พบคนพาลไม่มีหู

“คุณมันประสาท ไร้มารยาท” 

“มารยาทคืออะไร รู้จักแต่มารยา” 

เมื่อก่อนเห็นใสๆ เอาแต่หมาหยอกไก่ใส่เขาทุกวัน พอเขาติดกับเข้าหน่อยก็ถอยห่าง ให้หนุ่มๆ ตามเป็นพรวน

“ใครมารยา ฉันอยู่ของฉันเฉยๆ หมอพงษ์ก็ไม่ได้คิดอะไรอกุศลอย่างคุณว่าด้วย” เธอเพิ่งรู้ว่าที่เขาไม่พอใจเพราะอะไร ไม่เข้าท่า คนบ้าคนบอโดยแท้ “ปล่อยฉันได้แล้ว น้องหนูไปไหนแล้วก็ไม่รู้” 

“นี่ไง เอาแต่สนใจผู้ชายอื่น จนลูกหายยังไม่รู้ตัว” ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่ได้โปรยเสน่ห์ให้หนุ่มๆ

“คนพาล ฉันไปสนใจผู้ชายอื่นที่ไหน คุณนั่นแหละ ประสาทจนแขกเหรื่อตกใจ ป่านนี้หมอพงษ์คงหัวเราะที่ฉันเอาคนบ้ามาทำสามีแย่แล้ว”

“ก็ให้หัวเราะไปสิ มันก็เหมาะกับเด็กไม่รู้ความแบบคุณไม่ใช่เหรอ คนบ้ากับเด็กบ้าเข้ากันดีจะตาย และอย่าได้คิดจะไปเข้าพวกกับหมอนั่นเด็ดขาด จำไว้จามิกร คุณแต่งงานแล้ว ถึงเราจะแยกกันอยู่หลายปีก็ไม่ได้หมายความว่าคุณโสด ทุกตารางนิ้วบนตัวคุณยังเป็นของผม แม้แต่จิตวิญญาณในนี้ก็มีชื่อผมเป็นเจ้าของ ถ้าผมไม่อนุญาต ห้ามเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนทั้งสิ้น”

“คุณมันไร้เหตุผล”

“ของมันแน่นอน คนเคยถูกเมียทิ้ง จะให้มีเหตุผลทุกนาทีคงเป็นไปไม่ได้” ถูกงูกัดยังกลัวงูไปทั้งชาติ ถูกเมียทิ้งย่อมเข็ดขลาดไปตลอดชีวิต หากจับมัดล่ามโซ่ได้ไม่ผิดกฎหมาย จามิกรก็คงได้รับอภิสิทธิ์นั้นในทันที 

“สงบเสงี่ยมและเชื่อฟังดีๆ ถ้าไม่ดื้อ ผมจะดีกับคุณ ให้สัญญาว่าจะเป็นสามีที่ไม่ทำให้ผิดหวัง ต่อให้เห็นสิบ ถ้าคุณบอกว่าหนึ่งผมก็จะฟังไม่คัดค้านสักคำ”

นั่นคือคำมั่นว่าเขาเองก็เชื่อฟังเธอ...ใช่ไหม?

“หลายปีมานี้ ผม...คิดถึงคุณ” คำสารภาพตรงๆ ชานนท์มาถึงจุดที่เกิดความหวาดกลัวการสูญเสียผู้หญิงคนนี้ขั้นสุดแล้ว เขาไม่อาจให้เธอจากไปไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง จะจากเป็นหรือจากด้วยความตายก็ไม่เอาทั้งสิ้น

พาลอยู่ดีๆ ทะเลาะกันอยู่หลัดๆ เขาก็พาเข้าสู่โหมดจริงจังเสียอย่างนั้น จามิกรเบือนหน้าหนีจนด้วยคำพูด เธอเองก็คิดถึงเขา คิดถึงอย่างมาก เพียงแต่ว่าเธอกับชานนท์จะกลับไปเป็นสามีภรรยากันแบบไหน แบบที่คอยหวั่นว่าอีกฝ่ายจะมีใจให้ตัวเองหรือไม่ หรืออีกฝ่ายจะสร้างครอบครัวกับตนได้อีกนานแค่ไหนน่ะหรือ

เธอไม่พร้อมจะกลับไปเป็นแบบนั้นอีก มันเจ็บปวดเกินไป!

