5

บทที่ 5



5


รถสปอร์ตสุดหรูเลี้ยวเข้ามาภายในบริเวณบ้าน...อันที่จริงควรเรียกว่าคฤหาสน์น่าจะเหมาะกว่า เพราะมันใหญ่โตหรูหราเกินจินตนาการของนลินไปมาก

ชายหนุ่มเชิญครูสาวเข้ามานั่งภายในห้องรับแขก ซึ่งเป็นห้องโถงใหญ่มีพื้นที่มากกว่าห้องเช่าที่เธอเรียกว่าบ้านทั้งหลังเสียอีก เฟอร์นิเจอร์ทำจากหนังแท้ พรมที่พื้นก็สะอาดเสียจนแทบจะลงไปนอนกลิ้งได้ ถึงว่าสิ ภาวินจึงสั่งให้นำท็อปเปอร์กันไรฝุ่นไปปูทับที่นอนยางพาราของเธอ ก็ของใช้ทุกชิ้นภายในห้องนี้ล้วนแต่สะอาดเนี้ยบไม่ต่างจากเจ้าของบ้าน

ใกล้กับโซฟาตัวใหญ่มีโต๊ะตัวเตี้ยซึ่งประดับด้วยงานศิลปะทองเหลืองหล่อรูปม้ากระโดด ที่แม้จะงดงามสะดุดตา แต่ก็ไม่อาจดึงความสนใจได้มากกว่ากรอบรูปของผู้ชายคนหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเดียวกันนั้น รูปชายหนุ่มวัยรุ่น ไว้ผมยาวและรวบผมลวกๆ สวมเสื้อยืด กางเกงยีนขาดๆ นั่งโพสท่าอยู่บนมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์

ผู้ชายในรูปยิ้มกว้างมาก ดวงตาของเขาดูมีประกายสดใส นลินจำรอยยิ้มนี้ได้ชัดเจนเพราะเธอเห็นมาแล้วครั้งหนึ่ง เป็นรอยยิ้มของคนที่หน้าตาเหมือนกับคนในรูปนี้ทุกอย่าง ทว่ารูปที่เธอเห็นช่างแตกต่างจากปัจจุบันเหลือเกิน แตกต่างจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นคนคนเดียวกัน

“รูปผมเองครับ สมัยตอนเป็นวัยรุ่น”

เจ้าของรูปตัวจริงเสียงจริงเอ่ยขึ้น เขาเดินมาใกล้หญิงสาวที่ตอนนี้ยังคงทำหน้าอึ้งอยู่พร้อมกับมองภาพถ่ายหนุ่มผมยาวสลับกับเจ้าของร่างสูง ที่ตอนนี้แม้จะตัดผมสั้นกว่าเดิมแล้ว แต่ก็ยังยาวคลุมใบหู ไม่สั้นเกรียนเหมือนทรงผู้ชายทั่วไป อีกทั้งใบหน้าก็แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลยแม้เจ้าตัวจะบอกว่าเป็นรูปถ่ายสมัยวัยรุ่นก็ตาม

“ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณเคยเป็นหนุ่มเซอร์ด้วย”

“ผมมันก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรหรอก เคยเกเร เคยเป็นไอ้หนุ่มผมยาว ซิ่งมอเตอร์ไซค์ไปวันๆ คิดถึงแต่ความสุขของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก จนมาถึงวันที่รู้ว่าภัทรท้อง แล้วแฟนภัทรไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบ ตอนนั้นผมเลยรู้สึกว่าเกิดมาเป็นลูกผู้ชาย มันต้องคิดอะไรได้มากกว่านั้น ต้องรู้ว่าผลกระทบจากการกระทำมันไม่ได้เกิดกับแค่เราเพียงคนเดียว” พูดจบก็คว่ำรูปนั้น ก่อนจะหันมาชวนหญิงสาวคุยเรื่องอื่น

“ดื่มอะไรก่อนไหมครับ คุณครูนลิน”

