู้สึกว่าเขาปฏิเสธคำขอของหลานชาย

นลินมองคุณลุงของลูกศิษย์แล้วก็ได้แต่ตั้งข้อสงสัย ท่าทางเขาก็รักและเอ็นดูหลานชายตัวเองดีขนาดนี้ แต่ทำไมองศาถึงได้มีท่าทางกลัวเขานักหนา

“เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็ได้เจอกันแล้ว วันนี้กลับบ้านไปก่อนนะคะองศา” ครูสาวบอกลูกศิษย์ตัวน้อย

เขาทำหน้าจ๋อยพร้อมกับทำปากยื่นจนแทบแตะปลายจมูก แต่ก็พยักหน้ายอมทำตามที่ผู้ใหญ่พูด ก่อนจะยื่นมือไปให้ผู้เป็นลุงจูง แล้วเดินตามร่างสูงกลับไปที่รถแต่โดยดี

เมื่อภาวินอุ้มองศาขึ้นนั่งบนคาร์ซีตเสร็จ ก็เดินมาหาคุณครูสาวที่ยืนรอส่งพวกเขาอยู่ที่หน้าประตูรั้ว

“ขอบคุณคุณครูมากนะครับที่ให้องศามาใช้ห้องน้ำ”

“เรื่องแค่นี้เองค่ะ ไม่เห็นต้องขอบคุณเลย ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณลุงของน้ององศาที่มาส่งถึงที่บ้าน”

“ภาวินครับ”

“คะ?” นลินทำหน้าสงสัยว่าชายหนุ่มเอ่ยถึงชื่อใคร

“ผมชื่อภาวิน เห็นคุณครูเอาแต่เรียกผมว่าคุณลุงของน้ององศา”

“อ้อ ค่ะ คุณภาวิน” นลินทำเสียงรับรู้ ก่อนจะยืนรอให้ชายหนุ่มกลับไปที่รถ ทว่าเขายังไม่กลับ แถมยังทำหน้าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง

“มีอะไรจะพูดกับฉันรึเปล่าคะ” นลินถามอย่างดูออกว่าภาวินต้องการจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ

“คือว่า...ผมเพิ่งจะพาองศามาอยู่กับผมได้ไม่นาน แล้วตัวผมก็ยังจัดการเวลาของตัวเองให้มาดูแลแกอย่างเต็มที่ไม่ได้ ก็เลยเป็นอย่างที่คุณเห็น วันนี้ผมมารับแกเอาป่านนี้ และคิดว่าคงจะเป็นแบบนี้ไปอีกสักระยะ” ภาวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงลำบากใจ

“ถ้าอย่างนั้น คุณก็จ้างใครสักคนมาเป็นพี่เลี้ยงแกสิคะ ให้มารับส่งแกที่โรงเรียนก็ได้” ครูสาวแนะนำ

“ตอนนี้ผมมีพี่เลี้ยงถึงสองคนคอยดูแลองศา แต่รู้ไหมว่าหลานชายผมไม่ดูมีชีวิตชีวาเหมือนอยู่กับคุณ”

“หมายความว่ายังไงคะ”

“องศาไม่เคยเอ่ยปากขออะไรจากผม ไม่ว่าผมจะพร้อมให้เขาแค่ไหน เขาก็ไม่เคยขอ แต่วันนี้เขาขอให้ผมพาคุณไปอยู่ที่บ้านด้วย เขา...คงจะหลงรักอะไรบางอย่างในตัวคุณ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าครุ่นคิด

สำหรับนลินแล้ว จากสัญชาตญาณความเป็นครู ดูก็รู้ว่าองศาเป็นเด็กขี้เหงา ยิ่งต้องมาเสียแม่ไปอย่างกะทันหันแบบนี้ เด็กน้อยก็เลยเคว้งคว้าง จนพร้อมที่จะหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจได้ทุกเมื่อ