“คุณปล่อยฉันก่อนได้ไหม ฉันอึดอัด” 

“หลายปีมานี้ไม่คิดถึงกันบ้างเลยเหรอ ผมไม่เชื่อหรอกนะ ว่าในหัวใจดวงนี้จะตัดผมออกไปแล้วจริงๆ” จามิกรรักเขา เธอรักเขามาเนิ่นนาน ร้อยทั้งร้อยเขาก็ยังเชื่อว่าในหัวใจดวงนี้มีเขาอยู่ “จ๋า...”

“ไม่ต้องคุยกันในท่านี้ได้ไหม” เจรจาในท่านี้ทีไร เธอไม่เคยได้เปรียบเลยสักครั้ง ซ้ำหัวใจก็พร้อมจะโอนอ่อนทรยศเจ้าของอยู่ตลอดเวลา มันเสี่ยงเกินไป 

“คุณช่วยลุกขึ้นแล้วเราค่อยมาคุยกันดีๆ ได้ไหม ฉันรู้สึกเวียนหัว” คล้ายจะเป็นเพียงข้ออ้าง แต่เมื่อใช้งานสมองมากๆ เข้าก็ชักจะรู้สึกปวดตุบๆ

“งั้นก็รับปากก่อนว่าจะเชื่อฟัง ผมถึงจะลุก” เขาไม่ได้ลงน้ำหนัก ถ้าเธอไม่พยายามต่อต้านก็คงไม่เวียนหัว

“ฉันเคยโกหกคุณ รับปากไปก็ไม่ช่วยอะไรหรอกน่ะ” เธอเคยวางแผนการเลี้ยงลูกด้วยกัน ให้คำมั่นว่าจะช่วยกันดูแลเจ้าตัวเล็ก สุดท้ายเป็นอย่างไร 

“ถึงอย่างนั้นผมก็ยังต้องการ” มีสักอย่างมาเหนี่ยวรั้ง ถึงจะไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้คงทนจีรัง ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย “รับปากผม” ชานนท์ดื้อแพ่ง

จามิกรหันหน้ากลับมาสบตากับเขาตรงๆ เธอไม่รู้ว่าเขาไม่เข้าใจ หรือพยายามต่อต้านความจริงที่เขาและเธอต่างรู้แก่ใจกันดี

“ยังรับปากไม่ได้ ฉันคิดว่าตอนนี้เราไม่สามารถจะกลับไปเป็นสามีภรรยากันได้ คุณช่วยให้เวลาฉันหน่อยได้ไหม”

“ห้านาที สิบนาที หรือหนึ่งชั่วโมง”

“ซื้อลอตเตอรี่ยังต้องคิดไปหลายวัน นี่มันทั้งชีวิตของฉันนะคะคุณชานนท์” นี่เธอกำลังตัดสินใจว่าจะเอาข้าวราดแกง หรือก๋วยเตี๋ยวอยู่หรือไร

“ผมไม่ชอบรอ มากเกินกว่านี้ไม่ได้” เขาให้เวลาเธอมากเกินไปแล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือ เกือบสี่ปีมันเพียงพอให้คนคนหนึ่งเป็นบ้าได้เลยเชียวนะ

“งั้นทำไมถึงรอพี่กินรีได้เป็นปีๆ” ไม่ได้อยากจะยกตัวเองไปเปรียบเทียบกับแก้วกินรีเลยจริงๆ จิตใต้สำนึกมันเป็นไปเอง เธอห้ามไม่ได้ “ลุกออกไป ฉันหนัก”

หลบตากันอีกแล้ว!

ไล่กันอีกแล้ว!

ชานนท์บดกรามกรอด บางครั้งเขาก็อยากจับเธอเขย่าให้สมองกระจาย แล้วรีสตาร์ตเธอใหม่ให้ในความทรงจำมีแค่กันและกัน รีเซตช่วงเวลาก่อนหน้านั้นในความทรงจำนี้ให้หมดไปเสียที

“ทำไมต้องพูดถึงเขา แก้วกินรีเกี่ยวอะไรกับเรื่องของเรา” 