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพี่แม่บ้านหาน้ำเปล่ามาให้ฉันดื่มแล้ว”

นลินตอบพร้อมกับเก็บความสงสัยไว้เพียงเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นเลยที่เธอจะแสดงความรู้สึกต่อสิ่งที่เห็น แม้ลึกๆ แล้วเธอจะรู้สึกว่าภาวินที่ยิ้มอยู่ในภาพถ่ายดูมีชีวิตชีวากว่าเขาในตอนนี้มากแค่ไหนก็ตาม

“ครับ งั้น...เราไปกันเลยไหมครับ คุณครูนลินจะได้ไม่ต้องนอนดึกมาก”

“คุณภาวินไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณครูนลินก็ได้นะคะ เรียกฉันว่าลินก็ได้” ครูสาวบอกกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงเกรงใจ หากภาวินเป็นเพื่อนรุ่นพี่ผู้อำนวยการโรงเรียน นั่นก็หมายความว่าชายหนุ่มอายุห่างจากเธออยู่หลายปี ปล่อยให้เขาเรียกเต็มยศแบบนี้ฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไร

“ครับลิน”

อยู่ๆ นลินก็ใจเต้นแรง ทั้งที่เป็นคนบอกให้เขาเรียกชื่อเล่นเองแท้ๆ

“ฉันพร้อมแล้วค่ะ เราไปกันเลยไหมคะ” บอกแล้วก็คล้องกระเป๋าผ้ารักษ์โลกไว้บนบ่าในท่าเตรียมพร้อม แล้วตามเจ้าของบ้านไปขึ้นรถยนต์สุดหรู


รถยนต์คันใหญ่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ทว่านลินกลับรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องมานั่งเคียงข้างชายหนุ่มเพียงลำพังเป็นครั้งแรก ทั้งที่ตอนไปห้างสรรพสินค้าด้วยกัน เธอก็นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับซึ่งเป็นที่เดียวกันกับตอนนี้แต่ทำไมหญิงสาวรู้สึกว่าอยู่ใกล้ภาวินมากขึ้นกว่าเดิมจนอดใจเต้นแรงไม่ได้ ในรถไม่มีองศาให้เฉไฉหันไปคุยเล่นด้วยอีกแล้ว หญิงสาวจึงเอาแต่นิ่งเงียบ พยายามไม่สนใจเรียวขายาวที่บังคับคันเร่งรถยนต์อยู่ ไม่เหลือบไปมองลำแขนตรงได้รูปที่ตอนนี้ถกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นมาจนถึงข้อศอก อวดผิวขาวสุขภาพดีอย่างคนมีอันจะกินจนน่าอิจฉา

นลินไม่รู้ว่าตัวเองนั่งเงียบไปนานแค่ไหน จนกระทั่งภาวินชวนคุยเรื่องที่เธออยากไปเรียนต่อเมืองนอกนั่นแหละ หญิงสาวจึงเพิ่งรู้สึกว่าควรจะชวนเขาคุยอะไรบ้าง

“ทำไมถึงอยากไปเรียนเมืองนอกครับ”

“ก็...อยากหาโอกาสดีๆ ให้ชีวิตน่ะค่ะ” นลินตอบ โดยที่ตัวเธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าโอกาสดีๆ ที่มองหานั้นเป็นสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ หรือไม่

“แล้วคิดจะอยู่ถาวร หรือเรียนจบแล้วกลับไทยครับ” ภาวินถามต่อ

“ไม่รู้สิคะ บางที ถ้ามีฝรั่งมาจีบ ฉันอาจจะแต่งงาน แล้วมีครอบครัวอยู่ที่นั่นเลยก็ได้”

นลินพูดกลั้วหัวเราะ เธอก็พูดไปอย่างนั้น เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้วก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไรต่อไป