“ค่ะ วันนี้องศาบอกว่าฉันหอมเหมือนแม่ของแก ฉันเลยโดนหอมไปตั้งหลายที” พูดแล้วก็เผลอยกมือขึ้นมาลูบแก้มตัวเองอีกครั้งพร้อมกับเหลือบไปเห็นรอยยิ้มของชายหนุ่มที่มองมา เป็นรอยยิ้มที่แค่กระตุกริมฝีปากเท่านั้น แต่มันทำให้ใบหน้าที่เมื่อสักครู่นี้เคร่งขรึมอยู่ดีๆ ก็ละมุนละไมใสกระจ่างชวนมองเสียจนอดใจเต้นแรงไม่ได้

“ผมเองก็คิดแบบนั้น”

นลินเลิกคิ้วสูง พร้อมกับมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสีหน้าสงสัย

“คุณใช้แป้งเด็กกลิ่นเดียวกับที่ภัทรชอบใช้ แถมรูปร่างคุณก็ใกล้เคียงกับน้องสาวผม” ชายหนุ่มอธิบาย

“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ถึงว่าสิ องศาถึงได้ติดฉันตั้งแต่วันแรกที่เจอ”

“ตอนแรกผมก็ไม่คิด จนตอนที่คุณเข้ามานั่งในรถผมนั่นแหละ เลยได้กลิ่นจากตัวคุณ และมองคุณถนัดๆ”

คนที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกแอบมองและแอบดมกลิ่นแป้งมาตลอดทางถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก

“ที่มาบอกฉันแบบนี้ คุณต้องการจะให้ฉันทำอะไรเหรอคะ” นลินถามไปตามตรงเพราะไม่อยากอ้อมค้อมอีกต่อไปแล้ว

“ผมอยากจ้างคุณให้มาดูแลองศาให้ผม”

“แต่ว่า...ฉันคงจะไปอยู่บ้านคุณตามที่แกขอไม่ได้หรอกนะคะ”

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ” พูดแล้วก็หัวเราะออกมานิดหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “คุณแค่ดูแลแกตอนเย็นหลังเลิกเรียน สอนการบ้าน สอนพิเศษเล็กๆ น้อยๆ ให้แกจนกว่าผมจะมารับแกกลับบ้าน บางวันผมอาจจะมารับค่ำสักหน่อย คุณก็พาองศาขึ้นรถแท็กซี่กลับมาที่บ้านของคุณก่อนก็ได้ ค่าแท็กซี่กับค่าอาหารที่ทำให้องศาทานคุณมาเบิกเพิ่มได้ต่างหาก แต่ขอให้คุณพาแกขึ้นรถแท็กซี่นะครับ อย่าขึ้นรถเมล์เลย เพราะจากปากซอยมาจนถึงบ้านของคุณตรงนี้ค่อนข้างเปลี่ยว” ชายหนุ่มบอกความต้องการของเขาให้ครูสาวได้รับทราบ

นลินรับฟังด้วยสีหน้าลำบากใจ “อันที่จริงฉันก็ไม่ได้มีเวลาว่างนักหรอกนะคะ ตอนเย็นฉันก็มีอะไรทำตั้งหลายอย่าง ไหนจะตรวจการบ้านเด็ก ไหนจะอ่านหนังสือเตรียมสอบชิงทุนอีก ให้ฉันดูแลองศาให้เป็นบางวันน่ะพอไหวค่ะ แต่ให้ดูแลทุกวันฉันคง...”

“ผมจะให้ค่าจ้างเท่ากับเงินเดือนทั้งเดือนที่คุณได้รับอยู่ตอนนี้” ชายหนุ่มโพล่งออกมาก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ

นลินถึงกับตาโตเมื่อเธอบวกลบคูณหารอยู่ในใจ แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ดูแลองศาต่อหลังเลิกเรียน เธอจะมีรายได้เพิ่มเท่ากับที่ต้องทำงานทั้งวัน เป็นใครก็ต้อง...