เขาไม่ปฏิเสธว่าเคยรักผู้หญิงที่ชื่อแก้วกินรีมากๆ แต่นั่นมันก็เป็นอดีตไปแล้ว อดีตที่แปลว่าไม่สามารถย้อนกลับไปได้ และเขาเองก็ไม่คิดจะย้อนกลับไป เพราะชีวิตที่เหลือมอบให้คนตรงหน้าไปหมดแล้ว

“ฉันไม่ควรพูดถึงเขา ฉันไม่ได้ตั้งใจ” 

“ไม่ใช่แบบนั้น!” เขาไม่ได้ห้ามไม่ให้เธอแตะต้อง เขาแค่ไม่ชอบให้เธอเอาเรื่องของคนในอดีตมารวมกับเรื่องตนเอง ชานนท์หายใจทิ้งแรงๆ 

“ถ้าคุณอยากเปรียบเทียบนัก ผมจะเปรียบให้ฟัง กับเจ้ารีผมให้เวลาเขาเป็นปีจริงๆ เพื่อให้เขารับรักผม เพื่อให้เขาหันมองผม แต่กับคุณผมให้เวลาคุณหนีเกือบสี่ปี ให้เวลาคุณย้อนกลับมา ให้เวลาอย่างอดทน ทั้งๆ ที่ผมคิดถึงคุณแทบบ้า ทั้งๆ ที่อยากจะประสาทให้มันรู้แล้วรู้รอดไปแทบทุกวัน วันละไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ คุณยังจะคิดว่าผมให้เวลาเขามากกว่าคุณอีกเหรอ ยังคิดว่าเขาได้เปรียบคุณอีกเหรอจามิกร”

“คุณมันใจร้ายที่สุด” ไม่คิดถึงกันเขาไม่ว่า แต่จะมาดูถูกความรู้สึกที่เขามีให้ เขารับมันไม่ได้ “ได้ ในเมื่อคุณอยากได้เวลา ผมก็จะให้ ถือเสียว่าชดเชยช่วงเวลาที่คุณไม่เคยได้ เราจะมาจีบกันใหม่ เดตกันใหม่ ทำเหมือนคนเพิ่งเจอกันครั้งแรก จนกว่าคุณจะพอใจแต่งงานกับผมใหม่ แต่ทุกนาทีที่ผ่านไป เราสามคนต้องอยู่ด้วยกัน นอนด้วยกัน กินด้วยกัน ยกเว้นแค่เพศสัมพันธ์ที่ผมจะยังไม่ให้มันเกิดขึ้น แต่อย่างอื่นไม่รวมอยู่ในนั้น กอด จูบ ลูบ คลำ ผมจะทำ ทำมากด้วยบอกไว้ก่อน”

“...” 

“ถ้ายังไม่ตกลงกับข้อเสนอนี้ก็ยกเลิก ย้อนกลับไปที่ไม่สนอะไรทั้งนั้น ทำมัน...”

“ตะ...ตกลง ตกลง ฉันรับข้อเสนอนี้” นี่ไม่ได้เรียกว่าให้ทางเลือกเลยสักนิด เผด็จการล้วนๆ แต่จะทำอย่างไรได้ ถ้าเธอไม่ยอมรับ คนบ้าคนนี้จะต้องตัดทุกอย่างทิ้งแล้วจบที่เธอต้องยอมรับโดยไร้ข้อโต้แย้ง ผู้ชายเผด็จการ ผู้ชายอัลฟาตัวร้าย “ทีนี้จะลุกได้หรือยัง” 

“รับปากก่อนว่าจะเชื่อฟัง”

“แค่บางเรื่อง แต่จะมีเหตุผลกำกับว่าทำไม”

“ถ้าเหตุผลไม่เข้าที มีสิทธิ์ไม่ยินยอม” ชานนท์ยังต่อรอง

“เกินไป ต้องอนุญาตให้สามารถใช้ตัวช่วยได้ เช่น พ่อคุณ พ่อแม่ของฉัน” บางเรื่องถ้าเขาไร้เหตุผลมากเกินไป จะได้พึ่งผู้ใหญ่ให้ช่วยตัดสินใจ เขายิ่งเป็นคนแบบนั้นอยู่

“แต่คำตอบสุดท้ายต้องอยู่ที่ผม” 

“งั้นมันจะต่างอะไร...”

