8

8

 

“อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุโน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย ภัตตาหาร กับทั้งของอันเป็นบริวารทั้งหลายเหล่านี้ แด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์โปรดรับ ภัตตาหาร กับทั้งของอันเป็นบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญ”

   เมื่อกล่าวคำถวายภัตตาหารเรียบร้อยแล้ว พลโทนภ คุณหญิงบุหงา อัปสรนภา อนิลบถ และศกุนตลาจึงประเคนอาหาร รอจนพระทั่งพระสงฆ์ฉันเสร็จจึงถวายเครื่องไทยธรรมกรวดน้ำประพรมน้ำพระพุทธมนต์ แล้วจึงกราบลาพระสงฆ์

   ทุกวันสำคัญของสมาชิกครอบครัววงศ์คคนานต์ ทุกคนจะพร้อมใจกันมาถวายเพลที่วัด วันครบรอบวันเกิดของอัปสรนภาปีนี้ก็เช่นกัน และที่สำคัญไปกว่านั้นคือเมื่อรับศีลรับพรเสร็จแล้ว ทุกคนจะมาเยี่ยมบ้านหลังสุดท้ายของร้อยเอกสกุณผู้เป็นบิดาของศกุนตลา

   มือน้อยค่อยเอื้อมออกไปแตะรูปขาวดำใบเล็กที่ติดอยู่ด้านหน้าเจดีย์บรรจุอัฐิ ศกุนตลาคลี่ยิ้มกว้าง ไล้ปลายนิ้วไปตามใบหน้าคมเข้มในภาพถ่าย พลางทักทายบิดาในใจ

   ‘พ่อจ๋า ปักษามาเยี่ยม พ่ออยู่บนโน้นสบายดีหรือเปล่าจ๊ะ ส่วนปักษาไม่สบายเพิ่งหาย ...’

   ริมฝีปากบางเริ่มสั่น ยามภาพจำในวันวานผุดขึ้นมาให้ห้วงของความคำนึง ภาพที่บิดาทาบหลังมือลงบนหน้าผากทุกครั้งที่เธอไม่สบาย ดวงตากลมโตกะพริบถี่ขับน้ำสีใสที่เอ่อล้นอย่างสุดจะกลั้น คนที่เก็บความอ่อนแอไว้ในเบื้องลึกของหัวใจรีบยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากดวงหน้า ด้วยไม่ปรารถนาให้ผู้มีประคุณทั้งสี่คนด้านหลังได้เห็น 

   ‘แต่พ่อไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ นภาบังคับปักษากินยาทุกคืน ตอนนี้ปักษาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว พ่อจ๋า พี่เวหากลับมาจากชายแดนแล้วนะจ๊ะ ซูบลงไปบ้างแต่หลายวันที่ผ่านมาคุณป้าบุหงาขุนเสียยกใหญ่ คล้านว่าหมดเวลาพักจะอ้วนพี หวั่นใจเหลือเกินจ้ะว่าจะเข้าประตูเครื่องบินไม่ได้’      

   หญิงสาวหัวเราะคิกเมื่อได้พาดพิงถึงคนที่อยู่ข้างหลัง อัปสรนภาเอียงคอสบตาพี่ชาย บิดา และมารดา ก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างๆศกุนตลา

   “สวัสดีค่ะคุณอา วันนี้นภาอายุครบยี่สิบสองแล้วนะคะ ผ่านไปอีกหนึ่งปีปักษาก็ยังแอบออกไปนอนที่ระเบียงห้องเหมือนเดิมเลยค่ะ ดื้อกว่านภาเยอะเลย”

   ศกุนตลาส่ายหน้าแล้วโบกมือกับรูปถ่ายหน้าเจดีย์ก่อนจะหันมาแยกเขี้ยวใส่คนช่างฟ้อง เธอไม่ได้ดื้อเสียหน่อย แค่เผลอหลับไปก็เท่านั้นเอง

   อัปสรนภาหัวเราะคิก เอื้อมมือไปกุมมือของคนที่เธอรักเสมือนพี่น้องคลานตามกันมา ศกุนตลายิ้มรับพร้อมกับวางมืออีกข้างทับหลังมือของคนที่ฉุดเธอขึ้นมาจากดินแดนอันเหน็บหนาวเป็นคนแรก คนที่เธอวางใจพร้อมจะแบ่งปันสุขทุกข์ร่วมกัน สองสาวนั่งจ้องภาพถ่ายหน้าตรงบนเจดีย์อีกครู่ใหญ่ๆ ยิ่งพิศยิ่งมองจนบางครั้งก็คล้ายกับเห็นมุมปากของคนในภาพแย้มขึ้นเป็นรอยยิ้ม เมื่อสมควรแก่เวลาอัปสรนภากับศกุนตลาจึงลุกขึ้น อนิลบถกับคุณหญิงบุหงานำพวงมาลัยดอกไม้ไปวางบนเจดีย์ ก่อนที่ทั้งสี่จะร่นถอยออกมานั่งที่ศาลา ให้เวลาอดีตผู้บังคับบัญชาได้สนทนากับลูกน้องคนสนิทเป็นการส่วนตัว

