5

5

5

หญิงสาวสวมแพนตี้เรียบร้อยแล้ว แต่พอจะสวมกางเกงพลิศร์กลับดึงมันไว้

“ปล่อย”  พิมพ์พลอยบอกให้ปล่อย แต่เขากลับเขวี้ยงมันไปไว้หลังรถ เธอจึงถามเสียงแข็งด้วยความไม่พอใจ“จะทำอะไร”

“ใจดำเกินไปแล้วพลอย” สบตาเธอแล้วก็หันมามองไอ้น้องชายที่ยังชูชัน

“อ๊ะ” เสียงอันน่าอับอายหลุดออกมาจากริมฝีปากได้รูปอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อถูกเขากระตุ้นอีกครั้ง

เพราะรู้ว่าเธอยังต่อได้อีกหลายรอบ เขาจึงยื่นมือเข้าไปด้านในหว่างขาเรียว ลูบไร้บุหงาที่กำลังแย้มบานอยู่ใต้แพรเนื้อนุ่ม 

“หยุดนะเพิ่ม” 

แม้ปากจะบอกให้เขาหยุด แต่ร่างกายกลับไม่ต่อต้านใดๆ เลย เธอควรจะดึงมือนั้นออก ทว่ากลับอ้าขาให้เขาซะอย่างนั้น คงเป็นเพราะยานรกนั่น

คนตัวโตย่ามใจ สอดนิ้วแกร่งเข้าไปใต้แพรผืนบาง 

“เพิ่ม อื๊อ!” หญิงสาวเม้มริมฝีปากเข้าหากันเพื่อสะกดเสียงอันพึงใจ 

“ไปต่อที่ห้องเพิ่มนะ” กระซิบถามชิดกกหูขาวเนียน 

ตอนนี้คนเริ่มทยอยมาที่ลานจอดรถแล้ว ให้ทำกันอีกรอบคงไม่สะดวก แม้รถเขาจะติดฟิล์มมืดก็เถอะ แต่พิมพ์พลอยเป็นถึงว่าที่ดอกเตอร์ อีกไม่กี่เดือนก็ต้องกลับมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เขาจะทำให้ภาพลักษณ์เธอมัวหมองไม่ได้

ทางด้านหญิงสาวก็ได้แต่พยักหน้า วินาทีนี้ขอทิ้งทิฐิไว้ข้างหลังตัณหาและราคะก่อน พลิศร์จัดการร่างกายของตัวเอง ยัดมันไว้ในกางเกงยีนตัวหนาก่อนจะรูดซิปขึ้น จากนั้นก็เอี้ยวตัวไปด้านหลังรถ หยิบเสื้อสูทที่ติดรถไว้มาคลุมให้พิมพ์พลอยก่อนจะออกรถ 

“อื๊อ~” 

เขาใช้มือข้างเดียวจับพวงมาลัยรถ อีกข้างก็วนเวียนอยู่ใต้เสื้อสูท พิมพ์พลอยสิ้นฤทธิ์และอยู่ในการควบคุมของเขาโดยดุษณี ดูไม่ต่างจากหญิงสาวคนที่เขารู้จักเมื่อเกือบสี่ปีก่อน นิ้วแกร่งซอกซอนไปตามซอกหลืบอ่อนนุ่มของกลีบผกา ยิ่งพอรถติดไฟแดงเขายิ่งเล่นงานเธอหนัก

“พะ...เพิ่ม พอแล้ว” ปากบอกให้พอ ทว่าแววตาดันสื่อไปในทางตรงกันข้าม

“หืม? ให้หยุดเหรอ”

“อื้อ...เพิ่ม” พอเขาทำท่าจะชักมือออก หญิงสาวก็ผวาคว้าท่อนแขนแกร่งไว้ 

“รอให้ถึงคอนโดก่อนนะพลอย เราทำกันกลางสี่แยกนี้ไม่ได้” 

ทำไม่ได้ แต่ก็ขยันปลุกเร้าเสียเหลือเกิน     พอเธอไม่ให้ดึงมือกลับ นิ้วยาวก็ซนไม่หยุด ทำเอาคนที่นั่งเบาะข้างคนขับกระสับกระส่ายครางไม่ได้ศัพท์

ซูเปอร์คาร์สีดำเงาเคลื่อนมาจอดยังลานจอดรถของคอนโดมิเนียมย่านคนรวย พลิศร์ลงจากรถและอ้อมไปเปิดประตูอีกด้านหนึ่ง หยิบยีนส์รัดรูปมาสวมให้หญิงสาวก่อนจะประคองขึ้นห้อง

 

ศึกสวาทดำเนินไปจนเกือบค่อนรุ่ง หากคนตัวเล็กไม่ผล็อยหลับคาอกหนาไปก่อนคงล่วงเลยถึงฟ้าสาง 

คนไม่โดนฤทธิ์ยาดูจะกระหายมากกว่าเสียอีก ก็จากกันตั้งสี่ปี แถมกลับมาคราวนี้พิมพ์พลอยก็แซ่บขึ้น ที่แซ่บนี่ไม่ได้หมายถึงการแต่งตัวของเธอ แต่หมายถึงลีลาบนเตียง

 เธอกล้าและไม่เอียงอายเหมือนแต่ก่อน ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาด้วยไหม

ผ่านไปเกือบสี่ชั่วโมง...