“จามิกร คุณมีความผิดติดตัวอยู่นะ ควรจะชดเชยอะไรให้ผมกับลูกบ้าง รู้ตัวหรือเปล่า” แค่ประเด็นความคิดถึงเขาก็อยากคิดบัญชีไปสักสิบวันเต็มๆ แบบไม่ออกจากห้องสักก้าวเดียว นี่อุตส่าห์ใจดีหักดิบตัวเองซื้อความเชื่อใจต่อไปอีก เพื่อให้ได้ครอบครัวสมบูรณ์แบบทั้งกายใจกลับมา ต่อรองมากๆ เดี๋ยวก็ฟิวส์ขาดเข้าจนได้

“ทำไมฉันรู้สึกว่ากำลังขายวิญญาณให้ปีศาจยังไงยังงั้น”

“ขายให้ปีศาจอย่างผม คุณไม่มีวันขาดทุนหรอกน่ะจ๋า” เขามีแต่จะสมนาคุณให้อย่างงาม ลดแลกแจกแถมจนจุกไปข้าง “เป็นอันว่าตกลง...”

สายตาเช่นนั้น จามิกรอยากหักลำกลับเหลือเกิน “ฉันยังเลือกทางอื่นได้งั้นเหรอ”

“เพราะว่าไม่ได้จึงต้องตกลง พูดสิว่าโอเค” 

“คุณรู้ใช่ไหมว่าน้องหนูหายไปไหน ลูกหายไปนานแล้วนะ” 

จามิกรหันไปมองประตู จงใจเบี่ยงประเด็นหนี เพราะถ้าชานนท์ไม่เดือดร้อน แสดงว่าเขาต้องรู้แก่ใจว่าลูกสาวอยู่ที่ไหน

บ่ายเบี่ยงเก่งเหลือเกินแม่คุณ!

“นี่ คุณกัดฉันทำไม” 

“หูมันไม่ได้ยินดีนักนี่ กัดแม่ม!” ปล่อยเพื่อพูดแล้วก็กัดใหม่ที่เดิม แต่ลงน้ำหนักมากกว่า

“คุณนี่มัน ฮื้อ...โอเค โอเค ฉันตกลง ตกลงแล้ว ฉานตกลง!” คนหรือหมากะจะกัดให้ขาดเลยหรือไง “ปล่อยสิอย่าอม ฮื้อ...ชานนท์ อย่าทำแบบนี้” ได้คำตอบที่ต้องการแทนที่เขาจะปล่อย เปลี่ยนวิธีการเฉย 

“นี่มันโรงพยาบาลนะ คุณช่วยให้เกียรติสถานที่หน่อยได้ไหม ไม่นะ อย่าทำตรงนั้น คนบ้า ฉันเกลียดคุณ!”

ด่าไปเถอะที่รัก ด่าเลย ด่าให้พอ คนได้เก็บเกี่ยวเล็กๆ น้อยๆ ให้พอชุ่มชื่นหัวใจไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น เสื้อผู้ป่วยที่แค่กระตุกเชือกก็เปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในหมดสิ้น ถูกกระตุกออกรวดเร็ว สิ่งที่อยู่ภายในถูกครอบครองด้วยฝ่ามือร้อนผ่าวและความชุ่มชื้นของริมฝีปาก 

ชานนท์รู้สึกพอใจในการกระทำอย่างรู้ใจของวรินทรก็คราวนี้ การที่ท่านประธานถูกแยกออกไปในนาทีที่พ่อแม่ต้องปรับความเข้าใจกัน ช่างดีต่อการเอารัดเอาเปรียบคนดื้อยิ่งนัก 

ชานนท์ใช้สองมือรวบมือเล็กขึ้นไปตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือหนึ่ง อีกมือประคองทรวงอวบขึ้นให้ริมฝีปากกลืนกินได้ถนัดถนี่ พันลิ้นร้อนจัดรวบรัดยอดทรวงสีชมพู ขบกัดฟันคมๆ ตามลงไปเบาๆ แต่ถี่กระชั้น กระตุ้นคลื่นอารมณ์กระสันภายในกายของเธอให้พุ่งออกจากซอกหลืบที่ซุกซ่อนอยู่ ขมวดกันเป็นเกลียวคลื่นอันรุนแรงปั่นป่วนช่วงท้องจนขาทั้งสองข้างกระตุกเกร็ง

“ช้าๆ ที่รัก เอวผมจะช้ำได้” สองขาเรียวงามที่กระตุกขึ้นหนีบเข้าหาเอวสอบ เกิดอาการจุกเบาๆ 