“คิดดีแล้วเหรอครับ” ภาวินถาม

“ฉันพูดเล่นน่ะค่ะ ก็อย่างที่คุณเห็น สภาพฉันแบบนี้ ใครจะมาจีบ” หญิงสาวรีบแก้ตัวเพราะกลัวชายหนุ่มจะเข้าใจผิดคิดว่าเธออยากจะมีสามีเป็นชาวต่างชาติจริงๆ

“แต่คุณเป็นผู้หญิงที่เวลาฝรั่งเดินผ่านสิบคนจะหันมามองสิบเอ็ดคนเลยนะครับ”

“คุณก็เว่อร์ไป มาสิบทำไมหันสิบเอ็ด”

ถ้าไม่ติดตรงที่ภาวินขับรถอยู่ นลินก็อยากรู้จริงๆ ว่าตอนนี้ชายหนุ่มทำหน้ายังไง เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขนาดนี้ แล้วสีหน้าเขาจะจริงจังขนาดไหน

“ก็เพราะว่าคนที่สิบเอ็ดอาจจะเป็นคนไทย”

“อ้อ” หญิงสาวทำเสียงรับรู้ ก่อนจะพูดต่อ

“ขอบคุณมากนะคะที่พูดให้ฉันมั่นใจในตัวเอง”

คนที่คิดว่าตัวเองไม่สวยพูดกับชายหนุ่ม ตั้งแต่เล็กจนโตนลินไม่เคยได้รับความสนใจจากใครมากนัก เด็กที่ถูกทิ้งไว้ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าจนโตอย่างเธอได้แต่มองเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่ถูกขอไปเลี้ยงตาปริบๆ ในขณะที่เธอรอแล้วรอเล่า รอจนชินชาและหมดหวังไปเอง ในที่สุดเธอก็ดูแลตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครรับไปดูแลอีกแล้ว

“แล้วที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาจีบคุณจริงๆ เหรอครับ”

“เอ่อ...”

“ขอโทษที่ถาม ถ้าไม่สะดวกก็ไม่ต้องตอบ ผมแค่อยากจะประเมินว่าคุณจะช่วยผมดูแลองศาได้อีกนานแค่ไหน”

“อ๋อ...ถ้าเป็นเรื่องนั้นละก็ ถ้าหากฉันไม่จิ้มข้อสอบชิงทุนมั่วๆ จนได้ทุนไปเรียนต่างประเทศเสียก่อน ก็จะดูแลองศาให้คุณไปเรื่อยๆ ได้ค่ะ” นลินยืนยันเรื่องที่จะดูแลองศา แทนที่จะตอบว่าไม่เคยมีใครมาจีบเธอจริงๆ

“งั้นก็ดีเลย...”

ภาวินพูดด้วยเสียงเบาราวกับพูดกับตัวเอง นลินจึงไม่กล้าถามว่า ‘งั้นก็ดีเลย’ ที่เขาพูดนั้นหมายความว่ายังไง

“คุณต้องไปสอบชิงทุนเดือนไหนครับ” ภาวินถามต่อ

“อีกไม่ถึงสองอาทิตย์ก็จะสอบแล้วค่ะ หนังสือที่คุณซื้อให้ ไม่รู้ว่าจะอ่านทันรึเปล่า แต่ฉันก็จะพยายามอ่านให้ได้มากที่สุดนะคะ ถ้าสอบรอบนี้ไม่ผ่านก็จะอ่านต่อไปเรื่อยๆ เพื่อเอาไว้สอบรอบใหม่”

“ให้ผมติวให้ไหม” ชายหนุ่มเสนอตัว

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเกรงใจ คุณไม่ค่อยมีเวลาไม่ใช่เหรอคะ”

“นั่นสินะ” พูดแล้วก็หัวเราะแบบเหนื่อยๆ เมื่อนึกถึงภาระงานที่ต้องรับผิดชอบในแต่ละวัน