ร่างบางลืมตาขึ้นด้วยอาการปวดเมื่อยเนื้อตัว ไม่เมื่อยน่ะสิแปลก ก็เล่นทำไปหลายยกขนาดนั้น

ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดลาดไหล่กับแรงกดทับเบาๆ ที่ช่วงเอวคอดทำให้พิมพ์พลอยรู้ได้ทันทีว่ากำลังถูกใครบางคนสวมกอดจากด้านหลัง

เมื่อหวนนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็เจ็บใจอย่างไรชอบกล เธอปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ข้องแวะกับพลิศร์อีก แต่เมื่อคืนมันยิ่งกว่าข้องแวะเสียอีก เธอเป็นฝ่ายอนุญาต ไม่สิ...เรียกว่าอ้อนวอนให้เขาเข้าหาเลยต่างหาก 

แม้จะยังอยู่ในห้วงนิทรา แต่มือใหญ่กลับอยู่ไม่สุข เขาปัดป่ายไปทั่วหน้าท้องแบนราบก่อนมาหยุดที่หน้าอกนุ่มหยุ่นที่แสนคุ้นเคย หญิงสาวรู้ว่าเขายังไม่ตื่น เมื่อก่อนพลิศร์ก็เป็นแบบนี้ มือว่างเป็นไม่ได้จะต้องจับต้องคลำ โดยเฉพาะหน้าอกเธอ เขาดูจะชอบเป็นพิเศษ

พลั่ก! 

“โอ๊ย!” คนตัวโตลงไปกองอยู่ข้างเตียงด้วยแรงถีบของคนตัวเล็ก

ก็เธอหมั่นไส้ อยากมาจับมาลูบดีนัก ตอนนี้ยาหมดฤทธิ์แล้ว พอเขาสัมผัสแทนที่จะเกิดอารมณ์วาบหวามมันก็กลายเป็นอย่างอื่นแทน 

“ทำอะไรเนี่ยพลอย” พ้อพลางคลำสะโพกป้อยๆ มันไม่ถึงกับสาหัส แต่เล่นเอาจุกเหมือนกัน แถมยังโดนแบบไม่ทันตั้งตัวอีก

“โทษที ฉันละเมอ” ถึงปากจะเอ่ยขอโทษ แต่สายตาไม่ได้บ่งบอกเลยว่าสำนึกผิด ก็แหงสิ...เธอตั้งใจถีบเขานี่ 

แล้วคนตัวเล็กก็ดึงผ้าห่มมาพันกาย เดินเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายเต็มพื้นห้อง ก่อนจะหายเข้าห้องน้ำไป ไม่แม้แต่เหลียวมองคนตัวโตที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนพื้น ทว่าหางตาก็จับได้ว่าเขาคอยมองทุกการเคลื่อนไหวของเธอ

 

หลังจากคืนนั้นพลิศร์ก็ตามเทียวไล้เทียวขื่อหญิงสาวไม่เลิก ส่วนใหญ่จะเป็นทางโทรศัพท์เสียมากกว่า เพราะชายหนุ่มเองก็ติดพันเรื่องงานของตัวเอง จะมาหาก็ไม่ได้

Palis: เย็นนี้ว่างไหม

พิมพ์พลอยอ่านข้อความแต่ไม่ตอบ เธอบล็อกเขาไปรอบหนึ่งแล้วด้วย ทว่าชายหนุ่มก็ยังพยายามที่จะใช้บัญชีอื่นติดต่อมา มันจึงเปล่าประโยชน์ที่จะตัดการติดต่อเขาอีกครั้ง 

Palis: ทำไมไม่ตอบ

Palis: อยากเจอ

Palis: ไปทานข้าวกัน

คราวนี้นอกจากไม่ตอบแล้วหญิงสาวยังไม่อ่านอีก เธอกำลังนั่งอ่านข้อมูลที่เพิ่งเก็บรวบรวมได้บางส่วนในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย มันเป็นสถานที่ที่เธอชอบมาขลุกตัวอยู่หากทำงานที่ต้องใช้สมาธิ 

ครืด~~~ 

สมาร์ตโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นครืด พิมพ์พลอยจึงจำต้องหยิบมันขึ้นมา แม้จะปิดเสียงและเปิดแค่ระบบสั่น แต่มันก็ส่งเสียงรบกวนคนอื่นได้

ตื๊อชะมัด น่ารำคาญ!

