3

3

 

   เจ้าของเรือนร่างสะคราญก้าวขาลงจากเตียงนอน แล้วเดินไปเกาะขอบหน้าต่าง ผินหน้าขึ้นมองเหล่านกกาที่บินถลากลับคืนรังส่งเสียงร้องดังเซ็งแซ่ อันเป็นสัญญาณว่าย่างเข้าสู่เวลาเย็นย่ำ ทั้งที่ตั้งใจจะขึ้นมานอนพักเพียงไม่นาน แต่กลับเผลอหลับเสียจนเต็มอิ่ม ศกุนตลาหลับตาลง ยกสองมือขึ้นคลึงขมับ จากนั้นจึงเดินออกไปจากห้องนอน

   หญิงสาวเดินออกไปยังบริเวณหน้าบ้านเป็นอันดับแรก สอดส่ายสายตามองไปยังโรงจอดรถ แล้วพบว่า ... รถยนต์สีครีมอันเป็นรถยนต์ประจำตัวของอนิลบถไม่ได้จอดอยู่ที่เดิม ศกุนตลาเม้มปาก สมองสั่งให้จิตใต้สำนึกพึงระลึกว่า ถูกต้องแล้ว ไม่มีสิ่งใดผิด หากจะผิดก็ผิดก็เพียงตัวเธอที่ไม่เจียม สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ กลับไม่รู้จักหักห้ามความรู้สึก เจ้าของใบหน้าหวานยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ทั้งที่แววตายังคงเศร้า เมื่อปรับอารมณ์ของตัวเองได้แล้วจึงเดินไปยังห้องครัว

   “คุณปักษา” เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำเข้ามาภายในห้องครัว จวนจึงละมือจากการโขลกพริกแกงแล้วเงยหน้าขึ้นทัก 

   ศกุนตลาส่งยิ้มให้จวนกับผ่องเพียงบางๆ ทั้งที่อยากยิ้มให้กว้างกว่านี้ หากแต่ไม่อาจฝืนความหวิวโหวงบางอย่างที่กำลังปั่นป่วนอยู่ในอกข้างซ้ายได้ หญิงสาวเดินไปหยิบกระดาษกับดินสอตวัดข้อมือ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งข้างๆจวนแล้วยื่นสิ่งที่เพิ่งเขียนออกไปด้านหน้า

   ‘มีอะไรให้ปักษาช่วยทำบ้างคะ’

   “โถ แม่คุณของป้า ไม่สบายทำไมไม่นอนพักคะ” จวนว่า

   “นั่นสิคะ หน้าตายังซีดเซียวอยู่เลย” ผ่องวางมีดที่กำลังแร่ตับหมูลงก่อนจะต่อประโยคจากผู้เป็นป้า

   ‘ปักษาอยากช่วยป้าจวนกับพี่ผ่องทำงานค่ะ’

   ศกุนตลาตวัดข้อมือลงบนหน้ากระดาษอีกรอบ ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสหลังมือเหี่ยวย่นของจวนเป็นเชิงเสนอความช่วยเหลือในการโขลกพริกแกงที่หญิงสูงวัยทำค้างไว้

“ดื้อจริงเทียว” จวนว่า ศกุนตลายิ้มรับบางๆ จับครกและสากแล้วออกแรงดึง ทว่าคนที่ครอบครองสองสิ่งนั้นอยู่ก่อนหน้ากลับยื้อเอาไว้ 

“คุณเวหาสั่งไว้ว่าวันนี้ห้ามตามใจคุณปักษา คุณเวหาอยากให้คุณปักษาพักผ่อนค่ะ” ผ่องช่วยคลายความสงสัยให้กับเจ้านายสาวแทนผู้เป็นป้าที่กำลังออกแรงประคองครกกับสากเอาไว้มั่น

“เดินหาตั้งนาน ที่แท้ก็มาป่วนป้าจวนกับพี่ผ่องอยู่นี่เอง”

“...”

