4
ครูฝึกสอนฉากเลิฟซีน
“อาชีพเชฟนี่เขาไม่ได้ห้ามมีเซ็กซ์กับนักเขียนไม่ใช่เหรอคะ”
พิชามลโทษว่าเป็นเพราะอาหารทอด อาหารมัน รวมไปถึงข้าวผัดไข่ของอจล ส่งผลให้เกิดอาการไขมันอุดตันในสมอง ปากของเธอเลยพูดออกไปโดยไม่ผ่านการคัดกรองทางสติและศีลธรรม
ที่จริงหลังจากแสดงความบ้าบิ่นผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวก็ได้สติกลับคืนมาทำการวิเคราะห์ถึงต้นเหตุของการตัดสินใจครั้งนี้ว่า มีปัจจัยหลักมาจากอะไรบ้าง ส่วนหนึ่งพิชามลไม่อาจเถียงว่าเป็นเพราะหน้าตาของอจล เขาคือผู้ชายที่เธอทำหน้าด้านผัดมาม่าไปแนะนำตัวเพื่อสานสัมพันธ์ ผ่านไปสองปีและการรู้จักกันดีขึ้น เขาก็ยังคงเป็นหนุ่มรูปหล่อน่าลุ้นรักในสายตาเธอเหมือนเดิม อีกส่วนก็เพราะฮอร์โมนที่พลุ่งพล่าน ซึ่งมันบอกเธอว่าการปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่ใช่เรื่องผิดสำหรับผู้หญิงอายุสามสิบ แต่โดยส่วนใหญ่เป็นไปเพราะวิชาชีพ
ขนาดเขาย้ำถามเปิดเส้นทางถอยให้ เธอก็ยังเดินหน้าต่อแบบไม่กลัวเสียหน้า นั่นเพราะไม่มีอะไรที่จะทำให้นักเขียนเจ็บปวดไปยิ่งกว่า คำว่า ‘เขียนได้ไร้อารมณ์ร่วม’
“ผมเคยได้ยินมาว่านักเขียนมักจะมีความเป็นศิลปินที่เข้าใจยาก แต่คุณช่าง...” อจลขมวดคิ้วส่ายหน้าราวกับหาคำพูดมานิยามเธอไม่ได้ พิชามลเลยยื่นมือไปช่วยเหลือ
“มีแนวคิดแปลกใหม่ไม่เหมือนใครใช่ไหมคะ” อย่างน้อยคำนิยามนี้ก็ดีกว่าคำว่า ‘บ้า’
“ประหลาดต่างหากล่ะ มีผู้หญิงที่ไหนเสนอตัวให้ผู้ชายแปลกหน้าบ้าง” การสั่งสอนแบบหัวโบราณของเขา ทำให้เธอส่ายหน้า
“เรารู้จักกันมาสองปีแล้วค่ะ” เธอว่านั่นไม่เรียกว่าแปลกหน้า แม้ว่าจะเข้าใจความหมายที่เขาสื่อก็ตาม แต่มันดีกว่าหากเธอจะแสร้งโง่
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้หน่อยเลยว่าผมหมายถึงอะไร ก็ใช่ที่ว่าตอนนี้ผมว่าง และคุณก็ต้องการใครสักคนมาเป็นครูฝึกสอนเพศศึกษา แต่เหตุผลแค่นั้นไม่ง่ายไปหน่อยเหรอครับ”
“ครูฝึกสอนเหรอ อืม...เหมาะกว่าคำว่าวิทยากร”
พิชามลเปรียบเทียบความต่างของสองคำ แล้วพบว่าครูฝึกสอนเป็นการจำกัดความที่เข้ากับสถานะที่เธอขอความร่วมมือจากอจลกว่าคำว่าวิทยากร เพราะอย่างหลังใช้เพียงปากพูดเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่ครูฝึกสอนจะต้องลงมือแสดงให้ลูกศิษย์เห็นด้วย
หรือจะใช้คำว่าผู้ช่วยในการเรียนรู้ พิชามลกำลังจะอ้าปากถาม พอเห็นสีหน้าที่พร้อมจะบีบคอเธอให้หักก็เปลี่ยนเป็นส่งยิ้มให้แทน