   “ปักษาเป็นเด็กดี จิตใจดีเหมือนสกุณไม่มีผิด” พลโทนภนั่งมองภาพของคนสนิทผู้ล่วงลับแล้วยกมุมปากขึ้น ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆให้ฟัง บางครั้งก็ปรับทุกข์ในเรื่องหน้าที่การงาน ภารกิจต่างๆที่ได้รับมอบหมาย หรือแม้กระทั่งความไม่สงบตามแนวชายแดนที่บุตรชายรับผิดชอบอยู่

   “นายคงกำลังหาว่าพี่ยิ่งแก่ยิ่งขี้บ่นอยู่สิท่า อย่าว่าแต่นายเลยบุหงาเองก็แอบเหน็บหลายหน คงมีแต่ปักษาคนเดียวที่ทนฟังพี่บ่นได้ทั้งวัน วันไหนที่พี่อยู่บ้านก็จะต้มน้ำมะตูม น้ำขิง น้ำตะไคร้ ไว้ให้จิบ สงสัยจะกลัวพี่คอแห้งกระมัง”

   พลโทนภหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ เอื้อมมือไปแตะใบหน้าของร้อยเอกสกุณแล้วลูบแผ่วเบา “เด็กๆคงหิวแล้ว วันนี้ก็เหมือนเดิมทำอาหารกินกันที่บ้าน อีกไม่นานเราคงได้นั่งคุยกันทั้งวัน อยู่บนโน้นให้สบาย ไม่ต้องห่วงปักษา พี่จะทำหน้าที่พ่อแทนนายให้ดีที่สุด”

 

   บุนนาคต้นใหญ่แผ่กิ่งใบเดี่ยวเรียงสลับปกคลุมบริเวณสวนหลังบ้านวงศ์คคนานต์ ฝั่งที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาให้ร่มรื่น เย็นสบาย ดอกสีขาวรูปไข่ปลายกลีบย่นกำจายกลิ่นหอมเย็นคลุ้งไปทั่วบริเวณ เหมาะแก่การจัดโต๊ะนั่งสังสรรค์ พลโทนภ คุณหญิงบุหงา อนิลบถ และมนตรี นั่งโต๊ะกลมห่างจากโต๊ะยาวที่จัดไว้สำหรับเจ้าของวันเกิดและกลุ่มเพื่อนไม่ไกลนัก 

“ไม่ได้ชิมฝีมือคุณน้าเสียหลายปี วันนี้ผมจะกินให้หนำใจ” มนตรีเอ่ยกับคุณหญิงบุหงาขณะตักข้าวมันไก่ขึ้นรับประทาน

“น้าไม่ได้ทำหรอกพ่อมนตรี ข้าวมันไก่ฝีมือคนโน้นแหน่ะ” คุณหญิงบุหงาตอบพลางพยักพเยิดไปทางกลุ่มหญิงสาวที่นั่งกันอยู่บนโต๊ะยาว

“ข้าวมันไก่นี่ ...” มนตรีมองตาม ก่อนจะเบิกตาเอ่ยถามน้ำเสียงที่พยายามกลบเกลื่อนความความเคลือบแคลงใจเอาไว้อย่างสุดความสามารถ “ฝีมือนภาอย่างนั้นหรือครับ”

ถึงแม้ว่ามนตรีจะพยายามกลบเกลื่อนความประหลาดใจไว้สักเพียงใด แต่สีหน้าและแววตากลับเปิดเปรยทุกความแคลงใจ อนิลบถหลุดเสียงหัวเราะกับปฏิกิริยานั้น ซึ่งไม่ต่างกันเลยกับคุณหญิงบุหงาและพลโทนภ

“หากเป็นฝีมือนภา นายคงได้นั่งเล่นในห้องน้ำทั้งวัน” อนิลบถว่า

“อ้อ ...” มนตรีเกาท้ายทอย เพราะก่อนหน้านั้นเขากินข้าวมันไก่ไปหลายคำ จึงตกใจไม่น้อย อดจินตนาการไม่ได้ว่าหากเป็นฝีมือของอัปสรนภา เธอจะแอบวางยาอะไรเอาไว้บ้าง

“ตามสบายนะมนตรี ไม่ต้องกังวลเรื่องท้องไส้ เมนูวันนี้นภาทำมากที่สุดแค่ล้างผัก” พลโทนภว่า 

“ขอบคุณครับ” มนตรีตอบรับพร้อมยิ้ม จากนั้นบทสนทนาบนโต๊ะกลมจึงเวียนไปที่การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารความไม่สงบของชายแดน ในส่วนของคุณหญิงบุหงานั้นแม้นจะเป็นหญิงแต่เธอก็รับรู้เรื่องงานของสามีและบุตรชายพอสมควร และเธอก็ฉลาดพอที่จะรับฟังด้วยความสงบ จนกระทั่ง ...