เธอกดตัดสายทันทีที่หน้าจอแสดงชื่อผู้โทร. เข้า ‘Palis’

ครืด~~~

หญิงสาวกำลังจะกดตัดสายอีกครั้ง ทว่าดันเป็นสายจากใครอีกคน...อติคุณนั่นเอง

“ว่าไงติ” พิมพ์พลอยเดินออกมายังโซนที่สามารถใช้เสียงได้ แล้วจึงกดรับ “...โอเค เดี๋ยวพลอยเดินไปหาที่ใต้คณะ”

วางสายแล้วก็กลับมาเก็บข้าวของบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินออกจากหอสมุดเพื่อไปยังจุดนัดหมาย

“ติ” พอมาถึงใต้ตึกคณะรัฐศาสตร์ก็เจออาจารย์อติคุณที่กำลังนั่งดื่มกาแฟ พิมพ์พลอยเลยเข้าไปนั่งที่โต๊ะยาวฝั่งตรงข้ามเขา 

เธอกับอติคุณรู้จักกันในฐานะอาจารย์ร่วมมหาวิทยาลัย เขาสอนที่คณะรัฐศาสตร์ ส่วนเธอสอนที่เศรษฐศาสตร์ 

ตึกคณะอยู่ใกล้กัน เคยเดินสวนกันบ่อยๆ แต่ไม่ได้ทักทาย กระทั่งได้เจอกันในงานสัมมนาของมหาวิทยาลัยครั้งหนึ่ง บังเอิญนั่งใกล้กันเลยมีโอกาสพูดคุย กลายเป็นว่าคุยถูกคอ เลยเป็นเพื่อนกันนับแต่นั้นมา          

พิมพ์พลอยเจออติคุณครั้งล่าสุดเมื่อเกือบหนึ่งปีที่แล้ว เขายังเหมือนเดิม ดูเป็นหนุ่มเนิร์ดที่คลั่งไคล้ในวิชาการ แถมยังตอกย้ำความเนิร์ดด้วยแว่นสายตาทรงสี่เหลี่ยมอีก การแต่งตัวเขาไม่ได้ดูเชย แต่มันธรรมดา พิมพ์พลอยมักเห็นเขาในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวพับแขนกับกางเกงสแล็กพอดีตัว ทว่าชายหนุ่มมีรูปร่างที่ดีเป็นทุน แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา แต่เขาก็ดูโดดเด่นด้วยรูปร่างและความสูงที่ไม่ต่างจากนายแบบ  

“ได้ข่าวว่าเพิ่งกลับจากสิงคโปร์ เป็นไงสนุกไหม”

“สนุกอะไรล่ะ ไม่ได้ไปเที่ยว”

อาจารย์อติคุณเพิ่งกลับมาจากการพานักศึกษาในคลาสที่เขาเปิดสอนวิชาเฉพาะไปเยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนความรู้กับนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยในสิงคโปร์ เป็นครั้งแรกที่เขาพานักศึกษาไปเรียนรู้นอกสถานที่ไกลถึงต่างประเทศ เหนื่อยเอาการแต่ก็ท้าทายดี

“พลอยน่าจะเอาพาลินกลับมาด้วย” 

อติคุณรู้เรื่องที่พิมพ์พลอยเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง

เขารู้ตอนที่ไปงานสัมมนาที่สถานทูตไทยในวอชิงตันดีซีเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว หลังจากจบงานนั้นเขาพอมีเวลาเหลือหนึ่งสัปดาห์เลยเดินทางไปเที่ยวแอลเอ และถือโอกาสไปเยี่ยมพิมพ์พลอยจึงได้พบกับเรื่องเซอร์ไพรส์สองต่อ

ต่อแรก...พิมพ์พลอยที่เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม ไม่ใช่หน้าตาหรือรูปร่าง แต่เป็นบุคลิกและทัศนคติ

ต่อที่สอง...เธอมีลูกแล้ว อย่างหลังนี่ทำเขาช็อกเลยละ    

“ถ้ามาก็ต้องหยุดเรียน พลอยไม่อยากให้ลูกขาดเรียน” อีกอย่าง เธอต้องการโฟกัสที่วิทยานิพนธ์ อยากรีบทำให้เสร็จเร็วๆ จะได้หมดเวรหมดกรรมเสียที