“ขอโทษค่ะ เอาเป็นว่าเรามาเจรจากันต่อ” เธอเจตนามองข้ามอาการกลอกตาที่เขาบอกกลายๆ ว่าไม่ได้อยากคุย “ไม่ใช่แค่ที่คุณพูดมา แต่คุณเป็นคนแรกที่ฉันอยากจะให้ช่วยมาเป็นครูฝึกสอน และฉันพร้อมจะตอบแทนความช่วยเหลือของคุณ”
พิชามลใส่ความจริงใจลงไปในคำพูดอย่างเต็มที่ แต่สายตาของอจลก็ยังไม่เปลี่ยนจากการมองเธอเหมือนมองคนเสียสติที่ควรจะหนีไปให้ห่างเลยสักนิด หลังจากจ้องหน้ากันพักใหญ่ เขาก็ทอดถอนใจอย่างอับจนปัญญา แล้วตั้งคำถามส่งๆ ด้วยท่าทางที่บอกได้ว่าถามเพื่อจะจบบทสนทนา
“ไหนลองบอกผมมาสิว่าคุณจะตอบแทนผมยังไง”
ผลตอบแทนเป็นเรื่องที่พูดยาก พิชามลมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่เธอก็รู้มาว่าเงินเดือนของเชฟบนเรือสำราญทำให้อจลห่างไกลจากคำว่าขาดแคลนเงินทอง คำว่า ‘ตอบแทน’ เป็นแค่คำที่เธอยกขึ้นมาเพื่อเจรจากับเขาเท่านั้น และตอนนี้เธอไม่เหลือคำพูดดีๆ ที่จะใช้เกลี้ยกล่อมเขาแล้ว
ในเมื่อมาถึงจุดที่ไม่มีอะไรจะเสีย พิชามลจึงใช้โควตาใจกล้าหน้าด้านชนิดที่ยืมความหน้าหนาล่วงหน้าของทั้งชีวิตมาใช้ในคราวเดียว เธอยืนขึ้นแล้วใช้สองมือถกชายเสื้อยืดขึ้นมาถึงใต้คาง แสดงจุดเด่นที่เธอมีให้อจลดู
ใบหน้าของอจลนิ่งค้างพอๆ กับความเงียบที่ค้างเติ่งระหว่างทั้งคู่ พิชามลเริ่มใจเสียว่าค่าตอบแทนของเธออาจจะไม่ดึงดูดใจพอ ครุ่นคิดว่าควรจะเปลี่ยนจากถกเสื้อเป็นถอดกางเกงดีหรือไม่ ก็สังเกตเห็นลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลงแบบฝืดๆ เหมือนเจ้าตัวไม่ค่อยจะเต็มใจ แต่ฝืนร่างกายไม่ได้
“คุณเกลี้ยกล่อมคนได้เก่งจริงๆ”
ไม่ว่าจะเป็นเพราะพิชามลเกลี้ยกล่อมคนเก่ง หรืออจลใจง่าย สุดท้ายทั้งสองก็ตกลงทำสัญญามาเป็นครูฝึกสอนกับนักศึกษาวิชาเขียนฉากเลิฟซีนด้วยประสบการณ์จริงด้วยกัน แต่ตอนนี้ผู้สอนยกมือขวา ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วกลางบีบขมับทั้งสองข้างของตนเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง
“ให้ฉันไปอาบน้ำก่อนได้ไหมคะ เช้านี้ฉันยัง...” คำพูดที่เหลือของพิชามลโดนสายตาของอจลดันกลับลงไปในลำคอ “...ไม่เป็นไรค่ะ ชักช้าเดี๋ยวคุณจะหมดอารมณ์เปล่าๆ”
อย่างน้อยเธอก็มองออกว่าเขายอมตกลงเพราะมีอารมณ์ เรื่องนี้อจลไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าควรดีใจหรือไม่ แต่เขาเริ่มเสียใจนิดๆ แล้วที่ก้าวขาเข้ามาในบ้านหลังนี้ เขามองไปยังศีรษะที่อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาไปกว่าคืบแล้วอยากจะถอนหายใจหนักๆ ด้วยความสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร เขาถึงชอบผู้หญิงหุ่นนางแบบหรือไม่ก็นักกีฬา เพราะพวกเธอสูงโปร่งพอฟัดพอเหวี่ยงกับเขา ส่วนตุ๊กตาล้มลุกตรงหน้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เขาไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดี
เขาเห็นเธอขยับขาสองข้างไปมาเพราะความประหม่า เรือนร่างอวบนิดๆ ท้วมหน่อยๆ ในชุดอยู่บ้านเสื้อยืดย้วยกางเกงเลขาสั้นไม่ควรจะมีเสน่ห์เลย ความจริงมันก็ไม่มีสักนิดหากเขามองข้ามหน้าอกขนาดสามสิบหกดีไปได้ ผมของเธอหยักศกนิดๆ ถ้าไม่รวบเป็นหางม้าคงยาวประบ่า คิ้ว ตาไม่มีอะไรโดดเด่น เรียกว่าถ้าเธอไม่ยิ้มเห็นเขี้ยวกับลักยิ้ม เธอก็คือผู้หญิงธรรมดาที่เขาจะเดินผ่านไปโดยไม่สะดุดใจ
ความจริงต่อให้เธอยิ้ม เขาก็ไม่สะดุดใจอะไร แต่พอเธอหันมองตาแป๋วๆ เขาก็อ่อนใจ อยากจะอ่อนข้อให้เธอเล็กน้อย
“คุณจะอาบน้ำก่อนก็ได้ แต่เร็วๆ หน่อยแล้วกัน ผมจะไปหยิบถุงยางที่บ้าน” อจลกล่าวอย่างเป็นการเป็นงานแล้วอยากจะถอนใจอีกเฮือก
นี่ช่างเป็นส่วนผสมที่แปลกใหม่เป็นอย่างมาก เขาตอบตกลงมีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอ ขณะเดียวกันก็อยากจะวิ่งหนี มีอารมณ์เพราะเธอ นึกแปลกใจกับมัน แต่ก็ยังไม่หมดอารมณ์อยู่ดี อจลครุ่นคิดว่าหากเขาวิ่งไปซื้อถุงยางอนามัยจากห้างที่อยู่อีกฟากของเมือง หรือหากพิชามลอาบน้ำครึ่งคืน เขาอาจจะยกเลิกข้อตกลงก็ได้ น่าเสียดายที่เธอไม่ปล่อยให้เขาได้ใช้สมองวิเคราะห์เรื่องนี้นานพอ
“ไม่ต้องค่ะ ฉันมีเก็บเอาไว้ในโต๊ะทำงาน”
เธอเลื่อนเปิดลิ้นชักใกล้มือ แล้วหยิบกล่องบรรจุถุงยางขนาดสามชิ้นที่แกะแล้วส่งให้เขาทั้งกล่อง ตามด้วยอีกกล่องต่างชนิดกัน กล่องแรกมีกลิ่นสตอว์เบอร์รี อีกกล่องเป็นแบบบางเฉียบที่โฆษณาว่าเหมือนไม่ได้สวมใส่อะไรเลย
อจลชะโงกข้ามไหล่พิชามลไปสำรวจด้วยสายตา พบว่ายังมีอีกหลายกล่อง สารพัดแบบ ราวกับขนชั้นวางจำหน่ายถุงยางอนามัยมาไว้ที่นี่
“ไหนว่าไร้ประสบการณ์ แล้วทำไมคุณถึงมีถุงยาง” เขาถามทั้งที่รู้ว่าเธอไม่ได้ใช้งาน เพราะสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่าทั้งสองกล่องยังมีถุงยางบรรจุอยู่เต็ม
“ซื้อมาบิลด์อารมณ์เขียนงานค่ะ ฉันมีเจลหล่อลื่นด้วยนะคะ” เธอควานมือเข้าไปในลิ้นชัก หยิบขวดพลาสติกสีฟ้าที่หน้าตาละม้ายคล้ายแท่งดิลโด้จนน่ากลัวส่งให้เขา
“...” อจลคิดว่าต่อให้ใช้เวลาชั่วชีวิตเขาก็ไม่มีวันเข้าใจวิสัยทัศน์ของคนที่ประกอบอาชีพนักเขียน
“ถุงยางมันไซซ์ใหญ่ไปเหรอคะ” พิชามลแสดงความกังวลใจออกมาดังๆ จนอจลต้องรีบปกป้องความภาคภูมิใจของตนเอง