ชานนท์ปล่อยมือจากทรวงงามลงไปช้อนสะโพกงอนงามที่ลอยขึ้นให้แนบสนิทกับความทรมานอันแข็งกร้าว แท่งหินไร้กระดูกแต่มีชีวิต ตอบสนองความคุ้นเคยที่แนบสนิทกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ด้วยการขยายขนาดเพิ่มขึ้น 

“อ่า...” ชานนท์ถึงกับแหงนหน้าขึ้นคำราม เขาจะแตกกระจายเพียงแค่สัมผัสกันผ่านเนื้อผ้าให้ได้ ไอ้ลูกชายช่างอ่อนหัดเพราะแม่ไม่ให้ความกรุณามาเนิ่นนานเสียแล้ว “ฮื้อ...ที่รัก ผมจะไม่ไหวแล้ว ทำไมร้ายกาจแบบนี้”

“ยะ...อย่าลงไปตรงนั้น เอามันออกไป” จุดจุดนั้นของเธอเต้นตุบ มันร้อนเสียจนเธออยากกระชากกางเกงผู้ป่วยหลวมๆ นี้ออกไป และหากเขายังช้า กลัวแต่ว่าเธอจะทำเรื่องน่าอับอายขึ้นได้ “คุณอย่าร้องแบบนั้นได้ไหม นี่โรงพยาบาลนะ อ๊ะ...” 

จามิกรเม้มปากตัวเองแทบไม่ทันตอนที่ชานนท์ทิ้งความหวานล้ำด้านบนลงไปกัดลงบนเนื้อผ้าซึ่งปิดกั้นจุดหวงแหนกลางร่างแทนเจ้าน้องชายที่เธอร้องขอให้เขาเอาออกไป 

จู่ๆ ก็เชื่อฟังเหลือเกิน แต่ช่างเป็นความเชื่อฟังที่น่าตี 

“กอด จูบ ลูบ คลำ ผมมีสิทธิ์นะที่รักอย่าลืม” ที่เขาจะไม่ทำคือสอดใส่ แต่ให้ตาย ทำไมเขาต้องรับปากอะไรแบบนั้นด้วย

ชานนท์อ้าปากงับความฉ่ำชื้นตรงนั้นอีกทีแรงๆ สะโพกงอนงามในมือกระตุกเฮือก ส่วนที่ยังค้างอยู่ในปากรู้สึกได้ถึงความชื้นที่มากขึ้น คนกระทำจึงรีบทิ้งทุกอย่างวิ่งไปห้องน้ำ

“อ่า...” สุ้มเสียงอันน่ากลัวดังขึ้นในห้องน้ำ 

จามิกรดึงผ้าห่มขึ้นปิดหน้า หมดกัน เธอและเขาทำราวกับเด็กน้อยเพิ่งหัดเรียนรู้ แค่แตะกันปุ๊บก็ปลดปล่อยกันแล้ว แบบนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน และตอนเขาออกมาจะมองหน้ากันอย่างไร

“น้องหนูไม่อยากหม่ำไอติมแย้ว น้องหนูอยากไปหาจุนพ่อจับจุนแม่” เด็กน้อยส่ายหน้าปฏิเสธไอศกรีมโอรีโอแท่งที่สอง ซึ่งดึงออกจากถุงด้วยมือของคุณอาวริน

“อาวรินแกะถุงแล้ว ถ้าต้องทิ้งเสียดายออก” ตอนแท่งแรกยังดีใจอยู่แท้ๆ วรินทรเงยหน้าทำตาเศร้าๆ เพื่อรั้งท่านประธานตัวน้อยเอาไว้อีกหน่อย 

“แท่งนี้ตั้งสามสิบบาทเลยนะครับ อากฤตเสียดาย” 

กฤตดนัยย่อตัวลงนั่งยองเบื้องหน้าท่านประธานที่เคารพ ช่วยคู่หูเสริมกำลังอีกแรง ไม่ว่ายังไงถ้ายังไม่มีสายเรียกเข้าจากหัวหน้าให้พาท่านประธานกลับไป พวกเขาก็พากลับไปไม่ได้