ศกุนตลา จวน และผ่องหันไปมองตามเสียง ก่อนที่ผ่องจะวางงานในมือลงแล้วเดินออกไปรับของจากผู้มาใหม่ ในขณะที่จวนรีบเอ่ยขอความช่วยเหลือทันควัน

“คุณนภามาก็ดีแล้วค่ะ ช่วยป้าห้ามคุณปักษาที”

“ตัวแกล้งอะไรป้าจวนกับพี่ผ่องน่ะปักษา” อัปสรนภา หรือนภา บุตรสาวคนเล็กของพลโทนภกับคุณหญิงบุหงาเอ่ยถาม

ศกุนตลาลุกขึ้นตวัดปลายดินสอในมือก่อนจะยื่นออกไปด้านหน้า 

‘พี่เวหากลับมาแล้ว’

“แหน่ะ เปลี่ยนเรื่องเสียอีก” อัปสรนภาส่ายหน้าน้อยๆ ในขณะที่ศกุนตลาพยักหน้ายืนยันสิ่งที่เธอเล่าผ่านตัวอักษร

“ตัวก็น่าจะรู้ว่าไม่เคยหลอกเค้าสำเร็จ”

ศกุนตลาถอนหายใจแล้วตวัดปลายดินสอลงเพื่อยืนยันอีกรอบ

‘พี่เวหากลับมาแล้วจริงๆ เค้าไม่ได้หลอก’

อัปสรนภาบีบจมูกเพื่อนสนิทแล้วโยกไปมาก่อนถามกลับ “แล้วไหนล่ะพี่เวหา เค้าไม่เห็นทั้งรถ ไม่เห็นทั้งคน”

ศกุนตลาหวิวโหวงในอกยามต้องบอกเล่าความจริงผ่านหน้ากระดาษ 

‘ออกไปข้างนอกกับคุณตะวันวาด’

“ออกไปข้างนอกกับพี่วาด”

คราวนี้เป็นอัปสรนภาที่ขมวดคิ้ว หญิงสาวหันไปสบตาจวนกับผ่อง ซึ่งทั้งสองก็ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนมาให้ และก่อนที่จวนหรือผ่องจะทันได้อธิบายสิ่งที่พวกเธอได้รู้ได้เห็นเพิ่มเติม คนหวงพี่ชายก็แยกเขี้ยวพรั่งพรูถ้อยคำต่อว่าอย่างไม่สบอารมณ์

“อะไรกันเพิ่งได้พักแท้ๆ แทนที่จะอยู่บ้านกับครอบครัว แต่กลับเลือกเอาเวลาไปเที่ยวกับผู้หญิง”

เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทไม่ชอบใจกับสิ่งที่เธอเล่า ศกุนตลาจึงรีบตวัดข้อมือช่วยออกตัวแทน 

‘พี่เวหาไปอยู่ชายแดนมาเกือบปี ได้ออกไปเที่ยวผ่อนคลายเสียบ้างก็ดีไม่ใช่หรือ นภาอย่าโกรธพี่เวหาเลยนะ’

อัปสรนภาย่นจมูก ถึงแม้จะเห็นใจที่พี่ชายต้องไปปฏิบัติหน้าที่แรมปี แต่ก็อดที่จะแง่งอนต่อไม่ได้ “ตัวก็แบบนี้ทุกทีเข้าข้างพี่เวหาทุกเรื่อง ระวังเถอะอีกหน่อยพี่วาดอะไรนั่นจะขโมยตัวพี่เวหาไปอยู่ที่อื่น ...”

“มีใครหน้าไหนกล้าขโมยตัวพี่งั้นรึ”

“...”

เจ้าของเสียงทุ้มดังขึ้นจากทางประตูข้างห้องครัว พร้อมๆกับการปรากฎตัวของคนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนา อนิลบถยกตะกร้าผลไม้ที่เขาเก็บมาจากสวนหลังบ้านเข้ามาวางในครัว 

อัปสรนภากับศกุนตลาสบตากันเลิ่กลั่ก ส่วนจวนกับผ่องนั้นได้แต่กลั้นยิ้มด้วยความเอ็นดู 

“ว่าอย่างไร ใครกันที่กล้า หืม ...” อนิลบถเลิกคิ้วขึ้นมองน้องสาวร่วมอุทรกับน้องสาวต่างสายเลือดแล้วถามย้ำอีกรอบ

“เอ่อ ...” อัปสรนภาอึกอั่กด้วยไม่รู้ว่าพี่ชายจะทันได้ยินคำตัดพ้อของเธอทุกคำหรือไม่ แต่จากที่อ่านผ่านสีหน้าเธอค่อนข้างเชื่อว่า พี่ชายที่แสนดีทันได้ยินทุกคำ หญิงสาวที่เพิ่งตั้งสติได้รีบโผเข้าไปเกาะต้นแขนแกร่ง แล้วเอียงหน้าขึ้นฉะอ้อนถามเสียงหวาน “พี่เวหากลับมาเมื่อไหร่คะ นภาคิดถึงเหลือเกินค่ะ”