“ไซซ์มันเล็กไป” มีดีต้องโอ้อวดบ้าง ไม่งั้นจะมีไปทำไม
เมื่อเห็นพิชามลยืนกระวนกระวายทำตัวไม่ถูก อจลก็คิดว่าการเร่งรัดจัดการเธอดูจะเป็นการกระทำที่ใจร้ายไปหน่อย แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายปฏิบัติการเชิงรุกก่อน เขาก็ควรจะเผื่อทางถอยให้เธอบ้าง
“เอาละ คุณอยากจะไปอาบน้ำก่อนก็ได้ ผมจะรออยู่ในห้อง” เขามองไปรอบๆ ห้องทำงาน เหล่ตามองโซฟาที่ปรับเป็นเตียงนอนเล่นเล็กๆ ของเธอได้ ประเมินว่าควรจะนั่งรอดีหรือไม่ เธอก็รีบเสนอขึ้นมาก่อน
“ไปรอที่ห้องนอนดีกว่าค่ะ” เป็นครั้งแรกที่พิชามลเผยสีหน้าเอียงอายอย่างเหมาะสมให้อจลได้เห็นระหว่างแนะนำเสียงเขินๆ ว่าทำไมต้องให้เขาไปที่นั่น
“คุณไปนอนรอระหว่างที่ฉันอาบน้ำก็ได้ จะได้มีแรง”
“ผมไม่คิดว่าคำว่าอ่อนแรงจะเหมาะนำมาใช้กับผมนะ”
อจลอดที่จะโอ้อวดตัวเองอีกรอบไม่ได้ ผลก็คือ พิชามลไม่ได้ทำให้เขารอนานเท่าที่คิด ที่สำคัญเธอทำให้เขาหมดเรี่ยวแรงมากกว่าที่คาด
‘เก้าสิ่งควรทำก่อนเสียพรหมจรรย์’ เป็นชื่อหนังสือคู่มือที่พิชามลตั้งใจจะเขียนหลังจากจบเหตุการณ์นี้ เพียงแต่มีหลายข้อที่ทำไม่ได้
ข้อ 1. ลดหน้าท้อง เป็นสิ่งที่เธอไม่อาจทำได้ในนาทีเร่งด่วน หรือไม่ก็อาจจะตลอดช่วงที่เหลือของชีวิต
ข้อ 2. อาบน้ำแร่
ข้อ 3. แช่น้ำนม และข้อ 4. ขัดผิว สองข้อนี้ก็ต้องข้ามไปเช่นกัน เธอไม่คิดว่าอจลจะมีเวลารอเธอครึ่งค่อนวัน แต่อาบน้ำยังไงก็ต้องทำ
ข้อ 5. ขจัดสิว เป็นหนึ่งข้อที่เธอไม่ต้องทำ เพราะเนตรนภา เพื่อนของเธอลากเธอไปหาหมอปรึกษาผิวหน้าเพื่อกำจัดสิวที่ผุดขึ้นมาเพราะความเครียด ซึ่งรวมไปถึงสิวบนหลังที่เกิดมาจากสาเหตุเดียวกันด้วย ตอนนั้นเธอเสียดายเงินหลักหมื่น แต่ตอนนี้เธอคิดว่ามันถูกมาก
ผ่านไปห้ารายการที่ไม่ต้องทำ เหลือรายการต่อมาที่แม้เสียเวลาก็ต้องทำ
ข้อ 6. สระผม พิชามลไม่มีเวลามากพอสำหรับการทำทรีตเมนต์ แต่อย่างน้อยเธอควรสะสางความเหนียวเหนอะที่หมักหมมเอาไว้สามวันออกก่อนจะกระโจนขึ้นเตียงกับอจล
อีกสองข้อที่ทำพร้อมกันไปได้ก็คือ ข้อ 7. และ ข้อ 8. กำจัดขนหน้าแข้งกับขนรักแร้ พิชามลไม่รู้ว่าอจลจะสำรวจท่อนขาของเธอหรือไม่ แต่เส้นขนขนาดยาวหนึ่งนิ้วที่เธอสะสมเอาไว้น่าสะพรึงกลัวเกินไป
มาถึงข้อสุดท้าย ข้อ 9. ซึ่งสำคัญที่สุด ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น เธอพร้อมจะฆ่าตัวตายถ้ามาใครมาบอกว่าตรงนั้นเธอมีกลิ่นเหมือนปลาเค็มค้างปี