“อาจิตจับอาวะยินก็หม่ำจิ น้องหนูไม่อยากจินแย้ว น้องหนูอยากหาจุนพ่อจับจุนแม่” สองมือเล็กกอดอก พ่นลมแรงๆ ออกจากจมูก “ตำไมน้องหนูหาจุนพ่อจุนแม่ไม่ไต้ อาจิตใจย้าย อาวะยินใจย้าย”

“อากฤตยังไม่ได้พูดเลยว่าไม่ได้ ท่านประธานน้อยของอาอย่าเพิ่งโกรธเลยนะ” 

“ถ้าหาไต้ ตำไมน้องหนูหม่ำไอติม”

“หลอกไม่ได้สักนิด” วรินทรแอบส่งกระแสเพลียจิตไปให้คู่หู ก่อนจะรีบปั้นหน้าจริงจังรับหน้าที่อธิบายต่อ “คุณพ่อกับคุณแม่กำลังปรึกษาธุระสำคัญกับคุณลุงหมอ ท่านประธานน้อยของอาเข้าไปจะขัดผู้ใหญ่นะ ถ้าไม่อยากหม่ำไอติม เรามาเล่นม้ากับๆ กันดีไหม”

“อากฤตว่าดีเลย เดี๋ยวอาเป็นม้ากับๆ เอง” 

“ขอเวลานอกนิดนึงนะครับ” วรินทรลุกขึ้นดึงแขนคู่หูให้ลุกตามแล้วหันหลัง “กูเสนอ ต้องเป็นกูปะที่ได้เป็นม้า”

“มึงเสนอแล้วไง เดี๋ยวกูเป็นม้าเอง” คนชุบมือเปิบหันหลังกลับไปคว้าสิ่งที่ชุบมาได้สำเร็จ “ขึ้นหลังอาเลยครับคนดี” 

“ไอ้นี่...” วรินทรคำรามในลำคอ ไม่ยินยอมให้ความดีความชอบหายไปต่อหน้าต่อตาเปล่าๆ ย่อตัวลงตาม “ขึ้นหลังอาวรินดีกว่า อาตัวใหญ่กว่า วิ่งได้ไกลกว่าด้วย”

“หลังอากฤตดีกว่า อาวรินตัวใหญ่ หลังแข็งมาก ท่านประธานของอาจะเจ็บเอานะ มาๆ เร็วๆ” 

เจ้าตัวเล็กมองหลังกว้างๆ ทั้งสองสลับซ้ายขวา จมูกน้อยย่นขึ้นแล้วส่ายหน้า...

“น้องหนูยังไม่ไต้บอกเยยว่าจะฉี่ม้าอาจิต ฉี่หยังอาวะยินเยย น้องหนูไม่ฉี่หยอก”

“เอ้า แล้วกัน” แย่งกันแทบตาย สุดท้ายจะให้ขี่กันเอง กฤตดนัยมองแผ่นหลังคู่หูแล้วส่ายหน้า ขืนเขาขี่หลังวรินทรฟ้าคงได้ผ่ากลางวันแสกๆ “งั้นอากฤตพาท่านประธานน้อยไปขี่รถเล่นดีไหม ขี่รถไปเล่นรถโยกๆ ในโลตัสแอร์เย็นๆ เลย อาวรินหยอดเงินให้ไม่อั้นดีหรือเปล่า” 

“เอ้า ไหงอากฤตไม่หยอดเองล่ะ”

“อากฤตชอร์ตนิดหน่อยไง อาวรินออกจะรวย ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก”

“ดูนี่เลย มีที่ไหนขนหน้าแข้ง” วรินทรดึงขากางเกงขึ้นเสียเลย หน้าแข้งขาวจั๊วะไร้ขนสีดำๆ สักเส้น

“แกไปทำอะไรมาวะ เกลี้ยงเกลาขนาดนั้น” 

“ยังจะมาพูด วันก่อนแกให้ฉันไปทำอะไร ทำเป็นลืมนะ” เมื่อวานก่อนเพื่อให้ได้ข่าว วรินทรรับหน้าที่ปลอมตัวเป็นสาวน้อยแสนสวยแฝงตัวเข้าไปในผับ เพื่อให้กลมกลืนแนบเนีบนขนทุกเส้นจึงถูกกำจัดจนเกลี้ยง “ตอนนี้ก็เหลือแต่ขนหน้าแข้งอากฤตแล้วละ เอาออกมาเปย์ท่านประธานซะดีๆ”

“ตูๆ น้องหนูจะตูแจ้งอาจิต” ดวงหน้าบูดบึ้งยิ้มหวานขึ้นทันที ดวงตาอยากรู้อยากเห็นถูกร่างเล็กพาลงไปนั่งยองจ้องใกล้ๆ “เปิดๆ เปิดๆ” 

ซวยแล้ว ไอ้กฤต งานนี้ขนหมดหน้าแข้งแน่!