“หนีไปเข้าครัวอีกแล้ว” คุณหญิงบุหงาเอียงหน้าขึ้นเอ่ยกับเจ้าของมือวางที่เพิ่งวางชุดกาน้ำชาลงบนโต๊ะ

ศกุนตลาคลี่ยิ้มหวานตอบรับ ขณะรินชาร้อนใส่แก้วแล้วเลื่อนไปวางข้างๆแก้วน้ำของพลโทนภ คุณหญิงบุหงา อนิลบถ และมนตรี 

เมื่อรินน้ำชาครบแล้วจึงย่อตัวลงนั่งบนเก้าอี้ติดกับคุณหญิงบุหงา จดปลายดินสอลงบนหน้าสมุดแล้วเลื่อนออกไปข้างๆ

   คุณหญิงบุหงาหลุบตาลงอ่านแล้วระบายยิ้ม จิ้มนิ้วชี้ลงบนหน้าผากมน “เรื่องรู้ใจคุณลุงไม่มีใครเกิน”

   “หือ ...” พลโทนภเอียงหน้ามองภริยาและหลานสาว คุณหญิงบุหงาจึงเลื่อนสมุดออกไปตรงกลาง พลโทนภ อนิลบถ และมนตรีจึงชะเง้อออกไปอ่านพร้อมกัน

‘ชาร้อนคู่กับข้าวมันไก่ค่ะ’

เมื่ออ่านจบพลโทนภกับอนิลบถระบายยิ้ม ในขณะที่มนตรีขมวดหัวคิ้วเป็นปม

“คุณพ่อชอบจิบชาเวลากินข้าวมันไก่น่ะ” อนิลบถช่วยคลายข้อสงสัย

“อ้อ” มนตรีพยักหน้ารับ 

“มัวแต่ห่วงคนนั้นคนนี้ ได้กินข้าวกินปลาบ้างหรือยัง หืม” พลโทนภเอ่ยถามคนที่ช่วยเจ้าของงานวันเกิดดูแลแขกเหรื่อมาตั้งแต่แขกคนแรกเดินทางมาถึง ซึ่งก็ใช่ใครอื่นไกล เรืออากาศเอกมนตรี อดีตคู่ปรับเก่าของเจ้าของวันเกิดนั่นเอง

‘ปักษากินจนพุงกางแล้วค่ะ’

ศกุนตลาเขียนตอบลงบนหน้าสมุด

“เย็นนี้อย่าให้พี่ได้ยินเสียงท้องร้องนะคะ จะตีให้เนื้อเขียวเชียว” อนิลบถเหลือบอ่านคำตอบพร้อมบิดาแล้วเบนสายตาไปจ้องจับผิดคนที่นั่งอมยิ้มอยู่ข้างมารดา

ศกุนตลาย่นจมูก ก้มหน้าลงจดปลายดินสออีกรอบ

‘เกิดปักษาเนื้อเขียวขึ้นมาจริงๆ ใครกันจะช่วยทายา’

   คราวนี้เป็นมนตรีที่ยืดคอไปอ่านคำตอบพร้อมเพื่อนสนิท นายทหารหนุ่มหัวเราะชอบใจ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับคนข้างๆ “เอาเป็นว่าถ้านายตีน้องจนเนื้อเขียว ฉันขออาสาเป็นคนทายาให้เองก็แล้วกัน”

   “...”

   อนิลบถเผลอชักสีหน้าไม่พอใจ จนพลโทนภต้องกระแอมเตือน คนหวงน้องจึงได้สติ แต่กระนั้นก็ยังไม่วายใช้น้ำเสียงเยือกเย็นในการตอบ “หากวันไหนฉันพลั้งมือตีน้อง เรื่องคงไปไม่ถึงหูนายดอก ฉันคงโดนนภาจับกดสระบัวเข้าโรงหมอไปอีกคน”

   ศกุนตลายกมือขึ้นปิดปากแล้วหัวเราะร่วน อนิลบถจึงแกล้งหรี่ตาลง เอ่ยถามเสียงเข้ม “ขำไปเถิด หากนภาเกิดอุตริจับพี่กดน้ำจริง ปักษาไม่คิดจะช่วยเลยหรือไร”  

   ศกุนตลาเอื้อมมือไปเลื่อนสมุดกลับมาเขียนอีกรอบ แล้วเลื่อนกลับไปวางตรงจุดเดิม

   ‘ช่วยสิคะ’