“เริ่มพรุ่งนี้เลยก็ได้นะคะ” ตอบตกลงแล้วก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่อยู่ดีๆ ก็มีรายได้อย่างงามเข้ากระเป๋า

“ขอบคุณนะครับ” ภาวินพูดพร้อมกับอมยิ้ม

ครูสาวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก เธออาจจะแสดงออกทางสีหน้ามากไปหน่อยว่างก แต่จะทำยังไงได้ ก็ในเมื่อเขาเสนอมาเอง แถมยังทำหน้าเฉยๆ ตอนที่เดินกลับไปขึ้นรถ ซึ่งนั่นก็แสดงว่าเขาจ่ายไหว

 

รถสุดหรูแล่นออกไปจากหน้าบ้านเช่าของหญิงสาว ในเวลาไล่เลี่ยกัน เสียงข้อความจากแอปพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เงินตามจำนวนที่ตกลงกับภาวินถูกโอนเข้ามาอย่างรวดเร็วทันใจ เธอเพิ่งให้เลขบัญชีที่ผูกกับเบอร์โทรศัพท์มือถือแก่เขาไปแท้ๆ

“จ่ายก่อนเริ่มงานด้วยเหรอเนี่ย อะไรจะโอนไวปานนั้น”

นลินเดินเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดีที่วันนี้อยู่ๆ ก็รับทรัพย์แบบไม่คาดฝัน แม้จะไม่ได้มาฟรีๆ ต้องแลกกับการดูแลเด็กคนหนึ่ง แต่ก็ถือว่าไม่ยากลำบากอะไร เงินดีงานสบาย แบบนี้ถ้าปล่อยให้หลุดลอยไปคงเสียดายแย่

คิดแล้วเธอก็จัดห้องโถงที่มีพื้นที่เพียงน้อยนิด ลากชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้ให้ถอยห่างออกมาจากชั้นหนังสือนิดหนึ่ง ให้พอมีพื้นที่ไว้สำหรับปูเสื่อยางพาราลายการ์ตูนที่ครูสาวซื้อเอาไว้ใช้รับงานสอนพิเศษเด็กเล็กเมื่อช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา เธอจะรับงานสอนพิเศษและดูแลเด็กที่พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลในช่วงปิดเทอม เมื่อเปิดเทอม ผู้ปกครองที่เคยนำเด็กมาฝากเรียนก็พาลูกหลานไปโรงเรียนกันตามปกติ พอปิดเทอมก็จ้างให้เธอช่วยเลี้ยงและสอนพิเศษให้ใหม่ ดังนั้นการที่เธอรับงานดูแลองศาหลังเลิกเรียนจึงถือว่าเป็นรายได้ต่อเนื่องที่เธอจะได้รับหลังเปิดภาคเรียนแล้ว

“ไปซื้อขนมกับของเล่นเด็กผู้ชายมาเพิ่มดีกว่า”

คุณครูตรวจอุปกรณ์การเรียนการสอนเรียบร้อยแล้วก็จดบันทึกว่าจะต้องซื้ออะไรเพิ่มบ้าง จากนั้นก็เตรียมงานสำหรับการสอนปกติของเธออยู่อย่างเพลิดเพลินจนไม่รู้ตัวว่าเวลาล่วงเลยมาถึงกลางดึกแล้ว

ในขณะที่หญิงสาวกำลังเตรียมสื่อการสอนอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น หน้าจอปรากฏชื่อของชายหนุ่มที่เพิ่งโอนเงินค่าจ้างให้ดูแลหลานชายมาให้

“สวัสดีค่ะ คุณลุงของน้ององศา”

“ชื่อผมไม่ได้ยาวขนาดนั้นครับ” เสียงจากปลายสายค่อนข้างเรียบ ไม่บ่งบอกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน

“เอ่อ...ค่ะ คุณภาวิน มีอะไรหรือเปล่าคะ” ครูสาวถาม ในใจก็นึกหวั่นว่าเขาจะต่อราคาหรือเปลี่ยนใจเลิกจ้างเธอและขอเงินคืนหรือเปล่า ไม่ได้นะ มันเร็วเกินไป เธอดีใจไปแล้วด้วย