มือข้างหนึ่งของพิชามลเปิดฝักบัวราดเรือนผม ขณะที่อีกมือเอื้อมไปหาขวดแชมพูสระผม บีบมันใส่หัวแล้วฟอกให้ขึ้นฟองฟอด ระหว่างพักรอให้มันทำความสะอาดหนังศีรษะ เธอก็หันไปหายาสีฟัน แล้วนึกว่าควรตัดข้อไหนไปจาก 9 ข้อข้างต้นเพื่อแทรกการทำความสะอาดช่องปากเข้าไป เธอเลือกผนวกอาบน้ำแร่เข้ากับแช่น้ำนม จะได้มีช่องว่างให้กลิ่นปากหอมสดชื่น จะเป็นอย่างไรถ้าสมมุติว่าอจลจูบเธอแล้วอาเจียน แค่คิดเธอก็ตัวสั่นแล้ว
อาบน้ำ สระผม แปรงฟัน ถูลิ้น บ้วนปาก เธอใช้เวลารวมสั้นกว่าที่เคยใช้ทั้งชีวิต ตามด้วยจัดการจนแน่ใจว่าไม่มีขนเกินในส่วนที่ไม่ควรมี ขณะหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กบนราวมาขยี้ผมให้แห้ง เธอก็ค้นพบว่าลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง นั่นคือลืมหยิบเสื้อผ้าที่จะผลัดเปลี่ยนออกไปหลังอาบน้ำเสร็จ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเธอถอดชุดเก่าใส่เอาไว้ในตะกร้าผ้าเปื้อน แล้วรีบกระโจนเข้ามาก่อนที่อจลจะเดินตามเข้ามาในห้องนอน ดังนั้นสิ่งที่พอจะใช้ปกปิดร่างกายของเธอได้คือผ้าเช็ดตัวในมือ ที่ไม่ใหญ่พอจะห่อตัวเธอด้วยซ้ำ
คำว่าตื่นตกใจไม่เพียงพอจะใช้บรรยายความรู้สึกของพิชามล เธอเหลือบมองร่างกายของตนแล้วอยากจะกรีดร้อง ต้นแขนต้นขาไม่เท่าไร เหตุใดหน้าท้องของเธอถึงได้คล้ายคนตั้งครรภ์เช่นนี้ ดูแล้วน่าจะราวๆ สองสามเดือน ไม่ถึงขนาดกลมโตเหมือนแตงโม แต่ป่องน้อยๆ น่าเอ็นดู ทว่ามันต่างจากหน้าท้องแบนราบของกังสดาล อดีตแฟนสาวของอจลลิบลับ ไม่มีการเปรียบเทียบย่อมไม่เจ็บปวด แต่ถ้าเขาเอาไปเทียบ เธอจะทำอย่างไร
“ช่วยหยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อยได้ไหมคะ” พิชามลร้องขอแบบกล้าๆ กลัวๆ เพราะเกรงว่าอจลจะมองว่าเธอยั่วยวน มันก็ใช่ที่เธอขอให้เขาตามมาขึ้นเตียงด้วย แต่การโชว์หน้าอกที่เธอภาคภูมิใจไม่เหมือนการโชว์พุง
เงียบ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก พิชามลไม่แน่ใจว่าอจลไม่เข้าใจคำขอ หาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ไม่เจอ หรือกำลังหลับ เธอเลยขยับไปแง้มประตูห้องน้ำแล้วเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นอีก
“ถ้าหาไม่เจอ ส่งตะกร้าผ้าเปื้อนตรงหน้าห้องน้ำให้หน่อยก็ได้ค่ะ”
ยังคงเงียบ พิชามลใคร่ครวญว่าเป็นไปได้ว่าอจลอาจจะไม่ได้เดินตามเข้ามาในห้องนอนของเธอ มีความเป็นไปได้อีกทางคือเขาได้สติขึ้นมาและรีบปีนรั้วหนีกลับบ้านตัวเองไปแล้ว ความน่าจะเป็นนั้นทำให้เธอตระหนกจนเปิดประตูผางออกไปตามหาครูฝึกสอนเพศศึกษา และพบว่าเขายืนอยู่หน้าห้องพร้อมผ้าห่มนวมผืนใหญ่ซึ่งคงลากออกมาจากเตียงของเธอเพราะหาผ้าเช็ดตัวไม่เจอ