   อนิลบถยิ้มแล้วยักคิ้วให้มนตรีอย่างเป็นต่อ ถึงแม้นจะไม่เข้าใจตัวเองว่าด้วยเหตุใด แต่อย่างน้อยก็เพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาคือคนสำคัญที่สุดของศกุนตลา แต่อนิลบถก็ยิ้มกว้างได้เพียงเสี้ยวนาที เมื่อหญิงสาวเจ้าของสมุดดึงสมุดกลับมาเขียนอีกรอบ

   ‘ปักษาจะช่วยนภากดเต็มแรงเทียว’

คราวนี้เป็นเสียงหัวเราะของพลโทนภ คุณหญิงบุหงา และมนตรี ยิ่งคนสุดท้ายก็ยิ่งไม่เก็บอาการ 

“ฉันเชื่อนายแล้วล่ะ ว่าปักษาตามนภาไปติดๆ”

“ผมขอจับปักษาแยกกับนภาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” อนิลบถแยกเขี้ยวใส่คนช่างแกล้ง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับบิดามารดา

ศกุนตลาเลื่อนสมุดมาขีดเขียนอีกรอบ ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งไปนั่งคุกเข่าบนสนามหญ้า เกยคางลงบนตักแกร่ง แล้วยื่นสมุดไปวางบนโต๊ะ

‘ว่าแต่ปักษาแสบเหมือนนภา ไม่คิดว่านภาแสบตามปักษาบ้างหรือคะ’

“ฉันชักเริ่มจะคิดแบบนี้แล้วสิ” มนตรีว่าหลังจากยืดคออ่านตัวหนังสือบนสมุด

อนิลหัวเราะในลำคอ วางฝ่ามือลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มแล้วโยกศีรษะเล็กเล่นอย่างไม่แรงนัก “จะง้อพี่หรือออกตัวแทนนภากันแน่ หืม”

ศกุนตลาเอียงหน้าขึ้นยิ้มตาหยี พร้อมขยี้ปลายคางลงบนหน้าขาของคนเป็นพี่ อนิลบถจึงเลื่อนมือมาบีบปลายจมูกรั้นแล้วโยกอย่างไม่แรงนัก “กินข้าวให้พี่ดูสักครึ่งจานก่อนแล้วค่อยมาเจรจากันอีกรอบ”

ศกุนตลาเม้มปากแล้วเอียงหน้าขึ้นสบตาพลโทนภกับคุณหญิงบุหงาคล้ายหาตัวช่วย ทว่า ...

“นั่นสิ ป้าก็ยังไม่เห็นเรากินอะไรกับเขาเสียที” คุณหญิงบุหงาว่า ด้วยเธอสังเกตกลุ่มสาวๆโต๊ะยาวเป็นระยะ และทุกครั้งที่เหลือบมอง จะพบว่าศกุนตลากำลังเอียงคอมองคนนั้นคนนี้โดยไม่แตะต้องอาหารแม้แต่น้อย

เมื่อคุณป้าบุหงาที่แสนใจดีสรุปเช่นนั้น ศกุนตลาจึงได้แต่เดินไหล่ลู่กลับมานั่งบนเก้าอี้ตามเดิม อนิลบถกวักมือเรียกผ่องให้มาตักข้าว แล้วกำราบคนที่คอยดูแลคนนั้นคนนี้จนลืมนึกถึงตัวเองให้กินข้าวผ่านทางสายตา

“กินเยอะๆนะครับ พี่ว่าปักษาซูบลงกว่าสามปีก่อน” มนตรีลุกขึ้นเพื่อตักอาหารบนโต๊ะไปวางบนจานข้าวของหญิงสาว

ศกุนตลาวางช้อนส้อมในมือลงแล้วประนมมือไหว้ ในขณะที่อนิลบถเขม้นตามองเพื่อนสนิทที่กำลังอมยิ้มข้างๆคล้ายขัดใจ

“ใครมากัน” คุณหญิงบุหงาชะเง้อคอมองตามนายทหารในชุดเครื่องแบบเต็มยศที่เดินตามแผน ผู้เป็นคนสวนเข้ามาด้วยความสงสัย

“คุณเขาแจ้งว่ามาพบคุณเวหาครับ” แผนรายงาน

“หือ ...” อนิลบถสบตาบิดาแล้วหันไปมองมนตรี ด้วยรู้จักนายทหารคนดังกล่าวดี จึงรับรู้โดยสัญชาตญาณว่าในขณะที่พวกเขานั่งสังสรรค์กันอยู่นั้น บริเวณชายแดนกำลังประสบกับปัญหาใด

นายทหารคนสนิทของผู้บังคับบัญชาสูงสุดในกองบินทำความเคารพพลโทนภ อนิลบถ และมนตรี ก่อนแจ้งเรื่องสำคัญ “ท่านเรียกให้เข้ากองบินด่วนครับ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น