เรียนปริญญาเอกใครว่าง่าย เธอต้องใช้พลังงานเยอะกว่าการเลี้ยงลูกเสียอีก แต่เพราะใจสู้ และไม่เคยมีสักวินาทีที่คิดจะยอมแพ้ เลยฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างมาได้

“ติคิดถึงพาลิน” ตอนไปเจอพิมพ์พลอยคราวนั้น อติคุณคิดว่าจะอยู่แอลเอแค่สองสามวันและเดินทางไปลาสเวกัสต่อ แต่เพราะติดพาลินน้อย แพลนลาสเวกัสเลยล่มไป

“พาลินก็คิดถึงน้าติ” วิดีโอคอลกันทีไร ก็ถามถึงอติคุณทุกที เจอกันแค่ครั้งเดียวไม่รู้ติดใจอะไรนักหนา หรือติดใจความหล่อ แต่ยายหนูของเธอยังไม่สามขวบดี คงแยกไม่ออกหรอกว่าใครหล่อไม่หล่อ

แล้วที่ลูกสาวเธอเรียกเขาว่า ‘น้าติ’ นั้น เป็นเพราะอติคุณอ่อนกว่าเธอหนึ่งปี แต่เธอก็ไม่ให้เขาเรียกพี่หรอก 

“พลอยกลับมาแบบนี้ ใครช่วยดูแลพาลินเหรอ” เขารู้ว่าลูกสาวของพิมพ์พลอยมีแนนนี่ แต่หญิงสาวไม่กล้าปล่อยให้ลูกอยู่กับพี่เลี้ยงตามลำพังตลอดหนึ่งเดือนแน่

“เจ้พัชร์ไปช่วยดูแลให้”

“อ้อ ถึงกับลงทุนบินจากไทยไปเลยเหรอ” อติคุณคุณรู้จัก ‘เจ้พัชร์’ แต่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว เมื่อครั้งไปส่งพิมพ์พลอยที่สนามบินเพื่อไปเรียนต่อปริญญาโท เขามีโอกาสได้พบกับเพียงพัชร์ครั้งแรก เลยได้รู้ว่าพิมพ์พลอยมีพี่สาวชื่อเพียงพัชร์ “พี่สาวพลอยน่ารักเนอะ”

“อืม ถึงตอนเด็กๆ จะทะเลาะกันบ่อย แต่ถ้าไม่ได้เจ้พัชร์ พลอยคงเลี้ยงพาลินไม่โต” 

พี่สาวคือกำลังสำคัญของเธอ เพียงพัชร์ต้องบินไปบินกลับเมืองไทยกับอเมริกาปีละหลายรอบเพื่อไปช่วยเธอดูแลลูก ยังไม่พอ...พี่สาวยังช่วยเธอปิดบังเรื่องท้องกับป๊าและม้าอีก ตอนนั้นพิมพ์พลอยยังทำใจที่จะเล่าเรื่องให้พ่อแม่ฟังไม่ได้       

“เอาไหมล่ะ ยกให้” เธอหยอกเขาเล่น ใครจะให้ง่ายๆ เดี๋ยวไม่มีคนช่วยเลี้ยงลูกให้

“ให้จริงไหม” พูดพลางหรี่ตามอง

“ไม่จริง” ก็เห็นใจลูกคนเดียวอย่างอติคุณหรอกนะ แต่ของแบบนี้จะยกให้ง่ายๆ ได้อย่างไร อีกอย่างถ้าเพียงพัชร์รู้เข้าคงเฉ่งกบาลเธอแน่

“เอ้อ พลอย” อติคุณนึกบางอย่างขึ้นได้ “ตอนบ่ายนี้มีเสวนาหัวข้อเกี่ยวกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สนใจไปฟังด้วยกันไหม”

“น่าสนนะ” 

หลังจากนี้เธอมีเวลาว่างทั้งวัน เธอสะสางธีสิสที่ต้องทำให้เสร็จภายในวันนี้จบแล้ว หัวข้อเสวนาน่าสนใจ แม้รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย แต่พิมพ์พลอยก็ดันทุรังจะไป

“งานเริ่มกี่โมง จัดที่ไหน” 

อติคุณบอกเวลาและสถานที่ ทั้งสองจึงนัดแนะว่าจะไปด้วยกัน โดยพิมพ์พลอยจะหาอะไรทำฆ่าเวลาในหอสมุด ส่วนอาจารย์อติคุณมีสอน หลังเสร็จกิจก็จะเดินทางไปยังสถานที่จัดงานพร้อมกัน งานสัมมนานี้ไม่ได้จัดในมหาวิทยาลัย แต่จัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น