วินาทีแรกเธอตกใจที่เห็นเขายืนอยู่ในระยะประชิด วินาทีต่อมาเธอตระหนักได้ว่าตัวเองยืนห่มอากาศตรงหน้าเขา วินาทีถัดมาพิชามลเลยพร้อมจะกรี๊ดสุดเสียง แต่อจลมือไว กั้นเสียงโหยหวนของเธอเอาไว้ในอุ้งมือของเขา
“อย่ากรี๊ดนะ เดี๋ยวชาวบ้านก็นึกว่ามีขโมยขึ้นบ้านคุณหรอก”
อจลปิดปากพิชามลแน่น แล้วกล่าวเตือนเสียงเบาทั้งที่ไม่จำเป็นเลย ในเมื่อแขนข้างที่ว่างของเขากำลังดึงตัวเธอมาแนบชิด ชนิดที่เธอเห็นกระเดือกของเขาที่ขยับขึ้นลง ตามด้วยเสียงหัวใจเต้นตูมตามจากแผ่นอกกว้าง ซึ่งเธอตีความว่ามาจากอาการรังเกียจหลังจากเห็นหุ่นของเธอ
พิชามลรู้สึกว่าความอยุติธรรมของทั้งโลกมารวมกันอยู่ที่เธอ หญิงสาวสังเกตจากดวงตาที่กวาดมองอย่างรวดเร็วของอจล คาดว่าเขาคงเห็นทุกจุดบกพร่องของเธอหมดแล้ว น้ำตาร้อนๆ เอ่อคลอขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง รีบเอามือออกจากปากของเธอเหมือนจับถูกของร้อน
“ร้องไห้ทำไม” เขาทำท่าเหมือนอยากจะมองไปทางไหนก็ได้ที่ไม่ใช่เธอ น้ำตาที่คลออยู่จึงหยดแหมะลงพื้น ซึ่งเป็นสิ่งที่พิชามลห้ามไม่ได้เช่นเดียวกับสภาพเปลือยของตน
หญิงสาวอยากจะดึงผ้าห่มในมือของชายหนุ่มมาห่อตัว หรือไม่ก็ผูกคอตาย แต่เขาดันก้าวถอยหลังไปสองก้าวพร้อมผ้าผืนนั้น และแขนเธอไม่ยาวพอจะยื่นไปแย่งของในมือเขา ตัวช่วยของเธอจึงมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนน้อย กับสามตัวเลือก ปิดหน้าอก ปิดช่วงล่าง หรือปิดพุง ยังดีที่เธอฉลาดพอจะเลือกข้อสามเพราะมันปิดตรงอื่นได้ด้วย แม้สะโพกของเธอจะใหญ่เกินกว่าจะซ่อนก็ตาม ส่วนช่วงบนเธอใช้แขนอีกข้างปิด และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่พิชามลตำหนิสิ่งที่แม่ให้มาจนล้น
“คุณร้องไห้ทำไม” อจลถามย้ำอีกรอบ คราวนี้ถามด้วยน้ำเสียงตำหนิเหมือนเธอก่ออาชญากรรมด้วยน้ำตา
“ฉันโป๊” เธอเห็นสีหน้าว่างเปล่าของเขาที่บอกว่าไม่เข้าใจอะไรเลย ต่อให้พิชามลไม่อยากพูดถึงสิ่งที่อจลน่าจะเห็นชัดๆ อยู่แล้ว แต่เธอจำเป็นต้องอธิบาย
“และฉันอ้วน”
อจลหันขวับมาจ้องหน้าพิชามลราวกับค้นพบสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ และเขาต้องการให้พิพิธภัณฑ์ริบลีส์เอาตัวเธอไปจัดแสดงภายใต้หมวดหมู่มนุษย์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงบนโลกใบนี้โดยเร็ว
“คุณก็อ้วนอยู่แล้วนี่”
ความคิดเห็น |
---|