“ผมจะรบกวนคุณครูนิดหน่อยน่ะครับ”

“ค่ะ ว่ามาเลยค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยคะ”

“คือว่า ถ้าหากมีคนที่อ้างตัวว่าเป็นคุณพ่อขององศามาขอพบแกที่โรงเรียน คุณครูอย่าให้เขามาพบหลานชายของผมนะครับ” ปลายสายเอ่ยน้ำเสียงเครียดจัดจนนลินรับรู้ได้

“ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”

“ครับ ว่ามาเลยครับ”

“คนคนนั้น จริงๆ แล้วเป็นพ่อแท้ๆ ขององศา ไม่ใช่แค่คนที่อ้างชื่อว่าเป็นคุณพ่อใช่ไหมคะ” ภาวินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมรับกับครูสาวออกมาตามตรง

“ครับ เขาเป็นพ่อขององศา แต่เป็นพ่อแค่สายเลือดเท่านั้น เขาไม่เคยมาดูดำดูดีองศาหรอกครับ”

“แล้วทำไม...”

“คุณครูทำตามที่ผมขอได้ไหมครับ” ภาวินรีบตัดบทเพราะไม่อยากให้คุณครูของหลานชายซักไซ้เขาไปมากกว่านี้

ส่วนนลินก็เริ่มรู้สึกว่าชักจะยุ่งเรื่องส่วนตัวเขามากเกินไปแล้ว จึงเลิกตั้งคำถามละลาบละล้วงเขาเพียงเท่านั้น

“ฉันคงขัดขวางการพบกันของพ่อลูกไม่ได้ แต่ฉันจะแจ้งให้คุณทราบ หากคุณพ่อของน้ององศามาพบ และจะอยู่กับแกตลอดเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ตกลงไหมคะ”

นลินต่อรอง การที่ภาวินให้เงินเธอ แล้วบงการให้เธอทำตามคำสั่งทุกอย่างแบบนี้ หญิงสาวกลัวว่าเธออาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือพรากลูกพรากพ่อก็ได้ แต่ถ้าภาวินพรากลูกพรากพ่อ แล้วทำไมเขาพูดว่าคุณพ่อขององศาไม่เคยมาดูดำดูดี เห็นทีเรื่องนี้คงจะซับซ้อนมากกว่าที่เธอคิดเสียแล้ว

“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ เพื่อความสบายใจของคุณครูด้วย แต่อย่าลืมนะครับว่าตอนนี้องศาอยู่ในความดูแลของผม อย่าปล่อยให้พ่อขององศาพาแกไปไหนเด็ดขาด”

“เรื่องนั้นฉันทราบดีค่ะ ฉันจะทำตามที่คุณบอกอย่างเคร่งครัดนะคะ”

“ขอบคุณคุณครูนะครับ แล้วก็...” ภาวินทอดเสียงอย่างลังเลว่าจะพูดต่อดีหรือไม่

“คุณภาวินมีอะไรจะสั่งฉันอีกไหมคะ”

“มีครับ แต่ไม่ใช่คำสั่ง แค่อยากจะถามมากกว่า”

“ค่ะ ว่ามาเลยค่ะ”

“คุณครูสวมรองเท้าเบอร์อะไรครับ”

“ว่าไงนะคะ” นลินถามกลับอย่างเริ่มมึนงงกับคุณลุงของลูกศิษย์ตัวน้อย ที่อยู่ๆ ก็ถามในสิ่งที่เธอไม่คาดคิด

“วันนี้ผมเห็นพื้นรองเท้าคุณเปิด ก็เลยจะให้เลขาฯ ไปซื้อคู่ใหม่ให้ ขออนุญาตเลือกยี่ห้อให้นะครับ เอาแบบคุณภาพดีๆ ใส่ทนๆ เพราะผมเห็นรองเท้าบนชั้นวางรองเท้าของคุณแล้วเป็นแบบใส่ได้ไม่กี่ทีก็พังแล้ว”

“เอ่อ...คือว่า...”