“ฉันสอบตกจนชินแล้วละค่ะ ถ้าครั้งนี้สอบตกอีกก็จะไม่เสียใจ ครั้งหน้าเอาใหม่” นลินพูดอย่างคนที่เข้าใจความจริงของชีวิตได้ดี

ภาวินหันมามองเธอ นึกชื่นชมหญิงสาวคนนี้ในใจว่าเธอช่างมีจิตใจที่เข้มแข็ง ไม่กลัวความผิดหวัง และไม่ยอมละทิ้งความพยายาม ตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกับนลิน ภาวินก็โทรศัพท์ไปหาพราวนภาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหญิงสาว และคำบอกเล่าก็ตรงกับภาพที่เขาเห็นว่านลินเป็นคนที่มีพลังงานด้านบวกสูงเหลือเกิน


ในที่สุดภาวินก็ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านเช่าของนลิน ชายหนุ่มลงจากรถ แล้วอ้อมไปเปิดท้ายรถเพื่อช่วยหิ้วรองเท้า และหนังสือที่ซื้อให้หญิงสาว

“ขอบคุณนะคะ สำหรับหนังสือกับรองเท้า” นลินเอ่ยขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนจะยื่นมือไปรับถุงหนังสือกับถุงรองเท้าที่ชายหนุ่มยื่นให้

“ด้วยความยินดี และราตรีสวัสดิ์นะครับลิน”

บอกลาด้วยประโยคเดิมแล้วเขาก็กลับไปขึ้นรถและขับออกไป ไม่มีอะไรพิเศษมากกว่านั้น นอกจากหัวใจที่อิ่มเต็มของครูสาวซึ่งเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะกับคำคำนี้ของเขามากขึ้นทุกที

หญิงสาวอาบน้ำเสร็จก็เปิดหนังสือเตรียมสอบชิงทุนอ่าน เธอเลือกหยิบเล่มที่ภาวินซื้อให้ ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับแนวข้อสอบ เป็นหนังสือที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย มีข้อสอบและคำอธิบายเพิ่มเติม มีเนื้อหากระชับ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีเวลาน้อยอย่างเธอ ภาวินคงเป็นคนที่เลือกเก่ง ดูอย่างรองเท้าที่เขาช่วยเลือกให้หญิงสาว กว่าจะได้มาเขาต้องถามนลินอยู่หลายคำ และให้คำแนะนำที่แม้แต่คนสวมเองยังคาดไม่ถึง

‘วันๆ หนึ่งคุณยืนสอนหลายชั่วโมง ต้องเลือกรองเท้าที่เหมาะสำหรับคนที่ยืนและเดินนานๆ นะครับ’

สุดท้ายนลินก็ได้รองเท้าเพื่อสุขภาพมาหนึ่งคู่ แทนคัตชูคู่เดิมที่ชายหนุ่มบอกว่าถ้าสวมนานๆ จะเป็นเส้นเลือดขอดได้ การที่เขาเลือกเธอให้มาดูแลองศาเป็นพิเศษหลังเลิกเรียนคงจะอยู่นอกเหนือเงื่อนไขการเป็นคนช่างเลือกของเขา เพราะคุณสมบัติเดียวที่ครูสาวมีคือทำให้องศามีความสุข ไม่อย่างนั้นงานง่ายรายได้ดีแบบนี้คงไม่ตกมาถึงมือเธอ แม้บางวันจะต้องดูแลองศาจนมืดค่ำก็เถอะ แต่โดยปกตินลินก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหนอยู่แล้ว ก็คิดเสียว่ามีเด็กน้อยมาอยู่เป็นเพื่อนแก้เหงา แถมยังได้เงินเท่ากับที่ยืนขาแข็งสอนเด็กอนุบาลที่ทั้งดื้อทั้งซนทั้งวัน

คิดแล้วก็มองไปที่กล่องรองเท้าเพื่อสุขภาพที่วางอยู่พร้อมกับเผลอยิ้มเมื่อนึกถึงหน้าคนที่ซื้อให้ด้วยหัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น