แค่คิดกฤตดนัยก็อยากร้องไห้ ขนที่ไหนจะเจ็บเท่าขนหน้าแข้ง 

“แกไม่ต้องขำเลย” นี่มันกรรมตามสนองชัดๆวันก่อนยังนั่งขำวรินทรผู้ถูกแวกซ์ขนทีละแผ่น วันนี้ถึงตาเขาถูกมันนั่งขำเข้าบ้างแล้ว 

ใครว่ากรรมมันตามช้า เขาขอคัดค้านหัวชนฝา แต่เพื่อไม่ให้ท่านประธานของเขาต้องเป็นฝ่ายเสียน้ำตา อากฤตผู้แสนดีจะยอมพลีขนหน้าแข้งให้ท่านประธานนั้นปู้ยี่ปู้ยำ 

“อากฤตไม่ค่อยมีขนเท่าไหร่ ท่านประธานของอาดูเบาๆ นะครับ”

จะบอกว่าดึงตรงๆ ก็เกรงใจว่าจะเป็นการชี้โพรงให้กระรอก ถึงกระรอกนั้นจะรู้จะเห็นโพรงนั้นอยู่แล้วก็ตาม 

“อาวรินว่าดูทีละเส้นออกจะช้าไป เรามาดูทีละแผ่นๆ จะได้เยอะๆ เร็วๆ ด้วยดีไหม”

“อะ...” ไอ้เกือบหลุดออกจากปาก 

กฤตดนัยจ้องคู่หูตาเขียวปั้ด แต่มันหาสนใจไม่ ดึงหลอดครีมกำจัดขนออกมาจากกระเป๋า เหมือนว่าเตรียมไว้ตลอดเวลา หวังว่าจะมีสักนาทีที่จะได้เอาคืนเขา ไอ้เพื่อนตัวดี 

“มึง-มัน-ไอ้-ชั่ว” กฤตดนัยก่นด่าโดยไร้เสียง และรู้ว่าเพื่อนอ่านปากพะงาบๆ ของเขาออก คิ้วมันเลิกขึ้นน้ำหน้าสมใจยิ่ง “อย่า-ให้-ถึง-ที-กู-มึง-ยับ-แน่”

“จะรอดู แต่ตอนนี้ เรามาดูอากฤตกันดีกว่า ดีงามยิ่งนัก ขนเยอะจริงๆ” 

ตอนมันหัวเราะเขา เขาจดจำน้ำเสียง แววตา และท่าทีเช่นนั้นไว้ในบัญชีดำหมดสิ้น ให้มาก็รับคืนไปแบบเท่าๆ กัน 

“ตำๆ น้องหนูจะตำเอง”

“ท่านประธานของอาอยากทำเองด้วย อากฤตสู้ๆ นะครับ เดี๋ยวอาวรินสอน” 

ถุงมือพร้อม วรินทรล้วงถุงมือพลาสติกใสๆ ออกจากกระเป๋าข้างเดียวกัน สวมลงไปบนมือน้อยทีละข้าง ก่อนหลอดครีมกำจัดขนถูกส่งต่อไปยังมือเล็ก กฤตดนัยสะดุ้งในขณะที่วรินทรกลั้นขำจนโหนกแก้มกระตุกแล้วกระตุกอีก คอยบริการยกแข้งคู่หูขึ้นมาวางบนเข่าตัวเอง “บีบลงไปตรงนี้เลยครับ เยอะๆ เลย”

“แจ้งอาจิตสกปกมาก เตี๋ยวน้องหนูจะตำให้จ๋าวๆ เหมือนอาวะยินนะ” เจ้าตัวเล็กเอ่ยด้วยท่าทีผู้หวังดี ผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก ช่างไม่รู้เลยว่าหากเจ้าตัวไม่ทำ อาจิตของเธอจะขอบคุณมาก

