ผมให้เวลาได้ถึงแค่สว่าง

“คะ...คุณกำลังพูดเรื่องอะไร”

นานมากๆ กว่าจามิกรจะหาเสียงตัวเองพบอีกครั้งแล้วเปล่งคำพูดออกมา แต่มันกลับเป็นประโยคนี้ เพราะเธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร

“คุณไม่เข้าใจจริงๆ หรือเพราะคุณไม่อยากกลับไปกับผม” 

เขาพูดไปชัดเจนขนาดนั้น พูดคำที่ทั้งฟังง่ายและตรงตามเป้าหมาย ไม่มีสักคำที่ฟังออกได้ยากหรือมีความหมายซับซ้อนที่จำเป็นต้องแปลไทยเป็นไทยอีกครั้ง แต่เธอกลับถามเขาว่า...‘คุณพูดเรื่องอะไร’ จะให้เขาเชื่อจริงๆ หรือ ว่าเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อสารออกไปจริงๆ

“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” ต่อให้เขาพูดอีกร้อยครั้ง เธอก็ยังจะตอบประโยคนี้ 

เธอกับเขาแต่งงานกันเพราะความจำเป็น เพราะความผิดพลาดมันบังคับ เพราะสถานการณ์ตรงหน้าไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว ไม่ใช่เพราะความรักเช่นคู่แต่งงานคู่อื่นๆ ไม่ใช่เพราะความเสน่หาที่ต่างคนต่างขาดกันไม่ได้ ชานนท์ไม่เคยรักเธอ นั่นเป็นสิ่งที่จีรังและไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าตลอดเวลาเกือบหนึ่งปีที่อยู่ด้วยกัน พวกเขาจะพยายามเป็นสามีภรรยาที่ดีต่อกัน เป็นคนที่เข้าอกเข้าใจและเป็นที่ปรึกษารับฟังกันและกันอยู่เสมอ จนบางครั้งเธอยังแอบคิดว่าเขาอาจจะเปลี่ยนใจไปแล้ว แอบฝันลมๆ แล้งๆ ว่าเขาได้ยอมรับครอบครัวที่มีเธอเป็นภรรยาแล้วจริงๆ ทว่าสุดท้ายมันก็ไม่ใช่ 

หัวใจคนแม้เป็นเลือดเนื้อ แม้จะเปลี่ยนแปลงพลิกผันได้ตลอดเวลา แต่ไม่ใช่กับเขา วันงานแต่งงานของแก้วกินรีผู้หญิงที่เขารัก เธอได้ยินกับหูของตัวเองว่าเขาจะรักอีกฝ่ายไปตลอดชีวิต ไม่ว่าแก้วกินรีจะเปลี่ยนไปยังไง จะคงอยู่ในสถานะไหน อีกฝ่ายก็ยังเป็นดวงดาวที่โดดเด่นที่สุดในชีวิตของเขา

คำพูดที่หนักแน่น คำพูดที่กลั่นออกมาด้วยสติสัมปชัญญะครบทุกประการ จะยังเหลือที่ว่างให้เธอหยัดยืนต่อไปอีกได้อย่างไร เธอก็คือคน เธอก็มีหัวใจ และสิ่งสำคัญที่สุดคือเขา ชีวิตนี้ของเธอเป็นเขาที่ช่วยกลับมา แม้จะต้องตายไปเพราะเขาก็ยังไม่รู้สึกเสียดาย แล้วนับประสาอะไรกับการเดินออกมาเพื่อให้เขาค้นพบความสุขของตัวเอง

แล้ววันนี้ ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะเดินออกมาจนถึงตรงนี้ จนสามารถยืนอยู่โดยไม่ต้องหลั่งน้ำตาเป็นโลหิต เขากลับมาบอกว่า...

‘กลับบ้านของเรา’ ‘กลับบ้านของเรานะจ๋า’ พูดเป็นร้อยครั้ง เธอก็ไม่มีวันเข้าใจ

“งั้นก็พูดมาสิว่าตรงไหนที่ไม่เข้าใจ” ในเมื่อชัดเจนขนาดนี้แล้ว เขาเองก็ไม่รู้ว่ายังมีจุดไหนที่มันบอดไปจนเธอทำความเข้าใจไม่ได้ “แต่ถ้าคุณไม่พูด ผมจะแบกคุณกลับไปด้วยกันเดี๋ยวนี้ ไม่สนอะไรทั้งนั้น” 

อาการนิ่ง...จามิกรไม่รู้เลยหรือไรว่ามันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นสักนิด ซ้ำยังจะฆ่าคนให้ตาย ดิ้นทุรนทุรายจะเป็นบ้า ความนิ่งไม่อาจสยบความเคลื่อนไหวได้กับทุกสิ่ง หนึ่งในนั้นคือเขา!

“จามิกร!” 