“หึ” อนิลบถแค่นเสียงหัวเราะขึ้นจมูก หรี่ตามองคนที่เกาะต้นแขนของเขาแน่นก่อนจะเบนสายตาดุไปยังใบหน้าซีดเผือดของหญิงสาวอีกคน “คิดถึง แต่ก็กล่าวหาพี่ผิดๆ”

   ต้นตอของการกล่าวหายิ้มแหย ประนมมือระหว่างอก ก่อนจะก้มลงเขียนบนสมุดเล่มโปรด

‘ปักษาขอโทษค่ะ ปักษาเป็นคนบอกนภาเองว่าพี่เวหาออกไปทำธุระข้างนอก’

“จะให้พี่ออกไปไหนได้อย่างไร ในเมื่อมีเด็กดื้อนอนไม่สบายอยู่บนบ้าน”

“ตัวไม่น่าดื้อกับพี่เวหาเลย ... เฮ้อ ...” อัปสรนภาว่าพลางเอนใบหน้าซบต้นแขนพี่ชาย “ถึงปักษาจะดื้อ แต่นภาเป็นเด็กดีนะคะ”            

“งั้นรึ” อนิลบถเหล่ตามองหน้าเด็กดื้อที่ยืนอยู่ข้างๆกับเด็กดีที่เกาะติดแขนเขาเป็นตังเมสลับกันไปมา ศกุนตลาระบายยิ้มบางก่อนจะโผเข้าไปซบต้นแขนอีกข้าง

คนเป็นพี่ส่ายหน้าระอา ให้มันได้แบบนี้สิ เขาต้องแพ้ทางยายตัวเล็กสองคนนี้ตลอดเลยหรือไร ในเมื่อไม่อาจแสร้งตีหน้าขรึมได้อีกต่อไป อนิลบถจึงหลุบตาลงถามเด็กดีที่ยิ้มพรายจนเกินงาม “ออกไปไหนมาทั้งวัน”

“ไปหาซื้อของกับเนตรค่ะ” อัปสรนภา เอ่ยถึงเนตรสุดาเพื่อนร่วมรุ่นที่ออกไปซื้อของด้วยกัน

“หายเวียนหัวแล้วหรือถึงได้ลงครัว” เมื่อได้คำตอบจากเด็กดีแล้ว จึงหันมาถามเด็กดื้อที่เกาะแขนอีกข้าง

ศกุนตลาพยักหน้าแทนคำตอบ แต่อนิลบถไม่วายห่วง ซึ่งไม่ต่างกันเลยกับอัปสรนภา หญิงสาวเอื้อมมือมาแตะหน้าผากของศกุนตลา

“ตัวยังรุมๆ ทำไมตัวไม่นอนพัก”

อนิลบถอมยิ้มก่อนจะหันไปเอ่ยกับผ่อง “ไว้ค่อยให้คนติดสินบนทำน้ำพริกลงเรือวันหลังก็แล้วกัน”

“ค่ะ คุณเวหา” ผ่องรับคำพร้อมยิ้ม

“นี่ตัวริติดสินบนพี่ผ่องรึปักษา มีเรื่องสนุกอะไรกัน” อัปสรนภาถาม ซึ่งคนที่รับหน้าที่ตอบคำถามนั้นกลับเป็นชายหนุ่มเพียงคนเดียวที่ตอนนี้กำลังโอบเอวสองสาวเข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่น 

อัปสรนภาเองก็ถ่ายทอดเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านระหว่างที่พี่ชายไปปฏิบัติภารกิจให้ฟัง และแน่นอนว่าเธอไม่ปล่อยผ่านเรื่องของตะวันวาด หญิงสาวพยายามหาทางเข้าเรื่องจนได้รับรู้ว่า หลังจากที่ศกุนตลาขึ้นไปนอนพักบนห้อง พี่ชายของเธอก็นั่งคุยกับตะวันวาดสักครู่ใหญ่ ก่อนจะให้เกื้อซึ่งเป็นคนขับรถของมารดา ขับรถประจำตัวของเขาไปส่งตะวันวาดกลับบ้าน

 

“ตอนพี่เวหาไม่อยู่มีคนวิ่งออกไปชะเง้อมองฟ้าทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเครื่องบิน”

“จริงหรือคะ” อนิลบถเอ่ยถามคนที่กำลังค้อนคนช่างฟ้อง

ศกุนตลาระบายยิ้มบางๆแล้วพยักหน้ารับ

“เห็นไหมคะ นภาไม่ได้แกล้งปักษาเลยสักนิด ที่เล่ามาตั้งแต่เย็นก็เรื่องจริงทั้งนั้น” อัปสรนภาว่าแล้วหันไปส่งยิ้มให้บิดาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ และมารดาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะรับประทานอาหาร 