นลินไม่รู้ว่าตอนนี้เธอควรดีใจ ควรอาย หรือควรเกรงใจก่อนดี ภาวินเป็นผู้ชายที่ช่างสังเกตจริงๆ เพราะแม้จะเจอกันเป็นครั้งแรก ได้เข้ามาในบ้านของเธอแค่ไม่กี่นาที แต่เก็บรายละเอียดได้ดีชนิดที่ตัวหญิงสาวเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับรอยเปิดของพื้นรองเท้าของตัวเองเลยด้วยซ้ำ

“สามสิบห้า น่าจะประมาณนี้ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มคาดเดา แต่ดันถูกเผง

“ค่ะ” ครูสาวตอบสั้นๆ เพราะยังอึ้งไม่หาย

“พรุ่งนี้ผมเอาไปให้พร้อมกับรับองศานะครับ”

“ค่ะ”

“ปกติคุณครูนอนดึกไหมครับ นี่ผมโทร. มารบกวนเวลานอนรึเปล่า” ภาวินถามเพราะเห็นว่านลินถามคำตอบคำเลยคิดว่าเธออาจจะเข้านอนแล้ว

“เปล่าค่ะ ฉันยังไม่ได้นอน พอดีคืนนี้เตรียมสื่อการสอนดึกไปหน่อย เดี๋ยวพอวางสายจากคุณก็ว่าจะไปนอนแล้วละค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่ยังสดใสอยู่

“ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะครับ”

“ค่ะ” ตอบกลับไปคำสุดท้ายด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนโทร. มาหาเธอกลางดึกขนาดนี้ และแน่นอน ไม่มีใครพูดคำนี้กับเธอมาก่อน เขาคงพูดไปตามมารยาทกระมัง เป็นเธอเสียอีกที่เสียมารยาท ไม่บอกราตรีสวัสดิ์เขากลับไปบ้าง เอาแต่นิ่งเงียบเอาดื้อๆ จนอีกฝ่ายวางสายไปเอง

หญิงสาวจะไม่รู้สึกอะไรเลยหากภาพชายหนุ่มดวงตาคมกริบไม่วนเวียนอยู่ในหัว ภาพผู้ชายที่ยืนตัวตรง กอดอกแล้วมองไปรอบกายอย่างพิจารณาตลอดเวลา หากเป็นคนอื่น เธอคงหมั่นไส้ในความขี้เก๊กไปแล้ว แต่สำหรับภาวิน เธอก็พอรู้มาบ้างว่าเป็นเพื่อนรุ่นพี่เจ้าของโรงเรียนที่เธอสอนอยู่ เป็นนักธุรกิจที่รวยในแบบที่หญิงสาวคาดไม่ถึง ซึ่งก็ไม่แปลกที่มองผิวเผินแล้วเขาจะดูเป็นคนเย่อหยิ่งและออกจะไว้ตัวอยู่บ้าง ถ้าไม่ใช่เพราะหลานชายของเขาติดเธอมาก เขาก็คงไม่ลดตัวลงมาพูดคุยกับเธอด้วยท่าทางสุภาพ ชวนเธอขึ้นรถ พาเธอมาส่งที่บ้าน แถมยังให้เธอดูแลหลานชายของเขาให้แบบนี้

“เขาก็แค่พูดไปตามมารยาท จะอินทำไม” พึมพำกับตัวเองแล้วสลัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป จากนั้นก็หันมาเตรียมสื่อการสอนที่ทำค้างไว้จนเสร็จ แล้วจึงเข้านอนด้วยความรู้สึกอุ่นใจกว่าทุกคืนเพราะอยู่ๆ เงินเก็บในบัญชีก็งอกเงยขึ้นมาแบบไม่คาดฝัน ไม่เกี่ยวกับรอยยิ้มและดวงตาคู่นั้น ไม่เกี่ยวกันเลยจริงๆ...

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น