“ฉันไม่เข้าใจสักอย่างที่คุณพูดนั่นแหละ ไม่เข้าใจ ไม่มีวันเข้าใจ ไม่ว่าคุณจะพูดยังไงก็ไม่เข้าใจ ถ้าคุณมาเพราะเรื่องนี้ ก็กลับไปเถอะ ฉันไม่มีเรื่องจะพูดกับคุณ” เธอไม่ได้กวน แต่เธอไม่สามารถเข้าใจเขาได้จริงๆ 

“ปล่อยฉันชานนท์ คุณจะฆ่าฉันรึไง” ยิ่งพูดเขายิ่งรัดเธอแน่น จามิกรเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก

“ผมฆ่าคุณแน่ แต่ไม่ใช่ที่นี่” สถานที่เดียวที่เขาจะฆ่าเธอคือบนเตียง เกือบสี่ปีที่จากกัน ความคลั่งที่เขาสะสมมาเนิ่นนาน เธอเท่านั้นที่จะเป็นคนรับผิดชอบ

“งั้นฉันยิ่งไม่ไปกับคุณ” ถ้ารู้ก่อนว่าไปต้องตาย ถ้ายังไปก็โง่เต็มทนสิ “ชานนท์!”

“คุณเคยเรียกผมว่าพี่ชายคนดี” 

“นั่นมันตอนที่ฉันยังไม่รู้ว่าคุณมันพี่ชายแสนเลวร้าย”

“งั้นทำไมคุณยังรักหัวปักหัวปำ”

“ใครบอกว่าฉันรักคุณ” เท่าที่จำได้เธอยังไม่เคยเผยความในใจเป็นคำพูดสักครั้ง 

“ยังต้องมีคนบอกอีกเหรอ ผมไม่ใช่เด็กสองขวบแล้วนะถึงจะมองไม่ออกว่าในดวงตาของคุณคิดอะไรอยู่” 

มีก็แต่เธอนี่ละที่มองไม่เห็นแม้กระทั่งความรักเจียนคลั่งที่เขามีให้ รักจนถ้าให้กลืนลงท้องได้ เขาจะไม่ชักช้า กรอกเธอลงไปทั้งเป็น

“งั้นคุณก็คงเข้าใจผิด เพราะสิ่งที่ฉันรู้สึกมันก็แค่ความสำนึกในบุญคุณ”

“พูดอีกครั้งสิ” 

“นี่...!” มือเขาเป็นคีมเหล็กหรือไร คางเธอจะแหลกละเอียดอยู่แล้ว

“พูดอีกครั้งสิว่าคุณแค่สำนึกในบุญคุณ” 

บนโลกนี้อาจมีคนมากมายกระทำการเพื่อทดแทนบุญคุณ แต่ไม่ใช่จามิกร ทุกสิ่งที่เธอถ่ายทอดออกมามันคือความรัก 

“คุณนี่มันไร้ยางอาย!” คนเขาบอกปาวๆ ว่าไร้รักก็ยังจะคะยั้นคะยอให้เป็นเช่นที่ตนต้องการให้จงได้ “ฉันจะไม่เถียงกับคุณให้เสียเวลา แผลคุณไม่เป็นอะไรแล้ว เชิญกลับไปได้”

“เป็นหมอหรือไรถึงได้วินิจฉัยว่าไม่เป็นอะไร”

“งั้นก็เชิญไปพบหมอที่อื่นค่ะ ที่นี่มีแต่พยาบาล”

“ที่เป็นเมียผมด้วย” 

“...” 

เถียงกับคนอย่างชานนท์นี่ไม่มีวันจบจริงๆ ซ้ำยัง...“ถ้าคุณกล้าจูบฉันอีกที อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

“คนอย่างผม...เคยฟังคำเตือนคุณด้วยรึไง” คนอย่างเขานอกจากไม่เคยฟังคำเตือน ยิ่งท้าทายยิ่งกระโจนเข้าใส่ ยิ่งไม่ให้ก็จะทำให้เน้นๆ จะฟอนเฟ้นให้หนักๆ แล้วไม่อายใครด้วย 

ชานนท์ไม่มีความล้อเล่นในสีหน้าและแววตา กระทั่งน้ำเสียงก็ยังชัดเจนถึงการกระทำที่จะทำเช่นนั้น

“คุณนั่นแหละ คิดดีๆ ว่ายังจะกล้าเตือนผมอยู่หรือเปล่า”

“คุณนี่มัน...” สายตาเช่นนั้น ถึงไม่ได้กระทำก็เหมือนลงมือไปแล้ว

“ให้คิดอีกครั้ง จะกลับไปด้วยกันดีๆ หรือจะให้แบกไปเสียเดี๋ยวนี้ คนคงคนไข้ก็ทิ้งมันไว้อย่างนี้ ไม่ต้องมีใครดูดำดูดี” 

ถือว่าเขาใจดีที่สุดแล้ว ไม่เช่นนั้นในสถานการณ์ที่เขาและน้องหนูต้องการเธอมากขนาดนี้ เอาช้างมาฉุดก็อย่าได้คิดว่าเขาจะให้เธอเป็นคนเลือก