“ดูเอาเถิดเวหาว่าแต่ละวันแม่ต้องปวดเศียรเวียนเกล้ากับแม่ตัวแสบอย่างไรบ้าง” คุณหญิงบุหงาหันมาเอ่ยกับบุตรชายที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน

“โธ่คุณแม่ขา นภาแสบที่ไหนกัน อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนทุกวี่วัน”

“ใครกันที่ขอพ่อออกไปตะลอนข้างนอกทั้งวัน” พลโทนภดับฝันคนอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง และแน่นอนว่าคนอื่นๆบนโต๊ะอาหาร กำลังอมยิ้มคล้อยตามกับประมุขของบ้าน ไม่เว้นแม้แต่ศกุนตลาที่ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะชอบใจจนตาหยี

อัปสรนภาหันมาค้อนคนที่นั่งข้างกัน แล้วออดเสียงในลำคอ “ไม่ช่วยแล้วยังขำไม่เก็บอาการอีก คอยดูเถอะเค้าจะเล่าให้พี่เวหาฟังว่ามีคนร้องไห้ขี้มูกโป่งตอนคุณพ่อเล่าให้ฟังว่าเครื่องบินพี่เวหาโดนโจมตี ...”

คนช่างพูดแสร้งยกมือขึ้นปิดปาก เบิกตาโพลงแล้วจึงว่าต่อ “ตายจริง หลุดปากเล่าจนได้ ตัวไม่โกรธใช่ไหม เค้าไม่ได้ตั้งใจ”

“ดู๊ ... ดูลูกสาวคุณสิคะ อยู่ใกล้หน่อยไม่ได้จะบิดให้เนื้อเขียว มีอย่างที่ไหนขายปักษาบนโต๊ะกินข้าว” คุณหญิงบุหงาเอ็ดอย่างไม่จริงจังนัก

“นภาขายปักษาให้ผมฟังมาตั้งแต่เย็นแล้วครับคุณแม่” อนิลบถระบายยิ้มบางๆ ถึงแม้จะรู้ว่ายายตัวแสบของเขาแกล้งน้องน้อยอีกคน แต่ทุกครั้งที่อัปสรนภาขายศกุนตลาให้ฟัง กล้ามเนื้อหน้าอกข้างซ้ายของเขาจะกระตุกบีบรัดกันอย่างไม่ทราบสาเหตุ 

 

โครม !

“ว้าย !”

“ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ดั่งใจเลยสักอย่าง คิดเมนูใหม่ๆไม่เป็นหรือยังไง ฉันกินแกงส้มมาสองวันแล้ว”

“อั้ยหยาอาวาด เมื่อวานลื้อพูดเองนาว่าอยากกินอีก เด็กๆมันก็เลยทำขึ้นโต๊ะ” บิดาของตะวันวาดวิ่งเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร กวาดสายตามองวัตถุดิบจากแกงส้มที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเศษชามที่แตกกระจายเต็มพื้น

“ค่ะ เมื่อวานวาดว่ามันรสดี แต่วันนี้วาดกลืนไม่ลง”

“ไปหงุดหงิดมาจากไหน แม่เห็นหน้าหงิกหน้างอตั้งแต่กลับมาถึง” มารดาเอ่ยถาม

“วาด ... วาด ....” ตะวันวาดอึกอัก ข่มอารมณ์กรุ่นโกรธเอาไว้ในอก “วาดเหนื่อยค่ะ ขอตัวไปพักก่อนนะคะ”

...

ปัง !

ตะวันวาดกระชากประตูห้องนอนอย่างไม่ออมแรง หญิงสาวกระแทกตัวลงนั่งบนเตียง สองมือบีบเข้าหากัน ยามคิดย้อนถึงบทสนทนากับชายหนุ่มที่หมายปอง

‘วาดไม่ได้เอารถมา เวหาไปส่งวาดกลับบ้านหน่อยนะคะ’

‘ปักษาไม่สบาย ผมคงไปส่งวาดไม่ได้’

‘แต่ว่า ...’

‘ขอโทษด้วยนะ ผมจะให้เกื้อขับไปส่งก็แล้วกัน’

‘จะดีหรือคะ วาดจำได้ว่าเขาเป็นคนขับรถของคุณป้าบุหงา’

‘ไม่เป็นไร วันนี้คุณแม่ออกไปธุระกับคุณพ่อ เกื้อไม่ได้ติดงานอะไร’

“เด็กกาฝาก ฉันเกลียดแก” ตะวันวาดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางคว้าหมอนบนเตียงปาใส่ผนังเต็มแรง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น