“เยอะๆ เลยครับท่านประธาน เอาอีกๆ” 

“จำไว้นะครับอาวริน” เสียงลอดไรฟันมาพร้อมกับเสียงกัดฟันกรอด

วรินทรเกือบหงายท้องหัวเราะ นานมากแล้วที่เขาไม่รู้สึกสะใจขนาดนี้ ถึงจะต้องกลั้นไว้เพื่อไม่ให้ท่านประธานสงสัยจนหน้าเขียว เขาก็ไม่คิดจะปิดกั้นความรู้สึกสะใจของตนเอง

เจ้าตัวเล็กเสียอีกที่หยุดชะงัก “อาวะยินปวดต๊องยื้อป่าว ตำไมเป่งอึอื๊อย่ะ อื๊อตงนี้ไม่ไต้นะ จุนหมอตุ”

“ฮ่าๆๆๆ ใช่ๆ อาวรินจะเบ่งอึตรงนี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวหมอดุ ฮ่าๆๆๆ” กฤตดนัยได้รับการปลดปล่อย หัวเราะคืนแบบไม่เกรงใจ 

ท่านประธานก็ยังคงเป็นท่านประธานวันยังค่ำ คิดจะลงโทษใครก็ไม่เคยให้คนใดคนหนึ่งต้องรับผิดไปคนเดียว ช่างกระจายได้ทั่วถึง 

“ฮ่าๆๆๆ ปวดอึก็ไปอึ อย่าให้หมอต้องมาถึงนี่ อายเขา”

ไอ้กฤต!

“ไปสิครับอาวริน” ถลึงตาก็เท่านั้น ทีใครทีมันโว้ย “ฮ่าๆๆๆ”

“ได้” วรินทรสูดหายใจแล้วสานต่อ เขาจะเอาให้แม้แต่ขนใต้ผิวหนังก็ไม่มีเหลือ คอยดู “ท่านประธานของอาไม่ดูขนหน้าแข้งอากฤตแล้วเหรอครับ สกปรกม้ากมาก เรารีบเอาออกกันดีกว่า อากฤตจะได้ขาวๆ เหมือนอา”

“ขนอากฤตสกปรกก็ไม่มีใครดุ แต่ถ้าอาวรินอึตรงนี้ เราจะถูกคุณหมอดุเอาได้ อากฤตว่าเรารอให้อาวรินไปอึมาก่อนก็ยังไม่สายนะ ท่านประธานของอาว่ายังไง” 

“อาวรินไม่ได้ปวดอึ จริงๆ” 

“น้องหนูเห็นอาวะยินเบ่งอึ อาวะยินไปอึจ่อน น้องหนูรอไต้ เตี๋ยวจุนหมอตุเอา”

“ฮ่าๆๆๆ เห็นไหม ท่านประธานของอากฤตเก่งมากที่สุด อารักท่านประธานที่สุดในโลกเลย”

“นี้ๆ ตีจั่ว อาวะยินไปอึ น้องหนูตำแจ้งอาจิตเอง น้องหนูตำไต้ น้องหนูเจ่ง”

“มะ...”

“ได้ อาวรินจะไปอึเดี๋ยวนี้เลย” ความเร็วไปของปีศาจ เอาแต่ขำดีนัก ตอบท่านประธานไม่ทันเขา วรินทรกลั้นขำจนหน้าเขียวเหมือนเดิม เขายินดีไปอุจจาระเพื่อให้คู่หูแสนรักได้ไร้ขน ท่านประธานที่เคารพช่างกระจายความเจ็บปวดนี้ได้ทั่วถึง ช่างทั่วถึงยิ่งนัก 

“โชคดีนะอากฤต อาวรินจะรีบกลับมา ท่านประธานค่อยๆ ทำช้าๆ บีบเยอะๆ และทาๆๆ แบบนี้เลยนะ”

วรินทรไม่ทิ้งโอกาสเก็บทุกเม็ด เขาทิ้งตัวอย่างการละเลงครีมกำจัดขนไว้ให้ท่านประธานได้สานต่อก่อนจะไป คราวนี้มีแต่ช่วยตัวเองแล้วนะ คุณคู่หูเพื่อนรัก

แบบนี้แหละที่เขาว่า ‘หัวเราะทีหลังดังกว่า’

“ฮ่าๆๆๆ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น