“จะต้องเอาฉันไปให้ได้เลยรึไง ผู้หญิงบนโลกใบนี้ไม่มีให้เลือกแล้วงั้นหรือ” 

“ใช่ ต้องเอาคุณไปให้ได้เท่านั้น ไม่งั้นไม่กลับ” บนโลกใบนี้ยังมีใครเป็นภรรยาเขา เป็นแม่ของลูกอีกนอกจากเธอ ถึงจะได้มีคนอื่นมาทำหน้าที่แทนได้

“ถึงคุณจะไม่คิดถึงเขา แต่น้องหนูคิดถึงคุณมาก คิดถึงคุณมากๆ” เสียงร่ำไห้แทบขาดใจของลูกยังกำจายอยู่ในทุกเส้นความรู้สึกของเขา มีแต่มารดาใจดำอย่างเธอเท่านั้นที่ไม่รู้สึกรู้สม!

“น้องหนู...” จุดอ่อนอันยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ 

จามิกรรู้สึกหมดแรงดื้อๆ ดวงตาร้อนผะผ่าว เมื่อได้ยินจากปากของชานนท์เองว่าเด็กคนนั้นคิดถึงเธอ ตอนเลือกจากมาไม่ได้คิดเผื่อไว้เลยสักนิด ว่าลูกสาวตัวน้อยจะคร่ำครวญถึง จะรู้สึกผูกพัน จะทำเหมือนเธอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต แต่นี่...

จามิกรขบริมฝีปากแรงๆ กะว่าจะกลั้นเอาไว้ แต่สุดท้ายเธอก็ทำไม่ได้ 

“แล้วทำไมคุณถึงไม่หาแม่คนใหม่ให้เขา ทำไมต้องเลี้ยงดูเขาให้รู้จักฉัน ทำไมต้องให้เขาจดจำคนอย่างฉัน ในเมื่อคุณมีโอกาสที่จะเลือกใหม่ ทำใหม่ สร้างครอบครัวที่อบอุ่น สร้างสายสัมพันธ์อันจะเกิดขึ้นจากความรัก ทำไมจะต้องให้เขาผูกพันกับแม่อย่างฉันด้วย”

จามิกรตัวสั่นคล้ายจะควบคุมสติไม่ได้ ทั้งหมดทั้งปวงคือเธอไม่เข้าใจการกระทำของผู้ชายคนนี้ ผิดกับชานนท์ที่สายตาไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมแม้แต่น้อย 

“เพราะคุณเป็นแม่ของเขาไง แม่ที่ไม่มีใครสามารถมาทำหน้าที่แทนได้”

“คุณมันโหดร้าย!”

“เราต่างหาก ไม่ใช่แค่ผม” 

ตั้งแต่นาทีแรกที่เขาเลือกแต่งงานกับเธอ เขาก็เลือกแล้วว่าชีวิตนี้จะมีผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยา เป็นมารดาของลูก ต่อให้เธอจากมาแล้วอย่างไร มันจะเปลี่ยนความเป็นมารดา ความเป็นภรรยาออกไปเสมือนไม่เคยเกิดสายสัมพันธ์ขึ้นอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง!

“เลือกมาว่าคุณจะไปกับผมดีๆ หรือจะให้ผมแบกคุณไปเดี๋ยวนี้” 

การมาของเขาครั้งนี้ไม่ได้มีเวลาให้เธอถ่วงใดๆ ทั้งสิ้นอยู่แล้ว เกือบสี่ปีที่ผ่านมาเขาได้ให้เวลาเธอหนีมามากจนเกินพอ ตอนนี้ ขณะนี้ เขาจะคิดถึงแค่ท่านประธาน และคำตอบว่าไปหรือไม่เท่านั้น

“...” 

จามิกรไม่รู้จะพูดอะไร เธอไม่อยากรับปาก แต่ความกดดันมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าก็ยากจะผ่านเลยไป จะรับปากก็ขัดแย้งกับความรู้สึกอีกเสี้ยวหนึ่งจนวุ่นวาย อีกทั้ง...เขาเป็นแบบนี้ เธอไม่แน่ใจว่าหลังรับปากจะเป็นเช่นไร

“คืนนี้ฉันมีคนไข้ให้ต้องดูแล ฉันยังไปไหนไม่ได้” ไม่ใช่ไม่ห่วงเด็กน้อยคนนั้น แต่เธอไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรตอนนี้จริงๆ

“ได้ ผมจะให้เวลาคุณ” ถึงยังไงเธอก็หนีกำมือเขาไปไม่พ้นอยู่แล้ว ชานนท์ปล่อยแรงบีบตรงปลายคางแล้วหย่อนสะโพกกลับลงไปบนโต๊ะวางอุปกรณ์ 

“ผมให้เวลาคุณได้ถึงสว่าง แค่สว่างเท่านั้น”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น